ครีมทาหน้าขาว คืออะไร ใช้ได้ผลจริงไหม มีอันตรายหรือไม่
ครีมทาหน้าขาว
ครีมทาหน้าขาว คืออะไร ใช้ได้ผลจริงไหม อันตรายหรือไม่
ในยุคปัจจุบันที่ใคร ๆ ก็อยากมีผิวหน้ากระจ่างใสเรียบเนียน การใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส จึงกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมของหลายคน ไม่ว่าจะเพื่อปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดเลือนรอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีข้อสงสัยและความกังวลตามมาว่า ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส ใช้แล้วเห็นผลจริงไหม และมีความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงอะไรบ้าง
การทำความเข้าใจทั้งประโยชน์ ส่วนผสม วิธีใช้ ตลอดจนข้อควรระวัง จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การเลือกใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสส่งผลดีต่อผิว บทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักตั้งแต่ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสคืออะไร ไปจนถึงการดูแลผิวร่วมกับการใช้ครีมอย่างถูกวิธี
ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสคืออะไร
ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีจุดประสงค์เพื่อช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้นอย่างดูเป็นธรรมชาติ และลดเลือนฝ้ากระจุดด่างดำหรือความหมองคล้ำ โดยส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมที่ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน เช่น วิตามินซี (Vitamin C), ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) และสารผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) เพื่อกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำและเผยผิวใหม่ที่เรียบเนียนกระจ่างใสขึ้น นอกจากนี้ยังมักมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงและปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ
โดยครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสจะช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู ชุ่มชื้น และผิวโกลว์ดูสุขภาพดี ซึ่งเหมาะกับทุกสภาพผิว และหากใช้ต่อเนื่องจะเห็นผลในเรื่องผิวที่กระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้น
ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส ใช้แล้วได้ผลจริงไหม
ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสใช้แล้วได้ผลในระดับหนึ่ง ขึ้นอยู่กับส่วนผสมของครีมนั้น ๆ โดยเฉพาะถ้ามีสารที่ช่วยลดการผลิตเม็ดสีเมลานิน เช่น ไนอะซินาไมด์ วิตามินซี หรือสารไทอามิดอล ซึ่งช่วยลดฝ้า จุดด่างดำ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ อย่างไรก็ตามผลลัพธ์จะไม่เกิดขึ้นทันที แต่ต้องใช้ต่อเนื่องประมาณ 2 สัปดาห์ขึ้นไป และยังขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคลด้วย รวมถึงต้องมีความสม่ำเสมอในการใช้ร่วมกับการดูแลสุขภาพผิวอื่น ๆ เช่น การทาครีมกันแดดร่วมด้วยเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด
ส่วนผสมที่นิยมใช้ในครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
สำหรับครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส ส่วนผสมที่มักถูกนำมาใช้มีทั้งสารสกัดจากธรรมชาติและสารสังเคราะห์ที่ผ่านการวิจัยแล้วว่าช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ปรับผิวให้ดูสม่ำเสมอ และเพิ่มความกระจ่างใส โดยส่วนผสมหลักที่นิยมในครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส ได้แก่
1.วิตามินซี (Vitamin C / Ascorbic Acid) ในครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
• มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
• ยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ที่กระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน
• ช่วยลดรอยดำ รอยสิว และทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
2.อาร์บูติน (Arbutin) ในครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
• สารสกัดจากพืช เช่น Bearberry
• ยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีอย่างอ่อนโยน
• นิยมใช้ในครีมไวท์เทนนิ่งเพราะเห็นผลดีและปลอดภัย
3.ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide / Vitamin B3) ในครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
• ลดการเคลื่อนย้ายเม็ดสีเมลานินขึ้นสู่ผิวชั้นบน
• ทำให้ผิวดูสม่ำเสมอ ไม่หมองคล้ำ
• เสริมเกราะป้องกันผิว ลดการอักเสบ และช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น
4.กรดโคจิก (Kojic Acid) ในครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
• ได้จากการหมักเชื้อรา Aspergillus
• ยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase เช่นเดียวกับวิตามินซี
• เหมาะกับการลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ
5.กรดอัลฟ่าไฮดรอกซี (AHA: Glycolic Acid, Lactic Acid) ในครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
• ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ
• ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนและดูสว่างขึ้น
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว
6.กรดเบต้าไฮดรอกซี (BHA: Salicylic Acid) ในครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
• ผลัดเซลล์ผิวและช่วยทำความสะอาดรูขุมขน
• ลดการเกิดสิวอุดตันและความหมองคล้ำ
7.กลูต้าไธโอน (Glutathione) ในครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
• สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเข้ม
• ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
8.สารสกัดจากพืชธรรมชาติในครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
• Licorice Extract (สารสกัดชะเอมเทศ) ลดการอักเสบและช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส
• Mulberry Extract ยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase
• Green Tea Extract ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบของผิว
9.สารกันแดด (Sunscreen Agents) ในครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
• แม้ไม่ใช่สารทำให้ขาวโดยตรง แต่การป้องกันรังสี UV ถือว่าสำคัญมาก
• หากไม่มีการป้องกันแสงแดด ผิวจะยังหมองคล้ำและเกิดจุดด่างดำแม้ใช้ครีมบำรุง
ประโยชน์ของครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสถือเป็นหนึ่งในสกินแคร์ที่หลายคนเลือกใช้เป็นประจำ เพราะนอกจากจะช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น ยังมีคุณสมบัติในการบำรุง ฟื้นฟู และปกป้องผิวในระยะยาว หากใช้เป็นประจำอย่างถูกต้องและเลือกสูตรที่ได้มาตรฐาน ก็จะช่วยให้ผิวหน้าดูดีขึ้นทั้งในแง่สุขภาพและความมั่นใจ
1.ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสช่วยปรับสีผิวให้ดูสว่างและสม่ำเสมอ
หนึ่งในเหตุผลหลักที่ผู้คนเลือกใช้ครีมทาหน้าขาว คือการปรับโทนผิวให้สม่ำเสมอ หลายคนอาจมีปัญหาผิวคล้ำเสียจากแสงแดด จุดด่างดำ หรือสีผิวไม่เรียบเนียน ซึ่งครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสที่มีส่วนผสมอย่างวิตามินซี ไนอะซินาไมด์ หรืออาร์บูติน จะช่วยลดการสร้างเมลานิน ทำให้ผิวค่อย ๆ ดูกระจ่างใสขึ้น ไม่หมองคล้ำ และมีโทนสีผิวที่สม่ำเสมอมากกว่าเดิม
2.ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสช่วยลดเลือนรอยสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำ
จุดด่างดำ รอยสิว หรือแม้แต่ฝ้าและกระตื้น ๆ เป็นสิ่งที่ทำให้ผิวดูหมองไม่สม่ำเสมอ การใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสที่มีกรดโคจิก วิตามินซี หรือสารสกัดจากชะเอมเทศ (Licorice Extract) จะช่วยยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีและผลัดเซลล์ผิว ทำให้รอยสิวและฝ้าค่อย ๆ จางลง ช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียนและดูใสขึ้นเมื่อใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
3.ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสช่วยปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ
ผิวไม่ได้หมองคล้ำเพียงเพราะการสร้างเม็ดสีเมลานินเท่านั้น แต่ยังเกิดจาก รังสี UV มลภาวะ และความเครียด ด้วย ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสหลายสูตรจึงมักใส่สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินอี กรีนทีเอ็กซ์แทรกต์ (Green Tea Extract) หรือกลูต้าไธโอน เพื่อช่วยป้องกันความเสียหายจากสิ่งแวดล้อมและลดการเกิดอนุมูลอิสระในผิว ซึ่งเป็นสาเหตุของความหมองคล้ำและริ้วรอยก่อนวัย
4.ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเสริมเกราะป้องกันผิว
ผิวที่ขาดความชุ่มชื้นมักดูหมองคล้ำและไม่สดใส ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสที่ดีมักมีสารเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น ไฮยาลูรอนิกแอซิด เซราไมด์ หรือกลีเซอรีน ซึ่งช่วยกักเก็บน้ำในผิว ทำให้ผิวหน้าดูอิ่มฟู ไม่แห้งกร้าน และยังช่วยฟื้นบำรุงเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น ส่งผลให้ผิวไม่ไวต่อการระคายเคืองและดูสุขภาพดีจากภายใน
5.ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสช่วยฟื้นฟูความอ่อนเยาว์และลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ
สารสกัดต้านอนุมูลอิสระในครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส ไม่เพียงช่วยเรื่องความกระจ่างใสของผิว แต่ยังช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น เมื่อใช้ต่อเนื่อง ผิวหน้าจะค่อย ๆ กลับมาสดใส อ่อนกว่าวัย และริ้วรอยเล็ก ๆ ที่เกิดจากความแห้งหรือแสงแดดก็จะลดเลือนลง
6.ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสช่วยเสริมความมั่นใจในตัวเอง
ผิวหน้าที่เรียบเนียน กระจ่างใส และสม่ำเสมอ ย่อมทำให้บุคลิกภาพดูดีขึ้น ไม่ว่าจะเจอผู้คนในชีวิตประจำวันหรือโอกาสสำคัญ เช่น การสัมภาษณ์งาน พบลูกค้า หรือออกงานสังคม การมีผิวสุขภาพดีช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้และทำให้กล้าแสดงออกมากขึ้น
7.ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสใช้คู่กับการดูแลผิวอื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
แม้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสจะให้ผลดี แต่หากใช้ร่วมกับการดูแลผิวในด้านอื่น เช่น การทาครีมกันแดด การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเพียงพอ และพักผ่อนให้เพียงพอ ก็จะช่วยเสริมประสิทธิภาพให้ผิวดูใสและสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
วิธีเลือกครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสให้ปลอดภัย
แม้ว่าครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสจะได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ไม่ใช่ทุกผลิตภัณฑ์ที่จะไม่เป็นอันตรายต่อผิว หลายครั้งเราจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับครีมเถื่อน ครีมผสมสารอันตรายที่ทำให้ผิวขาวเร็ว แต่เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายร้ายแรง ดังนั้นการเลือกครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสที่ได้มาตรฐานจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะหากเลือกผิด ไม่เพียงแต่ผิวจะเสีย แต่ยังอาจส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมในระยะยาวได้ด้วย
1.ตรวจสอบเลขจดแจ้ง อย.ของครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนซื้อครีมทาหน้าขาวคือ ตรวจสอบเลขที่จดแจ้ง อย.ที่แสดงบนฉลากสินค้า เพราะการมีเลข อย.หมายถึงผลิตภัณฑ์ผ่านการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วว่าไม่ผสมสารต้องห้ามที่อันตรายต่อผู้บริโภค
• สามารถตรวจสอบได้เองผ่านเว็บไซต์ของ อย.โดยกรอกเลขจดแจ้ง
• หากไม่มีเลข อย.หรือมีแต่ไม่สามารถตรวจสอบได้ ควรหลีกเลี่ยงทันที
• ครีมที่ขายออนไลน์ราคาถูกเกินจริงและไม่มีข้อมูลชัดเจน มักเป็นครีมปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน
การตรวจสอบ อย.ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส เป็นการลดความเสี่ยงขั้นแรกในการป้องกันการใช้ครีมเถื่อนที่อาจมีสารปรอท ไฮโดรควิโนน หรือสเตียรอยด์ปนเปื้อน
2.ศึกษาส่วนผสมที่ใช้ของครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
การอ่านฉลากส่วนผสม (Ingredients) ของครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคควรทำก่อนเลือกซื้อครีมใด ๆ โดยเฉพาะครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส เพราะส่วนผสมจะเป็นตัวกำหนดประสิทธิภาพและลดความเสี่ยง
ส่วนผสมที่ควรเลือกในครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
• วิตามินซี (Vitamin C) ลดการสร้างเม็ดสีและช่วยให้ผิวกระจ่างใส
• อาร์บูติน (Arbutin) ช่วยลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ
• ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) ปรับผิวให้สม่ำเสมอและเพิ่มความชุ่มชื้น
• กรดโคจิก (Kojic Acid) ลดรอยดำและช่วยทำให้ผิวใสขึ้น
• สารสกัดจากธรรมชาติ เช่น Licorice, Mulberry, Green Tea ช่วยให้ผิวสว่างขึ้นอย่างอ่อนโยน
ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยงในครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
• ปรอท (Mercury) แม้จะทำให้ผิวขาวเร็ว แต่มีพิษสะสมในร่างกาย ทำลายระบบประสาทและไต
• ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) ใช้ในงานทางการแพทย์ได้ แต่หากใช้ผิดวิธีจะทำให้ผิวบางและเกิดฝ้าถาวร
• สเตียรอยด์ (Steroids) ทำให้ผิวบาง แพ้ง่าย และเกิดสิวเห่อ
3.เลือกครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสสูตรที่เหมาะกับสภาพผิว
การเลือกครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสให้ตรงกับสภาพผิวจะช่วยลดการแพ้และทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
• ผิวมันหรือผิวเป็นสิวง่าย เลือกครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสสูตรที่เป็นเนื้อเจลหรือโลชั่นบางเบา ปราศจากน้ำมัน (Oil-Free) และ Non-Comedogenic เพื่อลดการอุดตัน
• ผิวแห้ง เลือกครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสสูตรที่มีสารเพิ่มความชุ่มชื้นสูง เช่น ไฮยาลูรอนิก แอซิด หรือเซราไมด์ เพื่อป้องกันผิวลอกและริ้วรอย
• ผิวแพ้ง่าย ควรเลือกครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสสูตรอ่อนโยน ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบน รวมถึงควรทดสอบแพ้ก่อนเสมอ
4.เลือกแบรนด์หรือแหล่งซื้อครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสที่ได้มาตรฐาน
ปัจจุบันมีครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสวางขายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ การซื้อจากแหล่งที่มีมาตรฐานจะช่วยลดความเสี่ยงในการได้สินค้าปลอม
• เลือกซื้อครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสจากร้านขายยาที่มีเภสัชกร หรือห้างสรรพสินค้าที่มีมาตรฐาน
• หากซื้อครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสผ่านทางออนไลน์ควรเลือกจากร้านทางการ (Official Store) ของแบรนด์นั้น ๆ
• หลีกเลี่ยงการซื้อครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสจากเพจที่ไม่มีข้อมูลชัดเจน โฆษณาเกินจริง หรือไม่มีรีวิวที่ตรวจสอบได้
5.ทดลองอาการแพ้ก่อนใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสจริง
แม้ว่าครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสจะมี อย.และใช้ส่วนผสมที่ได้มาตรฐาน แต่ผิวแต่ละคนก็มีความไวแตกต่างกัน ดังนั้นควรทดสอบแพ้ก่อน โดยการทาครีมเล็กน้อยบริเวณท้องแขนหรือหลังใบหู ทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมง หากไม่เกิดผื่นแดง คัน หรือแสบจึงสามารถใช้กับใบหน้าได้
6.ใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสควบคู่กับครีมกันแดด
ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสจะช่วยลดเม็ดสี แต่หากไม่ใช้ครีมกันแดด รังสี UV จะกระตุ้นการสร้างเม็ดสีใหม่ ทำให้ผลลัพธ์ไม่ชัดเจนและอาจทำให้เกิดฝ้าได้ง่ายขึ้น
• ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30-50 และ PA+++ ขึ้นไป
• ทากันแดดทุกเช้า แม้ไม่ได้ออกกลางแจ้ง เพราะแสงจากจอคอมพิวเตอร์หรือไฟในบ้านก็มีผลต่อการหมองคล้ำเช่นกัน
7.หลีกเลี่ยงการคาดหวังผลลัพธ์ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสที่เกินจริง
ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสที่ดีจะใช้เวลาอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ จึงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากเจอผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาว่า “ขาวภายใน 3 วัน” หรือ “ขาวใสใน 7 วัน” ควรระวังเป็นพิเศษ เพราะมักจะผสมสารอันตรายที่ทำให้ผิวขาวแบบผิดธรรมชาติและอาจเกิดอันตรายในระยะยาว
ข้อควรระวังในการใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
แม้ว่าครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการฟื้นฟูและปรับสภาพผิว แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถใช้ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด เพราะผิวของแต่ละคนแตกต่างกัน ทั้งในแง่ความแข็งแรง ความไวต่อสารเคมี รวมถึงพฤติกรรมการดูแลผิวในชีวิตประจำวัน หากใช้ผิดวิธีหรือเลือกครีมที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้นควรทำความเข้าใจข้อควรระวังต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1.หลีกเลี่ยงครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสที่มีสารอันตราย
หลายครั้งที่เราเห็นครีมทาหน้าขาวราคาถูกหรือครีมที่โฆษณาว่า “ขาวไว ขาวทันใจ” มักมีส่วนผสมที่เป็นอันตรายแอบแฝง เช่น
• สารปรอท (Mercury) แม้จะช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีได้จริงและเห็นผลเร็ว แต่สารปรอทสะสมในร่างกายและเป็นพิษต่อระบบประสาท ไต และอาจก่อให้เกิดมะเร็ง
• ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) เป็นยาที่แพทย์บางท่านใช้รักษาฝ้า แต่หากใช้เองโดยไม่มีการควบคุม อาจทำให้ผิวบาง เสี่ยงต่อการเกิด “ฝ้าถาวร” ที่รักษายาก
• สเตียรอยด์ (Steroids) ทำให้ผิวขาวและใสเร็วในช่วงแรก แต่ในระยะยาวจะทำให้ผิวบางลง เห็นเส้นเลือดฝอยชัด สิวเห่อ และไวต่อการแพ้
ดังนั้นก่อนซื้อครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสควรอ่านฉลาก ตรวจสอบส่วนผสม และเลือกแบรนด์ที่มีการรับรองจาก อย.เท่านั้น
2.อย่าใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสในปริมาณมากเกินไป
บางคนอาจเข้าใจผิดว่าการทาครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสในปริมาณมากจะทำให้เห็นผลเร็วขึ้น แต่จริง ๆ แล้วสิ่งนี้อาจทำให้เกิดผลเสีย เช่น
• รูขุมขนอุดตันจนเกิดสิวอักเสบหรือสิวผด
• ผิวระคายเคือง แสบ แดง โดยเฉพาะหากมีสารผลัดเซลล์ผิวผสมอยู่
• เสียครีมไปโดยเปล่าประโยชน์เพราะผิวดูดซึมได้จำกัด
วิธีที่ถูกต้อง ใช้เพียงปริมาณพอเหมาะ ประมาณเมล็ดถั่วเขียวถึงเมล็ดถั่วลิสง และทาให้ทั่วใบหน้าอย่างสม่ำเสมอ
3.ทดสอบการแพ้ก่อนใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสจริง
ผิวแต่ละคนมีโอกาสแพ้สารบางอย่างในครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสที่ต่างกัน แม้จะเป็นสารที่ปลอดภัยในคนส่วนใหญ่ก็ตาม เช่น บางคนแพ้ วิตามินซีเข้มข้น หรือ กรดโคจิก ซึ่งอาจทำให้ผิวแดงและแสบ
วิธีทดสอบ
• ทาครีมเล็กน้อยบริเวณท้องแขนหรือหลังใบหู
• รอดูอาการอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
• หากไม่เกิดอาการผิดปกติจึงสามารถนำมาใช้กับใบหน้าได้
4.อย่าลืมใช้กันแดดควบคู่กับครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
การใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ เพราะครีมส่วนใหญ่จะทำงานโดยการยับยั้งเม็ดสีหรือผลัดเซลล์ผิวออก ทำให้ผิวบางลงและไวต่อแสงแดดมากขึ้น
• หากละเลยการทากันแดด ผลลัพธ์ที่ได้อาจตรงกันข้าม คือผิวกลับมาหมองคล้ำกว่าเดิม
• เสี่ยงต่อการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำเพิ่มขึ้น
คำแนะนำ
• เลือกกันแดดที่มีค่า SPF 30-50 และ PA+++ ขึ้นไป
• ทาซ้ำระหว่างวันหากต้องออกแดดจัด
5.อย่าคาดหวังผลลัพธ์ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสที่รวดเร็วเกินจริง
ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสที่ดีจะใช้เวลาอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ จึงเริ่มเห็นผล และต้องใช้อย่างต่อเนื่องถึงจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน หากครีมใดโฆษณาว่า “ขาวใน 3 วัน” หรือ “ขาวทันใจ” มักจะมีสารอันตรายผสมอยู่ ซึ่งการฟื้นฟูผิวที่แท้จริงต้องอาศัยเวลาและการดูแลอย่างต่อเนื่อง ครีมที่ให้ผลเร็วเกินจริงมักไม่ยั่งยืนและมีผลข้างเคียง
6.ระวังการใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสร่วมกับสารผลัดผิวแรงเกินไป
บางคนอาจใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสร่วมกับผลิตภัณฑ์ผลัดผิว เช่น กรด AHA, BHA หรือเรตินอยด์ที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งหากใช้ไม่ถูกวิธีอาจทำให้ผิวลอก แห้ง และไวต่อการระคายเคืองมากขึ้น
คำแนะนำ หากต้องการใช้หลายผลิตภัณฑ์ควรใช้ในช่วงเวลาที่ต่างกัน หรือปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อน เพื่อป้องกันการทำร้ายผิวโดยไม่รู้ตัว
7.หมั่นสังเกตอาการผิดปกติของผิวหลังใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
แม้จะเลือกครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสที่มี อย.แล้ว แต่ผิวของบางคนอาจไม่เหมาะกับส่วนผสมบางชนิด หากพบอาการผิดปกติ เช่น
• ผิวแดง แสบ คัน หลังใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
• ผื่นขึ้นหลังใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
• สิวเห่อผิดปกติหลังใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
• ผิวลอกและไวต่อแสงแดดหลังใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
ควรหยุดใช้ทันที และหากอาการไม่ดีขึ้นใน 2-3 วัน ควรรีบปรึกษาแพทย์
วิธีใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสให้ได้ผล
การใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสไม่ใช่เพียงแค่ทาลงบนผิวหน้าเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงขั้นตอน วิธีการ และปัจจัยร่วมต่าง ๆ ที่มีผลต่อประสิทธิภาพของครีม หากใช้อย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นจริงและลดความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียง แต่หากใช้ผิดวิธีอาจทำให้เสียเงินเปล่า หรือในบางกรณีอาจทำให้ผิวเสียหายมากกว่าเดิม
1.ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี
• ล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว เพื่อขจัดสิ่งสกปรก เครื่องสำอาง และความมันส่วนเกิน
• ไม่ควรล้างหน้าบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง
• หากผิวสะอาด ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสจะซึมซาบได้ดีขึ้นและเห็นผลชัดเจนกว่า
2.ใช้ในปริมาณที่เหมาะสม
• ทาครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสเพียงขนาดเมล็ดถั่วเขียวถึงเมล็ดถั่วลิสง ก็เพียงพอ
• การทามากเกินไปไม่ได้ทำให้ผิวขาวเร็วขึ้น แต่เสี่ยงอุดตันรูขุมขนและสิวขึ้น
• เกลี่ยครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสให้ทั่วใบหน้า เน้นบริเวณที่มีรอยดำหรือความหมองคล้ำเป็นพิเศษ
3.ใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
• ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ ขึ้นไปจึงจะเห็นผล
• ควรใช้เป็นประจำทั้งเช้าและก่อนนอน (ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของผลิตภัณฑ์)
• หากหยุดใช้ทันทีโดยไม่ดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์อาจกลับมาเหมือนเดิม
4.ใช้ควบคู่กับครีมกันแดด
• กันแดดเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด เพราะหากไม่ปกป้องผิวจากรังสี UV ครีมทาหน้าขาวจะไม่ได้ผลเต็มที่
• เลือกกันแดดที่มีค่า SPF 30-50 และ PA+++ ขึ้นไป
• ทาซ้ำทุก 3-4 ชั่วโมงหากอยู่กลางแดดนาน
5.จัดลำดับการทาครีมบำรุงให้ถูกต้อง
• หลังล้างหน้า ใช้โทนเนอร์/เซรั่ม ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส มอยส์เจอไรเซอร์ กันแดด (ช่วงเช้า)
• หากใช้หลายตัว ควรทาผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อบางเบาก่อน แล้วตามด้วยครีมที่มีเนื้อเข้มข้น
6.หลีกเลี่ยงการใช้คู่กับผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว
• ไม่ควรใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสพร้อมกับกรดผลัดผิวแรง ๆ (AHA, BHA เข้มข้น หรือเรตินอยด์) โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
• หากต้องการใช้ร่วมกัน ควรใช้ในช่วงเวลาที่ต่างกัน เช่น ใช้ครีมทาหน้าขาวกลางวัน และใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดผิวกลางคืน
7.ดูแลสุขภาพผิวควบคู่กับครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
• ดื่มน้ำให้เพียงพอ พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง
• หลีกเลี่ยงการนอนดึกและความเครียด เพราะเป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ
8.หมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิว
• หากพบว่า ผิวแดง แสบ คัน หรือสิวเห่อมากผิดปกติ ควรหยุดใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสทันที
• หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อหาสาเหตุ
ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสอันตรายไหม
ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสอาจมีความเสี่ยงและอันตรายได้ หากมีสารต้องห้ามหรือสารอันตรายผสมอยู่ เช่น สารปรอท สารไฮโดรควิโนน สเตียรอยด์ หรือสารอื่น ๆ ที่ผิดกฎหมาย ซึ่งสารเหล่านี้อาจทำให้ผิวบางลง ผิวอักเสบ ติดเชื้อได้ง่าย เกิดฝ้าถาวร หรือแม้แต่มีผลเสียต่ออวัยวะภายในร่างกาย เช่น ไตและตับ นอกจากนี้ยังเสี่ยงทำให้แพ้ ระคายเคืองผิว และเพิ่มความไวต่อแสงแดด ซึ่งอาจทำให้ผิวเสียหายได้ในระยะยาว
เพื่อลดความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียง ควรเลือกใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ และผ่านการรับรองมาตรฐาน การทดสอบการแพ้ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น ทาครีมบริเวณผิวที่บอบบางแล้วรอดูอาการ 24 ชั่วโมงก่อนใช้จริง หากพบอาการผิดปกติ ควรหยุดใช้ทันที เพื่อป้องกันผลข้างเคียงและความเสียหายต่อผิว
อันตรายของครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสปลอม
ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสปลอม หรือที่หลายคนเรียกว่า “ครีมเถื่อน” มักถูกวางขายทั่วไปทั้งออนไลน์และออฟไลน์ จุดเด่นคือราคาถูก โฆษณาเกินจริง เช่น “ขาวใน 3 วัน” หรือ “เห็นผลทันใจ” แต่แท้จริงแล้วมักมีสารอันตรายที่ทำร้ายผิวและสุขภาพโดยตรง การใช้ครีมเหล่านี้อาจทำให้เกิดผลเสียมากกว่าประโยชน์ที่ได้
1.ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสปลอมทำให้ผิวบางและไวต่อแสงแดด
ครีมปลอมจำนวนมากใส่ สเตียรอยด์ หรือ ไฮโดรควิโนน เพื่อเร่งให้ผิวขาวใสในเวลาอันสั้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้เป็นเพียงภาพลวงตา เพราะจริง ๆ แล้วผิวสูญเสียเกราะป้องกันตามธรรมชาติ
• ผิวบางลงจนเห็นเส้นเลือดฝอยชัด
• เกิดอาการแสบ แดง ง่ายเมื่อเจอแสงแดด
• เมื่อหยุดใช้ ผิวจะกลับมาหมองคล้ำกว่าเดิม และบางครั้งอาจเกิด ฝ้าลึก ที่รักษายาก
ตัวอย่าง ผู้ใช้บางคนใช้ครีมเถื่อนเพียงไม่กี่สัปดาห์ ผิวดูใสในช่วงแรก แต่เมื่อหยุดใช้ไม่นานกลับเกิดรอยด่างดำและฝ้าชัดเจนกว่าก่อนเริ่มใช้
2.ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสปลอมก่อให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองรุนแรง
ส่วนผสมที่ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้เกิดอาการแพ้ทันที เช่น
• ผื่นแดง แสบ คัน
• สิวอุดตันและสิวอักเสบเห่อเต็มใบหน้า
• ผิวอักเสบเรื้อรังจนต้องพบแพทย์
หากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นถาวรและทำให้สภาพผิวเสียหายอย่างถาวร
3.ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสปลอมส่งผลให้มีสารพิษสะสมในร่างกาย
ครีมเถื่อนมักใช้สารปรอทเป็นตัวเร่งให้ผิวขาว ปรอทอาจซึมเข้าสู่ร่างกายและสะสมในอวัยวะสำคัญ ส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างรุนแรง เช่น
• ไตวายหรือความผิดปกติของไต
• ระบบประสาทเสื่อม มือสั่น ความจำเสื่อม
• ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ และอาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง
นี่คือเหตุผลว่าทำไมหลายประเทศรวมถึงไทยจึงห้ามใช้ปรอทในเครื่องสำอาง
4.ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสปลอมทำให้ผิวหน้ากลับมาดำคล้ำกว่าเดิม
ในช่วงแรกครีมปลอมจะทำให้ผิวดูขาวขึ้นเร็ว แต่เมื่อหยุดใช้ ผิวจะกลับมาดำคล้ำ หมอง และบางครั้งยังแย่กว่าเดิม
• เกิดรอยด่างดำเป็นปื้น ๆ
• สีผิวไม่สม่ำเสมอ
• เสียเวลาและค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการรักษาฟื้นฟู
5.ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสปลอมทำให้เกิดฝ้า กระ และรอยด่างดำถาวร
ครีมที่มีสารต้องห้ามทำให้กระบวนการสร้างเม็ดสีในผิวผิดปกติ บางจุดอาจขาวซีดเกินไป ขณะที่บางจุดกลับเกิดฝ้าและกระลึก
ฝ้าและกระลึกเป็นปัญหาที่รักษายาก ใช้เวลานาน และค่าใช้จ่ายสูง
6.ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสปลอมส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต
เมื่อผิวพังจากครีมปลอม หลายคนไม่กล้าออกจากบ้าน ต้องแต่งหน้าหนาเพื่อปกปิด ทำให้เสียความมั่นใจในชีวิตประจำวัน บางรายถึงขั้นวิตกกังวลและเครียดหนัก
ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสมีผลข้างเคียงไหม
แม้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสจะช่วยปรับผิวให้ดูสว่างขึ้น ลดเลือนจุดด่างดำ และเพิ่มความมั่นใจ แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ระดับใหญ่ ๆ คือ ผลข้างเคียงเล็กน้อย และ ผลข้างเคียงรุนแรง (มักเกิดจากครีมปลอมหรือครีมที่ผสมสารต้องห้าม)
ผลข้างเคียงเล็กน้อยที่พบได้บ้าง
• การระคายเคืองผิว ผิวแสบ คัน หรือแดงเล็กน้อย โดยเฉพาะในผู้ที่ผิวแพ้ง่าย หรือใช้ครีมที่มีสารเข้มข้น เช่น วิตามินซีสูง
• ผิวแห้งหรือลอกเป็นขุย ครีมบางสูตรมีสารผลัดเซลล์ผิว (AHA, BHA) หากไม่ได้บำรุงด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เสริม อาจทำให้ผิวแห้งตึง
• ผิวไวต่อแดด เนื่องจากผิวบางลง จึงไวต่อแสงมากขึ้น หากไม่ใช้ครีมกันแดด อาจทำให้ผิวหมองคล้ำและเกิดฝ้า กระง่าย
ผลข้างเคียงรุนแรง (มักเกิดจากครีมปลอม/ครีมเถื่อน)
• ผิวบางผิดปกติ เกิดจากครีมที่ผสม สเตียรอยด์ ทำให้ผิวใสไวในระยะแรก แต่เมื่อใช้ไปนาน ๆ ผิวจะบางลงจนเห็นเส้นเลือดฝอย
• สิวเห่อหรือผิวติดสเตียรอยด์ เมื่อหยุดใช้ทันที อาจเกิดสิวอักเสบเห่อทั่วใบหน้า ผิวอักเสบเรื้อรัง และรักษายาก
• ฝ้าและกระลึกถาวร เกิดจากการใช้ครีมที่ทำลายสมดุลเม็ดสีในผิว ทำให้เกิดฝ้าลึกที่รักษายากและใช้เวลานานในการฟื้นฟู
• พิษสะสมในร่างกาย ครีมที่ผสม สารปรอท ทำให้ผิวขาวเร็ว แต่ปรอทจะสะสมในร่างกาย ทำลายไต ระบบประสาท และอาจก่อมะเร็ง
• สีผิวไม่สม่ำเสมอ บางจุดขาวซีดเกินไป ขณะที่บางจุดหมองคล้ำ ทำให้ผิวดูเป็นรอยด่าง ๆ ไม่เรียบเนียน
เคล็ดลับดูแลผิวร่วมกับครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส
การใช้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสเพียงอย่างเดียว อาจช่วยทำให้ผิวค่อย ๆ ดูกระจ่างขึ้นได้ แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีและยั่งยืน ควรมีการดูแลผิวควบคู่กันด้วย เพราะสุขภาพผิวที่แท้จริงไม่ได้มาจากการทาครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสเท่านั้น แต่เกิดจากการบำรุงผิวทั้งภายนอกและภายในอย่างสม่ำเสมอ
1.ใช้ครีมกันแดดทุกวันอย่างเคร่งครัด
แสงแดดเป็นศัตรูตัวร้ายของผิว เพราะรังสี UVA และ UVB กระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และทำให้ผลลัพธ์จากครีมทาหน้าขาวหายไปในพริบตา
• ควรเลือกกันแดดที่มีค่า SPF 30-50 และ PA+++ ขึ้นไป
• ทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 15-20 นาที และทาซ้ำทุก 3-4 ชั่วโมงหากอยู่กลางแจ้ง
• แม้อยู่ในออฟฟิศก็ยังควรทากันแดด เพราะแสงจากไฟฟลูออเรสเซนต์หรือแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็สามารถทำร้ายผิวได้เช่นกัน
2.ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน
หากผิวไม่สะอาด ต่อให้ใช้ครีมราคาแพงแค่ไหน สารบำรุงก็ไม่สามารถซึมลึกได้เต็มที่ การล้างหน้าจึงเป็นก้าวแรกของผิวใส
• ผิวมันหรือเป็นสิวง่ายควรเลือกคลีนเซอร์ที่ช่วยควบคุมความมันและลดการอุดตัน
• ผิวแห้งควรใช้เจลล้างหน้าที่อ่อนโยนและมีสารเพิ่มความชุ่มชื้น
• ผิวแพ้ง่ายควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบน
หลีกเลี่ยงการขัดถูแรง ๆ เพราะจะทำให้ผิวบางและเกิดการระคายเคืองง่าย
3.เติมความชุ่มชื้นให้ผิวเสมอ
ผิวที่ขาดน้ำจะหมองคล้ำและไม่สดใส แม้จะใช้ครีมทาหน้าขาวก็อาจเห็นผลช้าลง
• ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีสารบำรุง เช่น ไฮยาลูรอนิก แอซิด เซราไมด์ หรือกลีเซอรีน
• ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เพื่อให้ผิวอิ่มน้ำจากภายใน
• ใช้สเปรย์น้ำแร่ระหว่างวันเพื่อคืนความสดชื่นและชุ่มชื้นให้ผิว
4.พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับเป็นช่วงที่ร่างกายซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิว หากนอนดึกหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ผิวจะดูหมองคล้ำและแก่ก่อนวัย
• ควรนอนอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง
• จัดเวลานอนให้ตรงเวลาเพื่อให้ร่างกายปรับสมดุลฮอร์โมน
• หากนอนดึกเป็นประจำ แม้ใช้ครีมบำรุงดีแค่ไหนก็อาจไม่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน
5.รับประทานอาหารที่ดีต่อผิว
อาหารมีผลต่อความกระจ่างใสของผิวโดยตรง เพราะสารอาหารหลายชนิดช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
อาหารที่ควรทาน
• ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม กีวี สตรอว์เบอร์รี่
• ผักที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น มะเขือเทศ บล็อกโคลี แครอท
• ถั่วและเมล็ดพืชที่มีวิตามินอี
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
• อาหารมันจัด ของทอด และอาหารฟาสต์ฟู้ด
• น้ำตาลสูง เพราะทำให้เกิดกระบวนการ Glycation ทำให้ผิวเสื่อมเร็ว
6.ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและระบบน้ำเหลือง ทำให้ผิวได้รับออกซิเจนและสารอาหารมากขึ้น ส่งผลให้ผิวเปล่งปลั่ง สุขภาพดี
• ควรออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3-5 วัน ครั้งละอย่างน้อย 30 นาที
• การออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน จะช่วยให้ผิวดูใสและอ่อนเยาว์ขึ้น
7.หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายผิว
พฤติกรรมเล็ก ๆ ที่ทำทุกวันอาจเป็นตัวการทำลายผิวได้โดยไม่รู้ตัว
• หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทำให้ผิวเสื่อมเร็วและหมองคล้ำ
• อย่าแกะสิวหรือขยี้หน้าแรง ๆ เพราะจะทำให้เกิดรอยดำและแผลเป็น
• พยายามลดความเครียด เพราะความเครียดทำให้ฮอร์โมน Cortisol สูงขึ้น ส่งผลต่อการเกิดสิวและผิวหมอง
8.ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอย่างเหมาะสม
การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอื่น ๆ ควบคู่กับครีมทาหน้าขาวอาจช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้น แต่ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม
• เซรั่มไวท์เทนนิ่ง ช่วยบำรุงลึกและเสริมประสิทธิภาพของครีม
• สครับหรือโฟมผลัดเซลล์ผิว ใช้อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้ผิวเรียบเนียนและครีมซึมซาบได้ดีขึ้น
• มาสก์บำรุงผิว เติมความชุ่มชื้นและช่วยฟื้นฟูผิวเร่งด่วน
แต่ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่แรงเกินไปพร้อมกันหลายตัว เพราะอาจทำให้ผิวอักเสบและไวต่อแสง
สรุปครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสดีไหม
สรุปว่า ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใส ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ผิวเปลี่ยนในชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส เรียบเนียน และสุขภาพดีขึ้นได้ หากเลือกครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสสูตรที่เหมาะสม ได้มาตรฐาน และใช้ควบคู่กับการดูแลผิวในด้านอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทาครีมกันแดด พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน ผ่านการรับรองมาตรฐาน และไม่หลงเชื่อคำโฆษณาที่เกินจริง เพราะแม้ครีมทาหน้าขาวกระจ่างใสจะมีประโยชน์ แต่หากเลือกผิด อาจทำให้เกิดอันตรายทั้งต่อผิวหน้าและสุขภาพในระยะยาวได้
ดังนั้น หากคุณต้องการผิวที่ขาวกระจ่างใสอย่างยั่งยืน ควรให้ความสำคัญกับการเลือกครีมที่ได้มาตรฐาน ใช้อย่างต่อเนื่องในปริมาณพอเหมาะ และดูแลสุขภาพผิวโดยรวมไปพร้อมกัน แล้วคุณจะได้ผิวหน้าที่สวยใสในแบบที่มั่นใจได้จริง
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ