เลเซอร์รอยสิว คืออะไร รักษารอยสิวมีกี่ประเภท ลบรอยสิวมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ราคาเท่าไหร่
เลเซอร์รอยสิว
เลเซอร์รอยสิวเห็นผลจริงไหม ปลอดภัยหรือไม่ กี่วันเห็นผล
เลเซอร์รอยสิว มีหลายประเภทเราต้องเลือกประเภทเลเซอร์ให้เหมาะกับสภาพผิว ปัญหาผิว และงบประมาณของเรา เพื่อรักษารอยสิวเผยผิวกระจ่างใสกลับมามีความมั่นใจได้อีกครั้ง
รวมทุกหัวข้อของเลเซอร์รอยสิว
- รอยสิวคืออะไรแบ่งออกเป็นกี่ประเภท
- เลเซอร์รอยสิวคืออะไร
- ทำไม่เลเซอร์รอยสิวถึงเป็นวิธีรักษาที่นิยม
- เลเซอร์รอยสิวมีกี่ประเภท อะไรบ้าง
- เครื่องเลเซอร์รอยสิวมีอะไรบ้าง ต่างกันอย่างไร
- เลเซอร์รอยสิวเหมาะกับใคร
- ใครควรหลีกเลี่ยงการทำทำเลเซอร์รอยสิว
- เลือกคลินิกทำเลเซอร์รอยสิวที่ไหนดี
- ก่อนเลเซอร์รอยสิวควรรู้อะไรบ้าง
- ขั้นตอนการเลเซอร์รอยสิว
- การดูแลผิวหลังเลเซอร์รอยสิว
- ข้อดีของการเลเซอร์รอยสิว
- ข้อจำกัดของการเลเซอร์รอยสิว
- การทำเลเซอร์รอยสิวต้องทำกี่ครั้งถึงหาย
- สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับเลเซอร์รอยสิว

เลเซอร์รอยสิว คืออะไร รักษารอยสิวมีกี่ประเภท ลบรอยสิวมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ราคาเท่าไหร่
เลเซอร์รอยสิว ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลรอยสิวคืออะไรแบ่งออกเป็นกี่ประเภท
ก่อนที่จะเลือกเลเซอร์รอยสิว เพื่อรักษารอยสิวต่าง ๆ เราต้องเข้าใจก่อนว่า รอยสิวของเรา เป็นแบบไหน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
รอยสิวคืออะไร ?
รอยสิว คือร่องรอยที่เกิดขึ้นหลังจากสิวหายแล้ว เป็นผลจากการอักเสบของผิวหนัง ซึ่งทำให้ผิวเกิดความเสียหายและทิ้งร่องรอยไว้ รอยสิวเหล่านี้อาจเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงของสีผิว หรืออาจจะเป็นแผลเป็นลึกที่เปลี่ยนลักษณะของผิวอย่างถาวร
รอยสิวมีกี่ประเภท ?
รอยสิวแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ดังนี้
1.รอยสิวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสีผิว
รอยชนิดนี้เกิดจากการที่ผิวผลิตเม็ดสีผิดปกติหลังสิวอักเสบ
ลักษณะ ผิวเรียบ แต่สีไม่สม่ำเสมอ
• รอยแดง
เกิดในช่วงที่สิวเพิ่งยุบใหม่ ๆ มักเกิดกับคนผิวขาว รอยจะเป็นสีชมพูหรือแดง
• รอยดำ
เกิดกับคนผิวเข้มบ่อยกว่า เป็นจุดสีน้ำตาลหรือดำ มักอยู่ได้นาน
• รอยขาว
พบได้น้อย เป็นสีซีดกว่าผิวรอบ ๆ เพราะเซลล์สร้างสีผิวทำงานลดลง
2.รอยแผลเป็นจากสิว
เกิดจากการที่ผิวหนังถูกทำลายลึก ร่างกายซ่อมแซมไม่สมบูรณ์
ลักษณะ ผิวไม่เรียบ มีหลุมหรือผิวนูน
• หลุมสิว
เกิดจากการขาดคอลลาเจน มี 3 แบบหลัก
- รูแหลมลึก (Ice pick)
- หลุมกว้าง ขอบชัด (Boxcar)
- หลุมตื้น ขอบมน ดูเป็นคลื่น (Rolling)
• แผลเป็นนูน
ผิวหนังสร้างคอลลาเจนมากเกิน ทำให้ผิวนูนแข็ง พบมากบริเวณคาง หน้าอก หรือหลัง
เลเซอร์รอยสิวคืออะไร
เลเซอร์รอยสิว คือ การรักษารอยสิวด้วยพลังงานแสงเลเซอร์ ที่ยิงเข้าสู่ผิวหนังเพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากสิวหาย เช่น รอยแดง รอยดำ และหลุมสิว โดยเลเซอร์รอยสิวจะช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ซ่อมแซมผิวที่เสียหาย และทำให้สีผิวดูสม่ำเสมอมากขึ้น
กระบวนการของเลเซอร์รอยสิวนี้สามารถใช้กับรอยสิวทุกประเภทได้ ไม่ว่าจะเป็นรอยตื้น ๆ อย่างรอยแดงหรือดำ ไปจนถึงหลุมสิวที่เกิดจากการอักเสบรุนแรง
เลเซอร์รอยสิวช่วยลดรอยสิวได้อย่างไร ?
• เลเซอร์รอยสิวช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ เลเซอร์รอยสิวช่วยลดเม็ดสีเมลานินในผิวที่มากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุของรอยดำ
• เลเซอร์รอยสิวช่วยลดความแดงหลังสิวหาย เลเซอร์รอยสิวช่วยส่งพลังงานไปยังเส้นเลือดฝอยใต้ผิว ทำให้รอยแดงจางลง
• เลเซอร์รอยสิวช่วยกระตุ้นคอลลาเจน สำหรับหลุมสิว เลเซอร์รอยสิวจะยิงลึกลงไปใต้ผิวเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
ทำไม่เลเซอร์รอยสิวถึงเป็นวิธีรักษาที่นิยม
เพราะเลเซอร์รอยสิวตอบโจทย์การรักษาในหลาย ๆ ด้าน สามารถรักษาได้ทั้ง รอยแดง รอยดำ และหลุมสิว ได้ในเวลาอันรวดเร็วเมื่อเทียบกับการรักษารอยสิวแบบอื่น
เมื่อเปรียบเทียบเลเซอร์รอยสิวกับวิธีรักษารอยสิวแบบอื่น
วิธีรักษารอยสิว |
เห็นผลเร็ว |
ฟื้นฟูผิวโดยรวม |
แก้ได้ทั้งรอยและหลุม |
ต้องใช้เวลานานไหม |
ทาครีมทั่วไป |
ช้า |
เฉพาะจุด |
ไม่ช่วยเรื่องหลุม |
ต้องใช้เวลาเป็นเดือน |
ทรีตเมนต์เบา ๆ |
ปานกลาง |
ผ่อนคลายผิว |
ไม่ลึกถึงหลุม |
หลายรอบถึงเห็นผล |
เลเซอร์รอยสิว |
เร็วและชัดเจน |
ฟื้นฟูได้ทั้งผิวหน้า |
ได้ทั้งรอยและหลุม |
ทำประมาณ 3–5 ครั้ง |

เลเซอร์รอยสิว คืออะไร รักษารอยสิวมีกี่ประเภท ลบรอยสิวมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ราคาเท่าไหร่
เลเซอร์รอยสิว ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลเลเซอร์รอยสิวมีกี่ประเภท อะไรบ้าง ต่างกันอย่างไร
โดยทั่วไปแล้ว เลเซอร์รอยสิวที่ใช้ในการรักษารอยสิวสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ตามการทำงานของพลังงานเลเซอร์รอยสิวต่อผิวหนัง
1.เลเซอร์ผลัดเซลล์ผิว (Ablative Laser Resurfacing)
เป็นเลเซอร์รอยสิวที่ ลอกผิวชั้นบนสุดออก ทั้งผิวหนังกำพร้า (epidermis) และบางส่วนของหนังแท้ (dermis) เพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่เสียหาย และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างผิวใหม่ขึ้นมาแทน
เป็นเลเซอร์รอยสิวที่ใช้กับปัญหาผิวต่อไปนี้
• หลุมสิวลึก
• รอยสิวเก่าฝังแน่น
• ผิวที่ต้องการฟื้นฟูชัดเจนในระยะสั้น
จุดเด่นของเลเซอร์รอยสิวประเภทผลัดเซลล์ผิว
• ให้ผลลัพธ์ชัดเจน
• ผิวเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ข้อควรระวังของเลเซอร์รอยสิวประเภทผลัดเซลล์ผิว
• ต้องมีการ พักฟื้นผิวประมาณ 5-10 วัน
• ผิวจะลอก แดง และอาจบอบบางในช่วงแรก
2.เลเซอร์ที่ไม่ทำให้ผิวลอก (Non-Ablative Laser Resurfacing)
เป็นเลเซอร์รอยสิวที่ไม่ลอกผิวชั้นบน แต่จะปล่อยพลังงานลงไปในผิวชั้นลึกเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยที่ผิวภายนอกยังคงดูปกติ
เป็นเลเซอร์รอยสิวที่ใช้กับปัญหาผิวต่อไปนี้
• รอยดำ รอยแดงจากสิว
• หลุมสิวตื้น ๆ
• ผู้ที่ผิวแพ้ง่าย หรือไม่สะดวกพักฟื้น
จุดเด่นของเลเซอร์รอยสิวประเภทไม่ทำให้ผิวลอก
• ไม่ต้องพักฟื้น หรือพักฟื้นเพียงเล็กน้อย
• ความเสี่ยงต่ำ ไม่ทำให้ผิวลอกหรืออักเสบมาก
ข้อควรระวังของเลเซอร์รอยสิวประเภทไม่ทำให้ผิวลอก
• ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้งจึงจะเห็นผลชัดเจน
• ไม่เหมาะกับหลุมสิวลึกมาก
3.เลเซอร์ที่ทำให้ผิวลอกเฉพาะส่วน (Fractionated Laser Resurfacing)
เลเซอร์รอยสิวที่ทำให้ผิวลอกเฉพาะส่วน เป็นเทคโนโลยีที่ผสมผสานระหว่าง Ablative และ Non-Ablative โดยเลเซอร์รอยสิวจะยิงเป็นจุดเล็ก ๆ ลงในผิวบางส่วน (fraction) ในขณะที่ผิวรอบ ๆ ยังคงสภาพดีอยู่ ทำให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้นแต่ยังให้ผลลัพธ์ชัดเจน
เป็นเลเซอร์รอยสิวที่ใช้กับปัญหาผิวต่อไปนี้
• หลุมสิวระดับปานกลาง
• รอยดำ รอยแดง
• ผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง แต่ไม่อยากพักฟื้นนาน
จุดเด่นของเลเซอร์รอยสิวประเภททำให้ผิวลอกเฉพาะส่วน
• ผิวฟื้นตัวเร็วกว่าแบบลอกทั้งหน้า
• ช่วยทั้งเรื่องหลุมและรอยในคราวเดียว
ข้อควรระวังของเลเซอร์รอยสิวประเภททำให้ผิวลอกเฉพาะส่วน
• อาจมีอาการแดง ลอกเล็กน้อย 3-5 วัน
• ต้องดูแลผิวหลังทำอย่างระมัดระวัง เช่น หลีกเลี่ยงแดด
เครื่องเลเซอร์รอยสิวมีอะไรบ้าง ต่างกันอย่างไร
เรามาดูเครื่องเลเซอร์รอยสิวแต่ละเครื่องกันว่าต่างกันอย่างไร เหมาะกับใครบ้าง
1.Pico Laser เครื่องเลเซอร์รอยสิว
Pico Laser เลเซอร์รอยสิวที่ใช้พลังงานสูงมากในระดับ "พิโควินาที" (หนึ่งในล้านล้านวินาที) ยิงเข้าสู่ชั้นผิวเพื่อทำให้เม็ดสีแตกตัวละเอียดขึ้นและถูกขจัดออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น
Pico Laser เครื่องเลเซอร์รอยสิวเหมาะกับผู้มีปัญหาต่อไปนี้
• รอยสิว รอยดำ
• กระ ฝ้า
• รูขุมขนกว้าง
ข้อดีเครื่อง Pico Laser เลเซอร์รอยสิว
• เจ็บน้อย
• ฟื้นตัวเร็ว
• เห็นผลชัดเจนเมื่อทำต่อเนื่อง
2.Dual Yellow Laser เครื่องเลเซอร์รอยสิว
ใช้เลเซอร์แสง 2 ชนิด (แสงสีเหลืองและแสงสีเขียว) ผสมกัน เพื่อช่วยลดการอักเสบของสิว ฆ่าเชื้อ และลดรอยแดงรอยดำได้โดยไม่ทำร้ายผิวรอบข้าง
Dual Yellow Laser เครื่องเลเซอร์รอยสิวเหมาะกับผู้มีปัญหาต่อไปนี้
• สิวอักเสบ
• รอยแดงจากสิว
• ผิวบอบบาง
ข้อดีเครื่อง Dual Yellow Laser เลเซอร์รอยสิว
• ปลอดภัยสูง
• อ่อนโยน
• ลดสิวและรอยได้ในคราวเดียว
3.Q-Switched Laser เครื่องเลเซอร์รอยสิว
เลเซอร์รอยสิวที่ปล่อยพลังงานออกมาเป็นจังหวะสั้น ๆ ด้วยความยาวคลื่น 532 และ 1064 นาโนเมตร เพื่อเจาะจงทำลายเม็ดสีที่ผิดปกติ เช่น จุดด่างดำ ฝ้า กระ และรอยสิว
Q-Swtched Laser เครื่องเลเซอร์รอยสิวเหมาะกับผู้มีปัญหาต่อไปนี้
• รอยดำจากสิว
• ผิวไม่สม่ำเสมอ
• จุดด่างดำ ฝ้า กระ
ข้อควรระวังของเครื่องเลเซอร์รอยสิว Q-Swtched Laser
ไม่เหมาะกับผู้ที่มีสิวอักเสบอยู่ในขณะทำ
4.Fractional CO2 Laser เครื่องเลเซอร์รอยสิว
เลเซอร์รอยสิวที่มีคลื่นความยาว 10,600 นาโนเมตร ยิงแบบจุดเล็ก ๆ ลงลึกเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เหมาะสำหรับรักษา หลุมสิวลึก รวมถึงปัญหาผิวอื่น ๆ เช่น ฝ้า กระ สิวข้าวสาร หูด ติ่งเนื้อ
Fractional CO2 Laser เครื่องเลเซอร์รอยสิวเหมาะกับ
• หลุมสิว
• แผลเป็นจากสิว
• ปัญหาผิวหนา/เนื้อส่วนเกิน
ข้อดีเครื่อง Fractional CO2 Laser เครื่องเลเซอร์รอยสิว
• เห็นผลชัดเจน
• รักษาหลุมสิวโดยตรง
• ผลัดผิวลึก
5.V-Beam เครื่องเลเซอร์รอยสิว
เลเซอร์รอยสิวที่ใช้ความยาวคลื่น 595 นาโนเมตร ยิงเข้าสู่เส้นเลือดฝอยใต้ผิวที่ขยายตัวผิดปกติ ทำให้รอยแดงจากการอักเสบ หรือแผลเป็นสีแดงจางลง
V-Beam เครื่องเลเซอร์รอยสิวเหมาะกับ
• รอยแดงจากสิว
• เส้นเลือดฝอยที่เห็นชัด
• รอยแผลเป็นสีชมพู
ข้อดีเครื่อง V-Beam เครื่องเลเซอร์รอยสิว
• ลดรอยแดงได้ตรงจุด
• ฟื้นตัวไว
• เจ็บน้อย
6.IPL (Intense Pulsed Light) เลเซอร์รอยสิว
IPL ใช้แสงความเข้มข้นสูง (500-1200 นาโนเมตร) ยิงลงไปยังเม็ดสี หรือเส้นเลือดในผิว เพื่อแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ รวมถึงลดรอยแดง รอยดำ
IPL เลเซอร์รอยสิวเหมาะกับ
• รอยสิว
• ผิวหมองคล้ำ
• ขนบนใบหน้า
ข้อดีของ IPL เลเซอร์รอยสิว
• ครอบคลุมหลายปัญหาผิว
• ไม่เจ็บ
• ไม่มีแผลหลังทำ
เปรียบเทียวเครื่องเลเซอร์รอยสิวในแต่ละรุ่น
ชื่อเลเซอร์รอยสิว |
เหมาะกับ |
จุดเด่น |
Pico Laser |
รอยสิว เม็ดสี รูขุมขน |
เม็ดสีแตกละเอียด ฟื้นตัวเร็ว |
Dual Yellow |
สิวอักเสบ รอยแดง |
อ่อนโยน ลดสิวและรอย |
Q-Switched |
รอยดำ กระ ฝ้า |
ปรับสีผิว แต่ไม่เหมาะกับสิวอักเสบ |
Fractional CO2 |
หลุมสิวลึก |
กระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูผิว |
V-Beam |
รอยแดง เส้นเลือดฝอย |
ลดแดงได้ลึก ฟื้นตัวไว |
IPL |
รอยสิว ผิวหมอง ขนหน้า |
ครอบคลุม ไม่เจ็บ |

เลเซอร์รอยสิว คืออะไร รักษารอยสิวมีกี่ประเภท ลบรอยสิวมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ราคาเท่าไหร่
เลเซอร์รอยสิว ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลเลเซอร์รอยสิวเหมาะกับใคร
เลเซอร์รอยสิวเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการ ฟื้นฟูผิวหลังเป็นสิว ให้กลับมาเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ และดูสุขภาพดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีปัยหาต่อไปนี้
1.ผู้ที่มีรอยสิวเรื้อรัง เช่น รอยแดง รอยดำ
หลังจากสิวหาย บางคนจะมีรอยแดงหรือรอยคล้ำทิ้งไว้บนผิว ซึ่งอาจจางลงเองได้ในหลายเดือน เลเซอร์รอยสิวจะช่วยเร่งให้รอยจางไวขึ้น เหมาะกับคนที่ไม่อยากรอนานหรืออยากให้ผิวกลับมาเนียนเร็วขึ้น
2.ผู้ที่มี “หลุมสิว” หรือผิวไม่เรียบ
โดยเฉพาะหลุมที่เกิดจากสิวอักเสบรุนแรง เลเซอร์รอยสิวบางประเภท เช่น Fractional CO2 หรือ ErYAG สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวค่อย ๆ ตื้นขึ้นและเรียบเนียนขึ้น
3.ผู้ที่เคยลองวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล
เช่น ทาครีม, มาส์ก, ทรีตเมนต์พื้นฐาน แต่รอยสิวยังชัดอยู่ เลเซอร์รอยสิวให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและตรงจุดมากกว่าวิธีดูแลผิวทั่วไป โดยเฉพาะในกรณีที่รอยฝังลึกหรือผิวซ่อมแซมตัวเองได้ช้า
4.ผู้ที่ไม่มีเวลารักษานาน แต่ต้องการเห็นผลเร็ว
เลเซอร์รอยสิวสามารถให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนใน 3-5 ครั้ง โดยแต่ละครั้งใช้เวลาไม่นาน และบางชนิดไม่ต้องพักฟื้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผิวดีในเวลาอันสั้น เช่น ก่อนงานสำคัญ
5.ผู้ที่มีผิวแข็งแรงพอสมควร
แม้ปัจจุบันจะมีเลเซอร์รอยสิวที่ปลอดภัยกับผิวแพ้ง่ายมากขึ้น แต่การทำเลเซอร์รอยสิว โดยเฉพาะชนิดที่ลงลึกหรือผลัดผิว ควรทำในคนที่ไม่มีปัญหา ผิวบาง แพ้ ระคายเคืองง่ายเกินไป
ใครควรหลีกเลี่ยงการทำทำเลเซอร์รอยสิว
การทำเลเซอร์รอยสิวเป็นวิธีที่ช่วยลดรอยดำ รอยแดง และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะสมกับการทำเลเซอร์รอยสิว มีบางกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
1.ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ในช่วงตั้งครรภ์และให้นม ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงมาก ทำให้ผิวไวต่อแสงหรือเกิดรอยดำง่าย แม้เลเซอร์รอยสิวบางชนิดจะไม่เป็นอันตรายโดยตรง แต่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยของแม่และลูก
2.ผู้ที่ใช้ยาที่ทำให้ผิวไวแสง
เช่น ยา Isotretinoin (Roaccutane) หรือยากลุ่ม Retinoids การทำเลเซอร์รอยสิวขณะใช้ยาเหล่านี้อาจทำให้ผิวระคายเคืองรุนแรง เกิดรอยแดง แผล หรือแผลหายช้าได้
3.ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง เช่น เริม (Herpes)
เลเซอร์รอยสิวอาจกระตุ้นให้เชื้อที่แฝงอยู่กลับมากำเริบ ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้าเพื่อวางแผนการรักษาและอาจให้ยาป้องกันการกำเริบ
4.ผู้ที่ผิวไหม้แดดหรือมีการอักเสบของผิว
ผิวที่โดนแดดจัด หรือมีการอักเสบ จะไวต่อเลเซอร์รอยสิวมากขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดรอยดำหลังทำ (PIH) หรือแผลที่หายช้ากว่าปกติ
5.ผู้ที่เพิ่งทำทรีตเมนต์หรือผลัดเซลล์ผิว
เช่น การทำ Chemical Peel หรือ Dermabrasion ซึ่งทำให้ผิวบางและไวต่อแสงมาก การทำเลเซอร์ทันทีอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง
6.ผู้ที่มีโรคผิวหนังเรื้อรังหรือแพ้แสง
เช่น โรค SLE หรือโรคทางผิวหนังอื่น ๆ ที่ไวต่อแสงหรือการกระตุ้น ควรได้รับการประเมินจากแพทย์เฉพาะทางก่อนทำเลเซอร์
เลือกคลินิกทำเลเซอร์รอยสิวที่ไหนดี
ก่อนที่เราจะเริ่มใช้เลเซอร์รอยสิว เราต้องเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน ซึ่งสามารถเลือกเลเซอร์รอยสิวได้ตามหัวข้อต่อไปนี้
1.แพทย์มีประสบการณ์ - เลือกคลินิกที่มีแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์ความงามที่มีใบอนุญาตและเชี่ยวชาญด้านเลเซอร์
2.เครื่องเลเซอร์รอยสิวได้มาตรฐาน - เครื่องต้องผ่าน อย.และเหมาะกับสภาพผิวของเรา
3.มีการประเมินก่อนทำ - ต้องมีการซักประวัติ ตรวจผิว และอธิบายขั้นตอนอย่างชัดเจนก่อนทำ
4.รีวิวดี มีความน่าเชื่อถือ - ดูรีวิวจากลูกค้าเก่า หรือคลินิกที่มีชื่อเสียงน่าไว้ใจ
ก่อนเลเซอร์รอยสิวควรรู้อะไรบ้าง
การเลเซอร์รอยสิวเป็นหัตถการที่ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ลดรอยดำ รอยแดง และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ควรศึกษาข้อมูลและเตรียมตัวอย่างถูกต้อง โดยมีประเด็นสำคัญที่ควรรู้ดังนี้
1.ประเมินประเภทของรอยสิว
รอยสิวมีหลายประเภท เช่น
• รอยดำ (Post-inflammatory hyperpigmentation)
• รอยแดง (Post-inflammatory erythema)
• หลุมสิว (Atrophic scars)
ชนิดของรอยสิวส่งผลต่อการเลือกชนิดเลเซอร์รอยสิว เช่น
• Pigment laser สำหรับรอยดำ
• Vascular laser สำหรับรอยแดง
• Fractional laser หรือ RF microneedling สำหรับหลุมสิว
ควรให้แพทย์ประเมินผิวก่อนเพื่อเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม
2.ประวัติสุขภาพและยาที่ใช้
ผู้ที่ใช้ยาเช่น Isotretinoin (Roaccutane) หรือ ยากลุ่ม Retinoids ควรแจ้งแพทย์ เนื่องจากอาจทำให้ผิวไวและเกิดผลข้างเคียงได้ง่าย
รวมถึงหากมีโรคประจำตัว เช่น โรคผิวหนังอักเสบ ภูมิแพ้แสง หรือกำลังตั้งครรภ์ ควรหลีกเลี่ยงหรือใช้ความระมัดระวัง
3.การดูแลก่อนทำเลเซอร์รอยสิว
• งด ผลัดเซลล์ผิว, สครับหน้า, หรือ ทรีตเมนต์แรง ๆ ก่อนเลเซอร์ประมาณ 5-7 วัน
• งดโดนแดดจัด และทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
• หากมีประวัติเป็นเริม ควรแจ้งแพทย์เพื่อพิจารณาให้ยาป้องกันก่อนทำ
4.เลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน
• มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำ
• ใช้เครื่องมือที่ปลอดภัย ผ่าน อย.
• มีระบบดูแลหลังทำที่ชัดเจน เช่น นัดติดตามผล หรือให้คำแนะนำหลังการรักษา
ขั้นตอนการเลเซอร์รอยสิว
ประเมินผิวโดยแพทย์
ตรวจสภาพผิว ประเภทของรอยสิว และเลือกชนิดเลเซอร์ที่เหมาะสม เช่น เลเซอร์ลดรอยดำ รอยแดง หรือหลุมสิว
ทำความสะอาดผิวหน้า
เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและเมคอัพก่อนเริ่มหัตถการ
ทายาชา (ถ้าจำเป็น)
โดยเฉพาะหากใช้เลเซอร์รอยสิวชนิดที่ลึกหรืออาจรู้สึกเจ็บ เช่น fractional laser ใช้เวลาทายาประมาณ 30-45 นาที
ยิงเลเซอร์รอยสิว
แพทย์จะปรับพลังงานตามสภาพผิว ใช้เวลาประมาณ 10-30 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ
ลงผลิตภัณฑ์ปลอบประโลมผิว
เช่น เจลลดการอักเสบหรือมาสก์เย็น ลดความร้อนและลดโอกาสระคายเคือง
แนะนำการดูแลหลังทำ
เช่น หลีกเลี่ยงแดด งดสครับ ทาครีมบำรุงและกันแดดอย่างสม่ำเสมอ

เลเซอร์รอยสิว คืออะไร รักษารอยสิวมีกี่ประเภท ลบรอยสิวมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ราคาเท่าไหร่
เลเซอร์รอยสิว ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลการดูแลผิวหลังเลเซอร์รอยสิว
การดูแลผิวหลังทำเลเซอร์รอยสิวเป็นขั้นตอนสำคัญที่มีผลต่อผลลัพธ์การรักษาโดยตรง หากดูแลไม่ถูกต้องอาจเกิดรอยดำ ระคายเคือง หรือผิวฟื้นตัวช้าลงได้ ดังนั้นควรปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้อย่างเคร่งครัดหลังเลเซอร์รอยสิว
1.หลีกเลี่ยงแดดอย่างเคร่งครัด
หลังเลเซอร์รอยสิว ผิวจะไวต่อแสงมาก หากสัมผัสแดดโดยตรงอาจเกิด รอยดำ (PIH) ได้ง่าย
คำแนะนำหลังเลเซอร์รอยสิว
• ใช้ครีมกันแดด SPF 50+ ทาทุกวัน แม้ไม่ได้ออกจากบ้าน
• สวมหมวกหรือหน้ากากกันแดดเมื่อต้องออกกลางแจ้ง
2.ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่อ่อนโยน
หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีกรดผลไม้ แอลกอฮอล์ หรือสารผลัดเซลล์
ควรใช้ผลิตภัณฑ์หลังเลเซอร์รอยสิวดังนี้
• เจลว่านหางจระเข้
• ครีมบำรุงที่มี Ceramide, Hyaluronic acid หรือ Centella asiatica เพื่อปลอบประโลมผิว
3.หลีกเลี่ยงการขัด ถู หรือสครับผิว
ผิวหลังเลเซอร์รอยสิวจะบอบบาง หากถูแรงอาจทำให้เกิดแผลหรือการอักเสบ
คำแนะนำหลังเลเซอร์รอยสิว
• ล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ
• ใช้ปลายนิ้วนวดเบา ๆ ด้วยคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน
4.งดแต่งหน้า 24-48 ชั่วโมง
ควรปล่อยให้ผิวฟื้นตัวโดยไม่ถูกรบกวนจากเครื่องสำอาง เพื่อป้องกันการอุดตันหรือระคายเคือง
5.สังเกตอาการผิดปกติหลังทำเลเซอร์รอยสิว
หากมีผื่นแดงรุนแรง บวม หรือแสบร้อนผิดปกติ ควรรีบกลับมาปรึกษาแพทย์ทันที อาจเป็นอาการแพ้หรือผลข้างเคียงจากเลเซอร์
ข้อดีของการเลเซอร์รอยสิว
การเลเซอร์รอยสิวเป็นทางเลือกทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะสามารถฟื้นฟูผิวและลดรอยที่เกิดหลังสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีข้อดีเด่น ๆ ดังนี้
1.ลดรอยดำและรอยแดงจากสิวได้ตรงจุด
เลเซอร์รอยสิวบางชนิด เช่น Q-switched laser, V-beam, หรือ IPL สามารถลดเม็ดสีหรือรอยแดงจากการอักเสบได้โดยตรง ทำให้รอยสิวจางลงเร็วกว่าการทาครีมเพียงอย่างเดียว
2.กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
เลเซอร์รอยสิวชนิด fractional หรือ ablative laser สามารถส่งพลังงานลงไปใต้ผิว เพื่อกระตุ้นการซ่อมแซมและสร้างคอลลาเจนใหม่ (Collagen) ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น หลุมสิวดูตื้นขึ้น
3.เห็นผลลัพธ์ไวและต่อเนื่อง
แม้อาจต้องทำเลเซอร์รอยสิวหลายครั้ง แต่ผลลัพธ์มักเริ่มเห็นได้หลังจาก 1-2 ครั้งแรก และดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อทำต่อเนื่องตามแผนการรักษาของแพทย์
4.ฟื้นฟูสภาพผิวโดยรวม
นอกจากลดรอยสิว เลเซอร์ยังช่วยให้ผิวกระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ และดูสุขภาพดีขึ้น
5.เลเซอร์รอยสิวเหมาะกับผู้ที่รักษารอยสิวด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล
โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ครีมบำรุงมานานแต่รอยยังไม่จาง การเลเซอร์รอยสิวสามารถเร่งผลลัพธ์ได้ชัดเจนและปลอดภัยหากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ข้อจำกัดของการเลเซอร์รอยสิว
แม้ข้อดีของการเลเซอร์รอยสิวจะมีเยอะมาก แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่เหมือนกัน
1.ไม่เห็นผลทันที - ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง
2.เสี่ยงรอยดำหรือระคายเคือง หากดูแลไม่ดีหลังทำ
3.ไวต่อแสงแดด ต้องหลีกเลี่ยงแดดอย่างเคร่งครัด
4.ไม่เหมาะกับทุกคน เช่น ผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือมีโรคผิวหนังบางชนิด
5.มีค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง ต้องวางแผนให้เหมาะสม

เลเซอร์รอยสิว คืออะไร รักษารอยสิวมีกี่ประเภท ลบรอยสิวมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ราคาเท่าไหร่
เลเซอร์รอยสิว ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลการทำเลเซอร์รอยสิวต้องทำกี่ครั้งถึงหาย
จำนวนครั้งของการทำเลเซอร์รอยสิวขึ้นอยู่กับ สภาพผิว และ ประเภทของรอยสิว แต่โดยทั่วไป
• รอยดำ/รอยแดงจากสิว ประมาณ 3-5 ครั้ง ก็เริ่มเห็นผลชัดเจน รอยจะค่อย ๆ จางลงเรื่อย ๆ
• หลุมสิว ต้องใช้เวลานานกว่า มักต้องทำ 5-6 ครั้งขึ้นไป และอาจใช้เลเซอร์ชนิดลึกหรือร่วมกับวิธีอื่น เช่น RF หรือฉีดกระตุ้นคอลลาเจน
ระยะห่างในการทำเลเซอร์รอยสิว โดยปกติจะเว้นห่างกันประมาณ 3-4 สัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อให้ผิวฟื้นตัวและค่อย ๆ กระตุ้นการซ่อมแซมตัวเอง
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับเลเซอร์รอยสิว
เลเซอร์รอยสิวเป็นวิธีรักษารอยสิวที่ทำให้รอยสิวดีขึ้นได้แบบรวดเร็ว แต่จะต้องเลือกเลเซอร์รอยสิวที่เข้ากับปัญหาผิวของตัวเองและต้องเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตราย แต่สุดท้ายแล้วควรรักษาสิวจากต้นตอ ไม่ไปแกะ แคะ จนทำให้เกิดรอยสิว เพราะว่ารอยสิวรักษายากกว่าสิวอีกนะ
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ