romrawin

ทริคหน้าเนียน วิธีดูแลหน้าให้เนียนใส รูขุมขนกระชับแต่งหน้าติดทนนาน

หน้าเนียน

ทริคหน้าเนียนรูขุมขนกระชับแต่งหน้าติดทน
ใครที่ผิวหน้าไม่เรียบเนียน รูขุมขนกว้าง มีปัญหาแต่งหน้าแล้วหยา ไม่เนียนเหมือนที่คิด เรามีทริคดูแลตัวเองให้หน้าเนียนไม่ว่าจะมีงบจำกัด หรืองบไม่อั้นเรามีแนะนำให้คลอบคลุมทุกงบเลย

รวมทุกหัวข้อหน้าเนียนรูขุมขนกระชับ
• ผิวหน้าของเราเป็นแบบไหน
• หน้าไม่เรียบเนียนคืออะไร
• สาเหตุของหน้าไม่เรียบเนียนมีอะไรบ้าง
• วิธีป้องกันให้หน้าเนียนใส
• วิธีดูแลให้หน้าเนียนใสด้วยการทำความสะอาดผิวหน้า
• วิธีดูแลให้หน้าเนียนใสด้วยการทามอยส์เจอร์ไรเซอร์
• วิธีดูแลให้หน้าเนียนใสด้วยการใช้เรตินอล
• วิธีดูแลให้หน้าเนียนใสด้วยการทากันแดดให้ถึง
• วิธีดูแลให้หน้าเนียนใสด้วยการฉีดกระตุ้นคอลลาเจน
• วิธีดูแลให้หน้าเนียนใสด้วยการฉีดฟื้นฟูให้ผิวฉ่ำน้ำ
• วิธีดูแลให้หน้าเนียนใสด้วยโปรแกรมรักษาสิว
• วิธีดูแลให้หน้าเนียนใสด้วยการกำจัดขน
• วิธีแต่งหน้าให้หน้าเนียนใสแบบพี่สาวเกาหลี
• สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับทริคหน้าเนียนใส

ผิวหน้าของเราเป็นแบบไหน
ก่อนที่เราจะบอกทริคหน้าเนียนใส หัวใจสำคัญที่สุดก่อนการดูแลผิวหน้าคือการรู้จักผิวหน้าของเราเองว่าเป็นแบบไหน เพื่อที่จะหาวิธีดูแลผิวหน้าของเราได้อย่างถูกต้อง โดยทั่วไปแล้วสภาพผิวหน้าของเรามีทั้งหมด 5 ประเภทด้วยกัน ดังนี้

วิธีเช็กสภาพผิวตัวเองทำได้ง่ายๆ ดังนี้
1.ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า รอ 30 นาที
2.ใช้กระดาษซับมันแตะที่บริเวณต่างๆ ของใบหน้า
3.สังเกตอาการของผิวหน้าว่าเป็นยังไง อาทิเช่น แห้งลอก มันเยิ้ม หรือระคายเคืองง่าย

1.ผิวธรรมดา (Normal Skin)
ลักษณะ
• ผิวดูเรียบเนียน ไม่แห้งหรือมันเกินไป
• มีความชุ่มชื้นพอดี ไม่มีอาการแพ้ง่าย
• รูขุมขนเล็ก ไม่ค่อยมีสิวหรือริ้วรอย

วิธีเช็ก
ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า รอ 30 นาที หากผิวไม่มีอาการแห้งตึงหรือมันเยิ้ม แสดงว่าคุณมีผิวธรรมดา

2.ผิวมัน (Oily Skin)
ลักษณะ
• ผิวหน้ามันเยิ้ม โดยเฉพาะบริเวณทีโซน (หน้าผาก จมูก คาง)
• รูขุมขนกว้าง อาจมีสิวเสี้ยนหรือสิวอุดตันง่าย
• ผิวดูเงาวาวแม้ไม่ได้ทาครีม

วิธีเช็ก
หลังล้างหน้า 30 นาที ลองใช้กระดาษซับมันแตะที่หน้าผาก จมูก และคาง ถ้ากระดาษมีคราบมันเยอะ แสดงว่าคุณมีผิวมัน

3.ผิวแห้ง (Dry Skin)
ลักษณะ
• ผิวแห้ง ลอก หรือเป็นขุย
• รู้สึกตึงผิวหลังล้างหน้า
• รูขุมขนเล็ก แต่ผิวอาจดูไม่เรียบเนียน
• มีแนวโน้มเกิดริ้วรอยเร็ว

วิธีเช็ก
หลังล้างหน้าผ่านไป 30 นาที ถ้ารู้สึกผิวแห้งตึง หรือมีรอยลอกเป็นขุย แสดงว่าคุณมีผิวแห้ง

4.ผิวผสม (Combination Skin)
ลักษณะ
• ผิวมันบริเวณทีโซน (หน้าผาก จมูก คาง) แต่แห้งบริเวณแก้ม
• รูขุมขนกว้างเฉพาะบางส่วน
• อาจมีสิวเฉพาะจุด เช่น บริเวณจมูกหรือคาง

วิธีเช็ก
ใช้กระดาษซับมันแตะที่หน้าผาก จมูก คาง และแก้ม ถ้ากระดาษมีคราบมันแค่ทีโซน แต่แก้มยังแห้ง แสดงว่าคุณมีผิวผสม

5.ผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin)
ลักษณะ
• ผิวระคายเคืองง่าย มีรอยแดงหรือผื่นขึ้นบ่อย
• แพ้สกินแคร์หรือเครื่องสำอางบางชนิด
• อาจมีอาการคัน แสบ หรือรู้สึกตึงผิว

วิธีเช็ก
หากผิวมีอาการระคายเคืองเมื่อเจอสภาพอากาศเปลี่ยน น้ำหอม หรือผลิตภัณฑ์บางชนิด แสดงว่าคุณมีผิวแพ้ง่าย

หน้าไม่เรียบเนียนคืออะไร
"หน้าไม่เรียบเนียน" หมายถึง สภาพผิวที่มีพื้นผิวขรุขระ ไม่เรียบสม่ำเสมอ มีจุดที่หยาบกร้าน รอยหลุม หรือไม่สม่ำเสมอเมื่อสัมผัสหรือลองมองในมุมแสงต่าง ๆ จะเห็นเป็นรอย แต่งหน้าอาจจะไม่ติด หรือปิดรอยนั้น ๆ ไม่มิด

สาเหตุของหน้าไม่เรียบเนียนมีอะไรบ้าง
1.รูขุมขนกว้าง - ทำให้ผิวดูไม่เนียน มีความหยาบและเป็นหลุมเล็ก ๆ
2.สิวอุดตันและสิวอักเสบ - การเกิดสิวทิ้งรอยแผลเป็น ทำให้พื้นผิวไม่เรียบ
3.รอยแผลเป็นจากสิว (Acne Scars) - แผลจากสิวอาจทิ้งรอยบุ๋มหรือหลุมสิวบนผิว
4.เซลล์ผิวที่ตายสะสม (Dead Skin Cells Buildup) - หากไม่ผลัดเซลล์ผิวอย่างเหมาะสม ผิวจะดูหมองและขรุขระ
5.ขาดความชุ่มชื้น (Dehydrated Skin) - ผิวที่ขาดน้ำทำให้เกิดรอยแห้งลอก และขาดความเรียบเนียน
6.ริ้วรอยและความหย่อนคล้อย - เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนลดลง ทำให้ผิวไม่เต่งตึงและดูเป็นร่องลึก
7.การสัมผัสมลภาวะและแสงแดด - รังสี UV และมลภาวะทำให้ผิวเสียหาย ผิวชั้นนอกหนาขึ้น และไม่เรียบเนียน
8.การใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสม - การใช้สกินแคร์หรือเครื่องสำอางที่อุดตันผิว อาจทำให้เกิดปัญหาผิวไม่เรียบ

วิธีป้องกันให้หน้าเนียนใส
การมีผิวหน้าเนียนใสไม่ใช่แค่เรื่องของกรรมพันธุ์ แต่ขึ้นอยู่กับการดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผิวตั้งแต่แรก มาดูกันว่าควรดูแลผิวหน้าอย่างไรเพื่อป้องกันปัญหาผิวไม่เรียบเนียน

1.หลีกเลี่ยงการกดสิวและสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น
• การกดสิวด้วยมืออาจทำให้เกิดรอยแผลเป็น หลุมสิว และการอักเสบ
• แบคทีเรียจากมืออาจทำให้สิวลุกลามและทิ้งรอยดำ

วิธีป้องกันเพื่อให้หน้าเนียนใส
• หากมีสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ BHA, Salicylic Acid หรือ Benzoyl Peroxide
• หากจำเป็นต้องกดสิว ควรให้แพทย์ด้านผิวหนังทำให้เพื่อลดความเสียหายของผิว

2.ห้ามล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเพียงอย่างเดียว
• น้ำอุ่นมากเกินไปจะชะล้างน้ำมันธรรมชาติบนผิว ทำให้ผิวแห้งและเสียสมดุล
• ทำให้รูขุมขนเปิดกว้าง ส่งผลให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นเร็วขึ้น

วิธีป้องกันเพื่อให้หน้าเนียนใส
• ใช้น้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำเย็นล้างหน้าหลังจากใช้น้ำอุ่นเพื่อปิดรูขุมขน
• เลือกคลีนเซอร์ที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิว

3.หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์และน้ำหอมแรง
• แอลกอฮอล์อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง
• น้ำหอมบางชนิดอาจก่อให้เกิดอาการแพ้และทำให้ผิวไวต่อสิ่งแวดล้อม

วิธีป้องกันเพื่อให้หน้าเนียนใส
• เลือกผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีส่วนผสมอ่อนโยน ไม่มีแอลกอฮอล์และน้ำหอม
• ทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่กับผิวบริเวณกรามก่อนใช้บนใบหน้า

4.นอนหลับให้เพียงพอและลดความเครียด
• การนอนหลับไม่เพียงพอทำให้ผิวขาดการฟื้นฟู เกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำ
• ความเครียดทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นการเกิดสิว

วิธีป้องกันเพื่อให้หน้าเนียนใส
• พักผ่อนอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อคืน
• ทำกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียด เช่น ออกกำลังกาย ทำสมาธิ หรือฟังเพลงผ่อนคลาย

วิธีดูแลให้หน้าเนียนใสด้วยการทำความสะอาดผิวหน้า
การทำความสะอาดผิวหน้าเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการดูแลผิว เพราะหากล้างหน้าไม่ถูกต้อง อาจทำให้ผิวเกิดการอุดตัน เป็นสิว และดูไม่เรียบเนียน มาดูกันว่าการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธีเพื่อให้หน้าเนียนควรทำอย่างไร

ขั้นตอนที่ 1 ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสใบหน้าเพื่อผิวหน้าเนียนใส
มือมีแบคทีเรียและสิ่งสกปรก หากล้างหน้าด้วยมือที่ไม่สะอาด อาจทำให้สิ่งสกปรกติดบนผิว

วิธีที่ทำความสะอาดผิวหน้าให้หน้าเนียนใส
ล้างมือด้วยสบู่ก่อนเริ่มล้างหน้า

ขั้นตอนที่ 2 ใช้คลีนซิ่งลบเครื่องสำอางและครีมกันแดดเพื่อผิวหน้าเนียนใส
เครื่องสำอางและครีมกันแดดมีส่วนผสมที่กันน้ำ ต้องใช้คลีนซิ่งทำความสะอาดก่อน ไม่อย่างนั้นอาจอุดตันรูขุมขน

วิธีที่ทำความสะอาดผิวหน้าให้หน้าเนียนใส
• ใช้ Cleansing Oil / Balm / Micellar Water ตามประเภทผิว
• เทคลีนซิ่งลงบนสำลีหรือนวดด้วยมือ (กรณีใช้ออยล์)
• เช็ดเบา ๆ ทั่วใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณทีโซนและรอบดวงตา
• ล้างออกด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิห้อง

ขั้นตอนที่ 3 ล้างหน้าด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้าที่เหมาะกับผิวเพื่อผิวหน้าเนียนใส
ช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่เหลือจากคลีนซิ่ง และลดการอุดตันของรูขุมขน

วิธีที่ทำความสะอาดผิวหน้าให้หน้าเนียนใส
1.เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวเพื่อผิวหน้าเนียนไม่ระคายเคือง
• ผิวมัน เลือกโฟมล้างหน้าที่มี Salicylic Acid หรือ Clay ช่วยลดความมัน
• ผิวแห้ง ใช้เจลล้างหน้าที่มี Hyaluronic Acid หรือ Ceramide เพื่อรักษาความชุ่มชื้น
• ผิวแพ้ง่าย ใช้เจลหรือครีมล้างหน้าที่ไม่มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์

2.วิธีล้างหน้าให้ถูกต้องเพื่อผิวหน้าเนียนใส
• ใช้น้ำอุณหภูมิห้อง (ไม่ร้อนเกินไป)
• ถูโฟมหรือเจลล้างหน้าด้วยมือให้เกิดฟองก่อน
• ล้างหน้าโดยนวดเป็นวงกลมเบา ๆ ประมาณ 30-60 วินาที
• เน้นบริเวณที่มีการอุดตันง่าย เช่น หน้าผาก จมูก และคาง

ขั้นตอนที่ 4 ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดและซับให้แห้ง
การล้างหน้าให้สะอาดหมดจดช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนและป้องกันสิว

ทริคล้างทำความสะอาดให้หน้าเนียนใส
• ล้างด้วยน้ำสะอาดจนแน่ใจว่าไม่มีคราบสบู่หรือโฟมเหลืออยู่
• ใช้ผ้าขนหนูสะอาด ซับ หน้าเบา ๆ ห้ามถูแรง ๆ เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง

ขั้นตอนที่ 5 ใช้โทนเนอร์เพื่อปรับสมดุลผิว
ช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่อาจตกค้าง และปรับค่า pH ของผิวให้เหมาะสมก่อนทาสกินแคร์

ทริคทำความสะอาดให้หน้าเนียนใส
• เทโทนเนอร์ลงบนสำลีหรือใช้มือแตะเบา ๆ ให้ทั่วใบหน้า
• เลือกโทนเนอร์ให้เหมาะกับผิว เช่น
• ผิวมัน-ผิวเป็นสิว ใช้โทนเนอร์ที่มี Salicylic Acid หรือ Witch Hazel
• ผิวแห้ง-ผิวแพ้ง่าย ใช้โทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์และมีสารให้ความชุ่มชื้น

ขั้นตอนที่ 6 บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นหลังล้างหน้าเพื่อให้หน้าเนียนใส
• ทาเซรั่มบำรุงผิว เช่น วิตามิน C, ไฮยาลูรอนิคแอซิด, เรตินอล
• ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว
• ทาครีมกันแดดในตอนเช้า (หากเป็นเวลากลางวัน)

ขั้นตอนที่ 7 สครับผิวหรือมาส์กหน้าสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเพื่อให้หน้าเนียนใส
• สครับผลัดเซลล์ผิวให้หน้าเนียนใส เลือกสูตรที่อ่อนโยน (หลีกเลี่ยงเม็ดสครับหยาบ) แล้วนวดเบา ๆ บนผิว
• มาส์กหน้าเพื่อผิวหน้าเนียนใส เลือกมาส์กที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นหรือช่วยลดความมัน

วิธีดูแลให้หน้าเนียนใสด้วยการทามอยส์เจอร์ไรเซอร์
มอยส์เจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมและกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว ป้องกันการสูญเสียน้ำและเสริมเกราะป้องกันผิว หากผิวขาดความชุ่มชื้น อาจทำให้เกิดปัญหาผิวไม่เรียบเนียน แห้งเป็นขุย รูขุมขนกว้าง และริ้วรอยก่อนวัย การใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์อย่างถูกต้องจะช่วยให้ผิวหน้าเนียน กระจ่างใส และทำให้ผิวหน้าแข็งแรงขึ้น

เลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวเพื่อผิวหน้าเนียนกระจ่างใส
ไม่ใช่ว่าทุกมอยส์เจอร์ไรเซอร์จะเหมาะกับทุกคน การเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวเป็นสิ่งสำคัญมาก จะทำให้หน้าเนียนใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

• ผิวมัน (Oily Skin) ควรเลือกเนื้อเจลหรือโลชั่นที่ซึมซาบไวเพื่อให้หน้าเนียนกระจ่างใส ไม่อุดตันรูขุมขน เช่น ไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) และไนอะซินาไมด์ (Niacinamide)
• ผิวแห้ง (Dry Skin) ควรเลือกเนื้อครีมที่มีสารให้ความชุ่มชื้นสูงเพื่อให้หน้าเนียนกระจ่างใส เช่น เชียร์บัตเตอร์ (Shea Butter), เซราไมด์ (Ceramide), และกลีเซอรีน (Glycerin)
• ผิวผสม (Combination Skin) ควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์แบบบาลานซ์ ไม่มันหรือแห้งเกินไปเพื่อให้หน้าเนียนกระจ่างใส เช่น สูตรเจล-ครีม
• ผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin) เลือกสูตรที่ไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ และพาราเบนเพื่อให้หน้าเนียนกระจ่างใส ควรมีส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิว เช่น ว่านหางจระเข้ หรือเซราไมด์

ทริคทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ให้ซึมเข้าผิว เผยหน้าเนียนใส
1.วอร์มผลิตภัณฑ์ในมือ - ถูเบา ๆ บนฝ่ามือเพื่อช่วยให้เนื้อครีมซึมซาบได้ดีขึ้น
2.แต้ม 5 จุดบนใบหน้า - หน้าผาก, แก้ม 2 ข้าง, จมูก, และคาง
3.เกลี่ยและนวดเบา ๆ - ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเป็นวงกลมจากกลางใบหน้าออกด้านข้าง
4.ตบเบา ๆ - ใช้ฝ่ามือตบเบา ๆ เพื่อช่วยให้ผลิตภัณฑ์ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้นเผยหน้าเนียนกระจ่างใส
5.ห้ามถูแรง ๆ - การถูแรงอาจทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดริ้วรอย

ช่วงเวลาที่ควรทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ให้ซึมดีส่งให้ผิวหน้าเนียน
• ตอนเช้า หลังจากล้างหน้าและทาเซรั่ม ควรลงมอยส์เจอร์ไรเซอร์ก่อนครีมกันแดด
• ตอนกลางคืน หลังจากทำความสะอาดผิวและทาสกินแคร์ ควรลงมอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อช่วยฟื้นฟูผิวขณะนอนหลับ

มอยส์เจอร์ไรเซอร์ช่วยให้หน้าเนียนใสได้อย่างไร ?
• เติมความชุ่มชื้นและป้องกันผิวแห้ง - ผิวที่ขาดน้ำจะดูหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยได้ง่าย การให้ความชุ่มชื้นช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำและช่วยให้หน้าเนียนใส
• เสริมเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) - มอยส์เจอร์ไรเซอร์ช่วยป้องกันมลภาวะ ฝุ่น และสารระคายเคืองจากภายนอก
• ลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน - ผิวที่ขาดน้ำจะผลิตน้ำมันมากขึ้น การให้ความชุ่มชื้นช่วยลดความมันบนใบหน้าและลดโอกาสเกิดสิวส่งผลให้หน้าเนียนกระจ่างใส
• ช่วยให้เมคอัพติดทนขึ้น - ผิวที่มีความชุ่มชื้นเพียงพอจะช่วยให้เครื่องสำอางเกลี่ยง่ายขึ้น และติดทนตลอดวัน หน้าไม่หยาไม่เยิ้ม
• ลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย - ผิวที่มีความชุ่มชื้นจะดูเต่งตึงและลดโอกาสเกิดริ้วรอยหน้าเนียนใส

วิธีดูแลให้หน้าเนียนใสด้วยการใช้เรตินอล
เรตินอล (Retinol) เป็นหนึ่งในส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการช่วยให้หน้าเนียน กระจ่างใส และลดเลือนริ้วรอย แต่การใช้เรตินอลต้องมีความระมัดระวัง เนื่องจากอาจทำให้ผิวระคายเคืองหากใช้ไม่ถูกต้อง

เรตินอลคืออะไร และช่วยให้ผิวหน้าเนียนใสได้อย่างไร
เรตินอลเป็นอนุพันธ์ของวิตามิน A ที่มีคุณสมบัติช่วยให้หน้าเนียนดังนี้
• กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน ลดรอยดำ และรอยสิว
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอยและทำให้ผิวเต่งตึง
• ลดการอุดตันของรูขุมขน ป้องกันและลดการเกิดสิว
• ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดรอยดำและจุดด่างดำจากสิวหรือแดด

ข้อควรระวังการใช้เรตินอลเพื่อหน้าเนียนใส
เรตินอลมีฤทธิ์แรง หากใช้ผิดวิธีอาจทำให้ผิวแห้ง ลอก แดง หรือเกิดอาการระคายเคือง

ทริคใช้เรตินอลให้หน้าเนียนใสได้ผลและปลอดภัย
1.เริ่มต้นด้วยความเข้มข้นต่ำ
• ผู้เริ่มต้นควรใช้เรตินอลที่มีความเข้มข้น 0.1% - 0.3% ก่อน เพื่อให้ผิวปรับตัว
• หากผิวแข็งแรงขึ้นสามารถเพิ่มเป็น 0.5% หรือ 1% ได้ (แต่ไม่ควรเริ่มต้นด้วยความเข้มข้นสูง)

2.ใช้แค่ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ในช่วงแรก
• ควรใช้ วันเว้นวัน หรือ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
• เมื่อลดการระคายเคืองได้แล้ว ค่อยเพิ่มเป็น วันเว้นวัน หรือทุกคืน
• ห้ามใช้ทุกวันในช่วงแรก เพราะอาจทำให้ผิวลอกและระคายเคือง

3.ใช้เรตินอลช่วยหน้าเนียนใสในช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น
• เรตินอลทำให้ผิวไวต่อแสง ควรใช้เฉพาะก่อนนอน
• หลีกเลี่ยงการใช้ตอนกลางวัน เพราะรังสี UV จะทำให้เรตินอลเสื่อมประสิทธิภาพ

ห้ามใช้เรตินอลเพื่อหน้าเนียนใสร่วมกับสารบางชนิด
การใช้เรตินอลช่วยให้หน้าเนียนใสก็จริงแต่เพื่อป้องกันการระคายเคือง ห้ามใช้เรตินอลร่วมกับสารเหล่านี้ในคืนเดียวกัน

AHA/BHA (กรดผลัดเซลล์ผิว) เช่น Glycolic Acid, Salicylic Acid
• วิตามิน C ควรใช้ตอนเช้า และใช้เรตินอลตอนกลางคืน
• เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) อาจทำให้เรตินอลเสื่อมประสิทธิภาพ
• สบู่หรือโทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์สูง เพราะจะทำให้ผิวแห้งมากขึ้น

อาการข้างเคียงของเรตินอล และวิธีรับมือ
อาการที่อาจเกิดขึ้นในช่วงแรกของการใช้เรตินอลเพื่อหน้าเนียนใส
• ผิวลอกหรือแห้งเป็นขุย
• ผิวแดง หรือรู้สึกแสบ
• สิวเห่อขึ้น (Retinization) ในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก

วิธีลดอาการระคายเคืองจากเรตินอลเพื่อหน้าเนียนกระจ่างใส
• ใช้เรตินอลหลังจากทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ (เรียกว่า "Buffering")
• ลดปริมาณหรือความถี่การใช้ หากมีอาการระคายเคืองมาก
• หยุดใช้ชั่วคราวหากผิวลอกและแดงมาก แล้วค่อยกลับมาใช้ใหม่

ระยะเวลาที่เห็นผลของเรตินอล
• 2-4 สัปดาห์แรก อาจมีสิวขึ้นหรือผิวลอก (เป็นอาการปกติ)
• 4-8 สัปดาห์ ผิวเริ่มเรียบเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น
• 3-6 เดือน ริ้วรอยลดลง จุดด่างดำจางลง ผิวดูสุขภาพดีขึ้น

วิธีดูแลให้หน้าเนียนใสด้วยการทากันแดดให้ถึง
การใช้ ครีมกันแดด เป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่สุดในการดูแลผิว เพราะช่วยป้องกันริ้วรอยก่อนวัย ผิวหมองคล้ำ และจุดด่างดำ การใช้กันแดดอย่างถูกต้องสามารถทำให้ผิวหน้าเนียนใสและสุขภาพผิวดีขึ้นได้ในระยะยาว

ครีมกันแดดช่วยให้หน้าเนียนใสได้อย่างไร
แสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวเสียและหน้าไม่เรียบเนียน เนื่องจากมีรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งแบ่งเป็น
• รังสี UVA - ทำให้เกิดริ้วรอย จุดด่างดำ ผิวแก่ก่อนวัย
• รังสี UVB - ทำให้ผิวไหม้ เกิดรอยแดง และกระตุ้นให้เกิดมะเร็งผิวหนัง
• รังสี HEV (แสงสีฟ้า) - มาจากหน้าจอมือถือและคอมพิวเตอร์ ทำให้ผิวหมองคล้ำ

การใช้กันแดดถึงจะช่วยกันรังสี UV และส่งผลให้หน้าเนียนกระจ่างใสขึ้น
• ลดโอกาสเกิดฝ้า กระ และรอยดำจากแสงแดด
• ป้องกันการทำลายคอลลาเจน ช่วยให้ผิวหน้าเนียนและเต่งตึง
• ลดโอกาสเกิดสิวและรอยสิวจากแสงแดดที่กระตุ้นการอักเสบของผิว
• ป้องกันการเกิดรูขุมขนกว้างที่เกิดจากการทำลายของแสงแดด

ควรใช้ครีมกันแดดเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอในการกัน UV และช่วยให้หน้าเนียน
เพื่อให้กันแดดมีประสิทธิภาพ ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม
• ใบหน้า ใช้ปริมาณ 2 ข้อนิ้ว (หรือประมาณ ½ ช้อนชา)
• ลำคอ ใช้อีก 1 ข้อนิ้ว
• ตัว ใช้ประมาณ 1 ออนซ์ (ขนาดแก้วช็อต) สำหรับทั่วร่างกาย

วิธีทากันแดดให้หน้าเนียนมีประสิทธิภาพสูงสุด
1.ทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 15-30 นาที เพื่อให้กันแดดซึมเข้าผิว กัน UV และช่วยให้หน้าเนียน กระจ่างใสขึ้น
2.แต้มกันแดด 5 จุด (หน้าผาก, จมูก, แก้ม 2 ข้าง, คาง) แล้วเกลี่ยให้ทั่ว
3.ใช้ปริมาณที่เพียงพอ (2 ข้อนิ้ว) ไม่ทาบางเกินไป เพราะอาจป้องกันแดดได้ไม่เต็มที่
4.อย่าลืมลำคอ ใบหู และกรอบหน้า เพราะบริเวณเหล่านี้โดนแดดและมักถูกมองข้าม
5.เลือกกันแดดที่มีค่า SPF และ PA สูง
• SPF 30-50 เหมาะสำหรับใช้ทุกวัน
• SPF 50+ เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง
• PA+++ หรือ PA++++ ป้องกันรังสี UVA ได้ดี

ต้องเติมกันแดดระหว่างวันหรือไม่
ต้องเติมกันแดดทุก 2-3 ชั่วโมง เพราะเหงื่อ น้ำมัน และสิ่งแวดล้อมทำให้กันแดดเสื่อมประสิทธิภาพ

วิธีเติมกันแดดระหว่างวัน
• ถ้าไม่แต่งหน้า ทากันแดดซ้ำเหมือนรอบแรก
• ถ้าแต่งหน้า
- ใช้กันแดดแบบสเปรย์ หรือกันแดดแบบแป้งฝุ่นกดซับ
- ใช้ฟองน้ำแตะกันแดดเบา ๆ บนผิว (อย่าถูแรง)

ถ้าอยู่กลางแดดนาน เช่น ไปทะเล ควรเติมกันแดดบ่อยขึ้น (ทุก 1-2 ชั่วโมง) เพื่อเผยผิวหน้าเนียนกระจ่างใส

เลือกครีมกันแดดแบบไหนเพื่อให้หน้าเนียนใส
กันแดดเพื่อหน้าหน้าเนียนใสแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก

1.Physical Sunscreen (Mineral Sunscreen)
• สะท้อนรังสี UV ออกจากผิว
• อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
• เหมาะกับ ผิวแพ้ง่าย
• มีส่วนผสมหลักคือ Zinc Oxide และ Titanium Dioxide

2.Chemical Sunscreen
• ดูดซับรังสี UV และเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน
• เกลี่ยง่าย ไม่มีคราบขาว
• เหมาะกับคนที่ ต้องการกันแดดติดทนนาน
• มีส่วนผสมเช่น Avobenzone, Octinoxate, Oxybenzone

วิธีดูแลให้หน้าเนียนใสด้วยการฉีดกระตุ้นคอลลาเจน
หากต้องการให้ผิวหน้าเนียน กระชับ และดูอ่อนเยาว์ การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนและยาวนานกว่าการใช้สกินแคร์ โดยเฉพาะการฉีด Radiesse (เรเดียส) และ Sculptra (สครัปต้า) ซึ่งเป็นสองตัวที่ได้รับความนิยมในวงการเสริมความงามช่วยให้หน้าเนียนใสทันใจ

Radiesse (เรเดียส) คืออะไร ทำไมช่วยให้หน้าเนียนใส
Radiesse เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน ที่มีส่วนประกอบหลักคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งช่วยให้ผิวแน่นขึ้น และช่วยเติมเต็มร่องลึกได้ดีส่งผลให้หน้าเนียนกระชับ

คุณสมบัติของ Radiesse ที่ช่วยให้หน้าเนียนใส
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวหน้าเนียนและกระชับ
• ช่วยลดริ้วรอยหน้าเนียนใส และเติมเต็มผิวที่หย่อนคล้อย
• อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน ก่อนจะสลายไปเอง
• เห็นผลลัพธ์หน้าเนียนทันทีหลังฉีด และค่อย ๆ ดีขึ้นใน 1-3 เดือน

Sculptra (สครัปต้า) คืออะไร ทำไมช่วยให้หน้าเนียนใส
Sculptra เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยใช้ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งช่วยให้ผิวฟื้นฟูและดูอิ่มน้ำหน้าเนียนในระยะยาว

คุณสมบัติของ Sculptra ที่ช่วยให้หน้าเนียนใส
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้หน้าเนียนใส ผลลัพธ์ยาวนาน 2-3 ปี
• ช่วยให้ผิวฟู หน้าเนียนกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ฟิลเลอร์แบบเติมเต็มทันที
• เหมาะกับคนที่ต้องการให้ผิวแข็งแรงอยากหน้าเนียน และลดริ้วรอยแบบยั่งยืน

วิธีดูแลให้หน้าเนียนใสด้วยการฉีดฟื้นฟูให้ผิวฉ่ำน้ำ
หากต้องการผิวหน้าเนียนใส ดูชุ่มชื้นอิ่มน้ำ และฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ให้ผิว หนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการทำให้หน้าเนียนแบบเร่งด่วน คือการใช้เทคนิคการฉีดฟื้นฟูผิว ได้แก่ Skinvive และ Rejuran ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้านความงามที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นและซ่อมแซมผิวจากภายในช่วยให้หน้าเนียนกระจ่างใส

Skinvive เทคโนโลยีเติมน้ำให้ผิวจากภายในช่วยให้หน้าเนียนกระจ่างใส
Skinvive by Juvéderm เป็นหนึ่งในเทคนิคการฉีดฟื้นฟูผิวที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ โดยเป็น Hyaluronic Acid (HA) Skin Booster ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและหน้าเนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติ

จุดเด่นของ Skinvive ในการช่วยให้หน้าเนียนกระจ่างใส
• ให้ความชุ่มชื้น - เติมน้ำให้ผิวจากภายใน ลดความแห้งกร้าน และช่วยให้ผิวอิ่มน้ำดูเงาใส
• ช่วยให้ผิวหน้าเนียน - ลดความหยาบกร้านของพื้นผิว ทำให้หน้าแลดูเนียนละเอียด
• อยู่ได้นานถึง 6 เดือน - ผลลัพธ์ หน้าเนียนกระจ่างใสติดทนกว่าการใช้สกินแคร์บำรุงผิวทั่วไป
• ช่วยให้ผิวดู Glow & Radiant - ทำให้ผิวดูสุขภาพดี อิ่มฟู ฉ่ำโกลว์แบบไม่มันเยิ้ม

Rejuran ฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวอย่างล้ำลึกช่วยให้หน้าเนียนใส
Rejuran Healer เป็นนวัตกรรมที่ใช้ Polynucleotide (PN) ซึ่งเป็นสารสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอนที่มีคุณสมบัติช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และลดการอักเสบของผิว

จุดเด่นของ Rejuran ในการช่วยให้หน้าเนียนกระจ่างใส
• ฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย - ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นจากภายในช่วยให้หน้าเนียน
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนสร้างหน้าเนียนใส - ทำให้ผิวแน่น กระชับ และดูอ่อนเยาว์
• ลดเลือนริ้วรอยและรอยแผลเป็น - เหมาะสำหรับผู้ที่มีรอยสิวหรือริ้วรอยเล็กๆ
• ช่วยลดการอักเสบของผิว - เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่ายหรือผิวบางจากการทำเลเซอร์

วิธีดูแลให้หน้าเนียนใสด้วยโปรแกรมรักษาสิว
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องต่อสู้กับปัญหาสิวเรื้อรัง หมดหวังหน้าเนียนใสและต้องการวิธีรักษาที่เห็นผลจริง Aviclear เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ได้รับการรับรองจาก FDA (U.S.Food and Drug Administration) ว่าสามารถช่วยลดสิวได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพึ่งยา หรือการทายารักษาสิวที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง

Aviclear คืออะไร ทำไมช่วยให้หน้าเนียนใส
Aviclear เป็น เลเซอร์รักษาสิวแบบใหม่ ที่ใช้พลังงานแสงเลเซอร์ความยาวคลื่น 1726 nm ซึ่งถูกออกแบบมาให้สามารถเข้าไปลดการทำงานของต่อมไขมันได้โดยตรง โดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง พอสิวหายก็จะเผยผิวหน้าเนียนใส

หลักการทำงานของ Aviclear ในการรักษาสิวเพื่อหน้าเนียนใส
• ควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน (Sebaceous Gland) - ลดการผลิตน้ำมันส่วนเกินซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว
• ลดการอุดตันของรูขุมขน - ช่วยให้ผิวหายจากสิวอักเสบและสิวอุดตัน
• ลดการเกิดสิวใหม่ - ป้องกันไม่ให้สิวกลับมาเป็นซ้ำ โดยช่วยปรับสมดุลความมันของผิว
• ปลอดภัย ไม่ต้องใช้ยา - ไม่มีผลข้างเคียงเหมือนยารักษาสิว เช่น ผิวแห้ง ตับอักเสบ หรือฮอร์โมนแปรปรวน

ผลลัพธ์หลังทำเพื่อหน้าเนียนใส
• สิวลดลงอย่างเห็นได้ชัดหลังการทำ 1-2 ครั้ง
• ความมันบนใบหน้าลดลง ผิวดูแมตต์ขึ้นแต่ไม่แห้งกร้าน
• สิวเกิดใหม่น้อยลง และรอยแดงจากสิวจางลง หน้าเนียนใสขึ้น

วิธีดูแลให้หน้าเนียนใสด้วยการกำจัดขน
ขนบนใบหน้า อาจทำให้ผิวดูหมองคล้ำ ไม่เรียบเนียน และทำให้เครื่องสำอางเกาะผิวได้ไม่ดี การกำจัดขนอย่างถูกต้องสามารถช่วยให้ผิวหน้าเนียนใสขึ้นได้ แต่การกำจัดขนที่ผิดวิธีอาจทำให้เกิดปัญหาผิว เช่น สิวอักเสบ รูขุมขนอุดตัน หรือขนคุด ทำให้หน้าไม่เนียนได้

การกำจัดขนช่วยให้หน้าเนียนใสขึ้นอย่างไร
• ทำให้ผิวหน้าเนียนขึ้น - การกำจัดขนช่วยลดความขรุขระของผิว ทำให้ใบหน้าดูเรียบและสม่ำเสมอ
• ทำให้เครื่องสำอางติดทนขึ้น - ขนบนใบหน้าอาจทำให้รองพื้นไม่เรียบเนียน การกำจัดขนช่วยให้เมคอัพเกลี่ยง่ายขึ้น แต่งหน้าเนียนขึ้น
• ลดการอุดตันของรูขุมขน - ขนเส้นเล็ก ๆ อาจดักจับสิ่งสกปรกและน้ำมัน การกำจัดขนช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรกช่วยให้หน้าเนียนใส
• ช่วยให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น - เมื่อไม่มีขนเป็นอุปสรรค เซรั่มและมอยส์เจอร์ไรเซอร์สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ลึกขึ้น

ห้ามโกนขนหน้าด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้สิวขึ้น
การโกนขนหน้า (Shaving) ด้วยมีดโกนเป็นวิธีที่ไม่แนะนำ
• ทำให้เกิด ขนคุดและสิวอุดตัน
• การใช้มีดโกนอาจ ทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้เกิดรอยแดงและการระคายเคือง
• หากใบมีดโกนไม่สะอาด อาจทำให้ ติดเชื้อแบคทีเรียและเกิดสิวอักเสบ

วิธีการกำจัดขนหน้าที่ปลอดภัยและช่วยให้ผิวหน้าเนียนใส
การกำจัดขนด้วยเลเซอร์ (Laser Hair Removal)
• ช่วยลดขนถาวร ทำให้ผิวหน้าเนียนเรียบในระยะยาว
• ลดโอกาสเกิดขนคุดและการระคายเคืองเพื่อเผยผิวหน้าเนียนกระจ่างใส

ทริคกำจัดขนเพื่อให้หน้าเนียนใส
• ควรทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์
• หลังทำเลเซอร์ ควร หลีกเลี่ยงแดด และใช้ ครีมกันแดด SPF 50+

“ รมย์รวินท์คลินิก เป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในการกำจัดขน มั่นใจขนไม่เป็นตอ ไม่เจ็บ เพราะทำด้วย specialist ที่ใครที่เข้าใช้บริการต่างประทับใจและพร้อมบอกต่อ ”

ใครสนใจกำจัดขนหน้าเพื่อเผยผิวหน้าเนียนใส สามารถสอบถามและนัดปรึกษาได้เลย

วิธีแต่งหน้าให้หน้าเนียนใสแบบพี่สาวเกาหลี
1.เตรียมผิวหน้าเนียนกระจ่างใสก่อนแต่งหน้า (Skincare is Key)
บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น
• ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ให้ผิวอิ่มน้ำและช่วยให้รองพื้นติดทนนาน
• เลือกสูตรที่เหมาะกับสภาพผิว เช่น ไฮยาลูรอนิคแอซิด หรือเซราไมด์ สำหรับผิวแห้ง

ทาครีมกันแดดก่อนแต่งหน้า
เลือก ครีมกันแดดเนื้อบางเบา (SPF 50 PA++++) เพื่อปกป้องผิวและไม่ทำให้เมคอัพเป็นคราบ

ใช้ไพรเมอร์ช่วยเบลอรูขุมขน
• ถ้าผิวมัน ใช้ไพรเมอร์ที่ช่วยคุมมันและเบลอรูขุมขน
• ถ้าผิวแห้ง ใช้ไพรเมอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นและช่วยให้เมคอัพติดทน

2.ลงรองพื้นให้ดูหน้าเนียนใส ไม่หนา ไม่โป๊ะ
เลือกสูตรรองพื้นที่เหมาะกับผิว
• ผิวแห้ง ใช้รองพื้นแบบ Dewy หรือ Hydrating Foundation ให้ผิวดูฉ่ำ
• ผิวมัน ใช้รองพื้น Semi-Matte หรือ Velvet Matte ให้ผิวเนียนแต่ไม่แห้งเกินไป

วิธีการลงรองพื้นให้หน้าเนียนใส
1.แต้มรองพื้น 5 จุด (หน้าผาก, จมูก, แก้ม 2 ข้าง, คาง)
2.ใช้ฟองน้ำชุบน้ำหมาด ๆ กดเบา ๆ ทั่วใบหน้า เพื่อให้รองพื้นกลืนกับผิว
3.ลงบาง ๆ แล้วค่อยเพิ่มเลเยอร์ บริเวณที่ต้องการการปกปิด

3.ปกปิดเฉพาะจุดด้วยคอนซีลเลอร์
• ใช้ คอนซีลเลอร์สีพอดีกับผิว ปกปิดรอยสิวและรอยดำ
• อย่าใช้หนาเกินไป แต้มทีละน้อยแล้วค่อย ๆ เกลี่ย
• ใช้ คอนซีลเลอร์สว่างกว่าสีผิว 1 เฉด เพื่อไฮไลต์ใต้ตาให้ดูสดใส

4.เซ็ตเมคอัพให้ติดทนด้วยแป้งแบบบางเบา
เลือกแป้งที่ไม่ทำให้หน้าดูแห้งหรือหนาเกินไป
• ผิวมัน ใช้ แป้งฝุ่นโปร่งแสง (Translucent Powder) เน้นลงบริเวณทีโซน
• ผิวแห้ง ใช้ แป้งอัดแข็งแบบไม่ผสมรองพื้น เพื่อคงความฉ่ำของผิว

วิธีลงแป้งให้ไม่หนา ไม่โป๊ะ
• ใช้ แปรงขนนุ่ม ๆ ปัดแป้งเบา ๆ เพื่อไม่ให้ดูหนัก
• ใช้ พัฟกดแป้งเบา ๆ เฉพาะบริเวณที่หน้ามันง่าย

สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับทริคหน้าเนียนใส
เราสามารถมีผิวหน้าเนียนใส ไร้สิวได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายเพียงแค่เริ่มจากการรู้จักผิวของตัวเองว่าขาดอะไร ต้องแก้ปัญหาผิวหน้าแบบไหน เพื่อให้หน้าเนียนใสเป๊ะ แต่งหน้าแล้วเมคอัพซึมเข้าผิวไม่มันเยิ้ม ดดยเริ่มจากการดูแลผิวหน้าด้วยตัวเองและเข้าคลินิกทำหัตถการกน้าเนียนใสควบคู่

ใครอยากรู้ว่าผิวหน้าตัวเองเหมาะกับการทำหัตถการอะไร และต้องดูแลผิวแบบไหนสามารถทักมาปรึกษาคุณหมอผิวหนังที่รมย์รวินท์คลินิกได้เลย เพราะเรามีเทคโนโลยีดูแลผิวหน้าที่ล้ำสมัย และ Specialist ในการดูแล วิเคราะห์ปัญหาผิวหน้าได้อย่างตรงจุด เราสามารถเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิมได้เสมอแค่เริ่มหันมาใส่ใจตัวเอง เริ่มไปด้วยกันนะ

* ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
เรื่อง โปรแกรมดูแลผิวหน้า ที่คุณอาจสนใจ