ฟิลเลอร์ Juvederm คืออะไร มีทั้งหมดกี่รุ่น แตกต่างกันอย่างไร
ฟิลเลอร์ Juvederm , Juvederm
ฟิลเลอร์ Juvederm คืออะไร มีจุดเด่นอะไรบ้าง เหมาะกับฉีดบริเวณไหน
Juvederm ฟิลเลอร์ เป็นอีกหนึ่งในยี่ห้อฟิลเลอร์ที่นิยมน้ำมาใช้ในวงการเสริมความงาม ซึ่ง Juvederm ฟิลเลอร์ ช่วยในการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนมากขึ้น เหมาะสำหรับฉีดปรับรูปหน้าบริเวณคางและปาก แก้มส้ม แก้มตอบ เป็นต้น
ถ้าใครยังสงสัยอยู่ว่า Juvederm ฟิลเลอร์ คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร อันตรายหรือไม่ ต้องอ่านบทความนี้ให้จบ เพราะเราสรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับ Juvederm ฟิลเลอร์ มาให้แล้ว
รวมทุกหัวข้อของ Juvederm ฟิลเลอร์
- Juvederm ฟิลเลอร์ คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร
- Juvederm ฟิลเลอร์ มีทั้งหมดกี่รุ่น อะไรบ้าง
- Juvederm ฟิลเลอร์ ต่างจากฟิลเลอร์ชนิดอื่นอย่างไร
- Juvederm ฟิลเลอร์ ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
- ข้อควรระวังของ Juvederm ฟิลเลอร์
- Juvederm ฟิลเลอร์ ฉีดตรงจุดไหนได้บ้าง
- ใครเหมาะกับการทำหัตถการ Juvederm ฟิลเลอร์
- ใครควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการ Juvederm ฟิลเลอร์
- วิธีเช็ค Juvederm ฟิลเลอร์ ของแท้
- เตรียมตัวก่อนฉีด Juvederm ฟิลเลอร์
- การดูแลตัวเองหลังฉีด Juvederm ฟิลเลอร์
- ผลลัพธ์หลังฉีด Juvederm ฟิลเลอร์
- คำถามยอดฮิตของ Juvederm ฟิลเลอร์
1.สามารถฉีด Juvederm ฟิลเลอร์ ร่วมกับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นได้ไหม
2.Juvederm ฟิลเลอร์ อยู่ได้นานแค่ไหน
3.Juvederm ฟิลเลอร์ อันตรายหรือไม่
- สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับ Juvederm ฟิลเลอร์
Juvederm ฟิลเลอร์ คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร
Juvederm เป็นฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ในผิวมนุษย์ ทำหน้าที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น
ฟิลเลอร์กลุ่มนี้สามารถสลายได้เองตามกระบวนการของร่างกาย จึงเป็นตัวเลือกที่นิยมใช้ในด้านความ Juvederm ได้รับการรับรองมาตรฐานจากหลายประเทศ มั่นใจได้ว่าไม่เป็นอันตรายต่อผิวของเราอย่างแน่นอน
หลักการทำงานของฟิลเลอร์ Juvederm
หลังจากฉีดเข้าไป ฟิลเลอร์ Juvederm จะทำหน้าที่ดังนี้
1.ฟิลเลอร์ Juvederm ช่วยเติมเต็มปัญหาบริเวณที่มีการยุบตัว
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ไขมันและคอลลาเจนใต้ผิวลดลง ทำให้ผิวบริเวณบางจุดยุบตัว ฟิลเลอร์ Juvederm สามารถช่วยให้บริเวณนั้นดูเต็มขึ้น
2.ฟิลเลอร์ Juvederm ช่วยเสริมโครงสร้างบางจุด
รุ่นฟิลเลอร์ Juvederm ที่มีความคงตัวมากขึ้นสามารถใช้เสริมคาง โหนกแก้ม หรือปรับมิติใบหน้า เพื่อให้เกิดความสมดุลตามที่แพทย์ประเมิน
3.ฟิลเลอร์ Juvederm เพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่น
เนื่องจากไฮยาลูโรนิก แอซิดสามารถดึงและกักเก็บน้ำได้ดี ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น
4.ฟิลเลอร์ Juvederm สลายได้ตามกระบวนการทำงานของร่างกาย
ฟิลเลอร์ประเภทนี้เป็นสารที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้ ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าแบบไม่ถาวร
Juvederm ฟิลเลอร์ มีทั้งหมดกี่รุ่น อะไรบ้าง
ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) ที่มีหลายรุ่นให้เลือก ซึ่งแต่ละรุ่นถูกออกแบบให้แตกต่างกันทั้งด้านเนื้อเจล ความยืดหยุ่น และเทคโนโลยีการผลิต เพื่อให้แพทย์สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับบริเวณที่ต้องการแก้ไขได้ตอบโจทย์ปัญหาที่คนไข้กังวลใจมากที่สุด
ในประเทศไทย รุ่นที่คลินิกความงามมักเลือกใช้และผ่านการขึ้นทะเบียน มีฟิลเลอร์ Juvederm ทั้งหมด 6 รุ่นหลัก ดังนี้
1.Juvederm Ultra Plus
ฟิลเลอร์ Juvederm Ultra Plus รุ่นนี้มีลักษณะ เนื้อนุ่มและฟูค่อนข้างมาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องลึกจากอายุที่เพิ่มขึ้น เช่น ร่องแก้ม หรือร่องบริเวณมุมปาก เนื้อเจลที่ฟูช่วยให้บริเวณที่ยุบตัวดูเต็มขึ้น
ระยะเวลาการคงอยู่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพผิวและบริเวณที่ฉีด แต่โดยทั่วไปมักอยู่ได้ประมาณ ราว 12 เดือน
2.Juvederm Voluma
Juvederm Voluma รุ่นนี้เป็นฟิลเลอร์ที่มี เนื้อคงตัวและมีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูง โครงสร้างเจลค่อนข้างแน่น ทำให้สามารถช่วยปรับรูปหน้าและเติมส่วนที่ต้องการความชัดเจนได้ดี เช่น โหนกแก้ม คาง หรือขมับ
ในหลายกรณีถูกนำมาใช้บริเวณใต้ตาและร่องแก้มตามความเหมาะสม
โดยทั่วไปผลลัพธ์มักอยู่ได้ประมาณ ใกล้เคียง 18 เดือน
3.Juvederm Volift
Juvederm Volift รุ่นนี้ถูกออกแบบให้มีเนื้อเจล นุ่มและละเอียดมาก จึงเหมาะสำหรับผิวที่บางหรือบริเวณที่ต้องการความละมุน ไม่แข็งตึง เช่น ใต้ตา ร่องมุมปาก หรือร่องแก้มที่ไม่ลึกมาก
เนื้อเจลที่ละเอียดช่วยเก็บรายละเอียดร่องตื้นได้ดี ระยะเวลาการคงอยู่มักประมาณ ราว 12 เดือน
4.Juvederm Volbella
Volbella เป็นฟิลเลอร์ที่มี เนื้อเจลละเอียดที่สุดในกลุ่ม Juvederm โครงสร้างเจลมีลักษณะบางเบา จึงเหมาะกับจุดที่ต้องการความเรียบเนียน เช่น หน้าผาก หรือบริเวณที่ต้องการผลลัพธ์เป็นธรรมชาติสูง
ด้วยความละเอียดของเนื้อเจลของ Juvederm Volbella มักให้ความรู้สึกเรียบเนียนหลังฉีด ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ ราว 12 เดือน
5.Juvederm Volite
Juvederm Volite เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับ การปรับคุณภาพผิว มากกว่าการปรับรูปหน้า เนื้อเจลมีความละเอียดและเกลี่ยง่าย เหมาะกับผิวชั้นตื้นหรือบริเวณใต้ตาที่ต้องการความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวดูเรียบขึ้นและชุ่มชื้นขึ้นหลังทำ
ผลลัพธ์โดยทั่วไปอยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน
6.Juvederm Volux
Volux เป็นฟิลเลอร์รุ่นที่ถูกพัฒนาให้มีลักษณะ คงตัวมากที่สุด ในกลุ่ม Juvederm เนื้อเจลมีความแข็งและมีโมเลกุลขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับช่วยเสริมโครงสร้าง เช่น
• คาง
• กรอบหน้า
• ขมับ
• ร่องลึกบางตำแหน่ง
สามารถช่วยให้รูปหน้าได้สัดส่วนชัดเจนขึ้นตามเทคนิคของแพทย์
ผลลัพธ์มักอยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือน
Juvederm ฟิลเลอร์ ต่างจากฟิลเลอร์ชนิดอื่นอย่างไร
ฟิลเลอร์ในท้องตลาดมีหลายยี่ห้อและหลายรุ่น ซึ่งแต่ละแบรนด์มีเทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกัน ทำให้คุณสมบัติของเนื้อเจลไม่เหมือนกัน เช่น ความแข็ง ความยืดหยุ่น ระดับความฟู ความเรียบเนียน หรือความเหมาะสมกับตำแหน่งที่ต้องการแก้ไข
ดังนั้น แพทย์จึงต้องเลือกฟิลเลอร์ให้เหมาะกับปัญหาและสภาพผิวของผู้เข้ารับบริการ ไม่มียี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งที่ “ดีที่สุด” สำหรับทุกตำแหน่งบนใบหน้า แต่ละแบรนด์จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน
ด้านล่างนี้คือภาพรวมของฟิลเลอร์แต่ละกลุ่มเพื่อให้เห็นความแตกต่างชัดเจนมากขึ้น
จุดเด่นของฟิลเลอร์แต่ละแบรนด์
1.Restylane
• จุดเด่นของแบรนด์นี้คือ ความหลากหลายของขนาดโมเลกุล
• มีรุ่นที่ให้เนื้อเจลค่อนข้างคงตัว เหมาะสำหรับจุดที่ต้องการ “พยุงผิว”
• ความแข็งแรงของเจลทำให้เหมาะกับบริเวณที่ต้องการการยก เช่น โหนกแก้ม หรือคาง
• มีหลายรุ่นให้แพทย์เลือกใช้ตามความลึกของผิวและปัญหาในแต่ละตำแหน่ง
2.Perfectha
• ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ช่วยให้เนื้อเจลมี ความยืดหยุ่นและความหนืดสูง
• โครงสร้างฟิลเลอร์มีความคงตัวพอสมควร จึงเหมาะกับตำแหน่งที่ต้องการความชัดเจนและเก็บรูปทรง
• เนื้อเจลถูกออกแบบมาให้เกาะตัวดีและค่อย ๆ สลายตามกระบวนการทำงานของร่างกาย
3.Belotero
• มีหลายรุ่นเช่นกัน โดยแต่ละรุ่นออกแบบให้เหมาะกับชั้นผิวที่ต่างกัน
• จุดเด่นคือเนื้อเจลที่ กระจายตัวได้ดีและมีความเรียบสม่ำเสมอ
• เหมาะสำหรับใช้ปรับบริเวณที่มีการยุบตัวจากอายุ เช่น ร่องแก้ม หรือแก้มตอบ
• รุ่นที่คงตัวมากขึ้นสามารถใช้เสริมโครงสร้างบางตำแหน่งได้
ฟิลเลอร์ Juvederm แตกต่างอย่างไร ?
จุดเด่นสำคัญของ Juvederm คือ ความเรียบเนียนของเนื้อเจล
ฟิลเลอร์ Juvederm ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทำให้เนื้อเจลมีความละเอียดสูง จึงช่วยให้ผลลัพธ์หลังฉีดมีความนุ่มและละมุน เหมาะกับจุดที่ต้องการความเนียน เช่น
• ใต้ตา
• ร่องแก้ม
• ร่องมุมปาก
• ปาก
• คาง
• ขมับ
• แก้มตอบ
แต่ละรุ่นของ Juvederm จะถูกออกแบบให้มีความคงตัวไม่เท่ากัน เพื่อให้แพทย์เลือกใช้ให้เหมาะสม เช่น
• รุ่นที่นิ่มกว่าเหมาะกับใต้ตา
• รุ่นที่คงตัวขึ้นเหมาะกับคางหรือกรอบหน้า
แพทย์จะเป็นผู้ประเมินความเหมาะสมของรุ่นต่าง ๆ โดยอธิบายคุณสมบัติ ข้อพิจารณา และงบประมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและไม่อันตราย
Juvederm ฟิลเลอร์ ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
ฟิลเลอร์ Juvederm มีประโยชน์ดังนี้
• Juvederm ช่วยเติมเต็มร่องลึกหรือร่องตื้นบนใบหน้า
• Juvederm ช่วยเพิ่มความอิ่มฟูให้ผิวที่มีการยุบตัว
• Juvederm ช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน เช่น คางหรือขมับ
• Juvederm ช่วยเติมเต็มแก้มตอบเพื่อให้ใบหน้าดูสมดุลขึ้น
• Juvederm ช่วยช่วยให้ผิวบางจุดมีความเรียบเนียนมากขึ้น
แพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าบริเวณใดควรใช้เทคโนโลยีแบบใดและรุ่นไหนของ Juvederm เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของผู้เข้ารับบริการมากที่สุด
ข้อควรระวังของ Juvederm ฟิลเลอร์
แม้ว่า Juvederm จะเป็นฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) ที่มีมาตรฐานการผลิตสูงและผ่านการรับรองจากหลายประเทศ แต่การฉีดฟิลเลอร์ถือเป็นการทำหัตถการที่ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์และความปลอดภัยของสถานพยาบาล ดังนั้น การทำฟิลเลอร์จึงควรมี ข้อควรระวัง ดังต่อไปนี้
1.ควรฉีด Juvederm โดยแพทย์เท่านั้น
การฉีดฟิลเลอร์ Juvederm เกี่ยวข้องกับ
• ชั้นผิว
• เส้นเลือด
• จุดเสี่ยงบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า
แพทย์ที่มีความรู้ด้านกายวิภาคและมีประสบการณ์จะสามารถประเมินตำแหน่ง ความลึก และปริมาณที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงเรื่องฟกช้ำ บวม หรือการวางฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง
2.ต้องตรวจสอบแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ Juvederm
ควรเลือกฟิลเลอร์ที่
• ผ่านการขึ้นทะเบียน อย.
• มีสติกเกอร์ลอตผลิต
• สามารถตรวจสอบได้
• เปิดกล่องต่อหน้า
เพื่อป้องกันการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ใช่ของแท้ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้
3.ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้าก่อนฉีดฟิลเลอร์ Juvederm
แม้ฟิลเลอร์ HA จะเป็นสารที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้ แต่ผู้ที่มีภาวะบางอย่างควรได้รับการประเมินเป็นพิเศษ
4.ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ Juvederm ในที่ที่ไม่ใช่สถานพยาบาล
ควรเลือกคลินิกที่มี
• ใบอนุญาตประกอบการ
• ห้องหัตถการที่เหมาะสม
• อุปกรณ์ช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน
• ระบบปลอดเชื้อ
เพื่อให้มั่นใจว่าการรักษาเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัยตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข
5.หลีกเลี่ยงการจับ กด หรือบีบบริเวณที่ฉีดทันทีหลังทำ ฟิลเลอร์ Juvederm
Juvederm ฟิลเลอร์ ฉีดตรงจุดไหนได้บ้าง
ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) ที่ถูกออกแบบมาให้มีหลายรุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นมีความนุ่ม ความยืดหยุ่น และความคงตัวที่แตกต่างกัน ทำให้สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับปัญหาและตำแหน่งบนใบหน้าได้หลากหลาย จุดที่นิยมฉีดมากที่สุดมีดังนี้
1.ใต้ตา
เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องลึกหรือเงาใต้ตาชัด Juvederm ฟิลเลอร์รุ่นที่มีเนื้อนิ่มและละเอียดจะช่วยเติมเต็มอย่างละมุน เหมาะกับผิวบริเวณนี้ที่ค่อนข้างบาง
2.ร่องแก้ม
บริเวณนี้มักเกิดจากการยุบตัวของเนื้อเยื่อเมื่ออายุมากขึ้น Juvederm ฟิลเลอร์รุ่นที่มีความคงตัวปานกลางถึงสูงสามารถช่วยให้ร่องดูเรียบขึ้น และทำให้หน้าดูสดใสขึ้น
3.มุมปาก (ร่องมุมปากตก)
เหมาะสำหรับผู้ที่มีมุมปากตกหรือร่องลึก ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า การเติม Juvederm ฟิลเลอร์สามารถช่วยให้มุมปากดูยกขึ้นแบบไม่ตึงจนเกินไป
4.ริมฝีปาก
ต้องใช้ Juvederm ฟิลเลอร์ที่มีความนุ่มยืดหยุ่น เพื่อให้ริมฝีปากดูอิ่มแต่ยังมีความละมุน ควรเป็นเนื้อฟิลเลอร์ที่ไม่แข็งจนเกินไปเพื่อให้เคลื่อนไหวได้ดี
5.โหนกแก้ม
การฉีด Juvederm ฟิลเลอร์ที่โหนกแก้มช่วยเพิ่มมิติให้ใบหน้า ทำให้รูปหน้าได้สัดส่วนมากขึ้น รุ่นที่มีความคงตัวมากกว่าเหมาะกับบริเวณนี้
6.ขมับ
ขมับตอบสามารถทำให้ใบหน้าดูแข็งหรือดูโทรม Juvederm ฟิลเลอร์ช่วยให้ใบหน้าดูอิ่มฟูขึ้นอย่างสมดุล รุ่นที่ใช้มักต้องมีความยืดหยุ่นและคงตัวพอสมควร
7.คาง
เป็นตำแหน่งที่ต้องการความชัดเจนของโครงสร้าง ควรใช้ Juvederm ฟิลเลอร์รุ่นที่มีความคงตัวสูงเพื่อช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน เช่น คางเรียวหรือคางยาวขึ้นตามการประเมินของแพทย์
เลือกฟิลเลอร์ Juvederm แต่ละรุ่นตามตำแหน่งที่เหมาะสม
เนื่องจาก Juvederm มีหลายรุ่น คุณสมบัติของแต่ละรุ่นจึงเหมาะกับจุดต่าง ๆ เช่น
• Juvederm รุ่นเนื้อนุ่ม
เหมาะสำหรับฉีดบริเวณริมฝีปากและใต้ตาที่ต้องการความละเอียดสูง
• Juvederm รุ่นที่มีความคงตัวปานกลางถึงสูง
เหมาะสำหรับคาง ขมับ หรือร่องแก้ม
• Juvederm รุ่นที่มีความยืดหยุ่นดี
เหมาะสำหรับการปรับรูปหน้าให้กลมกลืน เช่น โหนกแก้มหรือมุมต่าง ๆ
แพทย์จะเป็นผู้ประเมินความเหมาะสมของรุ่น Juvederm ฟิลเลอร์ในแต่ละจุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะกับใบหน้าของแต่ละบุคคล
ใครเหมาะกับการทำหัตถการ Juvederm ฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ Juvederm เป็นหัตถการที่ช่วยเติมเต็มผิวหรือปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนมากขึ้น โดยใช้สารไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ซึ่งเป็นสารที่พบในร่างกาย
ผู้ที่เหมาะกับการทำฟิลเลอร์ Juvederm ควรมีคุณสมบัติที่เหมาะสมและผ่านการประเมินจากแพทย์ก่อนเสมอ
ต่อไปนี้คือกลุ่มคนที่เหมาะกับการทำฟิลเลอร์ Juvederm
1.ผู้ที่มีร่องลึกหรือผิวดูอ่อนล้าจากวัย
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น เนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวลดลง ทำให้เกิดร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องมุมปาก หรือใต้ตาคล้ำเป็นเงา ฟิลเลอร์ Juvederm สามารถช่วยเติมบริเวณที่ยุบตัว ให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น
2.ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาดูโทรม หรือมีร่องใต้ตาชัด
ผู้ที่มีร่องใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยหรืออ่อนเพลียตลอดเวลา ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่นที่มีเนื้อเจลละเอียดสามารถใช้เติมให้ร่องดูเรียบขึ้นได้ โดยแพทย์เป็นผู้ประเมินความเหมาะสมของเนื้อฟิลเลอร์และปริมาณที่ใช้
3.ผู้ที่ต้องการเพิ่มมิติให้ใบหน้า
เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างบางตำแหน่ง เช่น
• ทำให้โหนกแก้มชัดขึ้น
• เติมคางให้รูปหน้าได้สัดส่วน
• เติมขมับที่ตอบให้ดูเต็มขึ้น
Juvederm ฟิลเลอร์รุ่นที่มีความคงตัวสูงเหมาะกับงานด้านมิติของใบหน้า
4.ผู้ที่ต้องการปรับรูปปากหรือเพิ่มความอิ่มฟู
คนที่ต้องการปรับบริเวณริมฝีปากให้ดูมีรูปทรงหรือมีความอิ่มขึ้น แต่ยังคงความยืดหยุ่นในการขยับ Juvederm ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อเจลนิ่มเหมาะกับบริเวณนี้
5.ผู้ที่ต้องการปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้น
Juvederm ฟิลเลอร์บางรุ่น เช่นฟิลเลอร์ที่ออกแบบสำหรับผิวชั้นตื้น สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความเรียบเนียน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้น
6.ผู้ที่ต้องการแก้ไขความไม่สมดุลของใบหน้า
Juvederm ฟิลเลอร์เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใบหน้าไม่เท่ากันบางส่วน เช่น คางสั้นด้านเดียว ขมับไม่เท่ากัน หรือร่องลึกไม่สมดุล ฟิลเลอร์สามารถช่วยให้รูปหน้าดูกลมกลืนมากขึ้น
ใครควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการ Juvederm ฟิลเลอร์
แม้ฟิลเลอร์ Juvederm จะเป็นสารไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) ที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้ แต่ก็มีบางกรณีที่ ไม่ควรทำ Juvederm ฟิลเลอร์ หรือควรได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดเป็นพิเศษ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้รับบริการ
ต่อไปนี้คือกลุ่มบุคคลที่ควรหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ Juvederm
1.ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ยังไม่มีข้อมูลยืนยันด้านความปลอดภัยของการฉีด Juvederm ฟิลเลอร์อย่างชัดเจน จึงควรหลีกเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และเด็ก
2.ผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณใบหน้า
หากมีสิวอักเสบ ผื่นติดเชื้อ เริม หรือแผลติดเชื้อบริเวณที่ต้องการฉีด ควรเลื่อนการทำหัตถการจนกว่าผิวจะหายดี เพราะการฉีด Juvederm ฟิลเลอร์ขณะมีการอักเสบอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน
3.ผู้ที่แพ้สารประกอบบางชนิดในฟิลเลอร์หรือยาชา
แม้ฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิก แอซิดจะมีไม่เป็นอันตรายต่อผิว แต่บางคนอาจแพ้สารผสมบางชนิด เช่น ยาชาที่ผสมในฟิลเลอร์บางรุ่น จึงควรแจ้งประวัติแพ้ยาหรือแพ้สารต่าง ๆ ให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง
4.ผู้ที่เคยมีประวัติแพ้รุนแรง (Anaphylaxis)
ผู้ที่เคยมีประวัติแพ้ขั้นรุนแรง ควรหลีกเลี่ยงหรือให้แพทย์ประเมินอย่างรอบคอบ เนื่องจากมีความเสี่ยงมากกว่าปกติในการเกิดอาการแพ้หลังการฉีด Juvederm ฟิลเลอร์
5.ผู้ที่มีโรคผิวหนังในบริเวณที่จะฉีด เช่น โรคเรื้อรังที่ส่งผลต่อการสมานตัวของผิว
ผู้ที่มีโรคผิวหนังบางชนิด เช่น
• ผิวหนังอักเสบเรื้อรัง
• โรคภูมิแพ้ผิวหนังเฉพาะจุด
• โรคที่ทำให้การสมานแผลช้ากว่าปกติ
ควรรับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนว่าควรฉีด Juvederm ฟิลเลอร์ได้หรือไม่
6.ผู้ที่กำลังรับประทานยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
เช่น
• ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
• แอสไพริน
• วิตามิน หรืออาหารเสริมบางชนิดที่ทำให้เลือดออกง่าย
อาจทำให้เกิดรอยช้ำหรือเลือดออกง่ายขึ้นหลังการฉีด Juvederm ฟิลเลอร์ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบล่วงหน้าเสมอ เพื่อให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาอย่างถูกต้อง
7.ผู้ที่มีความผิดปกติด้านระบบภูมิคุ้มกันบางประเภท
เช่น โรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันหรือกำลังใช้ยากดภูมิ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลอย่างใกล้ชิดก่อนตัดสินใจทำฟิลเลอร์ Juvederm
8.ผู้ที่เคยมีการฉีดสารอื่นที่ไม่ใช่ Hyaluronic Acid ในจุดเดียวกันมาก่อน
หากเคยฉีดสารชนิดอื่น เช่น ซิลิโคนเหลว หรือสารเติมเต็มที่ไม่สามารถสลายได้เอง อาจมีผลต่อการวางฟิลเลอร์ใหม่ ทำให้เสี่ยงต่อการอุดตันหรือการอักเสบ จึงต้องใช้ความระมัดระวังและต้องให้แพทย์ประเมินเป็นรายกรณี
วิธีเช็ค Juvederm ฟิลเลอร์ ของแท้
ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ต้องใช้ความระมัดระวังสูง การตรวจสอบของแท้จึงเป็นขั้นตอนสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้มีมาตรฐาน ต่อไปนี้คือวิธีตรวจเช็กฟิลเลอร์ Juvederm ของแท้ที่ควรรู้
1.เลข Lot และวันหมดอายุต้องตรงกันทุกส่วน
ฟิลเลอร์ของแท้จะมี
• เลขล็อตผลิต (Lot Number)
• วันผลิต
• วันหมดอายุ
แสดงอยู่บน
• กล่อง
• ถาดฟิลเลอร์
• สติกเกอร์
• ตัวหลอดฟิลเลอร์
ข้อมูลทั้งหมดควร ตรงกันทุกจุด หากตัวเลขไม่ตรงกัน ควรหยุดใช้ทันทีและแจ้งให้คลินิกตรวจสอบ
2.มีฉลากภาษาไทยและเลข อย.ไทย บนกล่อง
ฟิลเลอร์ Juvederm ที่นำเข้าอย่างถูกต้องต้องมี
• ฉลากภาษาไทยกำกับ
• เลขทะเบียนอย.ไทย
• ชื่อผู้นำเข้าถูกต้องตามกฎหมาย
ฉลากภาษาไทยเป็นข้อบังคับสำคัญสำหรับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในประเทศไทย หากไม่มีฉลากภาษาไทย ให้ตั้งข้อสงสัยว่าอาจไม่ใช่สินค้าที่นำเข้าอย่างถูกต้อง
3.มีเอกสารกำกับผลิตภัณฑ์เป็นภาษาไทย
ฟิลเลอร์ของแท้นำเข้าอย่างเป็นทางการจะมี
• เอกสารข้อมูลผลิตภัณฑ์
• ใบกำกับการใช้งาน
• รายละเอียดผู้ผลิตและผู้นำเข้า
ซึ่งต้องเป็นภาษาไทยชัดเจน ครบถ้วนตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
4.สามารถตรวจสอบกับผู้นำเข้าที่เป็นทางการ
Juvederm เป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าโดย Allergan Aesthetics Thailand
หากต้องการความมั่นใจเพิ่มเติม สามารถติดต่อเพื่อตรวจสอบข้อมูลได้โดยตรง เช่น
• สถานพยาบาลที่ซื้อผลิตภัณฑ์
• เลขล็อตผลิต
• รุ่นฟิลเลอร์
สอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ของบริษัทผู้นำเข้าโดยตรง เพื่อยืนยันว่าฟิลเลอร์ที่ใช้มาจากช่องทางทางการ ( สามารถติดต่อสอบถามโดยตรงกับบริษัท Allergan Thailiand หรือหมายเลขโทรศัพท์ 02-640-4999 ต่อ 1 )
เตรียมตัวก่อนฉีด Juvederm ฟิลเลอร์
การเตรียมตัวที่เหมาะสมช่วยให้การฉีดฟิลเลอร์ Juvederm ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง แนะนำดังนี้
1.แจ้งประวัติสุขภาพกับแพทย์
รวมถึงยาที่ใช้อยู่ ประวัติแพ้ยา โรคประจำตัว การตั้งครรภ์ หรือเคยฉีดสารอื่นในบริเวณเดียวกันมาก่อน
2.หยุดยาหรืออาหารเสริมที่ทำให้เลือดออกง่าย (ถ้าทำได้)
เช่น แอสไพริน น้ำมันปลา วิตามินอี ควรหยุดอย่างน้อย 3-7 วัน แต่ต้องทำตามคำแนะนำแพทย์เท่านั้น
3.งดแอลกอฮอล์ล่วงหน้า 24 ชั่วโมง
เพื่อลดความเสี่ยงต่อการบวมและรอยช้ำหลังฉีดฟิลเลอร์ Juvederm
4.หลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์ที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง
เช่น สครับผิว เลเซอร์ร้อน หรือกดสิว ในช่วง 1-2 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์ Juvederm
5.พักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมากขึ้น
ช่วยให้ผิวอยู่ในสภาพพร้อมต่อการรับฟิลเลอร์
6.ตรวจสอบฟิลเลอร์ Juvederm ก่อนฉีด
ให้แพทย์เปิดกล่องต่อหน้า ตรวจเลขล็อต วันหมดอายุ และฉลากภาษาไทย เพื่อความมั่นใจว่าว่าเป็ฯของแท้
การดูแลตัวเองหลังฉีด Juvederm ฟิลเลอร์
การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ Juvederm เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้ดี ลดบวม และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง การดูแลที่เหมาะสมควรทำดังนี้
1.หลีกเลี่ยงการจับหรือกดบริเวณที่ฉีด
หลังฉีดฟิลเลอร์ Juvederm สามารถยิ้ม พูด หรือขยับใบหน้าได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงการ
• กด
• บีบ
• นวด
• ขยับผิวแรง ๆ
เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวจากตำแหน่งที่แพทย์วางไว้
2.งดทำเลเซอร์ร้อนลงผิวลึกในช่วง 1 เดือนแรก
เลเซอร์ที่ให้ความร้อนลึก เช่น เลเซอร์กระชับผิวบางชนิด อาจส่งผลต่อความเสถียรของฟิลเลอร์ จึงควรหลีกเลี่ยงจนกว่าจะพ้นระยะ 4 สัปดาห์ หรือทำตามคำแนะนำแพทย์เฉพาะราย
3.หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้หน้าเผชิญความร้อนจัด 48 ชั่วโมงแรก
ควรงดกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าร้อนหรือมีการไหลเวียนเลือดสูง เช่น
• ซาวน่า
• อบไอน้ำ
• ออกกำลังกายหนัก
• ตากแดดจัด
เพื่อช่วยลดการบวมและทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้ดีขึ้น
4.หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ผลัดเซลล์ผิวชั่วคราว
ควรเลือกใช้สกินแคร์ที่อ่อนโยนในช่วงแรก เช่น
• ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้น
• ผลิตภัณฑ์เสริมเกราะผิว
• หลีกเลี่ยงกรดผลัดผิวหรือสครับที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง
5.งดแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ช่วงแรกหลังฉีดฟิลเลอร์ Juvederm
สารเหล่านี้อาจเพิ่มโอกาสเกิดบวม ช้ำ หรือรบกวนการสมานตัวของเนื้อเยื่อ ควรงดอย่างน้อย 48-72 ชั่วโมง หรือจนกว่าอาการบวมจะดีขึ้น
6.ปรับท่านอนในช่วง 2-3 คืนแรก
ควรนอนโดย
• ใช้หมอนสูงเล็กน้อย
• นอนหงาย
• หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ
• เพื่อไม่ให้เกิดแรงกดบนบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ Juvederm
7.เลี่ยงอาหารบางประเภทที่อาจทำให้บวมง่าย
ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูงหรืออาหารหมักดองประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้บวมยุบช้ากว่าปกติ
ผลลัพธ์หลังฉีด Juvederm ฟิลเลอร์
• หลังทำทันที
โดยทั่วไปจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของบริเวณที่ฉีดทันทีระดับหนึ่ง ทั้งนี้ปริมาณความฟูหรือความเนียนจะขึ้นอยู่กับรุ่นของฟิลเลอร์และตำแหน่งที่ทำ
• ผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่
เนื้อฟิลเลอร์จะค่อย ๆ กลมกลืนกับผิว ทำให้ผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ โดยมากจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ ภายใน 2 สัปดาห์
• การดูแลหลังทำเบื้องต้น
หากต้องการแต่งหน้า ควรหลีกเลี่ยงบริเวณรอยเข็มในคืนแรก หลังจากนั้นสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
คำถามยอดฮิตของ Juvederm ฟิลเลอร์
1.ฉีด Juvederm ร่วมกับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นได้หรือไม่
โดยทั่วไปฟิลเลอร์ HA สามารถอยู่ร่วมกันได้ แต่การเลือกใช้หลายยี่ห้อหรือหลายรุ่นควรให้แพทย์ประเมินเป็นรายตำแหน่ง เพื่อให้เหมาะสมกับชั้นผิวและลดความเสี่ยงจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติต่างกันในบริเวณเดียวกัน
2.ฟิลเลอร์ Juvederm อยู่ได้นานแค่ไหน
ระยะเวลาคงอยู่ขึ้นอยู่กับรุ่นที่ใช้ ตำแหน่งที่ฉีด ฟิลเลอร์ Juvederm และลักษณะผิวของแต่ละบุคคล โดยส่วนใหญ่จะอยู่ได้ประมาณ 8-24 เดือน ทั้งนี้แพทย์จะเลือกชนิดที่เหมาะสมกับบริเวณที่ต้องการแก้ไข
3.ฟิลเลอร์ Juvederm อันตรายหรือไม่
Juvederm เป็นฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิก แอซิดที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน แต่ความปลอดภัยขึ้นอยู่กับ เทคนิคของแพทย์, การเลือกชนิดฟิลเลอร์ให้เหมาะสม, และ การฉีดอย่างถูกต้องตามหลักการแพทย์ หากทำกัแพทย์จะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับ Juvederm ฟิลเลอร์
Juvederm เป็นฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิก แอซิดที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการแพทย์ความงาม เนื่องจากมีหลายรุ่นให้เลือกและมีคุณสมบัติของเนื้อเจลที่แตกต่างกัน ทำให้สามารถนำไปใช้ได้กับหลายตำแหน่งบนใบหน้า เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม คาง หรือแก้มตอบ
ฟิลเลอร์รุ่นต่าง ๆ ของ Juvederm ผลิตด้วยเทคโนโลยีเฉพาะสองแบบ คือ Hylacross และ Vycross ซึ่งให้คุณสมบัติด้านความฟู ความยืดหยุ่น หรือความเนียนละเอียดแตกต่างกัน เพื่อรองรับความต้องการของผู้เข้ารับบริการแต่ละคน
ผลลัพธ์หลังฉีดสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีในระดับหนึ่ง และจะชัดเจนขึ้นเมื่อฟิลเลอร์กลมกลืนกับผิวภายในประมาณสองสัปดาห์ ระยะเวลาการคงอยู่ขึ้นอยู่กับรุ่นและตำแหน่งที่ฉีด โดยทั่วไปอยู่ได้หลายเดือน การเลือกใช้ฟิลเลอร์ Juvederm ต้องอาศัยการประเมินของแพทย์เพื่อเลือกชนิดและปริมาณที่เหมาะสม เพื่อตอบโจทย์ปัญหาที่เป็นกังวลใจของผู้เข้ารับบริการ
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ