วิธีแก้นอนกรนแบบไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นจริงไหม
วิธีแก้นอนกรน
วิธีแก้นอนกรนแบบไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น
ใครที่รู้ตัวเองว่ากำลังนอนกรนแล้ว อยากรักษาแต่กลัวการผ่าตัดให้มารวมกันตรงนี้ได้เลย เรามีวิธีแก้นอนกรนแบบไม่ต้องผ่าตัดมาฝาก แต่ถ้าเกิดใครยังไม่รู้ว่าตัวเองนอนกรนหรือไม่ สามารถตรวจสุขภาพการนอนหลับ ( Sleep Test ) เพื่อวัดสุขภาพการนอนของตัวเองได้เลย
รวมหัวข้อวิธีแก้นอนกรนแบบไม่ต้องผ่าตัด
- การนอนกรนอันตรายแค่ไหน
- วิธีเช็คตัวเองเบื้องต้นว่านอนกรน
- วิธีแก้นอนกรนด้วยการลดน้ำหนัก
- วิธีแก้นอนกรนด้วยการเปลี่ยนท่านอน
- วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง CPAP
- วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง INAP
- วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่องมือทันตกรรม
- วิธีแก้นอนกรนด้วยการบำบัดกล้ามเนื้อ
- วิธีแก้นอนกรนด้วย Snore Laser
- สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับวิธีแก้นอนกรน
การนอนกรนอันตรายแค่ไหน
ก่อนที่เราจะรู้วิธีแก้นอนกรนต่างๆ เราต้องรู้สาเหตุของการนอนกรนก่อนเพื่อที่จะได้แก้การนอนกรนได้อย่างตรงจุด
การนอนกรนเป็นผลจากการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในทางเดินหายใจส่วนบน ขณะหายใจเข้าออกขณะนอนหลับ โดยเฉพาะบริเวณลิ้นไก่ เพดานอ่อน และผนังคอหอย ซึ่งอาจเกิดจากการตีบแคบของทางเดินหายใจจากหลายปัจจัย เช่น กล้ามเนื้อคอหอยหย่อนตัวในช่วงหลับลึก ไขมันสะสมบริเวณลำคอ โครงสร้างทางเดินหายใจผิดปกติ หรือการอักเสบจากโรคทางเดินหายใจ
การนอนกรนกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA)
การนอนกรนอาจเป็นอาการเริ่มต้นของ Obstructive Sleep Apnea (OSA) ซึ่งเป็นภาวะที่ทางเดินหายใจถูกปิดกั้นบางส่วนหรือทั้งหมดเป็นช่วงๆ ขณะหลับ ส่งผลให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดลงและสมองต้องกระตุ้นร่างกายให้ตื่นขึ้นเพื่อเปิดทางเดินหายใจใหม่ ส่งผลให้คุณภาพการนอนลดลงและเกิดผลกระทบทางสุขภาพระยะยาว
อันตรายและผลกระทบของการนอนกรนต่อสุขภาพ
การลดลงของออกซิเจนในเลือด (Intermittent Hypoxia)
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่เกิดขึ้นซ้ำๆ อาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะ Intermittent Hypoxia หรือออกซิเจนในเลือดลดลงเป็นช่วงๆ ซึ่งกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนความเครียด (เช่น Cortisol) เพิ่มความดันโลหิต และเร่งกระบวนการอักเสบในร่างกาย
ผลกระทบต่อหัวใจและหลอดเลือด
• ความดันโลหิตสูง (Hypertension) จากการกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติซ้ำๆ
• หัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) ซึ่งสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของออกซิเจนในเลือด
• เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวและกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
ความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
เมื่อทางเดินหายใจถูกอุดกั้น การไหลเวียนของเลือดไปยังสมองอาจลดลง ส่งผลให้สมองขาดออกซิเจนและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
ผลกระทบต่อสมองและการรับรู้
• อาการง่วงนอนในเวลากลางวัน (Excessive Daytime Sleepiness)
• ความจำเสื่อม การตัดสินใจช้าลง และความสามารถในการรับรู้ลดลง
• เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมในระยะยาว
การเสื่อมของระบบเมตาบอลิซึมและโรคเบาหวาน
• การนอนกรนและ OSA มีความสัมพันธ์กับภาวะดื้อต่ออินซูลิน
• เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2
ผลกระทบทางจิตใจและอารมณ์
• อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย และซึมเศร้า
• ความเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลสูงขึ้น
ใครที่รู้ว่าตัวเองนอนกรนอย่าปล่อยทิ้งไว้ควรหาวิธีแก้นอนกรนที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด เพราะถ้าปล่อยไว้อาจจะอันตรายถึงชีวิต
วิธีเช็คตัวเองเบื้องต้นว่านอนกรน
หากตัวเราเองกำลังสงสัยว่าตัวเราหรือคนใกล้ตัวอาจจะนอนกรนอยู่ เรามีวิธีประเมิณเบื้องต้น ที่สามารถให้เราสังเกตอาการกรนของตัวเองหรือคนใกล้ตัวได้
วิธีเช็คตัวเองเบื้องต้นว่านอนกรนหรือไม่ก่อนรักษาด้วยวิธีแก้นอนกรน
หากคุณหรือคนใกล้ตัวสงสัยว่าคุณอาจนอนกรน นี่คือ วิธีประเมินเบื้องต้น ที่สามารถช่วยให้คุณตรวจสอบอาการได้ ว่าเสี่ยงนอนกรนจริงหรือไม่
1.สังเกตอาการด้วยตัวเองหรือจากคนใกล้ชิด
สังเกตเสียงกรน
• หากมีคนในครอบครัวนอนใกล้คุณ ให้สังเกตว่าคุณมีเสียงกรนหรือไม่
• หากมีเสียงกรนดังต่อเนื่องเป็นช่วงๆ หรือดังขึ้นเมื่อเปลี่ยนท่านอน (เช่น นอนหงาย)
สังเกตพฤติกรรมขณะหลับ
• มีอาการสะดุ้งตื่นเป็นพักๆ หรือหายใจเฮือกกลางดึก
• หยุดหายใจชั่วขณะ (คนข้างๆ อาจสังเกตเห็นว่าคุณเงียบไปแล้วสะดุ้งตื่น)
• มีอาการพลิกตัวบ่อย หรือกระสับกระส่ายขณะนอน
สังเกตอาการเมื่อตื่นนอน
• ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึก ไม่สดชื่น แม้ว่าจะได้นอนเต็มที่
• ปวดหัวหรือมึนงงตอนเช้า
• ปากแห้ง คอแห้ง เนื่องจากหายใจทางปากขณะหลับ
สังเกตอาการระหว่างวัน
• ง่วงนอนมากผิดปกติแม้จะนอนครบ 7-8 ชั่วโมง
• มีอาการหลับใน หรือรู้สึกง่วงตอนขับรถหรือตอนทำงาน
• หงุดหงิดง่าย สมาธิสั้น หรือความจำลดลง
2.ทดสอบด้วยแอปพลิเคชันบันทึกเสียงตอนนอน
สามารถใช้แอปพลิเคชันในมือถือเพื่อตรวจจับเสียงกรนขณะหลับ เช่น SnoreLab, Sleep Cycle, SnoreClock
• แอปเหล่านี้สามารถบันทึกเสียงขณะหลับและวิเคราะห์ระดับเสียงกรน
• บางแอปสามารถตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับเบื้องต้นได้
3.ทดสอบระดับความง่วงกลางวัน (Epworth Sleepiness Scale - ESS)
ลองตอบแบบสอบถามต่อไปนี้ แล้วให้คะแนน 0-3 ตามระดับความง่วงในแต่ละสถานการณ์
สถานการณ์ |
คะแนน (0-3) |
---|---|
นั่งอ่านหนังสือหรือดูทีวี |
|
นั่งเฉยๆ ในที่สาธารณะ (เช่น โรงภาพยนตร์) |
|
นั่งโดยไม่มีอะไรรบกวนเป็นเวลานาน |
|
นั่งพูดคุยกับคนอื่น |
|
ขับรถหรือโดยสารรถที่ติดเป็นเวลานาน |
|
การให้คะแนน
• 0 = ไม่มีง่วงเลย
• 1 = ง่วงเล็กน้อย
• 2 = ง่วงปานกลาง
• 3 = ง่วงมากจนเกือบหลับ
ผลลัพธ์
• คะแนนรวม 0-6 - ปกติ
• คะแนนรวม 7-9 - มีความง่วงปานกลาง (ควรสังเกตตัวเองเพิ่มเติม)
• คะแนนรวม 10+ - มีภาวะง่วงนอนผิดปกติ ควรพบแพทย์
4.ทดสอบ "Mallampati Score" (ตรวจทางเดินหายใจเบื้องต้น)
ใช้กระจกส่องปากแล้วอ้าปากกว้างโดยไม่แลบลิ้นออกมา ให้ดูว่ามองเห็นลิ้นไก่ (Uvula) และช่องคอมากน้อยแค่ไหน
ระดับ |
ลักษณะของลำคอ |
ความเสี่ยงของการนอนกรน |
---|---|---|
ระดับ 1 |
เห็นลิ้นไก่และเพดานอ่อนได้ชัด |
ความเสี่ยงต่ำ |
ระดับ 2 |
เห็นลิ้นไก่บางส่วน |
ความเสี่ยงปานกลาง |
ระดับ 3 |
เห็นเฉพาะฐานของลิ้นไก่ |
ความเสี่ยงสูง |
ระดับ 4 |
มองไม่เห็นลิ้นไก่เลย |
ความเสี่ยงสูงมาก |
ระดับ 3-4 มีความเสี่ยงสูงที่จะมีภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม
5.ตรวจวัดรอบคอ (Neck Circumference Test)
การมีไขมันสะสมบริเวณลำคอมากเกินไปอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ
ถ้ารอบคอมากกว่า
• ผู้ชาย > 43 ซม.(17 นิ้ว)
• ผู้หญิง > 40 ซม.(16 นิ้ว)
มีความเสี่ยงสูงในการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
6.ทดสอบด้วย "STOP-BANG Questionnaire"
เป็นแบบประเมินสั้นๆ ที่ใช้คัดกรองภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
ตอบ "ใช่" หรือ "ไม่" ในแต่ละข้อ
คำถาม |
ใช่ (1 คะแนน) |
ไม่ใช่ (0 คะแนน) |
---|---|---|
1.นอนกรนเสียงดังเกือบทุกคืน? |
|
|
2.มีอาการหยุดหายใจหรือสำลักขณะหลับ? |
|
|
3.รู้สึกง่วงมากผิดปกติในตอนกลางวัน? |
|
|
4.มีความดันโลหิตสูงหรือกำลังรักษาความดัน? |
|
|
5.มีรอบคอใหญ่กว่าเกณฑ์ที่กำหนด? |
|
|
6.มีน้ำหนักเกิน (BMI > 30)? |
|
|
7.มีอายุมากกว่า 50 ปี? |
|
|
8.เป็นเพศชาย? |
|
|
ผลลัพธ์
• คะแนน 0-2 - ความเสี่ยงต่ำ
• คะแนน 3-4 - ความเสี่ยงปานกลาง ควรเฝ้าระวัง
• คะแนน 5-8 - ความเสี่ยงสูงมาก ควรพบแพทย์ทันที
วิธีแก้นอนกรนด้วยการลดน้ำหนัก
ก่อนที่เราจะรู้วิธีแก้นอนกรนด้วยการลดน้ำหนัก เรามาดูกันก่อนว่าทำไมการที่เรามีน้ำหนักเกิน ทำให้เกิดการนอนกรนได้
ทำไมน้ำหนักเกินถึงทำให้เกิดการนอนกรน
• ไขมันสะสมบริเวณลำคอและลิ้นอาจกดทับทางเดินหายใจ
• ไขมันในช่องท้องและหน้าอกอาจส่งผลให้กระบังลมทำงานได้ไม่เต็มที่
• ความดันที่เพิ่มขึ้นในทางเดินหายใจส่วนบนทำให้เกิดภาวะตีบแคบของช่องลมหายใจ
• กล้ามเนื้อในลำคอและลิ้นอาจอ่อนแรง ส่งผลให้เกิดการสั่นสะเทือนขณะหายใจ
วิธีแก้นอนกรนด้วยการลดน้ำหนัก
วิธีแก้นอนกรนด้วยการลดน้ำหนัก โดยเริ่มจากปรับอาหารการกิน (Healthy Diet)
เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูงและไขมันดี
• อาหารโปรตีนสูงช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ เช่น อกไก่ ไข่ขาว ปลา ถั่ว
• ไขมันดีช่วยลดการอักเสบในร่างกาย เช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่วอัลมอนด์ เป็นการเริ่มต้นวิธีแก้นอนกรนด้วยการลดน้ำหนักที่เข้าถึงง่ายมากที่สุด
เพิ่มผักและไฟเบอร์ในมื้ออาหาร
• ลดไขมันสะสม ลดอาการบวมของเนื้อเยื่อในทางเดินหายใจ
ลดน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตแปรรูป
• ลดการสะสมของไขมันส่วนเกินที่เป็นสาเหตุของภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจนอกจากจะเป็นตัวเลือกของวิธีแก้นอนกรนแล้ว ยังได้ในเรื่องของสุขภาพที่ดีในระยะยาวอีกด้วย
หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนก่อนนอน
• แอลกอฮอล์ทำให้กล้ามเนื้อคอหย่อนตัวและเพิ่มความเสี่ยงของการนอนกรนถ้าเลี่ยงได้จะเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้นอนกรนที่มีประสิทธิภาพ
วิธีแก้นอนกรนด้วยการลดน้ำหนัก โดยเริ่มจากการออกกำลังกายเป็นประจำ (Regular Exercise)
คาร์ดิโอ (Cardio) ช่วยเผาผลาญไขมัน
• เดินเร็ว ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน วิ่ง 30-45 นาทีต่อวัน 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์
ออกกำลังกายกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ (Oropharyngeal Exercises)
• ท่ากลิ้งลิ้น แลบลิ้นให้ยาวที่สุดแล้วดันขึ้น-ลง ทำ 10-15 ครั้ง
• ท่าปิดปากเป่าลม เป่าลมออกจากปากให้สุดแรง ทำ 10 ครั้ง
เสริมสร้างกล้ามเนื้อเพื่อกระชับโครงสร้างร่างกาย
• เวทเทรนนิ่ง (Weight Training) ช่วยให้มวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น และช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น
ผลลัพธ์วิธีแก้นอนกรนด้วยการลดน้ำหนัก
• วิธีแก้นอนกรนด้วยการลดน้ำหนักถ้าน้ำหนักลดลง 10% อาจช่วยลดภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้ถึง 26%
• วิธีแก้นอนกรนด้วยการลดน้ำหนักช่วยขยายช่องทางเดินหายใจ ลดแรงต้านของอากาศ
• วิธีแก้นอนกรนด้วยการลดน้ำหนักช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และเบาหวาน
สรุปวิธีแก้นอนกรนด้วยการลดน้ำหนัก
วิธีแก้นอนกรนด้วยการลดน้ำหนัก เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการลดการนอนกรน โดยการ ควบคุมอาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และปรับพฤติกรรมการนอน จะช่วยให้ทางเดินหายใจเปิดโล่ง ลดไขมันสะสมบริเวณลำคอ และทำให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้น
วิธีแก้นอนกรนด้วยการเปลี่ยนท่านอน
ทำไมวิธีแก้นอนกรนถึงเกี่ยวข้องกับท่านอน
• ท่านอนส่งผลโดยตรงต่อทางเดินหายใจ
• การนอนหงายทำให้ลิ้นและเนื้อเยื่อบริเวณลำคอตกไปอุดกั้นทางเดินหายใจ
• การเปลี่ยนท่านอนเป็นวิธีแก้นอนกรนที่สามารถช่วยให้การไหลเวียนของอากาศดีขึ้น ลดแรงสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อ และลดเสียงกรน
ท่านอนที่เป็นวิธีแก้นอนกรน
1.1 ท่านอนที่เป็นวิธีแก้นอนกรน - นอนตะแคง (Side Sleeping)
• ลดโอกาสที่ลิ้นและเพดานอ่อนจะตกไปอุดกั้นทางเดินหายใจ
• ช่วยให้ลมหายใจไหลเวียนสะดวกขึ้น
• ลดแรงกดต่อกล้ามเนื้อคอ
วิธีทำให้ชินกับท่านอนแวิธีแก้นอนกรนด้วยการนอนตะแคง
• ใช้หมอนข้างเพื่อช่วยพยุงตัว
• ใช้หมอนรองหลังเพื่อป้องกันการพลิกกลับไปนอนหงาย
• ใส่ลูกเทนนิสที่ด้านหลังของเสื้อเพื่อป้องกันการนอนหงาย
1.2 ท่านอนที่เป็นวิธีแก้นอนกรน - นอนคว่ำ (Stomach Sleeping) – ควรทำด้วยความระมัดระวัง
• เป็นวิธีแก้นอนกรนที่ ลดการอุดกั้นของทางเดินหายใจเหมือนกับการนอนตะแคง
ข้อควรระวังใช้วิธีแก้นอนกรนด้วยการนอนคว่ำ
• อาจทำให้เกิดอาการปวดคอหรือปวดหลัง
• ใครที่ใช้วิธีนอนกรนด้วยการนอนคว่ำควรใช้หมอนที่ต่ำเพื่อลดแรงกดต่อคอ
1.3 ท่านอนที่เป็นวิธีแก้นอนกรนด้วยการ ยกศีรษะให้สูงขึ้นเล็กน้อย เวลานอน (Elevated Sleeping Position)
เหตุผลที่เป็นวิธีแก้นอนกรน
• ช่วยเปิดทางเดินหายใจและลดแรงกดบริเวณลำคอ
• ลดอาการกรดไหลย้อนที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองของลำคอและกระตุ้นการกรน
วิธีแก้นอนกรนด้วยวิธีนี้
• ใช้หมอนรองคอที่มีความสูงพอดี (ไม่ควรสูงเกินไป)
• ปรับเตียงให้มีระดับเอียงเล็กน้อย
เทคนิคเพิ่มเติมเพื่อวิธีแก้นอนกรนด้วยการนอน
• วิธีแก้นอนกรนด้วยการเลือกหมอนที่เหมาะสม หมอนที่รองรับศีรษะและคออย่างเหมาะสมช่วยป้องกันการอุดกั้นทางเดินหายใจ
• วิธีแก้นอนกรนด้วยการปรับตำแหน่งของเตียง เตียงที่มีระดับเอียงเล็กน้อยช่วยให้ลมหายใจไหลเวียนสะดวกขึ้น
การเปลี่ยนท่านอนเป็นหนึ่งในวิธีแก้นอนกรนที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการลดการนอนกรน
• วิธีแก้นอนกรนด้วยการนอนตะแคงเป็นท่าที่ดีที่สุด
• ยกศีรษะให้สูงขึ้นเล็กน้อยช่วยลดแรงกดของลิ้น
• หลีกเลี่ยงการนอนหงาย เพราะอาจทำให้ลิ้นและเพดานอ่อนตกไปอุดกั้นทางเดินหายใจได้
วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง CPAP
วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง CPAP หรือเรียกภาษาไทยว่าเครื่องอัดอากาศแรงดันบวกต่อเนื่อง (Continuous Positive Airway Pressure – CPAP) เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น แนวทางการรักษาหลัก สำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และเป็นวิธีแก้นอนกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.หลักการทำงานของวิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง CPAP
วิธีแก้นอนกรนด้วย CPAP จะเป็นการทำงานโดยการ ส่งอากาศที่มีแรงดันผ่านหน้ากากเข้าสู่ทางเดินหายใจของผู้ใช้ เพื่อช่วยให้ช่องลมหายใจเปิดอยู่ตลอดเวลา ป้องกันการยุบตัวของเนื้อเยื่อบริเวณลำคอที่เป็นสาเหตุของการอุดกั้นและเสียงกรน
• อากาศแรงดันบวกช่วยขยายทางเดินหายใจ - ลดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อ ลดเสียงกรน
• แรงดันคงที่ช่วยป้องกันการหยุดหายใจขณะหลับ - ปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับและลดภาวะพร่องออกซิเจนในเลือด
• ลดอาการง่วงนอนในเวลากลางวัน - เนื่องจากช่วยให้ผู้ใช้เข้าสู่ภาวะหลับลึกได้ต่อเนื่องมากขึ้น
2.ทริคในการใช้วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง CPAP
• วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง CPAP จะต้องใช้อย่างสม่ำเสมอทุกคืนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
• วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง CPAP อาจต้องใช้เวลาปรับตัว บางคนอาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะคุ้นเคย
• วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง CPAP ควรทำความสะอาดอุปกรณ์เป็นประจำ ป้องกันการสะสมของเชื้อโรค
3.ข้อดีของการใช้วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง CPAP
วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง CPAP ช่วยลดอาการนอนกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• เปิดทางเดินหายใจ ลดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อ
• ลดเสียงกรนเกือบ 100% เมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง
วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง CPAP ช่วยป้องกันภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA)
• ป้องกันการขาดออกซิเจนระหว่างหลับ
• ลดอาการสะดุ้งตื่นและช่วยให้หลับสนิทขึ้น
วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง CPAP ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนให้ดีขึ้น
• ทำให้เข้าสู่ระยะหลับลึก (Deep Sleep) ได้ดีขึ้น
• ลดอาการง่วงนอนกลางวันและเพิ่มพลังงาน
วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง CPAP ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
• ลดความดันโลหิตและความเสี่ยงหัวใจขาดเลือด
• ลดโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง CPAP ช่วยช่วยควบคุมน้ำหนักและระบบเมตาบอลิซึม
• ปรับสมดุลฮอร์โมนความหิว (Ghrelin) และความอิ่ม (Leptin)
• ลดภาวะดื้อต่ออินซูลินและความเสี่ยงโรคเบาหวาน
วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง CPAP ใช้งานง่าย ไม่ต้องผ่าตัด
• เป็นวิธีที่ปลอดภัย ไม่ต้องทำศัลยกรรม
• เทคโนโลยี Auto-CPAP ช่วยให้ปรับแรงดันอัตโนมัติ
วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง INAP
วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง iNAP (Intraoral Negative Airway Pressure) เป็นหนึ่งในนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยรักษาอาการนอนกรนและ OSA โดยไม่ต้องใช้หน้ากากหรือแรงดันลมแบบ CPAP
หลักการทำงานของวิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง iNAP
วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง iNAP ทำงานโดย สร้างแรงดันลบในช่องปาก ซึ่งช่วยให้ลิ้นและเนื้อเยื่อบริเวณลำคอถูกดึงกลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้ทางเดินหายใจเปิดโล่งตลอดการนอนหลับ กระบวนการนี้ลดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อบริเวณคอหอยที่เป็นสาเหตุของเสียงกรน และลดโอกาสการหยุดหายใจขณะหลับ
• แรงดันลบช่วยให้ลิ้นอยู่ในตำแหน่งปกติ - ลดการอุดกั้นของทางเดินหายใจ
• ไม่มีแรงดันลมสูงในทางเดินหายใจ - ต่างจาก CPAP ที่ใช้แรงดันอากาศบังคับ
ข้อดีของวิธีแก้นอนกรนของเครื่อง iNAP
วิธีแก้นอนกรนด้วย iNAP ไม่มีหน้ากาก ให้ความรู้สึกสบายกว่า CPAP
• ผู้ใช้ไม่ต้องสวมหน้ากากครอบจมูกหรือปาก ทำให้ลดความรู้สึกอึดอัด
วิธีแก้นอนกรนด้วย iNAP ขนาดกะทัดรัดและพกพาสะดวก
• ออกแบบให้มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการเดินทาง
วิธีแก้นอนกรนด้วย iNAP ไม่ใช้แรงดันลมสูง จึงไม่มีเสียงรบกวน
• ต่างจาก CPAP ที่ต้องใช้ลมอัดเข้าไปในทางเดินหายใจ
วิธีแก้นอนกรนด้วย iNAP ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าตลอดเวลา
• เครื่องสามารถทำงานได้โดยใช้พลังงานแบตเตอรี่ เหมาะกับการพกพา
วิธีแก้นอนกรนด้วย iNAP ช่วยให้หลับสนิทขึ้น ลดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
• ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือดและทำให้คุณภาพการนอนดีขึ้น
ข้อควรระวังในการใช้วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง iNAP
• วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง iNAP ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะ OSA ขั้นรุนแรง อาจต้องใช้ CPAP แทน
• วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง iNAP ต้องได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับขนาดช่องปากของแต่ละบุคคล
• วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่อง iNAP ต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อให้แน่ใจว่า iNAP เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับอาการนอนกรนของเรา
วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่องมือทันตกรรม
วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่องมือทันตกรรม (Oral Appliances / Mandibular Advancement Devices - MADs) ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ทางเดินหายใจเปิดโล่ง มีประสิทธิภาพสูงในการแก้นอนกรน
หลักการทำงานของวิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่องมือทันตกรรม
วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่องมือทันตกรรมช่วยลดการนอนกรนโดย ปรับตำแหน่งของขากรรไกร ลิ้น และเนื้อเยื่อบริเวณลำคอ เพื่อป้องกันการอุดกั้นของทางเดินหายใจ โดยมีหลักการทำงานดังนี้
• ดันขากรรไกรล่างไปด้านหน้าเล็กน้อย - เพิ่มพื้นที่ของทางเดินหายใจ
• ป้องกันไม่ให้ลิ้นตกไปปิดทางเดินหายใจ
• ลดแรงสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อบริเวณลำคอ - ลดเสียงกรน
• ช่วยให้หายใจสะดวกขึ้นตลอดคืน เป็นวิธีแก้นอนกรนที่ทำให้นอนได้อย่างเต็มที่
ประเภทของวิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่องมือทันตกรรม
1.เครื่องมือดันขากรรไกรล่าง (Mandibular Advancement Devices - MADs)
- อุปกรณ์ที่สวมใส่ในปากเพื่อดันขากรรไกรล่างไปด้านหน้าเล็กน้อย
- เหมาะสำหรับผู้ที่มี การอุดกั้นระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
2.เครื่องมือพยุงลิ้น (Tongue Retaining Devices - TRDs)
- อุปกรณ์ที่ออกแบบให้จับลิ้นไว้ด้านหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้ลิ้นตกไปปิดทางเดินหายใจ
- เหมาะสำหรับผู้ที่มี ลิ้นขนาดใหญ่หรือมีปัญหาลิ้นตกขณะหลับ
3.เครื่องมือทันตกรรมที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคล (Custom-Made Oral Appliances)
- ทันตแพทย์เฉพาะทางออกแบบให้พอดีกับรูปปากและขากรรไกรของแต่ละบุคคล
- มีความสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพสูงกว่าอุปกรณ์สำเร็จรูป
ข้อดีของวิธีแก้นอนกรนโดยใช้เครื่องมือทันตกรรม
• สะดวกและพกพาง่าย - วิธีแก้นอนกรนโดยใช้เครื่องมือทันตกรรม มีขนาดเล็กกะทัดรัด ใช้งานง่ายกว่าการใช้เครื่อง CPAP
• ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า - ไม่มีเสียงรบกวนขณะใช้งาน
• ลดเสียงกรนและช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น - ช่วยให้หลับลึกและตื่นขึ้นมารู้สึกสดชื่น
• ช่วยลดภาวะหยุดหายใจขณะหลับระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
• ไม่มีผลข้างเคียงจากแรงดันอากาศ - แตกต่างจาก CPAP ที่อาจทำให้เกิดอาการจมูกแห้งหรืออึดอัด
• วิธีแก้นอนกรนโดยใช้เครื่องมือทันตกรรม เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้ CPAP ได้ หรือรู้สึกไม่สบายเมื่อสวมหน้ากาก
การใช้งานวิธีแก้นอนกรนโดยใช้เครื่องมือทันตกรรม
1.พบทันตแพทย์เฉพาะทาง
- ตรวจสภาพขากรรไกรและลักษณะของทางเดินหายใจ
- เลือกเครื่องมือที่เหมาะสมและปรับแต่งให้พอดี
2.สวมใส่ก่อนนอน
- ใส่เครื่องมือเข้าไปในช่องปากโดยให้พอดีกับฟัน
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีอาการอึดอัดเกินไป
3.ดูแลรักษาอุปกรณ์
- ล้างทำความสะอาดทุกเช้าหลังจากใช้งาน
- หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรงที่อาจทำลายวัสดุของอุปกรณ์
ข้อควรระวังสำหรับการเลือกใช้วิธีแก้นอนกรนโดยเครื่องมือทันตกรรม
• วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่องมือทันตกรรม อาจใช้เวลาสองสามวันถึงสัปดาห์ในการปรับตัวให้เข้ากับอุปกรณ์
• วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่องมือทันตกรรม อาจมีอาการปวดกรามหรือเจ็บฟันในช่วงแรก
• วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่องมือทันตกรรม ต้องตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำเพื่อตรวจสอบว่าอุปกรณ์ยังคงพอดีและมีประสิทธิภาพ
• วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่องมือทันตกรรม ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับรุนแรง (อาจต้องใช้ CPAP แทน)
วิธีแก้นอนกรนด้วยการบำบัดกล้ามเนื้อ
วิธีแก้นอนกรนด้วยการบำบัดกล้ามเนื้อ (Myofunctional Therapy) เป็นวิธีแก้นอนกรนด้วยการการฝึกกล้ามเนื้อในช่องปากและลำคอให้แข็งแรงขึ้น เพื่อช่วยลดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อ ลดการหย่อนตัวของลิ้น และช่วยให้การหายใจในระหว่างการนอนดีขึ้น
หลักการของวิธีแก้นอนกรนด้วยการการบำบัดกล้ามเนื้อ
การบำบัดกล้ามเนื้อสำหรับการนอนกรนเน้นที่การฝึก กล้ามเนื้อช่องปาก ลิ้น และคอหอย เพื่อให้แข็งแรงขึ้นและสามารถรักษาตำแหน่งของทางเดินหายใจได้ดีขึ้นขณะนอนหลับ
• เป็นวิธีแก้นอนกรนด้วยการเสริมสร้างกล้ามเนื้อบริเวณลิ้น
ป้องกันลิ้นจากการตกลงไปอุดกั้นทางเดินหายใจ
• เป็นวิธีแก้นอนกรนด้วยการเพิ่มความแข็งแรงของเพดานอ่อนและคอหอย
ลดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อที่ทำให้เกิดเสียงกรน
• เป็นวิธีแก้นอนกรนที่ช่วยปรับปรุงรูปแบบการหายใจ
ทำให้หายใจผ่านจมูกได้ดีขึ้น ลดการหายใจทางปาก
เทคนิควิธีแก้นอนกรนด้วยการบำบัดกล้ามเนื้อ
วิธีแก้นอนกรนด้วยการออกกำลังกายกล้ามเนื้อลิ้น (Tongue Exercises)
ท่ากลิ้งลิ้น (Tongue Slide)
• วางปลายลิ้นไว้ที่หลังฟันบน แล้วค่อยๆ เลื่อนลิ้นไปด้านหลังจนสุดเพดานปาก
• ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
ท่ายกปลายลิ้น (Tongue Lift)
• ดันปลายลิ้นขึ้นไปแตะเพดานปากค้างไว้ 5 วินาที แล้วปล่อย
• ทำซ้ำ 10 ครั้ง
ท่ากดลิ้นกับเพดานปาก (Tongue Press)
• กดลิ้นแนบกับเพดานปากให้แน่นที่สุด ค้างไว้ 5 วินาที
• ทำซ้ำ 10 ครั้ง
วิธีแก้นอนกรนด้วยการออกกำลังกายกล้ามเนื้อเพดานอ่อนและคอหอย (Throat Exercises)
ท่าเปล่งเสียง "อา อี อู" (Vocalization Exercises)
• เปล่งเสียง "อา อี อู" ช้าๆ และออกเสียงให้เต็มเสียง
• ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
ท่ากลืนโดยใช้แรง (Swallowing Exercise)
• กลืนโดยใช้กล้ามเนื้อคอหอยอย่างเต็มที่ ให้รู้สึกว่ากล้ามเนื้อเกร็งขึ้น
• ทำซ้ำ 10 ครั้ง
ท่าเป่าลูกโป่ง (Balloon Blowing Exercise)
• เป่าลูกโป่งให้พองโดยใช้แรงจากปอดและกล้ามเนื้อคอ
• ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง
วิธีแก้นอนกรนด้วยการฝึกหายใจผ่านจมูก (Nasal Breathing Training)
ฝึกหายใจลึกผ่านจมูก (Diaphragmatic Breathing)
• หายใจเข้าลึกๆ ทางจมูก นับ 4 วินาที ค้างไว้ 2 วินาที แล้วหายใจออกทางปาก
• ทำซ้ำ 10 ครั้ง
ฝึกปิดปากหายใจทางจมูก (Nasal Resistance Breathing)
• ใช้เทปปิดปากเบาๆ ขณะนอน (Mouth Taping) เพื่อส่งเสริมการหายใจทางจมูก
ข้อดีของวิธีแก้นอนกรนด้วยการบำบัดกล้ามเนื้อเพื่อแก้ปัญหานอนกรน
- วิธีแก้นอนกรนด้วยการบำบัดกล้ามเนื้อเป็นวิธีธรรมชาติ ไม่ต้องใช้ยาและเครื่องมือ
- วิธีแก้นอนกรนด้วยการบำบัดกล้ามเนื้อ ลดอาการนอนกรนอย่างมีประสิทธิภาพ จากการทำให้กล้ามเนื้อลิ้นและเพดานอ่อนแข็งแรงขึ้น
- วิธีแก้นอนกรนด้วยการบำบัดกล้ามเนื้อ ช่วยให้การหายใจขณะหลับดีขึ้น ลดการหยุดหายใจขณะหลับ
- วิธีแก้นอนกรนด้วยการบำบัดกล้ามเนื้อเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ ทำให้ตื่นขึ้นมาสดชื่นขึ้น
- วิธีแก้นอนกรนด้วยการบำบัดกล้ามเนื้อช่วยลดการพึ่งพา CPAP สำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้ CPAP ได้
วิธีแก้นอนกรนด้วย Snore Laser
วิธีแก้นอนกรนด้วย Snore Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อลดการหย่อนคล้อยของเนื้อเยื่อภายในช่องปาก โดยไม่ต้องผ่าตัด และ ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ (CPAP)
หลักการทำงานของวิธีแก้นอนกรนด้วย Snore Laser
วิธีแก้นอนกรนด้วย Snore Laser ใช้พลังงานเลเซอร์ Er:YAG (Erbium:YAG) ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษในการ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยให้เนื้อเยื่อในช่องปากและลำคอมีความตึงตัวมากขึ้น โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง
กระบวนการที่เกิดขึ้นหลังวิธีแก้นอนกรนด้วย Snore Laser
- ทำให้เพดานอ่อนและลิ้นไก่กระชับขึ้น - ลดการอุดกั้นของทางเดินหายใจ
- ลดแรงสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในลำคอ - ลดเสียงกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยขยายช่องทางเดินหายใจ - เพิ่มการไหลเวียนของอากาศ ลดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
ข้อดีของการรักษาของวิธีแก้นอนกรนด้วย Snore Laser
- วิธีแก้นอนกรนด้วย Snore Laser ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่มีอาการปวดหลังการรักษา
- วิธีแก้นอนกรนด้วย Snore Laser ไม่ต้องใช้ CPAP หรือเครื่องช่วยหายใจ เพิ่มคุณภาพการนอนโดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์
- วิธีแก้นอนกรนด้วย Snore Laser กระชับเนื้อเยื่อในช่องปากอย่างเป็นธรรมชาติ กระตุ้นคอลลาเจนช่วยให้เพดานอ่อนแข็งแรงขึ้น
- วิธีแก้นอนกรนด้วย Snore Laser ใช้เวลาเพียง 20-30 นาทีต่อครั้ง สะดวกและไม่ต้องพักฟื้น
- วิธีแก้นอนกรนด้วย Snore Laser ไม่มีผลข้างเคียงระยะยาว
ผลลัพธ์หลังจากใช้วิธีแก้นอนกรนด้วย Snore Laser
• ลดเสียงกรนลงได้มากกว่า 50-80% หลังการรักษาครบคอร์ส
• คุณภาพการนอนดีขึ้น ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
• ลดความรุนแรงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับในกรณีที่ไม่รุนแรง
• ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน ก่อนที่เนื้อเยื่อจะเริ่มหย่อนตัวอีกครั้ง
ใครที่สนใจเลือกใช้วิธีแก้นอนกรนด้วยโปรแกรม Snore Laser จะต้องทำกับแพทย์ Specialist และคลินิกที่ได้มาตรฐานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็นไปตามในแบบที่เราต้องการ รมย์รวินท์คลินิกเป็นคลินิกที่รับรอง มาตรฐานและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากที่สุด สามารถนัดปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปัญหาความกังวลใจเกี่ยวกับการนอนกรนได้เลย
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับวิธีแก้นอนกรน
การนอนกรนนอกจากจะเป็นการนอนหลับที่เสียงดังแล้ว ยังส่งผลอันตรายต่อชีวิตอีกด้วย เพราะถ้าปล่อยไว้อาจนอนกรนรุนแรงถึงขั้นหยุดหายใจขณะหลับได้ เพราะฉะนั้นเราควรเลือกวิธีแก้นอนกรน ที่เหมาะกับปัญหาของเรามากที่สุด เพื่อให้เราสามารถหายจากการนอนกรนได้ ซึ่งวิธีแก้นอนกรนข้างต้น เป็นวิธีแก้นอนกรนสำหรับคนที่กลัวการผ่าตัด ใครที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองเหมาะกับวิธีแก้นอนกรนแบบไหนสามารถปรึกษาแพทย์ได้เลย สุขภาพการนอนที่ดี คือสุขภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว