โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport คืออะไร กี่วันถึงเห็นผล มีข้อดีอย่างไร
โบท็อกซ์ Dysport , Dysport
โบท็อกซ์ Dysport คืออะไร กี่วันถึงเห็นผล มีข้อดีอย่างไร
โปรแกรม โบท็อกซ์ Dysport คืออะไร เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหนบ้าง
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport เป็นโบท็อกซ์สัญชาติอังกฤษที่เด่นในเรื่องของการกระจายตัวได้ดี ช่วยปรับรูปหน้า ยกกระชับผิวได้อย่างสมส่วน
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport นอกจากจะฉีดบริเวณใบหน้าแล้ว ยังสามารถฉีดเฉพาะจุดได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น น่องขา แขน หรือรักแร้ แล้วโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหนอีกบ้าง แล้วมีข้อควรระวังอะไรบ้าง บทความนี้รวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว
รวมทุกหัวข้อเกี่ยวกับโปรแกรม โบท็อกซ์ Dysport
- โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport คืออะไร มีหลักการอย่างไร
- โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไรบ้าง
- โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport มีข้อดีอย่างไรบ้าง
- ข้อควรระวังในการฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
- โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport เหมาะกับใครบ้าง
- ใครควรหลีกเลี่ยงโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
- โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport นิยมฉีดตำแหน่งไหน
- โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ของแท้ดูอย่างไร
- วิธีเตรียมตัวก่อนฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
- วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
- โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport เห็นผลภายในกี่วัน
- โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง
- โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport อยู่ได้นานแค่ไหน
- โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport เจ็บไหม
- สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport คืออะไร มีหลักการอย่างไร
โปรแแกรมโบท็อกซ์ Dysport คือโบท็อกซ์สัญชาติอังกฤษ ผลิตโดยบริษัท Galderma ซึ่งเป็นบริษัทด้านผิวหนังจากสหราชอาณาจักร โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า AbobotulinumtoxinA และมักถูกเรียกอีกชื่อว่า “โบท็อกซ์อังกฤษ” หรือ “โบท็อกซ์ ABO” จุดเด่นของโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport คือเนื้อโบท็อกซ์มีโมเลกุลขนาดเล็กและกระจายตัวได้กว้าง จึงเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มแพทย์ผิวหนังและแพทย์ด้านความงาม โดยเฉพาะในเทคนิคที่ไม่อยากให้หน้าตึงเกิน หน้าดูสมส่วน
โบท็อกซ์ คืออะไร ฉีดโบลดริ้วรอยจุดไหนได้บ้าง อันตรายไหมต้องรู้อะไรก่อนฉีด
จุดเด่นของโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
1.โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport กระจายตัวได้ดี
โมเลกุลของโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport มีขนาดเล็กกว่าโบท็อกซ์บางยี่ห้อ จึงสามารถกระจายตัวได้ทั่วบริเวณที่ฉีดอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้ผลลัพธ์ดูเนียนมากขึ้น เหมาะกับบริเวณกว้าง เช่น หน้าผาก ริ้วรอยรอบดวงตา หรือกรามที่ต้องการให้ดูเรียวโดยไม่เป็น “เหลี่ยมแข็ง”
2.โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ให้ผลลัพธ์ที่ไม่ตึงเกินไป
หนึ่งในข้อดีที่โดดเด่นของโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport คือช่วยลดริ้วรอยโดยไม่ทำให้ใบหน้าดูแข็งหรือตึงจนเกินไป หลังฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ยังสามารถยิ้ม หัวเราะ หรือแสดงสีหน้าได้ตามปกติ แพทย์จึงมักเลือกใช้โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ในเทคนิค Derma Lift ซึ่งเป็นการฉีดเพื่อยกกระชับผิวปรับรูปหน้าโดยไม่ทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าตึงเกินไป
3.โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ผลลัพธ์ค่อนข้างยาวนาน
จากงานวิจัยของบริษัท Galderma พบว่าโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport สามารถคงผลในการลดริ้วรอยได้นานถึง ประมาณ 6 เดือน เทียบเท่ากับโบท็อกซ์อเมริกา แต่มีค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่ากว่า จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกยอดนิยม
ฉีดโบท็อกซ์ กี่ยูนิต ฉีดจุดไหนได้บ้าง ช่วยอะไร กี่วันเห็นผล
กลไกการทำงานของโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ทำงานโดยยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อที่ก่อให้เกิดริ้วรอย ผ่านกระบวนการทางชีวเคมีที่แม่นยำและปลอดภัย แบ่งเป็น 2 ส่วนหลักที่ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
1.Heavy Chain ตัวนำสารเข้าสู่เซลล์ประสาท
โมเลกุลส่วนที่เรียกว่า Heavy Chain จะทำหน้าที่ “จับ” กับตัวรับ (receptor) ของเซลล์ประสาทที่ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้สารออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์สามารถเข้าสู่เซลล์ประสาทได้อย่างเฉพาะเจาะจงและไม่เป็นอันตราย
2.Light Chain ยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาท
เมื่อเข้าสู่เซลล์แล้ว Light Chain จะยับยั้งการหลั่งสาร Acetylcholine ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่กระตุ้นให้กล้ามเนื้อหดตัว เมื่อกล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้ตามปกติ ริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ เช่น รอยขมวดคิ้ว รอยย่นหน้าผาก หรือรอยตีนกา ก็จะค่อย ๆ จางลง
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไรบ้าง
ในกลุ่มโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ถือเป็นโบท็อกซ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งในด้าน “การกระจายตัวยา” และ ระยะเวลาในการออกฤทธิ์ จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมในการปรับรูปหน้าและลดริ้วรอย
1.โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport มีการกระจายตัวยากว้างกว่าโปรแกรมโบท็อกซ์ทั่วไป
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ถูกออกแบบให้มี โมเลกุลขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ทำให้กระจายตัวได้กว้างกว่ายี่ห้ออื่น ๆ หลังฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport สามารถแผ่กระจายครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่า โดยไม่ต้องใช้ปริมาณยามาก ส่งผลให้ผลลัพธ์ดู เนียน และไม่เป็นรอยต่อแข็งระหว่างจุดที่ฉีด
2.โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ออกฤทธิ์ไว
โปรแรกมโบท็อกซ์ Dysport มีจุดเด่นเรื่อง “ระยะเวลาออกฤทธิ์เร็ว” โดยมักเริ่มเห็นผลภายใน 3-5 วัน หลังฉีด และเห็นผลชัดเต็มที่ในช่วงประมาณ 7-14 วัน ซึ่งเร็วกว่ายี่ห้ออื่นที่อาจใช้เวลาประมาณ 10-14 วัน
3.โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport มีหน่วยวัดปริมาณไม่เหมือนยี่ห้ออื่น
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ใช้หน่วยวัดปริมาณยาเป็น Speywood Units (S.U.) ซึ่งต่างจากโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่นที่ใช้ International Units (I.U.)
โดยทั่วไป
300 ยูนิตของ Dysport มีประมาณ 100 ยูนิตของ Botox (อเมริกา)
ดังนั้น แม้จำนวน “ยูนิต” จะดูมากกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าปริมาณยาเข้มข้นกว่าหรือแรงกว่า เป็นเพียง หน่วยมาตรฐานคนละระบบ เท่านั้น
4.ความแตกต่างด้านสูตรและโปรตีนของโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
แต่ละยี่ห้อมี สูตรโปรตีนห่อหุ้มโมเลกุล (Complexing Protein) ต่างกัน ซึ่งมีผลต่อการกระจายตัวและการตอบสนองของร่างกาย เช่น
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport มีโมเลกุลเบา กระจายตัวได้กว้าง
- Botox (อเมริกา) โมเลกุลใหญ่กว่า ควบคุมพื้นที่ฉีดได้ เหมาะกับจุดเล็ก ๆ เช่น ริ้วรอยเฉพาะจุด
- Xeomin (เยอรมัน) ไม่มีโปรตีนห่อหุ้ม เหมาะกับผู้ที่แพ้ง่ายหรือต้องฉีดบ่อย
- โบท็อกซ์เกาหลี (Nabota, Aestox) เน้นคุ้มค่า เห็นผลไว แต่กระจายตัวยาแคบกว่า
ดังนั้นการเลือกยี่ห้อจึงไม่ได้มีดีที่สุด แต่ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการฉีดและเทคนิคของแพทย์
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport มีข้อดีอย่างไรบ้าง
โปรแกรม โบท็อกซ์ Dysport มีข้อดีครบทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความละมุน ไม่ตึงเกินไป และการนำไปใช้ที่หลากหลาย ตั้งแต่การลดริ้วรอย ยกกระชับใบหน้า ลดเหงื่อ ไปจนถึงการปรับรูปร่าง ทั้งหมดนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นอันตราย เหมาะสม ได้ผลลัพธ์ในแบบที่เราพอใจ
1.โปรแกรม โบท็อกซ์ Dysport ให้ผลลัพธ์ที่ดูละมุน
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport มีคุณสมบัติที่ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายได้อย่างพอดี จึงช่วยลดริ้วรอยโดยไม่ทำให้ใบหน้าดูแข็งหรือขาดการแสดงอารมณ์ ผู้ฉีดยังสามารถยิ้ม หัวเราะ หรือพูดคุยได้ตามปกติ เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบไม่ตึง ไม่แข็งจนเกินไป
2.โปรแกรม โบท็อกซ์ Dysport เริ่มเห็นผลค่อนข้างเร็ว
โปรแกรม โบท็อกซ์ Dysport เป็นโบท็อกซ์ที่ออกฤทธิ์ชัดเจน โดยเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงภายใน 3-5 วัน และเห็นผลเต็มที่ในช่วงประมาณ 1-2 สัปดาห์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลยกกระชับแบบชัดเจน เช่น เตรียมตัวก่อนงานสำคัญหรือโอกาสพิเศษ
3.โปรแกรม โบท็อกซ์ Dysport ช่วยลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport สามารถคลายการทำงานของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอยจากการขยับซ้ำ ๆ เช่น
- รอยขมวดคิ้ว
- รอยย่นบนหน้าผาก
- รอยตีนกา
- รอยย่นรอบปาก
เมื่อกล้ามเนื้อบริเวณนั้นผ่อนคลาย ริ้วรอยจะค่อย ๆ จางลง ทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียนและดูสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
4.โปรแกรม โบท็อกซ์ Dysport ตัวยามีการกระจายตัวดี ช่วยให้ผลลัพธ์ทั่วถึง
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport มีโมเลกุลของตัวยาที่สามารถกระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอ ทำให้บริเวณที่ฉีดดูเรียบเนียนต่อเนื่อง ไม่เป็นรอยต่อแข็งหรือย่นเป็นจุด ๆ เหมาะกับการฉีดในบริเวณกว้าง เช่น หน้าผาก หรือรอบดวงตา ที่ต้องการความนุ่มนวลและละมุน
5.โปรแกรม โบท็อกซ์ Dysport เหมาะสำหรับเทคนิค Derma Lift เพื่อยกกระชับผิว
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport มักถูกนำมาใช้ในเทคนิค Derma Lift ซึ่งเป็นการฉีดในชั้นตื้นของผิวเพื่อยกกระชับโดยไม่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เทคนิคนี้ช่วยให้ผิวดูกระชับขึ้น ทำให้กรอบหน้าชัดขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
6.โปรแกรม โบท็อกซ์ Dysport ช่วยลดเหงื่อและกลิ่นกาย
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ไม่ได้ใช้เฉพาะบนใบหน้าเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาใช้ฉีดเพื่อลดเหงื่อบริเวณรักแร้ได้อีกด้วย ตัวยาจะไปยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อ ทำให้ปริมาณเหงื่อลดลง และช่วยลดกลิ่นกายที่เกิดจากความอับชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7.โปรแกรม โบท็อกซ์ Dysport ใช้ลดขนาดต้นแขนและน่องได้
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ยังสามารถนำมาใช้ในทางความงามเพื่อปรับรูปร่างได้ เช่น การฉีดลดกล้ามเนื้อต้นแขนหรือน่อง โดยจะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวลง ทำให้ขนาดเล็กลงแบบไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น
ข้อควรระวังในการฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
แม้ว่าโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport จะเป็นโบท็อกซ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน และมีการใช้อย่างแพร่หลายในคลินิกความงามทั่วโลก แต่เพื่อให้การฉีดเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง ผู้เข้ารับบริการควรทำความเข้าใจ “ข้อควรระวัง” ก่อนตัดสินใจฉีดทุกครั้ง
1.ควรฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport โดยแพทย์เท่านั้น
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ต้องอาศัย ความรู้เฉพาะด้านของกล้ามเนื้อใบหน้าและร่างกาย หากฉีดโดยคนที่ไม่ใช่แพทย์ อาจทำให้เกิดปัญหาได้ เช่น
- ยากระจายตัวผิดตำแหน่ง
- กล้ามเนื้ออ่อนแรงไม่สมดุล
- ใบหน้าเบี้ยวหรือตึงเกินไป
การฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์จะช่วยให้สามารถออกแบบตำแหน่งและปริมาณยาที่เหมาะกับโครงหน้าและสภาพผิวของแต่ละคนได้แบบม่อันตราย
2.ต้องใช้โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport แท้ผ่านการรับรอง
ควรตรวจสอบว่า โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ที่ใช้เป็นของแท้ ไม่ใช่โบท็อกซ์หิ้ว หรือลักลอบนำเข้าแบบผิดกฎหมาย อาจทำให้เกิดอันตรายได้
3.หลีกเลี่ยงการฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysportในช่วงที่ร่างกายไม่แข็งแรง
ผู้ที่มีอาการป่วย เช่น เป็นไข้ ติดเชื้อทางเดินหายใจ หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ควรเลื่อนการฉีดออกไปก่อน เนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายอาจไม่ตอบสนองต่อยาได้เต็มที่ และอาจเพิ่มความเสี่ยงของการอักเสบหรือฟกช้ำหลังฉีด
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport เหมาะกับใครบ้าง
1.ผู้ที่มีริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยจากการขยับกล้ามเนื้อซ้ำ ๆ เช่น
• รอยขมวดคิ้ว
• รอยย่นบนหน้าผาก
• รอยตีนกา
• รอยย่นระหว่างคิ้ว
2.ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นโดยไม่ผ่าตัด
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport สามารถฉีดเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อกราม ช่วยให้รูปหน้าเรียวขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับผู้ที่มีกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ (ไม่ใช่จากกระดูก) และต้องการให้กรอบหน้าดูสมส่วนมากขึ้น
นอกจากนี้ยังช่วยให้ใบหน้าดูละมุนและมีมิติขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับลุคให้ดูอ่อนโยนขึ้นโดยไม่ต้องใช้วิธีศัลยกรรม
3.ผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าและลิฟต์กรอบหน้า
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport มักถูกนำมาใช้ในเทคนิค Derma Lift เพื่อช่วยยกกระชับผิวที่เริ่มหย่อนคล้อย ทำให้กรอบหน้าชัดขึ้นและผิวดูตึงกระชับ เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณของความหย่อนคล้อยเล็กน้อย หรือผู้ที่ต้องการยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัดดึงหน้า
4.ผู้ที่ต้องการลดเหงื่อและกลิ่นตัว
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ยังสามารถใช้เพื่อลดการทำงานของต่อมเหงื่อ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกมากหรือมีกลิ่นตัวรบกวน โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ หรือฝ่าเท้า ตัวยาจะช่วยยับยั้งการหลั่งเหงื่อ ทำให้รู้สึกแห้งสบายและมั่นใจในชีวิตประจำวันมากขึ้น
5.ผู้ที่ต้องการลดขนาดต้นแขนหรือน่อง
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport สามารถนำมาใช้ลดขนาดกล้ามเนื้อในบางส่วนของร่างกาย เช่น ต้นแขนหรือน่อง โดยจะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวและค่อย ๆ เล็กลง เหมาะกับผู้ที่ต้องการรูปร่างที่เพรียวกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น
6.โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบไม่แข็งตึง
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผลลัพธ์ไม่ต้องการใบหน้าที่ตึงจนเกินไป เพราะตัวยาจะกระจายตัวได้ดี ทำให้ใบหน้ายังสามารถเคลื่อนไหวและแสดงอารมณ์ได้ตามปกติ
7.โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับความสมดุลของกล้ามเนื้อใบหน้า
ในบางเคส โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ถูกใช้เพื่อปรับสมดุลของกล้ามเนื้อ เช่น
- ปรับยิ้มให้เท่ากัน
- แก้ปัญหาหนังตาตกเล็กน้อย
- ปรับแนวคิ้วให้สมดุล
ใครควรหลีกเลี่ยงโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
แม้ว่าโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport จะเป็นหัตถการที่ไม่อันตราย แต่ก็มีบางกลุ่มคนที่ ไม่เหมาะ หรือควรหลีกเลี่ยงการฉีด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ การประเมินโดยแพทย์ผู้ก่อนการฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport จึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่ง
1.หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยทางการแพทย์ที่ยืนยันความปลอดภัยของโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ในหญิงตั้งครรภ์หรือหญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการฉีดในช่วงนี้ เนื่องจากตัวยาอาจซึมเข้าสู่กระแสเลือดหรือส่งผลต่อทารกได้ แม้โอกาสจะน้อย แต่เพื่อความปลอดภัย แพทย์จะไม่แนะนำให้ทำหัตถการประเภทนี้จนกว่าจะพ้นระยะดังกล่าว
2.ผู้ที่มีโรคทางระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อ
ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อ เช่น
• Myasthenia Gravis (กล้ามเนื้ออ่อนแรงเรื้อรัง)
• Lambert-Eaton Syndrome
• ALS (Amyotrophic Lateral Sclerosis)
ควรหลีกเลี่ยงการฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport เนื่องจากตัวยาออกฤทธิ์โดยการยับยั้งสารสื่อประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจทำให้อาการของโรคกำเริบหรือรุนแรงขึ้น
3.ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของโบท็อกซ์
ในบางกรณี อาจมีผู้ที่แพ้สาร Botulinum Toxin Type A หรือส่วนประกอบอื่น ๆ ของยา เช่น โปรตีนที่ใช้ห่อหุ้มโมเลกุล หากเคยมีประวัติแพ้สารประเภทนี้ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพราะอาจเกิดอาการบวม แดง หรือแพ้อย่างรุนแรงได้
4.ผู้ที่มีภาวะติดเชื้อหรืออักเสบในบริเวณที่จะฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
หากมีสิวอักเสบ แผลเปิด ผื่น หรือติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่ต้องการฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ควรรอให้หายก่อน เพราะการฉีดในช่วงที่มีการอักเสบอาจทำให้เชื้อกระจายเข้าสู่ชั้นลึกของผิวหนัง ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงหรือบวมมากกว่าปกติ
5.ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่ายหรือใช้ยาละลายลิ่มเลือด
ผู้ที่รับประทานยาในกลุ่ม anticoagulants เช่น Aspirin, Warfarin หรือยาละลายลิ่มเลือดอื่น ๆ ควรแจ้งแพทย์ก่อนฉีด เพราะยาเหล่านี้จะทำให้เลือดแข็งตัวช้า เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำหรือเลือดออกใต้ผิวหนังหลังฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ได้ง่าย
แพทย์อาจแนะนำให้หยุดยาเป็นการชั่วคราว (ภายใต้คำแนะนำจากแพทย์ที่จ่ายยาให้) เพื่อความปลอดภัยในการทำหัตถการ
6.ผู้ที่มีโรคเรื้อรังควบคุมได้ไม่ดี
ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ ที่ยังควบคุมอาการไม่ได้ดี ควรเลื่อนการฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ออกไปก่อน เนื่องจากร่างกายอาจฟื้นตัวช้ากว่าปกติ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการฟกช้ำหรือบวมหลังฉีด
7.ผู้ที่เพิ่งทำหัตถการความงามอื่น ๆ มาก่อน
หากเพิ่งผ่านการทำเลเซอร์ ยกกระชับผิว หรือทำทรีตเมนต์ที่กระตุ้นผิวในบริเวณเดียวกันมาในช่วงเวลาใกล้เคียง ควรเว้นระยะอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือการกระจายตัวยาในตำแหน่งที่ไม่ต้องการ
8.ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์เกินจริง
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ช่วยลดริ้วรอยและยกกระชับผิวได้ดี แต่ไม่สามารถเปลี่ยนรูปหน้าได้อย่างถาวร หรือให้ผลเทียบเท่าการศัลยกรรม ผู้ที่มีความคาดหวังเกินจริงอาจไม่พึงพอใจในผลลัพธ์ที่ได้ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำความเข้าใจถึงขอบเขตของการรักษาอย่างถูกต้องก่อนตัดสินใจ
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport นิยมฉีดตำแหน่งไหน
1.ฉีดบริเวณใบหน้าเพื่อลดริ้วรอย
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ช่วยคลายการทำงานของกล้ามเนื้อที่ก่อให้เกิดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น โดยนิยมฉีดโบท็อกซ์ Dysport ในตำแหน่งต่อไปนี้
- รอยย่นบนหน้าผาก
- รอยขมวดคิ้ว
- รอยตีนกา
- รอยย่นระหว่างคิ้ว
- ริ้วรอยรอบปาก หรือมุมปากตกเล็กน้อย
ผลลัพธ์คือใบหน้าดูอ่อนโยน สดใสขึ้น และยังคงสามารถแสดงอารมณ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งหรือตึงเกินไป
2.ฉีดลดกราม ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport สามารถใช้ฉีดเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อกราม (Masseter Muscle) ซึ่งเป็นสาเหตุของกรามใหญ่ในบางคน การฉีดช่วยให้กล้ามเนื้อค่อย ๆ คลายตัวและเล็กลง ทำให้ใบหน้าดูเรียวและสมส่วนขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport เหมาะสำหรับผู้ที่มีกล้ามเนื้อกรามชัด หรือรู้สึกว่าใบหน้าดูกว้างแต่ต้องการปรับให้เรียวละมุนมากขึ้น
3.ฉีดยกกระชับใบหน้าและกรอบหน้า
ด้วยคุณสมบัติของโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ที่กระจายตัวยาได้ดี แพทย์มักนำมาใช้ในเทคนิค Derma Lift เพื่อช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ปรับกรอบหน้าให้คมชัดขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวดูกระชับขึ้น กรอบหน้าชัดขึ้นโดยไม่แข็งตึง
เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย หรือผู้ที่ต้องการลุคหน้าเรียวกระชับโดยไม่ต้องพักฟื้น
4.ฉีดลดขนาดน่อง
การฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ที่กล้ามเนื้อน่องจะช่วยให้กล้ามเนื้อค่อย ๆ คลายตัวและมีขนาดเล็กลง เหมาะสำหรับผู้ที่มีกล้ามเนื้อน่องใหญ่จากการเดินหรือออกกำลังกายบ่อย และต้องการให้ช่วงขาดูเรียวได้สัดส่วนมากขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
5.ฉีดลดขนาดต้นแขน
ในกรณีที่ต้นแขนใหญ่จากกล้ามเนื้อ แพทย์สามารถใช้โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ฉีดเพื่อลดขนาดได้ โดยกล้ามเนื้อจะค่อย ๆ ผ่อนคลาย ทำให้แขนดูเรียวเล็กลง โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysportเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างให้ดูสมส่วนโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น
6.ฉีดลดเหงื่อและกลิ่นกาย
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport สามารถใช้ในทางการแพทย์เพื่อช่วยลดเหงื่อและกลิ่นกายได้ โดยการฉีดเข้าไปที่บริเวณที่มีเหงื่อออกมาก เช่น
• รักแร้
• ฝ่ามือ
• ฝ่าเท้า
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ของแท้ดูอย่างไร
การเลือกใช้โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ของแท้ ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมีผลโดยตรงต่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ของการรักษา การใช้ผลิตภัณฑ์ปลอม หรือยาที่ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรงเกินไป ใบหน้าไม่สมดุล หรืออาการแพ้รุนแรง
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ควรตรวจสอบความถูกต้องของผลิตภัณฑ์ให้แน่ใจว่าเป็นโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ของแท้จากบริษัท Galderma ประเทศอังกฤษ ซึ่งผ่านการรับรองอย่างถูกต้อง
ต่อไปนี้คือวิธีการตรวจสอบว่าโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ที่คลินิกใช้เป็นของแท้หรือไม่
1.ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ภายนอก
บรรจุภัณฑ์ของโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ของแท้ จะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากของปลอมอย่างเห็นได้ชัด ได้แก่
• กล่องผลิตภัณฑ์สามารถเปิดจากด้านหน้าได้ ไม่ใช่เปิดจากด้านข้าง
• มี โลโก้ “Galderma” ชัดเจนบนกล่อง
• สีของกล่องเป็นโทนขาว-เขียวอ่อน สะอาด ไม่ลอกหรือซีด
• ไม่มีร่องรอยความเสียหาย เช่น ฉีกขาด บุบ หรือรอยเปื้อน
• กล่องต้องปิดสนิท ไม่มีสติ๊กเกอร์ซ้ำหรือรอยเปิดมาก่อน
หมายเหตุ หากกล่องดูไม่เรียบร้อย หรือมีสติ๊กเกอร์ปิดทับหลายชั้น ควรแจ้งให้แพทย์ตรวจสอบก่อนฉีดทุกครั้ง
2.ตรวจสอบฉลากและรายละเอียดผลิตภัณฑ์
บนกล่องและขวดของโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport จะมีรายละเอียดครบถ้วน ดังนี้
• ชื่อผลิตภัณฑ์ “Dysport”
• ชื่อบริษัทผู้ผลิต “Ipsen” หรือ “Galderma”
• เลขทะเบียน อย.
• วันผลิตและวันหมดอายุ
• หมายเลขล็อต (Lot Number)
• เอกสารกำกับภาษาไทยแนบมาพร้อมกล่อง
เคล็ดลับในการตรวจสอบโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
ข้อมูลทุกจุด เช่น วันหมดอายุ และเลขล็อต ต้อง ตรงกันทั้งบนกล่องและขวด หากไม่ตรงกัน มีรอยลบ หรือมีฉลากพิมพ์ไม่ชัดเจน ควรหลีกเลี่ยงการใช้
3.ตรวจสอบเลขล็อต (Lot Number)
เลขล็อตเป็นรหัสเฉพาะของผลิตภัณฑ์แต่ละชุด เพื่อใช้ตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งผลิตและการนำเข้า
• เลขล็อตของแท้จะถูกพิมพ์อย่างชัดเจน ไม่ลบเลือน
• หมายเลขบนกล่องและบนขวด ต้องตรงกันทุกตัวอักษร
• สามารถนำเลขล็อตไปตรวจสอบความถูกต้องได้กับตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต
• การตรวจสอบเลขล็อตช่วยยืนยันได้ว่าผลิตภัณฑ์ไม่ได้ถูกสลับหรือปลอมแปลงระหว่างกระบวนการจัดส่ง
4.ตรวจสอบขวดยาและลักษณะของตัวยา
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ของแท้จะบรรจุใน ขวดแก้วใสขนาดเล็ก ปิดผนึกด้วยฝาโลหะสีเทา และมีฉลากระบุชื่อชัดเจน
- ภายในขวดจะมี “ผลึกผงสีขาวละเอียด” ที่ก้นขวด
- เมื่อนำไปผสมน้ำเกลือ (Normal Saline) แล้วจะละลายได้ใส ไม่มีตะกอนหรือสิ่งแปลกปลอม
- หากเห็นว่าข้างในขวดเป็นของเหลวใสตั้งแต่แรก หรือมีสีขุ่น ไม่ควรนำมาใช้
ผลึกยาที่ก้นขวดคือจุดบ่งบอกสำคัญว่าเป็น Dysport ของแท้ ที่ยังไม่ผ่านการผสม
5.ตรวจสอบเอกสารกำกับยา
ผลิตภัณฑ์ของแท้จากบริษัท Galderma จะมาพร้อมเอกสารกำกับยาภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งระบุรายละเอียดการใช้ ขนาดยา การเก็บรักษา และข้อควรระวังอย่างครบถ้วน คลินิกที่ใช้ผลิตภัณฑ์แท้มักจะแสดงเอกสารเหล่านี้ให้ผู้รับบริการดูได้ก่อนฉีด
6.ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคลินิก
นอกจากตัวผลิตภัณฑ์แล้ว “สถานที่ให้บริการ” ก็เป็นสิ่งที่ควรตรวจสอบเช่นกัน
• คลินิกต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจากกระทรวงสาธารณสุข
• มีชื่อแพทย์ผู้ให้บริการระบุชัดเจน
• ใช้ผลิตภัณฑ์เปิดขวดใหม่ต่อหน้าผู้เข้ารับบริการทุกครั้ง
• มีการเก็บรักษายาในอุณหภูมิที่เหมาะสม (2-8 องศาเซลเซียส)
หากคลินิกมีมาตรฐานเหล่านี้ จะช่วยลดความเสี่ยงในการได้รับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพหรือไม่ได้มาตรฐาน
วิธีเตรียมตัวก่อนฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
ก่อนเข้ารับการฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ควรเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อให้การรักษาได้ผลดี ดังนี้
1.ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด
แจ้งข้อมูลสุขภาพ โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ และเคยแพ้ยาหรือไม่ เพื่อให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมและวางแผนการฉีดได้
2.งดแอลกอฮอล์และอาหารเสริมบางชนิดก่อนฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport 1-2 วัน
เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา โสม หรือแปะก๊วย เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการช้ำหรือบวมหลังฉีด
3.หลีกเลี่ยงการใช้ยาละลายลิ่มเลือดโดยไม่จำเป็น
เช่น แอสไพริน หรือยาในกลุ่ม NSAIDs หากจำเป็นต้องใช้ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง
4.พักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมาก ๆ
ช่วยให้ร่างกายอยู่ในสภาวะสมดุล พร้อมรับการรักษา
5.หลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่นก่อนฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
เช่น เลเซอร์หรือทรีตเมนต์ที่กระตุ้นผิวในบริเวณเดียวกัน ควรเว้นอย่างน้อย 3-5 วัน
เมื่อเตรียมตัวถูกต้อง จะช่วยให้โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ออกฤทธิ์ได้เต็มประสิทธิภาพ และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงหลังการฉีดได้มากขึ้น
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
1.งดจับหรือนวดบริเวณที่ฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ภายใน 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันตัวยาเคลื่อนตำแหน่ง
2.ห้ามนอนราบหรือก้มศีรษะ ภายใน 4 ชั่วโมงหลังฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ให้ตัวยาเซตตัวในตำแหน่งที่ถูกต้อง
3.งดออกกำลังกายหนักและเลี่ยงความร้อนสูง เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ หรืออาบน้ำอุ่น 1-2 วัน
4.งดเลเซอร์หรือทรีตเมนต์ในบริเวณเดียวกัน อย่างน้อย 7 วัน
5.ดื่มน้ำมาก พักผ่อนให้เพียงพอ ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวและผลลัพธ์อยู่ได้นาน
6.ขยับกล้ามเนื้อเบา ๆ เช่น ยิ้มหรือเลิกคิ้ว ช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ดีขึ้น
7.สังเกตอาการหลังฉีด หากมีอาการผิดปกติ เช่น หนังตาตกหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง ควรรีบพบแพทย์
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport เห็นผลภายในกี่วัน
หลังฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ส่วนใหญ่จะเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวและรูปหน้าได้ภายในระยะเวลาไม่นาน เนื่องจากโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport เป็นโบท็อกซ์ที่ออกฤทธิ์เร็วและกระจายตัวยาได้ดี ช่วยให้เห็นผลค่อนข้างไวเมื่อเทียบกับโบท็อกซ์บางยี่ห้อ
โดยทั่วไปหลังฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
• เริ่มเห็นผลภายใน 3-5 วันหลังฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
• เห็นผลชัดเจนที่สุดในช่วงประมาณ 10-14 วัน
ในช่วงนี้กล้ามเนื้อจะเริ่มคลายตัว ริ้วรอยดูตื้นขึ้น ผิวดูเรียบเนียน และกรอบหน้าดูชัดเจนมากขึ้น ผลลัพธ์จะคงอยู่โดยเฉลี่ยประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและพฤติกรรมการใช้กล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาในการเห็นผล
1.สภาพกล้ามเนื้อและผิวของแต่ละคน
ผู้ที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรงหรือมีการแสดงสีหน้าบ่อย อาจใช้เวลานานกว่าผู้ที่มีกล้ามเนื้อเล็กกว่า เพราะต้องรอให้กล้ามเนื้อคลายตัวอย่างเต็มที่
2.บริเวณที่ฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
ตำแหน่งต่าง ๆ ให้ผลไม่เท่ากัน เช่น
• ริ้วรอยเล็กบริเวณหน้าผากและหางตา มักเห็นผลเร็วในไม่กี่วัน
• การฉีดลดกราม หรือลดน่อง อาจใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์กว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน เพราะเป็นกล้ามเนื้อขนาดใหญ่
3.เทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์
การวางตำแหน่งและปริมาณยาที่เหมาะสมจะช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ตรงจุดและเห็นผลได้ไวกว่า
4.คุณภาพของตัวยาและการเก็บรักษา
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ของแท้ที่เก็บในอุณหภูมิเหมาะสม (2-8°C) จะคงประสิทธิภาพของสารออกฤทธิ์ได้ดี ทำให้เห็นผลชัดและอยู่ได้นานกว่า
5.ปัจจัยทางร่างกายและการดูแลหลังฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
เช่น การพักผ่อน การดื่มน้ำเพียงพอ งดกิจกรรมที่กระทบต่อบริเวณฉีด รวมถึงไม่ออกกำลังกายหนักในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก ล้วนมีผลต่อการเห็นผลเร็วหรือช้า
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง
หลังฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport อาจมีอาการเล็กน้อยที่เกิดขึ้นชั่วคราว ซึ่งถือเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกายต่อการฉีด ไม่ใช่อาการอันตราย และจะค่อย ๆ หายไปเองภายในไม่กี่วัน
โดยทั่วไปอาการที่อาจพบได้ ได้แก่
- รอยบวม แดง หรือช้ำเล็กน้อย บริเวณที่ฉีดจากรอยเข็ม ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
- อาการตึงเล็กน้อยของกล้ามเนื้อ ในช่วงแรกที่ตัวยาเริ่มออกฤทธิ์ เป็นอาการชั่วคราวและจะหายไปเมื่อกล้ามเนื้อปรับตัวได้
- ผื่นหรือคันเล็กน้อย ในบางรายที่ผิวแพ้ง่าย สามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้แพ้ทั่วไป
ผลข้างเคียงรุนแรงพบได้น้อยมาก แต่ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น หนังตาตก คิ้วตก หรือยิ้มไม่สุด มักเกิดจากการฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมหรือเทคนิคไม่ถูกต้อง ดังนั้นการฉีด ควรทำโดยแพทย์เท่านั้น เพื่อควบคุมปริมาณและตำแหน่งการฉีด
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport อยู่ได้นานแค่ไหน
หลังฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นชัดในช่วงประมาณ 2 สัปดาห์ และสามารถคงอยู่ได้เฉลี่ย 4-6 เดือน ทั้งนี้ ระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพกล้ามเนื้อของแต่ละคน พฤติกรรมการใช้ใบหน้า การดูแลหลังฉีด รวมถึงเทคนิคของแพทย์ผู้ทำหัตถการ
โดยทั่วไป หากดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ไม่ออกกำลังกายหนักเกินไป พักผ่อนเพียงพอ และฉีดซ้ำอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ ผลลัพธ์ของโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport จะอยู่ได้นานขึ้น และช่วยให้กล้ามเนื้อจดจำการคลายตัวได้ดีในระยะยาว
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport เจ็บไหม
การฉีด โบท็อกซ์ Dysport แทบไม่เจ็บ เพราะใช้เข็มขนาดเล็กมากและแพทย์จะฉีดในปริมาณน้อยเฉพาะจุด ก่อนฉีดมักทายาชาหรือประคบเย็นเพื่อลดความรู้สึกเจ็บ ระหว่างทำอาจรู้สึกเพียง “จิ๊ดเบา ๆ” หรือแน่นตึงเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายไปภายในไม่กี่นาที ถือว่าเป็นหัตถการที่สบายและไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับโปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport มีคุณสมบัติเด่นเรื่องการกระจายตัวยากว้าง ออกฤทธิ์เร็ว และให้ผลลัพธ์ที่ดูไม่แข็งตึง จนเกินไป เหมาะสำหรับการลดริ้วรอย ยกกระชับผิว ปรับรูปหน้าให้เรียว รวมถึงลดเหงื่อและลดขนาดกล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
โปรแกรมโบท็อกซ์ Dysport จะเริ่มเห็นผลภายใน 3-5 วัน และเห็นชัดเต็มที่ใน ประมาณ 2 สัปดาห์ โดยผลลัพธ์คงอยู่เฉลี่ย 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว กล้ามเนื้อ และการดูแลหลังฉีด อาการข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป เช่น รอยแดงหรือบวมเล็กน้อย จะหายเองภายในไม่กี่วัน
เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและไม่เป็นอันตราย ควรฉีดกับ แพทย์ที่ใช้ผลิตภัณฑ์แท้ผ่านการรับรอง และปฏิบัติตามคำแนะนำทั้งก่อนและหลังฉีดอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยละมุน และไม่เป็นอันตรายในระยะยาว
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ