รักษาฝ้าให้หายขาด ฝ้าดูจางลง แบบธรรมชาติและเร่งด่วน มีวิธีอย่างไรบ้าง
รักษาฝ้าให้หายขาด
รักษาฝ้าให้หายขาดได้ไหม ทำอย่างไรให้ฝ้าดูจางลง
หากคุณเคยส่องกระจกแล้วพบจุดคล้ำ รอยดำ หรือเฉดสีไม่สม่ำเสมอบนใบหน้าโดยไม่ทราบสาเหตุ นั่นอาจไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ ที่มองข้ามได้ เพราะ "ฝ้า" คือหนึ่งในปัญหาผิวที่เกิดขึ้นได้ง่าย แต่รักษาฝ้าให้หายขาดได้ยาก แม้จะมีนวัตกรรมความงาม และวิธีรักษาฝ้าให้หายขาดมากมายในปัจจุบัน แต่คำถามที่หลายคนยังสงสัยคือ รักษาฝ้าให้หายขาดได้จริงไหม ?
บทความนี้จะพาคุณเข้าใจเกี่ยวกับฝ้าว่าคืออะไร สาเหตุ ใครที่มีความเสี่ยงเป็นฝ้า และไขคำตอบรักษาฝ้าให้หายขาดได้จริงหรือไม่ พร้อมแนะนำวิธีรักษาฝ้าให้หายขาด เพื่อได้ผลลัพธ์ผิวหน้าเนียนกระจ่างใส
ฝ้าคืออะไร เกิดจากอะไร
ฝ้า (Melasma) คือ ภาวะที่ผิวหนังเกิดความผิดปกติของ การสร้างเม็ดสีเมลานิน ส่งผลให้เกิดรอยคล้ำหรือจุดสีน้ำตาล-น้ำตาลเทา บริเวณใบหน้า โดยเฉพาะส่วนที่โดนแดดมาก เช่น โหนกแก้ม หน้าผาก จมูก เหนือริมฝีปาก และมักพบได้บ่อยในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
ลักษณะของฝ้า
ฝ้าแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ คือ
1.ฝ้าตื้น (Epidermal Melasma)
• อยู่ในชั้นหนังกำพร้า (ชั้นผิวบน)
• สีเข้ม ชัดเจน ขอบเขตชัด
• ตอบสนองต่อการรักษาได้ดี เห็นผลไว
2.ฝ้าลึก (Dermal Melasma)
• อยู่ลึกถึงชั้นหนังแท้
• สีออกน้ำตาลอมเทา ขอบเขตไม่ชัด
• รักษาได้ยากกว่า และอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล
3.ฝ้าผสม (Mixed Melasma)
• พบทั้งฝ้าตื้นและฝ้าลึกในจุดเดียวกัน
• ต้องรักษาแบบผสมผสานหลายวิธีจึงจะได้ผล
สาเหตุหลักของการเกิดฝ้า
ฝ้าไม่ได้เกิดจากแค่แสงแดดเท่านั้น แต่ยังมีหลายปัจจัยร่วมกัน ดังนี้
1.แสงแดดและรังสี UV
• รังสี UVA และ UVB กระตุ้นให้เซลล์เมลาโนไซต์ผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป
• แสงแดดเป็นตัวการหลักที่ทำให้ฝ้าเข้มขึ้นและเกิดซ้ำได้ง่าย
• แม้แต่แสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และมือถือก็มีส่วน
2.ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
• พบมากในหญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิด หรือเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน
• ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนมีผลกระตุ้นเมลาโนไซต์
• มักเรียกฝ้าประเภทนี้ว่า “ฝ้าฮอร์โมน”
3.พันธุกรรม
• หากคนในครอบครัวเป็นฝ้า มีโอกาสที่คุณจะเป็นฝ้าได้มากกว่าคนทั่วไป
• โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวสีเข้มถึงปานกลาง
4.การใช้เครื่องสำอางหรือครีมที่ไม่ปลอดภัย
• ครีมหน้าขาวเร็ว หรือที่มีส่วนผสมของ สเตียรอยด์ ปรอท ไฮโดรควิโนน ที่ไม่ได้มาตรฐาน
• ทำให้ผิวบางลง ระคายเคืองง่าย และเกิดฝ้าเรื้อรังได้
5.ความเครียดและการพักผ่อนน้อย
• ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลเมื่อเครียด ซึ่งสามารถกระตุ้นการสร้างเมลานินได้เช่นกัน
• นอกจากนี้การนอนดึกยังลดประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิว
6.การอักเสบของผิวหรือการระคายเคืองเรื้อรัง
• เช่น การขัดหน้าบ่อยเกินไป การใช้โทนเนอร์แรง ๆ หรือการแพ้เครื่องสำอาง
• ทำให้ผิวสร้างเม็ดสีเพื่อปกป้อง ส่งผลให้เกิดฝ้าได้
ใครเสี่ยงเป็นฝ้าได้บ้าง
• ผู้หญิงอายุ 25 ปีขึ้นไป (โดยเฉพาะช่วง 30–45 ปี)
• ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง หรือสัมผัสแสงแดดบ่อย
• ผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนทดแทน
• ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นฝ้า
• ผู้ที่ชอบใช้ครีมผิวขาวที่ไม่ปลอดภัย
รักษาฝ้าให้หายขาดได้ไหม
คำตอบคือ อาจไม่สามารถรักษาฝ้าให้หายขาดได้ถาวร หากเป็นฝ้าลึก แต่สามารถควบคุมให้ฝ้าดูจางลง และไม่กลับมาเป็นซ้ำได้ด้วยการดูแลผิวที่ถูกต้อง ทั้งนี้หากอยู่ในช่วงเริ่มเป็นฝ้าและเป็นฝ้าตื้น อาจรักษาฝ้าให้หายขาดได้
เหตุผลรักษาฝ้าให้หายขาดไม่ได้ คือ ฝ้าส่วนใหญ่อยู่ในชั้นลึกของผิว และมีปัจจัยภายในร่างกายอย่างฮอร์โมนและพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้จะรักษาฝ้าให้หายขาดได้ แต่หากไม่ป้องกันอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะแสงแดด ฝ้าก็มีโอกาสกลับมาใหม่ได้
รักษาฝ้านานไหมถึงเริ่มเห็นผล
การรักษาฝ้าให้หายขาดไม่ใช่เรื่องที่เห็นผลได้ในทันที เพราะลักษณะของฝ้าเป็นภาวะที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของเม็ดสีผิว (Melanin) ซึ่งมีความซับซ้อน และมักเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น ฮอร์โมน แสงแดด พันธุกรรม หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ระคายเคืองต่อผิว ดังนั้นการรักษาฝ้าให้หายขาดจึงต้องใช้เวลา ความต่อเนื่อง และการดูแลตนเองควบคู่กันไปอย่างเหมาะสม
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลารักษาฝ้าให้หายขาด
1.รักษาฝ้าให้หายขาดขึ้นอยู่กับประเภทของฝ้า
• ฝ้าตื้น (Epidermal Melasma) อยู่ในชั้นหนังกำพร้า รักษาฝ้าให้หายขาดได้ง่าย เห็นผลเร็วภายใน 2-4 สัปดาห์
• ฝ้าลึก (Dermal Melasma) อยู่ในชั้นหนังแท้ รักษาฝ้าให้หายขาดยากกว่า เห็นผลช้ากว่า มักใช้เวลา 2-3 เดือนหรือมากกว่า
• ฝ้าผสม มีทั้งฝ้าตื้นและลึกในบริเวณเดียวกัน ต้องใช้เวลารักษาฝ้าให้หายขาดมากกว่า และอาจต้องผสมผสานหลายวิธี
2.รักษาฝ้าให้หายขาดขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา
• ยาทาฝ้าและเวชสำอาง เช่น ยากลุ่ม Hydroquinone, Kojic Acid, Vitamin C, Retinoid เป็นต้น จะเห็นผลรักษาฝ้าให้หายขาดใน 4-8 สัปดาห์
• เลเซอร์รักษาฝ้า เช่น Pico Laser, Q-Switched, IPL จะเห็นผลรักษาฝ้าให้หายขาดชัดใน 3-5 ครั้ง ห่างกันทุก 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับเครื่องมือและสภาพผิว
• การผลัดเซลล์ผิว / Chemical Peel เห็นผลรักษาฝ้าให้หายขาดชัดใน 2-4 สัปดาห์
• การรับประทานอาหารเสริมหรือวิตามิน ช่วยเสริมการรักษาฝ้าให้หายขาด แต่ไม่ใช่วิธีรักษาฝ้าให้หายขาดหลัก ๆ ผลลัพธ์จะค่อยเป็นค่อยไป
3.รักษาฝ้าให้หายขาดขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง
• หลีกเลี่ยงแสงแดดและใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF50+/PA+++ เพื่อรักษาฝ้าให้หายขาด
• หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เพื่อรักษาฝ้าให้หายขาด
• ไม่ขัดผิวหรือสครับหน้าแรง ๆ เพื่อรักษาฝ้าให้หายขาด
• พักผ่อนให้เพียงพอและควบคุมความเครียด เพื่อรักษาฝ้าให้หายขาด
โดยสรุปใช้เวลารักษาฝ้าให้หายขาดนานเท่าไร
• ฝ้าตื้น ใช้ระยะรักษาฝ้าให้หายขาดประมาณ 2-4 สัปดาห์
• ฝ้าลึก/ฝ้าผสม ใช้เวลารักษาฝ้าให้หายขาด 2-3 เดือนหรือมากกว่า
• หากเป็นกรณีที่ฝ้าเรื้อรังหรือฝ้าที่เกิดจากฮอร์โมน อาจต้องใช้ระยะยาวหลายเดือนถึงเป็นปี และเน้นการควบคุมไม่ให้ฝ้าเข้มขึ้น
ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการรักษาฝ้าให้หายขาด
ฝ้าเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อย แต่ถึงแม้จะเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไป ก็ยังมีความเชื่อผิด ๆ มากมายที่ส่งผลเสียต่อการรักษาฝ้าให้หายขาด จึงขอพาไปดูว่า มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการรักษาฝ้าให้หายขาดอะไรบ้าง และข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรักษาฝ้าให้หายขาดที่ควรรู้คืออะไร
1.สามารถรักษาฝ้าให้หายขาดได้ถาวร
ความจริง
ฝ้าเป็นปัญหาผิวที่เกิดจากเม็ดสีเมลานินผิดปกติ และมีความเกี่ยวข้องกับปัจจัยภายใน เช่น ฮอร์โมน พันธุกรรม รวมถึงแสงแดด แม้จะรักษาให้จางลงได้มาก แต่ก็ไม่สามารถรักษาฝ้าให้หายขาดถาวร และมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้หากไม่ดูแลป้องกันอย่างต่อเนื่อง
2.ครีมที่ทำให้ผิวลอกหรือขาวไว ช่วยรักษาฝ้าให้หายขาด
ความจริง
ครีมบางชนิดที่ทำให้ผิวลอกหรือขาวไว อาจมีส่วนผสมของ สเตียรอยด์ ไฮโดรควิโนน หรือสารปรอท ซึ่งแม้จะเห็นผลเร็วในช่วงแรก แต่หากใช้ต่อเนื่องจะทำให้ผิวบาง แพ้ง่าย และเกิดฝ้าเรื้อรังถาวรที่รักษาฝ้าให้หายขาดยากกว่าเดิม
3.รักษาฝ้าให้หายขาดแค่ทาครีมกันแดดในวันที่ออกแดดก็พอ
ความจริง
รังสี UV รวมถึงรังสีจากหน้าจอและหลอดไฟ สามารถกระตุ้นการเกิดฝ้าได้เช่นกัน ดังนั้นควรทาครีมกันแดดทุกวัน แม้อยู่ในที่ร่ม และควรเลือกกันแดดที่มีค่า SPF50+ PA+++ พร้อมทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง
4.พอกมะนาวหรือของธรรมชาติช่วยรักษาฝ้าให้หายขาดได้
ความจริง
แม้ว่าสารธรรมชาติจะฟังดูปลอดภัย แต่บางอย่างเช่น น้ำมะนาว มีความเป็นกรดสูง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแสบผิวได้ การพอกหน้าด้วยส่วนผสมผิดวิธีอาจทำให้ฝ้าเข้มขึ้นหรือผิวอักเสบ
5.รักษาฝ้าให้หายขาดเป็นเรื่องของคนอายุเยอะเท่านั้น
ความจริง
ฝ้าสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเฉพาะในผู้ที่รับแสงแดดมาก ใช้ยาคุมกำเนิด หรือมีฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง เช่น ช่วงตั้งครรภ์ ดังนั้นวัยรุ่นหรือคนอายุ 20 ต้น ๆ ก็มีโอกาสเป็นฝ้าได้ การรักษาฝ้าให้หายขาดยิ่งเริ่มเร็วยิ่งหายเร็ว
6.รักษาฝ้าให้หายขาดกินวิตามิน C อย่างเดียวก็พอ
ความจริง
แม้ว่าวิตามิน C จะช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดเม็ดสีได้ระดับหนึ่ง แต่การรักษาฝ้าให้หายขาดให้ได้ผลควรเป็นแนวทางแบบองค์รวม ซึ่งรวมถึงการใช้ยาทา การทรีตเมนต์ และการดูแลสุขภาพผิวโดยรวม
รักษาฝ้าให้หายขาดเมื่อไหร่ถึงเห็นผล
การรักษาฝ้าให้หายขาดให้ได้ผลดีที่สุดนั้น ควรเริ่มให้เร็วที่สุดตั้งแต่เริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิว โดยเฉพาะเมื่อพบว่ามีจุดสีเข้มหรือผิวหน้าดูหมองคล้ำผิดปกติ เพราะยิ่งเริ่มรักษาช้า ฝ้ายิ่งฝังลึก และรักษายากขึ้น มาดูรายละเอียดกันค่ะว่า ควรเริ่มรักษาฝ้าให้หายขาดเมื่อไร และ จะรักษาฝ้าให้หายขาดได้หรือไม่
เมื่อไรควรเริ่มรักษาฝ้าให้หายขาด
1.เมื่อเริ่มมีจุดหรือรอยคล้ำบนใบหน้า
ควรเริ่มรักษาฝ้าให้หายขาด หากสังเกตเห็นว่าเริ่มมีรอยสีเข้มขึ้นบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก ริมฝีปาก หรือเหนือริมฝีปากบน โดยเฉพาะหากใช้เวลาตากแดดมาก หรือเพิ่งเริ่มใช้ยาคุมกำเนิด การเริ่มต้นรักษาทันทีจะช่วยควบคุมไม่ให้ฝ้าลุกลาม
2.หลังจากสัมผัสแดดจัดเป็นประจำ
แสงแดดเป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นการเกิดฝ้า หากคุณต้องออกแดดเป็นประจำ หรือทำงานกลางแจ้ง ควรป้องกันและตรวจสอบผิวเป็นระยะ หากเริ่มเห็นความผิดปกติควรเริ่มการรักษาฝ้าให้หายขาดทันที
3.เมื่อมีประวัติครอบครัวเป็นฝ้า
หากมีคนในครอบครัวมีฝ้า คุณจะมีโอกาสเกิดฝ้าสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเจอแสงแดดหรือเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน ดังนั้นควรเริ่มป้องกันฝ้า เริ่มรักษาฝ้าให้หายขาด และหมั่นสังเกตผิวตนเองตั้งแต่เนิ่น ๆ
4.ช่วงตั้งครรภ์ หรือมีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน
ช่วงนี้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะสูงขึ้น ทำให้ฝ้าขึ้นง่าย โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์ หรือคนที่ใช้ฮอร์โมนรักษาโรค แนะนำให้เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยน และป้องกันแสงแดดทันที
รักษาฝ้าให้หายขาดได้ไหม
คำตอบคือ ไม่สามารถรักษาฝ้าให้หายขาดถาวร แต่สามารถควบคุมให้ฝ้าจางลงมากจนแทบไม่เห็นได้ หากดูแลอย่างถูกวิธี และหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น โดยเฉพาะแสงแดดและฮอร์โมน
แม้ฝ้าจะจางลงได้มากจากการรักษาฝ้าให้หายขาด เช่น
• การใช้ยาทาฝ้า
• การทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์
• การทานอาหารเสริมที่ช่วยลดเม็ดสี แต่หากขาดการดูแล ฝ้ามีโอกาสกลับมาอีกครั้งได้ง่าย
สรุปควรเริ่มรักษาฝ้าให้หายขาดเมื่อไหร่
• ควรเริ่มรักษาฝ้าให้หายขาดทันทีเมื่อเริ่มเห็นรอยคล้ำผิดปกติบนใบหน้า
• การรักษาฝ้าให้หายขาดตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ฝ้าจางลงง่าย ไม่ลุกลาม
• แม้ไม่สามารถรักษาฝ้าให้หายขาดถาวร แต่สามารถควบคุมได้จนผิวดูเรียบเนียนใส
• ควรดูแลผิวด้วยกันแดดที่เหมาะสม และมีวินัยในการรักษาฝ้าให้หายขาดอย่างต่อเนื่อง
วิธีรักษาฝ้าให้หายขาดมีอะไรบ้าง
การรักษาฝ้าให้หายขาดอย่างแท้จริงนั้น อาจไม่สามารถทำได้ถาวร เนื่องจากฝ้าเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ฮอร์โมน และปัจจัยแวดล้อมที่ควบคุมได้ยาก แต่สิ่งที่สามารถทำได้คือ การควบคุมฝ้าให้จางลงมากที่สุดและไม่กลับมาเป็นซ้ำ ซึ่งหากดูแลและป้องกันอย่างถูกวิธี ฝ้าอาจไม่กลับมาอีกเลยในระยะยาว
1.รักษาฝ้าให้หายขาดด้วยการทาครีมกันแดด
ครีมกันแดดเป็นด่านแรกที่สำคัญที่สุดในการรักษาฝ้า เพราะรังสี UVA/UVB รวมถึงแสงสีฟ้าจากหน้าจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์ ล้วนกระตุ้นให้เม็ดสีผิวทำงานหนักขึ้น ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF50+ PA+++ ขึ้นไป และควรทาทุกวัน แม้อยู่ในบ้าน ควรทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง หากออกแดด หรือมีเหงื่อออก เพื่อให้ประสิทธิภาพคงที่
2.รักษาฝ้าให้หายขาดด้วยการใช้ครีมลดฝ้าอย่างต่อเนื่อง
เลือกใช้ครีมลดฝ้าที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยยับยั้งเม็ดสี เช่น Vitamin C, Arbutin, Kojic Acid, Niacinamide, หรือ Tranexamic Acid ซึ่งสามารถช่วยลดความเข้มของฝ้า และป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ได้ ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นชัดเจนใน 4-8 สัปดาห์เมื่อใช้เป็นประจำ
3.รักษาฝ้าให้หายขาดด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์
ผิวที่แห้ง ขาดความชุ่มชื้น จะยิ่งไวต่อการระคายเคืองและกระตุ้นให้ฝ้าชัดขึ้น การใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีความอ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสารเคมีรุนแรง จะช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว และลดความไวแสงจากปัจจัยภายนอกได้ดี
4.รักษาฝ้าให้หายขาดด้วยอาหารเสริม
การรับประทานวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี กลูต้าไธโอน ซิงค์ หรือสารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศส จะช่วยลดความเครียดของเซลล์ผิว และช่วยลดการสร้างเมลานินจากภายใน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมจากการดูแลภายนอก
5.รักษาฝ้าให้หายขาดด้วยการทำเลเซอร์รักษาฝ้า
สำหรับผู้ที่มีฝ้าฝังลึก หรือรักษาด้วยครีมแล้วไม่ดีขึ้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อทำเลเซอร์ เช่น Pico Laser หรือ Q-switched Nd:YAG ซึ่งจะช่วยสลายเม็ดสีในชั้นผิวได้อย่างแม่นยำ เห็นผลชัดใน 3-6 ครั้ง ทั้งนี้ต้องทำต่อเนื่องภายใต้การควบคุมอย่างปลอดภัย
6.รักษาฝ้าให้หายขาดด้วยการพอกหน้าด้วยสูตรธรรมชาติ
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบแนวธรรมชาติ สามารถใช้วัตถุดิบจากครัวเรือนที่มีคุณสมบัติลดเม็ดสีได้ เช่น น้ำมะเขือเทศ+น้ำผึ้ง, ขมิ้น+โยเกิร์ต, หรือว่านหางจระเข้ ทาบาง ๆ ทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออก ใช้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
7.รักษาฝ้าให้หายขาดด้วยการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
การนอนหลับที่ดีจะช่วยให้ผิวมีโอกาสซ่อมแซมตัวเองตามธรรมชาติ และลดความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ฝ้าเข้มขึ้น ควรนอนให้ได้วันละ 7-8 ชั่วโมง และควรนอนก่อน 5 ทุ่ม เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ฟื้นฟูผิวได้ดีที่สุด
8.รักษาฝ้าให้หายขาดด้วยการหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวบาง
หลีกเลี่ยงครีมหรือเซรั่มที่ทำให้ผิวลอกไว ขาวเร็ว เพราะมักมีสารอันตราย เช่น สเตียรอยด์ ปรอท ไฮโดรควิโนนแบบเข้มข้น ที่อาจทำให้ฝ้าหายชั่วคราว แต่จะกลับมาเข้มขึ้น และอาจกลายเป็นฝ้าเรื้อรังที่รักษายาก
9.รักษาฝ้าให้หายขาดด้วยการสังเกตอาการของฝ้าอย่างสม่ำเสมอ
ฝ้าสามารถเปลี่ยนระดับความเข้มจางได้ตามพฤติกรรม เช่น การออกแดด พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือฮอร์โมนแปรปรวน หากสังเกตว่าฝ้าเริ่มเข้มขึ้น ควรรีบปรับพฤติกรรมหรือเข้ารับคำปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางควบคุมให้ฝ้าจางลงก่อนที่ฝ้าจะฝังลึก
เคล็ดลับป้องกันไม่ให้เป็นฝ้าซ้ำ
1.ใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
หลังจากรักษาฝ้าให้หายขาด การทาครีมกันแดดคือหัวใจหลักของการป้องกันฝ้า ต้องเลือกที่มีค่า SPF 50+ PA+++ ขึ้นไป ทาให้ทั่วใบหน้า รวมถึงบริเวณหู คอ หน้าผาก และจมูกที่โดนแดดง่าย ควรทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง หากอยู่กลางแจ้ง หรือมีเหงื่อออกมาก
2.หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง
แม้จะทาครีมกันแดดแล้ว แต่การสัมผัสแดดแรงจัดโดยตรงก็ยังเสี่ยงทำให้ฝ้ากลับมาได้อยู่ดี ควรเลี่ยงแดดช่วง 10.00 - 15.00 น.และใช้หมวกปีกกว้าง, แว่นกันแดด หรือร่มกัน UV ร่วมด้วย หลังจากรักษาฝ้าให้หายขาด
3.พักผ่อนให้เพียงพอ
ผิวฟื้นฟูตัวเองในช่วงที่เราหลับสนิท โดยเฉพาะช่วง 22.00 - 02.00 น.หากนอนดึกหรือพักผ่อนน้อย ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนผิดปกติ ซึ่งกระตุ้นให้เม็ดสีผิวทำงานผิดเพี้ยน หลังจากรักษาฝ้าให้หายขาด จึงควรนอนให้ครบ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน อย่างสม่ำเสมอ
4.หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่ทำให้ผิวบาง
ครีมหน้าขาวเร็ว ครีมลอกผิว หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ สเตียรอยด์ ไฮโดรควิโนน หรือสารต้องห้าม อาจทำให้ผิวขาวชั่วคราว แต่ก็ทำให้ผิวบางลงและไวแสงมากขึ้น หลังจากรักษาฝ้าให้หายขาด ควรเลือกใช้เวชสำอางที่ผ่าน อย.และอ่อนโยนต่อผิว
5.กินอาหารต้านอนุมูลอิสระ
อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น วิตามินซี, อี, เบต้าแคโรทีน, ซิงค์ จะช่วยเสริมความแข็งแรงให้ผิว หลังจากรักษาฝ้าให้หายขาด ป้องกันการทำร้ายจากแสงแดดภายในร่างกาย เช่น
• ส้ม ฝรั่ง บลูเบอร์รี่
• แซลมอน อะโวคาโด
• ธัญพืชต่าง ๆ
6.เสริมด้วยอาหารเสริมหรือวิตามิน
หลังจากรักษาฝ้าให้หายขาด หากรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ในแต่ละวัน อาจเสริมด้วยวิตามินซี, กลูต้าไธโอน, ซิงค์, Alpha Lipoic Acid หรือสารสกัดเปลือกสน ที่มีคุณสมบัติช่วยลดเม็ดสี และปกป้องเซลล์ผิวจากความเครียด
7.ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวตลอดเวลา
ผิวที่ชุ่มชื้นแข็งแรง จะสามารถป้องกันการรุกล้ำของรังสี UV ได้ดีกว่า หลังจากรักษาฝ้าให้หายขาด ควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว และดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 6–8 แก้ว เพื่อให้เซลล์ผิวอิ่มน้ำจากภายใน
8.ลดความเครียดและผ่อนคลายจิตใจ
ความเครียดมีผลต่อฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งสามารถกระตุ้นเม็ดสีเมลานินให้ผลิตมากเกินไป ส่งผลให้ฝ้ากลับมาได้ง่าย หลังจากรักษาฝ้าให้หายขาด ควรหมั่นทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น โยคะ นั่งสมาธิ ออกกำลังกาย หรือฟังเพลง เพื่อลดความเครียด
9.ตรวจเช็คและดูแลผิวเป็นระยะ
แม้รักษาฝ้าให้หายขาดแล้วฝ้าจะจางลง ก็ยังควรเข้ารับคำปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญปีละ 1–2 ครั้ง เพื่อตรวจเช็กผิวว่ามีการสะสมของเม็ดสีหรือแนวโน้มการกลับมาเป็นฝ้าหรือไม่ รวมถึงรับคำแนะนำเรื่องการดูแลผิวแบบเฉพาะบุคคล
10.อย่าหยุดดูแลแม้ฝ้าจะหายแล้ว
การรักษาฝ้าให้หายขาดไม่สามารถทำได้ถาวร เพราะเม็ดสีผิวมีโอกาสกลับมาทำงานผิดปกติได้ง่าย การดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ผิวแข็งแรงและรักษาผลลัพธ์ให้ยาวนาน อย่าหยุดใช้กันแดดหรือเวชสำอางแม้ฝ้าจะจางแล้ว
สรุปรักษาฝ้าให้หายขาดได้จริงไหม
สรุปว่า แม้จะไม่สามารถรักษาฝ้าให้หายขาดแบบถาวรได้ เนื่องจากมีปัจจัยจากภายในร่างกายและสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ยาก เช่น ฮอร์โมน พันธุกรรม และแสงแดด แต่เราสามารถ ควบคุมและดูแลไม่ให้ฝ้ากำเริบ หรือกลับมาเป็นซ้ำได้ หากใส่ใจดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี
การรักษาฝ้าให้หายขาดอย่างเห็นผลจึงต้องใช้ความเข้าใจ ความต่อเนื่อง และการดูแลแบบองค์รวม ตั้งแต่การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ปลอดภัย การทาครีมกันแดดอย่างเคร่งครัด ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ทันสมัยควบคู่กับการพักผ่อนและโภชนาการที่เหมาะสม ที่สำคัญคือต้อง ใส่ใจป้องกันฝ้าตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะการป้องกันที่ดี ย่อมดีกว่าการรักษาที่สายเกินไป
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ