เลเซอร์บิกินี่ คืออะไร เจ็บไหม มีกี่แบบ ควรทำกี่ครั้งถึงเห็นผล
เลเซอร์บิกินี่
เลเซอร์บิกินี่ คืออะไร เจ็บไหม มีกี่แบบ ทำกี่ครั้งถึงเห็นผล
เลเซอร์บิกินี่ คืออะไร เจ็บไหม ควรทำกี่ครั้งถึงเห็นผล
การดูแลความสะอาดและความเรียบร้อยของ “จุดซ่อนเร้น” เป็นสิ่งที่ผู้หญิงจำนวนมากให้ความสำคัญ หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคปัจจุบันคือ การทำเลเซอร์บิกินี่ (Bikini Laser Hair Removal) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยกำจัดขนบริเวณบิกินี่ไลน์อย่างถาวร โดยใช้พลังงานแสงเลเซอร์เข้าไปทำลายรากขนอย่างแม่นยำและปลอดภัย
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับเลเซอร์บิกินี่แบบละเอียด ตั้งแต่หลักการทำงาน ข้อดี ข้อควรระวัง ประเภทเลเซอร์ที่ใช้ ผลลัพธ์ที่คาดหวังได้ ตลอดจนการเตรียมตัวและการดูแลผิวก่อน-หลังทำ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ ว่าการทำเลเซอร์บิกินี่เหมาะกับคุณหรือไม่
เลเซอร์บิกินี่คืออะไร
เลเซอร์บิกินี่ (Bikini Laser Hair Removal) คือกระบวนการกำจัดขนบริเวณบิกินี่ไลน์หรืออวัยวะเพศโดยใช้พลังงานแสงเลเซอร์ยิงลงไปที่รากขน เพื่อทำลายเซลล์รากขนให้เสื่อมสภาพอย่างถาวร ส่งผลให้ขนบริเวณนั้นขึ้นช้าลง บางลง หรือไม่ขึ้นอีกเลยในระยะยาว ซึ่งถือเป็นทางเลือกยอดนิยมในหมู่ผู้ที่ต้องการดูแลความสะอาด ความเรียบร้อย และความมั่นใจส่วนบุคคล
หลักการทำงานของเลเซอร์บิกินี่
การทำเลเซอร์บิกินี่อาศัยหลักการของ Selective Photothermolysis หรือการใช้พลังงานแสงเลเซอร์ที่ถูกดูดซับโดย เม็ดสีเมลานิน (Melanin) ซึ่งเป็นเม็ดสีที่อยู่ในเส้นขน แล้วเปลี่ยนแสงเลเซอร์นั้นให้กลายเป็นความร้อน เพื่อทำลายรากขน (Hair Follicle) โดยไม่ทำร้ายเนื้อเยื่อผิวรอบข้าง
• ปล่อยลำแสงเลเซอร์ลงบนผิวหนัง เครื่องเลเซอร์จะปล่อยพลังงานแสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ เพื่อให้แสงทะลุผ่านผิวหนังไปยังรากขน
• เม็ดสีเมลานินในเส้นขนดูดซับพลังงานแสง เมลานินทำหน้าที่เป็นตัวดูดซับพลังงานเลเซอร์ ยิ่งเส้นขนมีสีเข้มและเส้นหนา พลังงานยิ่งถูกดูดซับได้ดี
• เปลี่ยนแสงเป็นความร้อนทำลายรากขน พลังงานแสงที่เปลี่ยนเป็นความร้อนจะทำลายเซลล์รากขนที่เป็นต้นกำเนิดของการเจริญเติบโตของเส้นขน
• รากขนที่ถูกทำลายจะไม่สามารถผลิตเส้นขนใหม่ได้ เมื่อรากขนถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ เส้นขนจะไม่สามารถงอกใหม่ได้อีก (หรือขึ้นช้าลงและบางลงมาก)
เลเซอร์บิกินี่มีข้อดีอะไรบ้าง
การทำเลเซอร์บิกินี่ เป็นวิธีกำจัดขนถาวรบริเวณจุดซ่อนเร้นที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและสะดวกกว่าการโกนหรือแว็กซ์แบบเดิม ๆ ข้อดีของการทำเลเซอร์บิกินี่มีดังนี้
1.เลเซอร์บิกินี่ช่วยให้ขนบางลงและลดจำนวนลงอย่างถาวร
• พลังงานเลเซอร์จะทำลายรากขน ส่งผลให้ขนขึ้นช้าลง บางลง หรือหยุดขึ้นในบางบริเวณอย่างถาวรเมื่อทำเลเซอร์บิกินี่ต่อเนื่อง
• หลังทำเลเซอร์บิกินี่ไม่จำเป็นต้องกำจัดขนบ่อย ๆ เหมือนการโกนหรือแว็กซ์
2.เลเซอร์บิกินี่ช่วยลดปัญหาขนคุดและการอักเสบ
• เมื่อไม่ต้องถอนหรือโกนบ่อย ๆ จะช่วยลดโอกาสการเกิดขนคุด ซึ่งมักทำให้เกิดตุ่มแดง คัน หรืออักเสบ
• เลเซอร์บิกินี่เหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายที่มีปัญหาอักเสบหรือเป็นผื่นหลังโกนขน
3.เลเซอร์บิกินี่ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
• หลังจากทำเลเซอร์บิกินี่ ขนบางลง ผิวบริเวณบิกินี่จะดูเรียบเนียน ไม่สากหรือเป็นตอ ๆ เหมือนหลังโกน
• เลเซอร์บิกินี่ช่วยเพิ่มความมั่นใจเมื่อต้องใส่ชุดว่ายน้ำหรือชุดชั้นใน
4.เลเซอร์บิกินี่ช่วยลดกลิ่นอับและความอับชื้น
• ขนในบริเวณบิกินี่เป็นแหล่งสะสมเหงื่อและแบคทีเรีย เมื่อขนลดลงหลังจากเลเซอร์บิกินี่ จะช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียและกลิ่นอับในบริเวณจุดซ่อนเร้นได้
5.เลเซอร์บิกินี่ช่วยประหยัดเวลาในระยะยาว
• แม้จะต้องทำเลเซอร์บิกินี่หลายครั้งในช่วงแรก แต่เมื่อขนหยุดขึ้นหรือขึ้นน้อยลง จะไม่ต้องเสียเวลาถอน โกน หรือแว็กซ์ซ้ำ ๆ อีก
เลเซอร์บิกินี่เหมาะกับใคร
การทำเลเซอร์บิกินี่ ถือเป็นหนึ่งในวิธีการกำจัดขนถาวรที่เหมาะกับหลากหลายกลุ่มคน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล เพิ่มความมั่นใจ และลดปัญหาขนคุดหรือการระคายเคืองบริเวณจุดซ่อนเร้น โดยสามารถสรุปกลุ่มที่เหมาะสมกับการทำเลเซอร์บิกินี่ได้ดังนี้
1.เลเซอร์บิกินี่เหมาะกับผู้ที่มีขนบริเวณบิกินี่หนา เข้ม หรือขึ้นเร็ว
• ขนที่หนาและเข้มจะดูดซับพลังงานเลเซอร์ได้ดี ทำให้เห็นผลชัดเจนและเร็วขึ้น
• ลดความยุ่งยากในการกำจัดขนด้วยวิธีเดิม ๆ ที่ต้องทำบ่อยครั้ง
2.เลเซอร์บิกินี่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาขนคุด หรือผิวระคายเคืองง่าย
• ผู้ที่มีขนคุด ตุ่มแดง หรือผิวอักเสบจากการโกน แว็กซ์ หรือถอน
• การเลเซอร์บิกินี่ช่วยลดการกระตุ้นให้ขนขึ้นผิดทิศ และลดการเกิดการอักเสบได้ดี
3.เลเซอร์บิกินี่เหมาะกับผู้ที่ใส่ใจเรื่องความสะอาดและสุขอนามัยจุดซ่อนเร้น
• การลดจำนวนขนบริเวณบิกินี่ช่วยลดการสะสมของเหงื่อและแบคทีเรีย
• ลดความอับชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์ในช่วงมีประจำเดือนหรืออากาศร้อน
4.เลเซอร์บิกินี่เหมาะกับผู้ที่ต้องการความมั่นใจเวลาใส่ชุดว่ายน้ำหรือชุดชั้นใน
• เลเซอร์บิกินี่ช่วยให้ผิวบริเวณบิกินี่ดูเรียบเนียนขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องขนโผล่
• เลเซอร์บิกินี่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้ง เดินชายหาด หรือถ่ายภาพในชุดบิกินี่
5.เลเซอร์บิกินี่เหมาะกับผู้ที่มองหาวิธีแก้ปัญหาระยะยาว
• เลเซอร์บิกินี่เหมาะกับผู้ที่ไม่อยากเสียเวลาทำการกำจัดขนบ่อย ๆ
• เลเซอร์บิกินี่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว เนื่องจากช่วยลดค่าใช้จ่ายในอนาคต
6.เลเซอร์บิกินี่เหมาะกับผู้ที่มีสุขภาพผิวโดยรวมดี
• ไม่มีแผลเปิด การติดเชื้อ หรือผื่นแพ้ในบริเวณที่ต้องทำเลเซอร์บิกินี่
• ไม่ตั้งครรภ์ และไม่มีโรคผิวหนังเรื้อรังที่ต้องหลีกเลี่ยงการใช้แสงเลเซอร์
ประเภทเลเซอร์ที่นิยมใช้ทำเลเซอร์บิกินี่
ในการทำเลเซอร์บิกินี่ หรือกำจัดขนถาวรบริเวณจุดซ่อนเร้น มีเครื่องเลเซอร์หลายประเภทให้เลือกใช้งาน ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันในด้านความยาวคลื่น ความเหมาะสมกับสภาพผิว และประสิทธิภาพในการกำจัดขน โดยทั่วไปมี 3 ประเภทหลัก ที่นิยมใช้ทำเลเซอร์บิกินี่ ในคลินิกความงามและผิวหนัง ดังนี้
1.เลเซอร์บิกินี่ Diode Laser
ความยาวคลื่น 800-810 nm
จุดเด่น
• เลเซอร์บิกินี่ Diode Laser ยิงลึกถึงรากขน มีประสิทธิภาพสูงในการทำลายรากขน
• เลเซอร์บิกินี่ Diode Laser เหมาะกับผิวขาวถึงผิวสองสี และ ขนหนา-เข้ม
• เลเซอร์บิกินี่ Diode Laser ลดขนได้ถาวรหลังทำต่อเนื่อง 6-8 ครั้ง
• เลเซอร์บิกินี่ Diode Laser เจ็บน้อย และมีระบบทำความเย็นในหัวเลเซอร์ช่วยลดการระคายเคือง
เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนเร็ว ขนหนา และต้องการความปลอดภัยสูง
2.เลเซอร์บิกินี่ Alexandrite Laser
ความยาวคลื่น 755 nm
จุดเด่น
• เลเซอร์บิกินี่ Alexandrite Laser ให้พลังงานสูง เห็นผลเร็วภายในไม่กี่ครั้ง
• เลเซอร์บิกินี่ Alexandrite Laser ทำงานเร็ว สามารถยิงได้หลายช็อตในระยะเวลาสั้น
• เลเซอร์บิกินี่ Alexandrite Laser ให้ผลลัพธ์ชัดเจนในผู้ที่มีผิวขาวและขนสีเข้ม
ข้อควรระวัง
• ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวคล้ำหรือไวต่อแสง เพราะอาจเสี่ยงผิวไหม้หรือระคายเคืองได้ง่าย
เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวขาว ขนหนา และต้องการเห็นผลไว
3.เลเซอร์บิกินี่ Nd:YAG Laser
ความยาวคลื่น 1064 nm
จุดเด่น
• เลเซอร์บิกินี่ Nd:YAG Laser เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวคล้ำหรือผิวเข้ม
• เลเซอร์บิกินี่ Nd:YAG Laser เจาะลึกถึงรากขนโดยไม่ทำร้ายผิวด้านบน
• เลเซอร์บิกินี่ Nd:YAG Laser มีความเสี่ยงเรื่องผิวไหม้น้อยกว่าเลเซอร์ชนิดอื่น
ข้อเสีย
• อาจต้องทำหลายครั้งกว่าจะเห็นผลเทียบเท่า Diode หรือ Alexandrite
เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวคล้ำ หรือผู้ที่เคยมีปัญหาผิวหลังทำเลเซอร์ชนิดอื่น
ทำเลเซอร์บิกินี่กี่ครั้งถึงเห็นผล
การทำเลเซอร์บิกินี่ไม่ได้ให้ผลถาวรภายในครั้งเดียว เพราะเส้นขนของคนเรามีวงจรการเจริญเติบโตที่แตกต่างกันในแต่ละช่วง การเห็นผลชัดเจนและขนลดลงอย่างมีประสิทธิภาพจึงต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง โดยสามารถสรุปได้ดังนี้
จำนวนครั้งทำเลเซอร์บิกินี่ที่แนะนำ
• โดยทั่วไป 6-10 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสีผิว สีขน ความหนาแน่นของขน และประเภทเครื่องเลเซอร์ที่ใช้
• เริ่มเห็นผลบางส่วนตั้งแต่ครั้งที่ 2-3 ขนจะเริ่มขึ้นช้าลง บางลง และเว้นระยะห่างของการขึ้นนานขึ้น
• ผลลัพธ์ชัดเจนหลังทำครบคอร์สเลเซอร์บิกินี่ (6-10 ครั้ง) บริเวณบิกินี่จะมีขนขึ้นน้อยลงอย่างชัดเจน บางจุดอาจไม่ขึ้นอีกเลย
เลเซอร์บิกินี่เห็นผลอยู่ได้นานแค่ไหน
การทำเลเซอร์บิกินี่เป็นการกำจัดขนแบบกึ่งถาวร ที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานกว่าวิธีอื่นอย่างโกนหรือแว็กซ์ แต่ผลลัพธ์จะอยู่นานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น จำนวนครั้งที่ทำ ความต่อเนื่อง และลักษณะทางชีวภาพของแต่ละคน
ระยะเวลาการเห็นผลหลังทำครบคอร์ส
• เมื่อทำเลเซอร์บิกินี่ครบคอร์ส (6-10 ครั้ง) ขนส่วนใหญ่จะ บางลงมากหรืองอกใหม่ช้าลงมาก และบางบริเวณอาจไม่ขึ้นอีกเลย
• ผลลัพธ์หลังทำเลเซอร์บิกินี่สามารถอยู่ได้นาน 6 เดือน ถึงหลายปี ขึ้นอยู่กับ
- ประเภทเส้นขน (เส้นเล็กหรือหนา)
- สภาพฮอร์โมน
- การกระตุ้นรูขุมขนจากปัจจัยภายนอก เช่น การถอนซ้ำ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความยาวนานของผลลัพธ์
• ความสม่ำเสมอในการทำเลเซอร์บิกินี่ หากทำต่อเนื่องตามรอบ 4-6 สัปดาห์ ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานกว่าการเว้นช่วงนาน ๆ
• สีผิวและสีขน ผิวขาว-ขนเข้มจะตอบสนองต่อเลเซอร์ได้ดีที่สุด
• การดูแลหลังทำเลเซอร์บิกินี่ หากดูแลผิวดี ไม่ระคายเคืองบ่อย รูขุมขนจะไม่กระตุ้นให้ขนขึ้นใหม่เร็ว
• พันธุกรรมและฮอร์โมน คนที่มีฮอร์โมนกระตุ้นขนสูง ขนอาจกลับมาได้บางส่วนในอนาคต
เลเซอร์บิกินี่ปลอดภัยไหม
เลเซอร์บิกินี่ถือเป็นวิธีกำจัดขนถาวรที่ไม่เป็นอันตราย หากดำเนินการโดยแพทย์ ใช้เครื่องเลเซอร์มาตรฐานทางการแพทย์ และปฏิบัติตามขั้นตอนการดูแลผิวก่อน-หลังทำอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริเวณบิกินี่เป็นจุดที่ผิวบอบบาง จึงควรทำความเข้าใจข้อควรระวังต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
เหตุผลที่เลเซอร์บิกินี่ถือว่าไม่เป็นอันตราย
1.เลเซอร์บิกินี่มีเทคโนโลยีได้รับการรับรอง
เครื่องเลเซอร์ที่ใช้ในคลินิกที่ได้มาตรฐานมักผ่านการรับรองจากหน่วยงาน เช่น FDA ซึ่งยืนยันว่าเป็นอุปกรณ์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิว
2.เลเซอร์บิกินี่มีการควบคุมโดยแพทย์
• สามารถปรับพลังงานเลเซอร์บิกินี่ให้เหมาะสมกับสีผิวและสภาพขนของแต่ละบุคคล
• ใช้หัวเลเซอร์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับเลเซอร์บิกินี่ที่เป็นบริเวณผิวที่บอบบาง
3.เลเซอร์บิกินี่มีระบบระบายความร้อนในเครื่องเลเซอร์
เลเซอร์รุ่นใหม่จะมีระบบ Cooling System ช่วยลดความร้อนที่ผิวหน้า และป้องกันผิวไหม้หรือระคายเคือง
เลเซอร์บิกินี่มีผลข้างเคียงไหม
การทำเลเซอร์บิกินี่ โดยทั่วไปถือว่าไม่เป็นอันตราย หากดำเนินการโดยแพทย์และใช้เครื่องเลเซอร์ที่ได้มาตรฐาน แต่เนื่องจากบริเวณบิกินี่เป็นผิวหนังที่บอบบางและมีความชื้นสูงกว่าส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย จึงอาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาการชั่วคราวและไม่รุนแรง หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ (ไม่อันตราย หายได้เอง)
• หลังทำเลเซอร์บิกินี่อาจมีรอยแดง / ผิวระคายเคือง
- ผิวรู้สึกร้อน แสบ หรือแดงเล็กน้อย
- หายภายใน 1-3 วัน
• หลังทำเลเซอร์บิกินี่อาจมีผิวแห้ง / ลอกเป็นขุย
- มักเกิดหลังผิวฟื้นตัว
- แนะนำให้ทาครีมบำรุง
• หลังทำเลเซอร์บิกินี่อาจมีอาการคันเล็กน้อย
- เกิดจากผิวแห้งหรือขนเริ่มหลุด
- ห้ามเกา แนะนำใช้ครีมลดอาการคัน
• หลังทำเลเซอร์บิกินี่อาจมีตุ่มน้ำ ผื่นแดงเล็กน้อย
- มักเป็นอาการชั่วคราว หายภายใน 1-3 วัน
ระหว่างทำเลเซอร์บิกินี่เจ็บไหม
การทำเลเซอร์บิกินี่อาจมีความรู้สึกเจ็บได้บ้าง แต่ระดับความรู้สึกเจ็บจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของเครื่องเลเซอร์ ความหนาแน่นของขน พื้นที่ที่ทำ และความไวของผิวบริเวณนั้น
ความรู้สึกขณะทำเลเซอร์บิกินี่
• รู้สึกเหมือนถูกดีดเบา ๆ คล้ายหนังยางดีดบนผิว
• บางจุดจะรู้สึกร้อนหรือจี๊ดลึก ๆ ใต้ผิว โดยเฉพาะบริเวณที่ขนหนาหรือเข้ม
• ผิวในบริเวณบิกินี่เป็นจุดที่บอบบางมากกว่าส่วนอื่น ๆ จึงอาจรู้สึกมากกว่า
• เครื่องเลเซอร์รุ่นใหม่มักมีระบบทำความเย็นในหัวเลเซอร์ ช่วยลดอาการแสบหรือเจ็บได้ดี
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความรู้สึกเจ็บ
• ความหนาและสีของเส้นขน ขนหนาและสีเข้มดูดซับพลังงานเลเซอร์ได้มาก ทำให้รู้สึกเจ็บมากกว่า
• ความไวของผิวแต่ละคน คนผิวบางหรือแพ้ง่ายมักรู้สึกมากกว่า
• ช่วงเวลาทำ หากทำช่วงก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือน ผิวจะไวมากขึ้นและเจ็บได้มากขึ้น
• ประเภทเครื่องเลเซอร์ เครื่องบางชนิด เช่น Alexandrite อาจให้ความรู้สึกเจ็บมากกว่า Diode
เลเซอร์บิกินี่ไม่เหมาะกับใคร
แม้ว่าเลเซอร์บิกินี่จะเป็นวิธีการกำจัดขนที่มีประสิทธิภาพสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางกรณีที่ไม่แนะนำ หรือ ควรปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ชิดก่อนทำเลเซอร์บิกินี่ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยกลุ่มคนที่ไม่เหมาะกับการทำเลเซอร์บิกินี่ ได้แก่
1.เลเซอร์บิกินี่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวไหม้แดดหรือเพิ่งออกแดดจัด
• ผิวที่โดนแดดจัดจะไวต่อแสงและมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดรอยไหม้หรือระคายเคืองหลังเลเซอร์
2.เลเซอร์บิกินี่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีแผลเปิด ติดเชื้อ หรือโรคผิวหนังบริเวณบิกินี่
• เช่น เริม แผลถลอก ผื่น หรือผิวอักเสบ หากทำเลเซอร์ในช่วงที่ผิวไม่แข็งแรง อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือเกิดแผลเป็น
3.เลเซอร์บิกินี่ไม่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์
• ถึงแม้จะยังไม่มีงานวิจัยที่ชี้ชัดว่าเลเซอร์บิกินี่มีอันตรายต่อทารกในครรภ์ แต่โดยหลักความปลอดภัย แพทย์มักแนะนำให้หลีกเลี่ยงในระหว่างตั้งครรภ์
4.เลเซอร์บิกินี่ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง
• เช่น โรคด่างขาว (Vitiligo), โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis), โรค SLE
• ผิวอาจตอบสนองต่อแสงเลเซอร์ผิดปกติ ทำให้เกิดรอยด่างหรือกระตุ้นอาการกำเริบได้
5.เลเซอร์บิกินี่ไม่เหมาะกับผู้ที่รับประทานยาบางชนิด
• ยากลุ่มไวต่อแสง เช่น ยารักษาสิว (Isotretinoin), ยาปฏิชีวนะบางตัว หรือยากลุ่มต้านไวรัสบางชนิด อาจทำให้ผิวไวแสงและเกิดรอยไหม้ได้ง่าย
6.เลเซอร์บิกินี่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวคล้ำมากโดยธรรมชาติ
• อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดรอยดำหรือรอยด่างได้ง่ายจากพลังงานเลเซอร์ หากใช้เครื่องไม่เหมาะสมหรือพลังงานสูงเกินไป
การเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์บิกินี่
เพื่อให้การทำเลเซอร์บิกินี่ได้ผลลัพธ์ที่ดี มีประสิทธิภาพ และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง ควรมีการเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างถูกต้องและเหมาะสม โดยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
1.ก่อนทำเลเซอร์บิกินี่งดการแว็กซ์ ถอน หรือใช้ครีมกำจัดขนล่วงหน้า 2-4 สัปดาห์
• เพราะเลเซอร์จะทำลายรากขน ดังนั้นรากขนต้องยังอยู่ในรูขุมขน
• การถอนหรือแว็กซ์จะดึงรากขนออก ทำให้เลเซอร์ไม่สามารถจับเมลานินในรากขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.ก่อนทำเลเซอร์บิกินี่ โกนขนก่อนทำเลเซอร์ 12-24 ชั่วโมง
• ควรโกนด้วยมีดโกน ไม่ถอนหรือใช้เครื่องถอน
• การโกนจะช่วยให้พลังงานเลเซอร์ลงไปถึงรากขนได้ง่าย โดยไม่สูญเสียพลังงานบนเส้นขนที่ยาว
• หลีกเลี่ยงการโกนใกล้เวลาทำมากเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองก่อนเข้ารับบริการ
3.ก่อนทำเลเซอร์บิกินี่งดทาครีม โลชั่น หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมในบริเวณที่จะทำ
• สารเคมีเหล่านี้อาจทำให้ผิวไวต่อแสงและเสี่ยงต่อการไหม้หรือระคายเคืองเมื่อเจอเลเซอร์
4.ก่อนทำเลเซอร์บิกินี่หลีกเลี่ยงการออกแดดหรืออาบแดดก่อนทำ 5-7 วัน
• ผิวที่โดนแดดจัดหรือไหม้อาจไวต่อพลังงานเลเซอร์มากกว่าปกติ
• ผิวอาจเกิดรอยไหม้หรือรอยด่างดำได้ง่ายกว่าผิวที่ไม่ได้รับแสงแดดโดยตรง
5.ก่อนทำเลเซอร์บิกินี่งดซาวน่า อบไอน้ำ หรือออกกำลังกายหนักใน 24 ชั่วโมงก่อนทำ
• เหงื่อและความร้อนจะทำให้ผิวมีความชื้นสูง อาจทำให้ผิวระคายเคืองง่ายขึ้น
6.ก่อนทำเลเซอร์บิกินี่หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ช่วงมีประจำเดือน
• เนื่องจากฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ผิวจะไวและเจ็บง่ายขึ้น
• นอกจากนี้ยังไม่สะดวกต่อการเข้ารับบริการทำเลเซอร์บิกินี่
7.ก่อนทำเลเซอร์บิกินี่แจ้งข้อมูลสุขภาพกับเจ้าหน้าที่ก่อนทำ
• รวมถึงโรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ประจำ และประวัติการแพ้
• โดยเฉพาะหากใช้ยาในกลุ่มไวต่อแสง เช่น Isotretinoin, ยารักษาสิว, ยาปฏิชีวนะบางชนิด
8.ก่อนทำเลเซอร์บิกินี่สวมเสื้อผ้าที่สบายและหลวม
• เพื่อให้ผิวบริเวณบิกินี่ไม่เสียดสีหลังทำเลเซอร์
• แนะนำให้ใส่ชุดชั้นในแบบผ้านิ่มหรือไม่รัดแน่น
การดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์บิกินี่
หลังการทำเลเซอร์บิกินี่ ผิวบริเวณนั้นอาจเกิดการระคายเคืองเล็กน้อยหรือไวต่อแสงมากกว่าปกติ การดูแลอย่างถูกต้องจะช่วยลดผลข้างเคียง เพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา และทำให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น โดยควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
1.หลังทำเลเซอร์บิกินี่หลีกเลี่ยงความร้อนในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
• งดอาบน้ำอุ่นจัด แช่น้ำร้อน ซาวน่า หรืออบไอน้ำ หลังทำเลเซอร์บิกินี่
• งดออกกำลังกายหนักที่ทำให้มีเหงื่อออกมาก หลังทำเลเซอร์บิกินี่ เพื่อลดโอกาสการระคายเคือง
2.หลังทำเลเซอร์บิกินี่ประคบเย็นบริเวณที่ทำ หากมีอาการแสบ แดง หรือร้อนผิว
• ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นสะอาด หรือแผ่นเจลเย็นประคบเบา ๆ หลังทำเลเซอร์บิกินี่
• ห้ามใช้น้ำแข็งสัมผัสผิวโดยตรง หลังทำเลเซอร์บิกินี่
3.หลังทำเลเซอร์บิกินี่หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง 5-7 วัน
• ผิวหลังทำเลเซอร์ไวต่อรังสี UV มากขึ้น
• หากต้องออกแดด ควรสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดบริเวณนั้น และหลีกเลี่ยงการใส่ชุดว่ายน้ำในช่วงนี้
4.หลังทำเลเซอร์บิกินี่งดการสครับผิวประมาณ 5 วันแรก
• งดการสครับผิวหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดผลไม้ (AHA / BHA / Retinol) หลังทำเลเซอร์บิกินี่
• สารเหล่านี้อาจทำให้ผิวที่ไวอยู่แล้วเกิดการลอก แสบ หรือระคายเคือง
5.หลังทำเลเซอร์บิกินี่งดแวกซ์ ถอน หรือโกนขนในบริเวณที่ทำเลเซอร์อย่างน้อย 5-7 วัน
• เพื่อให้รูขุมขนปิดและผิวฟื้นตัวก่อน
• การโกนหรือถอนขนอาจกระตุ้นให้เกิดขนคุดหรือการอักเสบ
6.หลังทำเลเซอร์บิกินี่ทามอยส์เจอไรเซอร์หรือเจลว่านหางจระเข้เพื่อบำรุงผิว
• ช่วยลดการระคายเคือง คงความชุ่มชื้น และเร่งการฟื้นฟูของผิว
• เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์
7.หลังทำเลเซอร์บิกินี่สวมใส่เสื้อผ้าที่โปร่งสบาย ไม่รัดแน่น
• ลดการเสียดสีและแรงกดทับบริเวณผิวที่อาจยังไวต่อสัมผัส
8.หลังทำเลเซอร์บิกินี่ห้ามเกาหรือแกะผิว หากมีขุยหรือขนกำลังหลุด
• ปล่อยให้ขนที่ตายหลุดออกตามธรรมชาติ
• การเกาอาจทำให้เกิดรอยหรือแผลได้
9.หลังทำเลเซอร์บิกินี่หากมีอาการผิดปกติควรพบแพทย์ทันที
• เช่น ผิวพอง แสบลึก หรือมีหนอง เพื่อประเมินอาการและรับการรักษาที่เหมาะสม
10.หลังทำเลเซอร์บิกินี่ วางแผนการทำครั้งถัดไปตามรอบที่คลินิกแนะนำ
• ปกติควรเว้นระยะห่าง 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้ขนที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตพร้อมรับพลังงานเลเซอร์ในรอบต่อไป
สรุปเกี่ยวกับเลเซอร์บิกินี่
สรุปว่า เลเซอร์บิกินี่ เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความสะอาด ความมั่นใจ และการดูแลผิวบริเวณจุดซ่อนเร้นในระยะยาว ด้วยเทคโนโลยีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง ทำให้ขนขึ้นช้าลง บางลง หรือหยุดขึ้นถาวรได้เมื่อทำอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ แม้จะมีผลข้างเคียงเล็กน้อยในบางกรณี แต่หากปฏิบัติตามขั้นตอนการเตรียมตัวและดูแลหลังทำอย่างถูกต้อง ก็สามารถลดความเสี่ยงได้อย่างมาก
ดังนั้น สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลตัวเองให้สะอาด มั่นใจ และประหยัดเวลาในระยะยาว การเลือกทำเลเซอร์บิกินี่กับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและเห็นผลได้จริงในชีวิตประจำวัน
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ