สิวอักเสบ คืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร วิธีรักษาก่อนเป็นหลุมสิวที่หายยาก
สิวอักเสบ
สิวอักเสบ เกิดจากอะไร รักษาก่อนเป็นหลุมสิวที่หายยาก
สิวอักเสบเป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่สร้างความกังวลใจให้กับหลายคน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นที่ฮอร์โมนแปรปรวน หรือผู้ใหญ่ที่ต้องเผชิญกับความเครียดและมลภาวะ สิวอักเสบไม่ได้เป็นเพียงแค่ตุ่มแดง ๆ บนผิวหนังเท่านั้น แต่ยังสามารถทิ้งรอยดำ รอยแดง และหลุมสิว ที่รักษาได้ยากในระยะยาว การเข้าใจถึง สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดสิวอักเสบ จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการป้องกันและรักษาสิวอักเสบอย่างถูกวิธี บทความนี้จะพาไปรู้ถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ สามารถจัดการกับปัญหาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งแนะนำวิธีการดูแลผิว และการรักษาสิวอักเสบที่เหมาะสม เพื่อให้แก้ไขปัญหาสิวอักเสบได้อย่างตรงจุด
ไขข้อสงสัย สิวอักเสบคืออะไร
สิวอักเสบ คือ สิวประเภทหนึ่งที่เกิดจากการอักเสบของรูขุมขน เนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes ซึ่งจะทำให้เกิดอาการบวม แดง เจ็บ และมักมีหนองร่วมด้วย สิวอักเสบมักมีความรุนแรงมากกว่าสิวทั่วไป เช่น สิวหัวขาวหรือสิวหัวดำ
รู้สาเหตุ สิวอักเสบเกิดจากอะไร
สิวอักเสบเกิดจากหลายปัจจัยที่ทำงานร่วมกัน ซึ่งส่งผลให้รูขุมขนอุดตันและเกิดการอักเสบในที่สุด โดยมีสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
1.สิวอักเสบเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน
• เซลล์ผิวที่ตายแล้ว เมื่อเซลล์ผิวไม่หลุดลอกตามธรรมชาติ จะสะสมในรูขุมขน
• น้ำมันส่วนเกิน (Sebum) ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ทำให้เกิดการอุดตันง่ายขึ้น
• สิ่งสกปรกและเครื่องสำอาง การล้างหน้าไม่สะอาดหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการอุดตัน
2.สิวอักเสบเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
• แบคทีเรียที่ชื่อ Propionibacterium acnes (P.acnes) อาศัยอยู่ตามรูขุมขน
• เมื่อรูขุมขนอุดตัน แบคทีเรียจะเจริญเติบโตได้ดี ทำให้เกิดการติดเชื้อ
• ร่างกายตอบสนองด้วยการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดการอักเสบ บวม แดง และเจ็บ
3.สิวอักเสบเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน
• ฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) กระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น
• ช่วงวัยรุ่น ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
• รอบเดือน, ความเครียด, การตั้งครรภ์ ทำให้ระดับฮอร์โมนไม่คงที่
4.สิวอักเสบเกิดจากปัจจัยทางไลฟ์สไตล์
• อาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน นมวัว อาจกระตุ้นการเกิดสิว
• ความเครียด เพิ่มการผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งกระตุ้นต่อมไขมัน
• การนอนหลับไม่เพียงพอ รบกวนการซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติ
5.สิวอักเสบเกิดจากพันธุกรรม
ถ้ามีพ่อแม่หรือญาติใกล้ชิดเคยเป็นสิวรุนแรง คุณก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นสิวอักเสบได้ง่ายขึ้น
6.สิวอักเสบเกิดจากการสัมผัสสิ่งสกปรกบ่อย ๆ
• โทรศัพท์มือถือ, หมอน, ผ้าห่มที่ไม่สะอาด
• การจับหน้าเป็นประจำ หรือใส่หน้ากากอนามัยที่ไม่สะอาด
สิวอักเสบแบ่งเป็นกี่ชนิด
สิวอักเสบสามารถแบ่งออกเป็น 4 ชนิดหลัก ๆ ตามลักษณะความรุนแรงของการอักเสบ ดังนี้
1.สิวตุ่มแดง
• ลักษณะ ตุ่มนูนเล็ก ๆ สีแดง ไม่มีหัวหนอง มักจะเจ็บเล็กน้อยเมื่อสัมผัส
• สาเหตุ เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนและการอักเสบของผิวหนัง
• ความรุนแรง ระดับเบา ถึงปานกลาง
• ข้อควรระวัง ห้ามบีบหรือแกะ เพราะจะทำให้อักเสบมากขึ้นและเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น
2.สิวหัวหนอง
• ลักษณะ ตุ่มนูนแดงที่มีหัวหนองสีขาวหรือเหลืองตรงกลาง ขอบรอบ ๆ แดง
• สาเหตุ การอักเสบที่รุนแรงขึ้นจากสิวตุ่มแดง เมื่อระบบภูมิคุ้มกันพยายามกำจัดแบคทีเรีย
• ความรุนแรง ระดับปานกลาง
• ข้อควรระวัง ควรหลีกเลี่ยงการบีบ เพราะอาจทำให้หนองกระจาย เกิดรอยดำหรือแผลเป็น
3.สิวหัวช้าง
• ลักษณะ ก้อนแข็ง ขนาดใหญ่ ลึกใต้ผิวหนัง มีสีแดงเข้ม เจ็บมาก
• สาเหตุ การอักเสบอย่างรุนแรงที่กินลึกไปถึงชั้นผิวหนังชั้นลึก
• ความรุนแรง ระดับรุนแรง
• ข้อควรระวัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาอย่างถูกวิธี เช่น การใช้ยาปฏิชีวนะ หรือการฉีดสเตียรอยด์เฉพาะจุด เพราะมีโอกาสสูงที่จะเกิดแผลเป็นถาวร
4.สิวซีสต์
• ลักษณะ ถุงหนองขนาดใหญ่ ลึกใต้ผิวหนัง มีลักษณะนิ่ม เจ็บมาก
• สาเหตุ การอักเสบรุนแรงที่ทำให้เกิดถุงหนองใต้ผิว ซึ่งมักเกิดจากฮอร์โมนและพันธุกรรม
• ความรุนแรง ระดับรุนแรงมาก
• ข้อควรระวัง ต้องพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษา อาจต้องใช้ยารับประทาน เช่น ยา Isotretinoin หรือวิธีการรักษา เพราะมีโอกาสสูงในการทิ้งรอยแผลเป็นลึก
สิวอักเสบส่งผลกระทบอะไรบ้าง
สิวอักเสบไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อรูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังมีผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจได้อย่างลึกซึ้ง โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ด้านหลัก ๆ ดังนี้
1.สิวอักเสบส่งผลกระทบทางร่างกาย
• หลุมสิว การอักเสบลึกสามารถทำลายเนื้อเยื่อผิว ส่งผลให้เกิดหลุมสิวถาวรที่รักษายาก
• รอยดำ รอยแดงจากสิว แม้สิวอักเสบจะหายแล้ว แต่ยังทิ้งรอยแดงหรือรอยดำไว้ ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าจะจาง
• การติดเชื้อแทรกซ้อน หากสิวอักเสบรุนแรงหรือบีบสิวไม่ถูกวิธี อาจทำให้ติดเชื้อเพิ่ม เช่น ฝีหนอง
• อาการเจ็บปวดและไม่สบาย สิวอักเสบ โดยเฉพาะสิวหัวช้างหรือสิวซีสต์ ทำให้รู้สึกเจ็บ ปวดบวม แดง รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
2.สิวอักเสบส่งผลกระทบทางจิตใจ
• ความเครียดและความวิตกกังวล สิวอักเสบที่เด่นชัดทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับรูปลักษณ์
• ภาวะซึมเศร้า ในกรณีรุนแรง สิวอักเสบอาจส่งผลให้รู้สึกโดดเดี่ยว ไม่อยากเข้าสังคม จนอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้
• ปัญหาการเข้าสังคม บางคนอาจหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน หลีกเลี่ยงการถ่ายรูป หรือการทำกิจกรรมที่ต้องเผชิญหน้ากับคนอื่น
3.สิวอักเสบส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
• เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษา การรักษาสิวอักเสบเรื้อรังต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะการรักษาหลุมสิวหรือแผลเป็น
• กระทบต่อความมั่นใจในที่ทำงาน/โรงเรียน ความเครียดจากปัญหาสิวอักเสบอาจทำให้ขาดสมาธิในการเรียนหรือทำงาน
• ปัญหาการแต่งหน้า ผู้ที่มีสิวอักเสบอาจรู้สึกไม่สบายใจเมื่อแต่งหน้า เพราะการแต่งหน้าอาจทำให้สิวอุดตันเพิ่มขึ้นได้หากไม่ระมัดระวัง
วิธีรักษาสิวอักเสบมีอะไรบ้าง
1.การใช้ยารักษาสิวอักเสบ
การรักษาสิวอักเสบด้วยยาสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ยาทาภายนอกและยารับประทาน โดยควรได้รับคำแนะนำการใช้ยาจากเภสัชกรหรือแพทย์เพื่อความปลอดภัย
ยาทาภายนอกรักษาสิวอักเสบ
• เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ ฆ่าแบคทีเรีย P.acnes และลดการอักเสบ
• กรดซาลิไซลิก ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันของรูขุมขน
• เรตินอยด์ เช่น Adapalene, Tretinoin ช่วยลดการอุดตันและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
• ยาปฏิชีวนะแบบทา เช่น Clindamycin ใช้เพื่อลดการอักเสบและแบคทีเรีย
ยารับประทานรักษาสิวอักเสบ
• ยาปฏิชีวนะ เช่น Doxycycline, Minocycline สำหรับสิวอักเสบรุนแรง
• ยาคุมกำเนิด สำหรับผู้หญิงที่มีสิวเกี่ยวกับฮอร์โมน
• ยาลดฮอร์โมนแอนโดรเจน เช่น Spironolactone ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมัน
• ยา Isotretinoin สำหรับสิวอักเสบรุนแรงหรือเรื้อรังที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น (ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์)
2.การดูแลผิวหน้าเพื่อลดสิวอักเสบ
• ล้างหน้าเบา ๆ วันละ 2 ครั้ง ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม (Fragrance-free) และไม่ทำให้ผิวแห้งตึง
• เลือกผลิตภัณฑ์ Non-comedogenic ป้องกันการอุดตันของรูขุมขน
• ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ แม้จะมีผิวมัน การบำรุงผิวช่วยลดการระคายเคืองจากยารักษาสิว
• ครีมกันแดด ใช้สูตรที่ไม่อุดตันรูขุมขน เพื่อป้องกันรอยดำหลังสิว
3.การปรับพฤติกรรมเพื่อลดสิวอักเสบ
• หลีกเลี่ยงการบีบ แกะ เกาสิว เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและแผลเป็น
• พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อช่วยลดความเครียดที่กระตุ้นการเกิดสิว
• ลดความเครียด ฝึกสมาธิ ออกกำลังกายเบา ๆ
• ดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย
4.การควบคุมอาหารเพื่อลดสิวอักเสบ
• ลดน้ำตาลและอาหารแปรรูป อาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูงกระตุ้นสิว
• หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากนมวัว บางรายอาจไวต่อฮอร์โมนในนม
• เพิ่มผักและผลไม้ อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดการอักเสบ
แนะนำหัตถการรักษาสิวที่รมย์รวินท์คลินิก
รมย์รวินท์คลินิก มีโปรแกรมและหัตถการสำหรับรักษาสิวอักเสบหลายประเภท ที่ช่วยลดการอักเสบของสิว ป้องกันการเกิดสิวใหม่ รวมถึงช่วยฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน ลดรอยแดงและรอยดำจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยขอแนะนำหัตถการรักษาสิวอักเสบดังนี้
1.โปรแกรมรักษาสิว AC CLEAR
โปรแกรมรักษาสิว AC CLEAR ที่รมย์รวินท์คลินิก เป็นการรักษาสิวอักเสบ 4 ขั้นตอน คือ กดสิว ฉีดสิว ทรีตเมนต์สิว และมาส์กสิว โดยแต่ละขั้นตอนมีรายละเอียดดังนี้
• การกดสิว ทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และมีเทคนิคการกดสิว เพื่อช่วยลดจำนวนสิวที่อุดตันและเกิดการอักเสบ
• การฉีดสิว ฉีดยาเพื่อลดการอักเสบและบวมแดงของสิวที่ไม่มีหัว
• การทรีตเมนต์สิว ลดเชื้อสิวและฆ่าเชื้อสิวที่หลงเหลืออยู่บนใบหน้า
• การมาส์กสิว ปลอบประโลมผิวหลังการรักษาและฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง
ข้อดีของโปรแกรม AC Clear รักษาสิวอักเสบ
• รักษาสิวได้อย่างตรงจุดและครอบคลุม
• ลดการอักเสบและป้องกันการเกิดสิวใหม่
• ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงและกระจ่างใส
2.โปรแกรมรักษาสิวที่หลัง BACK CLEAR
ปัญหาสิวที่หลังเป็นเรื่องที่หลายคนประสบและอาจทำให้ขาดความมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้าที่เผยแผ่นหลัง ปัจจุบันมีหลายคลินิกที่นำเสนอโปรแกรมรักษาสิวที่หลังอย่างมีประสิทธิภาพ คือโปรแกรม BACK CLEAR ของ รมย์รวินท์คลินิก
โปรแกรม BACK CLEAR ที่ รมย์รวินท์คลินิก
โปรแกรม BACK CLEAR ของรมย์รวินท์คลินิกถูกออกแบบมาเพื่อจัดการกับปัญหาสิวที่หลังอย่างตรงจุด โดยมีขั้นตอนการรักษาที่ครอบคลุม ดังนี้
• การทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกินที่อาจเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
• การกดสิวและฉีดสิว เพื่อจัดการกับสิวอุดตันและลดการอักเสบของสิว
• การทำทรีตเมนต์และมาส์กผิว เพื่อบำรุงและฟื้นฟูผิวหลังการรักษา
ขั้นตอนเหล่านี้ช่วยลดการอักเสบของสิว ป้องกันการเกิดสิวใหม่ และลดรอยดำรอยแดงที่เกิดจากสิว
ข้อดีของโปรแกรมรักษาสิวที่หลัง BACK CLEAR
• ลดการอักเสบของสิว ช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้นและป้องกันการเกิดสิวใหม่
• ลดรอยดำและรอยแดง ช่วยให้รอยสิวจางลงและผิวเรียบเนียนขึ้น
• ฟื้นฟูสภาพผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและกระจ่างใสขึ้น
3.โปรแกรมรักษาสิว Color ICE
โปรแกรม Color ICE ของ รมย์รวินท์คลินิก เป็นนวัตกรรมการฟื้นฟูและบำรุงผิว ที่ผสานการใช้พลังงานความเย็นและแสง LED เพื่อปรับปรุงสภาพผิวให้ดีขึ้นอย่างล้ำลึก
LED Phototherapy ใช้แสง LED สามสีที่มีคุณสมบัติเฉพาะในการดูแลผิว
• แสงสีแดง กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอย และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
• แสงสีฟ้า ควบคุมแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว ลดการอักเสบของสิว
• แสงสีเหลือง ฟื้นฟูสภาพผิว ลดอาการบวมและการอักเสบของผิวหนัง รวมถึงลดรอยหมองคล้ำ
ข้อดีของโปรแกรม Color ICE รักษาสิวอักเสบ
• ลดการอักเสบของสิว แสงสีฟ้าช่วยลดการอักเสบและควบคุมแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว
• ฟื้นฟูผิว แสงสีแดงและสีเหลืองช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและลดรอยหมองคล้ำ ทำให้ผิวกระจ่างใสและเรียบเนียน
• ปลอบประโลมผิว พลังงานความเย็นช่วยลดการระคายเคืองและปลอบประโลมผิว
4.โปรแกรมรักษาสิว Turbo Bright
โปรแกรม Turbo Bright ของรมย์รวินท์คลินิก เป็นทรีตเมนต์ที่ออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูและปรับสภาพผิวหน้าให้กระจ่างใส โดยใช้การผสมผสานระหว่างก๊าซออกซิเจนและละอองน้ำบริสุทธิ์ เพื่อทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก
คุณสมบัติและประโยชน์ของโปรแกรม Turbo Bright
• ทำความสะอาดรูขุมขนอย่างล้ำลึก ด้วยแรงดันเทอร์โบ อณูละอองน้ำและออกซิเจนสามารถแทรกซึมลึกเข้าสู่รูขุมขน กำจัดสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งช่วยลดการอุดตันและป้องกันการเกิดสิว
• ผลัดเซลล์ผิวเก่าอย่างอ่อนโยน การฉีดพ่นด้วยแรงดันสูงช่วยกระตุ้นการลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก เผยผิวใหม่ที่สดใสและเรียบเนียน
• ปรับสีผิวให้กระจ่างใส การทำความสะอาดล้ำลึกช่วยลดเม็ดสีหมองคล้ำ ทำให้ผิวดูสดใสและสม่ำเสมอ
• ลดการเกิดสิว การกำจัดสิ่งสกปรกและแบคทีเรียที่สะสมในรูขุมขนช่วยลดโอกาสการเกิดสิวและผื่น
• เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว อณูละอองน้ำบริสุทธิ์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวนุ่มนวลและไม่แห้งกร้าน
5.เลเซอร์รักษาสิว AviClear
AviClear คือเทคโนโลยีเลเซอร์รักษาสิวอักเสบล่าสุดที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกา โดยออกแบบมาเพื่อลดปัญหาสิวอักเสบ โดยตรงที่ต้นเหตุ เน้นการควบคุมการผลิตน้ำมันส่วนเกินในผิว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว
หลักการทำงานของเลเซอร์รักษาสิว AviClear
AviClear ใช้เลเซอร์ความยาวคลื่นเฉพาะ (1726 nm) ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อจับกับต่อมไขมันโดยตรง
• เลเซอร์รักษาสิวอักเสบ AviClear ลดการทำงานของต่อมไขมัน โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน
• เลเซอร์รักษาสิวอักเสบ AviClear ควบคุมการผลิตน้ำมัน ทำให้รูขุมขนไม่อุดตัน ลดการเกิดสิวใหม่
• เลเซอร์รักษาสิวอักเสบ AviClear ลดการอักเสบ ทำให้สิวอักเสบที่มีอยู่ยุบตัวเร็วขึ้น
จุดเด่นของการรักษาสิวอักเสบด้วยเลเซอร์ AviClear
• ควบคุมความมันอย่างมีประสิทธิภาพ เลเซอร์ AviClear ทำงานโดยลดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ผิวผลิตน้ำมันน้อยลง ซึ่งช่วยลดการเกิดสิวใหม่อย่างต่อเนื่อง
• ลดการอักเสบของสิว ลดการอักเสบของสิวได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ทำร้ายเนื้อเยื่อรอบข้าง
• ไม่มีการใช้ยารักษาสิว ไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาควบคุมฮอร์โมน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้ยาได้
• รักษาสิวได้ทุกประเภท เหมาะสำหรับสิวอักเสบ สิวหัวหนอง สิวหัวช้างและสิวซีสต์
• ปลอดภัยต่อทุกสีผิว เทคโนโลยีเลเซอร์ที่อ่อนโยนและปลอดภัยสำหรับทุกสีผิว
6.เลเซอร์รักษาสิว Pico Laser
Pico Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมในการรักษาปัญหาผิวหลายประเภท รวมถึง รักษาสิวอักเสบ รอยสิว และหลุมสิว ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้พลังงานเลเซอร์ที่มีความเร็วระดับ Picosecond (หนึ่งล้านล้านวินาที) ทำให้สามารถแตกเม็ดสีในผิวหนังได้อย่างละเอียดโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง
ข้อดีของการรักษาสิวอักเสบด้วย Pico Laser
• ลดรอยดำ-รอยแดงจากสิว พลังงานเลเซอร์จะทำลายเม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนัง ช่วยให้รอยดำและรอยแดงจางลงเร็วขึ้น
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน ลดปัญหารอยแผลเป็นจากสิว (หลุมสิว)
• ลดการอักเสบของสิว มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบของสิวอักเสบ ทำให้สิวแห้งและยุบตัวได้เร็วขึ้น
• กระชับรูขุมขน ช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน รูขุมขนดูเล็กลง ลดโอกาสที่รูขุมขนจะอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุของสิวอักเสบ
จุดเด่นของการรักษาสิวอักเสบด้วย Pico Laser
• การรักษาสิวอักเสบด้วย Pico Laser เห็นผลลัพธ์เร็ว (หลังทำประมาณ 1–3 ครั้ง)
• การรักษาสิวอักเสบด้วย Pico Laser เจ็บน้อยกว่าเลเซอร์รุ่นเก่า ๆ
• การรักษาสิวอักเสบด้วย Pico Laser ผลข้างเคียงน้อย แดงเพียงเล็กน้อยและหายเร็ว
• การรักษาสิวอักเสบด้วย Pico Laser ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
7.ฉีดโบรักษาสิวอักเสบ
การฉีดโบรักษาสิวอักเสบ โปรแกรม Bo AC CLEAR ของรมย์รวินท์คลินิก เป็นการใช้สาร Botulinum Toxin A ฉีดที่ใบหน้าเพื่อกระชับรูขุมขน ผิวเรียบเนียนขึ้น ลดหน้ามัน และทำให้ช่วยลดการเกิดสิวอักเสบด้วย
ข้อดีของการฉีดโบรักษาสิวอักเสบ
• ฉีดโบรักษาสิวอักเสบช่วยลดการผลิตน้ำมัน ฉีดโบสามารถลดการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนังได้ ซึ่งช่วยลดความมันบนใบหน้า ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดสิว
• ฉีดโบรักษาสิวอักเสบช่วยลดการอักเสบ มีการศึกษาที่แสดงว่าการฉีดโบอาจช่วยลดการอักเสบในผิวหนังได้ ทำให้สิวยุบตัวเร็วขึ้นในบางกรณี
• ฉีดโบรักษาสิวอักเสบช่วยปรับสภาพผิว ฉีดโบช่วยทำให้รูขุมขนกระชับขึ้น ซึ่งอาจลดโอกาสในการอุดตันและเกิดสิว
ฉีดโบรักษาสิวอักเสบเหมาะกับใคร
• ฉีดโบรักษาสิวอักเสบเหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวมันมาก ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาสิวอักเสบแบบปกติ
• ฉีดโบรักษาสิวอักเสบเหมาะกับคนที่มีสิวอักเสบเรื้อรัง ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตน้ำมันส่วนเกิน
• ฉีดโบรักษาสิวอักเสบเหมาะกับคนที่ต้องการลดปัญหาผิวมันและกระชับรูขุมขนในขณะเดียวกัน
8.ฉีด Rejuran รักษาสิวอักเสบ
Rejuran เป็นนวัตกรรมการฉีดบำรุงผิวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการความงามของเกาหลี โดยมีสารสำคัญคือ Polynucleotide (PN) ที่สกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน ซึ่งมีคุณสมบัติในการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวอย่างล้ำลึก แม้ว่า Rejuran จะไม่ใช่การรักษาสิวโดยตรง แต่มีประโยชน์ในการลดการอักเสบ ฟื้นฟูผิวจากรอยแผลเป็นสิว และปรับสภาพผิว ให้แข็งแรงขึ้น ซึ่งช่วยในการควบคุมปัญหาสิวได้ในระยะยาว
ข้อดีของการรักษาสิวอักเสบด้วย Rejuran
• ลดการอักเสบของผิว Polynucleotide มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการบวมแดงของสิวอักเสบได้ดี
• ฟื้นฟูเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ช่วยให้ผิวแข็งแรง ลดการเกิดสิวใหม่ได้ในระยะยาว
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยซ่อมแซมผิวหนังที่เสียหาย ลดรอยแดง รอยดำ และแผลเป็นจากสิว
• ปรับสมดุลน้ำมันบนผิว ช่วยปรับสมดุลการผลิตน้ำมันในผิว ลดความมันส่วนเกินซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของสิว
• กระชับรูขุมขน ทำให้ผิวเรียบเนียนและรูขุมขนดูเล็กลง ซึ่งช่วยลดโอกาสการอุดตันที่ทำให้เกิดสิว
จุดเด่นของการฉีด Rejuran รักษาสิวอักเสบ
• ลดการอักเสบของสิวได้อย่างรวดเร็ว
• ฟื้นฟูผิวที่อ่อนแอให้แข็งแรงขึ้น
• ลดเลือนรอยแผลเป็นและรอยแดงจากสิว
• ปรับผิวให้เรียบเนียน กระจ่างใส
• เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย เพราะเป็นสารที่ปลอดภัยและคล้ายกับ DNA ของมนุษย์
Q&A คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวอักเสบ
สิวอักเสบกี่วันหาย
สิวอักเสบจะใช้เวลาหายแตกต่างกันไปตามชนิด ความรุนแรง และวิธีการดูแลรักษา โดยทั่วไปแล้ว สิวอักเสบจะใช้เวลาหายตั้งแต่ 3 วัน ถึงหลายสัปดาห์ ซึ่งระยะเวลาการหายของสิวอักเสบแต่ละชนิดแตกต่างกัน ดังนี้
• สิวตุ่มแดง ระยะเวลาหาย 3-7 วัน
• สิวหัวหนอง ระยะเวลาหาย 5-10 วัน
• สิวหัวช้าง ระยะเวลาหาย 2-4 สัปดาห์ หรือมากกว่า
• สิวซีสต์ ระยะเวลาหาย 4-8 สัปดาห์ หรือมากกว่า
สิวอักเสบหายเองได้ไหม
สิวอักเสบสามารถหายเองได้ในบางกรณี โดยเฉพาะสิวที่มีการอักเสบเล็กน้อย เช่น สิวตุ่มแดง หรือ สิวหัวหนอง แต่สำหรับสิวที่มีการอักเสบรุนแรง เช่น สิวหัวช้าง และ สิวซีสต์ มักไม่หายเองง่าย ๆ และมีโอกาสทิ้งรอยแผลเป็นถาวรหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม
ทำไมสิวอักเสบทำให้เกิดหลุมสิว
สิวอักเสบสามารถทำให้เกิด หลุมสิว (Acne Scars) ได้ เนื่องจากกระบวนการอักเสบลึกใต้ผิวหนังที่ส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อผิว ทั้งในชั้นหนังกำพร้า และชั้นหนังแท้ ทำให้เกิดความเสียหายถาวรหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดหลุมสิวง่ายขึ้น
• สิวอักเสบรุนแรงหรือเรื้อรัง
• ชอบบีบ แกะ เกาสิวอักเสบ
• มีพันธุกรรมเป็นแผลเป็นง่าย
• การไม่รักษาสิวอักเสบอย่างถูกวิธี
ทำไมสิวอักเสบขึ้นไม่หยุด
สิวอักเสบขึ้นไม่หยุด อาจเกิดจากหลายปัจจัยที่ทำงานร่วมกัน ทั้งภายในร่างกายและพฤติกรรมการดูแลผิว ซึ่งถ้าไม่ได้รับการแก้ไขที่ต้นเหตุ สิวก็จะเกิดซ้ำเรื่อย ๆ จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง
สาเหตุที่ทำให้สิวอักเสบขึ้นไม่หยุด
• ฮอร์โมนไม่สมดุล
• การอุดตันของรูขุมขน
• การแพ้สกินแคร์หรือเครื่องสำอาง
• การบีบ แกะ เกาสิวอักเสบ
• ความเครียดวิตกกังวล
• การนอนหลับไม่เพียงพอ
• การกินอาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูง
• พันธุกรรมเป็นสิวอักเสบเรื้อรัง
• ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด
สิวอักเสบควรบีบไหม
คำตอบคือ ไม่ควรบีบสิวอักเสบเด็ดขาด! เพราะการบีบสิวอักเสบอาจทำให้ปัญหาสิวอักเสบแย่ลงกว่าเดิม แม้จะรู้สึกว่าการบีบออกน่าจะช่วยให้สิวหายเร็ว แต่จริง ๆ แล้วกลับทำให้เกิดปัญหาอื่นตามมาได้
เหตผลที่ไม่ควรบีบสิวอักเสบ
• ทำให้สิวอักเสบมีอาการแย่ลง
• ทำให้เสี่ยงติดเชื้อ สิวอักเสบลุกลาม
• ทำให้เกิดหลุมสิวที่รักษาได้ยาก
• ทำให้เกิดรอยดำ รอยแดง หลังบีบสิว
• ทำให้สิวอักเสบหายช้าลง
สิวอักเสบกดได้ไหม
แม้หลายคนจะคิดว่าการกดสิวอักเสบช่วยให้สิวหายเร็ว แต่ความจริงแล้วการกดสิวอักเสบ (โดยเฉพาะการกดเอง) อาจทำให้สิวแย่ลง และเสี่ยงเกิดปัญหาผิวถาวรได้ แนะนำให้พบแพทย์หากเกิดสิวอักเสบ แล้วมีอาการเหล่านี้
• สิวอักเสบลึก บวมแดง เจ็บมากผิดปกติ
• สิวอักเสบลุกลามเร็ว หรือเป็นในหลายบริเวณพร้อมกัน
• มีไข้ หรือสงสัยว่าติดเชื้อรุนแรง
สรุปเกี่ยวกับสิวอักเสบ
สรุปว่า ปัญหาสิวอักเสบเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความมันส่วนเกิน, ฮอร์โมนไม่สมดุล, ความเครียด, การดูแลผิวไม่ถูกวิธี และอื่น ๆ กระตุ้นให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวอักเสบได้ง่าย การรักษาสิวอักเสบมีหลากหลายวิธี เริ่มตั้งแต่การดูแลตัวเองจนถึงการใช้ยารักษาสิวอักเสบ
รวมถึงการรักษาสิวอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย นวัตกรรมรักษาสิวจาก รมย์รวินท์คลินิก ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับปัญหาสิวอย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรม AC Clear, Back Clear, Bo AC Clear, Color ICE หรือ Turbo Bright ซึ่งแต่ละโปรแกรมถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาสิวตามความต้องการของแต่ละบุคคล โดยใช้เทคโนโลยีทันสมัยร่วมกับการดูแลจากแพทย์ ช่วยลดการอักเสบของสิว ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง และลดโอกาสการเกิดสิวใหม่
สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบ และสนใจทำโปรแกรมรักษาสิว สามารถนัดหมายปรึกษาแพทย์ได้ที่ Romrawin Clinic
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด