กดสิวเสี้ยน สามารถทำได้เองหรือไม่ สิวหายจริงหรือไม่
กดสิวเสี้ยน
กดสิวเสี้ยน สามารถทำได้เองหรือไม่ สิวหายจริงไหม
สิวเสี้ยนถือเป็นหากวนใจยอดฮิตติดอันดับต้นๆ ของคนที่อยากหน้าใส ผิวเนียน แต่ติดตรงที่มีสิวเสี้ยนอยู่บนใบหน้า แล้วเป็นกังวลใจว่า เราสามารถกดสิวเสี้ยนเองได้หรือไม่ หรือควรไปพบหมอเพื่อกดสิวเสี้ยนออก แบบไหนดีกว่ากัน บทความนี้จะมาไขข้อสงสัยและบอกวิธีรักษาสิวเสี้ยนได้อย่างถูกวิธีให้ค่ะ
รวมทุกหัวข้อเกี่ยวกับการกดสิวเสี้ยน
• สิวเสี้ยนคืออะไร
• สิวเสี้ยนมักเกิดขึ้นบริเวณไหน
• กดสิวเสี้ยนด้วยตัวเองทำได้หรือไม่
• สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มกดสิวเสี้ยน
• อุปกรณ์ที่ควรใช้ในการกดสิวเสี้ยนด้วยตัวเอง
• เทคนิคการกดสิวเสี้ยนให้สิวหลุดง่ายและไม่เจ็บ
• ข้อควรระวังในการกดสิวเสี้ยนด้วยตัวเอง
• ข้อดีของการกดสิวเสี้ยนที่คลินิก
• ความแตกต่างของการกดสิวเสี้ยนด้วยตัวเองและการกดสิวเสี้ยนที่คลินิก
• ควรกดสิวเสี้ยนบ่อยแค่ไหน
• ทำไมบางครั้งกดสิวเสี้ยนแล้วสิวไม่หาย
• การกดสิวเสี้ยนเหมาะกับทุกคนหรือไม่
• ใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนแทนการกดสิวเสี้ยนได้ไหม
• การกดสิวเสี้ยนช่วยลดความมันบนใบหน้าได้จริงไหม
• ควรกดสิวเสี้ยนหรือควรปล่อยให้สิวเสี้ยนหายเอง
• สรุปทุกเรื่องเกี่ยวการกดสิวเสี้ยน
สิวเสี้ยนคืออะไร
สิวเสี้ยน (Comedone) คือสิ่งอุดตันเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในรูขุมขน ประกอบด้วยน้ำมัน (ซีบัม), เศษเซลล์ผิวที่ตายแล้ว, และสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในรูขุมขน พอสิ่งเหล่านี้มารวมกัน และเมื่อสิ่งอุดตันทั้งหมดนี้สัมผัสกับอากาศภายนอกจะเกิดการออกซิเดชัน จะทำให้บริเวณนั้นกลายเป็นจุดสีดำหรือสีเทา ซึ่งมักพบได้บ่อยบริเวณจมูก, คาง, หน้าผาก, และแก้ม
ความเข้าใจผิดของการเกิดสิวเสี้ยน
1.สิวเสี้ยนไม่ใช่สิวอักเสบ สิวเสี้ยนแตกต่างจากสิวอักเสบ เนื่องจากไม่มีการติดเชื้อแบคทีเรียหรือการอักเสบแดง สิวเสี้ยนเป็นเพียงสิ่งอุดตันที่เกิดจากน้ำมันและเศษผิว
2.สีดำไม่ได้เกิดจากสิ่งสกปรก จุดดำที่เห็นบนสิวเสี้ยนเกิดจากกระบวนการออกซิเดชันของซีบัม (ไขมัน) เมื่อสัมผัสกับออกซิเจน ไม่ใช่เพราะผิวสกปรก
3.สิวเสี้ยนพบได้บ่อยในคนที่มีผิวมัน คนที่มีผิวมันหรือรูขุมขนกว้างมักมีโอกาสเกิดสิวเสี้ยนมากกว่าคนที่มีผิวแห้ง
ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้เกิดสิวเสี้ยน
• การผลิตน้ำมันส่วนเกินจากต่อมไขมันใต้ผิวหนัง
• การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้วที่ไม่ได้ถูกขจัดออก
• การใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน เช่น เครื่องสำอางบางชนิด
• มลภาวะและสิ่งสกปรกจากสภาพแวดล้อม
แหล่งอ้างอิง
Healthline.(n.d.).Everything You Need to Know About Blackheads.Retrieved February 13, 2025, from https://www.healthline.com/health/blackheads
สิวเสี้ยนมักเกิดขึ้นบริเวณไหน
สิวเสี้ยนมักเกิดขึ้นในบริเวณที่มีต่อมไขมัน (Sebaceous Glands) ทำงานมาก ซึ่งพบได้ทั่วใบหน้าและรวมไปถึงบางส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่มีรูขุมขนกว้างและน้ำมันส่วนเกินที่สะสมง่าย สาเหตุหลักมาจากการอุดตันของน้ำมัน, เศษเซลล์ผิวที่ตายแล้ว, และสิ่งสกปรกในรูขุมขน
บริเวณที่มักพบสิวเสี้ยนบ่อย ได้แก่
1.จมูก
เป็นจุดที่พบสิวเสี้ยนได้มากที่สุด เนื่องจากมีจำนวนต่อมไขมันหนาแน่น น้ำมันที่ผลิตออกมาอาจสะสมและอุดตันในรูขุมขน ทำให้เกิดสิวเสี้ยนหัวดำหรือหัวขาวในบริเวณนี้
2.คาง
บริเวณคางมักมีความมันสะสม โดยเฉพาะในคนที่มีผิวมันหรือรูขุมขนกว้าง
3.หน้าผาก
หน้าผากเป็นอีกจุดหนึ่งที่สิวเสี้ยนมักเกิด เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันจำนวนมาก และมักสัมผัสกับผมและเหงื่อ
4.แก้ม
ในบางคน สิวเสี้ยนอาจเกิดขึ้นบริเวณแก้ม โดยเฉพาะบริเวณใกล้จมูกหรือบริเวณที่สัมผัสกับหมอนหรือโทรศัพท์มือถือ
5.หลังและหน้าอก
สิวเสี้ยนสามารถเกิดได้ในบริเวณร่างกาย เช่น หลังหรือหน้าอก เนื่องจากมีต่อมไขมันหนาแน่นและการเสียดสีจากเสื้อผ้าหรือเหงื่อ
สาเหตุที่สิวเสี้ยนมักเกิดในบริเวณเหล่านี้
• บริเวณเหล่านี้มีการผลิตน้ำมันมากกว่าส่วนอื่นของร่างกาย
• รูขุมขนกว้างทำให้เศษเซลล์ผิวและน้ำมันสะสมง่าย
• การสัมผัสหรือเสียดสีจากมือ, หมอน, หรือสิ่งของ
กดสิวเสี้ยนด้วยตัวเองทำได้หรือไม่
การกดสิวเสี้ยนด้วยตัวเองสามารถทำได้ แต่การกดสิวเสี้ยนด้วยตัวเองต้องทำอย่างระมัดระวังและถูกวิธีเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาอื่นๆ ที่อาจตามมา เช่น การติดเชื้อ, การอักเสบ, หรือการเกิดรอยแผลเป็น
สิวเสี้ยนคือสิ่งอุดตันในรูขุมขนที่ประกอบด้วยน้ำมัน (ซีบัม), เซลล์ผิวที่ตายแล้ว, และสิ่งสกปรก เมื่อสัมผัสกับอากาศจะเกิดกระบวนการออกซิเดชันทำให้เห็นเป็นจุดดำ หากต้องการกดสิวเสี้ยนด้วยตัวเอง ควรปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้องเพื่อความปลอดภัย
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มกดสิวเสี้ยนด้วยตัวเอง
เข้าใจความเสี่ยงในการกดสิวเสี้ยนด้วยตัวเอง
การกดสิวเสี้ยนด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้
• รูขุมขนเกิดการอักเสบ
• สิ่งสกปรกแพร่กระจายไปยังผิวหนังบริเวณอื่น
• รูขุมขนเสียหายจนเกิดรอยแผลเป็น
สิวเสี้ยนประเภทไหนที่ควรกด
สิวเสี้ยนหัวดำที่ดูชัดเจนและไม่ฝังลึก
ขั้นตอนการกดสิวเสี้ยนที่ถูกต้อง
1.ก่อนกดสิวเสี้ยนต้องล้างหน้าและมือให้สะอาด
ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนและล้างมือด้วยสบู่ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อในการกดสิวเสี้ยน
2.อบไอน้ำหรือใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นก่อนกดสิวเสี้ยน
ช่วยเปิดรูขุมขนและทำให้สิ่งอุดตันหลุดออกได้ง่ายขึ้น
3.ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมในการกดสิวเสี้ยน
ใช้ที่กดสิวเสี้ยนที่สะอาดและฆ่าเชื้อแล้ว หลีกเลี่ยงการใช้นิ้วมือเปล่าในการกดสิวเสี้ยนเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
4.กดสิวเสี้ยนอย่างเบามือ
วางที่กดสิวลงบนบริเวณสิวเสี้ยนและออกแรงกดสิวเสี้ยนอย่างอ่อนโยน ถ้าเกิดสิวยังไม่หลุดออก ไม่ควรพยายามกดสิวเสี้ยนซ้ำ เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบ
5.ทำความสะอาดหลังการกดสิวเสี้ยน
เช็ดบริเวณที่กดสิวเสี้ยนด้วยสำลีชุบน้ำเกลือ หรือผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อสำหรับผิวหน้า
6.บำรุงผิวหลังการกดสิวเสี้ยน
ใช้ผลิตภัณฑ์ลดการอักเสบ เช่น เจลว่านหางจระเข้ หรือครีมที่มีส่วนผสมของไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) ทาหลังจากกดสิวเสี้ยนเสร็จแล้ว
อุปกรณ์ที่ควรใช้ในการกดสิวเสี้ยนด้วยตัวเอง
การกดสิวเสี้ยนด้วยตัวเองจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมและสะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดความเสี่ยงต่อการอักเสบหรือการเกิดรอยแผล หากใช้อุปกรณ์ผิดประเภทในการกดสิวเสี้ยน หรือไม่มีการเตรียมตัวเตรียมอุปกรณ์ที่ดีในการกดสิวเสี้ยน อาจทำให้ผิวเสียหายและเกิดปัญหาอื่นตามมาได้
อุปกรณ์ที่ควรมีในการกดสิวเสี้ยน
1.ที่กดสิวเสี้ยน (Comedone Extractor)
• ลักษณะ เป็นแท่งโลหะที่ปลายมีห่วงสำหรับกดสิวเสี้ยน
• การใช้งานในการกดสิวเสี้ยน ห่วงที่ปลายช่วยกดเบาๆ เพื่อดันสิ่งอุดตันออกจากรูขุมขนอย่างปลอดภัย
• ข้อดี ใช้ที่กดสิวเสี้ยนจะช่วยลดการสัมผัสผิวโดยตรง ช่วยลดโอกาสติดเชื้อ
2.สำลีสะอาด
• ใช้ในการเช็ดทำความสะอาดบริเวณที่กดสิวเสี้ยน
• สำลีช่วยซับน้ำมันและสิ่งสกปรกหลังการกดสิวเสี้ยน
3.แอลกอฮอล์ 70% หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ
• ใช้สำหรับฆ่าเชื้อที่กดสิวเสี้ยนก่อนและหลังการใช้งาน
• ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อแบคทีเรียในการกดสิวเสี้ยน
4.ผ้าขนหนูหรือสำลีชุบน้ำอุ่น
ใช้ในการอบผิวก่อนกดสิวเสี้ยนเพื่อช่วยเปิดรูขุมขน ทำให้สิวเสี้ยนหลุดง่ายขึ้น
5.กระจก (Optional)
กระจกที่ช่วยให้มองเห็นรูขุมขนหรือสิวเสี้ยนได้ชัดเจนขึ้น ช่วยเพิ่มความแม่นยำขณะกดสิวเสี้ยน
6.เจลหรือครีมลดการอักเสบ
• เช่น เจลว่านหางจระเข้ หรือครีมที่มีส่วนผสมของไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) หรืออัลลันโทอิน (Allantoin)
• ช่วยปลอบประโลมผิวหลังการกดสิวเสี้ยน ลดการระคายเคืองและอักเสบ
เทคนิคการกดสิวเสี้ยนให้สิวหลุดง่ายและไม่เจ็บ
• สครับผิวเบาๆ ก่อนวันกดสิวเสี้ยน การขจัดเซลล์ผิวที่ตายออกช่วยลดการอุดตันและทำให้สิวเสี้ยนหลุดง่ายขึ้น
• เลือกกดสิวเสี้ยนเฉพาะที่พร้อมหลุด สิวเสี้ยนที่หัวชัดและลอยขึ้นมาเหนือผิวหลุดง่ายกว่าสิวฝังลึก
• หลีกเลี่ยงการใช้แรงในการกดสิวเสี้ยนมากเกินไป แรงกดที่มากเกินอาจทำให้รูขุมขนเสียหายและเกิดรอยช้ำ
• ดูแลผิวเป็นประจำ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดสิวเสี้ยน เช่น กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) หรือเรตินอยด์ (Retinoids)
ข้อควรระวังในการกดสิวเสี้ยนด้วยตัวเอง
การกดสิวเสี้ยนด้วยตัวเองอาจช่วยทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นเพราะสิวเสี้ยนหลุดออก แต่หากกดสิวเสี้ยนผิดวิธี หรือไม่ระมัดระวัง อาจส่งผลเสียต่อผิวในระยะยาว เช่น การติดเชื้อ การอักเสบ หรือการเกิดรอยแผลถาวร ดังนั้นการทำความเข้าใจข้อควรระวังอย่างละเอียดจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
อุปกรณ์ไม่สะอาด
• อุปกรณ์ที่ไม่ได้ฆ่าเชื้อ อาจนำแบคทีเรียเข้าสู่ผิว ทำให้เกิดการติดเชื้อหรือสิวอักเสบ
• ควรฆ่าเชื้อที่กดสิวด้วยแอลกอฮอล์ 70% หรือน้ำร้อนก่อนใช้งาน
ใช้แรงกดสิวเสี้ยนมากเกินไป
• การกดแรงอาจทำให้รูขุมขนเสียหาย เกิดรอยช้ำหรือรอยแผล
• ใช้แรงเบาๆ และหยุดกดหากสิวเสี้ยนไม่หลุดออก
กดสิวเสี้ยนที่ยังไม่พร้อม
• สิวเสี้ยนที่ยังฝังลึกหรือหัวปิด อาจกลายเป็นสิวอักเสบ
• กดเฉพาะสิวเสี้ยนหัวดำหรือหัวขาวที่เห็นชัดเจนว่าพร้อมหลุด
ไม่ทำความสะอาดผิวก่อนและหลังการกดสิวเสี้ยน
• สิ่งสกปรกและน้ำมันอาจเข้าสู่รูขุมขน ทำให้เกิดการอักเสบ
• ล้างหน้าก่อนและเช็ดบริเวณที่กดด้วยน้ำเกลือหรือน้ำยาฆ่าเชื้อ
สัมผัสผิวหน้าด้วยมือเปล่าในการกดสิวเสี้ยน
• มือที่ไม่ได้ล้างสะอาดเสี่ยงต่อการนำเชื้อโรคสู่ผิว
• ควรล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งก่อนกดสิว
กดสิวเสี้ยนบ่อยเกินไป
• การกดสิวเสี้ยนซ้ำๆ อาจทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นหรือเกิดรอยแดง
• กดสิวเฉพาะเมื่อจำเป็น ไม่ควรกดทุกวัน
สภาพแวดล้อมไม่สะอาด
• การกดสิวเสี้ยนในที่ที่ไม่สะอาดเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
• ควรกดสิวในที่ที่มีแสงเพียงพอและสะอาด
ไม่ดูแลผิวหลังการกดสิวเสี้ยน
• การละเลยการบำรุงผิว อาจทำให้เกิดการอักเสบหรือรอยแดง
• ใช้เจลว่านหางจระเข้หรือผลิตภัณฑ์ลดการอักเสบหลังการกดสิวเสี้ยน
กดสิวเสี้ยนอักเสบร่วมกับสิวเสี้ยน
• การกดสิวอักเสบอาจทำให้แบคทีเรียกระจายและสิวลุกลาม
• หลีกเลี่ยงการกดสิวที่บวมแดงหรือเจ็บ
ข้อดีของการกดสิวเสี้ยนที่คลินิก
การกดสิวเสี้ยนที่คลินิกเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับการกดสิวเสี้ยนด้วยตัวเองที่บ้าน เนื่องจากคลินิกมีอุปกรณ์และแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมด้านการดูแลผิวโดยเฉพาะ ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากการกดสิวเสี้ยนเองและเพิ่มโอกาสในการดูแลผิวให้เรียบเนียนได้อย่างเหมาะสม
1.การดูแลโดยแพทย์
การกดสิวเสี้ยนที่คลินิกดำเนินการโดยแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์ที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องผิว ช่วยให้การกดสิวเสี้ยนมีความปลอดภัยและแม่นยำ
2.อุปกรณ์มาตรฐาน
คลินิกใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานและผ่านการฆ่าเชื้อ เช่น ที่กดสิว เข็มเจาะหัวสิว หรืออุปกรณ์เฉพาะสำหรับสิวเสี้ยน
3.การป้องกันการติดเชื้อ
ด้วยกระบวนการทำงานที่ปลอดเชื้ออย่างเคร่งครัด ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อที่อาจเกิดจากการกดสิวเสี้ยน
4.ลดความเสี่ยงการอักเสบ
การกดสิวเสี้ยนที่ถูกวิธีช่วยป้องกันการอักเสบของผิวหรือการกระจายของแบคทีเรียในบริเวณที่กดสิวเสี้ยน
5.เหมาะสำหรับสิวเสี้ยนฝังลึก
สิวเสี้ยนที่ฝังลึกหรือหัวปิดอาจยากต่อการจัดการด้วยตัวเอง คลินิกมีอุปกรณ์และวิธีการเฉพาะที่ทำให้สิวเสี้ยนยุบแบบไม่ระคายเคือง
6.การดูแลหลังการกดสิวเสี้ยน
คลินิกมักมีขั้นตอนดูแลหลังการกดสิวเสี้ยน เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ลดการอักเสบ หรือการฟื้นฟูผิวด้วยทรีตเมนต์พิเศษ
7.การวิเคราะห์สภาพผิว
แพทย์สามารถวิเคราะห์สภาพผิวอย่างละเอียด และให้คำแนะนำในการป้องกันการเกิดสิวเสี้ยนในอนาคต
8.ลดความเสี่ยงการเกิดรอยแผลเป็น
ด้วยเทคนิคที่เหมาะสมและการใช้อุปกรณ์ที่ถูกต้อง การกดสิวเสี้ยนที่คลินิกช่วยลดโอกาสการเกิดรอยแผลเป็นเมื่อเทียบกับการกดสิวเสี้ยนด้วยตัวเอง
ความแตกต่างของการกดสิวเสี้ยนด้วยตัวเองและการกดสิวเสี้ยนที่คลินิก
หัวข้อ |
กดสิวเสี้ยนด้วยตัวเอง |
กดสิวเสี้ยนที่คลินิก |
---|---|---|
ผู้ดำเนินการ |
เจ้าของผิวเอง อาจขาดความรู้ |
ผู้มีความรู้ เช่น แพทย์ผิวหนังหรือผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม |
อุปกรณ์ |
อุปกรณ์ทั่วไป เช่น ที่กดสิวหรือใช้มือเปล่า |
อุปกรณ์มาตรฐาน เช่น ที่กดสิวคุณภาพสูงและเข็มเปิดหัวสิว |
ความสะอาด |
อาจไม่สะอาดหรือฆ่าเชื้อไม่เพียงพอ |
ปลอดเชื้อ มีมาตรฐานความสะอาดที่เคร่งครัด |
เทคนิค |
ขาดความรู้และอาจกดผิดวิธี ทำให้รูขุมขนเสียหาย |
ใช้เทคนิคที่เหมาะสม เช่น การอบไอน้ำหรือเปิดหัวสิวก่อน |
ความเสี่ยง |
เสี่ยงการติดเชื้อ อักเสบ และเกิดรอยแผลเป็น |
ลดความเสี่ยงการอักเสบและการเกิดรอยแผล |
ประสิทธิภาพ |
อาจไม่สามารถกดสิวเสี้ยนออกหมด โดยเฉพาะสิวที่ฝังลึก |
สามารถจัดการสิวเสี้ยนฝังลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
การดูแลหลังการกดสิว |
อาจขาดการดูแลที่เหมาะสมหลังการกดสิว |
มีขั้นตอนการดูแล เช่น การฆ่าเชื้อและลดการอักเสบ |
ค่าใช้จ่าย |
ประหยัด เพราะไม่ต้องเสียค่าบริการหรืออุปกรณ์ราคาแพง |
มีค่าใช้จ่าย แต่แลกมาด้วยความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีกว่า |
การป้องกันในอนาคต |
ไม่มีคำแนะนำเฉพาะบุคคลเกี่ยวกับการดูแลผิว |
ให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล เช่น การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม |
เหมาะสำหรับ |
ผู้ที่มีสิวเสี้ยนเล็กน้อยและมั่นใจในขั้นตอนการกด |
ผู้ที่มีสิวเสี้ยนฝังลึกหรือไม่มั่นใจในการกดด้วยตัวเอง |
ควรกดสิวเสี้ยนบ่อยแค่ไหน
การกดสิวเสี้ยนไม่ควรทำบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง รูขุมขนกว้างขึ้น และเกิดรอยแผลเป็นได้ ถ้าจะถามว่าควรกดสิวเสี้ยนบ่อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับลักษณะผิวและการดูแลผิวที่เหมาะสม
คำแนะนำเกี่ยวเวลาที่เหมาะสมในการกดสิวเสี้ยน
1.ควรกดสิวเสี้ยนทุก 2-4 สัปดาห์
• โดยทั่วไป แนะนำให้กดสิวเสี้ยน 1-2 ครั้งต่อเดือน เพื่อป้องกันการอุดตันสะสมในรูขุมขน
• การปล่อยระยะเวลาให้รูขุมขนพัก จะช่วยลดการระคายเคืองและป้องกันการทำลายผิว
2.ขึ้นอยู่กับปัญหาสิวเสี้ยน
• สิวเสี้ยนเล็กน้อย กดสิวเสี้ยนเฉพาะเมื่อต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องทำบ่อย
• สิวเสี้ยนจำนวนมากหรือฝังลึก ควรเข้ารับบริการที่คลินิกโดยแพทย์เพื่อจัดการอย่างเหมาะสม
3.เลี่ยงการกดสิวเสี้ยนทุกวัน
การกดสิวเสี้ยนบ่อยเกินไป เช่น ทุกวัน หรือหลายครั้งในสัปดาห์ อาจทำให้รูขุมขนกว้างขึ้น ผิวบาดเจ็บ และสิวใหม่เพิ่มขึ้น
ทำไมบางครั้งกดสิวเสี้ยนแล้วสิวไม่หาย
การกดสิวเสี้ยนแล้วสิวไม่หาย หรือสิวกลับมาใหม่ อาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับวิธีการกด สิ่งแวดล้อม และปัญหาผิวที่ต้นเหตุ หากไม่แก้ไขสิ่งเหล่านี้ สิวเสี้ยนอาจกลายเป็นปัญหาซ้ำซากและลุกลามขึ้นได้
1.กดสิวเสี้ยนไม่หมด
การกดสิวเสี้ยนไม่ถูกวิธี เช่น ใช้แรงน้อยเกินไป หรือไม่กดให้ถึงสิ่งอุดตันทั้งหมด อาจทำให้เศษน้ำมันและเซลล์ผิวยังคงค้างอยู่ในรูขุมขน
2.สิวเสี้ยนฝังลึกหรือมีหัวปิด
สิวเสี้ยนบางชนิดอยู่ลึกในรูขุมขน หรือมีหัวปิด ทำให้สิ่งอุดตันไม่หลุดออกง่าย
3.รูขุมขนไม่ได้เปิดก่อนกดสิวเสี้ยน
หากรูขุมขนปิดหรือแคบ สิวเสี้ยนอาจไม่หลุดออก แม้จะพยายามกด
4.การอักเสบหรือการระคายเคืองหลังการกดสิวเสี้ยน
การกดสิวเสี้ยนแรงเกินไปหรืออุปกรณ์ไม่สะอาด อาจทำให้ผิวอักเสบและเกิดสิวใหม่ในบริเวณเดิม
5.การดูแลผิวที่ไม่เหมาะสมหลังการกดสิวเสี้ยน
หลังจากกดสิวเสี้ยน หากไม่ได้ดูแลผิวอย่างเหมาะสม เช่น การล้างหน้าหรือการป้องกันการอุดตันใหม่ อาจทำให้สิวกลับมาอีก
6.สิวเสี้ยนเกิดจากปัจจัยต้นเหตุที่ยังไม่ได้แก้
สิวเสี้ยนมักเกิดจากการผลิตน้ำมันส่วนเกิน, การสะสมของเซลล์ผิวที่ตาย หรือการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม หากไม่จัดการต้นเหตุ สิวเสี้ยนจะกลับมาอีก
7.การกดสิวเสี้ยนในสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด
การกดสิวเสี้ยนในที่ที่มีฝุ่นหรือใช้อุปกรณ์ที่ไม่สะอาด อาจทำให้เกิดการติดเชื้อและสิวลุกลาม
8.รูขุมขนกว้างหลังการกดสิวเสี้ยน
หลังการกดสิวเสี้ยน รูขุมขนอาจเปิดกว้างและสะสมสิ่งสกปรกหรือน้ำมันได้ง่าย ทำให้สิวเสี้ยนเกิดใหม่เร็ว
การกดสิวเสี้ยนเหมาะกับทุกคนหรือไม่
การกดสิวเสี้ยน ไม่เหมาะกับทุกคน เนื่องจากสภาพผิวและลักษณะของสิวเสี้ยนในแต่ละคนแตกต่างกัน การกดสิวเสี้ยนอาจให้ผลดีในบางกรณี แต่ในบางคนอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น การอักเสบ การติดเชื้อ หรือการเกิดรอยแผลเป็น หากทำไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมกับสภาพผิว
กลุ่มที่เหมาะกับการกดสิวเสี้ยน
1.ผู้ที่มีสิวเสี้ยนหัวดำหรือหัวขาวชัดเจน
• สิวเสี้ยนที่พร้อมหลุดออก เช่น สิวเสี้ยนหัวดำที่ลอยอยู่บนผิว จะสามารถกดออกได้ง่ายโดยไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ
• เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาสิวอักเสบหรือสิวหนองร่วมด้วย
2.ผู้ที่มีปัญหาสิวเสี้ยนสะสมมาก
หากสิวเสี้ยนอุดตันจำนวนมาก เช่น บริเวณจมูก คาง หรือหน้าผาก การกดสิวโดยแพทย์สามารถช่วยกำจัดสิวเสี้ยนได้อย่างปลอดภัย
3.ผู้ที่มีผิวมันและรูขุมขนกว้าง
ผิวที่มีการผลิตน้ำมันมาก มีแนวโน้มเกิดสิวเสี้ยนได้ง่าย การกดสิวเสี้ยนในลักษณะนี้อาจช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนได้
กลุ่มที่ไม่เหมาะกับการกดสิวเสี้ยน
1.ผู้ที่มีสิวอักเสบหรือสิวหนองร่วมด้วย
• การกดสิวเสี้ยนในบริเวณที่มีสิวอักเสบอาจทำให้การอักเสบลุกลามและติดเชื้อได้
• ควรหลีกเลี่ยงการกดสิวที่มีลักษณะบวมแดงหรือเจ็บ
2.ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือผิวบาง
• ผิวที่มีความไวต่อการระคายเคืองอาจเกิดรอยแดงหรือรอยช้ำง่ายหลังการกด
• ในกรณีนี้ ควรปรึกษาแพทย์หรือหลีกเลี่ยงการกดด้วยตัวเอง
3.ผู้ที่มีสิวเสี้ยนฝังลึก
• สิวเสี้ยนที่อยู่ลึกในรูขุมขน อาจไม่เหมาะกับการกดออกเอง เพราะอาจทำให้เกิดรอยแผลและการอักเสบ
• สิวลักษณะนี้ควรจัดการโดยแพทย์ที่มีเครื่องมือเฉพาะ
4.ผู้ที่มีปัญหาผิวเรื้อรัง
เช่น โรคผิวหนังอื่นๆ (เช่น โรซาเชีย หรือเซ็บเดิร์ม) การกดสิวเสี้ยนอาจทำให้ผิวแย่ลง
5.ผู้ที่ไม่มั่นใจในขั้นตอนการกดสิวเอง
หากไม่มีความรู้เรื่องเทคนิคการกด อาจทำให้สิวไม่หลุด สิวอักเสบ หรือเกิดรอยแผลเป็น
ใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนแทนการกดสิวเสี้ยนได้ไหม
การใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนสามารถช่วยกำจัดสิวเสี้ยนบางส่วนได้ แต่ไม่สามารถแทนการกดสิวเสี้ยนได้ทั้งหมด เนื่องจากแผ่นลอกสิวเสี้ยนและการกดสิวเสี้ยนมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน
ข้อดีของแผ่นลอกสิวเสี้ยน
1.กำจัดสิวเสี้ยนหัวตื้น
• แผ่นลอกสิวเสี้ยนทำงานโดยการดึงสิวเสี้ยนที่อยู่บนชั้นผิวตื้นๆ ออก เช่น สิวเสี้ยนหัวดำที่ลอยอยู่ในรูขุมขน
• เหมาะสำหรับการทำความสะอาดรูขุมขนแบบรวดเร็วและง่ายดาย
2.จำกัดการเข้าถึงสิวเสี้ยนฝังลึก
แผ่นลอกสิวเสี้ยนไม่สามารถกำจัดสิวเสี้ยนที่ฝังลึกในรูขุมขนได้ หรือสิวเสี้ยนที่มีหัวปิด (ยังไม่เปิดออก)
3.ผลลัพธ์ชั่วคราว
สิวเสี้ยนที่ลอกออกอาจกลับมาใหม่เร็ว หากไม่ได้ดูแลรูขุมขนอย่างเหมาะสมหลังจากลอก
ข้อดีของแผ่นลอกสิวเสี้ยน
• สะดวกและง่ายต่อการใช้งาน เหมาะสำหรับการลอกสิวเสี้ยนบริเวณจมูก, คาง หรือหน้าผาก โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ
• ไม่ต้องมีความรู้ ผู้ที่ไม่มีความรู้เรื่องการกดสิวสามารถใช้ได้โดยไม่เสี่ยงต่อการทำให้ผิวบาดเจ็บ
• ลดโอกาสการระคายเคืองจากการกดสิวเสี้ยนผิดวิธี ไม่ต้องสัมผัสผิวโดยตรงเหมือนการกดสิว
ข้อจำกัดของแผ่นลอกสิวเสี้ยน
1.ไม่เหมาะกับสิวเสี้ยนฝังลึก
• แผ่นลอกไม่สามารถเข้าถึงสิวเสี้ยนที่อยู่ลึกในรูขุมขนได้
• ในกรณีสิวเสี้ยนฝังลึก การกดสิวโดยแพทย์จะมีประสิทธิภาพมากกว่า
2.อาจทำให้ผิวระคายเคือง
การลอกแผ่นอย่างรุนแรงอาจทำให้ผิวแดง แห้ง หรือเป็นขุย โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
3.ผลลัพธ์ไม่ยั่งยืน
แม้สิวเสี้ยนจะถูกลอกออก แต่หากไม่มีการดูแลรูขุมขนอย่างเหมาะสม สิวเสี้ยนจะกลับมาเร็ว
4.ลอกสิวเสี้ยนเฉพาะบางบริเวณ
แผ่นลอกสิวเหมาะสำหรับบริเวณที่มีพื้นผิวเรียบ เช่น จมูกหรือคาง แต่ไม่สามารถใช้ในบริเวณที่เข้าถึงยาก
การกดสิวเสี้ยนช่วยลดความมันบนใบหน้าได้จริงไหม
การกดสิวเสี้ยน ไม่ได้ช่วยลดความมันบนใบหน้าในระยะยาว เพราะสิวเสี้ยนและความมันบนใบหน้าเกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกัน แม้ว่าการกดสิวเสี้ยนจะช่วยขจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขนชั่วคราว แต่ต่อมไขมันใต้ผิวหนังยังคงผลิตน้ำมัน (Sebum) ต่อไปตามปกติ
เหตุผลที่การกดสิวเสี้ยนไม่ลดความมัน
1.ความมันเกิดจากการทำงานของต่อมไขมัน
• ต่อมไขมันใต้ผิวหนังเป็นตัวผลิตน้ำมันตามธรรมชาติ เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อม
• การกดสิวเสี้ยนไม่ได้ส่งผลต่อการทำงานของต่อมไขมัน น้ำมันจะยังคงผลิตออกมาในปริมาณที่เท่าเดิม
2.สิวเสี้ยนเป็นผลจากน้ำมันส่วนเกิน ไม่ใช่ต้นเหตุของความมัน
• สิวเสี้ยนเกิดจากการอุดตันของน้ำมันส่วนเกินและเซลล์ผิวที่ตายแล้วในรูขุมขน
• แม้จะกำจัดสิวเสี้ยนออก แต่ต่อมไขมันยังคงทำงานเหมือนเดิม
3.ความมันเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนและพันธุกรรม
การผลิตน้ำมันบนผิวหน้ามีความเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนและพันธุกรรม ซึ่งการกดสิวเสี้ยนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงปัจจัยเหล่านี้ได้
สิ่งที่การกดสิวเสี้ยนช่วยได้
1.ขจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขน
ช่วยทำให้รูขุมขนสะอาดขึ้น ลดการสะสมของน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
2.ปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียน
เมื่อสิวเสี้ยนลดลง ผิวจะดูเรียบเนียนและกระจ่างใสมากขึ้น
วิธีลดความมันบนใบหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ
หากเป้าหมายของเราคือการลดความมันบนใบหน้า การดูแลผิวในชีวิตประจำวันจะมีผลมากกว่า อาทิเช่น
1.ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง
ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ช่วยควบคุมความมัน เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) หรือกรดผลไม้ (AHA)
2.ใช้ผลิตภัณฑ์ควบคุมความมัน
มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ไม่มีน้ำมัน (Oil-free) หรือเซรั่มที่ช่วยลดความมันบนผิว
3.ใช้โทนเนอร์กระชับรูขุมขน
ช่วยขจัดน้ำมันส่วนเกินและทำให้ผิวดูเรียบเนียน
4.หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ
การสัมผัสหน้าด้วยมือเปล่าอาจทำให้น้ำมันสะสมเพิ่มขึ้น
5.การดูแลอาหารการกิน
ลดการบริโภคอาหารมันและน้ำตาลที่กระตุ้นการผลิตน้ำมัน
6.ทรีตเมนต์ควบคุมความมันในคลินิก
เช่น การทำเลเซอร์ หรือ Chemical Peeling ที่ช่วยลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน
ควรกดสิวเสี้ยนหรือควรปล่อยให้สิวเสี้ยนหายเอง
การจัดการสิวเสี้ยนมี 2 แนวทางหลัก คือการ กดสิวเสี้ยน หรือการ ปล่อยให้สิวเสี้ยนหายเอง โดยแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียขึ้นอยู่กับลักษณะของสิวเสี้ยน สภาพผิว และการดูแลผิวในแต่ละคน การตัดสินใจว่าจะกดสิวเสี้ยนหรือปล่อยไว้ มีข้อสังเกตดังนี้
1.ลักษณะของสิวเสี้ยน
• สิวเสี้ยนหัวดำหรือหัวขาวที่ลอยบนผิว
- เหมาะสำหรับการกดออก เพราะสิวเหล่านี้สามารถกำจัดได้ง่ายและลดความอุดตันในรูขุมขน
- การกดช่วยทำให้ผิวสะอาดและดูเรียบเนียนขึ้นเร็ว
• สิวเสี้ยนฝังลึกหรือมีหัวปิด
- ควรหลีกเลี่ยงการกดด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบ รูขุมขนเสียหาย หรือรอยแผล
- สิวเสี้ยนประเภทนี้มักต้องใช้นวัตกรรม เช่น ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว หรือให้แพทย์ดูแล
2.สภาพผิวของแต่ละคน
• ผิวปกติหรือผิวมัน
- สามารถกดสิวเสี้ยนได้โดยระมัดระวัง หรือให้แพทย์เป็นผู้จัดการ
- ผิวมันมักมีสิวเสี้ยนสะสมมาก การกดออกช่วยลดความอุดตันได้ดี
• ผิวแพ้ง่ายหรือผิวบาง
- ควรหลีกเลี่ยงการกดสิวเสี้ยน เพราะอาจเกิดการระคายเคืองหรือรอยแผลได้ง่าย
- ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลดสิวเสี้ยนที่อ่อนโยนแทน
3.ข้อดีของการกดสิวเสี้ยน
• ขจัดสิ่งอุดตันได้ทันที
การกดสิวเสี้ยนช่วยกำจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขนอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวดูสะอาดและเรียบเนียน
• ลดโอกาสการอักเสบ
หากสิวเสี้ยนถูกกำจัดออกก่อนที่จะสะสมหรือเปลี่ยนเป็นสิวอักเสบ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดสิวในอนาคต
4.ข้อเสียของการกดสิวเสี้ยน
• เสี่ยงต่อการอักเสบหรือรอยแผล
การกดด้วยแรงมากเกินไป หรืออุปกรณ์ที่ไม่สะอาด อาจทำให้ผิวบาดเจ็บหรือเกิดสิวอักเสบ
• รูขุมขนอาจกว้างขึ้น
หากกดบ่อยเกินไปหรือกดผิดวิธี รูขุมขนอาจขยายตัวและทำให้ปัญหาสิวเสี้ยนเกิดซ้ำ
5.ข้อดีของการปล่อยให้สิวเสี้ยนหายเอง
• หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บต่อผิว
การไม่กดสิวเสี้ยนช่วยลดโอกาสเกิดรอยแผลหรือการอักเสบที่อาจเกิดจากการกดผิดวิธี
• ปล่อยให้ผิวฟื้นตัวตามธรรมชาติ
หากดูแลผิวอย่างเหมาะสม เช่น ล้างหน้าสม่ำเสมอ และใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว สิวเสี้ยนอาจลดลงได้เอง
6.ข้อเสียของการปล่อยสิวเสี้ยนไว้
• รูขุมขนอาจสะสมสิ่งสกปรกเพิ่มขึ้น
หากไม่จัดการสิวเสี้ยน รูขุมขนอาจเกิดการอุดตันมากขึ้นและกลายเป็นสิวอักเสบในอนาคต
• ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน
สิวเสี้ยนที่สะสมมากอาจทำให้ผิวดูไม่สะอาดและหมองคล้ำ
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวการกดสิวเสี้ยน
การกดสิวเสี้ยน สามารถกดได้ด้วยตัวเองแต่จะต้องกดอย่างถูกวิธี เพื่อไม่ให้เกิดการอักเสบหนักกว่าเดิม แต่ถ้าเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นการรักษาสิวเสี้ยนอย่างถูกวิธีควรปรึกษาแพทย์ Specialist ในการดูแลรักษาสิว ซึ่งทางรมย์รวินท์คลินิก มีแพทย์ที่พร้อมดูแลปัญหาผิวพรรณ พร้อมทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่สามารถแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ใครสนใจสามารถนัดคิวแพทย์ปรึกษาปัญหาผิวที่ตัวเองกังวลใจได้เลย
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด