Morpheus8 กับ Ulthera ต่างจากเครื่องยกกระชับผิวอื่นอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง
Morpheus8 กับ Ulthera , Morpheus8 , Ulthera
Morpheus8 กับ Ulthera ตัวช่วยหน้ายก ผิวกระชับ เลือกอันไหนดีกว่ากัน
ตัว Top หัตถการยกกระชับหน้าที่ตีคู่กันมาแบบไม่มีใครยอมใครขอยกให้ Morpheus8 กับ Ulthera ที่มักจะเป็นตัวเลือกที่มีคุณสมบัติด้านยกกระชับที่กินกันไม่ลงเลยทีเดียว บทความนี้จะมาอธิบายความแตกต่างของทั้งสองหัตถการนี้ ให้สามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าเราควรจะเลือก Morpheus8 หรือ Ulthera ในการกระชับหน้าได้ดีกว่ากัน
รวมทุกหัวข้อ Morpheus8 VS Ulthera
• Morpheus8 กับ Ulthera คืออะไร
• Morpheus8 และ Ulthera ปลอดภัยหรือไม่
• ความเหมือนกันของ Morpheus8 กับ Ulthera
• ความแตกต่างกันของ Morpheus8 กับ Ulthera
• ตารางเปรียบเทียวความเหมือนและความต่างของ Morpheus8 กับ Ulthera
• ทำ Morpheus8 ส่วนไหนได้บ้าง
• ทำ Ulthera ส่วนไหนได้บ้าง
• การทำ Morpheus8 กับ Ulthera เหมาะกับใคร
• รวมข้อดีข้อเสียของ Morpheus8 กับ Ulthera
• การทำ Morpheus8 กับ Ulthera มีผลข้างเคียงหรือไม่
• วิธีดูแลตัวเองหลังทำ Morpheus8 กับ Ulthera
• ทำ Morpheus8 หรือ Ulthera เจ็บกว่ากัน
• ทำ Morpheus8 กับ Ulthera ด้วยกันได้ไหม
• สรุปว่าควรเลือก Morpheus8 หรือ Ulthera ดีกว่ากัน
Morpheus8 กับ Ulthera คืออะไร
หลายคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้อาจจะมีความสงสัยอยู่ว่า Morpheus8 กับ Ulthera คืออะไร ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงให้ทั้งสองเครื่องนี้เป็นตัวแทนของ การทำให้หน้ากระชับ หน้ายก
Morpheus8 คืออะไร
เทคโนโลยี Morpheus8 ผสานสองพลังสำคัญคือ
1.Microneedling - เข็มขนาดเล็กที่สามารถลงลึกถึง ชั้นไขมันใต้ผิว (Subdermal layer)
2.Radiofrequency (RF) - คลื่นความถี่วิทยุที่ถูกส่งผ่านปลายเข็มเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
หลักการทำงานของ Morpheus8
• ใช้ Microneedling เปิดผิวและส่งพลังงาน RF ลงไปกระตุ้นเนื้อเยื่อใต้ผิว
• พลังงาน RF ทำให้เกิดความร้อนในระดับลึก ทำให้เกิดกระบวนการ "Fractional Coagulation" หรือการทำให้เนื้อเยื่อบางส่วนหดตัว
• กระตุ้นการสร้าง คอลลาเจนใหม่ (Neocollagenesis) และช่วยกระชับโครงสร้างผิว
ผลลัพธ์ที่ได้จาก Morpheus8
• ยกกระชับผิว - เห็นผลชัดเจนในการลดความหย่อนคล้อย
• ลดไขมันใต้ผิวหนัง - ช่วยลดไขมันบริเวณแก้ม เหนียง คอ
• กระชับรูขุมขน - ผิวละเอียดขึ้น ดูเนียนเรียบ
• ลดรอยแผลเป็นและริ้วรอย - กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
• ฟื้นฟูผิวโดยรวม - ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและสุขภาพดีขึ้น
Ulthera คืออะไร
Ulthera หรือ Ultherapy ใช้พลังงาน Focused Ultrasound ที่มีความแม่นยำสูงในการยิงพลังงานเข้าไปกระตุ้นชั้น SMAS (Superficial Musculo-Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการที่ศัลยแพทย์ใช้ในการดึงหน้า
หลักการทำงานของ Ulthera
• ใช้ คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ แบบเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound)
• ยิงพลังงานลงไปกระตุ้น ชั้น SMAS ทำให้เกิดความร้อนประมาณ 60-70°C
• เนื้อเยื่อหดตัวทันที ทำให้เกิดการกระชับตัวของผิว
• ร่างกายเริ่มกระบวนการซ่อมแซมและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
ผลลัพธ์ที่ได้จาก Ulthera
1.ยกกระชับใบหน้าและลำคอ - เหมาะกับคนที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
2.ลดริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา หน้าผาก และแก้ม
3.กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระดับลึก - ผิวดูแน่นและเต่งตึงขึ้น
4.ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี
Morpheus8 และ Ulthera ปลอดภัยหรือไม่
หัตถการของ Morpheus8 และ Ulthera เป็นเทคโนโลยียกกระชับที่ปลอดภัยเพราะตัวเครื่องของ Morpheus8 และ Ulthera ได้รับการรับรองจาก FDA (องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา) การทำทั้งสองหัตถการนี้ ไม่ได้เป็นการผ่าตัด และไม่มีแผลใหญ่ ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นนาน
หัตถการของ Morpheus8 และ Ulthera เป็นเทคโนโลยีเฉพาะเจาะจง สามารถยิงพลังงานได้ลึกและแม่นยำไม่กระทบเนื้อเยื่อโดยรอบ สิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำหัตถการ Morpheus8 และ Ulthera คือต้องทำโดยแพทย์และเข้ารับบริการ Morpheus8 และ Ulthera กับคลินิกที่น่าเชื่อถือ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
แหล่งอ้างอิง
American Board of Cosmetic Surgery.(n.d.).Microneedling with Radiofrequency & Ultrasound for Skin Tightening.Retrieved from https://www.americanboardcosmeticsurgery.org
ความเหมือนกันของ Morpheus8 กับ Ulthera
ทั้ง Morpheus8 และ Ulthera เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและคนส่วนใหญ่ชอบนำมาเปรียบเทียบกัน โดย Morpheus8 และ Ulthera มีหลักการทำงานที่แตกต่างกัน แต่มีจุดร่วมหลายอย่างที่ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการฟื้นฟูผิวโดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น
1.Morpheus8 และ Ulthera มีเป้าหมายเดียวกันคือการยกกระชับและฟื้นฟูผิว
แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ต่างกัน (Morpheus8 ใช้ คลื่นวิทยุ RF ส่วน Ulthera ใช้ คลื่นเสียงอัลตราซาวด์) แต่ทั้งสองมีเป้าหมายหลักเหมือนกัน คือ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และ ยกกระชับผิวในระดับลึก เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว
2.Morpheus8 และ Ulthera ทำงานลงลึกกว่าการบำรุงผิวทั่วไป
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมักทำงานที่ ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) แต่ Morpheus8 และ Ulthera สามารถลงลึกถึง ชั้น SMAS ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ทำให้ใบหน้าดูเต่งตึง หรือแม้แต่ชั้นไขมันใต้ผิว (ในกรณีของ Morpheus8) ทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่าการใช้ครีมบำรุง
3.Morpheus8 และ Ulthera ปลอดภัย ได้รับการรับรองจาก FDA
ทั้งสองเทคโนโลยี Morpheus8 และ Ulthera ได้รับการรับรองจาก องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) และมีงานวิจัยรองรับว่า สามารถกระตุ้นคอลลาเจน ลดความหย่อนคล้อย และช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้จริง หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์
4.Morpheus8 และ Ulthera เห็นผลลัพธ์ชัดเจน แต่ไม่ใช่การศัลยกรรม
• Morpheus8 และ Ulthera ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับการยกกระชับแบบศัลยกรรม แต่ไม่ต้องผ่าตัด
• ผิวจะค่อยๆ ดีขึ้นหลังทำ โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
• ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6 เดือน - 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน
5.กระบวนการฟื้นฟูของร่างกายเป็นตัวขับเคลื่อนผลลัพธ์
ทั้ง Morpheus8 และ Ulthera ไม่ได้ทำให้ผิวดูดีขึ้นทันทีหลังทำ แต่ Morpheus8 และ Ulthera จะช่วยกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมของร่างกาย โดยเฉพาะการผลิต คอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4-12 สัปดาห์ ถึงเห็นผลเต็มที่
ความแตกต่างกันของ Morpheus8 กับ Ulthera
1.เทคโนโลยีที่ใช้ของ Morpheus8 และ Ulthera
• Morpheus8 ใช้ Microneedling + คลื่นวิทยุ RF (Radiofrequency) ส่งพลังงานผ่านเข็มลงลึกใต้ผิว
• Ulthera ใช้ Focused Ultrasound (คลื่นเสียงอัลตราซาวด์แบบโฟกัส) ยิงพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS
2.กลไกการทำงานของ Morpheus8 และ Ulthera
• Morpheus8 ใช้เข็มจิ๋วเจาะเข้าสู่ชั้นผิว แล้วปล่อยคลื่น RF ทำให้เนื้อเยื่อหดตัว กระตุ้นคอลลาเจน และลดไขมันใต้ผิว
• Ulthera ใช้พลังงานอัลตราซาวด์โฟกัสแบบเฉพาะเจาะจง ทำให้ชั้น SMAS หดตัวทันที กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
3.ระดับความลึกของพลังงานที่ลงไปในผิวของ Morpheus8 และ Ulthera
• Morpheus8 ลึก 0.5 - 8 มม.(ถึงชั้นไขมันใต้ผิวและชั้นคอลลาเจน)
• Ulthera ลึก 1.5 - 4.5 มม.(ลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่ศัลยแพทย์ใช้ดึงหน้า)
4.ผลลัพธ์หลักที่ได้ของ Morpheus8 และ Ulthera
• Morpheus8
- กระชับผิว + ลดไขมันใต้ผิว (ช่วยลดเหนียงและแก้มย้อย)
- กระชับรูขุมขน ปรับพื้นผิวให้เรียบเนียน
- ลดรอยแผลเป็นจากสิว รอยแตกลาย
• Ulthera
- ยกกระชับผิวหน้าและลำคอโดยไม่ลดไขมัน
- กระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวดูแน่นขึ้น
- ลดริ้วรอย ลดความหย่อนคล้อยบริเวณกรอบหน้า
5.ความรู้สึกระหว่างทำ Morpheus8 และ Ulthera
• Morpheus8 รู้สึกเจ็บปานกลางถึงมาก (ต้องใช้ยาชาแบบทา หรือฉีดยาชาในบางกรณี)
• Ulthera รู้สึกอุ่นๆ หรือจี๊ดๆ ลึกถึงชั้นผิว (ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา แต่บางคนอาจใช้เพื่อความสบายขึ้น)
6.ระยะเวลาการฟื้นตัวของ Morpheus8 และ Ulthera
• Morpheus8 พักฟื้น 3-5 วัน อาจมีรอยแดง รอยช้ำ หรือสะเก็ดเล็กๆ ที่จางหายไปเอง
• Ulthera ไม่มีรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น แต่บางคนอาจรู้สึกตึงหรือชาเล็กน้อย
7.ผลลัพธ์ Morpheus8 และ Ulthera เริ่มเห็นเมื่อไหร
• Morpheus8 ค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 4-6 สัปดาห์ และดีขึ้นเรื่อยๆ ใน 3-6 เดือน
• Ulthera เห็นผลบางส่วนทันทีหลังทำ และดีขึ้นเรื่อยๆ ภายใน 2-3 เดือน
8.ระยะเวลาที่ผลลัพธ์คงอยู่ของ Morpheus8 และ Ulthera
• Morpheus8 อยู่ได้นาน 6 เดือน - 1 ปี (แนะนำทำซ้ำปีละ 1-2 ครั้ง)
• Ulthera อยู่ได้นาน 1 - 2 ปี (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแล)
ตารางเปรียบเทียวความเหมือนและความต่างของ Morpheus8 กับ Ulthera
หัวข้อเปรียบเทียบ |
ความเหมือนกัน |
Morpheus8 |
Ulthera |
เทคโนโลยี |
ทั้งสองใช้พลังงานเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน |
Microneedling + คลื่นวิทยุ RF |
Focused Ultrasound (คลื่นเสียงอัลตราซาวด์แบบโฟกัส) |
หลักการทำงาน |
ช่วยยกกระชับผิวและปรับปรุงโครงสร้างผิว |
ใช้เข็มเจาะเข้าสู่ผิวและปล่อยคลื่น RF กระตุ้นคอลลาเจนและลดไขมันใต้ผิว |
ยิงพลังงานอัลตราซาวด์ลงลึกถึงชั้น SMAS เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและยกกระชับผิว |
ระดับความลึกของพลังงาน |
สามารถลงลึกใต้ผิวมากกว่าการบำรุงผิวทั่วไป |
0.5 - 8 มม.(ถึงชั้นไขมันใต้ผิว) |
1.5 - 4.5 มม.(ถึงชั้น SMAS) |
ผลลัพธ์หลัก |
ให้ผลลัพธ์ด้านการยกกระชับและปรับสภาพผิว |
ยกกระชับผิว, ลดไขมันใต้ผิว, กระชับรูขุมขน, ลดรอยแผลเป็นจากสิว |
ยกกระชับโครงสร้างผิว, กระตุ้นคอลลาเจน, ลดริ้วรอยโดยไม่ลดไขมัน |
ผลลัพธ์เริ่มเห็นเมื่อไหร่ |
ใช้เวลาในการแสดงผลลัพธ์เต็มที่ประมาณ 3-6 เดือน |
เริ่มเห็นผลใน 4-6 สัปดาห์ และดีขึ้นเรื่อยๆ ใน 3-6 เดือน |
เห็นผลบางส่วนทันที และดีขึ้นเรื่อยๆ ใน 2-3 เดือน |
ระยะเวลาที่ผลลัพธ์คงอยู่ |
ให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี |
6 เดือน - 1 ปี |
1 - 2 ปี |
ความรู้สึกระหว่างทำ |
อาจรู้สึกไม่สบายผิวเล็กน้อยระหว่างทำ |
ปานกลางถึงมาก (ต้องใช้ยาชา) |
ปานกลาง (รู้สึกอุ่นๆ หรือจี๊ดๆ ลึกถึงชั้นผิว) |
ระยะเวลาพักฟื้น |
ไม่มีแผลผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน |
3-5 วัน (อาจมีรอยแดง, รอยช้ำ หรือสะเก็ดเล็กๆ) |
ไม่มีรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น (อาจรู้สึกตึงหรือชาเล็กน้อย) |
ข้อดี |
ปลอดภัย ได้รับการรับรองจาก FDA |
ช่วยลดไขมันใต้ผิว พร้อมยกกระชับผิว |
ช่วยยกกระชับผิวลึกถึงชั้น SMAS |
ข้อควรระวัง |
ควรทำโดยแพทย์เพื่อให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด |
อาจเกิดรอยแดง ช้ำ หรือสะเก็ดเล็กๆ ชั่วคราวหลังทำ |
อาจรู้สึกตึงๆ หรือชาเล็กน้อยบริเวณที่ทำ แต่ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง |
ทำ Morpheus8 ส่วนไหนได้บ้าง
Morpheus8 เป็นเทคโนโลยีที่สามารถใช้ได้ทั้ง ใบหน้าและร่างกาย เพราะสามารถปรับระดับความลึกของพลังงาน RF ได้หลายระดับ ช่วย กระชับผิว ลดไขมันเฉพาะจุดและปรับผิวให้เรียบเนียน
Morpheus8 ใช้บริเวณใบหน้า
1.ใช้ Morpheus8 บริเวณแก้ม - กระชับผิว ลดไขมันสะสม ทำให้โครงหน้าชัดขึ้น
2.ใช้ Morpheus8 บริเวณเหนียง / คางสองชั้น - ลดไขมันใต้คาง ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
3.ใช้ Morpheus8 บริเวณรอบดวงตา - ลดริ้วรอยใต้ตา ทำให้ผิวรอบดวงตาดูเรียบเนียน
4.ใช้ Morpheus8 บริเวณหน้าผาก - กระชับผิว ลดริ้วรอย
5.ใช้ Morpheus8 บริเวณร่องแก้ม - เติมเต็มร่องแก้มจากการกระตุ้นคอลลาเจน
6.ใช้ Morpheus8 บริเวณกรอบหน้า (Jawline) - ยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อย
Morpheus8 ใช้บริเวณลำตัวและส่วนอื่นๆ
1.ใช้ Morpheus8 บริเวณลำคอ - กระชับผิว ลดความเหี่ยวย่นที่คอ
2.ใช้ Morpheus8 บริเวณท้องแขน - ลดไขมัน กระชับผิว ไม่ให้แขนย้วย
3.ใช้ Morpheus8 บริเวณหน้าท้อง - กระชับผิว ลดไขมันส่วนเกิน ป้องกันผิวหย่อนคล้อยหลังลดน้ำหนัก
4.ใช้ Morpheus8 บริเวณต้นขา - ลดเซลลูไลท์ ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
5.ใช้ Morpheus8 บริเวณก้น - กระชับ ลดรอยแตกลาย
6.ใช้ Morpheus8 บริเวณหัวเข่า - ลดความหย่อนคล้อยบริเวณเข่า
Morpheus8 สามารถทำได้หลายบริเวณ ทั้งใบหน้าและร่างกาย โดยช่วย กระชับผิว ลดไขมันเฉพาะจุด และฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับคนที่ต้องการดูแลผิวแบบ ไม่ต้องผ่าตัด และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
ทำ Ulthera ส่วนไหนได้บ้าง
ทำ Ulthera บริเวณใบหน้า
1.ทำ Ulthera บริเวณหน้าผาก - ยกคิ้ว ลดริ้วรอยหน้าผาก
2.ทำ Ulthera บริเวณรอบดวงตา - ยกหางตา แก้ปัญหาหนังตาตก ลดถุงใต้ตา
3.ทำ Ulthera บริเวณแก้ม - กระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าดูเฟิร์มขึ้น
4.ทำ Ulthera บริเวณร่องแก้ม (Nasolabial folds) - ช่วยลดร่องแก้ม ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
5.ทำ Ulthera บริเวณเหนียง / คางสองชั้น - กระชับผิวบริเวณใต้คาง ลดความหย่อนคล้อย
6.ทำ Ulthera บริเวณกรอบหน้า (Jawline) - ยกกระชับแนวกราม ทำให้หน้าดูเรียวชัดขึ้น
ทำ Ulthera บริเวณลำตัวและส่วนอื่นๆ
1.ลำคอ - ลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยของผิวที่คอ
2.ต้นแขน - กระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย
3.หน้าท้อง - กระชับผิว ลดความหย่อนคล้อยของผิวหลังคลอดหรือลดน้ำหนัก
4.ต้นขา - ลดความหย่อนคล้อยของต้นขา
การทำ Morpheus8 กับ Ulthera เหมาะกับใคร
การเลือกทำ Morpheus8 หรือ Ulthera ขึ้นอยู่กับ ปัญหาผิวและผลลัพธ์ที่ต้องการ ทั้งสองเทคโนโลยีช่วยยกกระชับผิว แต่มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน
Morpheus8 เหมาะกับใคร ?
• Morpheus8 เหมาะกับคนที่ต้องการทั้ง ยกกระชับและลดไขมันใต้ผิว เช่น กรอบหน้าไม่ชัด มีเหนียง หรือแก้มเยอะ
• Morpheus8 เหมาะกับคนที่ต้องการกระชับรูขุมขนและปรับพื้นผิวให้เรียบเนียน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง หรือรอยแผลเป็นจากสิว
• Morpheus8 เหมาะกับคนที่ต้องการลดรอยแผลเป็น รอยแตกลาย สามารถทำได้ทั้งใบหน้าและร่างกาย
• Morpheus8 เหมาะกับผู้ที่มี ผิวมัน หรือมีไขมันสะสมใต้ผิว เพราะสามารถลดไขมันเฉพาะจุดได้
• Morpheus8 เหมาะกับ อายุ 25-50 ปี สำหรับคนที่เริ่มมีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง
• Morpheus8 เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด ควบคู่กับการยกกระชับผิวและฟื้นฟูสภาพผิว
Ulthera เหมาะกับใคร ?
• Ulthera เหมาะกับคนที่ต้องการ ยกกระชับผิวลึกถึงชั้น SMAS โดยไม่ลดไขมัน เช่น คนที่มีใบหน้าเล็กอยู่แล้วแต่ผิวเริ่มหย่อนคล้อย
• Ulthera เหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์ขึ้น เหมาะสำหรับการลดริ้วรอยและฟื้นฟูคอลลาเจน
• Ulthera เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่า Morpheus8 (1-2 ปี)
• Ulthera เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการพักฟื้น เพราะหลังทำไม่มีรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น
• Ulthera เหมาะกับ อายุ 30-60 ปี โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับปานกลางถึงมาก
• Ulthera เหมาะสำหรับคนที่ต้องการยกกระชับโครงสร้างผิวแบบลึก โดยไม่ลดไขมัน ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน
สรุป
Morpheus8 เหมาะกับ คนที่ต้องการยกกระชับผิว + ลดไขมัน + กระชับรูขุมขน
Ulthera เหมาะกับ คนที่ต้องการยกกระชับผิวแบบลึก โดยไม่ลดไขมัน และต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน
รวมข้อดีข้อเสียของ Morpheus8 กับ Ulthera
ข้อดีของ Morpheus8 และ Ulthera
• Morpheus8
- ยกกระชับผิว + ลดไขมันใต้ผิว พร้อมกันในครั้งเดียว
- กระชับรูขุมขน ปรับพื้นผิวให้เรียบเนียน
- ลดรอยแผลเป็นจากสิว ใช้ได้หลายบริเวณ
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด
• Ulthera
- ยกกระชับลึกถึงชั้น SMAS ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น
- ให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานถึง 2 ปี
- ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีรอยแดงหรือสะเก็ด
- ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
ข้อเสียของ Morpheus8 และ Ulthera
• Morpheus8
- อาจเกิดรอยแดง รอยช้ำ หรือสะเก็ดเล็กๆ หลังทำ
- ต้องใช้ยาชา เพราะอาจมีความเจ็บปวดปานกลางถึงสูง
- ต้องทำซ้ำทุก 6 เดือน - 1 ปี เพื่อคงผลลัพธ์
• Ulthera
- ไม่สามารถลดไขมันใต้ผิวได้
- อาจรู้สึกตึงหรือชาเล็กน้อยบริเวณที่ทำ
- ราคาสูงกว่าการทำ Morpheus8
การทำ Morpheus8 กับ Ulthera มีผลข้างเคียงหรือไม่
ทั้ง Morpheus8 และ Ulthera เป็นเทคโนโลยีที่ ปลอดภัยและได้รับการรับรองจาก FDA อย่างไรก็ตาม อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยหลังทำ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
1.ผลข้างเคียงของ Morpheus8
• รอยแดงและบวม
มักเกิดขึ้นทันทีหลังทำ Morpheus8 ทันที และจะค่อยๆ ลดลงใน 1-3 วัน
• รอยช้ำเล็กๆ หรือสะเก็ดผิว
เนื่องจากเป็นการใช้เข็มจิ๋วเจาะเข้าสู่ผิว อาจเกิดสะเก็ดเล็กๆ ซึ่งจะหลุดออกเองใน 3-7 วัน
• อาการคันหรือผิวลอก
เป็นผลจากกระบวนการผลัดเซลล์ผิว อาการเหล่านี้จะหายไปใน 5-7 วัน
• รู้สึกผิวตึงหรืออุ่นๆ
เป็นผลจากพลังงาน RF ที่กระตุ้นผิว และจะหายไปภายใน 24-48 ชั่วโมง
• อาการบวมเล็กน้อย
อาจเกิดขึ้นบริเวณที่มีไขมันสะสม เช่น เหนียง หรือแก้ม และจะลดลงเองใน 3-5 วัน
• กรณีหายาก
หากพลังงานสูงเกินไป อาจเกิดแผลพุพองหรือรอยไหม้เล็กๆ ได้ ซึ่งต้องให้แพทย์ประเมินและดูแล
2.ผลข้างเคียงของ Ulthera
• อาการบวมและรอยแดงเล็กน้อย
มักเกิดขึ้นหลังทำทันที และจะหายไปใน 1-3 วัน
• รู้สึกตึง หรือชาในบางบริเวณ
บางคนอาจรู้สึกตึงหรือชาชั่วคราวบริเวณที่ทำ โดยเฉพาะแนวกรอบหน้า ซึ่งจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์
• อาการเจ็บหรือไวต่อการสัมผัส
อาจรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ใต้ผิวหนัง เนื่องจากพลังงานที่ส่งลงไปถึงชั้นลึกของผิว ซึ่งจะหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์
• กรณีหายาก
บางคนอาจมีอาการบวมมากผิดปกติ หรืออาการปวดลึกที่ชั้นกล้ามเนื้อ ซึ่งพบได้น้อยและมักหายเอง
สรุปผลข้างเคียงของ Morpheus8 และ Ulthera
• Morpheus8 และ Ulthera มีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น รอยแดง บวม หรืออาการตึง ซึ่งเป็นอาการปกติและหายได้เอง
• Morpheus8 อาจมีสะเก็ดเล็กๆ เนื่องจากใช้เข็มลงผิว ส่วน Ulthera อาจมีอาการตึงหรือชา ในบางจุด
• ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรงหากทำโดยแพทย์
• การดูแลหลังทำอย่างถูกต้องช่วยลดอาการไม่พึงประสงค์และทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
วิธีดูแลตัวเองหลังทำ Morpheus8 กับ Ulthera
การดูแลผิวหลังทำ Morpheus8 และ Ulthera เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดผลข้างเคียงและทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น โดยแต่ละเทคโนโลยีมีวิธีการดูแลที่แตกต่างกันเล็กน้อย
1.วิธีดูแลตัวเองหลังทำ Morpheus8
เนื่องจาก Morpheus8 ใช้ Microneedling + คลื่นวิทยุ RF ผิวอาจมีอาการแดง บวม หรือสะเก็ดเล็กๆ ดังนั้นต้องดูแลอย่างระมัดระวัง
สิ่งที่ควรทำหลังทำ Morpheus8
• ล้างหน้าเบาๆ ด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือทางการแพทย์ใน 24 ชั่วโมงแรก
• ทาครีมบำรุงที่ช่วยฟื้นฟูผิว เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ หรือเจลว่านหางจระเข้ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
• ใช้ครีมกันแดด SPF 50+ ทุกวัน เพื่อลดโอกาสเกิดรอยดำหลังทำ
• ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวและลดอาการบวม
• ทายาป้องกันการติดเชื้อ ตามที่แพทย์แนะนำ โดยเฉพาะถ้ามีสะเก็ดเล็กๆ บนผิว
สิ่งที่ห้ามทำหลังทำ Morpheus8
• ห้ามล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือสารผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, BHA, Retinol ในช่วง 5-7 วันแรก
• ห้ามแต่งหน้า อย่างน้อย 48 ชั่วโมง หลังทำ เพื่อป้องกันการอุดตันของรูขุมขน
• ห้ามออกกำลังกายหนัก หรือเข้า ซาวน่า/อบไอน้ำ ภายใน 48 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง
• ห้ามแกะหรือเกาสะเก็ดผิวที่เกิดขึ้น ควรปล่อยให้ลอกออกเอง
2.วิธีดูแลตัวเองหลังทำ Ulthera
Ulthera ใช้ คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ (Focused Ultrasound) ซึ่งไม่ก่อให้เกิดแผล แต่บางคนอาจมีอาการตึงหรือชาเล็กน้อย
สิ่งที่ควรทำหลังทำ Ulthera
• ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้น เพื่อช่วยให้ผิวยืดหยุ่นและฟื้นตัวเร็ว
• ใช้ครีมกันแดด SPF 50+ ทุกวัน ป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่
• ดื่มน้ำมากๆ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและช่วยลดอาการบวม
• รับประทานอาหารที่มีวิตามิน C และโปรตีนสูง เพื่อช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิว
สิ่งที่ห้ามทำหลังทำ Ulthera
• ห้ามนวดหรือกดใบหน้าแรงๆ ภายใน 2 สัปดาห์แรก เพราะอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ของการยกกระชับ
• หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันผิวจากการทำลายของรังสี UV
• หลีกเลี่ยงการใช้ AHA, BHA, Retinol หรือผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว ภายใน 1 สัปดาห์
• หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพราะอาจลดประสิทธิภาพของการสร้างคอลลาเจน
ทำ Morpheus8 หรือ Ulthera เจ็บกว่ากัน
การทำ Morpheus8 และ Ulthera อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวระหว่างทำ แต่ระดับความเจ็บจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ ระดับพลังงานที่ใช้ และ ความลึกของพลังงานที่ส่งเข้าไปในผิว
1.ระดับความเจ็บของ Morpheus8
• ระดับความเจ็บ Morpheus8 มีความเจ็บปานกลางถึงสูง
• ความรู้สึกระหว่างทำ คล้ายมีเข็มเล็กๆ แทงลงผิวลึก และมีความร้อนจากพลังงาน RF
• เหตุผลที่รู้สึกเจ็บ
- ใช้ Microneedling ที่เป็นเข็มเล็กๆ เจาะเข้าสู่ผิวเพื่อส่งพลังงาน RF
- ลงลึกได้ 0.5 - 8 มม.ทำให้บางบริเวณอาจรู้สึกแสบร้อนหรือจี๊ดๆ
- บริเวณที่มีไขมัน เช่น เหนียง หรือแก้ม อาจรู้สึกเจ็บมากกว่าบริเวณอื่น
วิธีลดความเจ็บของ Morpheus8
- ทายาชาก่อนทำประมาณ 30-45 นาที
- อาจใช้ยาชาฉีดเฉพาะจุดในบางกรณี
- ปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมกับสภาพผิว
2.ระดับความเจ็บของ Ulthera
• ระดับความเจ็บ Ulthera มีความเจ็บปานกลาง
• ความรู้สึกระหว่างทำ คล้ายกระแสไฟฟ้าจี๊ดๆ หรืออาการร้อนใต้ผิวหนัง
• เหตุผลที่รู้สึกเจ็บ
- ใช้ คลื่นเสียงอัลตราซาวด์แบบโฟกัส (Focused Ultrasound) ยิงลึกลงไปถึง 1.5 - 4.5 มม.
- พลังงานไปถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิว อาจทำให้รู้สึกจี๊ดๆ
- ไม่ใช้เข็มเหมือน Morpheus8 แต่เนื่องจากส่งพลังงานลงลึก อาจทำให้รู้สึกตึงๆ หรือปวดลึกๆ
วิธีลดความเจ็บของ Ulthera
• อาจทานยาแก้ปวดก่อนทำ เช่น พาราเซตามอล หรือยาแก้ปวดระดับอ่อน
• ปรับระดับพลังงานให้เหมาะกับสภาพผิว
ตารางเปรียบเทียบว่าอะไรเจ็บกว่ากันระหว่าง Morpheus8 กับ Ulthera
หัวข้อ |
Morpheus8 |
Ulthera |
ระดับความเจ็บ |
ปานกลางถึงสูง |
ปานกลาง |
ความรู้สึก |
เจ็บคล้ายเข็มเล็กๆ แทงลงผิว พร้อมความร้อนจาก RF |
รู้สึกจี๊ดๆ ใต้ผิว คล้ายกระแสไฟฟ้า |
อุปกรณ์ที่ใช้ |
Microneedling + RF (มีเข็มเจาะลงผิว) |
Focused Ultrasound (ไม่มีเข็ม) |
ระดับความลึกของพลังงาน |
0.5 - 8 มม. |
1.5 - 4.5 มม. |
บริเวณที่เจ็บมากที่สุด |
เหนียง แก้ม หน้าผาก |
กรอบหน้า แนวกราม ใต้คาง |
ต้องใช้ยาชาหรือไม่ |
ต้องใช้ยาชาแบบทาหรือฉีดในบางกรณี |
อาจใช้ยาแก้ปวดก่อนทำเพื่อความสบายขึ้น |
สรุปความเจ็บของ Morpheus8 กับ Ulthera
- Morpheus8 เจ็บกว่าตอนทำ เพราะใช้เข็มลงไปใต้ผิวแล้วปล่อยพลังงาน RF ทำให้รู้สึกแสบร้อน
- Ulthera เจ็บแบบจี๊ดๆ ใต้ผิว แต่ไม่ใช่การเจาะผิวโดยตรง
- Morpheus8 ต้องใช้ยาชา ขณะที่ Ulthera อาจใช้เพียงยาแก้ปวดเพื่อช่วยให้รู้สึกสบายขึ้น
- Ulthera อาจรู้สึกตึงและชาหลังทำ ในบางบริเวณ เช่น กรอบหน้า หรือใต้คาง
ทำ Morpheus8 กับ Ulthera ด้วยกันได้ไหม
สามารถทำ Morpheus8 กับ Ulthera ร่วมกันได้" และในบางเคสการทำร่วมกันอาจให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น เพราะ Morpheus8 และ Ulthera ทำงานในชั้นผิวที่แตกต่างกัน และสามารถเสริมผลลัพธ์ของกันและกัน
ผลลัพธ์ที่ทำ Morpheus8 กับ Ulthera ร่วมกัน
- ยกกระชับโครงสร้างผิวลึกถึงชั้น SMAS และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ปรับพื้นผิวให้เรียบเนียน กระชับรูขุมขน และลดรอยแผลเป็นจากสิว
- ลดไขมันเฉพาะจุด เช่น เหนียง หรือแก้มย้อย พร้อมยกกระชับผิว
- ให้ผลลัพธ์ที่ครบถ้วนกว่าและอยู่ได้นานขึ้น
ควรทำ Morpheus8 หรือ Ulthera ก่อน
สามารถทำได้ทั้งสองแบบ แต่ควรมีลำดับที่เหมาะสมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
• หากต้องการ ยกกระชับเป็นหลัก
ควรทำ Ulthera ก่อน แล้วทำ Morpheus8 ในภายหลัง เพื่อช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน
• หากต้องการ ลดไขมันใต้ผิวมากกว่า
ควรทำ Morpheus8 ก่อน เพื่อสลายไขมันบางส่วน จากนั้นใช้ Ulthera เพื่อกระชับผิวให้ตึงขึ้น
ควรเว้นระยะห่างเท่าไหร่หากทำทั้ง Morpheus8 และ Ulthera
• หากทำ Ulthera ก่อน รอประมาณ 2-4 สัปดาห์ แล้วค่อยทำ Morpheus8
• หากทำ Morpheus8 ก่อน รอประมาณ 4-6 สัปดาห์ ก่อนทำ Ulthera
ระยะเวลานี้ช่วยให้ผิวมีเวลาฟื้นตัวและสร้างคอลลาเจนจากหัตถ การตัวแรกก่อน
สรุปว่าควรเลือก Morpheus8 หรือ Ulthera ดีกว่ากัน
การที่จะเลือกว่าทำ Morpheus8 หรือ Ulthera ขึ้นอยู่กับปัญหาว่าเราต้องการผลลัพธ์แบบไหน ถ้าอยากยกกระชับผิวและลดไขมันแต่ทนเจ็บได้ สามารถเลือก Morpheus8 ได้เลย แต่ถ้าเกิดอยากกระชับหน้าลงลึกถึงขั้น SMAS และผลลัพธ์อยู่ได้นาน สามารถเลือกหัตถการ Ulthera ได้เลย แต่ถ้าอยากยกกระชับครบทุกชั้นผิว ปรับรูปหน้า และลดไขมันใต้ผิว สามารถทำหัตถการคู่กันได้เลย
หรือถ้าใครไม่มั่นใจว่าตัวเองเหมาะกับหัตถการไหน สามารถปรึกษาเราได้ที่รมย์รวินท์คลินิก ที่มีแพทย์ออกแบบรูปหน้า แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด สามารถนัดปรึกษาแพทย์ได้เลย
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ