โปรแกรม Lenisna คืออะไร ช่วยอะไร ฉีดจุดไหนบ้าง ฉีดใต้ตาได้ไหม
Lenisna
Lenisna คืออะไร ช่วยอะไร ฉีดจุดไหนบ้าง ฉีดใต้ตาได้ไหม
ผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยลึก และใบหน้าที่ดูอ่อนล้า คือปัญหาที่หลายคนหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่ออายุเพิ่มขึ้นหรือผิวขาดคอลลาเจนตามธรรมชาติ ทำให้หนึ่งในหัตถการที่หลายคนให้ความสนใจ คือ Lenisna ตัวช่วยกระตุ้นคอลลาเจนรุ่นใหม่จากเกาหลี ที่ผสานคุณสมบัติ PDLLA และ Hyaluronic Acid เข้าไว้ด้วยกัน สามารถฟื้นฟูผิวให้ดูสุขภาพดีและกระชับขึ้น
Lenisna ถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ความดูเป็นธรรมชาติและผลลัพธ์ในระยะยาว บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จักกับ Lenisna ตั้งแต่คืออะไร ฉีดจุดไหนได้บ้าง ช่วยเรื่องอะไร เหมาะกับใคร ไปจนถึงวิธีเตรียมตัวก่อนทำและการดูแลหลังฉีด เพื่อให้คุณตัดสินใจทำได้อย่างมั่นใจที่สุด
Lenisna คืออะไร
Lenisna คือ สารกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen Biostimulator) จากเกาหลี ที่ใช้เพื่อยกกระชับผิว ฟื้นฟูคอลลาเจน และลดความหย่อนคล้อย โดยไม่เน้นการเพิ่มวอลลุ่มแบบฟิลเลอร์ทั่วไป จุดเด่นของ Lenisna คือมีการผสมผสาน PLLA (Poly-L-Lactic Acid) และ PCL (Polycaprolactone) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เห็นผลอยู่ได้นาน และช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิวในระยะยาว
สารทั้งสองชนิดจะค่อย ๆ กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น กระชับขึ้น และช่วยลดริ้วรอยหรือร่องลึกที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนเดิม
หลักการทำงานของ Lenisna
Lenisna ทำงานด้วยหลักการเป็น Hybrid Biostimulator ที่รวมสองส่วนประกอบหลักคือ PDLLA (Poly D,L-lactic acid) และ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งทำงานร่วมกันดังนี้
• Hyaluronic Acid (HA) ให้ผลเติมเต็มผิวทันทีหลังฉีด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความฟูของผิว ลดริ้วรอยตื้น ๆ ให้ผิวดูอิ่มน้ำและเรียบเนียนขึ้น
• PDLLA เป็นอนุภาคไมโครที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังอย่างต่อเนื่อง เมื่อ PDLLA ค่อยๆสลายไป จะกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวหนาแน่น แข็งแรง ยกกระชับ และลดริ้วรอยในระยะยาว
• ผลลัพธ์รวมจะเห็นผลในเวลาไม่นานจาก HA และชัดเจนขึ้นหลัง 1-6 เดือนจากการสร้างคอลลาเจนของ PDLLA โดยผลลัพธ์ยาวนานได้ถึง 1-2 ปี
• โครงสร้างของอนุภาค PDLLA มีการกระจายตัวดี ลดปัญหาก้อนและการระคายเคือง
สรุปคือ Lenisna ผสมผสานการเติมเต็มและกระตุ้นคอลลาเจน เพื่อฟื้นฟูผิวให้ทั้งดูอิ่มฟูและกระชับขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว
Lenisna ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
Lenisna เป็นหัตถการกลุ่ม Collagen Biostimulator ที่โดดเด่นเรื่องการฟื้นฟูผิวจากภายใน ทำให้สามารถช่วยแก้หลายปัญหาผิวที่เกิดจากความหย่อนคล้อย คอลลาเจนลดลง และผิวขาดความยืดหยุ่น โดยผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เติมวอลลุ่มมากเกินไป
1.Lenisna ช่วยยกกระชับผิวหน้า ลดความหย่อนคล้อย
Lenisna กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ทั่วใบหน้า ช่วยให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น ผิวที่เคยหย่อนจะค่อย ๆ กระชับแน่นขึ้น เหมาะกับคนที่เริ่มมีแก้มหย่อน หน้าไหล หรือใบหน้าดูไม่กระชับเหมือนเดิม
2.Lenisna ช่วยเติมเต็มริ้วรอย ร่องแก้ม ร่องมุมปาก
ช่วยลดร่องแก้ม ร่องมุมปาก ลดริ้วรอยบริเวณแก้ม ขมับ ใต้ตา ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นจากภายใน แม้ไม่ได้เพิ่มวอลลุ่มเท่าฟิลเลอร์ แต่ให้ผลยกกระชับและฟื้นฟูผิวได้ชัดเจนในระยะยาว
3.Lenisna ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวโดยรวมให้ผิวแข็งแรงขึ้น
ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของผิว ทำให้ผิวดูแน่นกระชับขึ้น ลดความบางของผิวที่เกิดจากอายุหรือการขาดคอลลาเจน รวมถึงลดความแห้งและผิวโทรม เหมาะกับคนที่ผิวบางมาก ฉีดฟิลเลอร์แล้วดูไม่สวย หรือผิวดูอ่อนล้า
4.Lenisna ช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนมากขึ้น
ช่วยทำให้ใบหน้าดูยกขึ้น ลดความหย่อนคล้อยของแก้ม ช่วยให้โหนกแก้มดูสวยขึ้นโดยไม่ต้องเติมฟิลเลอร์ หน้าเรียวขึ้นอย่างดูเป็นธรรมชาติ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไม่อยากเพิ่มวอลลุ่ม แต่ต้องการโครงหน้าชัดขึ้น
5.Lenisna ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์แบบค่อยเป็นค่อยไป
กระตุ้นคอลลาเจนต่อเนื่อง 12-18 เดือน ผิวโดยรวมดูอิ่มฟู สุขภาพดี เมื่ออายุมากขึ้นแต่โครงสร้างผิวยังแน่น เหมาะกับคนที่ต้องการเห็นผล Anti-Aging ในระยะยาว
6.Lenisna ช่วยฟื้นฟูผิวบริเวณขมับตอบ แก้มตอบ
แม้ Lenisna ไม่เพิ่มวอลลุ่มมาก แต่ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิว ทำให้บริเวณที่ตอบดูดีขึ้นและเรียบเนียนขึ้นกว่าเดิม
Lenisna ฉีดจุดไหนได้บ้าง
Lenisna สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งบนใบหน้าและลำคอ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกกระชับ ฟื้นฟูคอลลาเจน และปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรงขึ้น โดยไม่เน้นการเพิ่มวอลลุ่มมากเกินไป จุดที่นิยมฉีดได้แก่
1.Lenisna ฉีดกรอบหน้า
ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ทำให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น ลดความหย่อนคล้อยของแก้ม ทำให้รูปหน้าเรียวขึ้นอย่างดูเป็นธรรมชาติ
2.Lenisna ฉีดแก้มส้ม
ช่วยให้บริเวณแก้มที่เริ่มแบนหรือหย่อนคล้อย กลับมาดูอิ่มฟูและยกขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และมีมิติ
3.Lenisna ฉีดแก้มที่หย่อนคล้อย
เหมาะกับผู้ที่มีแก้มห้อย หน้าไหล โดย Lenisna จะช่วยฟื้นคอลลาเจน ทำให้ผิวบริเวณนี้ยกกระชับขึ้น ลดความหย่อนของใบหน้าโดยรวม
4.Lenisna ฉีดร่องแก้ม
ช่วยลดความลึกของร่องแก้มที่เกิดจากการหย่อนคล้อยและคอลลาเจนลดลง ทำให้ดูอ่อนวัยขึ้นโดยไม่ต้องเติมฟิลเลอร์มาก
5.Lenisna ฉีดขมับ
บริเวณขมับที่ตอบหรือแบน สามารถฟื้นฟูโครงสร้างผิวด้วยการกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยให้กรอบหน้าดูเต็มขึ้นและสมส่วนมากขึ้น
6.Lenisna ฉีดใต้ตา
ช่วยฟื้นฟูความบางของผิวใต้ตา ทำให้ดูสดใสขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้น และลดร่องตื้น ๆ รอบดวงตาให้ดูจางลง
7.Lenisna ฉีดมุมปากและร่องน้ำหมาก
ช่วยลดความตกของมุมปากและลดความลึกของร่องน้ำหมากที่ทำให้ใบหน้าดูเศร้า
8.Lenisna ฉีดแก้มตอบ
แม้ Lenisna ไม่เน้นเติมวอลลุ่ม แต่สามารถช่วยให้แก้มที่ดูตอบจากคอลลาเจนเริ่มเสื่อม ให้กลับมาดูแน่นขึ้น
9.Lenisna ฉีดลำคอ
ช่วยลดริ้วรอยบริเวณคอและความหย่อนคล้อย ฟื้นฟูผิวทำให้คอดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์มากขึ้น
Lenisna ฉีดใต้ตาได้ไหม
Lenisna สามารถฉีดบริเวณใต้ตาได้ เพราะ Lenisna มีอนุภาคขนาดเล็ก 50-60 ไมโครเมตร โครงสร้างเป็นทรงกลมและมีรูพรุนรอบ ๆ ช่วยลดการระคายเคืองและลดอาการบวมหลังฉีด จึงเหมาะกับการฟื้นฟูผิวใต้ตาที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก และความหย่อนคล้อย นอกจากนี้ Lenisna ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวใต้ตาดูกระชับและยืดหยุ่นขึ้น ผลลัพธ์จะเห็นทั้งเติมเต็มทันทีจาก Hyaluronic Acid และผลลัพธ์ระยะยาวจากการกระตุ้นคอลลาเจนของ PDLLA
อย่างไรก็ตาม Lenisna ฉีดใต้ตา ต้องทำกับแพทย์ที่มีความรู้ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และต้องประเมินก่อนทำทุกครั้ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงและให้ผลลัพธ์ที่ดี
Lenisna กี่ครั้งถึงเห็นผล
Lenisna สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด เนื่องจากมี Hyaluronic Acid ที่ช่วยเติมเต็มริ้วรอยและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวทันที หลังฉีดผิวจะดูตื้นขึ้นและกระจ่างใสขึ้น จากนั้นผลลัพธ์จากการกระตุ้นคอลลาเจนของ PDLLA จะเริ่มชัดเจนขึ้นประมาณ 1 เดือนหลังฉีด และจะเห็นผลเต็มที่หลังฉีดครบ 3 ครั้ง โดยมีระยะห่างระหว่างการฉีดประมาณ 4-6 สัปดาห์ การทำต่อเนื่อง 3 ครั้งจะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-24 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล
Lenisna กี่วันถึงเห็นผล
หลังฉีด Lenisna จะเห็นผลทันทีตั้งแต่ครั้งแรกเนื่องจากส่วนประกอบไฮยาลูรอนิกแอซิดที่เติมเต็มผิว ทำให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้นและผิวดูชุ่มชื้นขึ้น ผลลัพธ์จากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของ PDLLA จะเริ่มเห็นชัดเจนภายใน 1 เดือน และจะเห็นผลเต็มที่อย่างชัดเจนหลังฉีดครบ 3 ครั้งในระยะ 4-6 สัปดาห์ต่อครั้ง ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 12-24 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล
Lenisna อยู่ได้นานแค่ไหน
Lenisna ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12-24 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลหลังฉีดและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล หลังฉีดครั้งแรกสามารถเห็นผลทันทีจาก Hyaluronic Acid ที่เติมเต็มผิว ส่วนผลลัพธ์จากการกระตุ้นคอลลาเจนของ PDLLA จะเริ่มเห็นชัดเจนภายใน 1 เดือน และเต็มที่เมื่อครบ 3 ครั้งในระยะ 4-6 สัปดาห์ต่อครั้ง ซึ่งจะช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูขึ้น รูขุมขนเล็กลง และริ้วรอยลดลง ผลลัพธ์นี้จะคงอยู่ได้ยาวนานถึง 2 ปี แนะนำให้ฉีดซ้ำทุก 6-12 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์
Lenisna เหมาะกับใครบ้าง
Lenisna เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวและยกกระชับอย่างดูเป็นธรรมชาติ เพราะ Lenisna เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นในระยะยาว จึงเหมาะกับกลุ่มคนต่อไปนี้
1.Lenisna เหมาะกับคนที่มีผิวหย่อนคล้อย แก้มห้อย หน้าไหล
ผู้ที่เริ่มรู้สึกว่าใบหน้าไม่กระชับเหมือนเดิม เช่น แก้มหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด แก้มส้มตก Lenisna จะช่วยยกผิวให้แน่นขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
2.Lenisna เหมาะกับผู้ที่มีคอลลาเจนในผิวลดลงตามวัย
เหมาะมากสำหรับคนอายุ 30 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่เริ่มมีสัญญาณความแก่ เช่น ผิวบางลง ผิวไม่อิ่มฟู ดูแห้งกว่าเดิม มีริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วหน้า การฉีด Lenisna จะช่วยฟื้นโครงสร้างผิวให้กลับมาแข็งแรง
3.Lenisna เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับ แต่ไม่อยากเติมฟิลเลอร์
หลายคนไม่อยากให้ใบหน้าดูบวมหรือมีวอลลุ่มเกินไป Lenisna จึงเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะเน้นยกกระชับและฟื้นฟูผิวมากกว่าการเติมเต็ม
4.Lenisna เหมาะกับผู้ที่มีใบหน้าดูอ่อนล้า โทรมง่าย
ช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูสดใสขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ผิวเสื่อมจากแสงแดดหรือมลภาวะ ผิวจะค่อย ๆ สดใสและดูสุขภาพดีขึ้น
5.Lenisna เหมาะกับผู้ที่มีร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ริ้วรอยจากความหย่อนคล้อย
Lenisna ช่วยลดความลึกของร่องต่าง ๆ ได้ แต่เน้นฟื้นฟูผิว ไม่ได้ให้วอลลุ่มทันทีเหมือนฟิลเลอร์ เหมาะกับริ้วรอยที่เกิดจากคอลลาเจนหายไป
6.Lenisna เหมาะกับผู้ที่มีผิวบางมาก ใต้ตาบาง ขมับตอบ แก้มตอบ
ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาบาง ขมับตอบ แก้มตอบจากผิวเสื่อม ไม่ใช่โครงหน้า Lenisna จะช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ฟื้นฟูอย่างดูเป็นธรรมชาติ
7.Lenisna เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ยาวนาน
เพราะ Lenisna อยู่ได้นานเฉลี่ย 12-18 เดือน เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว ไม่ต้องฉีดบ่อย
8.Lenisna เหมาะกับคนที่อยากชะลอวัยตั้งแต่อายุยังไม่มาก
ผู้ที่เริ่มมีอายุ 25-35 ปี ต้องการป้องกันผิวเสื่อมตั้งแต่เนิ่น ๆ Lenisna ช่วยให้ผิวคงความแข็งแรง ไม่แก่ก่อนวัย
Lenisna ไม่เหมาะกับใครบ้าง
แม้ Lenisna จะเป็นหัตถการกระตุ้นคอลลาเจนที่ให้ผลลัพธ์ดีและดูเป็นธรรมชาติ แต่ก็มีคนบางกลุ่มที่อาจไม่เหมาะ หรือต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียดจากแพทย์ก่อน ดังนี้
1.Lenisna ไม่เหมาะกับผู้ที่มีถุงใต้ตาชัดเจนมาก
หากถุงใต้ตาเกิดจากไขมันดันออกมาอย่างเด่นชัด การฉีด Lenisna ไม่สามารถช่วยยกหรือแก้ไขได้ และอาจทำให้เนื้อผิวบริเวณนี้ดูไม่เรียบได้ ทางแก้ที่เหมาะสมกว่าอาจเป็นผ่าตัดถุงใต้ตาหรือฟิลเลอร์ใต้ตา
2.Lenisna ไม่เหมาะกับผู้ที่มีร่องลึกที่เกิดจากโครงหน้า
กรณีร่องแก้มลึกมากจากกระดูกยุบ Lenisna ไม่สามารถเติมเต็มได้ทันที เพราะเน้นฟื้นฟูผิว ไม่ใช่เพิ่มวอลลุ่มทางเลือกเหมาะกว่าอาจเป็นการฉีดฟิลเลอร์
3.Lenisna ไม่เหมาะกับผู้มีผิวบางมากจนเกินไปหรือมีภาวะผิวอ่อนแอผิดปกติ
แม้ Lenisna จะช่วยฟื้นผิวบางได้ในหลายเคส แต่บางรายที่ผิวบอบบางผิดปกติ เช่น ผิวบางจากโรค ผิวอักเสบรุนแรง อาจต้องเลี่ยงหรือใช้วิธีอื่นแทน
4.Lenisna ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคผิวหนังอักเสบเฉพาะบริเวณ
ผู้ที่มีโรคผิวหนังอักเสบในบริเวณที่ฉีด เช่น สิวอักเสบรุนแรง มีผื่นแพ้ ผิวติดเชื้อ ควรรักษาให้หายก่อนฉีด
5.Lenisna ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติคีลอยด์ง่าย
เพราะ Lenisna กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน จึงอาจไม่เหมาะกับคนที่เกิดคีลอยด์ง่ายเป็นพิเศษ โดยเฉพาะบริเวณที่ต้องฉีดใกล้ผิวมาก
6.Lenisna ไม่เหมาะกับผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
เพราะยังไม่มีงานวิจัยที่เพียงพอรับรองความปลอดภัย จึงไม่แนะนำให้ทำหัตถการที่ไม่จำเป็นในช่วงนี้
7.Lenisna ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้ส่วนประกอบ PLGA / PLLA / PCL
แม้ว่าจะพบได้น้อยมาก แต่ในผู้ที่มีประวัติแพ้สารกลุ่มนี้ ควรงดทำหัตถการทันที
8.Lenisna ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เร็วทันใจ
Lenisna เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 2-3 เดือน หากต้องการผลที่เห็นทันที จึงไม่เหมาะ ควรเลือกฟิลเลอร์แทน
9.Lenisna ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง
เช่น โรคภูมิคุ้มกันผิดปกติ ผู้ที่ใช้ยากดภูมิ ผู้ที่เลือดออกง่ายหรือเลือดหยุดยาก ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
Lenisna เจ็บไหม อันตรายหรือไม่
การฉีด Lenisna อาจมีอาการเจ็บเล็กน้อยในระหว่างการฉีดเหมือนกับการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป แต่จะไม่รุนแรงมาก ส่วนใหญ่ผู้รับบริการสามารถทนได้ และมักมีการใช้ยาชาก่อนฉีดเพื่อลดความเจ็บปวด
ในด้านอันตราย Lenisna ถือว่าไม่เป็นอันตราย มีผลข้างเคียงน้อยมาก เช่น อาการบวมช้ำเล็กน้อย หรือแดงบริเวณที่ฉีดซึ่งจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน อาการระคายเคืองหรือคันอาจเกิดขึ้นได้น้อยมาก และไม่มีรายงานผลข้างเคียงรุนแรง เช่น ก้อนแข็งหรือการอักเสบที่รุนแรง เพราะ Lenisna มีโครงสร้างอนุภาคที่ออกแบบมาให้ลดการระคายเคืองและปัญหาเป็นก้อน
อย่างไรก็ตาม การฉีด Lenisna ควรทำโดยแพทย์ที่มีความรู้ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
Lenisna มีผลข้างเคียงไหม
การฉีด Lenisna ถือเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงน้อย หากทำโดยแพทย์ที่มีความรู้และใช้เทคนิคที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม หัตถการทุกชนิดย่อมมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้ ซึ่งสามารถแบ่งเป็น ผลข้างเคียงปกติที่พบได้ทั่วไป และ ผลข้างเคียงที่ควรระวังเป็นพิเศษ ดังนี้
1.ผลข้างเคียงปกติที่มักพบหลังฉีด Lenisna
ผลข้างเคียงเหล่านี้พบได้บ่อยและมักหายเองภายใน 2-7 วัน
• บวม บริเวณที่ฉีดอาจบวมเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยเฉพาะใน 24-48 ชั่วโมงแรก
• แดง ผิวอาจมีรอยแดงบริเวณเข็มหรือจุดที่ฉีด เกิดจากการระคายเคืองเล็กน้อยของผิว
• ช้ำ บางเคสอาจมีรอยช้ำจากเข็มที่ใช้ฉีด Lenisna ซึ่งจะค่อย ๆ หายไปภายใน 3-7 วัน
• เจ็บ ตึง หรือรู้สึกแน่นผิว เป็นสัญญาณของการเริ่มกระตุ้นคอลลาเจน มักหายภายในไม่กี่วันถึง 1 สัปดาห์
• ผิวรู้สึกแข็งเล็กน้อย เกิดจากการทำงานของ PLLA/PCL ถือเป็นอาการปกติและจะนุ่มขึ้นตามเวลา
2.ผลข้างเคียงที่พบได้น้อยแต่ควรระวัง
ผลข้างเคียงเหล่านี้แม้พบไม่บ่อย แต่ควรได้รับการประเมินจากแพทย์ทันทีหากเกิดขึ้น
• ก้อนใต้ผิว อาจเกิดขึ้นหากฉีดผิดชั้น หรือมีการกระจุกตัวของสาร ปัจจุบันพบค่อนข้างน้อยหากใช้เทคนิคถูกต้อง
• ผิวไม่เรียบเป็นคลื่น อาจเกิดจากการกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ แก้ได้ด้วยการประเมินและฉีดปรับให้สมดุล
• การอักเสบเฉพาะจุด พบได้น้อยมาก ผิวจะบวม แดง และกดเจ็บ ต้องให้แพทย์ตรวจทันที
• อาการแพ้ โอกาสเกิดน้อยมาก แต่หากแพ้อาจมีผื่นแดง คัน หรือบวมมากผิดปกติ
3.ผลข้างเคียงรุนแรง (เกิดน้อยมาก)
แม้พบได้น้อยมาก แต่อยู่ในกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแลโดยทันที
• การอุดตันของเส้นเลือด แม้ Lenisna จะมีโอกาสน้อยกว่า HA filler แต่ก็ยังต้องทำโดยแพทย์ผู้มีความรู้เพื่อหลีกเลี่ยงจุดเสี่ยง
• การติดเชื้อ อาจเกิดขึ้นหากแผลสัมผัสสิ่งสกปรกหลังฉีด พบได้น้อยมากหากทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน
การเตรียมตัวก่อนทำ Lenisna
การฉีด Lenisna เป็นหัตถการที่เน้นการฟื้นฟูคอลลาเจนและยกกระชับผิว ซึ่งแม้จะเป็นหัตถการที่ความเสี่ยงน้อย แต่การเตรียมตัวให้ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงของอาการบวมช้ำ และทำให้ผลลัพธ์ออกมาสวย ดังนั้นก่อนทำควรเตรียมตัวดังนี้
1.ก่อนทำ Lenisna หลีกเลี่ยงยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด 3-7 วันก่อนทำ
เพื่อลดโอกาสเกิดรอยช้ำหลังฉีด Lenisna ตัวอย่างยาที่ควรหลีกเลี่ยง (หากไม่ได้จำเป็นต้องใช้โดยแพทย์สั่ง)
• แอสไพริน (Aspirin)
• ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
• นาพรอกเซน (Naproxen)
• วิตามินอี
• โอเมก้า-3
• น้ำมันปลา
• สมุนไพรบางชนิด เช่น โสม กระเทียมสกัด แปะก๊วย
หากต้องใช้ยาประจำ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง
2.ก่อนทำ Lenisna งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24-48 ชั่วโมง
แอลกอฮอล์ทำให้เลือดแข็งตัวยากขึ้น เพิ่มโอกาสช้ำและบวมหลังทำ ควรงดก่อนทำอย่างน้อย 1-2 วัน
3.ก่อนทำ Lenisna งดการทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์รุนแรงบริเวณใบหน้า 5-7 วัน
เช่น เลเซอร์ความร้อน สครับผิว ใช้กรดผลไม้ (AHA/BHA) Retinol/Retinoid เข้มข้น เพื่อลดการระคายเคืองและป้องกันผิวอักเสบก่อนทำ
4.ก่อนทำ Lenisna แจ้งประวัติการแพ้ยา หรือการแพ้สารกลุ่ม PLLA / PCL
แพทย์ต้องทราบประวัติการแพ้ยา แพ้ผลิตภัณฑ์ หรือการแพ้สารกลุ่มเดียวกับ Lenisna เพื่อพิจารณาความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียง
5.ก่อนทำ Lenisna หากมีโรคประจำตัว ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบ
โดยเฉพาะโรคภูมิคุ้มกันผิดปกติ เบาหวานที่ควบคุมไม่ดี ผู้ที่ใช้ยากดภูมิ ผู้มีภาวะเลือดออกง่าย เพื่อให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมของการทำหัตถการ
6.ก่อนทำ Lenisna หากมีผื่น แผล หรือสิวอักเสบเฉพาะจุด ควรรักษาให้ดีขึ้นก่อน
ผิวที่มีการอักเสบอาจเพิ่มโอกาสติดเชื้อหลังฉีด ควรให้แพทย์ประเมินก่อนทำ Lenisna
7.ก่อนทำ Lenisna ควรพักผ่อนให้เพียงพอ
ร่างกายที่พักผ่อนเต็มที่จะช่วยลดโอกาสบวมและฟื้นตัวได้เร็วหลังทำ Lenisna
8.ก่อนทำ Lenisna งดแต่งหน้าในวันที่ทำ
เพื่อลดความเสี่ยงเกิดการติดเชื้อ และเพื่อให้แพทย์ทำความสะอาดผิวก่อนฉีดได้อย่างทั่วถึง
9.ก่อนทำ Lenisna เตรียมใจเรื่องผลลัพธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไป
Lenisna ไม่ใช่สารเติมเต็มแบบฟิลเลอร์ ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 1-3 เดือน ผู้รับการรักษาควรเข้าใจเกี่ยวกับหัตถการก่อนทำ
การดูแลตัวเองหลังทำ Lenisna
หลังการฉีด Lenisna ผิวจะเริ่มกระบวนการกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 1-3 เดือน การดูแลตัวเองหลังทำจึงมีความสำคัญมาก เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดี ลดความเสี่ยงของการบวมช้ำ หรือเกิดก้อนใต้ผิว
1.หลังทำ Lenisna หลีกเลี่ยงความร้อน 48 ชั่วโมง
ความร้อนอาจกระตุ้นการอักเสบเพิ่มขึ้นและทำให้บวมได้นานขึ้น ควรหลีกเลี่ยงดังนี้
• ซาวน่า
• อบไอน้ำ
• โยคะร้อน
• อาบน้ำอุ่นจัด
• ทำเลเซอร์ที่ใช้ความร้อน
2.หลังทำ Lenisna งดออกกำลังกายหนัก 24-48 ชั่วโมง
เพราะการกระตุ้นเลือดไหลเวียนแรงขึ้นจะเพิ่มโอกาสบวมและช้ำ ควรงดกิจกรรม เช่น
• วิ่ง
• เวทเทรนนิ่ง
• เต้น Cardio
• กีฬาหนัก ๆ
หลังฉีด Lenisna สามารถออกกำลังกายเบา ๆ ได้หลัง 48 ชั่วโมง
3.หลังทำ Lenisna งดแอลกอฮอล์ 24-48 ชั่วโมง
แอลกอฮอล์มีผลทำให้เลือดไหลเวียนมากขึ้น เพิ่มโอกาสบวช้ำ จึงควรเลี่ยงอย่างน้อย 1-2 วันหลังฉีด
4.หลังทำ Lenisna หลีกเลี่ยงการนวดหน้า กดหน้า หรือจับบริเวณที่ฉีด 1 สัปดาห์
เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเคลื่อนที่ และช่วยให้สารกระจายตัวในชั้นผิวได้อย่างเหมาะสม
5.หลังทำ Lenisna หลีกเลี่ยงเลเซอร์หรือทรีตเมนต์ที่แรง 1 สัปดาห์
เช่น IPL, HIFU, เลเซอร์ RF ยกกระชับ หรือ Skin Booster บางชนิด แต่สามารถทำเลเซอร์โทนหรือทรีตเมนต์อ่อน ๆ ได้หลัง 3-5 วัน (ควรให้แพทย์ประเมินก่อน)
6.หลังทำ Lenisna ทาครีมบำรุงและครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
ใช้ครีมบำรุงที่ช่วยลดการอักเสบ เช่น โมเลกุลให้ความชุ่มชื้น และครีมกันแดด SPF 30-50+ เป็นประจำทุกวันเพราะแสงแดดทำให้คอลลาเจนเสื่อมเร็ว อาจกระทบผลลัพธ์ของ Lenisna
7.หลังทำ Lenisna ประคบเย็นหากมีอาการบวม
ประคบเย็นในช่วง 24 ชั่วโมงแรก ช่วยลดบวมและรอยแดงได้ดี แต่ห้ามประคบร้อนเด็ดขาด
8.หลังทำ Lenisna อาการที่อาจเจอและถือว่าปกติ
หากมีอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง
• บวม 1-3 วัน
• รู้สึกตึงหรือแน่นผิว
• รอยแดงหรือรอยเข็ม
• รอยช้ำเล็กน้อย
9.หลังทำ Lenisna อาการที่ควรพบแพทย์ทันที
แม้พบได้น้อย แต่ควรระวังปวดมากผิดปกติ บวมแดงรุนแรง มีผื่น คัน หรือสงสัยแพ้ ผิวผิดรูปหรือคล้ำเฉพาะจุด หรือเป็นก้อนแข็งขนาดใหญ่ที่ไม่ยุบลง
10.หลังทำ Lenisna ทำตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด
แพทย์จะประเมินตามสภาพผิวของแต่ละคน เพราะบางเคสอาจต้องมีการติดตามผลหรือฉีดซ้ำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด
สรุปเกี่ยวกับ Lenisna
สรุป Lenisna คือหนึ่งในเทคโนโลยีฟื้นฟูผิวที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี ด้วยคุณสมบัติการเป็น Hybrid Biostimulator ที่ทั้งเติมเต็มผิวและกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ช่วยยกกระชับ ลดริ้วรอย ฟื้นฟูผิว และปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนอย่างดูเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังสามารถใช้ได้หลายตำแหน่ง ตั้งแต่กรอบหน้า แก้ม ร่องแก้ม ไปจนถึงใต้ตา
อย่างไรก็ตามการฉีด Lenisna ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อให้ประเมินและเลือกเทคนิคการฉีดที่เหมาะสม รวมถึงควรเตรียมตัวก่อนทำและการดูแลหลังฉีดอย่างถูกต้อง เพื่อให้ลดความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงและได้ผลลัพธ์ที่ดี
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ