Vaginal Lift คืออะไร ช่วยยกกระชับช่องคลอดแบบไม่ต้องผ่าตัดได้อย่างไร

บทความเกี่ยวกับ : ยกกระชับช่องคลอด , Vaginal Lift , Vaginal

Vaginal Lift ตัวช่วยกระชับช่องคลอดแบบไม่ต้องผ่าตัด
ปัญหาหนักใจของผู้หญิงในวัยกลางคนหรือคุณแม่หลังคลอดก็คือ ปัญหาช่องคลอดไม่กระชับ ส่งผลให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ด เพราะไม่สามารถกลั้นอยู่ สามารถรักษาได้โดยไม่ต้องผ่าตัดด้วย เทคโนโลยีสุดล้ำ Vaginal Lift

สารบัญ Vaginal Lift ช่วยกระชับช่องคลอดแบบไม่ต้องผ่าตัด
• ไขทุกข้อสงสัย Vaginal Lift คืออะไร
• Vaginal Lift มีกระบวนการทำงานอย่างไร
• Vaginal Lift ปลอดภัยหรือไม่
• ใครเหมาะกับการทำ Vaginal Lift บ้าง
• ใครควรหลีกเลี่ยงการทำ Vaginal Lift
• ข้อดีของการทำ Vaginal Lift มีอะไรบ้าง
• การทำ Vaginal Lift มีข้อจำกัดอะไรบ้าง
• Vaginal Lift ที่รมย์รวินท์คลินิก ดียังไง
• ก่อนทำ Vaginal Lift ควรเตรียมตัวยังไง
• ขั้นตอนในการทำ Vaginal Lift
• การดูแลตัวเองหลังทำ Vaginal Lift
• สรุปทุกเรื่องของ Vaginal Lift
• Q and A ยอดฮิตของเรื่อง Vaginal Lift

ไขทุกข้อสงสัย Vaginal Lift คืออะไร
ร่างกายของเราเปลี่ยนแปลงไปในทุกๆวัน แต่ช่วงวัยที่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดที่สุดคือช่วงที่ผู้หญิงก้าวเข้าสู่วัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน ปัญหาที่พบมากที่สุดแต่ไม่ค่อยกล้าพูดถึงคือปัญหา ช่องคลอดหลวม หรือ ช่องคลอดมีความหย่อนคล้อย การทำ Vaginal Lift จึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้ช่องคลอดกระชับขึ้น

Vaginal Lift คืออะไร ?
Vaginal Lift หรือที่เรารู้จักกันในอีกชื่อนึงก็คือ เลเซอร์รีแพร์ ซึ่งการทำ Vaginal Lift เป็นวิธีในการยกกระชับช่องคลอด ซึ่งเทคโนโลยีนี้เป็นกระบวนการทางการแพทย์ และนวัตกรรมทางด้านความงาม ที่ช่วยฟื้นฟูความกระชับของกล้ามเนื้อ บริเวณช่องคลอด

การที่ช่องคลอดหลวมหรือหย่อนคล้ายอาจจะเกิดจากการที่อายุเพิ่มมากขึ้น หรือมีการคลอดบุตร ซึ่งสองสาเหตุนี้เป็นปัจจัยใหญ่ๆที่ทำให้ช่องคลอดไม่กระชับ

Vaginal Lift มีกระบวนการทำงานอย่างไร
กระบวนการทำ Vaginal Lift นั้นมีการทำงานที่หลากหลายมาก จะขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีหรือวิธีการที่ใช้ในการยกกระชับช่องคลอด โดยส่วนใหญ่เน้นไปที่การกระตุ้นให้เนื้อเยื่อ และกล้ามเนื้อบริเวณช่องคลอดฟื้นฟูและกลับมากระชับอีกครั้ง ในบทความนี้จะขอนำเสนอนวัตกรรมการทำ Vaginal Lift การยกกระชับช่องคลอด แบบไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งกระบวนการทำงานของแต่ละวิธีมี ดังนี้

1.Vaginal Lift ด้วยเลเซอร์ยกกระชับช่องคลอด (Laser Vaginal Rejuvenation)
กระบวนการทำงาน
- เลเซอร์ส่งพลังงานแสงลงไปในเนื้อเยื่อบริเวณช่องคลอด
- ความร้อนจากเลเซอร์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ในชั้นผิวหนัง
- ช่วยฟื้นฟูความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นในช่องคลอด

ประโยชน์
- เพิ่มความกระชับ
- ลดอาการช่องคลอดแห้ง
- ไม่มีแผลและไม่ต้องพักฟื้น

2.Vaginal Lift ด้วยการใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency - RF)
กระบวนการทำงาน
- คลื่นวิทยุส่งพลังงานความร้อนเข้าสู่เนื้อเยื่อชั้นลึก
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูกล้ามเนื้อบริเวณช่องคลอด
- ช่วยกระชับเนื้อเยื่อและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในบริเวณดังกล่าว

ประโยชน์
- ปลอดภัย
- ไม่ต้องพักฟื้น
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไม่รุนแรง

3.Vaginal Lift ด้วยการฉีดฟิลเลอร์หรือไขมัน (Vaginal Filler or Fat Grafting)
กระบวนการทำงาน
- ใช้สารเติมเต็ม เช่น Hyaluronic Acid หรือไขมันของผู้ป่วยเอง ฉีดเข้าไปในบริเวณที่ต้องการ
- ช่วยเพิ่มความเต่งตึงของเนื้อเยื่อ และปรับรูปทรงบริเวณช่องคลอด ให้กลับมาดูอ่อนเยาว์

ประโยชน์
- ผลลัพธ์เห็นได้ทันที
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้น

4.Vaginal Lift ด้วยการทำ PRP หรือ Growth Factor Therapy
กระบวนการทำงาน
- ใช้พลาสมาที่สกัดจากเลือดของผู้ป่วย ฉีดกลับเข้าสู่เนื้อเยื่อบริเวณช่องคลอด
- กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่และฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่อ่อนแอ

ประโยชน์
- กระตุ้นการฟื้นฟูเนื้อเยื่อธรรมชาติ
- ลดความหย่อนคล้อยและเพิ่มความชุ่มชื้น

การทำ Vaginal Lift ยกกระชับช่องคลอดวิธีไหน ที่จะเหมาะสมกับเราที่สุดนั้น ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางในการทำ Vaginal Lift เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Vaginal Lift ปลอดภัยหรือไม่
การทำ Vaginal Lift ยกกระชับช่องคลอด โดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย หากดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยขึ้นอยู่กับวิธีการที่ใช้ สภาพร่างกายของผู้เข้ารับบริการ และการปฏิบัติตัวหลังทำกระบวนการ ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทำ

ปัจจัยหลักที่ทำให้ Vaginal Lift ปลอดภัย
1.เทคโนโลยีที่ทันสมัย
• การใช้เครื่องเลเซอร์หรือคลื่นวิทยุที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA)
• วิธีการทำ Vaginal Lift แบบไม่ผ่าตัด เช่น เลเซอร์และคลื่นวิทยุ มีความเสี่ยงต่ำและไม่ต้องพักฟื้นนาน

2.ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์
• หากทำ Vaginal Lift โดยแพทย์เฉพาะทาง เช่น สูตินรีแพทย์หรือแพทย์ด้านความงามที่มีความเชี่ยวชาญ จะช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนได้อย่างแน่นอน

3.สถานพยาบาลที่ได้รับมาตรฐาน
• การเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ผ่านการรับรอง และมีมาตรฐานด้านความปลอดภัย ในการทำ Vaginal Lift มั่นใจได้เลยว่าปลอดภัยแน่นอน

4.การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
• การเตรียมตัวก่อนและการดูแลหลังทำ Vaginal Lift ตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยลดความเสี่ยง ของผลข้างเคียง

วิธีเพิ่มความปลอดภัยในการทำ Vaginal Lift
1.เลือกสถานที่ที่น่าเชื่อถือในการทำ Vaginal Lift เลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีใบอนุญาตและรีวิวที่ดี
2.ตรวจสุขภาพก่อนทำ Vaginal Lift แจ้งประวัติสุขภาพและยาที่ใช้ให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง
3.ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ทั้งก่อนและหลังทำ Vaginal Lift เช่น หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์และการออกกำลังกายหนักตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด

Vaginal Lift โดยทั่วไป ถือว่าปลอดภัย หากดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยขึ้นอยู่กับวิธีการที่ใช้ สภาพร่างกายของผู้เข้ารับบริการ และการปฏิบัติตัวหลังทำ Vaginal Lift ด้วยดังนั้น ก่อนเข้ารับบริการ Vaginal Lift ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทำ

ใครเหมาะกับการทำ Vaginal Lift บ้าง
Vaginal Lift หรือการยกกระชับช่องคลอด เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหา หรือความต้องการเฉพาะด้านสุขภาพ และความงามที่เกี่ยวข้อง กับช่องคลอด โดยกลุ่มคนที่เหมาะสมกับการทำ Vaginal Lift ได้แก่

1.ผู้หญิงหลังคลอด
• หลังการคลอดบุตร โดยเฉพาะการคลอดทางธรรมชาติ อาจทำให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อช่องคลอดหย่อนคล้อย
• Vaginal Lift จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความกระชับและความยืดหยุ่นของช่องคลอด

2.ผู้หญิงที่อยู่ในวัยทอง
• การลดลงของคอลลาเจนและอีลาสตินในเนื้อเยื่อช่องคลอดเนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้น
• อาจมีปัญหาช่องคลอดแห้ง หรือการสูญเสียความกระชับ จึงควรทำ Vaginal Lift ในการแก้ไขปัญหา

3.Vaginal Lift เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพช่องคลอด
• ผู้ที่มีอาการช่องคลอดแห้งหรือระคายเคือง เนื่องจากฮอร์โมนลดลง เช่น วัยหมดประจำเดือน
• ผู้ที่มีปัญหาปัสสาวะเล็ด หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

4.Vaginal Lift เหมาะกับผู้หญิงที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจในชีวิตคู่
• ผู้ที่รู้สึกว่า ความกระชับของช่องคลอดลดลงส่งผลต่อความสัมพันธ์
• ผู้ที่ต้องการเพิ่มความพึงพอใจในความสัมพันธ์และชีวิตคู่

5.Vaginal Lift เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเฉพาะทาง
• ผู้ที่ต้องการปรับปรุงลักษณะภายนอกของจุดซ่อนเร้น เช่น ปัญหาริมขอบช่องคลอดหย่อนคล้อยหรือไม่สมดุล
• ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูช่องคลอดหลังจากการบาดเจ็บ หรือการผ่าตัดในอดีต

6.Vaginal Lift เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดใหญ่
• ผู้ที่มองหาวิธีการที่ไม่ต้องใช้การผ่าตัด เช่น เลเซอร์หรือคลื่นวิทยุ ที่มีความเสี่ยงต่ำและไม่ต้องพักฟื้น

ใครควรหลีกเลี่ยงการทำ Vaginal Lift
Vaginal Lift ไม่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
• การทำในช่วงตั้งครรภ์อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของแม่และเด็กในครรภ์
• ควรรอจนกว่าการให้นมบุตรสิ้นสุดลงจึงทำ Vaginal Lift ได้

Vaginal Lift ไม่เหมาะกับผู้ที่มีการติดเชื้อในช่องคลอดหรือบริเวณอุ้งเชิงกราน
• การรักษาด้วย Vaginal Lift อาจทำให้การติดเชื้อรุนแรงขึ้นหรือยากต่อการฟื้นตัว

Vaginal Lift ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวร้ายแรง
• เช่น โรคหัวใจขั้นรุนแรง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือโรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้

Vaginal Lift ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีแผลเปิดหรือการบาดเจ็บในบริเวณช่องคลอด
• ควรรอให้แผลหายดีก่อนเพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือภาวะแทรกซ้อน

Vaginal Lift ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบฮอร์โมนที่ยังไม่คงที่
• เช่น วัยรุ่นที่ระบบฮอร์โมนยังไม่สมดุลหรือผู้ที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน

Vaginal Lift ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ให้ทำการรักษา
• การทำ Vaginal Lift โดยไม่มีความจำ เป็นทางการแพทย์ อาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า หรือเสี่ยงต่อผลข้างเคียง

Vaginal Lift ไม่เหมาะกับผู้ที่เพิ่งผ่าตัดหรือคลอดบุตรทางช่องคลอด
• ควรรอให้ร่างกายฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ก่อน แล้วค่อยทำการรักษาด้วย Vaginal Lift

ข้อดีของการทำ Vaginal Lift มีอะไรบ้าง
การทำ Vaginal Lift หรือการยกกระชับช่องคลอดตอบโจทย์ ทั้งในด้านสุขภาพและความมั่นใจ ของผู้หญิง ดังนี้

1.Vaginal Lift ช่วยเพิ่มความกระชับของช่องคลอด
การทำ Vaginal Lift ช่วยกระชับเนื้อเยื่อ บริเวณช่องคลอด ที่หย่อนคล้อย จากการคลอดบุตร หรืออายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้สามารถกลับมาดูแลสุขภาพจุดซ่อนเร้นได้ดีขึ้น

2.Vaginal Lift ช่วยเพิ่มความมั่นใจในชีวิตคู่
การมีช่องคลอดที่กระชับขึ้นสามารถช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในด้านความสัมพันธ์และการมีเพศสัมพันธ์

3.Vaginal Lift ช่วยลดปัญหาปัสสาวะเล็ด
การยกกระชับช่องคลอดด้วย Vaginal Lift มีผลช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อในบริเวณอุ้งเชิงกราน ลดปัญหาการกลั้นปัสสาวะไม่ได้หรือปัสสาวะเล็ด

4.Vaginal Lift ช่วยให้สุขภาพช่องคลอดดีขึ้น
Vaginal Lift ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในบริเวณนั้น ทำให้เนื้อเยื่อมีความยืดหยุ่นและแข็งแรงขึ้น ลดอาการแห้งหรือระคายเคือง

5.Vaginal Lift ช่วยฟื้นฟูหลังการคลอดบุตร
Vaginal Lift เหมาะสำหรับผู้หญิง ที่ผ่านการคลอดบุตร และต้องการฟื้นฟูสุขภาพช่องคลอดให้ใกล้เคียง กับสภาพเดิมมากที่สุด

6.Vaginal Lift เป็นวิธีที่ปลอดภัยและไม่ต้องพักฟื้นนาน
การทำ Vaginal Lift มักเป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด เช่น การใช้เลเซอร์หรือคลื่นวิทยุ (RF) ทำให้ลดความเสี่ยงและไม่ต้องหยุดพักฟื้นเป็นเวลานาน

7.Vaginal Lift ช่วยลดอาการช่องคลอดแห้ง
Vaginal Lift ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดความระคายเคืองที่เกิดจากช่องคลอดแห้ง โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน

8.Vaginal Lift ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตโดยรวม
เมื่อสุขภาพบริเวณจุดซ่อนเร้นดีขึ้น ย่อมส่งผลต่อสุขภาพจิต และคุณภาพชีวิตโดยรวม ของผู้หญิงได้อย่างแน่นอน

หากใครก็ตามที่สนใจการยกกระชับช่องคลอดด้วย Vaginal Lift ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับคำแนะนำ และเลือกวิธีการที่เหมาะสม กับตัวเองมากที่สุด

การทำ Vaginal Lift มีข้อจำกัดอะไรบ้าง
การทำ Vaginal Lift ถึงแม้ว่าจะปลอดภัยแต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้างดังนี้
1.ภาวะสุขภาพบางอย่าง
• ผู้ที่มี การติดเชื้อในช่องคลอด หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ควรรักษาให้หายก่อนทำ Vaginal Lift
• ผู้ที่มี โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ โรคหัวใจ หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน อาจมีความเสี่ยงสูงต่อผลข้างเคียง
• หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่เพิ่งคลอดบุตร ควรรอให้ร่างกายฟื้นตัวเต็มที่ก่อน

2.ข้อจำกัดทางกายภาพ
• ผู้ที่มีเนื้อเยื่อหรือโครงสร้างช่องคลอดอ่อนแอมากจนเกินไป อาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีจากการทำ Vaginal Lift
• ผู้ที่มี ปัญหาผนังช่องคลอดยุบตัวรุนแรง (Pelvic Organ Prolapse) อาจต้องใช้วิธีการผ่าตัดแทนการทำ Vaginal Lift

3.อายุและสภาพผิว
• ในผู้สูงอายุที่มีเนื้อเยื่อบริเวณช่องคลอดเสื่อมสภาพมาก หลังทำ Vaginal Lift การฟื้นตัวอาจช้ากว่าปกติ หรือผลลัพธ์อาจไม่สมบูรณ์เท่าผู้ที่อายุน้อยกว่า

4.ความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผล
• ผู้ที่คาดหวังว่าการทำ Vaginal Lift จะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่าง เช่น การฟื้นฟูความสัมพันธ์คู่รัก อาจไม่ได้รับผลตามที่หวัง
• ผลลัพธ์ของการทำ Vaginal Lift อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

5.ข้อจำกัดเกี่ยวกับเทคโนโลยี
• การรักษาด้วยเลเซอร์ หรือคลื่นวิทยุ อาจไม่ได้ผล ในผู้ที่มีภาวะผิวหนังบาง หรือกล้ามเนื้อหย่อนคล้อยในระดับรุนแรง
• อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำ Vaginal Lift อาจมีข้อจำกัดเรื่องพลังงานที่เหมาะสม สำหรับสภาพผิวบางประเภท

6.ค่าใช้จ่าย
• การทำ Vaginal Lift อาจมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องทำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ

7.ผลลัพธ์ข้างเคียงและความเสี่ยง
• อาจมี การระคายเคืองชั่วคราว เช่น อาการบวม แดง หรือเจ็บบริเวณที่ทำหัตถการ Vaginal Lift
• ในบางกรณีอาจเกิด ภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อหรือการฟื้นตัวที่ช้ากว่าปกติ

Vaginal Lift ที่รมย์รวินท์คลินิก ดียังไง
รมย์รวินท์คลินิก เป็นคลินิกเสริมความงามที่มีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศไทย มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดูแลอย่างใกล้ชิด มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ออกแบบผลลัพธ์ให้เข้ากับแต่ละบุคคล ให้ความสำคัญในเรื่องของการบริการ และมาตรฐานความปลอดภัย เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ผ่านการรับรองจาก อย.และมาตรฐานระดับโลก

การทำ Vaginal Lift ที่รมย์รวินท์คลินิก จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 โปรแกรม ซึ่งในทุกโปรแกรมจะเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยไม่ต้องผ่าตัด และดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางอย่างใกล้ชิดในทุกๆ โปรแกรม

เทคโนโลยี Vaginal Lift การยกกระชับช่องคลอดแบบไม่ผ่าตัดที่รมย์รวินท์คลินิก
โปรแกรมที่ 1 Love Lift 1 Thermiva
• พลังงานคลื่นวิทยุ RF (Radiofrequency) ส่งพลังงานลงลึกถึงชั้นผิวหนังบริเวณผนังช่องคลอด
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อ
• ผลลัพธ์ที่ได้ ช่องคลอดกระชับ ดูสุขภาพดี และคืนสมดุลความชุ่มชื้น

โปรแกรมที่ 2 Love Lift2 Fotona
• เลเซอร์ YAG แบบ 360 องศา เทคโนโลยีเฉพาะจากเครื่อง Fotona 4D
• ฟื้นฟูเซลล์และสร้างอิลาสติน ช่วยเสริมการไหลเวียนโลหิตและปรับโครงสร้างผิว
• ลดปัญหาช่องคลอดแห้ง กระตุ้นการหลั่งน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติ
• เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ครอบคลุมโดยไม่ต้องพักฟื้น

โปรแกรมที่ 3 Super Fit Chair เก้าอี้บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
• เทคโนโลยี HIFEM (High-Intensity Focused Electro-Magnetic) กระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อในเชิงลึก
• การใช้งานที่ไม่ซับซ้อน นั่งบนเก้าอี้เพื่อฝึกกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานโดยไม่ต้องสอดใส่อุปกรณ์
• ประโยชน์
- ฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
- แก้ปัญหาช่องคลอดหลวมโดยไม่ต้องผ่าตัด
- เสริมสุขภาพในระบบอุ้งเชิงกราน

ตารางเปรียบเทียบเทคโนโลยี Vaginal Lift

เทคโนโลยี Vaginal Lift

หลักการทำงาน

ผลลัพธ์

ข้อดี

เหมาะสำหรับ

Love Lift1 Thermiva

คลื่นวิทยุ RF สร้างพลังงานความร้อน กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวช่องคลอด

• ผนังช่องคลอดแข็งแรง และยืดหยุ่น
• เพิ่มความกระชับ

• ไม่เจ็บ และไม่ต้องพักฟื้น
• ช่วยคืนความชุ่มชื้น

ผู้ที่มีช่องคลอด หย่อนคล้อยเล็กน้อย ถึงปานกลาง

Love Lift2 Fotona

เลเซอร์ YAG ส่งพลังงาน 360 องศา กระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์และสร้างอิลาสติน

• ช่องคลอดกระชับทั่วถึง
• เพิ่มการหลั่งน้ำหล่อลื่น
• ลดอาการช่องคลอดแห้ง

• ครอบคลุม การฟื้นฟู หลายมิติ
• ใช้เวลาไม่นาน

ผู้ที่มีปัญหา ช่องคลอดแห้ง หรือผิวช่องคลอด หย่อนคล้อย

Super Fit Chair

คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า HIFEM กระตุ้นการหดเกร็งของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน

• กล้ามเนื้ออุ้ง เชิงกรานแข็งแรง
• ช่องคลอดกระชับ
• แก้ปัญหาปัสสาวะเล็ด

• ใช้งานง่าย เพียงแค่นั่ง
• ไม่ต้อง สอดใส่ อุปกรณ์ ใด ๆ

ผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อ อุ้งเชิงกราน อ่อนแรง หรือช่องคลอดหลวม

สรุปจุดเด่นของเทคโนโลยี Vaginal Lift ที่รมย์รวินท์ ทั้งหมด
• ไม่ต้องผ่าตัดหรือใช้เวลาพักฟื้น
• เสริมสร้างสุขภาพผนังช่องคลอดให้แข็งแรงและสมดุล
• ช่วยเพิ่มความมั่นใจและคุณภาพชีวิตโดยรวม

เทคโนโลยี Vaginal Lift เหล่านี้ ได้รับการออกแบบ มาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้หญิงยุคใหม่ ที่ต้องการดูแลสุขภาพจุดซ่อนเร้นอย่างปลอดภัย และสะดวกสบายที่สุด

ก่อนทำ Vaginal Lift ควรเตรียมตัวยังไง
1.ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
• นัดหมายเข้ารับคำปรึกษาเพื่อประเมินสภาพร่างกายและความเหมาะสมในการทำ Vaginal Lift ว่าเหมาะกับโปรแกรมไหน
• แจ้งข้อมูลสุขภาพส่วนตัว เช่น โรคประจำตัว การใช้ยา หรือภาวะการแพ้ใด ๆ

2.ตรวจสุขภาพเบื้องต้น
• เข้ารับการตรวจร่างกาย และช่องคลอด เพื่อยืนยันว่าไม่มีการติดเชื้อ หรือภาวะที่ต้องรักษาก่อนการทำ Vaginal Lift
• หากมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรรักษาให้หายก่อน

3.หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิด
• หยุดใช้ยาแอสไพริน ยาต้านการอักเสบ หรืออาหารเสริมบางชนิด ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำ หรือเลือดออก (ตามคำแนะนำแพทย์)

4.ทำความสะอาดร่างกาย
• อาบน้ำและทำความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นก่อนเข้ารับการรักษาด้วย Vaginal Lift
• งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรง ๆ บริเวณจุดซ่อนเร้นในช่วงใกล้วันทำหัตถการ Vaginal Lift

5.หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์
• งดมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 1-2 วันก่อนการทำ Vaginal Lift เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรืออักเสบ

6.เตรียมร่างกายให้พร้อม
• นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในคืนก่อนวันนัดทำหัตถการ Vaginal Lift
• รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำให้เพียงพอ

7.เตรียมข้อมูลที่จำเป็น
• สอบถามแพทย์เกี่ยวกับกระบวนการ ขั้นตอน และการดูแลหลังการทำเพื่อความมั่นใจ
• เตรียมเวลาเพื่อพักผ่อนหรือเลี่ยงกิจกรรมหนักในวันหลังทำ

8.สวมใส่เสื้อผ้าที่สบาย
• เลือกเสื้อผ้าที่หลวมและระบายอากาศได้ดี เพื่อให้สะดวกในการเข้ารับการรักษาด้วย Vaginal Lift

9.งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
• หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ก่อนทำ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นตัวของร่างกาย

ขั้นตอนในการทำ Vaginal Lift
1.การเตรียมตัวก่อนการรักษาด้วย Vaginal Lift
• แพทย์ทำการซักประวัติสุขภาพและตรวจภายในเบื้องต้น
• ทำความสะอาดบริเวณช่องคลอดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
• ผู้ป่วยสวมชุดเฉพาะสำหรับการรักษา และจัดให้อยู่ในท่าที่สะดวกสำหรับแพทย์

2.การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม ในการทำ Vaginal Lift
• แพทย์เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการ เช่น
- Thermiva ใช้คลื่น RF
- Fotona ใช้เลเซอร์ YAG
- Super Fit Chair ใช้คลื่นแม่เหล็ก HIFEM

3.การเริ่มต้นกระบวนการรักษาด้วย Vaginal Lift
กรณีใช้ Thermiva
• เครื่องมือปล่อยคลื่น RF ถูกนำเข้าสัมผัสกับผิวภายในช่องคลอด
• คลื่น RF จะปล่อยพลังงานความร้อนระดับต่ำกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
• ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที

กรณีใช้ Fotona
• เครื่องเลเซอร์ YAG ถูกนำเข้าภายในช่องคลอด
• พลังงานเลเซอร์ถูกส่งออกในมุม 360 องศา เพื่อฟื้นฟูผิวช่องคลอด
• ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที

กรณีใช้ Super Fit Chair
• ผู้รับบริการนั่งบนเก้าอี้ HIFEM โดยไม่ต้องสอดใส่อุปกรณ์ใด
• คลื่นแม่เหล็กกระตุ้นกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานให้หดตัวอย่างลึกซึ้ง
• ใช้เวลาประมาณ 28 นาทีต่อครั้ง

4.การประเมินผลหลังการรักษา
• แพทย์ตรวจสอบผลลัพธ์เบื้องต้นและให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง
• ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น

5.การติดตามผล
• นัดติดตามผลการรักษาในครั้งถัดไปตามโปรแกรม
• บางกรณีอาจต้องทำซ้ำ 2-3 ครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์

ข้อควรทราบระหว่างทำโปรแแกรม Vaginal Lift
• ขั้นตอนทั้งหมดเป็นการรักษาที่ไม่เจ็บปวด (ในกรณีส่วนใหญ่)
• อาจรู้สึกอุ่นเล็กน้อยในระหว่างการทำ โดยเฉพาะในกรณีของ Thermiva หรือ Fotona

การดูแลตัวเองหลังทำ Vaginal Lift
1.ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
• รับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพหลังทำหัตถการอย่างเคร่งครัด
• หากมีคำถามหรือข้อกังวล ควรปรึกษาแพทย์ทันที

2.หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์
• งดการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 3-7 วัน หรือจนกว่าแพทย์จะอนุญาต
• เพื่อป้องกันการระคายเคืองและให้ช่องคลอดมีเวลาฟื้นตัวเต็มที่

3.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก
• งดกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากหรือยกของหนักอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
• การพักผ่อนให้เพียงพอช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟู

4.หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ภายในช่องคลอด
• งดใช้ผ้าอนามัยแบบสอด ถ้วยอนามัย หรือนิ้วมือภายในช่องคลอด
• หลีกเลี่ยงการสวนล้างจนกว่าแพทย์จะอนุญาต

5.รักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้น
• ทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำยาสำหรับจุดซ่อนเร้นที่อ่อนโยน
• หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง

6.ดื่มน้ำและรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
• ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยการไหลเวียนโลหิตและการฟื้นฟู
• เลือกอาหารที่มีโปรตีนและสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อเสริมการสร้างคอลลาเจน

7.สังเกตอาการผิดปกติ
• หากมีอาการปวด บวม แดง หรือคันผิดปกติ ควรรีบแจ้งแพทย์
• การติดเชื้อเป็นสิ่งที่พบได้น้อย แต่ควรระมัดระวัง

8.เข้ารับการติดตามผลตามนัด
• พบแพทย์ตามเวลาที่กำหนดเพื่อตรวจสอบความคืบหน้าและประสิทธิภาพของการรักษา
• หากต้องการทำซ้ำในโปรแกรม Vaginal Lift ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสม

สรุปทุกเรื่องของ Vaginal Lift
การทำ Vaginal Lift คือการยกกระชับช่องคลอด ฟื้นฟูให้น้องสาวกลับมามีสุขภาพดีอีกครั้ง นวัตกรรม Vaginal Lift นี้เป็นนวัตกรรมที่ปลอดภัย และเป็นการยกกระชับช่องคลอดแบบไม่ต้องผ่าตัด เลยไม่ต้องกังวลว่าแผลจะติดเชื้อหรือมีผลกระทบที่ร้ายแรงตามมา แต่สิ่งสำคัญก่อนที่จะทำโปรแกรม Vaginal Lift ยกกระชับช่องคลอดนั้น จะต้องเลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน มีแพทย์เฉพาะทางคอยดูแล และออกแบบโปรแกรมให้เข้ากับปัญหาของผู้รับบริการมากที่สุด

ซึ่งรมย์รวินท์คลินิกของเรา ได้มาตรฐานระดับโลก พร้อมบริการคนไข้ทุกคนให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ตัวเองต้องการ ใส่ใจทุกขั้นตอนในการบริการ ใครสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Vaginal Lift ได้เลย

Q & A ยอดฮิตเกี่ยวกับ Vaginal Lift
Q : Vaginal Lift คืออะไร ?
Vaginal Lift เป็นการยกกระชับช่องคลอดด้วยเทคโนโลยีที่ไม่ต้องผ่าตัด เช่น คลื่นวิทยุ RF, เลเซอร์ YAG หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อฟื้นฟูผนังช่องคลอด เพิ่มความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความกระชับ

Q : การทำ Vaginal Lift เจ็บไหม ?
ทำ Vaginal Lift ไม่เจ็บค่ะ ส่วนใหญ่จะรู้สึกอุ่นเล็กน้อยขณะทำ โดยเทคโนโลยีที่ใช้มีความปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดความไม่สบาย

Q : ใช้เวลานานแค่ไหนในการทำ ?
Thermiva และ Fotona ประมาณ 20-30 นาที
Super Fit Chair   ประมาณ 28 นาที

ทุกขั้นตอนสามารถทำเสร็จภายในเวลาอันสั้น และไม่ต้องพักฟื้น

Q : ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล ?
• ส่วนใหญ่เห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรก
• สำหรับผลลัพธ์ที่ชัดเจน อาจต้องทำซ้ำ 2-3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพของช่องคลอด

Q : มีผลข้างเคียงอะไรบ้างหลังทำ ?
• ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือรู้สึกอุ่นเล็กน้อยบริเวณช่องคลอด
• อาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อยในบางกรณี ซึ่งมักจะหายภายในไม่กี่ชั่วโมง

Q : หลังทำ Vaginal Lift ใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีไหม ?
ได้ค่ะ ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ทันที แต่ควรงดกิจกรรมหนักๆ และการมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 3-7 วัน

Q : Vaginal Lift ต่างจากการผ่าตัดกระชับช่องคลอดอย่างไร ?
Vaginal Lift ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้น ต่างจากการผ่าตัดที่มีการใช้เครื่องมือสอดใส่และต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน

Q : การทำ Vaginal Lift ช่วยแก้ปัญหาช่องคลอดแห้งได้ไหม?
ช่วยได้ค่ะ โดยเทคโนโลยี เช่น Thermiva และ Fotona จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเพิ่มการหลั่งน้ำหล่อลื่น

Q : สามารถทำ Vaginal Lift ได้ในช่วงมีประจำเดือนได้ไหม ?

ไม่แนะนำ ควรรอให้หมดประจำเดือนก่อนเข้ารับบริการ Vaginal Lift เพื่อป้องกันการติดเชื้อและเพิ่มความสะดวกในการทำ

Q : Vaginal Lift สามารถทำร่วมกับการรักษาอื่น ๆ ได้ไหม ?
สามารถทำร่วมกับการรักษาเพื่อสุขภาพจุดซ่อนเร้นอื่น ๆ ได้ เช่น การฟื้นฟูกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อความเหมาะสม