romrawin

โปรแกรมฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย หน้าหย่อน เกิดจากอะไร ป้องกันอย่างไรดี

ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย

ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย หน้าหย่อน เกิดจากอะไร ป้องกันอย่างไรดี
ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย เกิดจากการที่ไขมันบนใบหน้าของเราถูกสลายมากเกินไป หรือผิวหนังของเราไม่กระชับเท่าที่ควร เรามาดูกันว่า สาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไร แล้วสามารถแก้ไขอย่างไรได้บ้าง

รวมทุกหัวข้อเกี่ยวกับฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
- ฉีดแฟตคืออะไร ฉีดตรงไหนได้บ้าง
- ปัญหาที่พบได้บ่อยหลังฉีดแฟต
- ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยเกิดจากอะไร
- ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยหน้าหย่อน
- ป้องกันอย่างไรไม่ให้ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
- ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย แก้ด้วยโปรแกรม HIFU
- ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย แก้ด้วยโปรแกรม Ultraformer
- ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย แก้ด้วยโปรแกรม Thermage FLX
- ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย แก้ด้วยโปรแกรม Oligio
- ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย แก้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์
- ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย แก้ด้วยการฉีดกระตุ้นคอลลาเจน
- ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย แก้ด้วยโปรแกรมร้อยไหม
- ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย แก้ด้วยการปรับพฤติกรรมและดูแลผิว
- สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
- คำถามยอดฮิตของการฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย

ฉีดแฟตคืออะไร ฉีดตรงไหนได้บ้าง
การฉีดแฟต (Fat Dissolving Injection) คือหัตถการที่ใช้สารสลายไขมันเฉพาะจุด โดยสารนี้มักมีส่วนผสมของกรดน้ำดี (Deoxycholic Acid หรือ Phosphatidylcholine) และสารประกอบอื่น ๆ ที่ช่วยแตกตัวเซลล์ไขมัน เมื่อฉีดเข้าไปในบริเวณที่มีไขมันสะสม สารจะเข้าไปทำให้ผนังเซลล์ไขมันแตก หลังจากนั้นร่างกายจะกำจัดไขมันที่ถูกทำลายออกทางระบบน้ำเหลืองและตับตามกระบวนการปกติของร่างกาย

ข้อดีของการฉีดแฟตนี้คือไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน และสามารถเลือกฉีดเฉพาะจุดที่ต้องการได้ ทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่ต้องการปรับรูปหน้า ลดส่วนเกิน หรือเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ ที่การออกกำลังกายลดได้ยาก

ฉีดแฟตตรงไหนได้บ้าง ?
แม้การฉีดแฟตจะนิยมใช้กับใบหน้า แต่จริง ๆ แล้วสามารถทำได้หลายบริเวณของร่างกายที่มีไขมันสะสมในปริมาณเล็กถึงปานกลาง เช่น

แก้ม - ช่วยให้หน้าเรียวเล็ก ลดความกลมของใบหน้า
เหนียงใต้คาง - กำจัดไขมันใต้คางที่ทำให้ดูมีคางสองชั้น
กรอบหน้า - เก็บส่วนเกินรอบแนวกรามเพื่อให้กรอบหน้าชัด
ต้นแขน - ลดไขมันบริเวณ “ปีกไก่” ให้กระชับขึ้น
หน้าท้องส่วนบน-ล่าง - สำหรับไขมันบางจุดที่ไม่หนามาก
ต้นขาด้านใน - ช่วยลดการเสียดสีและทำให้เรียวขาดูเพรียวขึ้น
ปีกเอวหรือเอวด้านข้าง (Love Handles) - เก็บส่วนเกินที่ทำให้รูปร่างไม่สมส่วน

ปัญหาที่พบได้บ่อยหลังฉีดแฟต
แม้การฉีดแฟตจะเป็นหัตถการที่ไม่เป็นอันตรายและได้รับความนิยม แต่หลังทำบางคนอาจพบอาการหรือปัญหาที่ตามมา ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาบวม ช้ำ หรือ ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพียงชั่วคราวและสามารถดูแลให้ดีขึ้นได้ หากรู้ล่วงหน้าก็จะช่วยป้องกันและรับมือได้อย่างถูกวิธี

1.บวมและช้ำ
หลังฉีดแฟต ผิวบริเวณที่ทำจะมีการอักเสบเล็กน้อยจากปฏิกิริยาสลายไขมัน ทำให้เกิดอาการบวม ช้ำ หรือรู้สึกตึง ๆ ได้ในช่วง 2-5 วันแรก อาการนี้เป็นสัญญาณว่าร่างกายกำลังขับไขมันออก และมักจะดีขึ้นเอง ยังไม่ถึงกับเป็นปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย

2.ผิวไม่เรียบหรือเป็นก้อน
หากไขมันสลายไม่สม่ำเสมอ อาจทำให้ผิวดูไม่เรียบเป็นบางจุด สาเหตุหลักมาจากเทคนิคการฉีดหรือปริมาณยาที่กระจายไม่ทั่ว ควรแก้ไขโดยให้แพทย์ปรับจุดและปริมาณในการฉีดครั้งถัดไป

3.ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยนี้พบได้ในบางราย โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวเริ่มหย่อนคล้อยหรือสูญเสียคอลลาเจนอยู่แล้ว เมื่อไขมันในชั้นผิวหายไป ผิวอาจขาดแรงพยุง ทำให้แก้มตกและดูแก่กว่าวัย ปัจจัยที่ทำให้เกิดการฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย เช่น

• ฉีดสลายไขมันในปริมาณมากเกินไปทำให้เกิดปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
• ผิวขาดความยืดหยุ่นทำให้เกิดปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
• อายุที่มากขึ้นทำให้คอลลาเจนเสื่อมทำให้เกิดปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย

แนวทางรับมือปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
สามารถแก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย ด้วยการทำ HIFU, ร้อยไหม, เติมฟิลเลอร์ หรือฉีดไขมันตัวเอง เพื่อพยุงและยกกระชับผิวให้กลับมาตึงขึ้น

4.ผิวหย่อนคล้อยในจุดอื่น
ในบางกรณี แม้ไม่เกิดปัญหา ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย แต่ไขมันที่หายไปก็อาจทำให้บริเวณนั้นดูไม่กระชับ ซึ่งมักเกิดกับคนที่มีผิวบาง หรืออายุเกิน 35 ปี

5.อาการชาเล็กน้อย
เกิดจากการที่เส้นประสาทผิวสัมผัสถูกกดหรือระคายเคืองจากสารที่ฉีดเข้าไป อาการนี้จะหายไปเองภายในไม่กี่สัปดาห์

ข้อสรุปปัญหาที่พบได้บ่อยจากการฉีดแฟต
ปัญหาส่วนใหญ่หลังฉีดแฟตสามารถป้องกันได้ด้วยการเลือกแพทย์ที่มีใบรับรองและสามารถ วางแผนปริมาณและตำแหน่งการฉีดอย่างเหมาะสม ซึ่งหากเกิดปัญหา เช่น ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย ก็ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและแก้ไขตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อฟื้นฟูผิวให้กลับมาตึงกระชับได้อย่างไม่เป็นอันตราย

ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยเกิดจากอะไร
การฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย เป็นอาการที่บางคนอาจพบหลังทำหัตถการ โดยสาเหตุหลักของการฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงในชั้นผิวและชั้นไขมัน ซึ่งมีปัจจัยดังนี้

1.ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยเกิดจากการสลายไขมันมากเกินไปหรือเร็วเกินไป
สารสลายไขมันจะเข้าไปทำลายผนังเซลล์ไขมันและให้ร่างกายขับออกตามกลไกตามปกติของร่างกาย แต่ถ้าสลายไขมันออกมากเกิน หรือเกิดเร็วเกินไปในบริเวณที่มีเนื้อเยื่อพยุงน้อย อาจทำให้พื้นที่นั้นสูญเสียปริมาตรไขมันจนผิวขาดการค้ำพยุงทำให้เกิดฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย

2.ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยเกิดจากผิวและเนื้อเยื่อใต้ผิวขาดการพยุง
ชั้นผิวหนังประกอบด้วยโครงสร้างคอลลาเจน อีลาสติน และชั้นไขมันใต้ผิว ซึ่งช่วยให้ใบหน้าดูเต็มและตึง เมื่อชั้นไขมันลดลงมาก แต่ไม่ได้มีการเสริมโครงสร้างพยุงผิว จึงอาจทำให้ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยได้ เช่น กล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อพิเศษ ผิวก็อาจดูหย่อนลงได้

3.ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยเกิดจากคอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพ
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น โครงสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินจะเสื่อมลงตาม กระบวนการของร่างกาย ทำให้ความยืดหยุ่นและความกระชับของผิวลดลง หากมีการสลายไขมันในช่วงที่ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นแล้วทำให้ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย ความหย่อนคล้อยจะเห็นได้ชัดขึ้น

4.ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยเกิดจากอายุและสภาพผิวก่อนทำหัตถการ
ผู้ที่มีอายุมาก หรือมีผิวบางอยู่แล้ว มีความเสี่ยงที่จะเกิด ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย มากกว่า เนื่องจากเนื้อเยื่อพยุงผิวและคอลลาเจนมีปริมาณน้อยกว่าคนวัยหนุ่มสาว

5.เทคนิคและปริมาณการฉีดแฟตทำให้เกิดการฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
การฉีดแฟตต้องอาศัยความแม่นยำ ทั้งในเรื่องตำแหน่งและปริมาณสารที่ใช้ หากฉีดในชั้นผิวไม่เหมาะสม หรือใช้ปริมาณที่ไม่สมดุล อาจทำให้สลายไขมันมากเกินไปในบางจุด จนโครงสร้างผิวเสียสมดุลทำให้เกิดการฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยได้

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยหน้าหย่อน
แม้การฉีดแฟตจะช่วยลดไขมันเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่บางคนอาจพบปัญหา ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย หรือผิวหย่อนคล้อยได้ง่าย ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพผิวและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน โดยปัจจัยเสี่ยงที่ควรรู้มีดังนี้

1.ปัจจัยเสี่ยงที่ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย อายุเกิน 35 ปี หรือผิวเริ่มหย่อนคล้อย
เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวจะลดลงตามธรรมชาติ ทำให้ความยืดหยุ่นและความตึงของผิวลดลง การฉีดแฟตในช่วงนี้จึงอาจทำให้ผิวขาดแรงพยุงและเกิดแก้มห้อยได้ง่ายกว่าในวัยหนุ่มสาว

2.ปัจจัยเสี่ยงที่ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว
การลดน้ำหนักในระยะเวลาอันสั้นจะทำให้ไขมันใต้ผิวหายไปมากพร้อมกัน ซึ่งหากทำการฉีดแฟตในช่วงนี้ อาจเร่งให้ปริมาตรไขมันลดลงเกินความสมดุล ส่งผลให้โครงสร้างผิวไม่เต็มและเกิดความหย่อนคล้อย

3.ปัจจัยเสี่ยงที่ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย การดูแลผิวหลังทำไม่ถูกวิธี
หลังฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย ควรหลีกเลี่ยงการนวด กด หรือกดทับแรง ๆ บริเวณที่ทำ รวมถึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากละเลยการดูแล อาจทำให้กระบวนการสลายไขมันไม่สม่ำเสมอ หรือผิวฟื้นตัวช้าจนเห็นความหย่อนคล้อยชัดขึ้น

4.ปัจจัยเสี่ยงที่ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย เกิดจากภาวะผิวขาดน้ำและสารอาหารสำคัญ
ผิวที่ขาดน้ำหรือขาดสารอาหารจำเป็น เช่น โปรตีน วิตามินซี และกรดไขมันดี จะฟื้นตัวได้ช้า และสร้างคอลลาเจนได้น้อยลง ส่งผลให้ผิวไม่กระชับหลังสลายไขมัน จึงมีโอกาสเกิด ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย ได้ง่ายขึ้น

ป้องกันอย่างไรไม่ให้ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
การฉีดแฟต (Fat Dissolving) เป็นวิธีช่วยสลายไขมันเฉพาะจุด เช่น แก้ม เหนียง หรือกรอบหน้า แต่ถ้าทำไม่ถูกวิธีหรือดูแลไม่เหมาะสม อาจทำให้ผิวหย่อนคล้อย ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยได้

1.เข้าใจกลไกการฉีดแฟตก่อนเพื่อป้องกันฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
หลักการทำงาน ตัวยาจะช่วยสลายเซลล์ไขมันให้แตกตัวและถูกขับออกทางระบบน้ำเหลือง ความเสี่ยงต่อการฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย หากสลายไขมันมากเกินไปในเวลาเดียวกัน หรือผิวเดิมมีความยืดหยุ่นน้อย อาจทำให้ผิวขาดแรงพยุงและเกิดความหย่อน

2.เลือกปริมาณและความถี่อย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
• ฉีดในปริมาณพอดีต่อครั้ง และเว้นระยะให้ผิวมีเวลาปรับตัว
• ไม่ควรเร่งให้ผลเร็วด้วยการฉีดถี่เกินไป เพราะผิวจะมีเวลาฟื้นฟูไม่ทัน

3.เสริมความกระชับควบคู่ เพื่อป้องกันฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
• เลเซอร์หรืออัลตราซาวด์ยกกระชับ เช่น HIFU, RF สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจน
• นวดกระชับเบา ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนและกระชับผิว
• ทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนช่วยเสริมคอลลาเจน เพื่อรักษาความยืดหยุ่น

4.เลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
• ควรให้แพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์ประเมินก่อน
• เลือกใช้ตัวยาที่ได้รับการรับรอง และผ่านการผสมตามมาตรฐาน

5.ดูแลหลังฉีดอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
• ดื่มน้ำมากพอเพื่อช่วยขับไขมันที่ถูกสลาย
• รับประทานอาหารที่มีโปรตีนเพียงพอ เพื่อช่วยสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
• หลีกเลี่ยงการขยับใบหน้าหนัก ๆ หรือกดนวดแรงในช่วง 24 ชั่วโมงแรก

6.ประเมินสภาพผิวก่อนทำ เพื่อป้องกันฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
• หากผิวมีความหย่อนอยู่แล้ว ควรปรับแผนการรักษาให้เน้นกระชับมากกว่าสลายไขมัน
• ในบางกรณีอาจต้องทำการยกกระชับก่อนหรือหลังฉีดแฟต เพื่อป้องกันผิวหย่อน

ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย แก้ด้วยโปรแกรม HIFU
การฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยช่วยสลายไขมันเฉพาะจุด เช่น แก้ม เหนียง หรือกรอบหน้า แต่บางคนหลังทำอาจเจอปัญหา ผิวหย่อนคล้อย เพราะเมื่อไขมันหายไป แรงพยุงผิวก็ลดลง โดยเฉพาะถ้าผิวเดิมมีความยืดหยุ่นน้อยหรือมีอายุ 30+ ซึ่งคอลลาเจนเริ่มลดลง
หนึ่งในวิธีแก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยที่ได้รับความนิยม คือโปรแกรม HIFU หรือ High-Intensity Focused Ultrasound ซึ่งทำงานด้วยพลังงานอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ส่งตรงถึงชั้นผิวลึกเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับ

โปรแกรม HIFU ช่วยแก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยอย่างไร
ยกกระชับจากชั้นลึก พลังงานอัลตราซาวด์ส่งลงลึกถึงชั้น SMAS (ชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ดึงหน้า) ทำให้โครงสร้างผิวตึงขึ้น
กระตุ้นคอลลาเจน ร่างกายตอบสนองต่อพลังงานด้วยการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง ผิวจึงค่อย ๆ กระชับใน 2-3 เดือน
ปรับรูปหน้าให้ชัดขึ้น เมื่อแก้มตึงขึ้น กรอบหน้าจะดูคมและได้สัดส่วนมากขึ้น
ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ขั้นตอนการแก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย ด้วยโปรแกรม HIFU
- ประเมินสภาพผิว แพทย์จะดูว่าผิวหย่อนในระดับใดและต้องใช้กี่ช็อต
- กำหนดตำแหน่งยิงพลังงาน เพื่อเน้นยกแก้มและกระชับกรอบหน้า
- ทำการยิง HIFU รู้สึกอุ่นลึกใต้ผิวแต่ไม่ทำลายผิวชั้นบน
- ดูผลทันทีบางส่วน และเห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 2-3 เดือน

ข้อดีของการใช้ HIFU แก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
- แก้ปัญหาแก้มห้อยโดยไม่ต้องผ่าตัด
- ได้ทั้งการยกและกระชับผิวในคราวเดียว
- เหมาะกับผู้ที่เพิ่งฉีดแฟตและต้องการให้ผิวฟื้นตัวเร็วลดอาการเสี่ยงฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
- ผลอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นกับการดูแลและสภาพผิว

การดูแลหลังทำในการใช้ HIFU แก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยกระบวนการสร้างคอลลาเจน
- เลี่ยงความร้อนจัดบนผิวใน 24 ชั่วโมงแรก
- ทาครีมบำรุงที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิว

ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย แก้ด้วยโปรแกรม Ultraformer
การฉีดแฟตเป็นวิธีช่วยลดไขมันเฉพาะจุด เช่น แก้ม เหนียง หรือกรอบหน้า ทำให้หน้าดูเรียวขึ้น แต่บางครั้งหลังฉีดอาจเกิด ผิวหย่อนคล้อยหรือ ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย เพราะปริมาณไขมันใต้ผิวลดลงอย่างรวดเร็ว จนผิวขาดแรงพยุง โดยเฉพาะในผู้ที่ผิวมีความยืดหยุ่นน้อยหรือมีอายุ 30 ปีขึ้นไป

หนึ่งในวิธีแก้ ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย ที่ได้ผลและเป็นที่นิยม คือ โปรแกรม Ultraformer ซึ่งใช้เทคโนโลยีคลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง (High Intensity Focused Ultrasound) เพื่อยกกระชับผิวจากชั้นลึกโดยไม่ต้องผ่าตัด

โปรแกรม Ultraformer แก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยได้อย่างไร
ยกกระชับลึกถึงชั้น SMAS คลื่นอัลตราซาวด์ส่งพลังงานไปยังชั้นผิวเดียวกับที่ใช้ในศัลยกรรมดึงหน้า ทำให้โครงสร้างผิวตึงขึ้น
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ร่างกายตอบสนองต่อพลังงานด้วยการซ่อมแซมและสร้างเส้นใยคอลลาเจน ทำให้ผิวเฟิร์มขึ้นต่อเนื่องใน 2-3 เดือน
ปรับรูปหน้าให้ชัดเจน ยกกระชับแก้มที่หย่อน ทำให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น
ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ขั้นตอนการแก้ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยด้วย Ultraformer
- ประเมินสภาพผิวและปัญหา เพื่อกำหนดความลึกและจำนวนช็อตที่เหมาะสม
- กำหนดตำแหน่งยิงพลังงาน เน้นยกกระชับแก้มและกรอบหน้า
- ยิง Ultraformer รู้สึกอุ่นลึกใต้ผิวแต่ไม่ทำลายผิวชั้นนอก
- เห็นผลบางส่วนทันที และผลจะชัดขึ้นเรื่อย ๆ ใน 2-3 เดือน

ข้อดีของการใช้ Ultraformer หลังฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
- แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
- เห็นการยกและกระชับผิวตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
- ช่วยเสริมให้ผลการฉีดแฟตออกมาคมชัดมากขึ้น
- ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นกับสภาพผิวและการดูแล

การดูแลหลังใช้ Ultraformer หลังฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
- ดื่มน้ำเพียงพอเพื่อช่วยกระบวนการสร้างคอลลาเจน
- หลีกเลี่ยงความร้อนจัดหรือการกดนวดแรง ๆ บนผิวใน 24 ชั่วโมงแรก
- ใช้ครีมบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นเพื่อให้ผิวฟื้นตัวเร็ว

ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย แก้ด้วยโปรแกรม Thermage FLX
วิธีแก้การฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย ที่ได้รับความนิยมและมีงานวิจัยรองรับ คือ โปรแกรม Thermage FLX ซึ่งใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (Radio Frequency: RF) ในการกระชับผิวจากภายใน ช่วยให้ผิวที่หย่อนกลับมาตึงขึ้น

Thermage FLX แก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยได้อย่างไร
กระชับจากชั้นหนังแท้ลึก พลังงาน RF ลงลึกถึงชั้น Dermis และชั้นไขมันใต้ผิว ช่วยหดตัวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวค่อย ๆ ตึงและยืดหยุ่นดีขึ้นภายใน 2-6 เดือน
ปรับผิวให้เรียบเนียนและเฟิร์มขึ้น แก้มที่หย่อนจะค่อย ๆ ยกตัวและกระชับ
ทำเพียงครั้งเดียวต่อปี ในหลายกรณีผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-18 เดือน

ขั้นตอนการแก้ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยด้วยโปรแกรม Thermage FLX
- ประเมินผิวและกำหนดแผน เพื่อเลือกหัวทิปและพลังงานที่เหมาะสมกับสภาพผิว
- ทำความสะอาดและทาเจล เพื่อปกป้องผิวและช่วยให้พลังงานส่งลงสม่ำเสมอ
- ยิงพลังงาน RF รู้สึกอุ่นลึกใต้ผิวในแต่ละจุดที่ทำการรักษา
- ผลลัพธ์เห็นบางส่วนทันที และจะค่อย ๆ ชัดขึ้นต่อเนื่อง

ข้อดีของ Thermage FLX หลังฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
- กระชับผิวและลดความหย่อนคล้อยโดยไม่ต้องผ่าตัด
- เหมาะกับทุกสภาพผิวและสีผิว
- ช่วยเสริมให้ผลลัพธ์ของการฉีดแฟตดูคมชัดมากขึ้น
- ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย แก้ด้วยโปรแกรม Oligio
การฉีดแฟต (Fat Dissolving) เป็นเทคนิคช่วยลดไขมันเฉพาะจุด เช่น แก้ม เหนียง หรือกรอบหน้า แต่หลังทำ บางคนอาจพบปัญหา ผิวหย่อนคล้อย โดยเฉพาะผู้ที่ผิวมีความยืดหยุ่นน้อย หรือไขมันลดลงอย่างรวดเร็วเกินไป ทำให้ผิวขาดแรงพยุงและดูไม่กระชับ
โปรแกรม Oligio เป็นเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (Radio Frequency: RF) รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อยกกระชับผิวโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับแก้ปัญหา ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย ให้กลับมาตึงกระชับขึ้น

โปรแกรม Oligio ช่วยแก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยได้อย่างไร
กระชับลึกถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) คลื่น RF ความร้อนสม่ำเสมอช่วยหดรัดเส้นใยคอลลาเจนเดิมให้กระชับทันที
กระตุ้นสร้างคอลลาเจนใหม่ ผิวค่อย ๆ แข็งแรงขึ้นในช่วง 2-3 เดือนหลังทำ
ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและเฟิร์มขึ้น ลดความหย่อนของแก้มและปรับรูปหน้าให้ชัดเจน
ความร้อนโดนผิวที่ต้องการแก้ปัญหาและสม่ำเสมอ ลดความเสี่ยงต่อการทำลายผิวชั้นบน และทำให้รู้สึกสบายขณะทำ

ขั้นตอนการแก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยด้วยโปรแกรม Oligio
- ประเมินผิวและปัญหา เพื่อกำหนดระดับพลังงานที่เหมาะสม
- ทำความสะอาดและทาเจลนำพลังงาน
- ยิงพลังงาน RF รู้สึกอุ่นลึกใต้ผิว แต่ไม่ทำให้ผิวชั้นบนเสียหาย
- เห็นผลบางส่วนทันที และค่อย ๆ ชัดขึ้นใน 2-3 เดือน

ข้อดีของการใช้โปรแกรม Oligio แก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
- ยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น
- ช่วยฟื้นความตึงและลดความหย่อนคล้อยได้
- เหมาะกับทุกสภาพผิว
- ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นกับการดูแลผิว

การดูแลหลังทำโปรแกรม Oligio แก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
- ดื่มน้ำมากเพียงพอเพื่อช่วยกระบวนการสร้างคอลลาเจน
- หลีกเลี่ยงความร้อนจัด เช่น ซาวน่า หรืออบไอน้ำ ใน 24 ชั่วโมงแรก
- ใช้ครีมบำรุงที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิว

ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย แก้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการแก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยนี้ โดยช่วยทดแทนปริมาตรที่หายไป เติมเต็มให้ใบหน้ากลับมาดูอิ่มฟูและกระชับอย่างเป็นปกติ

โปรแกรมฟิลเลอร์ช่วยแก้ปัญหา ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยได้อย่างไร
- ฟิลเลอร์ช่วยแก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยเพราะ ทดแทนปริมาตรใต้ผิว เติมในตำแหน่งที่ไขมันหายไป เช่น แก้มส่วนกลาง หรือขมับ เพื่อยกพยุงผิว
- ฟิลเลอร์ช่วยแก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยเพราะ ช่วยปรับรูปหน้าให้สมดุล เมื่อผิวได้รับแรงพยุง กรอบหน้าจะชัดและได้สัดส่วนมากขึ้น
- ใช้ไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) สารที่มีคุณสมบัติอุ้มน้ำ ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้นและอิ่มฟู
- เห็นผลทันทีหลังทำ และสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับรูปหน้าแต่ละบุคคล

ขั้นตอนการแก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยด้วยฟิลเลอร์
- ประเมินใบหน้าและสภาพผิว เพื่อกำหนดปริมาณและตำแหน่งการฉีด
- ทำความสะอาดและใช้ยาชาเฉพาะที่
- ฉีดฟิลเลอร์ในตำแหน่งที่ต้องการ เพื่อยกพยุงผิวและปรับรูปหน้า
- ตรวจความสมดุลของใบหน้า และปรับแก้ทันทีหากจำเป็น

ข้อดีของการใช้ฟิลเลอร์หลังฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
- เห็นผลชัดเจนทันที
- ปรับรูปหน้าและลดความหย่อนคล้อยได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
- ฟิลเลอร์สลายได้ตามกระบวนการทำงานของร่างกาย และสามารถปรับเพิ่มหรือลดได้
- ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูและชุ่มชื้นมากขึ้น

การดูแลหลังใช้ฟิลเลอร์ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
- หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดแรงบริเวณที่ฉีดใน 24 ชั่วโมงแรก
- ดื่มน้ำมากพอ เพื่อให้ฟิลเลอร์คงความชุ่มชื้น
- หลีกเลี่ยงความร้อนจัด เช่น ซาวน่า หรืออบไอน้ำ ในช่วงแรก

หลังฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย การฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีช่วยฟื้นฟูปริมาตรใต้ผิวที่หายไป และช่วยพยุงผิวให้กลับมาตึงกระชับ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาโดยไม่ต้องผ่าตัดและพักฟื้นน้อย

ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย แก้ด้วยการฉีดกระตุ้นคอลลาเจน
การฉีดกระตุ้นคอลลาเจน เป็นวิธีช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวตึงกระชับขึ้นช่วยแก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยได้

การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนช่วยแก้ได้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยได้อย่างไร
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวแข็งแรงและตึงขึ้นจากชั้นใน
เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินที่สร้างใหม่ช่วยให้ผิวเด้งและกระชับ
ฟื้นฟูผิวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เห็นผลชัดขึ้นในช่วง 1-3 เดือนหลังทำ
ช่วยให้โครงสร้างผิวกลับมาพยุงรูปหน้าได้ดีขึ้น ทำให้แก้มที่หย่อนดูกระชับขึ้น

ขั้นตอนการแก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยด้วยการฉีดกระตุ้นคอลลาเจน
• ประเมินสภาพผิว เพื่อเลือกชนิดและปริมาณที่เหมาะสม
• ทำความสะอาดและเตรียมผิว
• ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน ในตำแหน่งที่ต้องการฟื้นฟู เช่น แก้มส่วนกลาง หรือแนวกรอบหน้า
• นวดจัดรูปสาร เพื่อกระจายตัวสม่ำเสมอ

ข้อดีของการกระตุ้นคอลลาเจนหลังฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
• ช่วยยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด
• ฟื้นฟูคุณภาพผิวให้แข็งแรงขึ้น
• ผลลัพธ์ค่อยเป็นค่อยไป
• อยู่ได้นานหลายเดือน ขึ้นกับชนิดของสารและการดูแลผิว

การดูแลหลังการกระตุ้นคอลลาเจนเมื่อฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนวดแรงในบริเวณที่ฉีด 24 ชั่วโมงแรก
• ดื่มน้ำเพียงพอ เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวและคงความชุ่มชื้น
• ใช้ครีมบำรุงที่ช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนและปกป้องผิวจากแสงแดด

หลังฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย การฉีดกระตุ้นคอลลาเจน เป็นวิธีช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน ให้โครงสร้างผิวกลับมาแข็งแรงและยกกระชับ เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาโดยไม่ต้องผ่าตัดและยังคงความเป็นตัวเอง

ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย แก้ด้วยโปรแกรมร้อยไหม
โปรแกรมร้อยไหม (Thread Lift) เป็นเทคนิคที่ช่วยยกกระชับผิวและปรับรูปหน้าให้กลับมาตึงได้ทันที เหมาะสำหรับแก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย โดยเฉพาะในบริเวณแก้มและกรอบหน้า

โปรแกรมร้อยไหมช่วยแก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยได้อย่างไร
ยกกระชับทันที ไหมมีเงี่ยงหรือกรวยเล็ก ๆ ช่วยเกี่ยวและดึงผิวขึ้น
กระตุ้นคอลลาเจน ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนรอบเส้นไหม ทำให้ผิวค่อย ๆ แข็งแรงและตึงขึ้นในระยะยาว
ปรับรูปหน้า ทำให้กรอบหน้าคมขึ้น และช่วยลดความหย่อนของแก้ม
เลือกตำแหน่งและทิศทางการร้อยไหมได้ เพื่อให้เหมาะกับปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย

ขั้นตอนการแก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย ด้วยการร้อยไหม
- ประเมินสภาพผิวและออกแบบทิศทางการร้อย
- ทำความสะอาดและฉีดยาชาเฉพาะจุด
- ร้อยไหมเข้าสู่ชั้นผิวที่ต้องการยกกระชับ
- จัดและดึงผิวให้ได้รูปตามแผนการรักษา

ข้อดีของการร้อยไหมหลังฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
- เห็นผลการยกกระชับทันทีหลังทำ
- กระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแข็งแรงในระยะยาว
- ปรับรูปหน้าได้แบบไม่แข็งทื่อ
- พักฟื้นน้อย สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

การดูแลหลังฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย ด้วยการร้อยไหม
• หลีกเลี่ยงการนวดหรือขยับใบหน้าแรง ๆ ใน 1-2 สัปดาห์แรก
• รับประทานอาหารอ่อน ลดการเคี้ยวแรงในช่วงแรก
• ดื่มน้ำมากพอและบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น

ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย แก้ด้วยการปรับพฤติกรรมและดูแลผิว
การแก้ไขปัญหานี้ ไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีหรือหัตถการเสมอไป เพราะการ ปรับพฤติกรรมและดูแลผิว อย่างถูกวิธี สามารถช่วยฟื้นฟูความกระชับและยืดหยุ่นของผิวลดปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยได้เช่นกัน

ปรับพฤติกรรมเพื่อฟื้นฟูความกระชับแก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
• นอนหลับเพียงพอ (7-8 ชั่วโมง/วัน) เพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมและสร้างคอลลาเจน
• รับประทานโปรตีนเพียงพอ เช่น ปลา ไข่ ถั่ว เพื่อเป็นวัตถุดิบในการสร้างคอลลาเจน
• ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 1.5-2 ลิตร เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและยืดหยุ่น
• หลีกเลี่ยงการลดน้ำหนักแบบรวดเร็ว เพราะทำให้ผิวหย่อนง่าย
• ลดพฤติกรรมทำร้ายผิว เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือสัมผัสแดดจัดโดยไม่ป้องกัน

ดูแลผิวให้แข็งแรงจากภายนอกแก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
• ใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนช่วยกระตุ้นคอลลาเจน เช่น วิตามินซี เปปไทด์ หรือเรตินอล (Retinol)
• นวดกระตุ้นผิวเบา ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนและเสริมความยืดหยุ่น
• ทาครีมกันแดดทุกวัน เพื่อป้องกันการเสื่อมของคอลลาเจนจากรังสี UV
• มาสก์บำรุงผิวสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิว
• ออกกำลังกายเพื่อกระชับกล้ามเนื้อใบหน้า
• ฝึกโยคะใบหน้า (Face Yoga) เพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ช่วยพยุงผิว
• ยิ้ม กรอกตา หรือขยับปากในท่าที่กระตุ้นกล้ามเนื้อแก้ม อย่างสม่ำเสมอ

สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยใครที่ยังไม่ได้ทำหัตถการฉีดแฟต ควรเลือกหมอและคลินิกที่จะฉีดแฟตอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดภายหลัง หรือใครที่ทำหัตถการฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย สามารถใช้หัตถการอื่น ๆ ช่วยเสริมได้ ไม่ว่าจะเป็นการยกกระชับเพื่อแก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย หรือการฉีดฟิลเลอร์ เราสามารถปรึกษาคุณหมอเพื่อเลือกหัตถการที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของเราได้เลย

คำถามยอดฮิตของการฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย
1.ทำไมฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย ?
คำตอบ เพราะหลังฉีดแฟต ไขมันใต้ผิวลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้โครงสร้างผิวขาดแรงพยุง โดยเฉพาะในคนที่มีคอลลาเจนและอีลาสตินลดลงตามวัย หรือฉีดในปริมาณมากเกินไป จึงทำให้ผิวหย่อนคล้อยได้ง่าย

2.ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยต้องทำอย่างไรให้กลับมากระชับ ?
คำตอบ ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย สามารถแก้ได้หลายวิธี เช่น ทำทรีตเมนต์ยกกระชับ (HIFU, Thermage FLX, Oligio, Ultraformer), ร้อยไหม, ฉีดฟิลเลอร์, ฉีดกระตุ้นคอลลาเจน หรือดูแลผิวและปรับพฤติกรรม เช่น ดื่มน้ำเพียงพอ รับประทานโปรตีน และนอนหลับให้เพียงพอ

3.ทำไมบางคนฉีดแฟตแล้วไม่แก้มห้อย ?
คำตอบ ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ความยืดหยุ่น อายุ ปริมาณไขมันที่สลาย และวิธีการดูแลหลังทำ หากผิวแข็งแรงและมีคอลลาเจนเพียงพอ ผิวจะกระชับตัวตามปกติหลังไขมันลดลง

4.ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะฟื้นตัว ?
คำตอบ หากดูแลผิวดีและมีการกระตุ้นคอลลาเจนควบคู่ อาจใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือนในการแก้ปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อย ผิวถึงจะกลับมากระชับใกล้เคียงเดิม ระยะเวลาขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้และการตอบสนองของร่างกายแต่ละคน

5.ป้องกันปัญหาฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยได้ไหม ?
คำตอบ ได้ โดยควรฉีดในปริมาณเหมาะสม เว้นระยะห่างให้ผิวมีเวลาปรับตัว และทำควบคู่กับวิธีกระชับผิว เช่น HIFU หรือร้อยไหม รวมถึงดูแลผิวด้วยการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง ดื่มน้ำมากพอ และทาครีมกันแดดทุกวัน

* ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
* ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง*
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ
ปรึกษาฟรี พร้อมรับ โปรโมชั่นพิเศษ ก่อนใคร
โปรโมชั่นต่างๆ
เรื่อง บทความน่ารู้ ที่คุณอาจสนใจ