romrawin

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว คืออะไร กี่ครั้งเห็นผล ปลอดภัยไหม เหมาะกับใคร

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว , ฟิลเลอร์หลุมสิว

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว คืออะไร ปลอดภัยไหม เหมาะกับใคร
หลุมสิวคือปัญหาผิวที่สร้างความกังวลใจไม่น้อย เพราะทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียน และส่งผลต่อความมั่นใจ ปัจจุบันมีวิธีรักษาหลุมสิวหลากหลายวิธี หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมสูงก็คือ การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ด้วยผลลัพธ์ที่เห็นได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องผ่าตัด และใช้เวลาในการพักฟื้นน้อย ทำให้การฉีดฟิลเลอร์กลายเป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับคนที่ต้องการแก้ไขปัญหาหลุมสิวแบบเร่งด่วน

ในบทความนี้ ขอพาไปทำความรู้จักกับการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวคืออะไร ครอบคลุมตั้งแต่หลักการทำงาน ชนิดของฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ข้อดี ข้อควรระวัง ไปจนถึงการเปรียบเทียบกับการทำเลเซอร์หลุมสิว เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวคืออะไร
การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว คือ การรักษาหลุมสิวที่มีลักษณะเป็นรอยบุ๋มลงไปบนผิวหน้า โดยใช้สารเติมเต็ม (Filler) ฉีดเข้าไปบริเวณใต้หลุมสิว เพื่อยกผิวหนังให้เรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ฟิลเลอร์ที่ใช้มักเป็นสารประเภทไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกาย จึงมีความปลอดภัยสูง และสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ

การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยม เพราะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน และเหมาะสำหรับผู้ที่มีหลุมสิวลึกขนาดกลางถึงลึกมาก โดยเฉพาะหลุมสิวประเภท Boxcar และ Rolling Scar ซึ่งมีลักษณะเป็นแอ่งกว้างและขอบชัดเจน การเติมเต็มฟิลเลอร์จะช่วยยกผิวขึ้นจนพื้นผิวเรียบเสมอกัน ทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียนขึ้นทันทีหลังทำ

หลักการทำงานของฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่ชั้นผิวหนังใต้รอยหลุม ฟิลเลอร์จะทำหน้าที่เป็นตัวเติมเต็มโพรงผิวที่ขาดหายไป ทำให้รอยบุ๋มถูกดันขึ้นมาใกล้เคียงกับระดับผิวปกติ นอกจากช่วยเรื่องรูปลักษณ์แล้ว ฟิลเลอร์ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิวตามธรรมชาติอีกด้วย ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวในระยะยาว

ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
การเลือกชนิดของฟิลเลอร์สำหรับการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวมีความสำคัญ เพราะไม่ใช่ฟิลเลอร์ทุกประเภทที่จะเหมาะกับผิวที่มีรอยหลุม การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมจะช่วยให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ เรียบเนียน และปลอดภัย โดยฟิลเลอร์ที่นิยมใช้มีดังนี้

1.ฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid: HA)
• เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
• มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี ช่วยเติมเต็มหลุมสิวให้ตื้นขึ้นทันทีหลังฉีด
• มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไฮยาลูโรนิก แอซิด เป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ
• สามารถสลายตัวได้เองภายใน 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของ HA และการดูแลรักษา
• หากเกิดปัญหาสามารถฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase เพื่อสลายฟิลเลอร์ออกได้อย่างปลอดภัย

2.ฟิลเลอร์ชนิดกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen-Stimulating Fillers)
เช่น ฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของ Poly-L-lactic Acid (PLLA) หรือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA)

• ไม่ได้แค่เติมเต็มทันที แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว
• เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวที่กว้างและลึกมาก
• ผลลัพธ์จะค่อย ๆ เห็นผลภายใน 1-3 เดือนหลังฉีด และอยู่ได้นานถึง 2 ปี

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวเหมาะกับใครบ้าง
การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวเป็นวิธีการรักษาที่เหมาะกับกลุ่มคนที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวหน้าให้เรียบเนียนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะคนกลุ่มต่อไปนี้

1.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวเหมาะกับผู้ที่มีหลุมสิวประเภท Boxcar และ Rolling Scar
• หลุมสิวที่มีขนาดกลางถึงใหญ่ มีขอบชัด หรือเป็นแอ่งลึกและกว้าง
• ฟิลเลอร์สามารถเติมเต็มให้พื้นผิวเรียบเนียนขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวเหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว
• การฉีดฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มหลุมสิวได้ทันทีภายใน 1-2 วันหลังทำ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับสภาพผิวเพื่อออกงาน หรือมีเหตุการณ์สำคัญ

3.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวเหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการการพักฟื้นนาน
• หลังการฉีดฟิลเลอร์สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ มีอาการบวมหรือช้ำน้อยมากเมื่อเทียบกับการทำเลเซอร์หรือผ่าตัด

4.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวเหมาะกับผู้ที่ต้องการตัวเลือกการรักษาที่ไม่ถาวร
• ฟิลเลอร์ HA สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ หากไม่พอใจผลลัพธ์สามารถแก้ไขหรือละลายออกได้

5.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวเหมาะกับผู้ที่มีสุขภาพผิวและสุขภาพโดยรวมดี
• ไม่มีการติดเชื้อหรืออักเสบในบริเวณที่จะฉีด
• ไม่มีประวัติการแพ้สารเติมเต็มหรือยาชา

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวไม่เหมาะกับใครบ้าง
แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวจะเป็นหัตถการที่ปลอดภัย แต่ก็มีบางกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ

1.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะการติดเชื้อหรืออักเสบในบริเวณใบหน้า
• เช่น มีสิวอักเสบหนอง, แผลเปิด, หรือโรคผิวหนังรุนแรง
• เพราะการฉีดฟิลเลอร์อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำซ้อน

2.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติการแพ้สารไฮยาลูโรนิก แอซิด หรือยาชาเฉพาะที่
• แม้ว่าจะพบได้น้อยมาก แต่หากมีประวัติแพ้ควรหลีกเลี่ยงการฉีด

3.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะโรคทางระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติรุนแรง
• เช่น SLE, โรคลูปัส, โรคข้อรูมาตอยด์
• การกระตุ้นภูมิคุ้มกันอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังฉีด

4.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวไม่เหมาะดับหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
• ยังไม่มีข้อมูลรับรองความปลอดภัยอย่างเพียงพอ จึงแนะนำให้เลื่อนการฉีดออกไปก่อน

5.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติเคยฉีดฟิลเลอร์ปลอม หรือสารเติมเต็มถาวร
• เพราะเนื้อเยื่อบริเวณนั้นอาจมีพังผืดแข็งตัว ทำให้การฉีดฟิลเลอร์ใหม่มีความเสี่ยงสูงขึ้น

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวมักฉีดบริเวณไหน
การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวไม่ได้สามารถทำได้ทุกจุดบนใบหน้า แต่จะเน้นในบริเวณที่มีโอกาสเกิดหลุมสิวสูง และสามารถเติมเต็มเพื่อให้ผิวดูเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ โดยบริเวณที่นิยมฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวมากที่สุด ได้แก่

1.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวที่แก้ม
• เป็นบริเวณที่หลุมสิวมักเกิดจากสิวอักเสบรุนแรงในช่วงวัยรุ่น
• หลุมสิวที่แก้มมักเป็นหลุมขนาดกลางถึงใหญ่ เช่น Boxcar หรือ Rolling Scar
• การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวบริเวณแก้มช่วยเติมเต็มให้ผิวเรียบเนียน และยังช่วยปรับรูปหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอีกด้วย

2.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวที่ขมับ
• หลุมสิวบริเวณขมับพบได้บ่อยเช่นกัน และเมื่อผิวขมับยุบลงจะทำให้ใบหน้าดูโทรม
• การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวที่ขมับนอกจากช่วยรักษาหลุมสิวแล้วยังช่วยเสริมมิติให้ใบหน้าอีกด้วย

3.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวที่หน้าผาก
• หลุมสิวบริเวณหน้าผากมักมีลักษณะเป็นหลุมตื้นถึงปานกลาง
• การเติมฟิลเลอร์จะช่วยปรับผิวบริเวณหน้าผากให้ดูเรียบสม่ำเสมอมากขึ้น

4.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวที่คาง
• หลุมสิวบริเวณคางอาจเกิดจากสิวอักเสบเรื้อรัง
• การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวที่คางช่วยเติมเต็มหลุมสิว และยังสามารถเสริมรูปคางให้ดูสมส่วนยิ่งขึ้นได้ด้วย

5.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวที่บริเวณร่องแก้ม
• แม้บริเวณนี้จะไม่ใช่ตำแหน่งที่หลุมสิวเกิดขึ้นมากนัก แต่บางครั้งผิวที่มีปัญหาหลุมหรือรอยแผลเป็นลึกสามารถได้รับการแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ร่วมกับบริเวณร่องแก้ม เพื่อปรับให้ใบหน้าดูเนียนขึ้นโดยรวม

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวใช้กี่ CC
หนึ่งในคำถามยอดฮิตสำหรับผู้ที่สนใจการฉีดฟิลเลอร์รักษาหลุมสิว คือ ต้องฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวกี่ CC ถึงจะเห็นผล ? ความจริงแล้วปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้จะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียดก่อนทำ ได้แก่

1.ขนาดและความลึกของหลุมสิว
• หลุมสิวตื้น: ใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณน้อย เพียงประมาณ 0.5-1 CC ก็เพียงพอ
• หลุมสิวลึกหรือกว้าง: อาจต้องใช้มากขึ้น ตั้งแต่ 1-2 CC หรือมากกว่านั้นในบางราย เพื่อเติมเต็มให้ผิวเรียบเสมอกัน

2.จำนวนหลุมสิวที่ต้องการรักษา
• หากมีหลุมสิวเพียงไม่กี่จุด ใช้ปริมาณฟิลเลอร์น้อย
• แต่หากมีหลุมสิวกระจายหลายบริเวณ อาจต้องวางแผนใช้ฟิลเลอร์มากกว่า 2 CC ขึ้นไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอทั่วทั้งใบหน้า

3.พื้นที่ที่ทำการฉีด
• เช่น บริเวณแก้มกว้าง ๆ หรือคาง อาจต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากกว่าบริเวณเล็ก ๆ อย่างหน้าผากหรือขมับ

4.วัตถุประสงค์ในการรักษา
• บางเคสแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว ไม่เน้นเติมเต็มทันที ก็จะใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณน้อยต่อครั้งแต่ทำหลายครั้งแทน

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวต้องฉีดบ่อยแค่ไหน
การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวซ้ำ มักแนะนำให้ทำเมื่อสังเกตว่าฟิลเลอร์เริ่มสลายตัวลง และหลุมสิวเริ่มกลับมาเห็นชัดขึ้นอีกครั้ง โดยปกติควรพิจารณาฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวซ้ำทุก 8-12 เดือน เพื่อรักษาความเรียบเนียนของผิวหน้าอย่างต่อเนื่อง บางกรณีที่ผิวฟื้นตัวดี หรือมีการกระตุ้นคอลลาเจนตามธรรมชาติ อาจไม่จำเป็นต้องฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวซ้ำบ่อยเท่าเดิมทุกครั้ง

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวอยู่ได้นานแค่ไหน
การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวเป็นวิธีฟื้นฟูผิวหน้าที่สามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว และให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นทันทีหลังทำ แต่ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปในผิวจะไม่ได้คงอยู่ถาวร เพราะตัวสารเติมเต็มจะค่อย ๆ สลายตัวไปตามธรรมชาติ

• ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน คือช่วงเวลาที่ฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) ซึ่งเป็นฟิลเลอร์ที่นิยมใช้สำหรับหลุมสิว สามารถคงสภาพอยู่ในผิว
• ความยาวนานของผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
- ชนิดและคุณภาพของฟิลเลอร์สำหรับการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
- ตำแหน่งที่ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว เช่น แก้มและขมับอาจอยู่ได้นานกว่าบริเวณที่ขยับบ่อย เช่น คาง
- การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว เช่น หลีกเลี่ยงการนวดแรง ๆ หรือการสัมผัสความร้อนมาก ๆ
- ลักษณะการใช้ชีวิตหลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว เช่น คนที่สูบบุหรี่ ออกกำลังกายหนัก หรือมีการเผาผลาญพลังงานสูง อาจทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวมีข้อดีอะไรบ้าง
1.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวเห็นผลลัพธ์ได้ทันที
• หลังการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวเพียงไม่นาน (ภายใน 1-3 วัน) จะสามารถสังเกตได้ว่าหลุมสิวตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
• ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวไม่ต้องรอหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนเหมือนการทำเลเซอร์หรือการรักษาแบบกระตุ้นคอลลาเจนอื่น ๆ

2.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวไม่ต้องพักฟื้นนาน
• หลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที
• ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวอาจมีรอยบวม ช้ำ เล็กน้อย แต่จะหายได้ภายในไม่กี่วัน
• ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวไม่มีแผลเปิด ไม่มีสะเก็ดเหมือนกับการทำหัตถการที่ต้องใช้เลเซอร์ลอกผิว

3.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวเป็นการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด
• ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวเป็นหัตถการแบบ Minimally Invasive หรือการรักษาโดยการบุกรุกน้อย
• ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวไม่ต้องใช้มีดผ่าตัด ไม่มีแผลเป็นขนาดใหญ่
• ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัด

4.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ฟิลเลอร์สามารถสลายได้เอง
• ฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับรักษาหลุมสิวส่วนใหญ่เป็น ไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) ซึ่งมีคุณสมบัติในการสลายตัวตามธรรมชาติ
• หากไม่พอใจกับผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว สามารถฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase เพื่อสลายฟิลเลอร์ออกได้อย่างปลอดภัย

5.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
• การเติมเต็มใต้ผิวด้วยฟิลเลอร์ นอกจากทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นทันทีแล้ว ยังช่วยกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมผิวและการสร้างคอลลาเจนใหม่
• ส่งผลให้สภาพผิวแข็งแรงและเรียบเนียนขึ้นในระยะยาว แม้ฟิลเลอร์จะสลายไปแล้ว

6.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวสามารถปรับแต่งเฉพาะจุดได้อย่างแม่นยำ
• แพทย์สามารถออกแบบการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวได้ตามขนาดและความลึกของหลุมสิวในแต่ละจุด
• ทำให้ผลลัพธ์ออกมาเนียนกลมกลืนกับผิวโดยรอบ ดูเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตา

7.ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวช่วยเสริมความมั่นใจอย่างรวดเร็ว
• เพราะการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวทำให้หลุมสิวที่ตื้นขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้ใบหน้าเรียบเนียนขึ้น ส่งผลต่อบุคลิกภาพโดยรวม
• การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวเหมาะสำหรับผู้ที่มีงานสำคัญ หรือจำเป็นต้องออกงานในระยะเวลาอันสั้น

ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
1.เลือกคลินิกและแพทย์ที่มีมาตรฐาน
• ก่อนฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ควรเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และมีใบอนุญาตถูกต้อง
• แพทย์ต้องมีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว และมีทักษะประเมินสภาพผิวหน้าอย่างแม่นยำ
• หลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวกับหมอกระเป๋า หรือสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

2.ตรวจสอบชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้
• ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวต้องเป็นฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ของไทย
• หลีกเลี่ยงการใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือสารเติมเต็มถาวรที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรง เช่น ก้อนแข็ง อักเสบ ติดเชื้อ หรือเนื้อตาย

3.ประเมินสุขภาพผิวและสุขภาพร่างกายก่อนทำ
• ก่อนฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ควรหลีกเลี่ยงการฉีดในช่วงที่มีสิวอักเสบ ผิวติดเชื้อ หรือมีอาการแพ้ในบริเวณที่จะทำการฉีด
• ก่อนฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้าเพื่อประเมินความเสี่ยง

4.หลีกเลี่ยงการใช้ยาและอาหารเสริมบางชนิดก่อนฉีด
• ก่อนฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพริน, ยาละลายลิ่มเลือด, วิตามินอี, โสม หรืออาหารเสริมที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 3-7 วันก่อนฉีด
• เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำและบวมหลังทำหัตถการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว

5.การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
• หลีกเลี่ยงการนวด กด หรือสัมผัสแรง ๆ บริเวณที่ฉีดภายใน 48 ชั่วโมง
• งดการทำทรีตเมนต์ร้อน เช่น ซาวน่า เลเซอร์ หรือการอบไอน้ำ ประมาณ 1-2 สัปดาห์
• หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
• ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์คงตัวและฟื้นฟูสภาพผิวได้ดีขึ้น

6.สังเกตอาการผิดปกติหลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
• หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดบวมผิดปกติ มีตุ่มนูนแดง แข็งเป็นก้อน หรือสีผิวเปลี่ยนไป ควรรีบพบแพทย์ทันที
• อาการเช่นนี้อาจบ่งชี้ถึงภาวะแทรกซ้อน เช่น การอุดตันของเส้นเลือดที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวปลอดภัยไหม
การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวถือเป็นหนึ่งในวิธีรักษาหลุมสิวที่ให้ผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว และหากทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง ก็ถือว่าเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว

1.ใช้สารเติมเต็มที่มีมาตรฐาน
• ฟิลเลอร์ที่ใช้รักษาหลุมสิวโดยทั่วไป คือ ไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว
• มีความเข้ากันได้กับเนื้อเยื่อผิวหนัง ลดโอกาสเกิดการแพ้หรือปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกาย
• ฟิลเลอร์ HA ยังสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ หรือสามารถฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase เพื่อเร่งการสลายได้หากต้องการแก้ไข

2.เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด
• ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ไม่ต้องเปิดแผล ไม่ต้องใช้มีดผ่าตัด
• ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แผลเป็น และการพักฟื้นที่ยาวนาน

3.ผลข้างเคียงน้อย หากทำโดยแพทย์
• หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ จะสามารถหลีกเลี่ยงเส้นเลือดสำคัญ และเลือกเทคนิคการฉีดที่ปลอดภัยได้
• ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ก้อนแข็ง ตุ่มนูน หรือเนื้อตายจากการอุดตันของเส้นเลือด

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวมีผลข้างเคียงไหม
แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวจะถือเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูงเมื่อดำเนินการโดยแพทย์ แต่เช่นเดียวกับหัตถการทางการแพทย์ทุกประเภท ก็มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้ ทั้งในระดับเล็กน้อยและในบางกรณีที่อาจรุนแรง ดังนั้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น จะช่วยให้เตรียมตัวได้อย่างรอบคอบ และสามารถดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวได้อย่างเหมาะสม

ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยหลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
1.อาการบวมและช้ำ
• เกิดขึ้นได้บ่อยในบริเวณที่ทำการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
• เกิดจากเข็มเจาะเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนัง
• อาการบวมและช้ำมักจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 3-7 วัน และหายเป็นปกติ

2.อาการแดงหรือตึงผิว
• บางรายอาจมีอาการแดง เล็กน้อยบริเวณที่ฉีด หรือรู้สึกผิวตึงเล็ก ๆ
• เป็นผลจากการเติมเต็มใต้ผิวและแรงดันของฟิลเลอร์
• อาการจะค่อย ๆ บรรเทาลงภายในไม่กี่วัน

3.อาการปวดหรือรู้สึกไม่สบายในจุดที่ฉีด
• เป็นอาการชั่วคราวที่มักเกิดหลังฉีดไม่นาน
• อาการปวดมักไม่รุนแรง และสามารถใช้ประคบเย็นช่วยลดอาการได้

ผลข้างเคียงที่พบได้น้อย แต่ควรระวัง
1.การเกิดก้อนแข็ง หรือผิวไม่เรียบเนียน
• เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้น หรือมีการจับตัวของฟิลเลอร์
• หากพบปัญหานี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะสามารถแก้ไขได้ด้วยการนวดหรือฉีดสลายฟิลเลอร์

2.การติดเชื้อ
• ถึงแม้จะพบได้น้อยมาก แต่หากทำการฉีดในสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด หรือดูแลตัวเองไม่ดีหลังฉีด ก็อาจเกิดการติดเชื้อได้
• อาการเช่น บวมแดงร้อน มีหนอง หรือไข้ ควรรีบพบแพทย์ทันที

3.การอุดตันของเส้นเลือด (Vascular Occlusion)
• เป็นภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงแต่พบได้ไม่บ่อย
• เกิดจากฟิลเลอร์ไปอุดตันเส้นเลือด ส่งผลให้เนื้อเยื่อขาดเลือด
• อาการเช่น ปวดรุนแรง สีผิวเปลี่ยนเป็นม่วงคล้ำ ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวมีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง และทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามเป็นธรรมชาติที่สุด นอกจากนี้ยังช่วยให้การฟื้นตัวหลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว เป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่นอีกด้วย

1.เลือกคลินิกและแพทย์ที่น่าเชื่อถือ
• ศึกษาและเลือกคลินิกที่ได้รับใบอนุญาตประกอบการจากกระทรวงสาธารณสุข
• เลือกแพทย์ผิวหนังที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
• ขอรีวิว หรือดูผลงานก่อน-หลังฉีดของแพทย์เพื่อประกอบการตัดสินใจ

2.ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิว
• ให้แพทย์ประเมินลักษณะของหลุมสิว เช่น Boxcar, Rolling scar, Ice Pick
• แพทย์จะวางแผนการรักษาอย่างละเอียด เช่น ปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้ ชนิดของฟิลเลอร์ และเทคนิคการฉีด
• แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือการแพ้สารต่าง ๆ

3.หลีกเลี่ยงยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
ก่อนฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวอย่างน้อย 3-7 วัน ควรงดใช้ยาและอาหารเสริมบางชนิด เช่น

• ยาแอสไพริน (Aspirin)
• ยากลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
• วิตามินอี
• โสม น้ำมันปลา และอาหารเสริมบางชนิดที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด
• เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำและบวมหลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว

4.หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
• ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว เนื่องจากแอลกอฮอล์ทำให้หลอดเลือดขยายตัว เพิ่มความเสี่ยงต่อการช้ำ
• งดสูบบุหรี่เพื่อลดการอักเสบ และส่งเสริมการฟื้นตัวของผิวหลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว

5.ดูแลผิวหน้าให้สะอาดและปราศจากการอักเสบ
• หากมีสิวอักเสบ แผลเปิด หรือผื่นผิวหนัง ควรเลื่อนการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวออกไปจนกว่าจะรักษาหายดี
• หลีกเลี่ยงการทำหัตถการรุนแรง เช่น เลเซอร์, ทรีตเมนต์ผลัดเซลล์ผิว, Dermaroller อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว

6.พักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
• ควรนอนหลับให้เพียงพอในคืนก่อนวันนัดฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว เพื่อให้ร่างกายสดชื่น พร้อมรับการรักษา
• ภาวะเหนื่อยล้าสะสมอาจทำให้ร่างกายฟื้นตัวหลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวได้ช้ากว่าปกติ

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวอย่างถูกต้อง เป็นขั้นตอนสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อผลลัพธ์และความปลอดภัย ช่วยให้ฟิลเลอร์คงตัวได้นาน ผิวหน้าเรียบเนียน และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์

1.หลีกเลี่ยงการสัมผัส บีบ นวด หรือกดแรง ๆ บริเวณที่ฉีด
• ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ควรหลีกเลี่ยงการจับ นวด หรือกดแรง ๆ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
• เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์หลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว และช่วยให้ฟิลเลอร์ตั้งตัวในตำแหน่งที่ถูกต้อง

2.หลีกเลี่ยงความร้อนสูง
• งดการเข้าซาวน่า อบไอน้ำ อาบน้ำร้อนจัด รวมถึงการทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์ร้อนทุกชนิด ประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
• เนื่องจากความร้อนสูงอาจทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพเร็ว และอาจเพิ่มการบวมแดง

3.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก
• งดการออกกำลังกายหนัก ๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วและเลือดสูบฉีดแรง ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก หลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
• เพื่อลดโอกาสบวมและช้ำที่บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว

4.หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
• ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงหลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
• หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะจะรบกวนกระบวนการฟื้นตัวของผิว และทำให้ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์อยู่ได้ไม่นาน

5.ประคบเย็นเบา ๆ หากมีอาการบวม
• หากมีอาการบวมเล็กน้อยหลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว สามารถใช้การประคบเย็นเบา ๆ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกเพื่อช่วยลดอาการบวมและช้ำ
• ควรใช้ผ้าห่อน้ำแข็งไว้และประคบอย่างอ่อนโยน หลีกเลี่ยงการกดแรง

6.ดื่มน้ำมาก ๆ และดูแลผิวให้ชุ่มชื้น
• การดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยให้ฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) อุ้มน้ำได้ดี ส่งเสริมให้ผลลัพธ์ดูเรียบเนียนและอิ่มฟูมากยิ่งขึ้น
• ใช้ครีมบำรุงผิวที่เน้นการเติมความชุ่มชื้น (moisturizer) เพื่อดูแลผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว

7.หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหนักใน 24 ชั่วโมงแรก
• ให้ผิวได้พักและลดการเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากเครื่องสำอาง
• หลังจาก 24 ชั่วโมง สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่สะอาดและอ่อนโยน

8.สังเกตอาการผิดปกติหลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
• หากพบอาการผิดปกติ เช่น บวมมากผิดปกติ เจ็บปวดรุนแรง สีผิวเปลี่ยนเป็นม่วงคล้ำ หรือมีตุ่มหนอง ควรรีบกลับไปพบแพทย์ทันที
• อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน เพราะบางภาวะ เช่น การอุดตันเส้นเลือด ต้องรักษาอย่างเร่งด่วน

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว vs เลเซอร์หลุมสิว
เมื่อพูดถึงการรักษาหลุมสิว หลายคนมักลังเลระหว่างสองตัวเลือกยอดนิยม นั่นคือ การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว และ การทำเลเซอร์หลุมสิว ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดี ข้อจำกัด และเหมาะกับสภาพผิวที่แตกต่างกัน

• ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์เร็ว มีหลุมสิวขนาดกลาง-ลึก และไม่ต้องการพักฟื้นนาน
• เลเซอร์หลุมสิว เหมาะกับผู้ที่มีหลุมสิวตื้น ๆ หลายจุด ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนระยะยาว และพร้อมที่จะรักษาต่อเนื่องหลายครั้ง

ทั้งนี้ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ทำการรักษาร่วมกัน เช่น ใช้ฟิลเลอร์เติมเต็มหลุมลึกเฉพาะจุด และทำเลเซอร์เก็บรายละเอียดทั่วใบหน้า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

สรุปเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
สรุปว่า การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าให้เรียบเนียนอย่างรวดเร็ว เห็นผลชัดเจนทันทีหลังทำ และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน ฟิลเลอร์ที่ใช้ส่วนใหญ่มักเป็นสารไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) ซึ่งมีความปลอดภัยสูง สามารถสลายตัวเองได้ตามธรรมชาติ และหากดำเนินการโดยแพทย์ก็จะลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงได้

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวที่ปลอดภัยและยั่งยืน การเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ การเตรียมตัวก่อนทำหัตถการ และการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ล้วนมีความสำคัญไม่แพ้กัน นอกจากนี้ หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในระยะยาว อาจพิจารณาการรักษาแบบผสมผสาน เช่น การทำเลเซอร์หลุมสิวร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูสภาพผิวอย่างสมบูรณ์แบบ

ก่อนตัดสินใจรักษาหลุมสิวควรปรึกษาแพทย์ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิว และปัญหาหลุมสิวของแต่ละบุคคล

* ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
* ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง*
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ
ปรึกษาฟรี พร้อมรับ โปรโมชั่นพิเศษ ก่อนใคร
เรื่อง โปรแกรมดูแลผิวหน้า ที่คุณอาจสนใจ