โปรแกรม YAG Laser คืออะไร แตกต่างจากเครื่องเลเซอร์อื่นอย่างไร เหมาะกับใคร
YAG Laser
YAG Laser คืออะไร แตกต่างจากเครื่องเลเซอร์อื่นอย่างไร เหมาะกับใคร
YAG Laser คืออะไร มีข้อดีข้อควรระวังอะไร ต่างจากเลเซอร์อื่นอย่างไร
YAG Laser เป็นเทคโนโลยีที่หลายคนจะนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ ในการใช้กำจัดขนตามร่างกายที่เห็นผลแบบชัดเจน ขนขึ้นใหม่จะน้อยมาก
แต่หลายคนคงจะสงสัยว่าแล้ว YAG Laser คืออะไร ทำไมถึงสามารถกำจัดขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันตรายหรือไม่ แล้วมีข้อควรระวังอะไรบ้าง บทความนี้มีข้อมูลของ YAG Laser แบบคลอบคลุมในทุกมิติ
รวมทุกหัวข้อเกี่ยวกับ YAG Laser
- YAG Laser คืออะไร มีหลักการอย่างไร
- YAG Laser มี่กี่แบบช่วยเรื่องอะไรบ้าง
- ข้อดีของ YAG Laser
- ข้อควรระวังของ YAG Laser
- YAG Laser ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง
- YAG Laser เหมาะกับใคร
- ใครควรหลีกเลี่ยง YAG Laser
- เตรียมตัวก่อนทำ YAG Laser
- ดูแลตัวเองหลังทำ YAG Laser
- ผลข้างเคียงหลังทำ YAG Laser
- ต้องทำ YAG Laser กี่ครั้งถึงเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
- YAG Laser เครื่องแท้กับเครื่องปลอมต่างกันอย่างไร
- ทำ YAG Laser ที่ไหนดีเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- สรุปทุกเรื่องของ YAG Laser
YAG Laser คืออะไร มีหลักการอย่างไร
YAG Laser หรือชื่อเต็มว่า Yttrium Aluminum Garnet Laser เป็นเลเซอร์ในกลุ่ม Solid-state laser ที่ใช้คริสตัล yttrium aluminum garnet เป็นตัวกลางในการสร้างลำแสงเลเซอร์ โดยเลเซอร์ชนิดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้พลังงานสามารถแทรกซึมได้หลายระดับความลึกของผิวหนัง เมื่อลำแสงถูกส่งไปยังผิว จะเปลี่ยนเป็นความร้อนและจับกับเม็ดสีเมลานิน ทำให้เม็ดสีแตกตัวหรือเสื่อมสลายไป
YAG Laser ถูกนำมาใช้ในการรักษาปัญหาผิวหลายอย่าง เช่น
• รอยดำ รอยแดง
• กระ ฝ้า
• รอยสัก
• กำจัดขน
หลักการทำงานของ YAG Laser
การทำงานของ YAG Laser อาศัยหลักการ Selective Photothermolysis คือแสงเลเซอร์จะเลือกจับกับเป้าหมายที่มีเม็ดสี (เช่น เมลานินในผิวหรือขน) จากนั้นแปลงเป็นพลังงานความร้อนที่พุ่งตรงไปยังชั้นผิวเป้าหมาย โดยไม่ทำลายผิวรอบข้าง
YAG Laser มี 2 ระดับความยาวคลื่นที่ใช้บ่อยคือ
1.YAG Laser ความยาวคลื่นที่ 532 นาโนเมตร
• ยิงได้ที่ผิวชั้นตื้น
• YAG Laser 532 เหมาะสำหรับรักษารอยแดง ปานแดง กระตื้น กระแดด หรือฝ้าบางประเภท
2.YAG Laser ความยาวคลื่นที่ 1,064 นาโนเมตร
• ยิงได้ลึกถึงประมาณ 7 มิลลิเมตร
• เหมาะสำหรับรักษาปัญหาผิวชั้นลึก เช่น กระลึก ฝ้าเรื้อรัง รอยแผลเป็น รอยสัก รวมถึงการกำจัดขน
YAG Laser กับการกำจัดขน
สำหรับการกำจัดขน YAG Laser ทำงานโดยตรงกับเม็ดสีเมลานินที่อยู่ในรากขน ความร้อนที่เกิดขึ้นจะทำให้รากขนค่อย ๆ อ่อนแอและฝ่อลง ส่งผลให้เส้นขนหลุดร่วงตามวงจรการเจริญเติบโตของขน
- YAG Laser เหมาะกับผู้ที่มีขนสีเข้ม เช่น คนเอเชีย เนื่องจากรากขนมีเม็ดสีมาก ทำให้เลเซอร์จับได้ดี
- YAG Laser มีประสิทธิภาพน้อยกว่าสำหรับขนสีอ่อน เช่น ขนสีทองหรือสีเทา ที่มีเม็ดสีน้อย ทำให้เลเซอร์จับได้ไม่ดีเท่าที่ควร
YAG Laser มี่กี่แบบช่วยเรื่องอะไรบ้าง
YAG Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้ทางการแพทย์และความงามอย่างกว้างขวาง เนื่องจากสามารถเลือกช่วงความยาวคลื่นที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาผิวหรือร่างกายได้อย่างตรงกับบริเวณที่มีปัญหา โดยหากแบ่งตาม แร่ธาตุที่ใช้ผสมในตัวกลางการปล่อยพลังงาน จะพบว่ามี YAG Laser หลัก ๆ 3 ชนิด ดังนี้
1.Nd: YAG Laser (Neodymium-doped YAG)
- ความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร
- คุณสมบัติ ความยาวคลื่นนี้สามารถทะลุผ่านผิวหนังไปได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ เหมาะกับการทำงานที่เกี่ยวข้องกับเม็ดสีและรากขน
- ประโยชน์ของ Nd : YAG Laser
1.กำจัดขนถาวร
2.ลดริ้วรอยเล็ก ๆ กระชับรูขุมขน
3.รักษาฝ้า กระ และความผิดปกติของเม็ดสีผิว
4.ใช้ในงานเลเซอร์ความงามและผิวพรรณมากที่สุด
2.Er: YAG Laser (Erbium-doped YAG)
- ความยาวคลื่น 2,940 นาโนเมตร
- คุณสมบัติ เป็นช่วงคลื่นที่สามารถดูดซับกับโมเลกุลน้ำในผิวได้ดีที่สุด จึงเกิดความร้อนใต้ผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
- ประโยชน์ของ Er : YAG Laser
1.รักษาหลุมสิวและแผลเป็น
2.ผลัดเซลล์ผิวและปรับสภาพผิวหน้าให้เรียบเนียน
3.ตัดพังผืดหรือจัดการกับปัญหาผิวชั้นลึก
4.ช่วยให้ผิวแข็งแรงและกระจ่างใสขึ้น
3.Ho: YAG Laser (Holmium-doped YAG)
- ความยาวคลื่น 2,100 นาโนเมตร
- คุณสมบัติ ความยาวคลื่นนี้เน้นไปที่การแพทย์ เนื่องจากสามารถดูดซับในน้ำได้ดีและใช้ในเนื้อเยื่ออ่อน
- ประโยชน์ของ Ho : YAG Laser
1.ใช้ในการสลายนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ
2.ใช้ในการผ่าตัดรักษาโรคในอวัยวะภายในบางชนิด
3.ไม่ได้เน้นใช้ด้านความงามโดยตรง แต่เป็นเครื่องมือแพทย์ที่สำคัญในวงการศัลยกรรม
โหมดการทำงานของ YAG Laser ที่นิยมใช้ในคลินิกความงาม
นอกจากการแบ่งตามชนิดของแร่ธาตุที่ใช้ในตัวกลางแล้ว YAG Laser ยังถูกพัฒนาตาม รูปแบบการปล่อยพลังงาน (Pulse duration) เพื่อให้เหมาะกับการรักษาแต่ละปัญหา
1.Long-pulsed Nd: YAG Laser
หลักการของ Long-pulsed Nd: YAG Laser
ปล่อยพลังงานแบบต่อเนื่องในช่วงเวลา millisecond ระดับต่ำแต่ยาวนาน
ข้อดีของ Long-pulsed Nd: YAG Laser
ควบคุมความร้อนได้ดี ความร้อนสะสมคงที่และปลอดภัย
ประโยชน์ของ Long-pulsed Nd: YAG Laser
• กำจัดขน ลดการงอกของเส้นขนใหม่
• ฟื้นฟูผิว ลดรูขุมขนกว้าง
• ช่วยปรับสภาพผิวหน้าให้เรียบเนียน
2.Q-switched Nd: YAG Laser
หลักการของ Q-switched Nd: YAG Laser
ปล่อยพลังงานสูงในช่วงเวลาสั้นมากระดับ nanosecond
ข้อดีของ Q-switched Nd: YAG Laser
ทำให้เม็ดสีแตกตัวอย่างรวดเร็ว โดยไม่กระทบต่อผิวรอบข้างมาก
ประโยชน์ของ Q-switched Nd: YAG Laser
• ลบรอยสักทุกสี (โดยเฉพาะสีเข้ม)
• ลบปานดำ กระ ฝ้า และจุดด่างดำ
• ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
ข้อดีของ YAG Laser
YAG Laser โดยเฉพาะชนิด Nd:YAG Laser ที่มีการเติม Neodymium ions ลงในตัวกลางการสร้างพลังงาน ถูกออกแบบมาให้มีความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร ซึ่งสามารถลงลึกไปได้ถึงประมาณ 5-7 มิลลิเมตร ถือเป็นระดับความลึกที่เหมาะสมในการทำลายรากขนโดยตรง
เมื่อ YAG Laser ทำงาน พลังงานความร้อนจะถูกส่งไปยังเม็ดสีเมลานินที่อยู่ในรากขน ทำให้เซลล์รากขนค่อย ๆ อ่อนแรงลงและหยุดการเจริญเติบโต ส่งผลให้เส้นขนหลุดร่วงตามวงจรการเจริญเติบโตของขน
จุดเด่นและข้อดีของ YAG Laser
1.YAG Laser เข้าถึงรากขนลึก กำจัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยความสามารถในการลงลึกถึงชั้นรากขน ทำให้เลเซอร์ชนิดนี้สามารถทำลายรากขนได้ตรงกับบริเวณที่มีปัญหาผิว จึงเห็นผลชัดเจนมากกว่าบางชนิดของเลเซอร์ที่ทำได้เพียงตื้น ๆ
2.จำนวนครั้งในการทำ YAG Laser ซ้ำน้อยกว่าเลเซอร์ชนิดอื่น
เนื่องจากพลังงานเลเซอร์ของ YAG Laser เข้าถึงรากขนได้ลึก ทำให้วงจรเส้นขนหยุดการเจริญเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ไม่จำเป็นต้องทำบ่อยครั้งเหมือนเลเซอร์บางชนิด
3.YAG Laser เหมาะกับพื้นที่เล็กและเข้าถึงยาก
หัวเลเซอร์สามารถปรับใช้กับบริเวณที่มีพื้นที่จำกัด เช่น หนวด คาง ขอบบิกินี หรือใต้วงแขนได้อย่างละเอียด
4.YAG Laser ไม่จำเป็นต้องใช้เจลทาผิวก่อนทำ
ต่างจากเลเซอร์บางประเภทที่ต้องใช้เจลช่วยนำพลังงานแสงเข้าสู่ผิว YAG Laser สามารถทำงานได้โดยตรง ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น และยังช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เจล
5.YAG Laser ไม่เป็นอันตรายกับทุกสีผิวและทุกขนาดของเส้นขน
จุดเด่นอีกข้อของ YAG Laser คือสามารถใช้ได้กับผู้ที่มีผิวขาว ผิวสองสี ไปจนถึงผิวเข้ม รวมถึงเส้นขนที่มีความหนาต่างกัน จึงเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะกับคนเอเชียที่มีเม็ดสีเข้ม และสามารถครอบคลุมได้หลากหลายสภาพผิว
ข้อควรระวังของ YAG Laser
แม้ว่า YAG Laser จะเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับว่าไม่เป็นอันตรายต่อผิวของเรา และ YAG Laser ค่อนข้างนิยมในด้านการกำจัดขนและรักษาปัญหาผิว แต่ก็มีข้อควรระวังในการทำ YAG Laser ก่อนเข้ารับบริการ เพื่อให้ผู้ทำเข้าใจและเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง
1.อาจรู้สึกเจ็บหรือแสบขณะทำ YAG Laser
ในระหว่างที่เลเซอร์ยิงไปยังผิวหนัง อาจมีความรู้สึกคล้ายถูกหนังยางดีดหรือแสบเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลจากพลังงานความร้อนที่ส่งลงไปถึงรากขน อย่างไรก็ตาม คลินิกส่วนใหญ่จะมี ระบบเป่าลมเย็น หรือ เครื่องทำความเย็น ช่วยประคบเพื่อลดความรู้สึกเจ็บ ทำให้ผู้เข้ารับบริการสามารถทนได้และรู้สึกสบายขึ้น
2.อาจเกิดรอยแดงหรือบวมชั่วคราวหลังทำ YAG Laser
หลังการทำเลเซอร์ YAG Laser บริเวณที่ยิงอาจมีรอยแดงหรือบวมเล็กน้อย ลักษณะคล้าย “ตุ่มยุงกัด” ซึ่งถือเป็นปฏิกิริยาปกติของผิวต่อเลเซอร์ ไม่ใช่อาการผิดปกติ โดยทั่วไปอาการเหล่านี้จะดีขึ้นเองภายใน 1-3 วัน โดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็น
3.การดูแลหลังทำ YAG Laser ช่วยลดผลข้างเคียง
• ควรหลีกเลี่ยงการเกา ขัด หรือถูแรง ๆ ในบริเวณที่ทำ YAG Laser
• หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดในช่วง 1-2 วันแรก และควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ
• หากมีอาการระคายเคือง สามารถประคบเย็นหรือตามคำแนะนำของแพทย์ได้
YAG Laser ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง
YAG Laser เป็นหนึ่งในเลเซอร์ สามารถปรับใช้กับปัญหาผิวและเส้นขนในหลายบริเวณของร่างกายได้แบบไม่เป็ฯอันตราย เนื่องจากพลังงานเลเซอร์สามารถลงลึกถึงรากขนและเม็ดสีผิวได้โดยตรง โดยทั่วไปแล้ว YAG Laser สามารถทำได้ในตำแหน่งดังต่อไปนี้
1.ใบหน้า (Face Area)
- หนวดและเครา ลดเส้นขนที่ดกหนา ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
- ไรผมและขมับ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับแนวไรผมให้ดูเรียบร้อย
- คางและเหนียง กำจัดขนเล็ก ๆ ที่รบกวนความมั่นใจ
- แก้มและใบหน้าโดยรวม ลดขนเส้นเล็ก (ขนอ่อน) ที่ทำให้ผิวดูหมอง
2.รักแร้ (Underarms)
เป็นตำแหน่งยอดนิยมในการทำ YAG Laser เนื่องจากขนรักแร้มักมีสีเข้มและรากขนแข็งแรง เลเซอร์สามารถกำจัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดการสะสมของเหงื่อและกลิ่นไม่พึงประสงค์ พร้อมทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
3.แขนและขา (Arms & Legs)
• ท่อนแขน / ท่อนขา ลดขนที่ดกหนา ทำให้ผิวดูเรียบและเกลี้ยง
• ต้นแขน / ต้นขา ลดขนที่หนาและแข็งแรงซึ่งมักเป็นจุดกังวลของหลายคน
4.บริเวณลำตัว (Body Area)
• แผ่นหลัง เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนหลังเยอะ มักทำให้รู้สึกร้อนและไม่มั่นใจ
• หน้าอก ลดขนที่หนาบริเวณอก โดยเฉพาะในผู้ชาย
• ท้อง ช่วยให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้น
5.บริเวณบิกินีและขอบชุดชั้นใน (Bikini Line)
สามารถใช้ YAG Laser เพื่อลดหรือกำจัดขนในตำแหน่งบิกินีไลน์ ทำให้ผิวเรียบเนียน สะอาด และช่วยลดการอับชื้น รวมถึงการเกิดขนคุดในจุดซ่อนเร้น
YAG Laser เหมาะกับใคร
YAG Laser ถือเป็นเลเซอร์ที่มีความหลากหลายในการใช้งาน ทั้งด้านความงามและการดูแลผิวพรรณ โดยเฉพาะการกำจัดขนและปรับสภาพผิว ซึ่งมีจุดเด่นของ YAG Laser คือสามารถใช้ได้แบบไม่เป็นอันตราย กับทุกโทนสีผิว รวมถึงผิวคนเอเชียที่มีเม็ดสีเข้ม จึงทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับคนหลายกลุ่ม ดังนี้
1.YAG Laser เหมาะกับผู้ที่มีขนส่วนเกินและต้องการความมั่นใจ
• YAG Laser เหมาะกับผู้ที่มีขนหนา ขนดก หรือขนสีเข้ม ทั้งที่บริเวณใบหน้า รักแร้ แขน ขา หรือบิกินีไลน์
• เหมาะสำหรับคนที่เคยโกน ถอน หรือแว็กซ์แล้วเกิดปัญหาขนคุด หรือผิวหนังอักเสบ
• YAG Laser ผู้ที่ต้องการลดจำนวนขนให้บางลงหรือหายไปอย่างถาวรมากขึ้น
2.YAG Laser เหมาะกับผู้ที่ต้องการผิวเรียบเนียนและยกกระชับ
• YAG Laser มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว
• เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้รูขุมขนกระชับขึ้น และปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียน
• ผู้ที่กังวลเรื่องผิวหย่อนคล้อยหรือไม่กระชับในบางตำแหน่ง
3.YAG Laser ใช้ได้กับทุกเพศ ทุกวัย (ภายใต้การประเมินของแพทย์)
• ทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่กังวลเรื่องขนหรือผิวสามารถทำ YAG Laser ได้
• YAG Laser สามารถใช้ได้กับวัยรุ่น วัยทำงาน หรือวัยผู้ใหญ่ โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมในแต่ละกรณี
4.YAG Laser เหมาะกับทุกสีผิว
• จุดเด่นของ YAG Laser คือสามารถใช้ได้ทั้งผิวขาว ผิวสองสี และผิวเข้ม
• ต่างจากเลเซอร์บางชนิดที่อาจมีข้อจำกัดในผู้ที่มีผิวคล้ำ
ใครควรหลีกเลี่ยง YAG Laser
แม้ว่า YAG Laser จะถือเป็นเลเซอร์ที่ไม่เป็นอันตราย ใช้ได้กับหลายสภาพผิวและทุกโทนสีผิว แต่ก็มีบางกลุ่มคนที่ควรหลีกเลี่ยง หรือจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนเข้ารับบริการ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
1.ผู้ที่มีโรคหรือภาวะผิวหนังเฉพาะจุดควรหลีกเลี่ยง YAG Laser
- ผู้ที่มีผื่นแพ้ ผิวหนังอักเสบ หรือมีบาดแผลเปิดในบริเวณที่จะทำเลเซอร์
- ผู้ที่มีโรคผิวหนังบางชนิด เช่น สะเก็ดเงิน (Psoriasis) หรือด่างขาว (Vitiligo) เพราะเลเซอร์อาจกระตุ้นให้ผิวไวต่อการอักเสบมากขึ้น
2.หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร
- แม้ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า YAG Laser มีผลต่อทารกโดยตรง แต่โดยหลักการแพทย์มัก แนะนำให้หลีกเลี่ยงในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร เพื่อลดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น
3.ผู้ที่มีประวัติเป็นแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ง่ายควรหลีกเลี่ยง YAG Laser
- เนื่องจากผิวกลุ่มนี้มีแนวโน้มตอบสนองต่อการบาดเจ็บมากกว่าปกติ การทำเลเซอร์อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็นนูน จึงควรประเมินอย่างรอบคอบ
4.ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิดควรหลีกเลี่ยง YAG Laser
- ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบเลือด การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
- ผู้ที่รับประทานยาบางชนิด เช่น ยากลุ่มทำให้ผิวไวต่อแสง (Photosensitive drugs) หรือยาลดการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants) อาจมีผลต่อการทำเลเซอร์
5.ผู้ที่เพิ่งผ่านการทำหัตถการผิวอื่น ๆ
เช่น การทำ Chemical Peel, Dermabrasion หรือเลเซอร์ชนิดอื่น ๆ ในช่วงเวลาใกล้กันเกินไป อาจทำให้ผิวบอบบางและไวต่อการระคายเคือง ไม่ควรทำ YAG Laser ต่อเนื่องทันที
เตรียมตัวก่อนทำ YAG Laser
เพื่อให้การทำ YAG Laser เห็นผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงของการระคายเคืองผิว ควรมีการเตรียมผิวล่วงหน้าตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเหมาะสม ดังนี้
1.หลีกเลี่ยงการสครับหรือขัดผิวก่อนทำ YAG Laser
การสครับหรือขัดผิวในบริเวณที่จะทำเลเซอร์ อาจทำให้ผิวบอบบางและไวต่อความร้อนมากกว่าปกติ ดังนั้นควรงดกิจกรรมเหล่านี้อย่างน้อย 3-5 วันก่อนเข้ารับบริการ เพื่อป้องกันการระคายเคืองและลดความเสี่ยงต่อการเกิดรอยแดง
2.งดการถอน แว็กซ์ หรือโกนขนลึกก่อนทำ YAG Laser
ควรหลีกเลี่ยงการกำจัดขนด้วยวิธีถอนหรือแว็กซ์ล่วงหน้า เพราะจะทำให้รากขนหลุดออกไป ซึ่งเป็นจุดที่เลเซอร์ต้องการทำลาย หากไม่มีรากขน เลเซอร์จะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่วนการโกนสามารถทำได้ แต่ควรให้แพทย์หรือเจ้าหน้าที่เป็นผู้แนะนำว่าควรโกนเมื่อไหร่ถึงจะเหมาะสม
3.หลีกเลี่ยงการใช้ครีมบางชนิดหรือการแต่งหน้าก่อนทำ YAG Laser
• งดใช้ครีมที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว (AHA, BHA, Retinol ฯลฯ) เพราะอาจทำให้ผิวบางและเสี่ยงต่อการไหม้ง่ายขึ้น
• งดแต่งหน้า โลชั่น หรือผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ในบริเวณที่จะทำเลเซอร์ เพื่อให้ผิวสะอาด ลดความเสี่ยงในการระคายเคืองหรือการติดเชื้อ
ดูแลตัวเองหลังทำ YAG Laser
หลังจากเข้ารับการทำ YAG Laser ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดขนหรือดูแลผิว ควรให้ความสำคัญกับการดูแลผิวในช่วงแรกเป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็ว ลดโอกาสเกิดการระคายเคือง และทำให้ผลลัพธ์ออกมาชัดเจนและอยู่ได้นานขึ้น
1.หลังทำ YAG Laser หลีกเลี่ยงความร้อนจัด
• งดอาบน้ำอุ่นจัด การเข้าซาวน่า หรืออบไอน้ำในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพราะความร้อนอาจทำให้ผิวที่เพิ่งทำเลเซอร์อักเสบหรือระคายเคืองได้ง่าย
• ควรอาบน้ำในอุณหภูมิปกติและหลีกเลี่ยงการตากแดดจ้าโดยตรงในช่วงแรก
2.หลังทำ YAG Laser ไม่ควรเกาหรือขัดผิวแรง ๆ
• งดสครับผิว การขัด หรือการถูแรง ๆ ในบริเวณที่ทำเลเซอร์ เนื่องจากผิวอาจยังไวต่อการกระตุ้น
• หากรู้สึกคันหรือระคายเคือง ควรใช้วิธีประคบเย็นแทน เพื่อช่วยลดอาการไม่สบายตัว
3.หลังทำ YAG Laser งดการกำจัดขนด้วยวิธีอื่น
• หลีกเลี่ยงการถอน โกน หรือแว็กซ์ขนทันทีหลังทำ YAG Laser เพราะจะรบกวนกระบวนการที่เลเซอร์ทำลายรากขนไปแล้ว
• หากมีเส้นขนที่ยังขึ้นมา ให้ปล่อยให้หลุดร่วงไปเองตามกระบวนการของร่างกาย
4.การรับมือกับอาการหลังทำ
• อาจมีอาการ รอยแดงหรือความรู้สึกแสบเล็กน้อย ในบริเวณที่ทำ YAG Laser ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
• อาการเหล่านี้มักจะค่อย ๆ ทุเลาลงภายใน ไม่กี่ชั่วโมงถึง 1-2 วัน
• สามารถใช้การ ประคบเย็น ช่วยบรรเทาอาการและทำให้รู้สึกสบายผิวมากขึ้น
ผลข้างเคียงหลังทำ YAG Laser
ผลข้างเคียงหลังทำ YAG Laser (เลเซอร์กำจัดเม็ดสี เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือรอยสัก) มักขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังทำของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปถือว่าเป็นเลเซอร์ที่ไม่เป็นอันตราย แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยชั่วคราวได้ ดังนี้
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย ชั่วคราวหลังทำ YAG Laser
1.รอยแดงและบวมเล็กน้อย
หลังทำ YAG Laser ผิวจะมีความร้อนสะสม ทำให้เกิดอาการแดงหรือบวมในบริเวณที่ยิงเลเซอร์ ซึ่งมักหายภายใน 1-3 วัน
2.สะเก็ดบาง ๆ บนผิว
โดยเฉพาะในกรณีรักษาฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ ผิวอาจเกิดสะเก็ดสีน้ำตาลเล็ก ๆ ซึ่งเป็นกระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามกระบวนการของร่างกาย
ข้อควรระวัง ห้ามแกะสะเก็ดเอง เพราะอาจทำให้เกิดรอยดำหรือรอยแผลได้
3.ผิวแห้งหรือลอกเล็กน้อย
หลังทำ YAG Laser ผิวจะสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ จึงอาจรู้สึกแห้งตึง ควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงอย่างต่อเนื่อง
4.ผิวไวต่อแสงแดด
ผิวที่เพิ่งทำเลเซอร์จะมีความไวต่อรังสี UV มากกว่าปกติ จึงต้องทาครีมกันแดด SPF สูงและหลีกเลี่ยงแดดจัด
ผลข้างเคียงที่พบได้น้อย (ควรปรึกษาแพทย์)
1.รอยดำ (Post-Inflammatory Hyperpigmentation)
เกิดจากการอักเสบหลังทำ YAG Laser พบได้บ่อยในคนผิวคล้ำ หรือดูแลหลังทำไม่ถูกวิธี เช่น แกะสะเก็ด หรือโดนแดดจัด
2.รอยขาว (Hypopigmentation)
ผิวอาจเกิดรอยขาวจางกว่าบริเวณรอบ ๆ ซึ่งมักเกิดชั่วคราว และสามารถกลับมาเป็นสีปกติได้ในภายหลัง
3.การติดเชื้อ
หากไม่ดูแลความสะอาด หรือใช้เครื่องสำอางปิดรอยหลังเลเซอร์เร็วเกินไป อาจเสี่ยงต่อการอักเสบหรือติดเชื้อได้
4.เกิดแผลหรือรอยไหม้จากความร้อน
มักเกิดจากพลังงานเลเซอร์ที่แรงเกินไปหรือเครื่องมือไม่ได้มาตรฐาน
ต้องทำ YAG Laser กี่ครั้งถึงเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
โดยทั่วไปการทำ YAG Laser ต้องทำต่อเนื่องประมาณ 5-8 ครั้ง ทุก ๆ 4-8 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นผลชัดเจนขึ้นในแต่ละรอบ เพราะเส้นขนจะถูกกำจัดได้ทีละส่วนตามรอบการเจริญเติบโตของขน
โดยหลังทำแต่ละครั้งจะเห็นว่าขนบางลงและขึ้นช้าลงเรื่อย ๆ ทั้งนี้ ขนบริเวณแขน ขา และลำตัวมักตอบสนองต่อเลเซอร์ได้ดีกว่าบริเวณใบหน้า ซึ่งอาจต้องใช้จำนวนครั้งมากกว่าเล็กน้อยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เราพอใจ
YAG Laser เครื่องแท้กับเครื่องปลอมต่างกันอย่างไร
การทำเลเซอร์กำจัดขนหรือรักษาผิวด้วย YAG Laser จะเห็นผลชัดเจนและไม่เป็นอันตรายก็ต่อเมื่อใช้ เครื่องแท้มาตรฐานทางการแพทย์ เท่านั้น เพราะเครื่องเลเซอร์ปลอมมักถูกสร้างเลียนแบบโดยไม่มีการควบคุมคุณภาพ ซึ่งอาจส่งผลต่อทั้ง ประสิทธิภาพ และ ส่งผลกระทบต่อผิวของเราได้โดยตรง
เครื่อง YAG Laser แท้มาตรฐานทางการแพทย์
1.พลังงานส่งตรงถึงบริเวณที่ทำและสม่ำเสมอ
เครื่องแท้ใช้เทคโนโลยี Long Pulse Nd:YAG Laser ที่ส่งพลังงานลงลึกถึงรากขนหรือเม็ดสีผิวได้อย่างแม่นยำ ทำให้เห็นผลเร็ว ขนขึ้นช้าลง และช่วยลดปัญหาขนคุดได้จริง
2.ผ่านการรับรองความปลอดภัย
ได้รับการรับรองจากหน่วยงานระดับสากล เช่น FDA (สหรัฐฯ), CE (ยุโรป) หรือ อย.ไทย ยืนยันถึงความปลอดภัยในการใช้งานต่อผิวหนังทุกประเภท
3.ระบบทำความเย็นในตัว (Cooling System)
มีระบบ Dynamic Cooling Device (DCD) ที่ปล่อยลมเย็นหรือแก๊สเย็นออกมาพร้อมกับเลเซอร์ ช่วยลดความรู้สึกแสบร้อนและปกป้องผิวชั้นบนจากความร้อน ทำให้สบายผิวขณะทำ
4.เห็นผลลัพธ์จริง
หลังทำจะรู้สึกได้ว่าขนบางลงตั้งแต่ครั้งแรก และเมื่อทำต่อเนื่องจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่ทำให้ผิวคล้ำหรือระคายเคือง
5.ความเสี่ยงต่ำ
เครื่องแท้ออกแบบมาให้ควบคุมพลังงานได้ละเอียด ลดความเสี่ยงของการเกิดรอยไหม้ แผล หรือผิวอักเสบหลังทำ
เครื่อง YAG Laser ปลอม (เครื่องเลียนแบบ)
1.พลังงานไม่คงที่
มักใช้เทคโนโลยีที่ไม่ได้มาตรฐาน พลังงานไม่สม่ำเสมอ จึงกำจัดขนได้ไม่ลึกถึงราก ทำให้ขนขึ้นกลับมาเร็ว หรือเห็นผลน้อยมาก
2.ไม่มีการรับรองความปลอดภัย
ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ จึงไม่สามารถมั่นใจได้ว่าพลังงานเลเซอร์มีความปลอดภัยต่อผิวจริง
3.ไม่มีระบบทำความเย็นที่ดีพอ
ขณะยิงเลเซอร์อาจรู้สึกแสบร้อนหรือปวดมากกว่าเครื่องแท้ และมีโอกาสเกิดผิวไหม้หรือระคายเคืองสูง
4.ผลลัพธ์ไม่แน่นอน
แม้จะเห็นผลบ้างในระยะสั้น แต่ผลมักไม่คงที่ ขนอาจขึ้นใหม่เร็ว หรือเกิดรอยดำหลังการรักษาได้ง่าย
5.เสี่ยงอันตรายต่อผิว
ในบางกรณีอาจเกิดแผลพุพอง ผิวไหม้ หรือรอยแผลถาวรได้หากพลังงานสูงเกินไปหรือควบคุมไม่ถูกต้อง
วิธีสังเกตเครื่อง YAG Laser แท้
1.สอบถามใบรับรองมาตรฐาน (Certificate หรือ FDA License) จากคลินิกก่อนเข้ารับบริการ
2.เช็กชื่อยี่ห้อและรุ่นของเครื่อง เช่น Quanta System, Fotona, Candela ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ใช้ในคลินิกระดับสากล
3.สังเกตระบบทำงานของเครื่อง ระหว่างทำควรรู้สึกถึงลมเย็นหรือระบบทำความเย็นที่ช่วยลดอุณหภูมิผิว
4.เลือกคลินิกที่มีแพทย์ดูแลทุกเคส เพราะแพทย์จะสามารถประเมินระดับพลังงานและช่วงเวลาการทำได้เหมาะสมกับสภาพผิวแต่ละคน
ทำ YAG Laser ที่ไหนดีเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
หากใครกำลังมองหาคลินิกทำ YAG Laser ที่ไม่เป็นอันตราย เห็นผลจริง และมั่นใจได้ในมาตรฐานการรักษา Romrawin NewGen คือคำตอบที่ครบที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจทั้งเรื่อง “ความงาม” และ “ความไม่เป็นอันตรายต่อผิว”
เพราะทำที่ Romrawin NewGen ดีกว่าที่คิด
1.เทคโนโลยีเลเซอร์แท้มาตรฐานระดับสากล
Romrawin เลือกใช้ เครื่องแท้ Long Pulse Nd:YAG Laser ที่ได้รับการรับรอง ให้พลังงานส่งตรงไปถึงบริเวณที่ทำ ส่งผลลึกถึงรากขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลจริงตั้งแต่ครั้งแรก ขึ้นช้าลงเรื่อย ๆ และช่วยลดปัญหาขนคุดหรือรูขุมขนอุดตันได้ดี
2.ผิวไม่เป็นอันตราย
ทุกเคสของการทำ YAG Laser ที่ Romrawin อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ซึ่งจะปรับพลังงานให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดโดยไม่ทำร้ายผิว
3.ระบบทำความเย็น (Cooling System) สบายผิวทุกช็อต
เทคโนโลยี Dynamic Cooling Device (DCD) จะช่วยปล่อยลมเย็นออกมาพร้อมกับเลเซอร์ ทำให้ระหว่างทำรู้สึกสบาย ไม่แสบ ไม่ร้อนผิว และลดโอกาสเกิดรอยแดงหรือรอยไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.ความน่าเชื่อถือกว่า 20 ปีของ Romrawin
Romrawin Clinic เป็นคลินิกความงามที่ได้รับความไว้วางใจมายาวนาน มีหลายสาขาทั่วประเทศ พร้อมมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา ให้ความมั่นใจได้ว่าทุกครั้งที่เข้ารับบริการ คุณจะได้รับการดูแลระดับมืออาชีพ
5.บริการแบบ NewGen Experience
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และเห็นผลจริง ด้วยบรรยากาศคลินิกที่ทันสมัย ทีมงานที่ให้คำปรึกษาอย่างเป็นกันเอง และดูแลคุณตั้งแต่เริ่มต้นจนจบการรักษา
สรุปทุกเรื่องของ YAG Laser
YAG Laser คือเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อดูแลปัญหาผิวและเส้นขน โดยใช้พลังงานแสงเลเซอร์ความยาวคลื่นเฉพาะ (Nd:YAG) ที่สามารถลงลึกถึงรากขนหรือเม็ดสีใต้ผิวได้อย่างตรงกับบริเวณที่เรากังวลใจ จึงถูกนำมาใช้ทั้งในการ กำจัดขน ลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมถึงรักษารูขุมขนกว้างและปรับผิวให้เรียบเนียนขึ้น
ข้อดีของ YAG Laser คือให้ผลลัพธ์ชัดเจน เห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และยิ่งทำต่อเนื่องผิวจะค่อย ๆ เรียบใสขึ้น ขนขึ้นช้าลง อีกทั้งยังเหมาะกับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวคล้ำ เพราะพลังงานเลเซอร์มีระบบควบคุมที่ไม่เป็นอันตราย ไม่ทำร้ายผิวชั้นบน
หลังทำอาจมีรอยแดงเล็กน้อยซึ่งหายได้ใน 1-2 วัน และสามารถดูแลผิวได้ตามปกติ เพียงแค่ทาครีมกันแดดและหลีกเลี่ยงแดดจัดก็เพียงพอ โดยสรุปแล้ว YAG Laser คือทางเลือกที่ เห็นผลจริง และช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน กระจ่างใสขึ้น เหมาะกับคนที่ต้องการผิวสวยใสและมั่นใจมากขึ้นในทุกมุมมอง
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ