romrawin

Oligio คืออะไร ยกกระชับ ลดไขมันบนหน้าแบบไม่พึ่งเข็มได้จริงไหม

Oligio

Oligio คืออะไร ยกกระชับ ลดไขมันบนหน้าแบบไม่พึ่งเข็ม ได้จริงไหม
Oligio เครื่องยกกระชับผิวน้องใหม่ในวงการความงาม ที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับคนที่อยากปรับรูปหน้า ลดไขมัน แต่กลัวเข็มและกลัวเจ็บ บอกเลยว่า Oligio ตอบโจทย์
เรามาดูกันว่า Oligio ช่วยแก้ปัญหาผิวเรื่องไหนบ้าง แล้วมีหลักการทำงานอย่างไรที่ช่วยให้หน้าเราเล็กได้แบบไม่ต้องพึ่งเข็ม

รวมทุกหัวข้อเกี่ยวกับ Oligio
- Oligio ยกกระชับผิวหน้าคืออะไร ทำไมลดไขมันได้
- Oligio มีหลักการทำงานอย่างไร
- Oligio ปลอดภัยหรือไม่
- Oligio ช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับผิวหน้าอะไรได้บ้าง
- Oligio เหมาะกับใครบ้าง
- ใครควรหลีกเลี่ยงทำ Oligio
- ข้อดีของการทำ Oligio
- ข้อควรระวังในการทำ Oligio
- Oligio ต่างจากเครื่องยกกระชับอื่นๆ อย่างไร
- การเตรียมตัวก่อนทำ Oligio
- ผลลัพธ์หลังทำ Oligio
- การดูแลตัวเองหลังทำ Oligio
- สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับ Oligio
- คำถามยอดฮิตของ Oligio

Oligio ยกกระชับผิวหน้าคืออะไร ทำไมลดไขมันได้
Oligio (โอลิจิโอ) คือเทคโนโลยีเพื่อการยกกระชับผิวหน้าโดยใช้พลังงาน คลื่นวิทยุชนิด Monopolar Radiofrequency (RF) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้ผิวเกิดการหดตัวของคอลลาเจนทันที และเร่งกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นหนังแท้ (Dermis) อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ทำลายผิวหนังชั้นนอก

เทคโนโลยี Oligio นี้พัฒนาขึ้นมาโดยอ้างอิงหลักการเดียวกับเครื่อง Thermage ซึ่งเป็นมาตรฐานการยกกระชับด้วยคลื่นวิทยุในระดับสากล Oligio จึงถือเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมในคลินิกผิวหนังและความงามยุคใหม่ เนื่องจากสามารถเห็นผลลัพธ์ได้จริง และมีไม่อันตรายต่อผิวหนัง

ทำไม Oligio จึงช่วยลดไขมันได้ ?
แม้ชื่อเสียงหลักของ Oligio จะอยู่ที่ การยกกระชับผิว แต่ผลพลอยได้ที่สำคัญของ Oligio คือ การสลายไขมันเฉพาะจุด โดยเฉพาะบริเวณที่มีไขมันสะสมเล็กน้อย เช่น แก้มล่าง กรอบหน้า คางสองชั้น ซึ่งเป็นผลจากความร้อนที่ลงลึกถึงชั้นไขมัน ทำให้ไขมันแตกตัวและถูกกำจัดออกโดยระบบน้ำเหลืองและกระบวนการเมตาบอลิซึมของร่างกาย

Oligio มีหลักการทำงานอย่างไร
เทคโนโลยี Oligio คือหนึ่งในนวัตกรรมเพื่อการยกกระชับผิวหน้าที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยหลักการทำงานของ พลังงานคลื่นวิทยุ (Radiofrequency หรือ RF) แบบขั้วเดียว (Monopolar) ที่สามารถส่งผ่านพลังงานลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิว ซึ่งเป็นชั้นที่มีบทบาทสำคัญต่อความตึงกระชับของผิวและรูปหน้าของเรา

Oligio ทำงานกับผิวหนังชั้นไหนบ้าง?
การเข้าใจเรื่อง “ชั้นผิวหนัง” ช่วยให้เห็นภาพชัดว่า Oligio ทำงานลึกแค่ไหนและส่งผลต่ออะไรบ้าง ซึ่งเราสามารถแบ่งผิวหนังออกเป็น 3 ชั้นหลัก

1.ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis)
เป็นผิวหนังชั้นบนสุดที่เรามองเห็น Oligio ไม่ทำลายผิวชั้นนี้ เพราะคลื่น RF จะวิ่งผ่านโดยไม่ทำให้เกิดแผลหรือรอยแดงเหมือนเลเซอร์บางชนิด จึงปลอดภัยต่อผู้ที่มีผิวบอบบาง

2.ชั้นหนังแท้ (Dermis)
คือจุดหลักที่ Oligio เข้าไปทำงานด้วยดังนี้

• ในชั้นนี้มีเส้นใย คอลลาเจน และ อิลาสติน ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักที่ช่วยพยุงผิวให้แข็งแรง ยืดหยุ่น และกระชับ
• คลื่น RF ของ Oligio จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 60-65°C ซึ่งเพียงพอที่จะกระตุ้นให้เส้นใยคอลลาเจน หดตัวทันที และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว

ผลที่ได้คือผิวกระชับ เรียบเนียน และยืดหยุ่นดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังการทำ

3.ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous fat)
เป็นชั้นลึกที่สุดที่มีไขมันสะสมอยู่ Oligio สามารถลงลึกถึงชั้นนี้ได้
• คลื่น RF ในระดับลึกจะทำให้เซลล์ไขมันบางส่วน แตกตัวแบบไม่รุกราน (Non-invasive lipolysis)
• ร่างกายจะค่อย ๆ กำจัดไขมันส่วนเกินเหล่านี้ออกทางระบบน้ำเหลืองอย่างเป็นธรรมชาติ

ผลที่ตามมาหลังทำ Oligio คือ ใบหน้าเรียวเล็กลงโดยเฉพาะบริเวณกรอบหน้า คาง หรือเหนียง ซึ่งมักมีไขมันสะสม

Oligio ปลอดภัยหรือไม่
ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ผู้คนจำนวนมากหันมาให้ความสนใจกับการยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด หนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมและถูกพูดถึงมากในแวดวงผิวหนังและความงามในปัจจุบันคือ Oligio ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (RF) ในการฟื้นฟูผิว ยกกระชับ และลดไขมันเฉพาะจุดโดยไม่ทำลายผิวหนังชั้นนอก

อย่างไรก็ตาม คำถามที่หลายคนสงสัยก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการก็คือ "เครื่อง Oligio ปลอดภัยจริงหรือไม่" บทความนี้จะอธิบายถึงความปลอดภัยของเทคโนโลยีนี้ในแบบที่เข้าใจง่ายและรอบด้าน เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

• Oligio ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (Radiofrequency: RF) แบบขั้วเดียว (Monopolar) ซึ่งสามารถควบคุมความลึกและระดับพลังงานได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงของการเกิดความร้อนสะสมหรือผิวไหม้

• Oligio ใช้พลังงาน RF วิ่งผ่านผิวหนังชั้นบน (หนังกำพร้า) โดยไม่ทำลายเซลล์ผิวหนังชั้นนอก จึงไม่มีแผล ไม่มีรอยแดงรุนแรง และไม่ต้องพักฟื้น

• Oligio ใช้หัวเครื่องมีระบบทำความเย็น (Cooling System) และแรงสั่นเบา ๆ (Vibration) เพื่อลดความรู้สึกเจ็บขณะทำ ทำให้รู้สึกสบายแม้พลังงานลงลึกถึงชั้นหนังแท้และชั้นไขมัน

• Oligio ได้รับการรับรองจากมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ระดับสากล มั่นใจในเรื่องความปลอดภัยของอุปกรณ์และการปล่อยพลังงาน

• Oligio ไม่มีการใช้สารเคมี ไม่ต้องฉีด ไม่ต้องผ่าตัด ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน เช่น อาการแพ้ การติดเชื้อ หรือการอักเสบ

• Oligio มีพลังงาน RF มีขอบเขตชัดเจน จำกัดเฉพาะบริเวณผิวหนังและไขมันใต้ผิว ไม่กระทบต่อเส้นประสาท กล้ามเนื้อ หรืออวัยวะภายใน

• Oligio ใช้ได้กับทุกสภาพผิว รวมถึงผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เพราะไม่มีการกระตุ้นที่ก่อให้เกิดเม็ดสีหรือจุดด่างดำตามมา

• แพทย์สามารถปรับค่าพลังงานของ Oligio ให้เหมาะสมเฉพาะบุคคลได้ตามสภาพผิวและบริเวณที่ต้องการรักษา เพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา

Oligio ช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับผิวหน้าอะไรได้บ้าง
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น หรือมีปัจจัยต่าง ๆ เข้ามากระทบ เช่น แสงแดด มลภาวะ ความเครียด หรือพฤติกรรมการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม ผิวหน้าของเราย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นความหย่อนคล้อย ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง หรือแม้แต่ปัญหาไขมันสะสมเฉพาะจุดที่ทำให้รูปหน้าเปลี่ยนไป

เรามาดูกันว่า Oligio สามารถช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับผิวหน้าอะไรได้บ้าง เพื่อให้เข้าใจวิธีการทำงานของเทคโนโลยีนี้และประเมินได้ว่าตอบโจทย์ผิวของเราหรือไม่

• ผิวหน้าหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ
Oligio จะกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนและสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวแน่นและยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

• กรอบหน้าไม่ชัด รูปหน้าไม่เรียว
พลังงาน RF ลงลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิว ช่วยสลายไขมันเฉพาะจุด เช่น แก้มล่าง คางสองชั้น ทำให้กรอบหน้าคมชัดยิ่งขึ้น

• ริ้วรอยเล็กและผิวไม่เรียบเนียน
การสร้างคอลลาเจนใหม่ช่วยเติมเต็มร่องผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า

• คางสองชั้นหรือไขมันสะสมบริเวณใต้คาง
RF ช่วยสลายไขมันบริเวณนี้อย่างอ่อนโยนโดยไม่ต้องดูดไขมันหรือศัลยกรรม

• ผิวขาดความยืดหยุ่นจากอายุที่เพิ่มขึ้น
Oligio ฟื้นฟูความแข็งแรงของเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นหนังแท้ ช่วยให้ผิวเด้ง ตึง และยืดหยุ่นดีขึ้น

• รูขุมขนกว้าง
เมื่อโครงสร้างผิวกระชับขึ้น รูขุมขนจะแลดูเล็กลง ผิวหน้าดูเรียบเนียนมากขึ้น

• ผิวแห้งกร้านและหมองคล้ำเล็กน้อย
การกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดใต้ผิวจากคลื่น RF ของ Oligio ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง สดใสขึ้น

Oligio เหมาะกับใครบ้าง
เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดมีให้เลือกมากมาย แต่หนึ่งในตัวเลือกที่มาแรงและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในกลุ่มคนรักผิว คือ “Oligio” เพราะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และยังเป็นมิตรกับผิวทุกวัยอีกด้วย

ใครบ้างที่เหมาะกับการทำ Oligio
1.ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
ตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป ร่างกายเริ่มผลิตคอลลาเจนน้อยลง ส่งผลให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า มีร่องแก้มลึก ขอบตาตก หรือกรอบหน้าไม่ชัด Oligio จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และจัดเรียงเส้นใยคอลลาเจนให้กลับมาตึงกระชับขึ้นอีกครั้ง

2.คนที่ต้องการยกกระชับแต่กลัวเข็ม กลัวมีดผ่าตัด
Oligio ไม่มีการเจาะ ไม่มีเลือด ไม่ต้องใช้เข็ม เพียงแค่วางหัวเครื่องลงบนผิวแล้วส่งพลังงานอย่างสม่ำเสมอ เจ็บเพียงเล็กน้อยขณะทำ และสามารถแต่งหน้ากลับบ้านได้ทันทีหลังทำเสร็จ

3.ผู้ที่มีริ้วรอยเล็กๆ เริ่มต้น และไม่อยากปล่อยให้ลุกลาม
ริ้วรอยเล็กๆ มักเป็นสัญญาณแรกของวัย การเริ่มดูแลตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วย Oligio จะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยลึก และทำให้ผิวแน่นขึ้นก่อนจะต้องพึ่งการฉีดหรือศัลยกรรมในอนาคต

4.คนที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์แบบเป็นธรรมชาติ
Oligio ไม่ได้แค่ยกกระชับผิวเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผิวดูแน่น ฟู รูขุมขนเล็กลง สีผิวสม่ำเสมอขึ้น ผิวโดยรวมดู “เด็กลง” อย่างเห็นได้ชัดแบบไม่หลอกตา

5.เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ทำลายผิวชั้นบน Oligio จึงใช้ได้ทั้งผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวบอบบางแพ้ง่าย โดยไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลหรือรอยไหม้

ใครควรหลีกเลี่ยงทำ Oligio
แม้ว่า Oligio จะเป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ปลอดภัย เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้น และใช้ได้กับทุกสีผิว แต่ก็ยังมีบางกลุ่มคนที่ “ควรหลีกเลี่ยง” หรือควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทำ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้

1.ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังในร่างกาย
Oligio ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (Radiofrequency - RF) ในการกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งอาจรบกวนการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในร่างกายได้ เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ เครื่องช่วยฟังชนิดฝังใน หรือเครื่องกระตุ้นระบบประสาท จึงไม่แนะนำให้ทำในกรณีนี้

2.หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
แม้ว่าไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า Oligio ส่งผลโดยตรงต่อทารกหรือปริมาณน้ำนม แต่ในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ส่งผลต่อสภาพผิว อาจทำให้ประเมินผลลัพธ์หลังทำได้ยาก อีกทั้งการรักษาเพื่อความงามมักหลีกเลี่ยงในช่วงนี้เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

3.ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อ หรือมีแผลเปิดในบริเวณที่จะทำ
การมีผื่น แผล หรือสิวอักเสบรุนแรงในบริเวณที่ต้องทำ Oligio จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดการระคายเคืองหรือการลุกลามของอาการ ควรรอให้สภาพผิวสงบหรือรักษาหายก่อนจึงค่อยเข้ารับการรักษา

4.ผู้ที่มีประวัติการเป็นโรคผิวหนังเฉพาะ เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนังเรื้อรัง หรือโรคผิวหนังจากภูมิคุ้มกันผิดปกติ
เช่น โรค SLE หรือโรคผิวหนังที่ไวต่อแสงและความร้อน อาจทำให้ผิวตอบสนองต่อพลังงาน RF ผิดปกติ และเกิดอาการรุนแรงตามมาได้ ควรให้แพทย์ประเมินอย่างละเอียดก่อนทำ

5.ผู้ที่เพิ่งฉีดฟิลเลอร์ หรือโบท็อกซ์ในบริเวณเดียวกัน
ควรเว้นระยะอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ก่อนทำ Oligio เพราะคลื่นความร้อนจาก RF อาจมีผลต่อการกระจายตัวของฟิลเลอร์หรือประสิทธิภาพของโบท็อกซ์ โดยเฉพาะหากฉีดในบริเวณแก้ม ขมับ หรือใต้ตา

6.ผู้ที่มีผิวไวต่อความร้อนผิดปกติ
เช่น มีประวัติเป็นแผลพุพองง่าย มีแผลเป็นนูนจากการระคายเคืองเพียงเล็กน้อย หรือมีปฏิกิริยาผิวแปลกๆ จากการโดนความร้อน ควรเลี่ยง หรือให้แพทย์ทดลองทำบริเวณเล็กๆ ก่อน

ข้อดีของการทำ Oligio
นอกจาก Oligio จะทำให้หน้าเราเล็กลงแล้ว เรามาดูกันว่าการที่เราเลือกทำหัตถการ Oligio มีข้อดีอื่น ๆ อะไรเพิ่มเติมบ้าง

- Oligio นับได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่ปลอดภัยเพราะว่าขณะที่เราทำจะไม่รู้สึกแสบผิว เนื่องจากตัวที่เป็นหัวยิงของเครื่อง Oligio จะมีระบบสั่นและทำความเย็นอัจฉริยะ
- หลังทำ Oligio จะสามารถเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ 20%
- ก่อนที่จะทำหัตถการ Oligio เตรียมตัวน้อยมาก เพราะไม่จำเป็นจะต้อง งดหรือหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือยาที่รับประทานเป็นประจำเหมือนกับหัตถการประเภทอื่นๆ
- หัตถการ Oligio ใช้เวลาทำประมาณ 20 - 30 นาทีเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าหัตถการยกกระชับปรเภทอื่นๆ ที่อาจใช้เวลาในการทำเยอะกว่า

ข้อควรระวังในการทำ Oligio
• ตรวจสอบประวัติสุขภาพก่อนทำหัตถการ Oligio
ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ ลมชัก หรือมีเครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) ควรหลีกเลี่ยงการทำ Oligio เพราะคลื่น RF อาจรบกวนการทำงานของอุปกรณ์ภายในร่างกาย

• หลีกเลี่ยงในผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
แม้การทำหัตถการ Oligio จะไม่มีหลักฐานว่าทำให้เกิดอันตรายโดยตรง แต่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด แนะนำให้คุณแม่หลีกเลี่ยงไปก่อนจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัย

• ห้ามทำหัตถการ Oligio บริเวณที่มีแผลเปิด อักเสบ หรือผิวติดเชื้อ
เพราะคลื่นความร้อนอาจทำให้การอักเสบแย่ลง และเสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้น

• ควรแจ้งแพทย์หากมีการทำศัลยกรรม เสริมซิลิโคน หรือฉีดฟิลเลอร์มาก่อน
โดยเฉพาะบริเวณที่จะทำ Oligio เพราะคลื่น RF อาจกระทบต่อวัสดุที่ฝังอยู่ เช่น ฟิลเลอร์บางชนิดอาจละลายหรือเปลี่ยนรูปร่าง

• งดใช้ครีมที่มีกรดผลไม้ วิตามินเอ หรือยาผลัดเซลล์ผิว ก่อนและหลังทำ 3-5 วัน
เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองผิว และเพิ่มประสิทธิภาพของการยกกระชับของเครื่อง Oligio

• ไม่ควรทำหัตถการ Oligio ซ้ำบ่อยเกินไป
ควรเว้นระยะห่างในการทำหัตถการ Oligio ที่แพทย์แนะนำ (มักแนะนำ 3-6 เดือน/ครั้ง) เพราะผิวต้องใช้เวลาฟื้นฟูหลังได้รับความร้อน

• ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดหลังทำทันที
ผิวหลังรับคลื่น RF จะไวต่อแสง หากโดนแดดจัดอาจเกิดการระคายเคืองหรือรอยดำได้ง่าย

• ควรดื่มน้ำมากๆ หลังทำหัตถการ Oligio
เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ฟื้นตัวไว และเสริมกระบวนการกระชับผิวที่เกิดจาก RF ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• เลือกทำกับคลินิกที่มีแพทย์ดูแลโดยตรง และใช้เครื่องแท้ผ่านมาตรฐาน
เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่แม่นยำ ลดความเสี่ยงจากเครื่องไม่ได้คุณภาพหรือการใช้งานผิดวิธี

Oligio ต่างจากเครื่องยกกระชับอื่นๆ อย่างไร
หลายคนคงเลือกไม่ถูกว่าจะทำหัตถการยกกระชับอะไรดี วันนี้เราได้นำหัตถการต่างๆมาเปรียบเทียบกับการทำ Oligio ให้แล้ว ลองดูปัญหาผิวของเรากับหัตถการที่ตอบโจทย์แก้ปัญหาผิวของเรามากที่สุด เพื่อที่จะได้เลือกหัตถการที่ทำให้เราได้ผลลัพธ์ที่พอใจมากที่สุด

Oligio vs Thermage
• ใช้พลังงาน RF แบบ Monopolar เหมือนกัน
• พลังงานลงลึกถึงชั้นหนังแท้และไขมันบางส่วน ใกล้เคียงกัน
• Thermage เจ็บกว่าระหว่างทำ / Oligio เจ็บน้อยกว่าเพราะมีระบบ Cooling
• ราคา Oligio ย่อมเยากว่า เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์คล้าย Thermage ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น

Oligio vs Ulthera
• Ulthera ใช้พลังงานคลื่นเสียง (Focused Ultrasound) ยิงลึกถึงชั้น SMAS (ชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ดึงหน้า)
• เหมาะกับการยกโครงหน้าให้ชัดเจน ขณะที่ Oligio เหมาะกับการฟื้นฟูผิวและลดริ้วรอย
• Ulthera เจ็บมากกว่า / Oligio เจ็บน้อยกว่าอย่างชัดเจน
• Ulthera ให้ผลในเชิงโครงสร้าง / Oligio เด่นในเรื่องผิวแน่น เรียบเนียน รูขุมขนกระชับ

Oligio vs Ultraformer และ Hifu
• Ultraformer และ Hifu ใช้พลังงานคลื่นเสียง HIFU ยิงได้ลึกถึงชั้น SMAS เช่นเดียวกับ Ulthera
• Hifu เหมาะสำหรับการยกกระชับกรอบหน้า ลดไขมัน / Oligio เน้นฟื้นฟูผิว ทำให้ผิวอิ่มฟู ลดริ้วรอย
• Hifu เห็นผลเร็วแต่ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นกว่า Oligio
• Oligio ให้ผลลัพธ์ที่นุ่มนวล เจ็บน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นคุณภาพผิว

Oligio จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่มองหาการยกกระชับผิวหน้าโดยไม่เจ็บ ไม่พักฟื้น และให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดทั้งในเรื่องความยืดหยุ่นและความเรียบเนียนของผิว หากใครกำลังลังเลระหว่างหลายเทคโนโลยี ลองปรึกษาแพทย์ที่รมย์รวินท์เพื่อวางแผนการดูแลผิวให้เหมาะสมกับสภาพผิวและให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การเตรียมตัวก่อนทำ Oligio
• ก่อนทำ Oligio ไม่ต้องอดอาหารหรือหยุดอาหารเสริมล่วงหน้า
สามารถรับประทานอาหารและอาหารเสริมตามปกติได้ ไม่มีผลต่อการทำ Oligio เนื่องจากไม่ใช่หัตถการที่ต้องใช้ยาชาเฉพาะหรือยาสลบ

• ก่อนทำ Oligio เว้นระยะห่างจากการฉีดสารเติมเต็มผิวอย่างน้อย 4 สัปดาห์
หากเพิ่งรับการฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ ควรรอให้ผิวและชั้นใต้ผิวหนังกลับเข้าสู่ภาวะปกติก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อรูปหน้าและประสิทธิภาพของ Oligio

• งดสวมเครื่องประดับทุกชนิดก่อนเข้าทำหัตถการ Oligio
ควรถอดต่างหู สร้อยคอ นาฬิกา และโลหะทุกชิ้นที่สัมผัสกับใบหน้าและลำตัว เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการรบกวนคลื่นพลังงานระหว่างการทำ Oligio

• หากมีโรคประจำตัวหรืออยู่ระหว่างใช้ยา ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้าก่อนทำ Oligio
แม้ Oligio จะเป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัย แต่การแจ้งข้อมูลสุขภาพจะช่วยให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำ

• หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวก่อนเข้าทำหัตถการ Oligio 2-3 วัน
เพื่อลดโอกาสการระคายเคืองหลังทำ ควรงดใช้สกินแคร์ที่มีกรดผลไม้หรือกรดวิตามินเอล่วงหน้า

ผลลัพธ์หลังทำ Oligio
ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีหลังทำ Oligio
• หลังจากทำหัตถการ ผิวจะดูดีขึ้นประมาณ 20% ทันที โดยเฉพาะในแง่ของความกระชับ ความเรียบเนียน และความสดใสของผิว ซึ่งเป็นผลจากการที่เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวหดตัวทันทีหลังถูกกระตุ้นด้วยพลังงานหรือสารออกฤทธิ์

ผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 2-6 เดือน หลังทำ Oligio
• แม้จะเห็นผลเบื้องต้นทันทีหลังทำ แต่การเปลี่ยนแปลงที่ “ลึกถึงระดับเซลล์ผิว” จะใช้เวลา โดยเฉพาะการสร้างคอลลาเจนใหม่ที่ร่างกายผลิตขึ้นตามธรรมชาติจะเริ่มแสดงผลเด่นชัดในช่วง 2 เดือนแรก และจะดีขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงประมาณ 3-6 เดือน
• ในช่วงเวลานี้ ผิวจะดูแน่นขึ้น ยืดหยุ่นดีขึ้น รูขุมขนเล็กลง สีผิวดูสม่ำเสมอ และเนื้อผิวจะเนียนละเอียดมากยิ่งขึ้น

การกระตุ้นคอลลาเจนช่วยฟื้นฟูผิวในระยะยาว
• พลังงานที่ใช้ของ Oligio จะเข้าไปกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblasts) ในชั้นหนังแท้ให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของผิวที่ทำให้ผิวแข็งแรง เต่งตึง และลดเลือนริ้วรอยได้อย่างเห็นผล

ผลลัพธ์หลังทำ Oligio สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน
• โดยทั่วไปการทำ Oligio ผลลัพธ์จะอยู่ได้ราว 8 เดือนโดยเฉลี่ย และในบางรายสามารถยาวนานถึง 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการดูแลผิวหลังทำ เช่น การทาครีมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงแสงแดด ไม่สูบบุหรี่ และดื่มน้ำเพียงพอ
• การเข้ารับการรักษาด้วย Oligio อย่างสม่ำเสมอหรือการทำซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์ผิวหนังจะช่วยยืดอายุของผลลัพธ์ให้นานยิ่งขึ้น

การดูแลตัวเองหลังทำ Oligio
หลีกเลี่ยงการออกแดดโดยตรง
• หลังทำ Oligio ผิวจะอยู่ในช่วงฟื้นฟูและค่อนข้างบอบบาง การสัมผัสแสงแดดโดยตรงอาจกระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองหรือทำให้ประสิทธิภาพของการกระตุ้นคอลลาเจนลดลง
• หลังทำ Oligio ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน และถ้าจำเป็นควรสวมหมวกหรือกางร่มเพื่อป้องกันรังสี UV

ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50+ เป็นประจำทุกวัน
• เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50+ และ PA+++ เพื่อป้องกันทั้งรังสี UVA และ UVB
• ควรทาครีมกันแดดทุกเช้า แม้ไม่ได้ออกจากบ้าน และทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมงหากอยู่กลางแจ้งหรือเหงื่อออกมาก
• การปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างเคร่งครัดจะช่วยไม่ให้ผิวหมองคล้ำหรือเกิดริ้วรอยใหม่

บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ
• ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่อ่อนโยนต่อผิว เพื่อเติมเต็มความชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวไม่แห้งหรือลอก
• การคงความชุ่มชื้นไว้ในผิวช่วยสนับสนุนการสร้างคอลลาเจนใหม่จากภายใน ทำให้ผิวกระชับ เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ขึ้น

งดการเข้าซาวน่าและทรีตเมนต์ที่มีความร้อนสูงในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
• ทรีตเมนต์ที่มีความร้อน เช่น ซาวน่า สตรีม หรือเลเซอร์บางประเภท อาจไปรบกวนกระบวนการฟื้นฟูคอลลาเจน
• ความร้อนสามารถทำให้ผิวระคายเคือง หรือผลลัพธ์ของ Oligio ลดลงเร็วกว่าที่ควรจะเป็น

ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
• แพทย์จะให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ควรใช้หรือควรหลีกเลี่ยงในช่วงฟื้นฟู
• การปฏิบัติตามคำแนะนำจะช่วยยืดอายุของผลลัพธ์จากการยกกระชับผิว และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง

สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับ Oligio
Oligio เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับ คนยุค NewGen ที่มีปัญหาผิว อยากหน้ากระชับ แต่กลัวเจ็บ กลัวเข็ม และมีงบที่จำกัด เพราะการทำ Oligio นั้นไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้เข็มเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ เรียกได้ว่าตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากลดแฟต เก็บเหนีบง และอัปงานผิวให้ดูเปล่งปลั่งสุขภาพดีไปพร้อมกัน

คำถามยอดฮิตของ Oligio
1.ทำ Oligio แล้วเจ็บไหม แสบผิวหรือไม่?
คำตอบ
การทำ Oligio จะรู้สึก อุ่น ๆ หรือร้อน ๆ เล็กน้อยใต้ผิวหนัง ขณะยิงพลังงาน แต่ ไม่ถึงกับเจ็บ เพราะเครื่องจะปล่อยพลังงานอย่างแม่นยำและมีระบบควบคุมความร้อน โดยแพทย์จะปรับระดับให้เหมาะกับแต่ละคน
บางคนอาจรู้สึกแสบ ๆ หรือระคายเคืองนิดหน่อยหลังทำ แต่โดยทั่วไป ไม่แสบผิว และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที
หากกังวลเรื่องความรู้สึกตอนทำ แพทย์อาจใช้ครีมยาชาทาก่อนเพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบายได้

2.ทำ Oligio แล้วหน้าจะบางลงไหม?
คำตอบ
ไม่บางลง เพราะการทำ Oligio ไม่ได้ทำให้ผิวหน้าบางลง เพราะพลังงานจะลงไปกระตุ้นที่ชั้นลึกของผิว (Dermis) เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและยกกระชับ ไม่ได้ทำลายผิวชั้นบน
กลับกันการทำ Oligio ผิวอาจดูแข็งแรงขึ้น เพราะคอลลาเจนที่เพิ่มขึ้นช่วยให้ผิวแน่น ฟู และยืดหยุ่นมากขึ้นค่ะ

3.Oligio แบ่งทำหลาย ๆ ครั้งได้ไหม?
คำตอบ
สามารถแบ่งทำหลายครั้งได้ค่ะ โดยทั่วไปแล้วการทำ Oligio ไม่จำเป็นต้องทำบ่อย เพราะผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน - 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเอง
อย่างไรก็ตาม หากใครอยากให้ผลลัพธ์ดูชัดขึ้นเรื่อย ๆ หรืออยากเน้นบางจุดเป็นพิเศษ ก็สามารถแบ่งทำเป็นคอร์ส เช่น เดือนละครั้ง หรือทุก 3 เดือน ได้เช่นกัน โดยคุณหมอจะช่วยประเมินว่าแต่ละคนควรทำบ่อยแค่ไหน เพื่อให้เห็นผลดีและไม่เป็นอันตรายต่อผิว

* ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
* ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง*
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ
ปรึกษาฟรี พร้อมรับ โปรโมชั่นพิเศษ ก่อนใคร
เรื่อง บทความน่ารู้ ที่คุณอาจสนใจ