โปรแกรมเมโสแฟตหน้าท้อง คืออะไร ลดไขมันหน้าท้อง กี่วันถึงเห็นผล
เมโสแฟตหน้าท้อง , แฟตหน้าท้อง
เมโสแฟตหน้าท้อง คืออะไร ได้ผลจริงไหม กี่วันถึงเห็นผล
ปัญหาพุงยื่นและไขมันหน้าท้องเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนกังวลใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุคลิกภาพ ความมั่นใจ รวมถึงสุขภาพในระยะยาว หลายคนพยายามลดด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย แต่ก็ยังมีไขมันบางส่วนที่ดื้อและลดยาก ปัจจุบันจึงมีตัวช่วยอย่างเมโสแฟตหน้าท้อง ที่ตอบโจทย์การลดไขมันเฉพาะจุด โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน ทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มคนที่ต้องการลดพุงให้ดูแบนราบและกระชับขึ้น
ในบทความนี้ขอพาไปรู้เกี่ยวกับเมโสแฟตหน้าท้องคืออะไร ข้อดี ข้อควรระวัง ผลข้างเคียงที่อาจพบ กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน การดูแลตัวเองก่อนและหลังทำ เพื่อเป็นข้อมูลก่อนตัดสินใจทำ
มีพุง มีไขมันหน้าท้อง เกิดจากอะไร
ก่อนฉีดเมโสแฟตหน้าท้อง มารู้ว่ามีพุงหรือมีไขมันสะสมที่หน้าท้องเกิดจากอะไร ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยแบ่งเป็นสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
1.พฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต
• รับประทานอาหารแคลอรีสูง เช่น ของทอด ของมัน น้ำตาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
• กินเกินกว่าที่ร่างกายเผาผลาญ พลังงานส่วนเกินจะถูกเก็บเป็นไขมันที่หน้าท้อง
• กินมื้อดึก ทำให้ร่างกายไม่ได้เผาผลาญพลังงานทันที
• ไม่ออกกำลังกาย ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง ไขมันจึงสะสมง่าย
2.อายุที่มากขึ้นและฮอร์โมน
• อายุที่เพิ่มขึ้น ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้น้อยลง ไขมันสะสมได้ง่าย
• ฮอร์โมนคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) สูงเกินไป ทำให้เกิดการเก็บไขมันที่พุง
• ผู้หญิงวัยทอง หรือหลังคลอด มักมีไขมันหน้าท้องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
• ฮอร์โมนเพศชายลดลง ในผู้ชายสูงวัย ส่งผลให้กล้ามเนื้อน้อยลงและมีพุงง่าย
3.พันธุกรรมและลักษณะร่างกาย
• คนที่มีกรรมพันธุ์เก็บไขมันช่วงท้องง่าย มักมีรูปร่างลงพุง แม้น้ำหนักไม่มาก
• โครงสร้างร่างกายแบบหุ่นแอปเปิล จะสะสมไขมันที่ท้องมากกว่าที่แขนหรือขา
4.พฤติกรรมการนอนและความเครียด
• นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ฮอร์โมนความอยากอาหาร (เกรลิน) สูงขึ้น กินมากขึ้น
• ความเครียดเรื้อรัง ทำให้ร่างกายเก็บไขมันสะสมที่ท้องมากขึ้น
5.โรคและภาวะทางสุขภาพ
• ดื่มแอลกอฮอล์บ่อย ทำให้เกิดพุงเบียร์
• โรคบางชนิด เช่น ไทรอยด์ทำงานต่ำ ภาวะดื้อต่ออินซูลิน หรือกลุ่มอาการเมตาบอลิก (Metabolic Syndrome) อาจทำให้มีพุงและเสี่ยงโรคหัวใจ เบาหวาน
มีพุงแบบไหนเหมาะกับเมโสแฟตหน้าท้อง
เมโสแฟตหน้าท้องไม่ได้เหมาะกับทุกคนหรือทุกประเภทของหน้าท้อง การเลือกใช้วิธีนี้ขึ้นอยู่กับสภาพไขมัน ปริมาณไขมัน และความตึงของผิวหนัง โดยสามารถแบ่งลักษณะพุงที่เหมาะสมกับเมโสแฟตหน้าท้องได้ดังนี้
1.เมโสแฟตหน้าท้องเหมาะกับพุงจากไขมันสะสมเฉพาะจุด
• ลักษณะ มีไขมันหน้าท้องเล็กน้อยถึงปานกลาง จับแล้วนิ่ม
• สาเหตุ กินเกินความต้องการ ร่างกายเก็บพลังงานไว้ที่ท้อง
• เหมาะกับการฉีดเมโสแฟตหน้าท้อง เพราะตัวยาจะช่วยสลายไขมันใต้ผิวหนังและขับออกทางระบบขับถ่าย
2.เมโสแฟตหน้าท้องเหมาะกับพุงล่าง
• ลักษณะ ไขมันสะสมเฉพาะบริเวณใต้สะดือ มักเจอในคนผอมแต่มีพุงเล็ก ๆ
• สาเหตุ ฮอร์โมน ความเครียด หรือนั่งทำงานนาน ๆ
• เหมาะกับการฉีดเมโสแฟตหน้าท้อง เพราะเป็นไขมันดื้อที่ออกกำลังกายยาก การฉีดช่วยให้หน้าท้องแบนราบเร็วขึ้น
3.เมโสแฟตหน้าท้องเหมาะกับพุงจากการนั่งทำงาน
• ลักษณะ พุงยื่นออกมาเล็กน้อยจากการนั่งนาน ขาดการเคลื่อนไหว
• สาเหตุ ระบบเผาผลาญช้าลง + ไขมันสะสม
• เหมาะกับการฉีดเมโสแฟตหน้าท้อง โดยเฉพาะในคนที่ไม่มีเวลาออกกำลังกายสม่ำเสมอ
เมโสแฟตหน้าท้องคืออะไร
เมโสแฟตหน้าท้อง คือ หัตถการฉีดตัวยาช่วยลดไขมันเข้าสู่ชั้นไขมันใต้ผิวหนังบริเวณหน้าท้อง เพื่อช่วยลดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่เฉพาะจุด ทำให้หน้าท้องดูแบนราบและกระชับขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือดูดไขมัน การฉีดเมโสแฟตหน้าท้องเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหา พุงเล็ก ๆ ไขมันสะสมบางส่วน ที่ออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารแล้วไม่ลดลง
แพทย์จะฉีดตัวยาที่ช่วยไขมัน เช่น Phosphatidylcholine (PPC) หรือสารสกัดที่ช่วยเร่งการเผาผลาญ เข้าไปในชั้นไขมัน สารจะไปทำให้ไขมันแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระ ร่างกายจะกำจัดออกทางระบบน้ำเหลืองและการขับถ่าย ผิวบริเวณที่ฉีดจะค่อย ๆ ดูเรียบเนียนขึ้น
เมโสแฟตหน้าท้องช่วยอะไรบ้าง
เมโสแฟตหน้าท้องเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมมาก ในกลุ่มคนที่มีพุงเล็ก ๆ หรือไขมันหน้าท้องสะสมบางจุด เพราะช่วยแก้ปัญหาได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ประโยชน์หลัก ๆ ของการฉีดเมโสแฟตหน้าท้อง ได้แก่
1.เมโสแฟตหน้าท้องช่วยลดไขมันเฉพาะจุดที่ดื้อการออกกำลังกาย
ไขมันหน้าท้องบางจุด โดยเฉพาะพุงล่างมักลดได้ยาก แม้จะออกกำลังกายและคุมอาหารแล้ว เมโสแฟตหน้าท้องจึงช่วยลดไขมันเฉพาะจุด ทำให้หน้าท้องแบนราบขึ้น
2.เมโสแฟตหน้าท้องช่วยกระชับสัดส่วนหน้าท้อง
เมโสแฟตหน้าท้องช่วยให้ไขมันหน้าท้องลดลง ส่งผลให้หน้าท้องจะดูเล็กลง ใส่เสื้อผ้าได้สวยขึ้น มั่นใจมากขึ้น
3.เมโสแฟตหน้าท้องเห็นผลลัพธ์ในเวลาไม่นาน พักฟื้นน้อย
เมโสแฟตหน้าท้องใช้เวลาฉีดเพียง 20-30 นาที หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ มักเห็นผลภายใน 2-3 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคล
4.เมโสแฟตหน้าท้องลดโอกาสเกิดไขมันสะสมเพิ่ม (หากดูแลร่วมด้วย)
เมโสแฟตหน้าท้องช่วยลดไขมันสะสม และหากควบคุมอาหารออกกำลังกายควบคู่ จะช่วยชะลอการกลับมาของไขมัน
5.เมโสแฟตหน้าท้องเป็นทางเลือกแทนการดูดไขมัน
สำหรับคนที่ไม่อยากเจ็บตัว ไม่อยากพักฟื้นยาว เมโสแฟตหน้าท้องมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการดูดไขมัน เหมาะกับคนที่มีไขมันปริมาณเล็กน้อยถึงปานกลาง ไม่หนามาก
6.เมโสแฟตหน้าท้องช่วยปรับบุคลิกภาพและความมั่นใจ
เมโสแฟตหน้าท้องช่วยให้หน้าท้องเล็กลง ทำให้บุคลิกดีขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเตรียมตัวใส่ชุดรัดรูป ชุดว่ายน้ำ บิกินี่ หรือเตรียมตัวถ่ายรูป
เมโสแฟตหน้าท้อง ช่วยลดไขมันได้จริงไหม
เมโสแฟตหน้าท้องสามารถช่วยลดไขมันได้จริงในระดับหนึ่ง โดยจะทำให้เซลล์ไขมันบริเวณที่ฉีด ได้รับการแตกตัวแล้วถูกขับออกจากร่างกาย ส่งผลให้ขนาดรอบเอวหรือหน้าท้องลดลง ดูกระชับขึ้น โดยเฉลี่ยอาจเห็นผลลดลงประมาณ 10-15% ต่อครั้ง และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้หลังฉีดประมาณ 1-2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม เมโสแฟตหน้าท้องเหมาะกับคนที่มีไขมันสะสมใต้ผิวหนังไม่มาก หรือลดยากแม้ออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว
แต่ผลลัพธ์ไม่ได้ถาวร หากไม่ได้ควบคุมอาหารและออกกำลังกายร่วมด้วย ไขมันสามารถกลับมาสะสมได้อีก นอกจากนี้ เมโสแฟตหน้าท้องไม่สามารถลดไขมันในช่องท้องส่วนลึก (Visceral Fat) ได้ สำหรับคนที่มีไขมันสะสมในปริมาณมาก ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจน และจำเป็นต้องฉีดหลายครั้ง หรือใช้วิธีอื่นร่วมด้วย
ข้อดีของเมโสแฟตหน้าท้อง
• เมโสแฟตหน้าท้องช่วยลดไขมันเฉพาะจุดได้เร็วกว่าการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว
• เมโสแฟตหน้าท้องเหมาะกับผู้ที่มีไขมันใต้ผิวสะสมจำนวนน้อย-ปานกลาง
• เมโสแฟตหน้าท้องใช้เวลาพักฟื้นน้อย สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
ข้อจำกัดของเมโสแฟตหน้าท้อง
• ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่ถาวร ต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกายต่อเนื่องจึงจะคงผลลัพธ์ไว้ได้
• เมโสแฟตหน้าท้องไม่เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมมากหรือไขมันในช่องท้องลึก
• เมโสแฟตหน้าท้องต้องทำซ้ำเป็นระยะ และการลดไขมันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
โดยสรุป เมโสแฟตหน้าท้องช่วยลดไขมันได้จริงสำหรับบางกรณี โดยควรใช้ควบคู่กับวิธีการดูแลสุขภาพอื่น ๆ จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียง
เมโสแฟตหน้าท้องเหมาะกับใคร
• เมโสแฟตหน้าท้องเหมาะกับคนที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด เช่น พุงนิ่ม พุงล่าง หรือหน้าท้องป่องเล็กน้อย ออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว แต่ยังมีไขมันเฉพาะจุดที่ลดไม่ลง
• เมโสแฟตหน้าท้องเหมาะกับคนที่รูปร่างไม่ได้อ้วนมาก น้ำหนักตัวปกติหรือเกินเล็กน้อย แต่มีไขมันหน้าท้องสะสม ต้องการปรับสัดส่วนมากกว่าลดน้ำหนักทั้งตัว
• เมโสแฟตหน้าท้องเหมาะกับคนที่ต้องการเห็นผลโดยไม่ผ่าตัด ไม่ต้องการพักฟื้นยาวเหมือนการดูดไขมัน เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ใน 2-3 สัปดาห์ (หากทำต่อเนื่อง)
• เมโสแฟตหน้าท้องเหมาะกับคนที่มีเวลาจำกัด เช่น ต้องการเตรียมตัวใส่ชุดรัดรูป ถ่ายรูปงานสำคัญ หรือใส่บิกินี่ในช่วงวันหยุด
เมโสแฟตหน้าท้องไม่เหมาะกับใคร
• เมโสแฟตหน้าท้องไม่เหมาะกับคนที่มีไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ลักษณะพุงแข็ง กดไม่ยุบ เกิดจากไขมันหุ้มอวัยวะ เมโสแฟตหน้าท้องไม่สามารถกำจัดได้ ต้องแก้ด้วยการคุมอาหารและออกกำลังกาย
• เมโสแฟตหน้าท้องไม่เหมาะกับคนที่ผิวหนังหย่อนคล้อยมาก เช่น หลังคลอดหรือลดน้ำหนักเร็ว เมโสแฟตหน้าท้องลดได้แค่ไขมัน ไม่สามารถยกกระชับผิว จำเป็นต้องใช้ HIFU, Thermage หรือผ่าตัดร่วมด้วย
• เมโสแฟตหน้าท้องไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคตับ โรคไต เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ อาจทำให้ร่างกายกำจัดไขมันออกไม่ดี
• เมโสแฟตหน้าท้องไม่เหมาะกับสตรีตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรงดทำทุกกรณีเพื่อความปลอดภัย
เมโสแฟตหน้าท้อง ฉีดกี่ CC ถึงเห็นผล
เมโสแฟตหน้าท้อง ปริมาณที่ใช้ต่อครั้งจะอยู่ที่ประมาณ 20-40 CC ต่อบริเวณหน้าท้อง และในบางกรณีที่มีไขมันสะสมมากหรือต้องการเห็นผลชัดเจน สามารถฉีดเมโสแฟตหน้าท้องได้สูงสุดถึง 80 CC ต่อครั้ง โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
โดยทั่วไปเมโสแฟตหน้าท้อง 20 CC จะให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้คือไขมันจะลดลง 10-15% ต่อการฉีด 1 ครั้ง หลังฉีด 2-3 สัปดาห์จะเห็นผลชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ปริมาณและความถี่ในการฉีดขึ้นกับสภาพของแต่ละบุคคล ควรให้แพทย์ประเมินก่อนทุกครั้งเพื่อลดความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียง
เมโสแฟตหน้าท้อง กี่วันถึงเห็นผล
หลังฉีดเมโสแฟตหน้าท้องจะเริ่มเห็นผลว่าไขมันบริเวณที่ฉีดลดลงภายใน 5-7 วัน และจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนเต็มที่ใน 2-3 สัปดาห์ โดยไขมันจะลดลงประมาณ 10-15% ต่อการฉีด 1 ครั้ง ทั้งนี้ความเร็วในการเห็นผลหลังฉีดเมโสแฟตหน้าท้องอาจแตกต่างกันในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันเดิม คุณภาพของยา และการดูแลหลังฉีด เช่น การควบคุมอาหารและการออกกำลังกายร่วมด้วย
เมโสแฟตหน้าท้อง อยู่ได้นานแค่ไหน
เมโสแฟตหน้าท้อง ผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ได้นานประมาณ 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดเป็นหลัก เช่น การควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ถ้าไม่มีการสะสมไขมันเพิ่มหรือพฤติกรรมที่ทำให้ไขมันกลับมา ผลลัพธ์ก็จะอยู่ได้นาน แต่ถ้าไม่มีการดูแลอย่างดี ไขมันอาจกลับมาใหม่ได้
โดยทั่วไปจะแนะนำให้ฉีดเมโสแฟตหน้าท้องหลายครั้ง (4-5 ครั้ง) อย่างต่อเนื่อง ประมาณสัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและอยู่ได้นานขึ้น
เมโสแฟตหน้าท้องควรฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล
เมโสแฟตหน้าท้องโดยทั่วไปแนะนำให้ฉีดต่อเนื่องประมาณ 4-5 ครั้ง โดยฉีดทุก 7 วัน เพื่อให้เห็นผลไขมันลดลงชัดเจนและผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น ทั้งนี้การฉีดครั้งแรกก็สามารถเห็นผลได้ประมาณ 10-15% ของไขมันที่ลดลงทันที แต่การฉีดซ้ำตามคอร์สจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพผลลัพธ์
ในแต่ละครั้งจะใช้ปริมาณเมโสแฟตหน้าท้องประมาณ 20-40 CC ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันสะสมและการประเมินของแพทย์ ส่วนในบางรายที่ไขมันมากหรืออยากได้ผลเร็ว อาจต้องฉีดจำนวนซีซีมากขึ้นหรือฉีดหลายครั้งจนกว่าจะพอใจ
ดังนั้นการฉีดเมโสแฟตหน้าท้องมักต้องมีหลายครั้งและต้องทำตามคำแนะนำแพทย์ เพื่อลดความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงและได้ผลลัพธ์ที่ดี
เมโสแฟตหน้าท้องอันตรายไหม
เมโสแฟตหน้าท้องโดยทั่วไปถือว่าไม่อันตราย หากฉีดโดยแพทย์ในคลินิกที่ได้มาตรฐานและใช้ตัวยาที่ได้รับการรับรอง เพราะตัวยาในเมโสแฟตหน้าท้องส่วนใหญ่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ที่สามารถย่อยสลายได้ในร่างกายโดยไม่มีสารตกค้าง แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น อาการบวมช้ำ แสบบริเวณที่ฉีด หรืออาการแพ้ที่เกิดได้ในบางคน
อย่างไรก็ตาม หากใช้เมโสแฟตปลอมหรือฉีดโดยหมอกระเป๋า ไซต์ที่ไม่มีใบอนุญาต อาจเกิดอันตรายรุนแรง เช่น การติดเชื้อ ผิวหนังบุ๋ม ผิวหนังอักเสบ หรือบวมแดงเรื้อรัง เนื่องจากยาบางชนิดผสมสเตียรอยด์หรือยาสลายฟิลเลอร์ซึ่งมีผลข้างเคียงสูงและไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการในประเทศไทย
จึงแนะนำให้ศึกษาข้อมูลให้ดี เลือกใช้บริการกับคลินิกที่ได้รับความน่าเชื่อถือ และแพทย์ที่มีความรู้เกี่ยวกับการฉีดเมโสแฟตหน้าท้อง เพื่อลดความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียง
เมโสแฟตหน้าท้องมีผลข้างเคียงไหม
เมโสแฟตหน้าท้องถือว่าเป็นหัตถการที่ไม่เป็นอันตราย หากทำโดยแพทย์ คลินิกที่น่าเชื่อถือ และใช้ตัวยาที่ได้มาตรฐาน แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงบางอย่างเกิดขึ้นได้ ซึ่งควรรู้ไว้ก่อนตัดสินใจทำ
ผลข้างเคียงเมโสแฟตหน้าท้องที่พบบ่อย (มักหายได้เอง)
• บวม แดง ร้อน หรือคันบริเวณที่ฉีด เกิดจากการอักเสบเล็กน้อยขณะไขมันถูกสลาย มักหายภายใน 2-3 วัน
• รอยช้ำ จุดเลือดออกเล็กน้อย เกิดจากเข็มที่แทงผ่านเส้นเลือดฝอย มักจางลงภายใน 1 สัปดาห์
• เจ็บตึง หรือปวดหน่วงบริเวณที่ฉีด เกิดจากไขมันเริ่มถูกทำลายและร่างกายกำลังขับออก อาการจะค่อย ๆ ลดลงเอง
• ก้อนแข็งเล็ก ๆ ใต้ผิวหนัง บางคนอาจรู้สึกคลำเจอก้อนแข็ง เป็นไขมันที่กำลังถูกสลาย มักหายไปเองใน 2-4 สัปดาห์
ผลข้างเคียงเมโสแฟตหน้าท้องที่พบได้น้อย (ควรปรึกษาแพทย์ทันที)
• อาการแพ้ยา เช่น ผื่นลมพิษ หน้าบวม หายใจลำบาก พบได้น้อยมาก แต่ต้องรีบพบแพทย์
• ติดเชื้อ อาจเกิดหากสถานพยาบาลไม่สะอาดหรือการดูแลหลังทำไม่ถูกต้อง สังเกตได้จากอาการบวมแดง ร้อน เจ็บมากผิดปกติ มีหนอง
• ผิวหนังไม่เรียบหรือบุ๋ม เกิดจากการกระจายตัวยาไม่สม่ำเสมอ หรือแพทย์ไม่มีประสบการณ์
เมโสแฟตหน้าท้อง vs ดูดไขมันหน้าท้อง
ทั้งเมโสแฟตหน้าท้องและดูดไขมันหน้าท้อง ต่างก็มีเป้าหมายเหมือนกัน คือ กำจัดไขมันส่วนเกินที่หน้าท้อง แต่จริง ๆ แล้วสองวิธีนี้แตกต่างกันทั้งเรื่องวิธีทำ ข้อจำกัด รวมถึงความเหมาะสมของคนไข้แต่ละประเภท
เมโสแฟตหน้าท้อง
วิธีทำ
• แพทย์ฉีดตัวยาลดไขมันเข้าไปในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง
• ไขมันที่แตกตัวจะถูกขับออกทางระบบน้ำเหลืองและการขับถ่าย
ข้อดี
• ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
• ทำเสร็จใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
• เหมาะกับคนที่มีไขมันน้อย-ปานกลาง พุงนิ่ม
ข้อจำกัด
• ต้องทำหลายครั้ง (ประมาณ 3-5 ครั้งขึ้นไป) จึงเห็นผลชัดเจน
• ลดได้เฉพาะไขมันใต้ผิวหนัง ไม่สามารถลดไขมันในช่องท้อง ได้
• ถ้ามีผิวหนังหย่อนคล้อยมาก จะไม่ช่วยเรื่องกระชับ
เหมาะกับใคร
• คนที่มีพุงเล็ก ๆ ต้องการปรับสัดส่วน
• คนที่กลัวเจ็บ กลัวผ่าตัด และอยากเห็นผลค่อย ๆ ชัดเจน
ดูดไขมันหน้าท้อง
วิธีทำ
• ศัลยแพทย์จะใช้เครื่องมือดูดไขมันออกโดยตรง
• สามารถกำจัดไขมันจำนวนมากในครั้งเดียว
ข้อดี
• เห็นผลในเวลาไม่นานหลังทำ
• ลดไขมันได้ปริมาณมาก เหมาะกับคนที่มีพุงใหญ่
• สามารถเลือกกำหนดรูปทรงได้ชัดเจน
ข้อจำกัด
• เป็นการผ่าตัด มีบาดแผลเล็ก ๆ ต้องพักฟื้น
• ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการฉีดเมโสแฟตหลายเท่า
• เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ช้ำ บวม หรือผิวไม่เรียบ หากทำกับแพทย์ไม่มีประสบการณ์
เหมาะกับใคร
• คนที่มีไขมันหน้าท้องเยอะ อยากเห็นผลชัดเจนในครั้งเดียว
• คนที่ยอมรับการผ่าตัดและระยะพักฟื้นได้
สรุปเปรียบเทียบ เมโสแฟตหน้าท้อง vs ดูดไขมันหน้าท้อง
• เมโสแฟตหน้าท้อง เหมาะกับพุงเล็ก-ปานกลาง ไขมันนิ่ม ต้องการลดเฉพาะจุดแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่ผ่าตัด
• ดูดไขมันหน้าท้อง เหมาะกับพุงใหญ่ ไขมันเยอะ อยากเห็นผลเร็วในครั้งเดียว แต่ต้องยอมรับความเจ็บและค่าใช้จ่ายสูง
เมโสแฟตหน้าท้อง vs CoolSclupting
ทั้งเมโสแฟตหน้าท้องและ CoolSculpting (การสลายไขมันด้วยความเย็น) ต่างก็เป็นวิธีลดไขมันหน้าท้องแบบไม่ผ่าตัด แต่หลักการทำงานและผลลัพธ์ค่อนข้างต่างกัน มาดูรายละเอียดเปรียบเทียบกันดังนี้
เมโสแฟตหน้าท้อง
วิธีทำ
• ใช้เข็มฉีดตัวยาลดไขมันเข้าสู่ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง
• ตัวยาจะไปทำให้ไขมันแตกตัว แล้วถูกขับออกทางระบบน้ำเหลืองและปัสสาวะ
ข้อดี
• ขั้นตอนง่าย ใช้เวลาไม่นาน (ประมาณ 20-30 นาที)
• พักฟื้นน้อย หลังทำใช้ชีวิตได้ตามปกติ
• เหมาะสำหรับไขมันสะสมเล็กน้อยถึงปานกลาง
• ค่าใช้จ่ายถูกกว่าการทำ CoolSculpting
ข้อจำกัด
• ต้องทำซ้ำหลายครั้ง (3-5 ครั้งขึ้นไป) ถึงเห็นผลชัดเจน
• ลดได้เฉพาะไขมันใต้ผิวหนัง ไม่กระชับผิว
• หากไขมันเยอะมาก อาจเห็นผลช้า
CoolSculpting ( Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น คืออะไร )
วิธีทำ
• ใช้เครื่องมือปล่อยความเย็นจัดควบคุมไปยังชั้นไขมันเฉพาะจุด
• ความเย็นจะทำให้เซลล์ไขมันแข็งตัวและตาย จากนั้นร่างกายจะกำจัดออกเองตามธรรมชาติ
ข้อดี
• ลดไขมันได้ปริมาณมากกว่าเมโสแฟต เห็นผลค่อนข้างชัดเจน
• ทำเพียง 1-2 ครั้งก็เห็นการเปลี่ยนแปลง (ผลชัดสุดใน 2-3 เดือน)
• เป็นการกำจัดไขมันถาวร เซลล์ไขมันที่ถูกทำลายจะไม่กลับมาใหม่
ข้อจำกัด
• ค่าใช้จ่ายสูงกว่าหลายเท่า
• หลังทำบางคนอาจมีอาการชาบริเวณที่ทำได้เป็นสัปดาห์
• ไม่เหมาะกับคนที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยมาก
สรุปเปรียบเทียบ เมโสแฟตหน้าท้อง vs CoolSculpting
• เมโสแฟตหน้าท้อง เหมาะกับคนที่มีพุงเล็กน้อย-ปานกลาง อยากลดไขมันเฉพาะจุดแบบค่อยเป็นค่อยไป ใช้งบประมาณไม่สูงมาก และไม่อยากใช้เครื่องมือใหญ่
• CoolSculpting เหมาะกับคนที่มีไขมันสะสมปานกลาง-เยอะ อยากเห็นผลถาวร ไม่ต้องการฉีด และยอมจ่ายงบสูงกว่า เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น
การเตรียมตัวก่อนฉีดเมโสแฟตหน้าท้อง
การเตรียมตัวก่อนฉีดเมโสแฟตหน้าท้องเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้ลดความเสี่ยงในการทำหัตถการ เห็นผลลัพธ์ชัดเจน และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง โดยทั่วไปควรปฏิบัติดังนี้
1.ก่อนฉีดเมโสแฟตหน้าท้องตรวจสอบสุขภาพเบื้องต้น
• แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคตับ โรคไต
• แจ้งหากมีประวัติแพ้ยา หรือสารใด ๆ มาก่อน
• ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรเลี่ยงการทำเมโสแฟตหน้าท้อง
2.ก่อนฉีดเมโสแฟตหน้าท้องหลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิด
• หยุดใช้ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เพื่อลดความเสี่ยงการช้ำและเลือดออกง่าย
• เช่น แอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลา สมุนไพรบางชนิด (โสม, แปะก๊วย) อย่างน้อย 3-5 วันก่อนทำ
3.ก่อนฉีดเมโสแฟตหน้าท้องงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
• อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนทำเมโสแฟตหน้าท้อง
• เพราะแอลกอฮอล์และนิโคตินทำให้เลือดไหลเวียนผิดปกติ เพิ่มโอกาสช้ำและฟื้นตัวช้า
4.ก่อนฉีดเมโสแฟตหน้าท้องดูแลร่างกายให้พร้อม
• ดื่มน้ำให้เพียงพอ ร่างกายที่ชุ่มชื้นจะช่วยให้ขับไขมันออกได้ดีขึ้น
• พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงในคืนก่อนฉีด
• รับประทานอาหารเบา ๆ ก่อนเข้ารับบริการ เพื่อไม่ให้เวียนหัวหรืออ่อนเพลีย
5.ก่อนฉีดเมโสแฟตหน้าท้องเตรียมจิตใจและข้อมูล
• ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเมโสแฟตอย่างรอบด้าน เพื่อเข้าใจขั้นตอนและผลลัพธ์ที่แท้จริง
• เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ประจำ และใช้ตัวยาที่ได้รับรอง
• เตรียมถามแพทย์เกี่ยวกับจำนวนครั้งที่ควรทำ และคาดหวังผลลัพธ์ได้แค่ไหน
การดูแลตัวเองหลังฉีดเมโสแฟตหน้าท้อง
การดูแลหลังทำมีผลอย่างมากต่อผลลัพธ์และลดความเสี่ยงของการฉีดเมโสแฟตหน้าท้อง หากดูแลถูกต้องจะช่วยให้ร่างกายขับไขมันออกได้เร็วขึ้น ลดอาการบวมช้ำ และเห็นผลลัพธ์ชัดเจน โดยมีคำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังฉีดเมโสแฟตหน้าท้อง ดังนี้
1.หลังฉีดเมโสแฟตหน้าท้องควรดื่มน้ำมาก ๆ
หลังฉีดเมโสแฟตหน้าท้องควรดื่มน้ำวันละ 2-3 ลิตร เพื่อช่วยให้ร่างกายขับไขมันที่ถูกสลายออกทางระบบน้ำเหลืองและปัสสาวะได้เร็วขึ้น
2.หลังฉีดเมโสแฟตหน้าท้องหลีกเลี่ยงอาหารมัน เค็ม หวานจัด
หลังฉีดเมโสแฟตหน้าท้องเพื่อลดการสะสมไขมันใหม่หลังทำ แนะนำเน้นกินอาหารที่มีโปรตีนสูง ผัก ผลไม้ และไฟเบอร์
3.หลังฉีดเมโสแฟตหน้าท้องควรออกกำลังกายเบา ๆ
หลังทำเมโสแฟตหน้าท้อง 1-2 วัน หากไม่มีอาการเจ็บ สามารถเริ่ม คาร์ดิโอเบา ๆ เช่น เดินเร็ว ปั่นจักรยาน การออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญและทำให้ผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น
4.หลังฉีดเมโสแฟตหน้าท้องงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
หลังฉีดเมโสแฟตหน้าท้องอย่างน้อย 3-7 วัน ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้ตับทำงานหนักและกำจัดไขมันออกได้ช้าลง
5.หลังฉีดเมโสแฟตหน้าท้องหลีกเลี่ยงการกด บีบ นวดแรง ๆ
หลังฉีดเมโสแฟตหน้าท้องหลีกเลี่ยงการกด บีบ นวดแรง ๆ โดยเฉพาะในช่วง 1 สัปดาห์แรก เพื่อป้องกันอาการช้ำและบวมมากขึ้น หากแพทย์แนะนำการนวดเบา ๆ หรือใช้เครื่องมือเสริม อาจช่วยให้ตัวยากระจายดีขึ้น
6.หลังฉีดเมโสแฟตหน้าท้องสังเกตอาการผิดปกติ
หลังเมโสแฟตหน้าท้องหากมีอาการบวมแดงรุนแรง เจ็บมาก หรือมีหนอง ควรรีบกลับไปพบแพทย์ทันที โดยทั่วไปอาการบวม แดง ตึง จะหายภายใน 2-7 วัน
7.หลังฉีดเมโสแฟตหน้าท้องควรทำต่อเนื่องตามแพทย์นัด
หลังฉีดเมโสแฟตหน้าท้องโดยปกติจะเห็นผลชัดหลังทำ 3-5 ครั้งขึ้นไป (ขึ้นกับปริมาณไขมัน) การทำต่อเนื่องตามคอร์สช่วยให้ผลลัพธ์ที่ดีและคงอยู่ยาวนาน
FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเมโสแฟตหน้าท้อง
เมโสแฟตหน้าท้อง เจ็บไหม แสบไหม
ระหว่างฉีดเมโสแฟตหน้าท้องอาจมีความรู้สึกเจ็บจี๊ด แสบ หรือร้อนเล็กน้อย บริเวณที่ฉีด ความรู้สึกนี้เกิดจากตัวยาที่เข้าไปทำปฏิกิริยากับชั้นไขมัน แต่อาการมักอยู่ไม่นาน (ไม่เกิน 15-30 นาที) แล้วจะค่อย ๆ ทุเลาลง หลังทำอาจมีบวม ตึง หรือช้ำได้บ้าง แต่จะหายเองภายใน 2-7 วัน หากกลัวเจ็บ แพทย์มักทายาชาหรือประคบน้ำแข็งก่อนฉีดเมโสแฟตหน้าท้อง เพื่อลดความรู้สึกไม่สบาย
เมโสแฟตหน้าท้อง ทำแล้วไขมันกลับมาไหม
เมโสแฟตหน้าท้องช่วยลดไขมันหน้าท้องได้จริง แต่ถ้าหลังทำยังกินอาหารมันหวานหรือไม่ออกกำลังกาย ไขมันใหม่ก็กลับมาสะสมได้ ดังนั้นผลลัพธ์เมโสแฟตหน้าท้องจะอยู่ได้นานหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละคน ถ้าดูแลตัวเองดี ผลลัพธ์อาจอยู่ได้หลายเดือนถึงเป็นปี สรุปคือ ไขมันที่ถูกสลายแล้วจะไม่กลับมา แต่ไขมันใหม่สะสมเพิ่มได้ ถ้าไม่ควบคุมพฤติกรรม
เมโสแฟตหน้าท้อง เว้นระยะห่างกี่วันถึงฉีดซ้ำได้
โดยทั่วไปการฉีดเมโสแฟตหน้าท้อง แพทย์จะแนะนำให้เว้นระยะ 1-2 สัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อให้ร่างกายมีเวลาขับไขมันออกและลดอาการบวมช้ำก่อน ส่วนใหญ่จะเห็นผลชัดเจนขึ้นเมื่อทำต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง จำนวนครั้งที่ต้องทำขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันของแต่ละคน
สรุปเมโสแฟตหน้าท้องดีไหม
สรุปว่า เมโสแฟตหน้าท้องเป็นทางเลือกที่ช่วยลดไขมันเฉพาะจุดได้จริง เหมาะสำหรับผู้ที่มีพุงเล็กน้อยถึงปานกลาง และต้องการเห็นผลลัพธ์โดยไม่ต้องผ่าตัด แม้ผลลัพธ์จะไม่ถาวรและขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง แต่หากทำต่อเนื่อง ควบคู่กับการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย ก็สามารถช่วยให้หน้าท้องเล็กลงและเพิ่มความมั่นใจให้มากขึ้นได้ ที่สำคัญคือควรเลือกฉีดกับแพทย์และคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อลดความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงและผลลัพธ์ที่ดี
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ