โปรแกรมโบท็อกซ์ คืออะไร ฉีดโบลดริ้วรอยจุดไหนได้บ้าง อันตรายไหมต้องรู้อะไรก่อนฉีด
โบท็อกซ์
โบท็อกซ์ คืออะไร ฉีดโบลดริ้วรอยจุดไหนได้บ้าง อันตรายไหมต้องรู้อะไรก่อนฉีด
โบท็อกซ์คืออะไร ฉีดจุดไหนได้บ้าง อันตรายไหมต้องรู้อะไรก่อนฉีด
โบท็อกซ์ หัตถการสุดฮิตที่นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะนอกจากจะช่วยในเรื่องของการลดเลือนริ้วรอยแล้ว โบท็อกซ์ยังช่วยปรับรูปหน้าได้แบบไม่โป๊ะอีกด้วย
รวมทุกหัวข้อเกี่ยวกับโบท็อกซ์
- โบท็อกซ์คืออะไร
- หลักการทำงานของโบท็อกซ์
- ฉีดโบท็อกซ์อันตรายไหม
- ถ้าฉีดโบท็อกซ์ปลอมอันตรายแค่ไหน
- ฉีดโบท็อกซ์เหมาะกับใคร
- ใครควรหลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์
- ฉีดโบท็อกซ์จุดไหนดี ช่วยอะไรบ้าง
- ควรหลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์จุดไหนบ้าง
- โบท็อกซ์มีกี่ยี่ห้อ ฉีดยี่ห้อไหนดี
- ฉีดโบท็อกซ์อยู่ได้นานแค่ไหน
- ฉีดโบท็อกซ์ราคาแพงไหม แต่ละจุดราคาเท่าไหร่
- ฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี เลือกยังไงให้คุ้มค่า
- ก่อนฉีดโบท็อกซ์เตรียมตัวยังไงบ้าง
- หลังฉีดโบท็อกซ์ต้องดูแลตัวเองยังไง
- ฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานกี่เดือน
- ฉีดโบท็อกซ์ไม่เห็นผลเป็นเพราะอะไรบ้าง
- สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับโบท็อกซ์
- Q and A ยอดฮิตของการฉีดโบท็อกซ์
โบท็อกซ์คืออะไร
โบท็อกซ์ ชนิดที่เรานำมาใช้มีชื่อว่า Botulinum toxin type A คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์และความงามอย่างแพร่หลาย โดยโบท็อกซ์ชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทำให้ลดการขยับของกล้ามเนื้อ
โบท็อกซ์ถูกนำมาใช้เพื่ออะไรบ้าง
- โบท็อกซ์ถูกนำมาใช้เพื่อลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยตีนกา รอยขมวดคิ้ว โดยช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย จึงลดการพับตัวของผิวเมื่อแสดงอารมณ์
- โบท็อกซ์ถูกนำมาใช้เพื่อ ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น ด้วยการฉีดคลายกล้ามเนื้อบริเวณกราม เหมาะกับผู้ที่มีกล้ามเนื้อกรามเด่นจากการใช้งานบ่อย เช่น เคี้ยวอาหารแข็งหรือบดฟัน
- โบท็อกซ์ถูกนำมาใช้เพื่อลดการเกร็งของกล้ามเนื้อบางบริเวณ เช่น บ่า ไหล่ หรือกล้ามเนื้อน่อง ที่อาจเกิดจากท่าทางการใช้งานซ้ำ ๆ หรือความเครียดสะสม
โบท็อกซ์ไม่ใช่การศัลยกรรม
การฉีดโบท็อกซ์เป็นเพียงหัตถการไม่ถือเป็นการศัลยกรรม เพราะไม่ต้องพักฟื้น และจะค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น
หลักการทำงานของโบท็อกซ์
โบท็อกซ์ที่นิยมใช้ในวงการความงามคือของเหลวใสชนิดหนึ่ง ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษในการคลายกล้ามเนื้อ เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าสู่กล้ามเนื้อในบริเวณที่ต้องการ โบท็อกซ์จะเริ่มทำงานในร่างกายโดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ดังนี้
1.ส่วนที่ถูกดูดซึมเข้าสู่เซลล์ประสาท
โบท็อกซ์บางส่วนจะถูกดูดเข้าไปเก็บในเซลล์ประสาทบริเวณที่ฉีด โดยจะไปยับยั้งการหลั่งของสารที่ชื่อว่า “อะเซทิลโคลีน” ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว เมื่อสารนี้ถูกยับยั้ง กล้ามเนื้อจึงคลายตัวลงชั่วคราว ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณนั้นดูเรียบเนียนขึ้น รอยพับลดลง และรูปหน้าโดยรวมดูสดใสมากขึ้น
หากปริมาณโบท็อกซ์ที่ถูกดูดซึมมีความเข้มข้นเหมาะสม ก็จะส่งผลให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้ยาวนานขึ้น ซึ่งโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของสารที่ใช้และสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
2.ส่วนที่ไม่ถูกดูดซึม
โบท็อกซ์อีกส่วนหนึ่งที่ไม่ได้ถูกดูดซึมเข้าเซลล์ประสาท จะลอยอยู่ในเนื้อเยื่อรอบข้างเพียงชั่วคราว จากนั้นจะถูกขับออกจากร่างกายผ่านกระแสเลือดภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ซึ่งส่วนนี้จะไม่ส่งผลต่อเซลล์หรืออวัยวะอื่น ๆ และไม่มีการตกค้างหลงเหลือในร่างกาย
3.กระบวนการออกฤทธิ์ภายในกล้ามเนื้อ
หลังฉีดโบท็อกซ์เข้าไป กล้ามเนื้อจะยังไม่คลายตัวในทันที แต่จะเริ่มออกฤทธิ์ทีละน้อย โดยผลลัพธ์จะเริ่มเห็นชัดในช่วงประมาณ 3-7 วัน และจะเห็นผลเต็มที่ในช่วง 2 สัปดาห์แรก จากนั้นฤทธิ์ของโบท็อกซ์จะคงอยู่ต่อเนื่องประมาณ 3-6 เดือน แล้วจึงสลายตัวหมดไปโดยไม่หลงเหลือสารตกค้างใด ๆ
ฉีดโบท็อกซ์อันตรายไหม
หลายคนอาจเคยได้ยินข่าวหรือมีความกังวลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ เช่น กลัวว่าฉีดโบท็อกซ์จะทำให้ใบหน้าเบี้ยว ปากตก หรือกล้ามเนื้อขยับไม่เป็นธรรมชาติ จึงเกิดคำถามสำคัญว่า “ โบท็อกซ์อันตรายหรือไม่ ? ”
คำตอบคือ โบท็อกซ์ ไม่ใช่สารอันตราย หากใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม โบท็อกซ์คือสารประเภทโปรตีนสกัดที่มีการนำมาใช้ในทางการแพทย์และความงามมายาวนาน โดยเฉพาะในด้านการคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งมั่นใจได้ว่าไม่เป็นอันตรายถ้าถูกใช้ในทางการแพทย์เมื่อใช้ในปริมาณและวิธีการที่เหมาะสม
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การฉีดโบท็อกซ์ไม่เป็นอันตราย
1.ใช้สารที่ผ่านการรับรอง
ต้องเป็นโบท็อกซ์ที่ขึ้นทะเบียนกับ อย.อย่างถูกต้อง และนำเข้าอย่างถูกกฎหมายจากบริษัทที่เชื่อถือได้
2.ฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์
การวางตำแหน่งเข็ม ปริมาณที่ใช้ และเทคนิคในการฉีดโบท็อกซ์ล้วนมีผลต่อผลลัพธ์ หากได้รับการดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงก็จะลดลงอย่างมาก
3.ปรับปริมาณโบท็อกซ์ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
สภาพกล้ามเนื้อของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงควรให้แพทย์วิเคราะห์และวางแผนการฉีดโบท็อกซ์อย่างเหมาะสมเฉพาะบุคคล
กรณีฉีดโบท็อกซ์แล้ว “หน้าเบี้ยว” หรือ “ปากเบี้ยว” มาจากอะไร?
อาการเหล่านี้มักไม่ได้เกิดจากตัวสารโบท็อกซ์เอง แต่เกิดจาก
• การฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม
• การฉีดโบท็อกซ์ผิดตำแหน่งหรือไม่ได้อยู่ในการดูแลของแพทย์
• การใช้สารในการฉีดโบท็อกซ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
ดังนั้น หากเข้ารับบริการจากคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้สารที่ไม่เป็นอันตราย และฉีดโบท็อกซ์โดยแพทย์จริง โอกาสเกิดผลข้างเคียงเหล่านี้ก็จะน้อยมาก และส่วนใหญ่จะเป็นเพียงอาการชั่วคราวที่สามารถหายได้เอง
ถ้าฉีดโบท็อกซ์ปลอมอันตรายแค่ไหน
แม้ว่าโบท็อกซ์จะได้รับความนิยมอย่างมากในวงการเสริมความงาม แต่สิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามคือ ความเสี่ยงจากการใช้โบท็อกซ์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้รับการรับรอง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยได้
โบท็อกซ์ปลอมคืออะไร
โบท็อกซ์ปลอม หมายถึงสารที่แอบอ้างว่าเป็นโบท็อกซ์ แต่ ไม่ได้ผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อย.หรือไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรง ซึ่งโบท็อกซ์ปลอมมีลักษณะดังนี้
• โบท็อกซ์มีสิ่งเจือปน หรือถูกผลิตในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐาน
• ตัวยาโบท็อกซ์เสื่อมคุณภาพ จากการจัดเก็บที่ไม่ถูกต้อง เช่น ควบคุมอุณหภูมิไม่ได้
• บรรจุภัณฑ์ของโบท็อกซ์หรือเลขล็อตไม่ชัดเจน ไม่มีฉลากภาษาไทย หรือไม่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้
โบท็อกซ์หิ้วคืออะไร
โบท็อกซ์หิ้ว คือโบท็อกซ์ที่ นำเข้ามาโดยไม่ได้ผ่านตัวแทนหรือช่องทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย มักไม่มีการควบคุมคุณภาพการจัดส่งและการเก็บรักษาโบท็อกซ์อย่างเหมาะสม เช่น อุณหภูมิไม่สม่ำเสมอหรือไม่มีเอกสารกำกับตัวยาที่ชัดเจน
ถึงแม้โบท็อกซ์หิ้วจะมีราคาถูกกว่า แต่โบท็อกซ์หิ้วก็เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อผลลัพธ์และสุขภาพของผู้เข้ารับบริการ
อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดโบท็อกซ์ปลอมหรือโบท็อกซ์หิ้ว
1.ฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผล
ตัวยาโบท็อกซ์ไม่มีประสิทธิภาพจริง ส่งผลให้กล้ามเนื้อไม่ตอบสนอง ผิวไม่ตึง และไม่สามารถลดริ้วรอยหรือปรับรูปหน้าได้ตามต้องการ
2.เสี่ยงต่อการดื้อโบท็อกซ์ในอนาคต
หากฉีดโบท็อกซ์ที่มีสารที่มีสิ่งแปลกปลอมหรือไม่มีความบริสุทธิ์เพียงพอ อาจกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อตัวยา ทำให้ฉีดโบท็อกซ์ในครั้งต่อไปไม่ได้ผล
3.อาจเกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียงถ้าใช้โบท็อกซ์ปลอม
เช่น บวม แดง กล้ามเนื้ออ่อนแรงผิดตำแหน่ง หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ โดยเฉพาะถ้าไม่ได้รับการดูแลจากแพทย์ที่มีประสบการณ์
ฉีดโบท็อกซ์เหมาะกับใคร
โบท็อกซ์สามารถนำมาใช้เพื่อความงามอย่างหลากหลาย โบท็อกซ์เหมาะกับคนที่มีลักษณะหรือความต้องการต่อไปนี้
• โบท็อกซ์เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า
เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว รอยตีนกา ซึ่งเกิดจากการขยับกล้ามเนื้อซ้ำ ๆ ในชีวิตประจำวัน
• โบท็อกซ์เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น
โดยเฉพาะในกรณีที่มีกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อบดเคี้ยว (ไม่ใช่โครงกระดูก)
• โบท็อกซ์เหมาะกับผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อแข็งเกร็งบางจุด
เช่น กล้ามเนื้อน่องหรือต้นแขนที่เด่นชัดกว่าปกติ ซึ่งสามารถคลายให้ดูเรียวลงได้
• โบท็อกซ์เหมาะกับผู้ที่มีพฤติกรรมขบฟันนอนกัดฟัน
การฉีดโบท็อกซ์สามารถช่วยลดแรงกัดของกล้ามเนื้อกราม ช่วยลดอาการปวดหรือฟันสึกจากการขบฟัน
• โบท็อกซ์เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าแบบไม่ผ่าตัด
ในบางตำแหน่งสามารถใช้เทคนิคการฉีดเพื่อช่วยให้ใบหน้าดูยกขึ้นและดูสดใส
• โบท็อกซ์เหมาะกับผู้ที่มีเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis)
โบท็อกซ์สามารถช่วยลดเหงื่อบริเวณใต้วงแขน ฝ่ามือ หรือฝ่าเท้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ใครควรหลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์
แม้โบท็อกซ์จะถือว่าไม่เป็นอันตรายเมื่อใช้ในปริมาณและวิธีที่เหมาะสม แต่ก็มีบางกลุ่มบุคคลที่ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนฉีดโบท็อกซ์ ดังนี้
• หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร
แม้ยังไม่มีรายงานแน่ชัดว่าโบท็อกซ์ส่งผลต่อทารก แต่เพื่อให้ไม่เป็นอันตราย จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงไปก่อน
• ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อ
เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis), ALS หรือโรคปลายประสาทอักเสบ เนื่องจากโบท็อกซ์ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท อาจกระตุ้นอาการหรือทำให้ภาวะรุนแรงขึ้น
• ผู้ที่มีประวัติแพ้โบท็อกซ์หรือส่วนผสมของตัวยา
ควรแจ้งแพทย์ก่อนรับบริการฉีดโบท็อกซ์ เพราะอาจเกิดปฏิกิริยาแพ้ เช่น บวมแดง ลมพิษ หรือหายใจลำบากในกรณีรุนแรง
• ผู้ที่มีการติดเชื้อหรือมีแผลบริเวณที่ต้องการฉีดโบท็อกซ์
ควรเลื่อนการฉีดโบท็อกซ์ออกไปจนกว่าจะรักษาหาย เพื่อป้องกันการกระจายเชื้อหรือลดความเสี่ยงของการอักเสบ
• ผู้ที่กำลังใช้ยาบางชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants), ยาแอสไพริน หรือยาสมุนไพรบางชนิด อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อรอยช้ำหรือเลือดออกง่าย
• ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
เช่น ผู้ที่รับเคมีบำบัด หรือผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษาโรคเรื้อรังบางประเภท ควรให้แพทย์ประเมินเป็นรายกรณี
ฉีดโบท็อกซ์จุดไหนดี ช่วยอะไรบ้าง
โบท็อกซ์สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งบนใบหน้าและร่างกาย ทั้งเพื่อความสวยงามและบรรเทาปัญหาจากกล้ามเนื้อ โดยแพทย์จะพิจารณาตำแหน่งการฉีดโบท็อกซ์ตามความเหมาะสมเฉพาะบุคคล ดังนี้
กลุ่มที่ 1 โบท็อกซ์บริเวณใบหน้า (เพื่อปรับรูปหน้าและลดริ้วรอย)
ฉีดโบท็อกซ์กราม
เหมาะกับผู้ที่มีกล้ามเนื้อบริเวณกรามเด่นจากการเคี้ยวหรือขบฟันบ่อย ช่วยให้แนวกรามดูเล็กลง และใบหน้าดูเรียวขึ้น
ฉีดโบท็อกซ์ลิฟต์กรอบหน้า
ฉีดบริเวณแนวกรอบหน้าเพื่อให้ผิวดูกระชับขึ้น ช่วยเสริมการปรับรูปหน้าให้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะเมื่อทำร่วมกับโบท็อกซ์กราม
ฉีดโบท็อกซ์หน้าผาก
ช่วยลดริ้วรอยจากการยกคิ้วหรือแสดงอารมณ์ ทำให้หน้าผากดูเรียบเนียนขึ้น
ฉีดโบท็อกซ์ระหว่างคิ้ว
ลดรอยขมวดคิ้วที่ทำให้ใบหน้าดูเครียดหรือดุ หลังฉีดจะดูผ่อนคลายมากขึ้น
ฉีดโบท็อกซ์หางตา (ตีนกา)
ช่วยลดรอยย่นที่มักเกิดจากการยิ้มหรือหัวเราะบ่อย ๆ ทำให้ใบหน้าดูอ่อนวัยขึ้น
ฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก
ลดการขยายตัวของปีกจมูกขณะยิ้ม เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้จมูกดูแคบและเรียวขึ้น
ฉีดโบท็อกซ์สันจมูก (รัดแกนจมูก)
ลดรอยย่นบริเวณสันจมูก และช่วยให้แนวจมูกดูมีมิติมากขึ้นขณะยิ้มหรือแสดงสีหน้า
ฉีดโบท็อกซ์คาง
ช่วยแก้ปัญหาคางย่นหรือเป็นคลื่นเมื่อแสดงสีหน้า โดยเฉพาะในบางรายที่ไม่ต้องการเติมฟิลเลอร์
กลุ่มที่ 2 โบท็อกซ์บริเวณร่างกาย (เพื่อปรับรูปทรงหรือบรรเทาอาการ)
ฉีดโบท็อกซ์น่อง
สำหรับผู้ที่มีกล้ามเนื้อน่องชัดหรือรู้สึกว่าน่องใหญ่ ช่วยลดความเด่นชัดของกล้ามเนื้อ ทำให้ขาดูเรียวลง
ฉีดโบท็อกซ์ บ่า/ไหล่
เหมาะกับผู้ที่มีอาการตึงหรือปวดจากการใช้งานกล้ามเนื้อบ่อย เช่น นั่งทำงานหน้าคอมนาน ๆ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น
ฉีดโบท็อกซ์บริเวณศีรษะท้ายทอย (สำหรับอาการไมเกรน)
แพทย์อาจพิจารณาฉีดเพื่อลดการตึงของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับไมเกรน ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวในบางราย
ฉีดโบท็อกซ์รักแร้
เหมาะสำหรับผู้ที่มีเหงื่อออกมากกว่าปกติ โบท็อกซ์ช่วยลดการทำงานของต่อมเหงื่อบริเวณรักแร้ได้ชั่วคราว
ฉีดโบท็อกซ์ฝ่ามือ/ฝ่าเท้า
ใช้ในกรณีที่มีเหงื่อออกมากบริเวณมือหรือเท้า ช่วยลดความเปียกชื้น และอาจลดกลิ่นอับเมื่อต้องใส่รองเท้าปิด
ฉีดโบท็อกซ์ลำคอ
ฉีดโบท็อกซ์เพื่อช่วยลดความหย่อนคล้อยของผิวบริเวณลำคอ ทำให้คอดูเรียบเนียนและเต่งตึงมากขึ้น
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์
• การฉีดโบท็อกซ์แต่ละตำแหน่งควรอยู่ภายใต้การประเมินโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์เท่านั้น
• ผลลัพธ์การฉีดโบท็อกซ์และความเหมาะสมขึ้นอยู่กับโครงสร้างกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล
• ควรเลือกใช้โบท็อกซ์ที่ผ่านการรับรองจาก อย.และฉีดโบท็อกซ์ในสถานพยาบาลหรือคลินิกที่มีใบอนุญาตถูกต้อง
ควรหลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์จุดไหนบ้าง
แม้โบท็อกซ์จะเป็นสารที่สามารถใช้ได้แบบไม่เป็นอันตรายในหลายบริเวณ หากฉีดโบท็อกซ์โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ แต่ก็มีบางจุดที่ ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ หรือ ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ดังนี้
• บริเวณใกล้ตาในระดับลึก (ใต้ตาชั้นในลึกมาก)
ควรหลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์ เพราะเสี่ยงต่อการกระทบเส้นประสาทตา หรือทำให้เกิดอาการตาเหล่ ตาเอียง หรือเปลือกตาตกได้ หากฉีดโบท็อกซ์ผิดตำแหน่งหรือเจาะลึกเกินไป
• บริเวณรอบริมฝีปาก
ควรหลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์ โดยเฉพาะถ้าฉีดโบท็อกซ์ไม่แม่นยำ อาจส่งผลให้ขยับปากไม่สะดวก พูดหรือยิ้มผิดรูปได้ เพราะกล้ามเนื้อบริเวณนี้ควบคุมการแสดงสีหน้าหลายส่วน
• ลำคอส่วนด้านหน้า (บริเวณกล่องเสียงหรือแนวหลอดลม)
ควรหลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์ หากฉีดโบท็อกซ์ลึกหรือกะปริมาณไม่เหมาะสม อาจส่งผลต่อการกลืนหรือการออกเสียง เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณนี้เกี่ยวข้องกับการทำงานของหลอดลมและกล่องเสียง
• ระหว่างแนวเส้นประสาทหลัก
ควรหลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์เช่น ใกล้แนวเส้นประสาทใบหน้า (Facial nerve) หรือเส้นประสาทขากรรไกร หากโดนโดยตรง อาจทำให้เกิดอาการชา อ่อนแรง หรือหน้าเบี้ยวชั่วคราวได้
• กล้ามเนื้อมัดเล็กที่ไม่จำเป็นต้องลดการทำงาน
ควรหลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์ เช่น กล้ามเนื้อบางจุดที่ใช้ในการควบคุมการแสดงออกละเอียด เช่น มุมปาก หรือรอบจมูก หากฉีดโดยไม่จำเป็น อาจทำให้การแสดงสีหน้าแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ
• ในผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงแต่กำเนิด
ควรหลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์ เช่น ใบหน้าครึ่งซีกไม่สมมาตร หรือเคยมีประวัติเส้นประสาทใบหน้าบาดเจ็บมาก่อน เพราะโบท็อกซ์อาจไปซ้ำเติมอาการให้มากขึ้น
โบท็อกซ์มีกี่ยี่ห้อ ฉีดยี่ห้อไหนดี
ปัจจุบันมีโบท็อกซ์ให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติแตกต่างกัน การเลือกใช้งานจึงควรพิจารณาร่วมกับแพทย์ตามปัญหาแล้วก็จุดประสงค์ของการฉีดโบท็อกซ์ เช่น ลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า หรือคลายกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ โดยโบท็อกซ์ที่ดีควรผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) มีความบริสุทธิ์ และผลิตภายใต้มาตรฐานที่ชัดเจน
1.โบท็อกซ์ Aestox
• ความบริสุทธิ์ของตัวยาสูง
• ตัวยากระจายตัวแคบ ควบคุมผลลัพธ์ได้แม่นยำ
• เหมาะกับทั้งใบหน้าและกล้ามเนื้อขนาดใหญ่
2.โบท็อกซ์ Nabota
• ออกฤทธิ์เร็ว
• ตัวยากระจายตัวกว้าง เหมาะกับบริเวณที่มีกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ เช่น กราม น่อง
• เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความนิยมในการใช้งานทั่วไป
3.โบท็อกซ์ Neuronox
• กระจายตัวยาแคบ ควบคุมตำแหน่งการออกฤทธิ์ได้ดี
• เหมาะกับผู้ที่ต้องการฉีดเพื่อปรับรูปหน้า หรือแก้ปัญหาริ้วรอยเฉพาะจุด
4.โบท็อกซ์ Dysport
• ตัวยามีโมเลกุลขนาดเล็ก ทำให้กระจายตัวได้ทั่วถึง
• ผลลัพธ์ดูละมุน เหมาะกับจุดที่ต้องการให้ดูนุ่มนวล
• มักใช้ในบริเวณกว้าง เช่น หน้าผากหรือหางตา
5.โบท็อกซ์ Allergan
• เป็นหนึ่งในโบท็อกซ์ที่มีการใช้มายาวนานและได้รับความไว้วางใจ
• กระจายตัวยาแคบ ช่วยให้แพทย์ควบคุมการฉีดได้ตรงจุด
• เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนและแน่น
6.โบท็อกซ์ Xeomin
• ตัวยาบริสุทธิ์ ไม่มีสารโปรตีนพิเศษอื่นเจือปน (เรียกว่า “Pure Toxin”)
• โมเลกุลขนาดเล็ก ช่วยให้กระจายตัวยาได้ดี
ฉีดโบท็อกซ์อยู่ได้นานแค่ไหน
โบท็อกซ์ (Botulinum toxin type A) เป็นสารที่ออกฤทธิ์ชั่วคราว โดยจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัวลง ส่งผลให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้น หรือกล้ามเนื้อดูเล็กลง ทั้งนี้ ระยะเวลาที่โบท็อกซ์อยู่ได้นานแค่ไหน จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ยี่ห้อที่ใช้ ตำแหน่งที่ฉีดโบท็อกซ์ และปฏิกิริยาของร่างกายแต่ละคน
ระยะเวลาการออกฤทธิ์โดยทั่วไปของโบท็อกซ์
• โบท็อกซ์จะเริ่มเห็นผลภายใน 3-7 วันหลังฉีด
• ผลลัพธ์จะชัดเจนที่สุดในช่วง 2 สัปดาห์แรก
• จากนั้นฤทธิ์ของโบท็อกซ์จะค่อย ๆ ลดลงตามเวลา
• โดยทั่วไป โบท็อกซ์จะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน
• หลังจากนั้นกล้ามเนื้อจะค่อย ๆ กลับมาทำงานตามปกติ และสามารถเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์ซ้ำได้ตามคำแนะนำของแพทย์
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาของโบท็อกซ์
• ตำแหน่งที่ฉีดโบท็อกซ์
เช่น บริเวณใบหน้าซึ่งมีกล้ามเนื้อมัดเล็ก จะสลายเร็วกว่าบริเวณน่องหรือบ่า ซึ่งมีกล้ามเนื้อขนาดใหญ่
• ยี่ห้อและคุณภาพของโบท็อกซ์
โบท็อกซ์ที่มีความบริสุทธิ์สูงและได้มาตรฐาน มักให้ผลลัพธ์ได้นานกว่า
• ปริมาณที่ใช้
หากใช้ในปริมาณพอเหมาะและแม่นยำตามหลักทางการแพทย์ จะช่วยให้ผลอยู่ได้นานขึ้น
ลักษณะการใช้กล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล
• ผู้ที่ขยับใบหน้าบ่อย เช่น ยิ้มเยอะ ขมวดคิ้วบ่อย อาจทำให้ฤทธิ์ของโบท็อกซ์หมดเร็วขึ้นกว่าปกติ
โบท็อกซ์ไม่ได้ให้ผลถาวร แต่สามารถคงผลลัพธ์ไว้ได้ประมาณ 3-6 เดือน ต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับปัจจัยเฉพาะของแต่ละบุคคล หากต้องการคงผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง แนะนำให้เว้นระยะห่างในการฉีดโบท็อกซ์แต่ละครั้งตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันการดื้อยา และไม่ให้เป็นอันตราย
ฉีดโบท็อกซ์ราคาแพงไหม แต่ละจุดราคาเท่าไหร่
หลายคนอาจสงสัยว่า “การฉีดโบท็อกซ์ต้องใช้เงินมากแค่ไหน?” คำตอบคือ ราคาของการฉีดโบท็อกซ์สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่ฉีด ปริมาณที่ใช้ รวมถึงยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่เลือก ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีคุณสมบัติและราคาที่แตกต่างกัน
ราคาฉีดโบท็อกซ์ที่รมย์รวินท์ New Gen
ที่ รมย์รวินท์ New Gen มีโปรแกรมโบท็อกซ์ที่ออกแบบเฉพาะบุคคล โดยแพทย์จะประเมินกล้ามเนื้อและความต้องการของแต่ละคนก่อนให้บริการ ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับ ปริมาณยูนิต ที่ใช้และ ยี่ห้อของโบท็อกซ์ ที่เลือก ดังนี้
ราคาฉีดโบท็อกซ์เริ่มต้น สำหรับจุดเล็ก ๆ เช่น รอยขมวดคิ้ว รอยตีนกา หรือหน้าผาก เริ่มต้นประมาณ 3,500 บาทขึ้นไป
โบท็อกซ์แบบเหมาขวด (100 ยูนิต) สำหรับใช้ทั่วหน้า หรือฉีดบริเวณใหญ่ เช่น กราม น่อง บ่า ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 7,500 - 19,900 บาท
ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกซ์และความต้องการเฉพาะด้านของแต่ละเคส
ฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี เลือกยังไงให้คุ้มค่า
ในปัจจุบัน การฉีดโบท็อกซ์ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งเพื่อปรับรูปหน้า ลดริ้วรอย และบรรเทากล้ามเนื้อ แต่ในขณะเดียวกันก็มี โบท็อกซ์ปลอมและบริการจากผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ หรือที่เรียกกันว่า “หมอกระเป๋า” ให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรืออันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและไม่เป็นอันตราย ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์
แนวทางการเลือกสถานพยาบาลที่ไม่เป็นอันตรายและคุ้มค่า
• เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้อง
• ควรตรวจสอบว่าเป็นสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการ มีเลขใบอนุญาต และดำเนินงานภายใต้การดูแลของแพทย์
ฉีดโบท็อกซ์โดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์เท่านั้น
• ผู้ให้บริการควรเป็นแพทย์ที่ผ่านการอบรมด้านเวชศาสตร์ความงามหรือหัตถการเฉพาะทาง เพราะการฉีดโบท็อกซ์ต้องอาศัยความแม่นยำและความรู้ด้านกายวิภาค
ตรวจสอบรายชื่อแพทย์ได้จากเว็บไซต์ของแพทยสภา
ผู้ใช้บริการสามารถนำชื่อ-นามสกุลของแพทย์ไปตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ แพทยสภา เพื่อความมั่นใจว่าเป็นแพทย์จริง (http://www.tmc.or.th/check_md/)
ใช้เฉพาะโบท็อกซ์ที่ได้รับการรับรองจาก อย.
โบท็อกซ์ที่นำมาใช้งานควรมีฉลากภาษาไทย เลขทะเบียน อย.และเอกสารแสดงแหล่งที่มาชัดเจน รวมถึงมีการเก็บรักษาตัวยาในอุณหภูมิที่เหมาะสม
หลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์กับผู้ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ
แม้ราคาอาจดูน่าสนใจ แต่การฉีดโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์หรือใช้สารปลอมอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ใบหน้าเบี้ยว กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือดื้อโบท็อกซ์ในระยะยาว
ก่อนฉีดโบท็อกซ์เตรียมตัวยังไงบ้าง
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตัวยา ลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง และช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาอิ่มฟูและไม่เป็ฯอันตราย โดยควรปฏิบัติดังนี้
1.แจ้งโรคประจำตัวและยาที่ใช้อยู่กับแพทย์ทุกครั้ง
ก่อนเข้ารับบริการ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีโรคประจำตัว เช่น โรคระบบประสาท โรคหัวใจ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือหอบหืด รวมถึงยาที่ใช้อยู่เป็นประจำ เช่น ยาละลายลิ่มเลือด ยาต้านการอักเสบ หรืออาหารเสริมบางชนิด เพื่อให้แพทย์ประเมินความปลอดภัยได้อย่างเหมาะสม
2.เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ดูแล
ควรเลือกสถานพยาบาลที่มีใบอนุญาตถูกต้อง และให้บริการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดโบท็อกซ์ เพราะการวางตำแหน่งการฉีดโบท็อกซ์และการคำนวณยูนิตต้องอาศัยความเฉพาะไม่ให้ดูล้นจนเกินไป
3.งดยาและอาหารเสริมบางประเภทล่วงหน้า
อย่างน้อย 7 วันก่อนการฉีดโบท็อกซ์ ควรงดใช้ยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น
- แอสไพริน (Aspirin)
- วิตามินอี
- น้ำมันปลา
- สารสกัดจากโสม หรือใบแปะก๊วย
สิ่งเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการช้ำหรือเลือดออกหลังฉีดโบท็อกซ์
4.งดแอลกอฮอล์และบุหรี่ก่อนเข้ารับบริการ
อย่างน้อย 1-2 วันก่อนการฉีดโบท็อกซ์ ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ เนื่องจากอาจรบกวนการไหลเวียนของเลือด และเพิ่มความเสี่ยงต่อการบวมช้ำ
5.เตรียมตัวเรื่องความรู้สึกเจ็บหากเป็นคนกลัวเข็ม
หากเป็นผู้ที่รู้สึกไวต่อความเจ็บ ควรแจ้งให้คลินิกทราบล่วงหน้า เพื่อให้มีการแปะยาชาหรือประคบเย็นก่อนฉีด ช่วยลดความไม่สบายระหว่างทำหัตถการได้ดี
หลังฉีดโบท็อกซ์ต้องดูแลตัวเองยังไง
• ภายใน 4 ชั่วโมงแรก
- งดนอนราบ หรือนอนตะแคง เพื่อป้องกันยาเคลื่อนตำแหน่ง
- สำหรับผู้ฉีดโบท็อกซ์กราม เคี้ยวหมากฝรั่งประมาณ 15 นาที เพื่อช่วยให้ตัวยากระจายได้ดี
• ภายใน 4-6 ชั่วโมงแรก
- งดแต่งหน้า เพื่อป้องกันสิ่งอุดตันบริเวณรูเข็มที่ฉีด
• ภายใน 24 ชั่วโมงหลังฉีด
- งดออกกำลังกาย
- งดแอลกอฮอล์ วิตามินบางชนิด (เช่น น้ำมันปลา) และคาเฟอีน เพื่อลดรอยช้ำและช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น
• ภายใน 2 สัปดาห์หลังฉีดโบท็อกซ์
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่สัมผัสหรือกดใบหน้าแรง ๆ เช่น สครับหน้า นวดหน้า ใช้เครื่องล้างหน้า หรือทำสปาหน้า
- งดความร้อนโดยตรงกับใบหน้า เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ เลเซอร์
- แต่สามารถอาบน้ำอุ่น ทานอาหารอุ่น หรือเป่าผมได้ตามปกติ
ฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานกี่เดือน
• เริ่มเห็นผลภายใน 3-7 วันหลังฉีดโบท็อกซ์
• ผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีดโบท็อกซ์
• ระยะเวลาการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3-6 เดือน
• หลังจากนั้นฤทธิ์ของยาจะค่อย ๆ ลดลงตามปกติ
• สามารถฉีดซ้ำได้ตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อคงผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง
ฉีดโบท็อกซ์ไม่เห็นผลเป็นเพราะอะไรบ้าง
• ตัวยาไม่มีคุณภาพ
อาจเป็นโบท็อกซ์ปลอมหรือหมดอายุ ทำให้ไม่มีฤทธิ์ต่อกล้ามเนื้อ
• ใช้ปริมาณไม่เพียงพอ
หากใช้ยูนิตน้อยเกินไป อาจไม่เพียงพอต่อการคลายกล้ามเนื้อ
• ฉีดไม่ตรงจุดหรือเทคนิคไม่ถูกต้อง
การวางตำแหน่งเข็มผิด อาจทำให้ยาไม่ออกฤทธิ์ตามที่ต้องการ
• กล้ามเนื้อบริเวณนั้นแข็งแรงมาก
โดยเฉพาะกรณีที่กล้ามเนื้อใหญ่หรือใช้งานบ่อย อาจต้องใช้เวลาและปริมาณที่มากขึ้น
• ร่างกายดื้อโบท็อกซ์
เกิดจากการใช้โบท็อกซ์บ่อยเกินไปหรือใช้ตัวยาที่ไม่บริสุทธิ์ จนร่างกายสร้างภูมิต้านทาน
• ดูผลเร็วเกินไป
โบท็อกซ์ต้องใช้เวลา 3-7 วันกว่าจะเริ่มเห็นผล และชัดเจนใน 2 สัปดาห์
Q and A ยอดฮิตของการฉีดโบท็อกซ์
โบท็อกซ์กับฟิลเลอร์ ต่างกันยังไง?
โบท็อกซ์ ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า เช่น หน้าผาก ตีนกา กราม
ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็ม ช่วยเติมร่องลึก ปรับรูปหน้า เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม ปาก
ฉีดโบท็อกซ์แล้วนอนตะแคงได้ไหม?
ไม่ควรนอนตะแคงหรือนอนราบภายใน 4-6 ชั่วโมงแรก แนะนำให้นั่งพักหรือนอนเอนศีรษะตรง เพื่อให้ตัวยาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
อายุเท่าไหร่ ถึงเริ่มฉีดโบท็อกซ์ได้?
สามารถฉีดโบท็อกได้ตั้งแต่อายุ 20 ปี อายุต่ำกว่า 20 ปีก็สามารถฉีดโบท็อกซ์ได้ และจะต้องมีการขออนุญาตผู้ปกครอง หรือเข้ารับบริการพร้อมกับผู้ปกครองเท่านั้น
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับโบท็อกซ์
โบท็อกซ์ เป็นโปรแกรมลดริ้วรอยและปรับรูปหน้าที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยคุณสมบัติในการช่วยคลายกล้ามเนื้อเฉพาะจุด ทำให้ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าดูจางลง ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับ และยังสามารถใช้เพื่อปรับรูปหน้า เช่น ลดกราม หรือยกกระชับกรอบหน้าได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
ใครที่สนใจฉีดโบท็อกซ์ ปรึกษาแพทย์ได้ที่ รมย์รวินท์ New Gen ให้บริการโดย แพทย์ที่มีประสบการณ์ มีการนัดติดตามผล กับแพทย์เจ้าของเคสอย่างต่อเนื่อง ดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมให้คำปรึกษาผ่าน LINE มีบริการ ประเมินรูปหน้าฟรี ก่อนเริ่มรักษา
หากใครที่กำลังมองหาโบท็อกซ์ที่ไม่เป็นอันตราย เห็นผล และมีการดูแลอย่างมืออาชีพ รมย์รวินท์ New Gen คือหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ