6 วิธีบอกลาสิวเสี้ยน รูขุมขนกระชับ หน้าเกลี้ยงผิวเนียนใสได้จริง

6 วิธีบอกลาสิวเสี้ยน รูขุมขนกระชับ หน้าเกลี้ยงผิวเนียนใส
สิวเสี้ยนปัญหาผิวที่รักษาผิดนอกจากจะไม่ทำให้หายแล้ว จะยิ่งทำให้สิวเสี้ยนขึ้นหนักกว่าเดิม แต่ถ้าสิวเสี้ยนได้รับการรักษาที่ถูกต้อง สิวเสี้ยนจะหายไปเผยผิวหน้าแบบเรียบเนียนใส

รวมทุกหัวข้อเกี่ยวกับสิวเสี้ยน
• สิวเสี้ยนคืออะไร
• สิวเสี้ยนขึ้นบริเวณไหนบ่อยสุด แต่ละตำแหน่งบอกปัญหาอะไร
• สิวเสี้ยนกับรูขุมขนอุดตันต่างกันอย่างไร
• ทำไมสิวเสี้ยนถึงเกิดขึ้นซ้ำ ๆ
• กำจัดสิวเสี้ยนแบบผิด ๆ ไม่ควรทำตาม
• 6 วิธีบอกลาสิวเสี้ยนเผยผิวหน้าใส
• รูขุมขนกว้างหลังรักษาสิวเสี้ยน แก้ยังไงดี
• รวมผลิตภัณฑ์รักษาสิวเสี้ยนให้หายขาด
• สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับสิวเสี้ยน
• คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเรื่องสิวเสี้ยน

สิวเสี้ยนคืออะไร
สิวเสี้ยน (Trichostasis Spinulosa) เป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะบริเวณ จมูก คาง หน้าผาก และแก้ม ซึ่งเป็นจุดที่มีรูขุมขนกว้างและต่อมไขมันทำงานมากกว่าบริเวณอื่นๆ สิวเสี้ยนดูคล้ายจุดเล็กๆ สีขาวหรือดำที่ฝังอยู่ในรูขุมขน ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน แม้ว่าจะล้างหน้าอย่างดีแล้วแต่ก็ยังมีโอกาสให้เราเกิดสิวเสี้ยนได้

แม้ชื่อจะมีคำว่า “สิว” แต่ สิวเสี้ยนไม่ใช่สิวอักเสบ ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย หรือมีหนองเหมือนสิวอุดตันทั่วไป สิวเสี้ยนเป็นเพียงการอุดตันของ ไขมัน (Sebum) เคราติน (Keratin) และขนอ่อน (Vellus Hair) ที่สะสมอยู่ในรูขุมขน

ส่วนประกอบของการเกิดสิวเสี้ยน
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ลองนึกถึงรูขุมขนเป็น "ปล่องไฟ" และสิ่งที่อุดตันข้างในคือ ควันและเขม่าที่สะสมอยู่ในปล่อง สิวเสี้ยนก็มีลักษณะที่คล้ายกัน ซึ่งสิวเสี้ยนเกิดจากองค์ประกอบหลัก 3 อย่าง ได้แก่

1.ไขมัน (Sebum) ที่ต่อมไขมันผลิตออกมา
ผิวของเราจะผลิตน้ำมันตามธรรมชาติเพื่อคงความชุ่มชื้น แต่บางครั้ง ไขมันถูกผลิตออกมามากเกินไป และไม่สามารถระบายออกได้ทัน ทำให้สะสมอยู่ในรูขุมขนของเรา

2.เซลล์ผิวที่ตายแล้ว (Keratin) และสิ่งสกปรก
ผิวของเราผลัดเซลล์ตลอดเวลา แต่ถ้าการผลัดเซลล์ผิวไม่สมดุล หรือมีสิ่งสกปรกตกค้าง เช่น ฝุ่น ควัน มลภาวะ เซลล์ผิวที่ตายแล้วจะก่อตัวเป็นก้อนแข็งอุดตันในรูขุมขน

3.ขนอ่อน (Vellus Hair) ในรูขุมขน
บางคนอาจเคยสังเกตเห็นว่าหลังจากลอกสิวเสี้ยน จะมีเส้นขนเล็กๆ ติดออกมาด้วย ขนอ่อนเหล่านี้สามารถพันกันกับไขมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้เกิดการอุดตันที่แน่นขึ้น

เมื่อ 3 สิ่งนี้มารวมกันในรูขุมขน ผิวจะดูเหมือนมีจุดเล็กๆ และหากสัมผัสจะรู้สึกไม่เรียบเนียนนั่นคือสิ่งที่เราเรียกกันว่า สิวเสี้ยน

สิวเสี้ยนกับสิวอุดตันต่างกันอย่างไร
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า สิวเสี้ยนคือสิวอุดตัน แต่จริงๆ แล้วสิวเสี้ยนไม่ได้เป็นสิวที่มีการอักเสบเหมือนสิวทั่วไป แต่เกิดจาก การสะสมของไขมัน, เคราติน (เซลล์ผิวที่ตายแล้ว) และขนอ่อนในรูขุมขน เมื่อน้ำมันและเซลล์ผิวเก่าผสมกันในรูขุมขน จึงทำให้เกิดลักษณะคล้าย "สิว" แต่มีเส้นขนอ่อนๆ ฝังอยู่ภายใน

ตารางเปรียบเทียบระหว่างสิวเสี้ยน VS สิวอุดตัน

คุณสมบัติ	สิวเสี้ยน	สิวอุดตัน
ลักษณะ	จุดดำหรือขาวที่มีขนอ่อนอยู่ข้างใน	ตุ่มเล็กใต้ผิวหนัง อาจมีหัวขาวหรือหัวดำ
การอักเสบ	ไม่มีการอักเสบ	อาจอักเสบและกลายเป็นสิวหัวหนอง
สาเหตุหลัก	ไขมัน, เซลล์ผิวตาย, ขนอ่อนในรูขุมขน	การอุดตันของไขมันและเซลล์ผิว
การรักษา	ลอกออก, ขัดผิว, ดูแลความสะอาด	ใช้ยาแต้มสิว, กดสิว, ทายาละลายสิวอุดตัน

สาเหตุของการเกิดสิวเสี้ยน
• การผลิตน้ำมันส่วนเกิน (Sebum Overproduction) ต่อมไขมันทำงานมากเกินไป โดยเฉพาะในคนที่มีผิวมัน
• การอุดตันของรูขุมขน (Clogged Pores) เกิดจากเซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสมโดยไม่มีการผลัดออก
• พันธุกรรมและฮอร์โมน (Genetics & Hormones) บางคนมีแนวโน้มเป็นสิวเสี้ยนมากกว่าคนอื่น
• การใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน (Comedogenic Products) เช่น เครื่องสำอางหรือสกินแคร์ที่มีน้ำมันมากเกินไป
• พฤติกรรมการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม ล้างหน้าไม่สะอาด ขัดผิวแรงเกินไป หรือบีบสิวเสี้ยนผิดวิธี

ประเภทของสิวเสี้ยน
สิวเสี้ยนมี 2 ประเภทหลักที่เราพบได้บ่อย ได้แก่

สิวเสี้ยนหัวขาว (Whiteheads - Non-Inflamed Comedones)
• มีลักษณะเป็นจุดขาวเล็กๆ บนผิว
• เกิดจากการอุดตันของไขมันและเซลล์ผิวที่สะสมอยู่ในรูขุมขน
• มักมองเห็นได้ชัดเมื่ออยู่ในแสงไฟ หรือสัมผัสแล้วรู้สึกผิวไม่เรียบ

สิวเสี้ยนหัวดำ (Blackheads - Open Comedones)
• มีลักษณะเป็นจุดดำหรือสีน้ำตาลเล็กๆ บนผิว
• เกิดจากไขมันและเซลล์ผิวที่อุดตันอยู่ในรูขุมขน แต่สัมผัสอากาศจนเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ทำให้หัวสิวเปลี่ยนเป็นสีดำ
• บางครั้งอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสิวอุดตัน แต่จริงๆ แล้วมีองค์ประกอบที่แตกต่างกัน

สิวเสี้ยนขึ้นบริเวณไหนบ่อยสุด แต่ละตำแหน่งบอกปัญหาอะไร
บางครั้ง การเกิดสิวเสี้ยนในตำแหน่งต่างๆ อาจเกี่ยวข้องกับฮอร์โมน, พฤติกรรมการดูแลผิว, หรือแม้แต่สุขภาพภายในร่างกายด้วย ดังนั้น การทำความเข้าใจว่าทำไมสิวเสี้ยนถึงขึ้นในแต่ละตำแหน่งที่แตกต่างกัน สามารถช่วยให้เราหาวิธีแก้ไข รักษาปัญหาสิวเสี้ยนได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

1.สิวเสี้ยนที่จมูก บ่งบอกถึงความมันส่วนเกิน และการทำความสะอาดไม่เพียงพอ
• สิวเสี้ยนที่จมูกเกิดขึ้นบ่อยที่สุด เพราะจมูกเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันขนาดใหญ่
• ความมันส่วนเกินและเซลล์ผิวที่ตายแล้วอุดตันง่าย
• การใช้เครื่องสำอางหรือครีมกันแดดที่อุดตันรูขุมขน อาจทำให้สิวเสี้ยนขึ้นมากขึ้น
• การล้างหน้าไม่สะอาดหรือขัดผิวแรงเกินไป อาจกระตุ้นให้รูขุมขนผลิตน้ำมันมากขึ้น

2.สิวเสี้ยนที่คาง อาจเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนและพฤติกรรมการสัมผัสใบหน้า
• สิวเสี้ยนที่คางมักเกิดขึ้นในช่วงที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง เช่น ก่อนมีประจำเดือน
• อาจเกิดจากการสัมผัสคางบ่อยๆ เช่น การเท้าคาง ซึ่งทำให้สิ่งสกปรกสะสม
• การใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีน้ำมันมากเกินไป

3.สิวเสี้ยนที่หน้าผาก อาจเกิดจากเหงื่อ การใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผม และความเครียด
• หน้าผากเป็นจุดที่มีต่อมไขมันอยู่มาก ทำให้เกิดการอุดตันง่ายเลยทำให้เกิดสิวเสี้ยนที่หน้าผากได้ง่าย
• เหงื่อและสิ่งสกปรกจากเส้นผม อาจทำให้สิวเสี้ยนเกิดขึ้น โดยเฉพาะในคนที่ไว้ผมหน้าม้า
• การใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผม เช่น แว็กซ์ หรือสเปรย์ฉีดผม อาจทำให้รูขุมขนอุดตัน
• ความเครียดและการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ อาจกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น ส่งผลให้เกิดสิวเสี้ยนที่หน้าผาก

สิวเสี้ยนกับรูขุมขนอุดตันต่างกันอย่างไร
หลายคนมักสับสนระหว่าง "สิวเสี้ยน" และ "รูขุมขนอุดตัน" เพราะทั้งสองมีลักษณะคล้ายกัน คือ เป็นจุดเล็กๆ ในรูขุมขน ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน ซึ่งทั้งสองปัญหาผิวไม่ว่าจะเป็นสิวเสี้ยน หรือรูขุมขนอุดตัน มีสาเหตุและโครงสร้างที่แตกต่างกัน จึงต้องใช้วิธีดูแลที่แตกต่างกันด้วย

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างของสิวเสี้ยนกับรูขุมขนอุดตัน

คุณสมบัติ	สิวเสี้ยน	รูขุมขนอุดตัน
ลักษณะ	จุดดำหรือขาวที่มีขนอ่อนอยู่ข้างใน	ตุ่มเล็กใต้ผิวหนัง อาจมีหัวขาวหรือดำ
สาเหตุ	ไขมัน + ขนอ่อน + เคราตินอุดตันในรูขุมขน	ไขมันและเซลล์ผิวตายสะสมในรูขุมขน
ตำแหน่งที่พบบ่อย	จมูก คาง หน้าผาก แก้ม	ทั่วใบหน้า โดยเฉพาะหน้าผาก คาง และแก้ม
การอักเสบ	ไม่มีการอักเสบ ไม่เป็นหนอง	อาจพัฒนาเป็นสิวอักเสบหรือสิวหัวหนอง

ไม่ว่าจะเป็นสิวเสี้ยนหรือรูขุมขนอุดตัน ก็ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาทั้งสองอย่างนี้แย่งพื้นที่นหน้าใส ๆ ของเราไป ควรใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่อ่อนโยน และไม่จับหน้า บ่อยๆ

ทำไมสิวเสี้ยนถึงเกิดขึ้นซ้ำ ๆ
หลายคนเคยมีประสบการณ์ลอกสิวเสี้ยนออกแล้วพบว่า "ไม่กี่วันก็กลับมาเป็นสิวเสี้ยนอีก" หรือบางครั้งใช้สกินแคร์ดูแลแล้ว แต่สิวเสี้ยนก็ยังไม่หายไปสักที

สิวเสี้ยนไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว แต่มันเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในรูขุมขน วันนี้เราจะมาไขปริศนากันว่า ทำไมสิวเสี้ยนถึงกลับมาเกิดซ้ำ ๆ ที่เดิมตลอด

วงจรการเกิดสิวเสี้ยน
สิวเสี้ยนไม่ได้เกิดขึ้นทันทีในวันเดียว แต่มันเป็น กระบวนการสะสม ของสิ่งต่างๆ ในรูขุมขน ซึ่งสามารถอธิบายได้เป็น 4 ขั้นตอนของงการเกิดสิวเสี้ยนดังนี้

1.ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมา (Sebum Overproduction)
• ต่อมไขมันใต้ผิวทำหน้าที่ผลิต น้ำมัน (Sebum) เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
• แต่ในบางคน ร่างกายผลิตน้ำมันมากเกินไป โดยเฉพาะในบริเวณที่มีรูขุมขนกว้าง เช่น จมูก คาง หน้าผาก

2.ไขมัน + เซลล์ผิวที่ตายแล้ว สะสมในรูขุมขน (Clogging Process)
• ปกติแล้วผิวของเราจะผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ
• แต่หาก มีเซลล์ผิวตายสะสมมากกว่าการผลัดออก มันจะรวมตัวกับน้ำมัน กลายเป็นก้อนอุดตันรูขุมขน
• บางครั้ง ขนอ่อนในรูขุมขน ก็อาจติดอยู่กับไขมัน ทำให้เกิด "สิวเสี้ยน"

3.สัมผัสอากาศ เกิดออกซิเดชัน (Oxidation = จุดดำ)
• หากสิ่งอุดตันในรูขุมขนเปิดออกและสัมผัสอากาศ ไขมันจะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน
• ทำให้จุดอุดตันเปลี่ยนเป็น สีดำ กลายเป็น สิวเสี้ยนหัวดำ (Blackheads)
• ถ้าสิวยังอยู่ใต้ผิวและไม่ได้สัมผัสอากาศ จะเป็น สิวเสี้ยนหัวขาว (Whiteheads)

4.ลอกออกได้ แต่รูขุมขนยังขยาย วงจรเกิดใหม่เร็วขึ้น
• แม้ว่าการลอกสิวเสี้ยนหรือกดออกจะช่วยกำจัดสิ่งอุดตัน แต่รูขุมขนไม่ได้หดตัวทันที
• ถ้าผิวไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม รูขุมขนกว้างขึ้น และพร้อมสะสมไขมันใหม่อีกครั้ง

ปัจจัยที่ทำให้สิวเสี้ยนเกิดซ้ำ ๆ
นอกจากกระบวนการตามธรรมชาติของผิว ยังมีปัจจัยอื่นที่เร่งให้สิวเสี้ยนกลับมาเร็วขึ้น

1.ผิวผลิตน้ำมันมากเกินไป (Oily Skin & Overactive Sebum)
• พันธุกรรม บางคนมีต่อมไขมันทำงานหนักโดยธรรมชาติ
• ฮอร์โมน ฮอร์โมนเพศชาย (Androgen) มีผลต่อการผลิตน้ำมัน ถ้าไม่สมดุล อาจทำให้หน้ามันมากขึ้น
• อาหารไขมันสูงและน้ำตาลสูง ทำให้ร่างกายผลิตน้ำมันมากขึ้น

2.การทำความสะอาดผิวไม่เพียงพอ หรือมากเกินไป
• ล้างหน้าไม่สะอาด ทำให้ไขมันและสิ่งสกปรกตกค้าง
• ล้างหน้าบ่อยเกินไป ทำให้ผิวแห้ง และกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้น

3.การลอกสิวเสี้ยนบ่อยเกินไป
• การใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนบ่อยๆ ทำให้รูขุมขนกว้างขึ้น
• ยิ่งลอก รูขุมขนยิ่งเปิด และไขมันใหม่จะสะสมเร็วขึ้น

4.การใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน
• เครื่องสำอางที่มี ซิลิโคน น้ำมัน หรือแว็กซ์ มากเกินไป
• ครีมกันแดดหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว

5.รูขุมขนขยายจากอายุที่เพิ่มขึ้น
• เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนลดลง ทำให้รูขุมขนขยายขึ้น
• ผิวไม่สามารถยืดหยุ่นและกระชับเหมือนเดิม

อาหารที่อาจกระตุ้นสิวเสี้ยน
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงดูแลผิวดีมาก ใช้สกินแคร์ครบทุกขั้นตอน แต่สิวเสี้ยนก็ยังขึ้นซ้ำๆ หนึ่งในปัจจัยที่ถูกมองข้ามบ่อยที่สุดก็คือ "อาหารที่เรากิน" เข้าไปในแต่ละวัน

แม้ว่า สิวเสี้ยนเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนจากไขมัน ขนอ่อน และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว แต่ อาหารบางชนิดสามารถกระตุ้นการผลิตน้ำมันในรูขุมขน หรือทำให้การผลัดเซลล์ผิวผิดปกติ ส่งผลให้สิวเสี้ยนเกิดง่ายขึ้น วันนี้เราจะมาเจาะลึกว่า อาหารประเภทไหนที่กระตุ้นสิวเสี้ยน และควรปรับการกินอย่างไรให้ช่วยลดสิวเสี้ยนได้

1.อาหารที่มีน้ำตาลสูง (High Glycemic Index Foods)
ทำไมอาหารหวานถึงทำให้สิวเสี้ยนเพิ่มขึ้น ?
• อาหารที่มี ค่า Glycemic Index (GI) สูง เช่น ขนมปังขาว ข้าวขัดสี น้ำตาล น้ำอัดลม เค้ก และขนมหวาน จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงเร็ว
• เมื่อระดับน้ำตาลสูงขึ้น ร่างกายจะ กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน (Insulin Spike) ซึ่งส่งผลให้ ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น
• น้ำมันที่เพิ่มขึ้น = รูขุมขนอุดตันง่ายขึ้น - สิวเสี้ยนเกิดง่ายขึ้น

2.อาหารที่มีผลิตภัณฑ์จากนมสูง (Dairy Products)
นมทำให้สิวเสี้ยนเพิ่มขึ้นจริงหรือ ?
• มีงานวิจัยหลายชิ้นที่พบว่า ผลิตภัณฑ์จากนมวัว เช่น นม ชีส โยเกิร์ต ไอศกรีม อาจกระตุ้นสิวได้
• นมมี ฮอร์โมน IGF-1 (Insulin-like Growth Factor-1) ซึ่งสามารถกระตุ้นให้ ต่อมไขมันผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น
• นอกจากนี้ นมยังมี ฮอร์โมนเพศ (Androgen-like hormones) ที่อาจรบกวนสมดุลฮอร์โมนของร่างกาย ทำให้สิวเสี้ยนและสิวอุดตันเพิ่มขึ้น

3.อาหารที่มีไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวสูง (Trans & Saturated Fats)
ไขมันไม่ดีเกี่ยวข้องกับสิวเสี้ยนอย่างไร ?
• ไขมันทรานส์ (เช่น มาการีน อาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารทอด) และ ไขมันอิ่มตัวสูง (เช่น เนื้อสัตว์แปรรูป เบคอน เนย) อาจทำให้ การอักเสบในร่างกายเพิ่มขึ้น
• การอักเสบเรื้อรังอาจส่งผลให้ กระบวนการผลัดเซลล์ผิวผิดปกติ และทำให้รูขุมขนอุดตันง่ายขึ้น
• นอกจากนี้ อาหารเหล่านี้มักเพิ่ม ระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgens) ซึ่งทำให้ ต่อมไขมันทำงานหนักขึ้น

4.อาหารแปรรูปและฟาสต์ฟู้ด (Processed & Fast Food)
ทำไมอาหารแปรรูปถึงกระตุ้นสิวเสี้ยน ?
• อาหารฟาสต์ฟู้ดและอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว มักมี สารกันเสีย โซเดียม และน้ำตาลสูง
• อาหารเหล่านี้อาจเพิ่ม ความเครียดออกซิเดชัน (Oxidative Stress) ในร่างกาย ทำให้เกิด การอักเสบ และการอุดตันของรูขุมขน

5.คาเฟอีนและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (Caffeine & Alcohol)
กาแฟและแอลกอฮอล์เกี่ยวข้องกับสิวเสี้ยนยังไง ?
• กาแฟและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลให้ ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้น
• คาเฟอีนอาจ กระตุ้นฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol - ฮอร์โมนความเครียด) ซึ่งอาจเพิ่มการผลิตน้ำมันที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน

อาหารที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและลดสิวเสี้ยน
• ผักใบเขียว มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบ
• ปลาแซลมอนและไขมันดี มีโอเมก้า-3 ลดความมันและลดอาการอักเสบ
• ถั่วและเมล็ดพืช เช่น อัลมอนด์, เมล็ดเจีย, เมล็ดแฟลกซ์ มีวิตามิน E และ Zinc ช่วยให้ผิวแข็งแรง
• ผลไม้ที่มีวิตามิน C สูง เช่น มะนาว ส้ม เบอร์รี่ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

กำจัดสิวเสี้ยนแบบผิด ๆ ไม่ควรทำตาม
ใครที่กำจัดสิวเสี้ยนเอง และถ้าหากกำจัดสิวเสี้ยนผิดวิธี ไม่เพียงแต่สิวเสี้ยนจะกลับมาเร็วขึ้น แต่ยังทำให้รูขุมขนขยาย ก่อให้เกิดการอักเสบ และอาจพัฒนาเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบได้ในอนาคต วันนี้เราจะมาอธิบายถึง วิธีผิด ๆ ที่ไม่ควรทำในการกำจัดสิวเสี้ยน

1.บีบหรือขูดสิวเสี้ยนด้วยมือเปล่า
ทำไมการบีบสิวเสี้ยนจึงเป็นอันตราย ?
• การบีบสิวเสี้ยนด้วยมือเปล่าหรือเล็บ อาจทำให้รูขุมขนเสียหายและอักเสบ
• ถ้ามือไม่สะอาด แบคทีเรียจะเข้าสู่รูขุมขน ทำให้เกิดสิวอักเสบ
• แรงกดจากการบีบ ทำให้รูขุมขนขยายถาวร ทำให้สิวเสี้ยนกลับมาเร็วขึ้น
• อาจทิ้ง รอยแดง รอยดำ หรือแผลเป็น หากบีบผิดวิธี

2.ใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนบ่อยเกินไป
ทำไมการลอกสิวเสี้ยนบ่อย ๆ จึงเป็นปัญหา ?
• แผ่นลอกสิวเสี้ยนสามารถดึงเอาสิ่งอุดตันออกได้ แต่ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ
• หากใช้บ่อยเกินไป รูขุมขนอาจกว้างขึ้น และผิวอาจระคายเคือง
• ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น กระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น และสิวเสี้ยนกลับมาเร็วขึ้น
• การลอกที่แรงเกินไปอาจทำให้ เส้นเลือดฝอยใต้ผิวแตก

3.ขัดผิวหรือสครับแรงเกินไป
การขัดผิวแรงเกินไปทำให้สิวเสี้ยนหายจริงหรือ?
• การขัดผิวสามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดสิวเสี้ยน แต่ถ้าทำบ่อยเกินไปหรือใช้สครับที่มีเม็ดหยาบมากเกินไป อาจทำให้ผิวระคายเคืองและอักเสบ
• การขัดที่แรงเกินไป อาจทำให้ผิวแห้งและสูญเสียเกราะป้องกันผิว ทำให้เกิดการผลิตน้ำมันมากขึ้น
• หากขัดบริเวณจมูกหรือแก้มแรง ๆ เส้นเลือดฝอยใต้ผิวอาจแตก ทำให้เกิดรอยแดงถาวร

4.ใช้ยาสีฟันหรือเบกกิ้งโซดาทาสิวเสี้ยน
ทำไมยาสีฟันหรือเบกกิ้งโซดาถึงไม่เหมาะกับการรักษาสิวเสี้ยน?
• ยาสีฟันมีส่วนผสมของ Fluoride และ Triclosan ซึ่งอาจทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดการอักเสบ
• เบกกิ้งโซดามีค่า pH สูงกว่าผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผิวแห้งและอ่อนแอ
• อาจทำให้ สิวเสี้ยนและสิวอุดตันแย่ลง เพราะไปกระตุ้นการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น

5.ใช้แอลกอฮอล์เข้มข้นเช็ดหน้าเพื่อลดความมัน
ทำไมการใช้แอลกอฮอล์เช็ดหน้าจึงไม่ดีต่อผิว?
• แอลกอฮอล์อาจทำให้รู้สึกสะอาดและลดความมันได้ทันที แต่ในระยะยาวจะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น
• เมื่อผิวแห้งมากเกินไป ร่างกายจะชดเชยโดย ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้สิวเสี้ยนและสิวอุดตันเกิดง่ายขึ้น
• อาจทำให้ เกราะป้องกันผิวอ่อนแอ เสี่ยงต่อการระคายเคืองและการอักเสบ

6 วิธีบอกลาสิวเสี้ยนเผยผิวหน้าใส
สิวเสี้ยนเป็นปัญหาผิวที่เกิดจากไขมันส่วนเกิน ขนอ่อน และเซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสมในรูขุมขน ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียนและเกิดซ้ำได้ง่าย หากต้องการลดสิวเสี้ยนอย่างถูกต้อง จำเป็นต้องเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมเพื่อช่วยลดการอุดตันและป้องกันการเกิดซ้ำ

1.ใช้สกินแคร์ที่มี Salicylic Acid และ Glycolic Acid
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี Salicylic Acid (BHA) และ Glycolic Acid (AHA) เป็นตัวช่วยสำคัญในการผลัดเซลล์ผิว ลดการสะสมของไขมันและสิ่งสกปรกในรูขุมขน ซึ่งช่วยลดการเกิดสิวเสี้ยนใหม่ได้ วิธีนี้ช่วยให้รูขุมขนสะอาดขึ้น ลดความมันส่วนเกิน และป้องกันการเกิดสิวเสี้ยนในอนาคต

ทริคใช้สกินแคร์ลดสิวเสี้ยน
• ควรเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดเหล่านี้ในความเข้มข้นต่ำก่อน เพื่อป้องกันการระคายเคือง
• ควรใช้ มอยเจอร์ไรเซอร์ ควบคู่ไปด้วย เพื่อรักษาสมดุลความชุ่มชื้นของผิว

2.ใช้ยากลุ่มวิตามินเอเพื่อละลายสิวเสี้ยน
เรตินอยด์ (Retinoids) หรือ ยากลุ่มวิตามินเอ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนโดยทำให้หัวสิวหลุดออกง่ายขึ้น และเร่งการผลัดเซลล์ผิวใหม่ นอกจากนี้ยังช่วยให้รูขุมขนกระชับและลดการเกิดสิวเสี้ยนในระยะยาว

ทริคใช้กลุ่มวิตามินเอลดสิวเสี้ยน
• ควรเริ่มใช้ทีละน้อย เพื่อให้ผิวปรับตัวและลดความเสี่ยงในการระคายเคือง
• ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ควบคู่กับเรตินอยด์เพื่อลดอาการผิวแห้งและลอก
• ทาตอนกลางคืน และใช้ครีมกันแดดทุกวัน เนื่องจากเรตินอยด์ทำให้ผิวไวต่อแสง

3.ผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี AHA และ BHA
สาร AHA (Alpha Hydroxy Acid) และ BHA (Beta Hydroxy Acid) เป็นส่วนผสมสำคัญในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน และทำให้สิวเสี้ยนลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ

ทริคผลัดเซลล์ผิวลดสิวเสี้ยน
• ไม่ควรใช้ AHA และ BHA หลายตัวพร้อมกัน เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง
• ควรเริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นต่ำ และใช้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก่อน

4.ใช้แปรงทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกต้อง
แปรงทำความสะอาดผิวหน้าสามารถช่วยขจัดสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้ดีขึ้นกว่าการล้างหน้าด้วยมือ อย่างไรก็ตาม หากใช้อย่างไม่เหมาะสมอาจทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดสิวอุดตันได้

ทริคทำความสะอาดผิวลดสิวเสี้ยน
• เลือกแปรงที่ขนนุ่มและอ่อนโยนต่อผิว
• ควรใช้ ไม่เกินวันละ 1 ครั้ง และไม่ควรถูผิวแรงเกินไป
• หมั่นทำความสะอาดแปรงเป็นประจำเพื่อป้องกันแบคทีเรียสะสม

5.สครับผิวเพื่อกำจัดสิวเสี้ยน
การสครับผิวช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้รูขุมขนสะอาดขึ้น และลดการเกิดสิวเสี้ยน นอกจากนี้ยังช่วยให้สกินแคร์ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น

ทริคสครับผิวเพื่อกำจัดสิวเสี้ยน
• ควรใช้สครับที่อ่อนโยน และไม่ขัดผิวแรงเกินไป
• แนะนำให้สครับผิวสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อป้องกันการระคายเคือง
• หลีกเลี่ยงการสครับบริเวณที่มีสิวอักเสบ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองมากขึ้น

6.ใช้เลเซอร์หรือ IPL เพื่อลดสิวเสี้ยน
เลเซอร์ (Laser Treatment) และ IPL (Intense Pulsed Light) เป็นเทคนิคทางการแพทย์ที่สามารถช่วยลดสิวเสี้ยนได้อย่างล้ำลึก โดยช่วยทำลายขนอ่อนในรูขุมขนและลดการเกิดสิวเสี้ยนในระยะยาว

ทริคใช้เลเซอร์ IPL เพื่อลดสิวเสี้ยน
• การทำเลเซอร์ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อน เพื่อเลือกประเภทของเลเซอร์ที่เหมาะสม
• หลังทำเลเซอร์ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด และใช้ครีมกันแดดอย่างเคร่งครัด
• ไม่ควรทำเลเซอร์บ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวบางและไวต่อแสง

รูขุมขนกว้างหลังรักษาสิวเสี้ยน แก้ยังไงดี
หลังจากกำจัดสิวเสี้ยน หลายคนมักพบปัญหาว่า รูขุมขนดูกว้างขึ้น ทำให้ผิวไม่เรียบเนียนและเกิดสิวเสี้ยนซ้ำได้ง่าย รูขุมขนที่กว้างขึ้นอาจเกิดจากการใช้วิธีที่ไม่เหมาะสม เช่น การลอกสิวเสี้ยนบ่อยเกินไป การกดสิวเสี้ยนที่ผิดวิธี หรือการขัดผิวแรงเกินไป ส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและรูขุมขนเปิดกว้างกว่าปกติ

รูขุมขนไม่สามารถหดตัวให้เล็กลงแบบถาวร แต่สามารถดูแลให้กระชับขึ้นได้ด้วยวิธีที่ถูกต้อง วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีฟื้นฟูและกระชับรูขุมขนหลังจากรักษาสิวเสี้ยนกัน

วิธีกระชับรูขุมขนให้เล็กลงหลังการกำจัดสิวเสี้ยน
1.ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกระชับรูขุมขน
หลังจากกำจัดสิวเสี้ยน รูขุมขนที่เคยอุดตันจะเปิดออก หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาจทำให้รูขุมขนดูใหญ่ขึ้น

ส่วนผสมที่ช่วยกระชับรูขุมขน
• Niacinamide (วิตามิน B3) - ควบคุมความมัน ลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน และช่วยให้รูขุมขนกระชับขึ้น
• Retinol (วิตามิน A) - กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียน ลดขนาดรูขุมขน
• Witch Hazel - มีคุณสมบัติฝาดสมาน ช่วยให้รูขุมขนกระชับชั่วคราว
• Zinc PCA - ลดการอักเสบและควบคุมความมัน

2.บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ป้องกันการขยายตัวของรูขุมขน
ผิวที่ขาดความชุ่มชื้นจะทำให้รูขุมขนดูชัดขึ้น เนื่องจากต่อมไขมันจะผลิตน้ำมันมากขึ้นเพื่อชดเชยความแห้ง

มอยเจอร์ไรเซอร์ที่แนะนำหลังกำจัดสิวเสี้ยน
• Hyaluronic Acid - เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยให้ผิวอิ่มฟูและรูขุมขนดูเล็กลง
• Centella Asiatica - ลดการอักเสบ และเสริมสร้างความแข็งแรงของผิว
• Ceramides - ฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว ป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น

3.ใช้มาสก์ที่ช่วยดูดซับความมันและกระชับรูขุมขน
การใช้มาสก์ที่ช่วยลดความมันและกระชับรูขุมขนสามารถช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น

4.หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้รูขุมขนกว้างขึ้น
บางพฤติกรรมอาจทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว หากต้องการกระชับรูขุมขน ควรหลีกเลี่ยงสิ่งต่อไปนี้

พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง
• การลอกสิวเสี้ยนบ่อยเกินไป - ทำให้รูขุมขนขยายและอักเสบ
• ขัดผิวแรงเกินไป - อาจทำให้ผิวระคายเคืองและรูขุมขนเปิดกว้าง
• ล้างหน้าด้วยน้ำร้อน - ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น และรูขุมขนดูใหญ่ขึ้น
• ใช้เครื่องสำอางที่อุดตันรูขุมขน - ทำให้รูขุมขนขยายและเกิดสิวเสี้ยนซ้ำ

5.ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ช่วยกระชับรูขุมขน
หากรูขุมขนกว้างมาก และวิธีดูแลผิวทั่วไปไม่ได้ผล การใช้เทคโนโลยีช่วยฟื้นฟูผิวอาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

เทคโนโลยีที่ช่วยลดขนาดรูขุมขน
• เลเซอร์ (Laser Resurfacing) - กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดขนาดรูขุมขน
• IPL (Intense Pulsed Light) - ช่วยลดความมันและกระชับรูขุมขน
• Microneedling (การใช้เข็มขนาดเล็กกระตุ้นผิว) - ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดรูขุมขน
• Radio Frequency (RF Therapy) - ใช้คลื่นความถี่ช่วยกระชับรูขุมขนและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่

รวมผลิตภัณฑ์รักษาสิวเสี้ยนให้หายขาด
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำคัญมาก ในการรักษาสิวเสี้ยน ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มี อย.และน่าเชื่อถือได้ เราจะมาแนะนำผลิตภัณฑ์ของรมย์รวินท์คลินิก ที่พัฒนาสูตรโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนัง รับรองเลยว่าปลอดภัย ได้มาตรฐานอย่างแน่นอน

1.Pure Bright ผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันของรูขุมขน ผิวดูกระจ่างใส
Tips BHA เป็นสารที่ทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิวอย่าง ลดการอุดตันของรูขุมขน และลดการเกิดสิว ทั้งยังช่วยกระชับรูขุมขน ให้ผิวดูกระจ่างใส

2.GENTLE FOAMING CLEANSER ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ขจัดสิ่งสกปรกตกค้างแบบไม่ทำลายผิวหน้า พร้อมคืนความชุ่มชื่นด้วย Vitamin B5
Tips Witch hazel ลดการสร้างน้ำมันส่วนเกิน บำรุงผิวไม่ให้แห้ง

3.MIRACLE BOOSTING SERUM ฟื้นฟูผิว ปลอบประโลมให้ผิวกลับมาแข็งแรง
Tips สารสกัดจากมินท์ ลดการระคายเคือง ช่วยปลอบประโลมให้ผิวรู้สึกผ่อนคลาย

สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับสิวเสี้ยน
สิวเสี้ยน เหมือนจะเป็นปัญหาเล็ก ๆ ของผิวหน้า แต่ถ้าเกิดรักษาผิดวิธีอาจทำให้สิวเสี้ยน ถูกพัฒนาเป็นสิวอักเสบแล้วทำให้รักษายากกว่าเดิมได้

ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนกับผิวหน้าของเรา ทางรักษาสิวเสี้ยนที่ดีที่สุดคือการปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาปัญหาของเราได้อย่างตรงจุด

ใครสนใจอยากปรึกษาแพทย์ที่รมย์รวินท์คลินิก สามารถจองคิวและนัดเวลาเพื่อให้แพทย์รักษาและดูแลผิวหน้าได้เลย เผยความกระจ่างใสของผิวหน้าได้ตั้งแต่วันนี้ที่รมย์รวินท์คลินิก

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเรื่องสิวเสี้ยน
สิวเสี้ยนบีบออกได้ไหม?
ไม่แนะนำให้บีบ เพราะอาจทำให้รูขุมขนอักเสบ รูขุมขนกว้างขึ้น และเกิดสิวเสี้ยนซ้ำเร็วขึ้น

ใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนบ่อยๆ จะทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นจริงหรือ?
จริง หากใช้บ่อยเกินไป รูขุมขนอาจเสียความยืดหยุ่นและขยายถาวร ควรใช้ไม่เกินสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

ทำไมล้างหน้าสะอาดแล้ว ยังมีสิวเสี้ยนขึ้นอยู่?
เพราะสิวเสี้ยนเกิดจากน้ำมันส่วนเกิน ขนอ่อน และเซลล์ผิวที่สะสมในรูขุมขน การล้างหน้าอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยละลายสิ่งอุดตัน เช่น BHA หรือ AHA