14 วิธีลดพุง เบิร์นไขมันจบปัญหาพุงใหญ่พุงยื่นจริงไหม
วิธีลดพุง
14 วิธีลดพุงเบิร์นไขมันจบปัญหาพุงใหญ่พุงยื่น
ปัญหาพุงใหญ่ พุงยื่น เป็นปัญหาที่ทำให้ใครหลายคนไม่มั่นใจ วันนี้เรามาแนะนำ 14 วิธีลดพุง เบิร์นไขมัน หุ่นเพรียว เอวโค้ง แบบปลอดภัยหุ่นไม่ย้วย
หัวข้อ 14 วิธีลดพุง เบิร์นไขมันหุ่นเพียวไร้พุง
• พุงเกิดจากอะไร
• ทำไมเราต้องหาวิธีลดพุง
• โรคร้ายที่เกิดจากการมีพุง
• วิธีลดพุงด้วยการเลือกอาหารที่เหมาะสม
• วิธีลดพุงด้วยการควบคุมแคลอรี
• วิธีลดพุงด้วยการทานมื้อเล็กแต่บ่อยครั้ง
• วิธีลดพุงด้วยการลดเครื่องดื่มหวาน
• วิธีลดพุงด้วยการจดบันทึกอาหารที่รับประทาน
• วิธีลดพุงด้วยการออกกำลังกายคาร์ดิโอ
• วิธีลดพุงด้วยการฝึก HIIT ให้ร่างกายเผาผลาญมากขึ้น
• วิธีลดพุงด้วยการฝึกท่าออกกำลังกายหน้าท้อง
• วิธีลดพุงด้วยการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ
• วิธีลดพุงด้วยการลดความเครียดในชีวิตประจำวัน
• วิธีลดพุงด้วยการลดการดื่มแอลกอฮอล์
• วิธีลดพุงด้วย Coolsculpting
• วิธีลดพุงด้วย Thermage Body
• วิธีลดพุงด้วย Indiba
• ประโยชน์ของวิธีลดพุงที่ดีต่อสุขภาพ
• สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับวิธีลดพุง
พุงเกิดจากอะไร
การมีพุง เกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน ที่เห็นชัดเจนที่สุดคือเกิดจาก พฤติกรรมการกิน รวมไปถึงการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความเครียด นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ และอีกหลายปัจจัยประกอบกันดังนี้
• กินมากกว่าที่ใช้
พลังงานที่กินเกินกว่าที่ร่างกายเผาผลาญจะถูกเก็บเป็นไขมัน โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง
• ขาดการออกกำลังกาย
การไม่เคลื่อนไหวร่างกายทำให้ไขมันสะสมง่ายขึ้น เพราะพลังงานที่ไม่ได้ใช้จะถูกเก็บไว้ในรูปของไขมัน
• น้ำตาลและอาหารแปรรูป
การกินขนมหวาน น้ำอัดลม และอาหารสำเร็จรูปที่มีน้ำตาลสูง เป็นตัวการใหญ่ที่ทำให้พุงใหญ่
• ความเครียดสะสม
ความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากขึ้น ส่งผลให้ไขมันสะสมในบริเวณหน้าท้อง
• นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ
การนอนไม่พอทำให้ฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวแปรปรวน กินมากขึ้น และร่างกายเผาผลาญพลังงานได้น้อยลง
• การดื่มแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์ เช่น เบียร์ และไวน์ มีแคลอรีสูง และกระตุ้นให้ร่างกายสะสมไขมันรอบเอว
• ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
ในบางช่วงชีวิต เช่น วัยทอง หรือหลังตั้งครรภ์ ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยน ทำให้ไขมันสะสมง่ายขึ้น
• ระบบเผาผลาญช้าลง
อายุที่มากขึ้นทำให้ระบบเผาผลาญลดลง ร่างกายสะสมไขมันได้ง่ายกว่าเดิม
• อาหารที่มีโซเดียมสูง
อาหารเค็มทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำมากขึ้น ส่งผลให้หน้าท้องดูบวมแม้ไม่ได้อ้วน
• กินมื้อดึกเป็นประจำ
การกินก่อนเข้านอนทำให้ร่างกายไม่มีโอกาสเผาผลาญพลังงานที่เพิ่งรับเข้ามา
• ขาดไฟเบอร์ในอาหาร
การกินอาหารที่ไฟเบอร์ต่ำทำให้ระบบขับถ่ายแย่ลง ส่งผลให้พุงบวมจากการสะสมของเสีย
• การทานแป้งขัดสีมากเกินไป
เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว ซึ่งเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในร่างกายและกลายเป็นไขมันสะสม
• พฤติกรรมการกินเร็ว
การกินอาหารเร็วเกินไปทำให้ร่างกายไม่ได้รับสัญญาณอิ่มทันเวลา ส่งผลให้กินมากเกินไป
• พันธุกรรมและโครงสร้างร่างกาย
ลักษณะร่างกายที่ได้รับถ่ายทอดจากครอบครัวอาจทำให้บางคนมีแนวโน้มสะสมไขมันหน้าท้องได้ง่าย
• ดื่มน้ำไม่เพียงพอ
การดื่มน้ำไม่พอทำให้ระบบย่อยและการขับถ่ายทำงานไม่สมบูรณ์ อาจทำให้พุงบวมจากการกักเก็บน้ำในร่างกาย
ทำไมเราต้องหาวิธีลดพุง
การที่เราพุงใหญ่ไม่ได้ส่งผลเสียแค่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวบ่งชี้ถึงสุขภาพภายในที่เสี่ยงต่อโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และไขมันพอกตับ ไขมันในช่องท้องส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมน การอักเสบในร่างกาย และระบบเผาผลาญ อีกทั้งยังทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวก ขาดความมั่นใจ และคุณภาพชีวิตลดลง การลดพุงหรือการหาวิธีลดพุงจึงไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงาม แต่เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว เพิ่มความคล่องตัว สุขภาพจิตที่ดี และลดความเสี่ยงต่อโรคร้ายในอนาคต ดังนั้น การดูแลตัวเองด้วยการหาวิธีลดพุง จึงเป็นการลงทุนในสุขภาพที่คุ้มค่าและยั่งยืนอย่างแน่นอน
โรคร้ายที่เกิดจากการมีพุง
การที่ไม่รีบหาวิธีลดพุงอาจทำให้เกิดโรคร้ายจากการที่เรามีพุงได้ เพราะการ มีพุงไม่ได้เป็นคนปัญหาความงามเท่านั้น แต่การมีพุงยังเป็นกระตุ้นให้เกิดโรคร้ายแรงอีกหลายชนิด ดังนี้
• โรคหัวใจและหลอดเลือด
ไขมันในช่องท้องส่งผลต่อหลอดเลือดแดง ทำให้เกิดการอุดตันและเพิ่มความเสี่ยงต่อหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมอง
• เบาหวานชนิดที่ 2
ไขมันหน้าท้องทำให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูงและเพิ่มความเสี่ยงต่อเบาหวาน
• ไขมันพอกตับ
ไขมันส่วนเกินสะสมในตับ ส่งผลให้ตับทำงานผิดปกติและอาจนำไปสู่โรคตับแข็ง
• มะเร็งบางชนิด
เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งเต้านม ไขมันหน้าท้องเกี่ยวข้องกับการหลั่งฮอร์โมนที่เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็ง
• ความดันโลหิตสูง
ไขมันหน้าท้องส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นและความดันโลหิตสูงขึ้น
• ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea)
ไขมันสะสมรอบช่องท้องและหน้าอกอาจกดทับทางเดินหายใจ ทำให้หายใจติดขัดระหว่างนอนหลับ
• โรคไตเรื้อรัง
การอักเสบจากไขมันหน้าท้องเพิ่มความเสี่ยงต่อการทำงานของไตที่ผิดปกติและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
• โรคกรดไหลย้อน
ไขมันหน้าท้องกดดันกระเพาะอาหาร ทำให้กรดไหลย้อนกลับไปที่หลอดอาหารได้ง่ายขึ้น
• ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS)
ในผู้หญิง ไขมันหน้าท้องทำให้ฮอร์โมนไม่สมดุล เพิ่มโอกาสเกิดภาวะนี้ ซึ่งมีผลต่อการมีบุตรยาก
• โรคข้อเสื่อม
น้ำหนักส่วนเกินจากไขมันหน้าท้องเพิ่มแรงกดดันต่อข้อเข่าและข้อสะโพก ทำให้ข้อเสื่อมเร็วขึ้น
การมีพุงเสี่ยงต่อโรคร้ายต่างๆอย่างมาก วิธีลดพุงจึงสำคัญมากเพื่อให้เราสุขภาพดีในระยะยาว
วิธีลดพุงด้วยการเลือกอาหารที่เหมาะสม
วิธีลดพุงด้วยการเลือกอาหารที่เหมาะสมไม่ใช่แค่การลดแคลอรี แต่เป็นการสร้างสมดุลของสารอาหารที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ ลดการสะสมไขมัน และส่งเสริมสุขภาพในระยะยาว สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้
วิธีลดพุงให้เลือกอาหารที่มีโปรตีนสูง
• โปรตีนช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มการเผาผลาญ
• ตัวอย่าง อกไก่, ไข่ต้ม, ปลาแซลมอน, เต้าหู้, ถั่วต่างๆ
วิธีลดพุงให้เน้นทานไฟเบอร์สูง
• อาหารที่มีไฟเบอร์ช่วยให้อิ่มนาน ลดการสะสมไขมัน และกระตุ้นการขับถ่าย
• ตัวอย่าง ผักใบเขียว, ธัญพืชเต็มเมล็ด, ถั่ว, แอปเปิล, แครอท
วิธีลดพุงให้หลีกเลี่ยงน้ำตาลและแป้งขัดสี
• ลดอาหารหวานและแป้งขาวที่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ง่ายและสะสมเป็นไขมัน
• ตัวอย่าง หลีกเลี่ยงข้าวขาว ขนมปังขาว น้ำอัดลม ทานข้าวกล้องหรือขนมปังโฮลวีตแทน
วิธีลดพุงให้เพิ่มไขมันดีในมื้ออาหาร
• ไขมันดีช่วยลดการสะสมไขมันเลวในร่างกาย
• ตัวอย่าง อะโวคาโด, น้ำมันมะกอก, ปลาแซลมอน, เมล็ดเจีย, ถั่วอัลมอนด์
วิธีลดพุงให้เลือกของว่างเพื่อสุขภาพ
• เลี่ยงขนมกรุบกรอบที่มีไขมันและน้ำตาลสูง
• ตัวอย่าง โยเกิร์ตไขมันต่ำ, ถั่วอบไม่ปรุงรส, ผลไม้สด
วิธีลดพุงให้ดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำหวาน
• น้ำเปล่าช่วยลดความอยากอาหารและกระตุ้นการเผาผลาญ
• แนะนำดื่มน้ำ 8-10 แก้วต่อวัน
วิธีลดพุงให้ลดอาหารที่มีโซเดียมสูง
• ลดการกักเก็บน้ำในร่างกายและลดความบวม
• ตัวอย่าง เลี่ยงอาหารดอง, ของแปรรูป และขนมขบเคี้ยวเค็ม
วิธีลดพุงให้หลีกเลี่ยงการทานมื้อดึก
• ร่างกายไม่ได้เผาผลาญพลังงานที่กินก่อนนอน ส่งผลให้ไขมันสะสม
วิธีลดพุงให้เริ่มวันด้วยอาหารเช้าสมดุล
• อาหารเช้าที่มีโปรตีนและไฟเบอร์ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดตลอดวัน
• ตัวอย่าง ข้าวโอ๊ต, โยเกิร์ตกับผลไม้สด, ไข่ต้มกับผัก
วิธีลดพุงให้ตั้งเป้าหมายมื้ออาหารให้สมดุล
• ทานคาร์โบไฮเดรต 40%, โปรตีน 30%, ไขมันดี 30% ในแต่ละมื้อ
วิธีลดพุงด้วยการควบคุมแคลอรี
วิธีลดพุงด้วยการควบคุมแคลอรีอย่างเหมาะสม ช่วยลดพุงและส่งเสริมสุขภาพโดยรวม เมื่อทำควบคู่กับการเลือกอาหารที่มีคุณค่าและการออกกำลังกายสม่ำเสมอ เราจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว
1.วิธีลดพุงด้วยการคำนวณแคลอรีที่ต้องการต่อวัน
• ใช้สูตร TDEE (Total Daily Energy Expenditure) เพื่อหาปริมาณแคลอรีที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน
• ลดประมาณ 500-700 แคลอรีต่อวันจาก TDEE เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญไขมันสะสม
2.วิธีลดพุงด้วยการเลือกอาหารที่ให้พลังงานต่ำแต่มีปริมาณมาก
• เน้นอาหารที่มีไฟเบอร์และน้ำเยอะ ทำให้อิ่มนานแต่ไม่ให้แคลอรีสูง
• ตัวอย่าง ผักใบเขียว, ซุปใส, ผลไม้ที่น้ำตาลต่ำ เช่น แอปเปิลหรือเบอร์รี
3.วิธีลดพุงด้วยการลดการบริโภคน้ำตาลและไขมันอิ่มตัว
• น้ำตาลและไขมันอิ่มตัวให้แคลอรีสูง แต่ไม่ช่วยให้อิ่มนาน
• ตัวอย่าง หลีกเลี่ยงน้ำอัดลม ขนมหวาน อาหารทอด และของมัน
4.วิธีลดพุงด้วยการควบคุมขนาดของอาหารแต่ละมื้อ (Portion Control)
• ใช้จานเล็กในการตักอาหาร และไม่เติมจานเพิ่ม
• กินทีละน้อย ค่อยๆ เคี้ยว เพื่อให้สมองรับรู้สัญญาณอิ่ม
5.วิธีลดพุงด้วยการจัดสัดส่วนมื้ออาหารให้สมดุล
• แบ่งจานอาหารเป็น 3 ส่วน
- 50% ผัก
- 25% โปรตีน
- 25% คาร์โบไฮเดรตเต็มเมล็ด เช่น ข้าวกล้อง
6.วิธีลดพุงด้วยการตั้งเป้าหมายแคลอรีสำหรับมื้ออาหารและของว่าง
• ตัวอย่าง
- มื้อเช้า 300-400 แคลอรี
- มื้อกลางวัน 400-500 แคลอรี
- มื้อเย็น 300-400 แคลอรี
- ของว่าง 100-200 แคลอรี
วิธีลดพุงด้วยการทานมื้อเล็กแต่บ่อยครั้ง
วิธีลดพุงด้วยการทานมื้อเล็กแต่บ่อยครั้งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการเผาผลาญ และลดการสะสมไขมันหน้าท้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีวิธีลดพุงด้วยการทานมื้อเล็กๆ ดังนี้
1.วิธีลดพุงด้วยการแบ่งมื้ออาหารออกเป็น 5-6 มื้อต่อวัน
• แบ่งมื้ออาหารเป็น 3 มื้อหลัก (เช้า กลางวัน เย็น) และ 2-3 มื้อว่าง
• มื้อเล็กช่วยให้ร่างกายไม่รู้สึกหิวจนเกินไป และลดโอกาสการกินมากเกินในมื้อถัดไป
2.วิธีลดพุงด้วยการควบคุมปริมาณแคลอรีในแต่ละมื้อ
• จำกัดแคลอรีในแต่ละมื้อให้เหมาะสม เช่น 200-400 แคลอรีต่อมื้อ
• วิธีลดพุงด้วยการเลือกอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน แต่ไม่ให้พลังงานเกินความจำเป็น
3.วิธีลดพุงด้วยการเน้นอาหารที่อิ่มนานแต่แคลอรีต่ำ
• โปรตีน เช่น อกไก่ ไข่ต้ม ถั่ว หรือโยเกิร์ตไขมันต่ำ
• ไฟเบอร์ เช่น ผักใบเขียว ธัญพืชเต็มเมล็ด หรือผลไม้ที่น้ำตาลต่ำ
• ไขมันดี เช่น อะโวคาโด ถั่วอัลมอนด์ หรือเมล็ดเจีย
4.วิธีลดพุงด้วยการดื่มน้ำก่อนและระหว่างมื้ออาหาร
• การดื่มน้ำช่วยลดความอยากอาหารและทำให้อิ่มเร็วขึ้น
• ดื่มน้ำเปล่า 1 แก้วก่อนมื้ออาหารทุกครั้ง
5.วิธีลดพุงด้วยการวางแผนการกินล่วงหน้า
• เตรียมอาหารหรือของว่างไว้ล่วงหน้า เพื่อป้องกันการหาของกินที่ไม่เหมาะสมเมื่อหิว
• ตัวอย่าง ต้มไข่ล่วงหน้า แพ็คผลไม้สด หรือทำสลัดใส่กล่อง
6.วิธีลดพุงด้วยการรักษาระยะเวลาระหว่างมื้ออาหารให้สม่ำเสมอ
• ทานอาหารทุกๆ 3-4 ชั่วโมง เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
• หลีกเลี่ยงการปล่อยให้ตัวเองหิวจัดจนกินเกินเมื่อถึงมื้อต่อไป
7.วิธีลดพุงด้วยการติดตามผลและปรับเปลี่ยน
• หากรู้สึกว่าทานมื้อเล็กแล้วไม่อิ่ม ลองเพิ่มโปรตีนหรือไฟเบอร์ในมื้ออาหาร
• หากพลังงานไม่พอสำหรับการออกกำลังกาย เพิ่มของว่างที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น มันหวานหรือข้าวโอ๊ต
วิธีลดพุงด้วยการลดเครื่องดื่มหวาน
วิธีลดพุงด้วยการลดเครื่องดื่มหวานเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดพุง เนื่องจากเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นแหล่งแคลอรีที่ซ่อนอยู่และสะสมไขมันหน้าท้องโดยไม่ทันสังเกต ต่อไปนี้คือวิธีลดพุงด้วยการลดเครื่องดื่มที่หวานเกินไป
1.วิธีลดพุงโดยการเปลี่ยนจากเครื่องดื่มหวานเป็นน้ำเปล่า
• น้ำเปล่าไม่มีแคลอรี ช่วยขับของเสียในร่างกายและกระตุ้นระบบเผาผลาญ
• พกขวดน้ำติดตัวเพื่อดื่มตลอดวันแทนการซื้อน้ำหวาน
2.วิธีลดพุงโดยการดื่มชาหรือกาแฟแบบไม่เติมน้ำตาล
เลือกชาเขียวหรือกาแฟดำแทนน้ำหวาน ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญและลดไขมันหน้าท้อง
3.วิธีลดพุงโดยการหลีกเลี่ยงน้ำอัดลมและเครื่องดื่มชูกำลัง
น้ำอัดลมและเครื่องดื่มชูกำลังมีน้ำตาลสูงมาก และแคลอรีเหล่านี้มักเปลี่ยนเป็นไขมันสะสม
4.วิธีลดพุงโดยการลองทำเครื่องดื่มสุขภาพเองที่บ้าน
• เช่น น้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น น้ำแตงโมปั่นไม่ใส่น้ำตาล หรือสมูทตี้ผลไม้ธรรมชาติ
• ควบคุมความหวานได้เองและได้สารอาหารที่มีประโยชน์
5.วิธีลดพุงโดยการลดความหวานทีละน้อย
หากยังติดการดื่มเครื่องดื่มหวาน ลองค่อยๆ ลดปริมาณน้ำตาล เช่น จากหวานปกติเป็นหวานน้อย และลดจนไม่เติมน้ำตาลเลย
6.วิธีลดพุงโดยการตั้งเป้าหมายการลดน้ำตาลจากเครื่องดื่ม
ตัวอย่าง ดื่มน้ำหวานไม่เกิน 1 แก้วต่อสัปดาห์ หรือเลิกดื่มน้ำหวานอย่างถาวร
การลดเครื่องดื่มหวานเป็นวิธีลดพุงที่เป็นกุญแจสำคัญ เพราะเครื่องดื่มหวานเป็นแหล่งน้ำตาลและแคลอรีส่วนเกินที่นำไปสู่การสะสมไขมัน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มจะช่วยลดพุงและจะเป็นวิธีลดพุงที่ทำให้สุขภาพดีขึ้นได้ในระยะยาว
วิธีลดพุงด้วยการจดบันทึกอาหารที่รับประทาน
การจดบันทึกอาหารที่รับประทานเป็นวิธีลดพุงที่ช่วยให้คุณตระหนักถึงพฤติกรรมการกินของตัวเอง และช่วยปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมและเป็นวิธีลดพุงที่ดีมีประสิทธิภาพ วิธีการทำมีดังนี้
1.วิธีลดพุงด้วยการเลือกเครื่องมือที่สะดวกสำหรับการจดบันทึก
• ใช้แอปพลิเคชันติดตามอาหาร เช่น MyFitnessPal, Cronometer หรือสมุดโน้ตธรรมดา
• จดบันทึกทุกมื้อ ไม่ว่าจะเป็นอาหารหลัก ของว่าง หรือเครื่องดื่ม
2.วิธีลดพุงด้วยการบันทึกรายละเอียดของอาหาร
• จดสิ่งที่กินทั้งหมด รวมถึงขนาดหรือปริมาณ เช่น
- "ไข่ต้ม 2 ฟอง"
- "ส้มตำไทย ไม่ใส่น้ำตาล"
• รวมถึงเวลาที่กินเพื่อดูรูปแบบพฤติกรรมการกิน
3.วิธีลดพุงด้วยการบันทึกอารมณ์และความรู้สึก
• เพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับอารมณ์ขณะกิน เช่น "กินขนมเพราะเครียด" หรือ "กินตอนเบื่อ"
• ช่วยให้คุณเข้าใจว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม
4.วิธีลดพุงด้วยการวิเคราะห์พฤติกรรมการกิน
• ทบทวนบันทึกอาหารทุกสัปดาห์เพื่อดูว่าอาหารประเภทใดที่อาจทำให้พุงเพิ่ม
• ระบุจุดที่ต้องปรับปรุง เช่น ลดน้ำตาล เพิ่มผักผลไม้ หรือควบคุมขนาดมื้ออาหาร
5.วิธีลดพุงด้วยการตั้งเป้าหมายจากข้อมูลบันทึก
• ใช้ข้อมูลที่จดไว้เพื่อกำหนดเป้าหมาย เช่น
- ลดขนมหวานจาก 3 ครั้งต่อวันเหลือ 1 ครั้ง
- เพิ่มผักในมื้อกลางวัน
• เป้าหมายเล็กๆ ที่ปรับเปลี่ยนได้ง่ายจะช่วยให้คุณค่อยๆ เห็นผลลัพธ์
6.วิธีลดพุงด้วยการใช้บันทึกอาหารช่วยควบคุมแคลอรี
• ระบุแคลอรีในอาหารที่รับประทาน โดยใช้ข้อมูลจากแอปหรือฉลากโภชนาการ
• ตรวจสอบให้แคลอรีรวมไม่เกิน TDEE (ปริมาณพลังงานที่ร่างกายต้องการต่อวัน)
7.วิธีลดพุงด้วยการเฝ้าสังเกตผลกระทบของอาหารบางชนิด
สังเกตว่าอาหารประเภทไหนทำให้ท้องอืด บวม หรือรู้สึกไม่สบายตัว เช่น อาหารที่มีโซเดียมหรือไขมันสูง
8.วิธีลดพุงด้วยการเสริมความรับผิดชอบด้วยการแบ่งปัน
แชร์บันทึกอาหารกับเพื่อน หรือคนในครอบครัวเพื่อสร้างแรงจูงใจและกำลังใจ
9.วิธีลดพุงด้วยการจดบันทึกความสำเร็จ
• จดถึงความสำเร็จ เช่น "ลดน้ำตาลในกาแฟได้แล้ว" หรือ "เพิ่มผักในทุกมื้อ"
• การย้ำถึงความก้าวหน้าช่วยสร้างกำลังใจในการลดพุงต่อไป
10.วิธีลดพุงด้วยการทำให้การจดบันทึกเป็นนิสัย
• ใช้เวลาเพียง 5-10 นาทีต่อวันในการจดอาหาร
• ตั้งแจ้งเตือนเพื่อไม่ให้ลืมจด หรือทำในเวลาเดิมทุกวัน เช่น หลังมื้ออาหาร
การจดบันทึกอาหารเป็นวิธีลดพุงที่ช่วยให้คุณมองเห็นพฤติกรรมการกินอย่างชัดเจนและระบุจุดที่ควรปรับปรุง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ เหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญในการลดพุงและดูแลสุขภาพได้ในระยะยาว
วิธีลดพุงด้วยการออกกำลังกายคาร์ดิโอ
วิธีลดพุงด้วยการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดพุงและเผาผลาญไขมันส่วนเกิน เนื่องจากช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดและระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกาย วิธีทำมีดังนี้
1.วิธีลดพุงด้วยการเลือกการออกกำลังกายคาร์ดิโอที่เหมาะสม
• ตัวอย่างกิจกรรมคาร์ดิโอยอดนิยมที่ช่วยลดพุงได้ดี
- วิ่ง ช่วยเผาผลาญแคลอรีได้สูง และลดไขมันในช่องท้อง
- ปั่นจักรยาน เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและช่วยลดพุง
- ว่ายน้ำ ใช้กล้ามเนื้อหลายส่วน ช่วยเผาผลาญไขมันทั่วร่างกาย
- เดินเร็ว เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ช่วยลดไขมันสะสม
- กระโดดเชือก เผาผลาญแคลอรีได้สูงในเวลาสั้น
2.วิธีลดพุงด้วยการตั้งเวลาในการออกกำลังกาย
• ควรทำคาร์ดิโออย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 30 นาทีต่อวัน
• สำหรับการเผาผลาญไขมันมากขึ้น อาจเพิ่มเป็น 300 นาทีต่อสัปดาห์
3.วอร์มอัพและคูลดาวน์เสมอ
• ก่อนเริ่มวิธีลดพุงด้วยการคาร์ดิโอ ให้ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ 5-10 นาที เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ
• หลังออกกำลังกาย ให้ทำคูลดาวน์ เช่น เดินเบาหรือยืดกล้ามเนื้อเพื่อลดการตึงตัว
วิธีลดพุงด้วยการออกกำลังกายคาร์ดิโอช่วยลดพุงและเผาผลาญไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อทำอย่างสม่ำเสมอและปรับให้เหมาะกับร่างกาย จะช่วยให้ได้หน้าท้องที่กระชับขึ้น
วิธีลดพุงด้วยการฝึก HIIT ให้ร่างกายเผาผลาญมากขึ้น
การฝึก HIIT (High-Intensity Interval Training) เป็นวิธีลดพุงด้วยการออกกำลังกายที่ช่วยเผาผลาญไขมันและลดพุงได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นการออกกำลังกายที่สลับระหว่างความเข้มข้นสูงและช่วงพักเบาๆ ซึ่งช่วยกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกายทั้งระหว่างและหลังออกกำลังกาย ต่อไปนี้คือวิธีลดพุงด้วยการฝึก HIIT ให้มีประสิทธิภาพลดพุงได้ทันใจ
1.วิธีลดพุงด้วยการเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม
• HIIT สามารถปรับใช้กับกิจกรรมต่างๆ เช่น
- วิ่งเร็วสลับเดิน
- กระโดดเชือกสลับพัก
- ปั่นจักรยานเร็วสลับเบา
- ออกกำลังกายแบบบอดี้เวท เช่น Burpees, Jump Squats
2.วิธีลดพุงด้วยการวางแผนการฝึกที่เหมาะสม
• เริ่มต้นด้วยการออกกำลังกายแบบ HIIT 15-20 นาที 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
• ตัวอย่าง
- วิ่งเร็ว 30 วินาที → เดินเบา 1 นาที → ทำซ้ำ 8-10 รอบ
- กระโดดตบ 40 วินาที → พัก 20 วินาที → ทำซ้ำ 6 รอบ
3.เพิ่มความเข้มข้นตามระดับความพร้อม
• เริ่มจากระดับเบา เช่น วิ่งเร็วในจังหวะที่ยังพอพูดคุยได้
• ค่อยๆ เพิ่มความเร็วหรือระยะเวลาของช่วงความเข้มข้นเป็นวิธีลดพุงที่มีประสิทธิภาพ
4.ใช้เวลาพักอย่างมีประสิทธิภาพ
ในช่วงพักเบา ให้ลดความเร็วลงแทนที่จะหยุดนิ่ง เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวแต่ยังคงเผาผลาญพลังงาน
5.วิธีลดพุงด้วยการฝึก HIIT แบบเต็มตัว (Full-Body HIIT)
• เลือกท่าที่ใช้กล้ามเนื้อหลายส่วน เช่น
- Burpees เผาผลาญสูงและกระชับหน้าท้อง
- Mountain Climbers ช่วยลดไขมันหน้าท้องและเสริมความแข็งแรงของแกนกลาง
- Jumping Lunges เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและลดไขมันสะสม
6.ใช้เวลาไม่มากแต่ได้ผลสูง
การฝึก HIIT เพียง 15-30 นาที สามารถเผาผลาญพลังงานได้เทียบเท่ากับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ 60 นาที
7.เผาผลาญต่อเนื่องหลังออกกำลังกาย
HIIT ช่วยเพิ่ม "Afterburn Effect" หรือการเผาผลาญพลังงานต่อเนื่องหลังการฝึกนานถึง 24 ชั่วโมง
8.สลับวันฝึกเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ
• ให้ร่างกายพักฟื้นและหลีกเลี่ยงการใช้วิธีลดพุงด้วยการฝึก HIIT ติดต่อกันทุกวัน ควรมีวันพักหรือออกกำลังกายแบบเบาๆ เช่น โยคะ เป็นต้น
ตัวอย่างโปรแกรมวิธีลดพุงด้วย HIIT 15 นาที
• รอบที่ 1 Jump Squats (30 วินาที) → เดินอยู่กับที่ (30 วินาที)
• รอบที่ 2 Mountain Climbers (30 วินาที)
• รอบที่ 3 Burpees (30 วินาที) → พัก (30 วินาที)
• ทำซ้ำ 3 รอบ
การฝึก HIIT เป็นวิธีลดพุงที่มีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากช่วยเผาผลาญไขมันและเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในระยะยาว เพียง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ คุณจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนทั้งในรูปร่างและรู้สึกมีพลังงาน
วิธีลดพุงด้วยการฝึกท่าออกกำลังกายหน้าท้อง
วิธีลดพุงด้วยการออกกำลังกายหน้าท้องช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (Core) และทำให้หน้าท้องกระชับ ควบคู่ไปกับการลดไขมันทั่วร่างกายด้วยวิธีอื่น เช่น คาร์ดิโอ ต่อไปจะเป็นวิธีลดพุงและท่าที่แนะนำ
1.ท่า Plank
• วิธีทำ
- วางแขนตั้งฉากกับพื้น ยกตัวขึ้นโดยให้ลำตัวเป็นเส้นตรงจากศีรษะถึงปลายเท้า
- ค้างไว้ 20-60 วินาที
• ประโยชน์
เสริมความแข็งแรงของแกนกลางลำตัว ลดไขมันรอบหน้าท้อง
2.ท่า Bicycle Crunches
• วิธีทำ
- นอนราบกับพื้น ยกขาให้เข่างอ 90 องศา
- มือแตะที่ศีรษะ บิดตัวให้ศอกขวาแตะเข่าซ้าย และสลับข้าง
- ทำ 15-20 ครั้งต่อเซ็ต
• ประโยชน์
ช่วยกระชับหน้าท้องด้านข้าง (Obliques)
3.ท่า Leg Raises
• วิธีทำ
- นอนราบกับพื้น วางมือข้างลำตัว
- ยกขาขึ้นตรงจนทำมุม 90 องศา แล้วลดลงช้าๆ แต่ไม่ให้เท้าแตะพื้น
- ทำ 10-15 ครั้งต่อเซ็ต
• ประโยชน์
กระชับหน้าท้องส่วนล่าง
4.ท่า Russian Twists
• วิธีทำ
- นั่งบนพื้น งอเข่า ยกเท้าลอยเหนือพื้น
- ถือดัมเบลหรือขวดน้ำไว้ และบิดตัวแตะพื้นสลับซ้าย-ขวา
- ทำ 20 ครั้ง (10 ครั้งต่อข้าง)
• ประโยชน์
เสริมกล้ามเนื้อหน้าท้องด้านข้าง
5.ท่า Mountain Climbers
• วิธีทำ
- เข้าท่า Plank ดันตัวขึ้น และสลับยกเข่าข้างหนึ่งไปด้านหน้า
- ทำต่อเนื่อง 30-45 วินาที
• ประโยชน์
ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันพร้อมกับเสริมกล้ามเนื้อหน้าท้อง
6.ท่า Flutter Kicks
• วิธีทำ
- นอนราบกับพื้น วางมือข้างลำตัว
- ยกขาทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย และสลับยกขาขึ้น-ลงเหมือนการเตะน้ำ
- ทำ 20-30 วินาที
• ประโยชน์
กระชับหน้าท้องส่วนล่าง
7.ท่า Side Plank
• วิธีทำ
- นอนตะแคง วางข้อศอกลงกับพื้น ดันตัวขึ้นให้ลำตัวเป็นเส้นตรง
- ค้างไว้ 20-60 วินาทีต่อข้าง
• ประโยชน์
กระชับหน้าท้องด้านข้างและแกนกลางลำตัว
8.ท่า V-Ups
• วิธีทำ
- นอนราบกับพื้น ยกแขนและขาขึ้นพร้อมกันจนตัวเป็นรูปตัว V
- ลดแขนและขาลงช้าๆ ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
• ประโยชน์
เสริมกล้ามเนื้อหน้าท้องทั้งหมด
9.ท่า Reverse Crunches
• วิธีทำ
- นอนราบกับพื้น งอเข่าและยกสะโพกขึ้นเล็กน้อย
- ค่อยๆ ลดลง และทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
• ประโยชน์
ลดไขมันหน้าท้องส่วนล่าง
10.ท่า Dead Bug
• วิธีทำ
- นอนราบกับพื้น ยกแขนขึ้นตรงและงอเข่าขึ้น 90 องศา
- เหยียดแขนซ้ายและขาขวาพร้อมกัน สลับข้าง ทำ 10 ครั้งต่อข้าง
• ประโยชน์
เสริมความแข็งแรงของแกนกลางและลดอาการปวดหลัง
เคล็ดลับเพิ่มเติมในวิธีลดพุงด้วยการออกกำลังกายหน้าท้อง
• ทำเซ็ตละ 2-3 รอบ โดยเลือกท่าที่ชอบ 3-5 ท่าต่อครั้ง
• เน้นเทคนิคที่ถูกต้องมากกว่าความเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ
• ควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารและคาร์ดิโอเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
การฝึกท่าออกกำลังกายหน้าท้องช่วยกระชับกล้ามเนื้อและเป็นวิธีลดพุง ได้ เมื่อทำเป็นประจำพร้อมกับการปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต
วิธีลดพุงด้วยการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ
การนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นปัจจัยสำคัญเป็นวิธีลดพุงและไขมันส่วนเกินได้ เพราะการพักผ่อนเพียงพอช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย กระตุ้นการเผาผลาญ และลดความอยากอาหารที่ไม่จำเป็น
วิธีลดพุงด้วยการปรับการนอนหลับมีดังนี้
1.นอนให้เพียงพอ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อปรับสมดุลฮอร์โมนและลดความอยากอาหาร
2.จัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ห้องนอนมืด เงียบ อุณหภูมิสบาย
3.งดมื้อหนักก่อนนอน หลีกเลี่ยงอาหารภายใน 2-3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
4.เลี่ยงคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ ลดการรบกวนคุณภาพการนอน
5.ผ่อนคลายก่อนนอน อ่านหนังสือหรือทำสมาธิช่วยให้หลับง่ายขึ้น
การนอนหลับที่ดีช่วยเผาผลาญไขมัน ลดความเครียด และเป็นวิธีลดพุงได้
วิธีลดพุงด้วยการลดความเครียดในชีวิตประจำวัน
ความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการสะสมไขมันหน้าท้อง เนื่องจากฮอร์โมนคอร์ติซอลที่หลั่งออกมาเมื่อเครียด มีผลกระตุ้นการสะสมไขมันในช่องท้อง หากเราสามารถลดความเครียดในชีวิตประจำวันได้ จะเป็นอีกวิธีลดพุง ฃและส่งเสริมสุขภาพโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น นี่คือวิธีลดพุงด้วยการจัดการความเครียด
1.ฝึกสมาธิและการหายใจลึกๆ
• การฝึกสมาธิช่วยให้จิตใจสงบ ลดความฟุ้งซ่าน และลดระดับคอร์ติซอลในร่างกาย
• ใช้เวลา 5-10 นาทีต่อวัน นั่งในที่เงียบ หายใจเข้า-ออกลึกๆ และตั้งสมาธิกับลมหายใจ
• หากชอบเสียงธรรมชาติหรือดนตรีเบาๆ ลองเปิดฟังระหว่างการฝึกสมาธิเพื่อเสริมความผ่อนคลาย
2.จัดลำดับความสำคัญในชีวิต
• ระบุสิ่งที่สำคัญจริงๆ และโฟกัสเฉพาะเรื่องที่จำเป็น
• ใช้เครื่องมือช่วยจัดการเวลา เช่น การเขียนตารางงาน หรือทำ To-Do List เพื่อลดความรู้สึกเร่งรีบ
• อย่ากดดันตัวเองเกินไป ให้เวลาพักระหว่างงานและให้รางวัลตัวเองเมื่อทำสำเร็จ
3.ใช้เวลากับสิ่งที่ทำให้มีความสุข
• ทำกิจกรรมที่คุณชื่นชอบ เช่น อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ วาดรูป หรือดูหนังที่ชอบ
• ใช้เวลากับครอบครัว เพื่อน หรือสัตว์เลี้ยงที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
4.พูดคุยและแบ่งปันความรู้สึก
• หากรู้สึกเครียด ลองพูดคุยกับคนที่คุณไว้ใจ เช่น เพื่อนสนิท หรือคนในครอบครัว
• การระบายความรู้สึกช่วยลดความเครียด และบางครั้งอาจได้คำแนะนำดีๆ ที่ช่วยให้แก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น
5.ลดสิ่งกระตุ้นความเครียด
• หลีกเลี่ยงการเสพข่าวหรือเนื้อหาที่กระตุ้นความเครียด โดยเฉพาะช่วงก่อนนอน
• หากรู้สึกเครียดจากงาน ให้แบ่งงานเป็นส่วนเล็กๆ และทำทีละขั้นตอน
6.ใช้เทคนิคการผ่อนคลายร่างกาย
• ลองนวดผ่อนคลาย อาบน้ำอุ่น หรือทำโยคะท่าที่ช่วยลดความเครียด เช่น Child’s Pose หรือ Legs-Up-The-Wall
• เทคนิคเหล่านี้ช่วยปลดปล่อยความตึงเครียดในกล้ามเนื้อและช่วยให้จิตใจสงบ
วิธีลดพุงด้วยการลดการดื่มแอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุหนึ่งของการสะสมไขมันหน้าท้อง เนื่องจากแอลกอฮอล์มีแคลอรีสูง และร่างกายจะเผาผลาญแอลกอฮอล์ก่อน ทำให้ไขมันและแคลอรีจากอาหารที่กินพร้อมกันถูกเก็บสะสมในร่างกาย ดังนั้น การลดการดื่มแอลกอฮอล์เป็นวิธีลดพุงที่สำคัญ และนี่คือแนวทางในการเลือกใช้วิธีลดพุงด้วยการลดดื่มแอลกอฮอลล์
- จำกัดปริมาณแอลกอฮอล์
ลดการดื่มให้น้อยกว่า 1-2 แก้วต่อสัปดาห์
- เลือกเครื่องดื่มแคลอรีต่ำ
หากต้องดื่ม เลือกไวน์แดงหรือค็อกเทลน้ำตาลต่ำแทนเบียร์และเหล้าผสมโซดาหวาน
- ดื่มน้ำสลับระหว่างแอลกอฮอล์
ดื่มน้ำเปล่าหลังดื่มแอลกอฮอล์ทุกครั้งเพื่อลดการบริโภคโดยไม่รู้ตัว
- เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ตอนดึก
การดื่มช่วงก่อนนอนส่งผลให้ร่างกายสะสมไขมันง่ายขึ้น
- ลดการทานอาหารกับแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์กระตุ้นความอยากอาหาร ทำให้กินอาหารแคลอรีสูงมากเกินไป
- ตั้งเป้าหมายในการลดดื่มแอลกอฮอลล์
ค่อยๆ ลดปริมาณการดื่มแทนการเลิกทันที เพื่อลดพฤติกรรมการดื่มอย่างยั่งยืน
วิธีลดพุงด้วย Coolsculpting
วิธีลดพุงด้วย CoolSculpting ทำได้ได้โดยการกำจัดเซลล์ไขมันออกจากร่างกายอย่างถาวรผ่านการแช่เย็น และให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 2-3 เดือนโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น
ความเย็นทำลายเซลล์ไขมัน
• CoolSculpting ใช้เทคโนโลยี Cryolipolysis ที่ส่งความเย็นไปยังชั้นไขมันใต้ผิวหนังโดยตรง
• ความเย็นทำให้เซลล์ไขมันแข็งตัวและตาย (ไขมันไวต่อความเย็นมากกว่าเนื้อเยื่ออื่น)
ร่างกายกำจัดเซลล์ไขมันที่ตายออกเอง
• เซลล์ไขมันที่ตายจะถูกระบบน้ำเหลืองและเม็ดเลือดขาวในร่างกายกำจัดออกอย่างเป็นธรรมชาติ
• กระบวนการนี้ใช้เวลา 1-3 เดือนจนไขมันลดลง
ลดจำนวนเซลล์ไขมันในบริเวณเป้าหมาย
• CoolSculpting ลดจำนวนเซลล์ไขมันในพื้นที่ที่ทำ เช่น พุง เอว หรือหน้าท้องส่วนล่าง เป็นวิธีลดพุงที่ตรงจุด
• ลดไขมันได้เฉพาะจุดประมาณ 20-25% ต่อครั้ง
ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
เมื่อเซลล์ไขมันถูกกำจัดออกจากร่างกาย จะไม่สามารถกลับมาได้อีก (แต่เซลล์ไขมันที่เหลือยังสามารถขยายตัวได้ หากไม่ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย)
วิธีลดพุงด้วย Thermage Body
Thermage Body เป็นวิธีลดพุงที่ใช้เทคโนโลยี คลื่นวิทยุความถี่สูง (Radiofrequency - RF) เพื่อลดพุงและกระชับผิว โดยกระบวนการทำงานที่ช่วยลดพุงมีดังนี้
1.ความร้อนลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง
• คลื่น RF จะปล่อยพลังงานความร้อนที่ลงลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง
• ความร้อนช่วย สลายเซลล์ไขมันบางส่วน ทำให้ไขมันลดลงบริเวณที่ทำ
2.กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
• ความร้อนจาก RF ทำให้ผิวหนังชั้นใน (Dermis) หดตัวในทันที
• กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหน้าท้องตึงกระชับขึ้น
3.ลดไขมันสะสมเฉพาะจุด
• Thermage Body ออกแบบมาเพื่อปรับสัดส่วนโดยเน้นไขมันสะสมเฉพาะจุด เช่น พุงหรือหน้าท้องส่วนล่าง เป็นวิธีลดพุงที่โฟกัสได้เฉพาะจุด
4.ปรับผิวที่หย่อนคล้อยให้เรียบเนียน
• เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหลังลดน้ำหนักหรือหลังคลอด
• ผิวจะดูเรียบเนียนขึ้นหลังการรักษา
5.ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
• เซลล์ไขมันที่ถูกสลายไปจะไม่กลับมาอีก หากควบคุมน้ำหนักอย่างเหมาะสม
• ผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นใน 1-3 เดือน และอยู่ได้นาน 1-2 ปี
วิธีลดพุงด้วย Indiba
Indiba เป็นวิธีลดพุงที่ใช้พลังงาน คลื่นวิทยุความถี่สูง (Radiofrequency - RF) เพื่อลดพุงและกระชับผิว โดยกระบวนการทำงานที่ช่วยลดพุงมีดังนี้
1.เพิ่มการเผาผลาญไขมัน
• คลื่น RF ของ Indiba ส่งพลังงานความร้อนลึกลงไปในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง
• กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและระบบเผาผลาญ ทำให้ไขมันสะสมลดลง
2.ขจัดของเสียและลดการบวมน้ำ
• คลื่น RF กระตุ้นระบบน้ำเหลือง ทำให้ของเสียและน้ำส่วนเกินถูกขับออกจากร่างกาย
• ลดอาการบวมน้ำที่ทำให้พุงดูใหญ่
3.กระชับผิวหน้าท้อง
พลังงาน RF กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหน้าท้องตึงกระชับ ลดความหย่อนคล้อย
4.นอกจากเป็นวิธีลดพุงแล้วยังลดเซลลูไลท์และปรับสัดส่วน
คลื่น RF ช่วยลดเซลลูไลท์และไขมันเฉพาะจุด ทำให้พุงดูเล็กลงและเรียบเนียนขึ้น
5.เป็นวิธีลดพุงที่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนในเวลาไม่นาน
• ผิวดูกระชับขึ้นทันทีหลังทำ
• ลดไขมันสะสมและลดพุงใน 3-5 ครั้ง
ประโยชน์ของวิธีลดพุงที่ดีต่อสุขภาพ
วิธีลดพุงนอกจากจะทำให้พุงหายกลับมามั่นใจมากขึ้นแล้วยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีกดังนี้
• ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานชนิดที่ 2, โรคหัวใจ, และไขมันพอกตับ
• เสริมระบบเผาผลาญ ทำให้ร่างกายใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
• เพิ่มความคล่องตัว การเคลื่อนไหวสะดวกขึ้น ลดอาการปวดหลังและข้อต่อ
• ส่งเสริมสุขภาพจิต เพิ่มความมั่นใจและลดความเครียด
• ป้องกันการอักเสบเรื้อรัง ลดการสะสมไขมันที่กระตุ้นการอักเสบในร่างกาย
• ปรับสมดุลฮอร์โมน เช่น อินซูลินและเลปติน ช่วยควบคุมความหิว
• ปรับปรุงคุณภาพการนอน ลดปัญหาหยุดหายใจขณะหลับจากไขมันสะสม
• เสริมภูมิคุ้มกัน ร่างกายแข็งแรงขึ้นจากการลดไขมันส่วนเกิน
• ผิวพรรณดีขึ้น จากการเลือกรับประทานอาหารที่ดีและดื่มน้ำเพียงพอ
• ลดความเสี่ยงการเกิดเซลลูไลท์ ผิวดูเรียบเนียนและกระชับขึ้น
วิธีลดพุงอย่างถูกวิธีช่วยเสริมสุขภาพทั้งกายและใจ พร้อมลดความเสี่ยงต่อโรคร้ายในระยะยาว
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับวิธีลดพุง
การที่เรามีพุงใหญ่จริงๆแล้วอันตรายต่อสุขภาพมาก เพราะบ่งบอกถึงการที่เรามีขมันสะสมมากเกินไป แต่การที่เราจะทำให้พุงของเรากลับมาเล็กลงก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสามารถนำวิธีลดพุง 14 วิธีที่เราเอามาแนะนำกันไปปรับใช้ ให้เหมาะกับในชีวิตประจำวันได้เลย แต่ท้ายที่สุดแล้วการที่เราพุงที่ใหญ่ขึ้นเกิดจากการสะสมไขมันมาในระยะเวลาหลายปี การที่เราจะเอาพุงออกก็ต้องใช้เวลาเหมือนกันเพราะฉะนั้นหัวใจสำคัญหลักของวิธีลดพุง คือต้องอดทน และมีวินัยอย่างสม่ำเสมอและอย่าเครียดมากจนเกินไป แค่นี้มั่นใจได้เลยว่าเราจะมีหุ่นที่เพรียวเอวที่คอดพุงยุบอย่างแน่นอน
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด