romrawin

สิวหัวดำ คืออะไร รู้ทันสาเหตุ พร้อมวิธีรักษาแบบเห็นผลจริงไหม

สิวหัวดำ

สิวหัวดำคืออะไร รู้ทันสาเหตุ พร้อมวิธีรักษาแบบเห็นผล
สิวหัวดำถึงแม้ไม่ได้เป็นสิวชนิดที่รุนแรง แต่ก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้เสียความมั่นใจได้เหมือนกัน เพราะถ้าขึ้นบนใบหน้าใครก็คงอยากจะหาวิธีรักษาและอยากจะบีบออกให้หน้ากลับมาเรียบเนียนอีกครั้งแน่นอน

แต่ว่าก่อนจะจัดการกับเจ้าสิวหัวดำ เราต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่าสิวหัวดำคืออะไร สาเหตุของการเกิดสิวหัวดำมีอะไรบ้าง เพื่อที่จะรักษาได้อย่างถูกวิธี และป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นสิวหัวดำซ้ำ ๆ

รวมทุกหัวข้อเกี่ยวกับสิวหัวดำ
- สิวหัวดำคืออะไร มีลักษณะแบบไหน
- สาเหตุของการเกิดสิวหัวดำ
- สิวหัวดำมักจะขึ้นบริเวณไหน
- ความแตกต่างของสิวหัวดำ และสิวเสี้ยนหัวดำ
- ทริครักษาสิวหัวดำให้หายขาด
- วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวหัวดำอีก
- สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับสิวหัวดำ
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวหัวดำ

สิวหัวดำคืออะไร มีลักษณะแบบไหน
สิวหัวดำ (Blackheads) เป็นสิวประเภทหนึ่งที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน (หรือที่เรียกว่ารูเปิดของต่อมไขมัน) ภายในรูขุมขนนั้นจะมีไขมัน (ซีบัม) ซึ่งร่างกายผลิตขึ้นตามปกติจากต่อมไขมันใต้ผิวหนัง รวมกับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว เมื่อทั้งสองสิ่งนี้รวมตัวกันและไม่สามารถระบายออกสู่ผิวหนังได้ ก็จะเกิดการอุดตันขึ้นทำให้เกิดสิวหัวดำขึ้น

สิ่งที่ทำให้ลักษณะของสิวหัวดำแตกต่างจากสิวอุดตันแบบอื่น คือการที่รูขุมขนยังคงเปิดอยู่ เมื่อไขมันที่อุดตันอยู่สัมผัสกับออกซิเจนในอากาศ จึงเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ทำให้ไขมันนั้นเปลี่ยนเป็นสีดำ จึงเรียกว่า “สิวหัวดำ”

ลักษณะของสิวหัวดำ
• สิวหัวดำมีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ สีดำบริเวณผิวหนัง
• ขนาดของสิวหัวดำมักจะเล็ก ไม่บวม ไม่แดง ไม่เจ็บ (ถ้าไม่มีการอักเสบ)
• ผิวรอบๆ ของสิวหัวดำดูเรียบหรือมีผิวไม่สม่ำเสมอเล็กน้อย
• สิวหัวดำมักพบบ่อยในบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น จมูก คาง หน้าผาก หน้าอก และแผ่นหลัง
• สิวหัวดำสามารถพบได้ทั้งในวัยรุ่นและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวมันหรือผิวผสม

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยของสิวหัวดำ
หลายคนเข้าใจว่าสิวหัวดำเกิดจากสิ่งสกปรกหรือไม่ล้างหน้าให้สะอาด ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ถูกต้องทั้งหมด สิวหัวดำไม่ได้เกิดจากความสกปรกภายนอกโดยตรง แต่เกิดจากกระบวนการในผิวหนังเอง และเปลี่ยนเป็นสีดำจากปฏิกิริยาทางเคมีเมื่อเจอกับอากาศ ไม่ใช่จากฝุ่นหรือสิ่งสกปรกแบบที่เราเข้าใจ

สาเหตุของการเกิดสิวหัวดำ
สิวหัวดำเกิดจาก “การอุดตันของรูขุมขน” ซึ่งเราจะเรียกสิวหัวดำนี้ว่า สิว อุดตันแบบเปิด โดยมีองค์ประกอบหลักคือไขมัน (sebum), เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และบางครั้งอาจมีแบคทีเรียร่วมด้วย การที่รูขุมขนเปิดและเนื้อไขมันในรูขุมขนสัมผัสกับอากาศ ทำให้เปลี่ยนเป็นสีดำจากกระบวนการออกซิเดชัน

สาเหตุของการเกิดสิวหัวดำประกอบไปด้วย 2 ปัจจัยด้วยกัน ทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก

ปัจจัยภายใน (Internal Factors) ที่ทำให้เกิดสิวหัวดำ
1.การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ทำให้เกิดสิวหัวดำ
• โดยเฉพาะฮอร์โมนแอนโดรเจน (androgen) ซึ่งกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้นส่งผลให้เกิดสิวหัวดำได้ง่ายขึ้น
• พบได้มากในช่วงวัยรุ่น, รอบประจำเดือน, ช่วงตั้งครรภ์, หรือเมื่อมีความผิดปกติของฮอร์โมน

2.พันธุกรรม ปัจจัยภายในที่ทำให้เกิดสิวหัวดำ
• ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นสิวง่าย อาจมีแนวโน้มเกิดสิวหัวดำมากกว่าคนทั่วไป เนื่องจากมีต่อมไขมันที่ไวต่อฮอร์โมนหรือรูขุมขนที่อุดตันง่าย

3.ผิวมันหรือรูขุมขนกว้าง ปัจจัยภายในที่ทำให้เกิดสิวหัวดำ
• คนที่มีลักษณะผิวมันจะมีโอกาสเกิดการอุดตันได้ง่าย เพราะมีการผลิตไขมันมากกว่าปกติ

4.การผลัดเซลล์ผิวผิดปกติ ปัจจัยภายในที่ทำให้เกิดสิวหัวดำ
• ถ้าร่างกายผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกไม่สม่ำเสมอ หรือผลัดช้า เซลล์ที่ตายแล้วจะสะสมและอุดตันรูขุมขนได้

5.ความเครียด ปัจจัยภายในที่ทำให้เกิดสิวหัวดำ
• ความเครียดกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนบางชนิด เช่น cortisol ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดการผลิตไขมันเพิ่ม และมีส่วนทำให้การอักเสบของผิวแย่ลง

ปัจจัยภายนอก (External Factors) ที่ทำให้เกิดสิวหัวดำ
1.การใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Comedogenic) ทำให้เกิดสิวหัวดำ
• เครื่องสำอางบางชนิดมีส่วนผสมที่อุดตันรูขุมขน เช่น น้ำมันแร่ (mineral oil), ซิลิโคน, หรือแวกซ์

2.การล้างหน้าไม่สะอาดหรือบ่อยเกินไป ทำให้เกิดสิวหัวดำ
• ล้างหน้าไม่สะอาด ทำให้สิ่งสกปรกตกค้าง
• ในทางตรงข้าม ล้างหน้าบ่อยเกินไปอาจกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้นเพื่อตอบสนองความแห้ง

3.มลภาวะ ฝุ่น ควัน และสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดสิวหัวดำ
• สารมลพิษในอากาศสามารถเกาะติดผิวหนังและซึมเข้าสู่รูขุมขน เกิดการอุดตันได้ง่ายขึ้น

4.การใช้ยาบางชนิด ทำให้เกิดสิวหัวดำ
• เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์ หรือยาคุมกำเนิดบางชนิด ที่มีผลต่อระดับฮอร์โมนและกระบวนการทำงานของต่อมไขมัน

5.อาหาร ที่ทำให้เกิดสิวหัวดำ
• แม้จะยังไม่มีข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์แน่ชัด แต่มีงานวิจัยบางส่วนระบุว่าอาหารที่มีน้ำตาลสูง, อาหารแปรรูป, และนมวัว อาจมีผลต่อฮอร์โมนและการเกิดสิว

สิวหัวดำมักจะขึ้นบริเวณไหน
สิวหัวดำสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย แต่จะพบได้บ่อยใน บริเวณที่มีจำนวนต่อมไขมัน (sebaceous glands) มากและมีแนวโน้มรูขุมขนอุดตันได้ง่าย ซึ่งส่วนใหญ่ที่เราจะเป็นสิวหัวดำคือบริเวณผิวหน้าหรือจุดที่มีความมันสะสมมากกว่าปกติ โดยตำแหน่งที่พบสิวหัวดำบ่อย ๆ มีดังนี้

1.สิวหัวดำที่จมูก
• เป็นบริเวณที่พบสิวหัวดำมากที่สุด
• เนื่องจากจมูกมีต่อมไขมันจำนวนมากและรูขุมขนที่ค่อนข้างกว้าง
• ไขมันส่วนเกินและเซลล์ผิวที่ตายแล้วจึงสะสมได้ง่ายทำให้เกิดสิวหัวดำ

2.สิวหัวดำที่หน้าผาก
• บริเวณหน้าผากนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "T-zone" ซึ่งมีความมันมาก
• เหงื่อและไขมันสะสม รวมถึงเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่สัมผัสผิว อาจเพิ่มโอกาสในการอุดตัน ทำให้เกิดสิวหัวดำได้ง่ายๆ

3.สิวหัวดำที่คาง
• ยังอยู่ในแนว T-zone ที่มีการผลิตไขมันสูง
• มักพบในผู้ที่มีความแปรปรวนของฮอร์โมน เช่น ในช่วงมีประจำเดือน จะทำให้เกิดสิวหัวดำได้

4.สิวหัวดำที่แก้ม (บริเวณใกล้จมูก)
• แม้ไม่ใช่บริเวณที่มันมากที่สุด แต่รูขุมขนบริเวณนี้สามารถอุดตันได้ โดยเฉพาะในผู้ที่สัมผัสหน้าเป็นประจำ หรือใช้เครื่องสำอางที่มีน้ำมัน ทำให้เกิดสิวหัวดำได้

5.สิวหัวดำที่แผ่นหลัง
• โดยเฉพาะบริเวณหัวไหล่หรือกลางหลัง เนื่องจากมีต่อมไขมันขนาดใหญ่ และเหงื่อออกมาก
• การใส่เสื้อผ้ารัดแน่นหรือผ้าที่ไม่ระบายอากาศอาจทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนได้ง่ายทำให้เกิดสิวหัวดำได้

6.สิวหัวดำที่หน้าอก
• พบในบางราย โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวมัน เหงื่อออกง่าย หรือมีประวัติสิวบริเวณลำตัวจะมีสิวหัวดำขึ้นบริเวณหน้าอกได้

เหตุผลที่บริเวณเหล่านี้เกิดสิวหัวดำบ่อย
• มี ต่อมไขมันหนาแน่น และผลิตไขมันมากกว่าบริเวณอื่น
• มี รูขุมขนขนาดใหญ่ ซึ่งเปิดรับสิ่งตกค้างได้ง่าย
• สัมผัสกับ สิ่งกระตุ้นจากภายนอก บ่อย เช่น มือ, เครื่องสำอาง, ความร้อน, ฝุ่น, หรือเหงื่อ
• มักเป็นจุดที่ ล้างไม่สะอาด หรือ เกิดการเสียดสี บ่อย

ความแตกต่างของสิวหัวดำ และสิวเสี้ยนหัวดำ
แม้ทั้ง “สิวหัวดำ” และ “สิวเสี้ยนหัวดำ” จะมีลักษณะภายนอกคล้ายกัน คือเห็นเป็นจุดดำๆ บนผิว โดยเฉพาะบริเวณจมูก แต่ความจริงแล้ว ทั้งสองอย่างมีโครงสร้างทางผิวหนังและสาเหตุที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงของ สิวหัวดำ และ สิวเสี้ยนหัวดำดังนี้

1.สิวหัวดำ (Blackheads / Open Comedones)
ลักษณะของสิวหัวดำ
• สิวหัวดำเป็น สิวอุดตันชนิดเปิด (Open Comedone)
• สิวหัวดำเกิดจาก การอุดตันของรูขุมขน โดยมีไขมัน (sebum), เศษเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และในบางกรณีอาจมีแบคทีเรียร่วมด้วย
• เมื่อรูขุมขนยังเปิดอยู่ ไขมันที่อยู่ภายในจะสัมผัสกับอากาศและเกิด ปฏิกิริยาออกซิเดชัน ทำให้เปลี่ยนเป็นสีดำ เราจึ้งเรียกชื่อตามลักษณะที่เห็นคือ สิวหัวดำ

ลักษณะภายนอกของสิวหัวดำที่สังเกตเห็ฯได้
• สิวหัวดำเป็น ตุ่มหรือจุดสีดำขนาดเล็ก ผิวสัมผัสเรียบหรือแข็งเล็กน้อย
• สิวหัวดำมักอยู่เดี่ยวๆ ไม่เป็นกลุ่ม
• หากบีบสิวหัวดำออกมาจะเห็นเป็นหัวสิวลักษณะคล้ายเสี้ยน ยาว มีหัวดำ
• สิวหัวดำสามารถกลายเป็นสิวอักเสบได้ หากมีเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน

2.สิวเสี้ยนหัวดำ (Sebaceous Filaments / Keratin Filaments)
ลักษณะของสิวเสี้ยนหัวดำ
• สิวเสี้ยนไม่ใช่ “สิว” ตามความหมายทางการแพทย์ แต่คือ เส้นไขมันที่อยู่ในรูขุมขนตามธรรมชาติของผิว
• เกิดจากการสะสมของ ซีบัม (ไขมัน), เคราติน (โปรตีนจากเซลล์ผิวหนัง), และจุลินทรีย์ประจำถิ่นของผิว (เช่น C.acnes)
• เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการควบคุมความมันของผิว ไม่ถือว่าเป็นภาวะผิดปกติ เว้นแต่จะอุดตันจนผิดปกติ

ลักษณะภายนอกของ สิวเสี้ยนหัวดำที่สังเกตได้
• มักเห็นเป็น จุดดำหรือจุดเทาเล็กๆ หลายจุด บริเวณจมูก หน้าผาก หรือคาง
• ผิวดูไม่เรียบเนียน แต่ไม่บวมแดง ไม่อักเสบ
• เมื่อบีบออกมา จะเห็นเป็นเส้นบางๆ สีขาวหรือเทา ไม่แข็งมาก
• มักเกิดเป็น “กลุ่ม” หรือกระจายทั่วบริเวณ ไม่เป็นจุดเดี่ยวชัดเจน

สรุปความแตกต่างแบบเห็นได้ชัดของ สิวหัวดำ และสิวเสี้ยนหัวดำ

หัวข้อ

สิวหัวดำ

สิวเสี้ยนหัวดำ

ลักษณะทางการแพทย์

สิวอุดตันชนิดเปิด

ไม่ใช่สิว แต่เป็นเส้นไขมันธรรมชาติ

สาเหตุหลัก

การอุดตันของรูขุมขน

การสะสมของไขมันและเคราตินในรูขุมขน

ลักษณะทางกายภาพ

จุดดำเดี่ยวๆ หัวแข็ง

จุดดำหรือเทาจำนวนมาก กระจายตัว

ตำแหน่งที่พบบ่อย

จมูก คาง หน้าผาก แผ่นหลัง

จมูก หน้าผาก คาง

การบีบหรือดึงออก

มีหัวสิวชัดเจน ดึงออกเป็นเสี้ยนสีดำ

ดึงออกมาเป็นเส้นสีขาวหรือเทาอ่อน

ความรุนแรง

มีโอกาสลุกลามเป็นสิวอักเสบ

โดยทั่วไปไม่อักเสบ เป็นเรื่องปกติของผิว

• สิวหัวดำควรรักษาอย่างเหมาะสม ด้วยการทำความสะอาดผิว การใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม AHA/BHA หรือเรตินอยด์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว
• สิวเสี้ยนหัวดำไม่จำเป็นต้องรักษาเสมอไป หากไม่ได้สร้างปัญหา เพราะเป็นกลไกทางธรรมชาติของผิว แต่สามารถลดความเด่นชัดได้ด้วยการล้างหน้าให้สะอาดและใช้ผลิตภัณฑ์ควบคุมความมัน

ทริครักษาสิวหัวดำให้หายขาด
การรักษาสิวหัวดำให้หายขาด ขอแบ่งเป็นการรักษาใหญ่ ๆ 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ การปรึกษาแพทย์ผิวหนังในการรักษาสิวหัวดำ การใช้หัตถการรักษาสิวหัวดำ และการใช้ผลิตภัณฑ์ในการรักษาสิวหัวดำ

1.การปรึกษาแพทย์ผิวหนังในการรักษาสิวหัวดำ
ทำไมควรปรึกษาแพทย์
แม้ว่าสิวหัวดำดูเป็นปัญหาผิวเล็กน้อย แต่ในบางกรณีอาจมีความซับซ้อนหรือเรื้อรัง เช่น มีการอุดตันจำนวนมาก, รักษาด้วยตนเองแล้วไม่ดีขึ้น, หรือมีแนวโน้มกลายเป็นสิวอักเสบ ซึ่งควรได้รับการประเมินจากแพทย์

สิ่งที่แพทย์จะช่วยได้ในการรักษาสิวหัวดำ
• วินิจฉัยอย่างแม่นยำในการรักษาสิวหัวดำ แพทย์สามารถแยกแยะได้ว่าสิวที่เกิดขึ้นเป็นสิวหัวดำจริง หรือเป็นสิวประเภทอื่น เช่น สิวอุดตันปิด (หัวขาว), สิวอักเสบ หรือแม้แต่สิวเสี้ยน
• วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคในการรักษาสิวหัวดำ ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ระดับความรุนแรง และปัจจัยภายใน เช่น ฮอร์โมน หรือประวัติการแพ้ผลิตภัณฑ์
• จ่ายยาที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาสิวหัวดำ เช่น
- ยากลุ่มเรตินอยด์ (Tretinoin, Adapalene)
- ยาผลัดเซลล์ผิวที่เข้มข้นกว่าทั่วไป
- ยาควบคุมฮอร์โมน (ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับรอบเดือนหรือ PCOS)
• ติดตามผล และปรับการรักษาให้เหมาะกับผลลัพธ์ที่ได้

2.หัตถการรักษาสิวหัวดำ
หัตถการ (Dermatologic Procedures) คือการรักษาที่ทำโดยแพทย์ผิวหนัง โดยใช้เทคนิคพิเศษและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ช่วยกำจัดสิวหัวดำอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เรามาดูกันว่าหัตถการที่แนะนำในการรักษาสิวหัวดำมีอะไรบ้าง

2.1 การกดสิว (Comedone Extraction)
• ใช้เครื่องมือปลายกลมหรือเข็มปลอดเชื้อในการเปิดหัวสิวและดันสิวออก
• เหมาะกับสิวหัวดำที่ดันออกยาก หรืออยู่ลึก
• ช่วยลดการอุดตันได้ทันทีและป้องกันการอักเสบจากการบีบสิวผิดวิธี

2.2 การทำทรีตเมนต์ผลัดเซลล์ผิว (Chemical Peeling)
• ใช้กรดอ่อนๆ เช่น Glycolic Acid, Salicylic Acid ในความเข้มข้นที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป
• ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นบน กระตุ้นการผลัดผิวตามธรรมชาติ และลดสิวหัวดำ

2.3 AviClear - เลเซอร์ลดสิวแบบควบคุมต่อมไขมัน
AviClear เป็น เลเซอร์เทคโนโลยีใหม่ (FDA-approved) ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการรักษาสิว โดยเฉพาะสิวอุดตันและสิวหัวดำ AviClear ใช้ เลเซอร์ความยาวคลื่น 1726 นาโนเมตร ที่สามารถเจาะลึกลงไปยัง ต่อมไขมัน และควบคุมการทำงานของต่อมไขมันโดยไม่ทำลายผิวชั้นบน

กลไกการทำงานในการรักษาสิวหัวดำ
• พลังงานจากเลเซอร์จะ จับกับไขมันใต้ผิว (Sebum) โดยตรง ทำให้ต่อมไขมันลดการผลิตน้ำมัน
• ลดโอกาสที่รูขุมขนจะเกิดการอุดตัน
• กระตุ้นการฟื้นฟูผิวและลดการอักเสบโดยไม่ทำให้เกิดการลอกผิว
• ไม่ใช่แค่รักษา แต่ยังช่วยลดการเกิดสิวใหม่ได้ในระยะยาว

เหมาะกับใคร
• ผู้ที่เป็นสิวหัวดำเรื้อรัง
• ผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อการใช้ยาทาหรือยารับประทาน
• ผู้ที่ต้องการผลการรักษาที่ชัดเจนโดยไม่ใช้ยาในระยะยาว

ข้อดีของการใช้หัตถการ AviClear ในการรักษาสิวหัวดำ
• ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น
• ปลอดภัยแม้กับผิวแพ้ง่าย
• เห็นผลภายใน 2-3 ครั้ง
• ลดสิวหัวดำ พร้อมควบคุมความมันในระยะยาว

2.4 NU Pico - เลเซอร์พิโคเซคเคินด์สำหรับผิวที่มีปัญหาสิวและรูขุมขน
NU Pico คือชื่อทางการตลาดของเลเซอร์ประเภท Pico Laser (Picosecond Laser) ซึ่งเป็นเลเซอร์ความเร็วสูงระดับ ล้านล้านวินาที ใช้พลังงานสูงแต่ส่งพลังงานออกไปในเวลาสั้นมาก จึงมีประสิทธิภาพในการ สลายเม็ดสี ลดรอยสิว กระชับรูขุมขน และฟื้นฟูผิว โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง

กลไกการทำงานในสิวหัวดำ
• ช่วย “ทำความสะอาดรูขุมขนจากภายใน” โดยพลังงานเลเซอร์จะ สลายสิ่งอุดตันในรูขุมขน อย่างอ่อนโยน
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและ กระชับรูขุมขน ทำให้ความมันลดลง
• ลดรอยดำและรอยแดงจากสิวร่วมด้วย
• ไม่มีแผลเปิด ไม่ต้องพักฟื้น

เหมาะกับใคร
• ผู้ที่มีสิวหัวดำร่วมกับรูขุมขนกว้าง
• ผู้ที่มีรอยดำ/รอยแดงจากสิว
• ผู้ที่ต้องการผิวเรียบเนียน กระจ่างใส พร้อมลดสิวหัวดำ

ข้อดีของการใช้หัตถการ NU Pico ในการรักษาสิวหัวดำ
• เหมาะกับทุกสีผิว
• เจ็บน้อย ใช้เวลาทำประมาณ 15-30 นาที
• ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
• ผลข้างเคียงต่ำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการความปลอดภัย

3.การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในการรักษาสิวหัวดำอย่างถูกวิธี
เป้าหมายหลักของการใช้ผลิตภัณฑ์
• ลดการอุดตันของรูขุมขน
• ควบคุมการผลิตไขมันส่วนเกิน
• กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว
• ป้องกันไม่ให้สิวหัวดำกลับมาใหม่

กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่แนะนำในการรักษาสิวหัวดำ
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว (Cleanser)
• เลือกสูตรอ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง
• มีส่วนผสมของ Salicylic Acid หรือ Zinc ช่วยควบคุมความมัน
• ล้างหน้าไม่เกินวันละ 2 ครั้ง

โทนเนอร์ / เอสเซนส์ผลัดเซลล์ผิว
• ใช้โทนเนอร์ที่มี BHA หรือ AHA เป็นประจำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
• ช่วยเปิดรูขุมขน และลดการสะสมของเซลล์ผิว

ผลิตภัณฑ์กลุ่มเรตินอยด์ (Retinol, Adapalene)
• ช่วยลดการอุดตันและปรับสมดุลการผลัดผิว
• ควรเริ่มใช้ทีละน้อย และทากลางคืน เพราะอาจระคายเคืองต่อแสงแดด

ครีมกันแดด
• เลือกชนิด non-comedogenic (ไม่อุดตัน)
• สำคัญมากในการป้องกันรอยดำและการระคายเคืองจากการใช้สารผลัดผิว

มอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวมัน / ผิวเป็นสิว
• อย่าละเลยการให้ความชุ่มชื้น เพราะผิวขาดน้ำจะกระตุ้นให้ผลิตน้ำมันมากขึ้น

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวหัวดำอีก
ล้างหน้าอย่างถูกวิธี วันละ 2 ครั้ง
• ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสูตรอ่อนโยน ที่ไม่มีสารอุดตันผิว (non-comedogenic)
• หลีกเลี่ยงการล้างหน้าบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวแห้งและกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น

ผลัดเซลล์ผิวเป็นประจำ (Exfoliation)
• ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA หรือ BHA เช่น Salicylic Acid สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
• ช่วยลดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งเป็นสาเหตุของการอุดตันรูขุมขน

ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-Comedogenic)
• ตรวจสอบฉลากของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอาง และครีมกันแดด
• หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันหนักหรือซิลิโคนเข้มข้น

หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ
• การจับหน้า แกะ หรือบีบสิวหัวดำบ่อยๆ จะเพิ่มการสะสมของแบคทีเรียและกระตุ้นให้เกิดสิวเพิ่ม

ควบคุมความมันของผิว
• ใช้โทนเนอร์หรือมาส์กควบคุมความมัน (เช่น Clay Mask) อย่างสม่ำเสมอ
• ให้ความชุ่มชื้นผิวอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้ผิวผลิตน้ำมันมากเกิน

หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขนบริเวณผมและหน้า
• เช่น ครีมนวดผม แฮร์เซรั่ม หรือผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้สัมผัสผิวหน้าโดยตรง

ล้างเครื่องสำอางให้สะอาดทุกครั้งก่อนนอน
• ใช้คลีนซิ่งที่เหมาะกับผิว ควบคู่กับการล้างหน้าด้วยโฟม เพื่อไม่ให้มีคราบตกค้างอุดตันรูขุมขน

หลีกเลี่ยงมลภาวะ และความร้อนสูงเกินไป
• ฝุ่น ควัน หรือการอยู่ในที่อับร้อน อาจกระตุ้นการผลิตไขมันและเพิ่มการอุดตัน

ควบคุมอาหารบางประเภท
• หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารแปรรูป หรือนมวัวในบางกรณี (เนื่องจากอาจมีผลต่อฮอร์โมน)

นอนหลับให้เพียงพอและลดความเครียด
• เพราะความเครียดส่งผลต่อระดับฮอร์โมน และสามารถกระตุ้นการเกิดสิวได้

ตรวจสุขภาพผิวและพบแพทย์ผิวหนังสม่ำเสมอ (ถ้ามีแนวโน้มเกิดซ้ำบ่อย)
• แพทย์สามารถประเมินและแนะนำแนวทางเฉพาะบุคคล ทั้งการใช้ยาและการทำหัตถการเพื่อป้องกันระยะยาว

สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับสิวหัวดำ
สิวหัวดำเกิดจากการสะสมของไขมันและเซลล์ผิวที่ตายไปแล้วอุดตันในรูขุมขน พอสัมผัสอากาศจึงทำให้เปลี่ยนเป็นสีดำ สาเหตุหลักๆของการเกิดสิวหัวดำ มาจากการเปลี่ยนเปลงของ ปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก ซึ่งการรักษาสิวหัวดำแบบได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและหายขาด ควรมาปรึกษาแพทย์เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด และได้ผลลัพธ์ในแบบที่เราต้องการ

“ ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มรักษาสิวหัวดำจากอะไร สามารถทักมานัดคิวปรึกษาแพทย์ Specialist ได้ที่รมย์รวินท์คลินิกได้เลย “

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวหัวดำ
1.สิวหัวดำคืออะไร?
คำตอบ สิวหัวดำ (Blackheads) คือสิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนโดยน้ำมันส่วนเกิน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และแบคทีเรีย เมื่อสัมผัสกับอากาศจะเกิดการออกซิไดซ์ทำให้หัวสิวเปลี่ยนเป็นสีดำ

2.สิวหัวดำกับสิวหัวขาวต่างกันยังไง?
คำตอบ สิวหัวดำเปิดรูขุมขน ทำให้หัวสิวสัมผัสกับอากาศและกลายเป็นสีดำ ส่วนสิวหัวขาวเกิดจากรูขุมขนที่ปิดอยู่ ทำให้เห็นเป็นตุ่มสีขาว

3.สิวหัวดำเกิดจากอะไร?
คำตอบ เกิดจากน้ำมันส่วนเกิน เซลล์ผิวที่ตาย และสิ่งสกปรกอุดตันในรูขุมขน โดยเฉพาะบริเวณที่มีความมันมาก เช่น จมูก หน้าผาก และคาง

4.ล้างหน้าบ่อย ๆ จะช่วยลดสิวหัวดำไหม?
คำตอบ การล้างหน้าวันละ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว ล้างบ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวแห้งและกระตุ้นให้ผลิตน้ำมันเพิ่ม ส่งผลให้สิวเพิ่มขึ้น

5.บีบสิวหัวดำออกได้ไหม?
คำตอบ ไม่แนะนำให้บีบเอง เพราะเสี่ยงต่อการอักเสบ รอยดำ หรือเกิดแผล ควรให้แพทย์ทำ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยดึงสิวออกอย่างถูกวิธี

6.สิวหัวดำหายเองได้ไหม?
คำตอบ บางกรณีอาจหลุดออกเอง แต่ส่วนใหญ่ต้องอาศัยการดูแลผิวหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยละลายสิ่งอุดตันจึงจะหาย

7.ใช้มาส์กดำช่วยลดสิวหัวดำได้ไหม?
คำตอบ สามารถช่วยดึงสิ่งอุดตันออกได้บางส่วน แต่ไม่ควรใช้บ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองหรือรูขุมขนกว้างขึ้น

8.ผลิตภัณฑ์อะไรที่ช่วยรักษาสิวหัวดำได้ดี?
คำตอบ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มี BHA (กรดซาลิไซลิก), Retinoids หรือ Clay mask เพราะช่วยละลายสิ่งอุดตันและควบคุมความมัน

9.อาหารมีผลต่อสิวหัวดำไหม ?
คำตอบ บางคนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารมัน ของหวาน หรือผลิตภัณฑ์จากนม ทำให้เกิดสิวได้ ควรสังเกตว่าอาหารชนิดไหนกระตุ้นสิวในตัวเอง

10.ป้องกันสิวหัวดำได้อย่างไร?
คำตอบ ล้างหน้าให้สะอาด หลีกเลี่ยงการจับหน้าบ่อย ๆ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อุดตันรูขุมขน และอย่าลืมทาครีมกันแดดทุกวัน

* ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
เรื่อง โปรแกรมดูแลผิวหน้า ที่คุณอาจสนใจ