10 ผลไม้ลดน้ำหนักมีอะไรบ้าง ตัวช่วยลดความอ้วน ใช้ได้ผลจริงหรือไม่?

บทความเกี่ยวกับ : ผลไม้ลดน้ำหนัก , ลดน้ำหนัก

10 ผลไม้ลดน้ำหนัก มีอะไรบ้าง ช่วยลดหุ่น สุขภาพดี
ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น การลดน้ำหนักและการรักษารูปร่างให้ฟิตอยู่เสมอ เป็นเป้าหมายที่หลายคนตั้งใจทำ โดยมีวิธีลดน้ำหนักหลากหลายรูปแบบที่ได้รับความนิยม หนึ่งในนั้นคือการกินผลไม้ลดน้ำหนัก เพราะผลไม้เป็นตัวช่วยที่ดีในการควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากผลไม้ลดน้ำหนักมีแคลอรีต่ำ และยังอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มนานและลดความหิว รวมถึงผลไม้ลดน้ำหนักบางชนิดยังมีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมัน

ในบทความนี้ขอแนะนำผลไม้ลดน้ำหนักทั้ง 10 ชนิด พร้อมทั้งประโยชน์และปริมาณแคลอรี่ เพื่อให้คุณสามารถเลือกกินผลไม้ลดน้ำหนักได้อย่างถูกต้อง และสามารถลดน้ำหนักได้สำเร็จตามเป้าหมาย

10 ผลไม้ลดน้ำหนัก แคลอรี่น้อย กินแล้วไม่อ้วน
1.มะละกอ
มะละกอเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีประมาณ 37-53 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม ขึ้นอยู่กับความสุกของมะละกอ โดยมะละกอดิบมีประมาณ 37 กิโลแคลอรี และมะละกอสุกมีประมาณ 53 กิโลแคลอรี การกินมะละกอช่วยลดน้ำหนัก และมีประโยชน์หลากหลาย เช่น

• มะละกอมีแคลอรีต่ำ มะละกอเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีต่ำ ทำให้สามารถบริโภคได้ในปริมาณมาก โดยไม่ทำให้เพิ่มน้ำหนัก
• มะละกอมีไฟเบอร์สูง มะละกอเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีใยอาหารประมาณ 1.7-2 กรัมต่อ 100 กรัม ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มนานและลดความหิวระหว่างมื้ออาหาร
• มะละกอช่วยในการย่อยอาหาร มะละกอเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีเอนไซม์พาเพน (Papain) ที่ช่วยในการย่อยโปรตีน ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น
• มะละกอมีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ มะละกอเป็นผลไม้ลดน้ำหนัก ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และบำรุงสุขภาพให้แข็งแรง
• มะละกอช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด การบริโภคผลไม้ลดน้ำหนักอย่างมะละกอ สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักและควบคุมโรคเบาหวาน

2.แตงโม
แตงโมเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีประมาณ 30-32 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น ๆ ประโยชน์ของแตงโมในการลดน้ำหนักมีหลายอย่าง เช่น

• แตงโมมีแคลอรีต่ำ เนื่องจากแตงโมเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีต่ำ ทำให้สามารถบริโภคได้โดยไม่เพิ่มน้ำหนัก ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
• แตงโมมีน้ำมาก แตงโมเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีน้ำประมาณ 92% ทำให้ช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้นและรู้สึกอิ่มได้ดี  โดยไม่เพิ่มแคลอรีมากเกินไป
• แตงโมมีไฟเบอร์สูง แตงโมเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีใยอาหารประมาณ 0.4 กรัมต่อ 100 กรัม ซึ่งช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นและช่วยลดความหิว
• แตงโมมีวิตามินและแร่ธาตุ แตงโมเป็นผลไม้ลดน้ำหนัก และอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ และโพแทสเซียม ซึ่งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
• แตงโมช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การกินผลไม้ลดน้ำหนักอย่างแตงโมในปริมาณที่เหมาะสม สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ เนื่องจากเป็นน้ำตาลธรรมชาติ

3.สตรอเบอร์รี
สตรอว์เบอร์รีเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีน้อย เพียงประมาณ 32-34 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม ทำให้สตรอว์เบอร์รีมีประโยชน์มากมายในการลดน้ำหนัก เช่น

• สตรอว์เบอร์รีมีแคลอรีต่ำ สตรอว์เบอร์รีเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีที่ต่ำ ทำให้สามารถบริโภคได้ในปริมาณมากโดยไม่ทำให้เพิ่มน้ำหนัก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
• สตรอว์เบอร์รีมีไฟเบอร์สูง สตรอว์เบอร์รีเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีใยอาหารประมาณ 2 กรัมต่อ 100 กรัม ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มนานและช่วยในการขับถ่าย ทำให้ลดความหิวระหว่างมื้ออาหาร
• สตรอว์เบอร์รีช่วยลดบวมน้ำ สตรอว์เบอร์รีเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีโพแทสเซียมสูง ซึ่งช่วยขับเกลือโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย ลดและป้องกันอาการบวมน้ำ
• สตรอว์เบอร์รีมีวิตามินซีสูง สตรอว์เบอร์รีเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีวิตามินซีสูงถึง 64 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบำรุงผิวพรรณ
• สตรอว์เบอร์รีลดการสะสมไขมัน สตรอว์เบอร์รี่เป็นผลไม้ลดน้ำหนัก ที่ช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนอะดิโปเนกตินและเลปติน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญทำให้ไขมันลดลง
• สตรอว์เบอร์รีช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ การกินผลไม้ลดน้ำหนักอย่างสตรอว์เบอร์รี สามารถกระตุ้นการผลิตฮอร์โมน ที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญพลังงาน ทำให้ไขมันที่สะสมในร่างกายลดลง

4.แอปเปิล
แอปเปิลเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีประมาณ 52-63 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม ขึ้นอยู่กับชนิดและความสุกของผลไม้ โดยทั่วไปแอปเปิลสีเขียวมีประมาณ 58 กิโลแคลอรี และแอปเปิลสีแดงมีประมาณ 59-63 กิโลแคลอรี สำหรับประโยชน์ของแอปเปิลในการลดน้ำหนัก เช่น

• แอปเปิลมีแคลอรีต่ำ แอปเปิลเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีที่ต่ำ ทำให้สามารถบริโภคได้ในปริมาณมากโดยไม่ทำให้เพิ่มน้ำหนัก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
• แอปเปิลมีไฟเบอร์สูง แอปเปิลเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีใยอาหารประมาณ 2.4 กรัมต่อ 100 กรัม ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ลดความหิวระหว่างมื้ออาหาร และช่วยในการขับถ่าย
• แอปเปิลช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การกินผลไม้ลดน้ำหนักอย่างแอปเปิล สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เนื่องจากมีน้ำตาลธรรมชาติที่ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลพุ่งสูงเกินไป
• แอปเปิลมีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ แอปเปิลเป็นผลไม้ลดน้ำหนักและแหล่งที่ดีของวิตามินซีและสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย
• แอปเปิลกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน แอปเปิลสามารถช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ทำให้เป็นผลไม้ลดน้ำหนัก ที่ช่วยให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากขึ้น

5.ฝรั่ง
ฝรั่งเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีประมาณ 43-54 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม ขึ้นอยู่กับความสุกและสายพันธุ์ของฝรั่ง โดยประโยชน์ของฝรั่งในการช่วยลดน้ำหนัก เช่น

• ฝรั่งมีแคลอรีต่ำ ฝรั่งเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีต่ำ ทำให้สามารถกินได้ในปริมาณมาก โดยไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่ม ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
• ฝรั่งมีไฟเบอร์สูง ฝรั่งเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีใยอาหารประมาณ 3.6-8.9 กรัมต่อ 100 กรัม ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ลดความหิวระหว่างมื้ออาหาร และช่วยในการขับถ่าย
• ฝรั่งช่วยลดความอยากอาหาร ฝรั่งเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่ช่วยลดความอยากอาหารหวานได้ เนื่องจากมีรสชาติหวานธรรมชาติ ทำให้สามารถทดแทนขนมหวานได้ดี
• ฝรั่งมีวิตามินซีสูง ฝรั่งเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่อุดมไปด้วยวิตามินซีสูง ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบำรุงผิวพรรณ ทำให้ร่างกายแข็งแรงและลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย
• ฝรั่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ฝรั่งเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักและควบคุมโรคเบาหวาน
• ฝรั่งช่วยลดไขมันในลำไส้ มีงานวิจัยที่แสดงว่าฝรั่งเป็นผลไม้ลดน้ำหนัก ที่สามารถช่วยลดระดับไขมันเลวในร่างกาย ทำให้สุขภาพหัวใจดีขึ้น

6.ส้ม
ส้มเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีประมาณ 42-60 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม ขึ้นอยู่กับชนิดของส้ม อย่างเช่นส้มเขียวหวานจะมีแคลอรีประมาณ 42 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม และส้มทั่วไปจะมีประมาณ 60 กิโลแคลอรีต่อผล ประโยชน์ของส้มในการลดน้ำหนัก เช่น

• ส้มมีแคลอรีต่ำ ส้มเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ไม่ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
• ส้มมีไฟเบอร์สูง ส้มเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีใยอาหารประมาณ 2.4 กรัมต่อ 100 กรัม ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ลดความหิวระหว่างมื้ออาหาร
• ส้มมีวิตามินซีสูง ส้มเป็นอีกหนึ่งผลไม้ลดน้ำหนักที่มีวิตามินซีสูง ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงผิวพรรณ และช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย
• ส้มช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ส้มเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ เนื่องจากมีน้ำตาลธรรมชาติ ที่ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงเกินไป
• ส้มช่วยในการเผาผลาญไขมัน ส้มเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ทำให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากขึ้น
• ส้มช่วยลดความอยากอาหาร รสชาติหวานและสดชื่นของส้ม สามารถช่วยลดความอยากอาหารหวาน ทำให้ไม่ต้องกินขนมหวานที่มีแคลอรีสูง จึงเหมาะเป็นผลไม้ลดน้ำหนัก

7.แก้วมังกร
แก้วมังกรเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีประมาณ 50-66 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม ขึ้นอยู่กับชนิดและความสุกของผลไม้ ประโยชน์ของแก้วมังกรในการลดน้ำหนัก เช่น

• แก้วมังกรมีแคลอรีต่ำ ด้วยแคลอรีที่ต่ำของแก้วมังกร จึงเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
• แก้วมังกรมีไฟเบอร์สูง แก้วมังกรเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีใยอาหารประมาณ 2.6 กรัมต่อ 100 กรัม ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ลดความหิวระหว่างมื้ออาหาร และช่วยในการขับถ่าย
• แก้วมังกรช่วยในการย่อยอาหาร ใยอาหารในแก้วมังกรช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร จึงเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่ทำให้การขับถ่ายเป็นไปได้ดีขึ้น
• แก้วมังกรมีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ แก้วมังกรเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบำรุงสุขภาพโดยรวม
• แก้วมังกรช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การกินแก้วมังกรในปริมาณที่เหมาะสม สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ เนื่องจากแก้วมังกรเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีน้ำตาลธรรมชาติ

8.บลูเบอร์รี่
บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีประมาณ 57 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม ซึ่งประโยชน์ของบลูเบอร์รี่ในการลดน้ำหนัก เช่น

• บลูเบอร์รี่มีแคลอรีต่ำ บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน
• บลูเบอร์รี่มีไฟเบอร์สูง บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีใยอาหารประมาณ 2.4-4 กรัมต่อ 100 กรัม ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ลดความหิวระหว่างมื้ออาหาร และช่วยในการขับถ่าย
• บลูเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระ บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยลดการอักเสบและป้องกันโรคเรื้อรัง ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• บลูเบอร์รี่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีน้ำตาลธรรมชาติ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลพุ่งสูงเกินไป
• บลูเบอร์รี่ช่วยเผาผลาญไขมัน บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่อาจช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ทำให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากขึ้น
• บลูเบอร์รี่ช่วยลดความอยากอาหาร รสชาติหวานและสดชื่นของบลูเบอรรี่ เหมาะเป็นผลไม้ลดน้ำหนัก ช่วยลดความอยากอาหารหวาน ลดการกินขนมหวานที่มีแคลอรีสูง

9.สับปะรด
สับปะรดเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีประมาณ 51 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม ประโยชน์ของสับปะรดในการลดน้ำหนัก เช่น

• สับปะรดมีแคลอรีต่ำ สับปะรดเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีที่ต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
• สับปะรดมีไฟเบอร์สูง สับปะรดเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีใยอาหารประมาณ 1.4 กรัมต่อ 100 กรัม ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ลดความหิวระหว่างมื้ออาหาร
• สับปะรดช่วยในการย่อยอาหาร สับปะรดเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีเอนไซม์โบรมีเลน (Bromelain) ที่ช่วยในการย่อยโปรตีน ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
• สับปะรดมีวิตามินและแร่ธาตุ สับปะรดเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีวิตามินซีสูง ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบำรุงผิวพรรณ นอกจากนี้ยังมีโพแทสเซียมซึ่งช่วยควบคุมความดันโลหิต
• สับปะรดช่วยลดการอักเสบ สารโบรมีเลนในสับปะรดมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ จึงเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่ช่วยลดการบวมและการอักเสบในร่างกาย
• สับปะรดช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การกินสับปะรดในปริมาณที่เหมาะสม สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ เหมาะเป็นผลไม้ลดน้ำหนัก

10.กีวี่
กีวี่เป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีประมาณ 60 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม ประโยชน์ของกีวี่ในการลดน้ำหนัก เช่น

• กีวี่มีแคลอรีต่ำ กีวี่เป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและลดความอ้วน
• กีวี่มีไฟเบอร์สูง กีวี่เป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีใยอาหารสูง ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ลดความหิวระหว่างมื้ออาหาร และช่วยในการขับถ่าย
• กีวี่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด กีวี่เป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้
• กีวี่มีวิตามินซีสูง กีวี่เป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีวิตามินซีสูง ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบำรุงผิวพรรณให้สดใส
• กีวี่ช่วยในการย่อยอาหาร กีวี่เป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่มีเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยโปรตีน ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
• กีวี่ช่วยลดความอยากอาหาร กีวี่เป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่ช่วยลดความอยากอาหาร จึงควบคุมน้ำหนักได้
• กีวี่ช่วยเผาผลาญไขมัน กีวี่เป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ทำให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผลไม้ลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด
การเลือกกินผลไม้ลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด เป็นอีกหนึ่งวิธีลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยม โดยผลไม้ลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือดที่แนะนำ มีดังนี้

1.ผลไม้ลดน้ำหนักกรุ๊ปโอ
• ผลไม้ลดน้ำหนักที่ควรกิน : เกรปฟรุต ลูกพลับ ลูกพรุน และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น บลูเบอร์รี ราสป์เบอร์รี
• ผลไม้ที่ควรหลีกเลี่ยง : ส้ม สตรอว์เบอร์รี มะขาม

2.ผลไม้ลดน้ำหนักกรุ๊ปบี
• ผลไม้ลดน้ำหนักที่ควรกิน : สับปะรด ลูกพรุน กล้วย มะละกอ องุ่น
• ผลไม้ที่ควรหลีกเลี่ยง : อะโวคาโด มะพร้าว ทับทิม

3.ผลไม้ลดน้ำหนักกรุ๊ปเอ
• ผลไม้ลดน้ำหนักที่ควรกิน : สับปะรด ลูกพลัม ลูกพรุน และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น สตรอว์เบอร์รี, บลูเบอร์รี
• ผลไม้ที่ควรหลีกเลี่ยง : มะม่วง มะละกอ มะขาม ส้ม

4.ผลไม้ลดน้ำหนัก กรุ๊ปเอบี
• ผลไม้ที่ควรกิน : องุ่น เชอร์รี่ ส้มโอ แครนเบอร์รี่
• ผลไม้ที่ควรหลีกเลี่ยง : ฝรั่ง มะม่วง ส้ม

การเลือกกินผลไม้ตามกรุ๊ปเลือดไม่เพียงแต่ช่วยในการลดน้ำหนัก แต่ยังช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพดี อย่างไรก็ตามควรกินผลไม้ลดน้ำหนักในปริมาณที่เหมาะสม และควบคู่กับการออกกำลังกาย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ผลไม้ลดน้ำหนักมีข้อดีอะไรบ้าง
ผลไม้ลดน้ำหนักมีประโยชน์หลากหลาย ที่ช่วยในการควบคุมน้ำหนักและส่งเสริมสุขภาพ ดังนี้

1.ผลไม้ลดน้ำหนักมีพลังงานต่ำ
ผลไม้หลายชนิดมีปริมาณแคลอรีต่ำแต่มีสารอาหารสูง เช่น แตงโม แอปเปิล กีวี และเบอร์รี เหมาะเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่ช่วยให้กินได้อย่างเต็มที่ โดยไม่เพิ่มน้ำหนักมากเกินไป

2.ผลไม้ลดน้ำหนักมีใยอาหารสูง
ใยอาหารในผลไม้ลดน้ำหนัก เช่น กล้วย แอปเปิล และส้ม ช่วยเพิ่มความอิ่มท้อง ทำให้ลดความอยากอาหาร และลดการกินอาหารที่มีแคลอรีสูง

3.ผลไม้ลดน้ำหนักช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด
ผลไม้ลดน้ำหนักบางชนิด เช่น เบอร์รี อะโวคาโด และผลไม้ตระกูลส้ม ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ และป้องกันความอยากอาหารระหว่างวัน

4.ผลไม้ลดน้ำหนักมีสารต้านอนุมูลอิสระ
ผลไม้ลดน้ำหนักที่อุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น บลูเบอร์รี สตรอเบอร์รี และทับทิม ช่วยลดการอักเสบในร่างกายและส่งเสริมสุขภาพ

5.ผลไม้ลดน้ำหนักช่วยเสริมการย่อยอาหาร
ผลไม้ลดน้ำหนักบางชนิด เช่น สับปะรด มะละกอ และกีวี มีเอนไซม์ช่วยย่อยอาหาร ส่งผลให้ระบบการย่อยทำงานได้ดีขึ้น

6.ผลไม้ลดน้ำหนักช่วยลดการสะสมของไขมัน
ผลไม้ลดน้ำหนักที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม มะนาว และเกรปฟรุต ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันในร่างกาย

7.ผลไม้ลดน้ำหนักทดแทนขนมหวาน
ผลไม้ลดน้ำหนักมีความหวานตามธรรมชาติ สามารถใช้เป็นของว่างเพื่อทดแทนขนมหวานที่มีน้ำตาลสูงได้

กินผลไม้ลดน้ำหนัก ควรระวังอะไรบ้าง
การกินผลไม้ลดน้ำหนักมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังที่ควรพิจารณา เพื่อให้การลดน้ำหนักเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ดังนี้

1.ควรกินผลไม้ลดน้ำหนักในปริมาณที่เหมาะสม
แม้ว่าผลไม้จะมีแคลอรีต่ำ แต่การบริโภคมากเกินไปอาจทำให้แคลอรีรวมสูงขึ้นได้ ซึ่งอาจนำไปสู่น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นได้

2.ควรเลือกผลไม้ลดน้ำหนักที่มีน้ำตาลต่ำ
ควรหลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง เช่น มะม่วงสุก กล้วย และองุ่น เนื่องจากอาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้

3.หลีกเลี่ยงกินผลไม้อบแห้งเป็นผลไม้ลดน้ำหนัก
ผลไม้อบแห้งมักมีแคลอรีสูงกว่าผลไม้สด เนื่องจากสูญเสียน้ำและมีน้ำตาลเข้มข้นมากขึ้น เช่น ลูกเกดและมะม่วงอบแห้ง

4.ระวังผลไม้ลดน้ำหนักที่มีไขมันสูง
ผลไม้บางชนิด เช่น อะโวคาโดและมะพร้าว มีไขมันสูง ควรบริโภคในปริมาณที่จำกัด

5.ไม่ควรกินผลไม้ลดน้ำหนักชนิดเดิมซ้ำ ๆ
การบริโภคผลไม้ชนิดเดียวกันติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้ร่างกายได้รับวิตามินหรือแร่ธาตุในปริมาณที่มากเกินไป

6.เลือกกินผลไม้ลดน้ำหนักให้เหมาะกับสภาพร่างกาย
ควรพิจารณาสภาพร่างกายของตนเอง เช่น หากมีอาการเจ็บป่วยหรือโรคประจำตัวบางอย่าง อาจต้องหลีกเลี่ยงผลไม้บางชนิดที่ไม่เหมาะสม

7.ควรกินผลไม้ลดน้ำหนักร่วมกับอาหารอื่น ๆ
ควรรวมการรับประทานผลไม้กับอาหารประเภทอื่น ๆ ให้ครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่หลากหลายและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
อย่างไรก็ตามการกินผลไม้ลดน้ำหนัก เป็นวิธีลดน้ำหนักที่สามารถทำได้ แต่ต้องระมัดระวังในเรื่องของปริมาณและชนิดของผลไม้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ลดน้ำหนักที่ดีที่สุด

ผลไม้ลดน้ำหนักควรกินตอนไหนดีที่สุด
การเลือกเวลาที่เหมาะสมในการกินผลไม้ลดน้ำหนัก สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักได้ มีแนวทางช่วงเวลาที่ควรกินผลไม้ลดน้ำหนักดังนี้

1.กินผลไม้ลดน้ำหนักตอนเช้า
• แนะนำ : กินผลไม้หลากหลายชนิด เช่น สับปะรด เชอร์รี่ กีวี่ และสตรอว์เบอร์รี
• ประโยชน์ : ช่วยให้ร่างกายมีพลังงานตลอดทั้งวันและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน

2.กินผลไม้ลดน้ำหนักตอนกลางวัน
• แนะนำ : ผลไม้ที่มีน้ำตาลธรรมชาติและเพิ่มพลังงาน เช่น กล้วย
• ประโยชน์ : เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อให้พลังงานในช่วงบ่าย

3.กินผลไม้ลดน้ำหนักตอนเย็น
• แนะนำ : ผลไม้ที่มีแคลอรีต่ำ เช่น สับปะรด กีวี และเบอร์รี
• ประโยชน์ : ช่วยให้อิ่มและลดความหิวในช่วงกลางคืน ควรกินประมาณ 2-3 ชั่วโมงก่อนนอน

4.กินผลไม้ลดน้ำหนักก่อนออกกำลังกาย
• แนะนำ : ผลไม้ที่ให้พลังงานเร็ว เช่น แอปเปิล ส้ม และลูกแพร์
• ประโยชน์ : ช่วยให้ร่างกายมีพลังงานก่อนการออกกำลังกาย

การเลือกเวลาที่เหมาะสมในการกินผลไม้ลดน้ำหนัก จะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากสารอาหารในผลไม้ และทำให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพ

ลดน้ำหนักห้ามกินผลไม้อะไร
เมื่อต้องการลดน้ำหนักด้วยการกินผลไม้ลดน้ำหนัก มีผลไม้บางชนิดที่ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากมีแคลอรีสูงและน้ำตาลมาก ซึ่งอาจทำให้การลดน้ำหนักไม่ประสบความสำเร็จ ขอยกตัวอย่าง 5 ผลไม้ที่ควรหลีกเลี่ยง ไม่เหมาะกินเป็นผลไม้ลดน้ำหนัก ดังนี้

1.ทุเรียน
• มีแคลอรีและไขมันสูงมาก จึงไม่เหมาะเป็นผลไม้ลดน้ำหนัก
• ใน 100 กรัม มีแคลอรีประมาณ 147-150 แคลอรี
• ทำให้ได้รับพลังงานเกินความจำเป็นง่าย

2.มะม่วงสุก
• มีน้ำตาลธรรมชาติสูง จึงไม่เหมาะเป็นผลไม้ลดน้ำหนัก
• ใน 100 กรัม มีน้ำตาลประมาณ 14 กรัม
• กระตุ้นระดับน้ำตาลในเลือดและอาจสะสมเป็นไขมัน

3.ลำไย
• น้ำตาลสูงมากในปริมาณเล็กน้อย จึงไม่เหมาะเป็นผลไม้ลดน้ำหนัก
• ใน 100 กรัม มีแคลอรีประมาณ 60-70 แคลอรี และน้ำตาลสูงถึง 15 กรัม

4.องุ่น
• มีน้ำตาลสูงแม้จะกินเพียงเล็กน้อย จึงไม่เหมาะเป็นผลไม้ลดน้ำหนัก
• ใน 100 กรัม มีน้ำตาลประมาณ 16-18 กรัม
• กินง่ายและอาจทำให้ได้รับแคลอรีเกิน

5.เงาะ
• น้ำตาลสูง เช่นเดียวกับลำไยและองุ่น จึงไม่เหมาะเป็นผลไม้ลดน้ำหนัก
• ใน 100 กรัม มีน้ำตาลประมาณ 20 กรัม

ควรระมัดระวังในการบริโภคผลไม้เหล่านี้ ในขณะที่กำลังพยายามลดน้ำหนัก และควรเลือกผลไม้ลดน้ำหนักที่มีแคลอรีต่ำและน้ำตาลน้อย เพื่อช่วยให้ลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุป ผลไม้ลดน้ำหนัก กินดีไหม มีอะไรบ้าง
สรุปว่า การกินผลไม้ลดน้ำหนักมีข้อดีหลากหลาย เนื่องจากผลไม้ลดน้ำหนักมีแคลอรีต่ำ แต่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มนานและลดความหิว นอกจากนี้ ผลไม้ลดน้ำหนักยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบำรุงสุขภาพให้แข็งแรง การเลือกกินผลไม้ลดน้ำหนักที่มีน้ำตาลน้อยและแคลอรี่ต่ำ จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามควรบริโภคผลไม้ลดน้ำหนักในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่กับอาหารประเภทอื่น ๆ เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน

นอกจากการกินผลไม้ลดน้ำหนักแล้ว ปัจจุบันมีนวัตกรรมลดน้ำหนักหลากหลายรูปแบบ ถือเป็นตัวช่วยให้ลดน้ำหนักได้สำเร็จมากขึ้น Romrawin Clinic พร้อมให้การดูแลด้านลดน้ำหนักโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ รวมถึงใช้เครื่องมือที่มีเทคโนโลยีทันสมัยและปลอดภัย สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และนัดหมายปรึกษาแพทย์

 

อ้างอิง
https://www.ndtv.com/health/weight-loss-tips-10-best-fruits-to-eat-if-you-want-to-burn-fat-5684749
https://islandhospital.com/fruits-with-low-calories/
https://www.healthline.com/nutrition/best-weight-loss-fruits
https://www.health.com/fruits-that-help-with-weight-loss-8384245
https://www.cdc.gov/healthy-weight-growth/healthy-eating/fruits-vegetables.html