โปรแกรม Belotero Revive คืออะไร แตกต่างจากฉีดฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างไร
Belotero Revive , Belotero
Belotero Revive คืออะไร ช่วยเรื่องอะไร ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล
เมื่ออายุเพิ่มขึ้นหรือเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ทำร้ายผิวทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด มลภาวะ ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือผิวแห้งจากการอยู่ห้องแอร์เป็นประจำ ผิวของเราจึงเริ่มมีปัญหา เช่น ความหมองคล้ำ ผิวหยาบกร้าน รูขุมขนกว้าง และริ้วรอยเล็ก ๆ จนทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ไม่สดใสเหมือนเดิม
หนึ่งในตัวเลือกที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิวจากภายในได้อย่างเห็นผล คือ Belotero Revive ฟิลเลอร์ในแบบ Skin Booster จากสวิตเซอร์แลนด์ ที่ช่วยคืนความชุ่มชื้น เติมน้ำให้ผิว และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน แต่ก่อนตัดสินใจฉีด Belotero Revive ควรรู้อะไรบ้าง ในบทความนี้รวมข้อมูลน่ารู้มาให้ทราบกัน
Belotero Revive คืออะไร
Belotero Revive คือฟิลเลอร์ที่ช่วยให้ผิวดู Glass Skin จากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นฟิลเลอร์ประเภท Skin Booster ที่มีการผสมผสานระหว่างกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid; HA) และกลีเซอรอล (Glycerol) เน้นการบำรุงและปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น เช่น ลดริ้วรอยเล็ก ๆ เพิ่มความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น และความกระชับของผิว ฟื้นฟูผิวให้ดูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว และเรียบเนียนขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ผิวแห้งขาดความยืดหยุ่น หรือหลุมสิวตื้น ๆ สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึงประมาณ 7-9 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวหลังฉีด
Belotero Revive ช่วยกระตุ้นเซลล์ Fibroblast ให้สร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิว ส่งผลให้ผิวอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่เพิ่มวอลลุ่มเหมือนสารเติมเต็มทั่วไป และเหมาะกับผู้ที่ต้องการการบำรุงผิวจากภายในเพื่อสุขภาพผิวที่ดี แข็งแรงในระดับโครงสร้างผิวชั้นลึก โดยสามารถฉีดได้ในบริเวณหลายส่วนของร่างกาย เช่น ใบหน้า รอบดวงตา ลำคอ และมือ
สรุปได้ว่า Belotero Revive เป็นฟิลเลอร์ที่เน้นการฟื้นฟูผิวด้วย HA และ Glycerol เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ยืดหยุ่น และกระชับผิว พร้อมทั้งช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ และปรับสภาพผิวให้ดูสุขภาพดีและอ่อนเยาว์ขึ้น
Belotero Revive ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
Belotero Revive เป็นฟิลเลอร์กลุ่ม Skin Booster ที่ออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูผิวจากภายใน โดยเน้นเติมความชุ่มชื้น ลดริ้วรอยเล็ก ๆ และทำให้ผิวดูเรียบเนียนอย่างดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวกลับมามีสุขภาพดีและดูฉ่ำวาว
1.Belotero Revive ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
Belotero Revive ช่วยกักเก็บน้ำในผิวได้ดี ทำให้ผิวอิ่มฟู เนียนนุ่ม ลดความแห้งกร้าน และช่วยให้ผิวกลับมาแข็งแรงขึ้น
2.Belotero Revive ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ และความหยาบกร้าน
Belotero Revive ช่วยเติมเต็มริ้วรอยระดับตื้น เช่น ริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยรอบปาก และเส้นเล็ก ๆ บนใบหน้า ให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น
3.Belotero Revive ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส ฉ่ำวาวดูเป็นธรรมชาติ
Belotero Revive ช่วยเพิ่มความเปล่งปลั่งให้ผิว ทำให้ผิวดูโกลว์ มีประกาย และมีความชุ่มชื้นจากภายใน ผิวสุขภาพดีอย่างดูเป็นธรรมชาติ
4.Belotero Revive ช่วยลดรอยหมองคล้ำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ
เมื่อผิวได้รับความชุ่มชื้นและฟื้นฟูอย่างเพียงพอ รอยหมองคล้ำจะดูจางลง และสีผิวสม่ำเสมอมากขึ้น
5.Belotero Revive ช่วยกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
Belotero Revive ช่วยให้รูขุมขนกว้างดูเล็กลง เพราะพื้นผิวถูกเติมเต็ม ผิวจึงดูเรียบเนียนละเอียดขึ้น
6.Belotero Revive ช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด
Belotero Revive ช่วยลดผลกระทบจากผิวเสียสะสม เช่น ผิวกร้าน ผิวหมอง หรือผิวไม่เรียบ ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้นอีกครั้ง
7.Belotero Revive ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
Belotero Revive ช่วยให้ผิวยืดหยุ่นดีขึ้น เนียนกระชับขึ้น และมีความเฟิร์มมากขึ้น โดยไม่เพิ่มวอลลุ่มมาก
ข้อดี-ข้อจำกัดของ Belotero Revive
ข้อดีของ Belotero Revive
• Belotero Revive ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นลึกและคงไว้ได้นาน
Belotero Revive ใช้สูตร Hyaluronic Acid (HA) ร่วมกับ Glycerol ซึ่งช่วยกักเก็บน้ำได้ดี ทำให้ผิวอิ่มฟู และดูสุขภาพดีขึ้นจากภายใน เหมาะกับผิวแห้ง ขาดน้ำ หรือผิวหมองคล้ำจากแสงแดด
• Belotero Revive ช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น
ไม่ได้แค่เติมน้ำแต่ช่วยให้ผิวสัมผัสเรียบเนียน รูขุมขนดูกระชับ และผิวดูสดใสขึ้น โดยเฉพาะกับผิวที่มีความหยาบกร้านหรือเคยโดนแดดเยอะ
• Belotero Revive ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เพิ่มวอลลุ่ม
ต่างจากฟิลเลอร์ที่เน้นเติมเต็มโครงหน้า Belotero Revive ถูกออกแบบมาให้ฟื้นฟูผิวมากกว่าเปลี่ยนโครงหน้า จึงได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และไม่รู้สึกว่ามีวอลลุ่มมากเกินไป
ข้อจำกัดของ Belotero Revive
• Belotero Revive ไม่เหมาะสำหรับการเติมร่องลึกหรือยกกระชับชัดเจน
เพราะถูกออกแบบมาเพื่อคุณภาพผิวและความชุ่มชื้นมากกว่าการเติมเต็มลึกหรือยกโครงสร้างหน้า ดังนั้นถ้าปัญหาคือร่องลึกมาก หรือผิวหย่อนคล้อยชัด อาจต้องใช้หัตถการอื่นควบคู่
• Belotero Revive ผลลัพธ์ขึ้นกับการดูแลหลังทำและพฤติกรรมชีวิต
ผลลัพธ์จะดีและอยู่ได้นานขึ้นหากมีการดูแลผิวดี หลีกเลี่ยงแดดจัด สูบบุหรี่ ดื่มน้ำน้อย ซึ่งหากไม่ดูแล อาจได้ผลน้อยหรืออยู่ได้สั้นกว่า
• Belotero Revive ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวบางมาก ผิวแพ้ง่าย
หรือมีปัญหาสุขภาพบางอย่างโดยเฉพาะที่แพทย์ไม่แนะนำให้ทำ เช่นเดียวกับหัตถการฉีดทั่ว ๆ ไป ควรมีการปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
Belotero Revive เหมาะกับใคร
Belotero Revive เป็นฟิลเลอร์กลุ่ม Skin Booster ที่ช่วยฟื้นฟูผิว ไม่เน้นปรับรูปหน้า จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวกลับมาชุ่มชื้น อิ่มฟู และเรียบเนียนอย่างดูเป็นธรรมชาติ เหมาะทั้งคนที่มีปัญหาผิวจากสภาพผิวแห้ง การเสื่อมสภาพตามวัย รวมถึงผู้ที่อยากให้ผิวดูโกลว์และสุขภาพดีมากขึ้น
1.Belotero Revive เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง ขาดน้ำง่าย
คนผิวแห้งมักมีผิวหมอง รู้สึกตึงหน้า แต่งหน้าไม่ติด และเกิดริ้วรอยเล็ก ๆ ง่าย Belotero Revive จะช่วยเติมความชุ่มชื้นลึกให้ผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำและเนียนนุ่มขึ้นทันที
2.Belotero Revive เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ หรือความหยาบกร้าน
Belotero Revive เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยระดับตื้น เช่น ริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยบริเวณแก้มหรือมุมปาก รวมถึงผิวดูไม่เรียบเนียนจากความแห้งกร้านหรืออายุที่เพิ่มขึ้น
3.Belotero Revive เหมาะกับผู้ที่มีรูขุมขนกว้างและผิวไม่เรียบเนียน
Belotero Revive ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิว ทำให้พื้นผิวเรียบขึ้น รูขุมขนดูกระชับ และผิวดูละเอียดสุขภาพดี
4.Belotero Revive เหมาะกับผู้ที่ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส
หากผิวดูคล้ำเสียจากแสงแดด นอนน้อย หรือความเครียด การเติม HA และ Glycerol จะช่วยให้ผิวฉ่ำวาว สว่างขึ้น และดูสดใสอย่างดูเป็นธรรมชาติ
5.Belotero Revive เหมาะกับคนที่ต้องการผิวดู Glass Skin
เหมาะกับผู้ที่อยากได้ลุคหน้าไบรท์ ฉ่ำโกลว์ เพราะ Belotero Revive ช่วยเพิ่มความฉ่ำใสจากภายใน โดยไม่ทำให้หน้าเปลี่ยนรูป
6.Belotero Revive เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวจากแดด
Belotero Revive เหมาะกับผู้ที่ผิวเสียจากแดดสะสม เช่น ผิวกร้าน ผิวหมอง หน้าดูโทรม
7.Belotero Revive เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการฟิลเลอร์เพิ่มวอลลุ่ม
Belotero Revive เหมาะสำหรับคนที่กลัวหน้าบวม ไม่อยากแก้โครงหน้า แต่ต้องการให้ผิวโดยรวมดูดีขึ้น
8.Belotero Revive เหมาะกับทุกวัย ทั้งวัย 20+ และ 30-50+
• วัย 20-30 ปี เพื่อเพิ่มความฉ่ำใส ป้องกันริ้วรอยแรกเริ่ม
• วัย 30-50 ปี ฟื้นฟูผิวที่เริ่มเสื่อมสภาพ ลดความแห้งและความหยาบกร้าน
9.Belotero Revive เหมาะกับผู้ที่แต่งหน้าเป็นประจำ
Belotero Revive ช่วยให้เครื่องสำอางเกาะผิวดีขึ้น ไม่เป็นขุย ไม่ตกร่อง ผิวดูเรียบและเนียนเป็นพิเศษ
Belotero Revive ฉีดจุดไหนได้บ้าง
Belotero Revive เป็น Skin Booster ที่ออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูผิว เนื้อฟิลเลอร์บางเบาและกระจายตัวดี จึงสามารถฉีดได้หลายบริเวณที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดริ้วรอยเล็ก ๆ และปรับผิวให้เรียบเนียนโดยไม่ทำให้เกิดวอลลุ่มเกินจริง
1.Belotero Revive ฉีดใบหน้า
เป็นบริเวณที่นิยมที่สุด เพราะช่วยให้ผิวทั่วหน้าเรียบเนียน กระจ่างใส ลดความหมอง ลดริ้วรอยระดับตื้น และทำให้ผิวอิ่มฟูเหมือนผิวสุขภาพดีมากขึ้น
2.Belotero Revive ฉีดใต้ตา
เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวใต้ตาแห้ง ขาดน้ำ ทำให้รอยย่นเล็ก ๆ ใต้ตาจางลง ช่วยให้ใต้ตาดูสดใสขึ้น ไม่โทรม และช่วยเรื่องผิวคล้ำเล็กน้อยจากความแห้งได้ดี
3.Belotero Revive ฉีดแก้ม โหนกแก้ม
ลดผิวแห้งลอกบริเวณแก้ม ช่วยให้ผิวฉ่ำใสขึ้น และทำให้พื้นผิวบริเวณนี้เรียบเนียนขึ้น โดยเฉพาะคนที่ผิวด้านหรือมีรอยขรุขระจากแสงแดด
4.Belotero Revive ฉีดหน้าผาก
ลดริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ ที่เกิดจากผิวแห้งหรือแสงแดด ทำให้ผิวหน้าผากเรียบขึ้น เงามันวาวดูผิวสุขภาพดี
5.Belotero Revive ฉีดคอ
ช่วยเติมเต็มริ้วรอยคอเส้นเล็ก ๆ และปรับความชุ่มชื้นให้ผิวบริเวณคอที่มักหยาบกร้านและแห้งง่าย ทำให้ลำคอดูนุ่มและเรียบเนียนขึ้น
6.Belotero Revive ฉีดเนินอก
บริเวณนี้มักมีปัญหาริ้วรอยจากแดดและความแห้งง่าย Belotero Revive ช่วยให้ผิวกลับมาเนียน เต่งตึง และดูชุ่มชื้นสม่ำเสมอขึ้น
7.Belotero Revive ฉีดหลังมือ
ผิวหลังมือมักบางและแห้งง่าย การฉีด Belotero Revive ช่วยเพิ่มความเนียนนุ่ม เติมความชุ่มชื้น และทำให้มือดูอ่อนเยาว์ขึ้น
Belotero Revive ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล
Belotero Revive สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกหลังฉีด ผิวจะดูชุ่มชื้น ฉ่ำวาว และสุขภาพดีขึ้น แต่เพื่อให้ผลลัพธ์ชัดเจนและยาวนานขึ้น แนะนำให้ฉีดต่อเนื่อง 3 ครั้ง โดยห่างกันเดือนละ 1 ครั้ง หลังจากนั้นสามารถเว้นระยะฉีดซ้ำทุก 6-9 เดือนตามสภาพผิวและการดูแล
หลังฉีด Belotero Revive ครั้งแรก ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-9 เดือน และถ้าฉีดต่อเนื่อง 3 ครั้ง ผลลัพธ์จะคงทนและดีขึ้นมากขึ้น อาจอยู่ได้นานถึง 9-12 เดือน ขึ้นกับสภาพผิวแต่ละบุคคลและการดูแลหลังฉีด
Belotero Revive ฉีดกี่วันถึงเห็นผล
หลังฉีด Belotero Revive จะเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีว่าผิวดูชุ่มชื้นขึ้น ผิวฉ่ำวาว และสุขภาพผิวดีขึ้น โดยจะเห็นผลชัดเจนที่สุดประมาณ 3 สัปดาห์ถึง 1 เดือน หลังฉีด 3-5 วันแรก อาจมีบวมเล็กน้อยซึ่งจะหายไปเองใน 5-7 วัน และฟิลเลอร์จะเข้าที่เต็มที่ประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นผลลัพธ์จะคงอยู่และชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
การฉีด Belotero Revive อย่างต่อเนื่อง 3-4 ครั้ง ทุก 2-3 สัปดาห์จะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและชัดเจนขึ้น โดยรวมผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6-9 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังฉีด
Belotero Revive อยู่ได้นานแค่ไหน
Belotero Revive อยู่ได้นานประมาณ 6-9 เดือน ซึ่งผลลัพธ์จะค่อยๆ ดีขึ้นและคงอยู่ประมาณนี้หลังจากฉีด 1 ครั้ง สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวมากหรือผิวแห้งรุนแรง แนะนำให้ฉีดต่อเนื่อง 3 ครั้ง เดือนละ 1 ครั้งเพื่อฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก หลังฉีดต่อเนื่อง ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานขึ้นถึงประมาณ 9-12 เดือน
นอกจากนี้ Belotero Revive มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง และยืดหยุ่นดีขึ้นเป็นเวลานาน
Belotero Revive ฉีดหน้าผากได้ไหม
Belotero Revive เป็นฟิลเลอร์ประเภท Skin Booster ที่มีเนื้อบางเบา และสามารถกระจายตัวได้ดี จึงเหมาะสำหรับการฉีดบริเวณ หน้าผาก โดยเฉพาะในกรณีที่มีปัญหาผิวแห้ง ริ้วรอยเล็ก ๆ หรือพื้นผิวหน้าผากไม่เรียบเนียน
ทำไม Belotero Revive ถึงเหมาะกับหน้าผาก
1.เนื้อฟิลเลอร์บางและกระจายตัวดี
ช่วยให้ผิวหน้าผากเรียบเนียน ลดความหยาบกร้าน และเติมความชุ่มชื้นแบบไม่เพิ่มวอลลุ่มจนดูเป็นก้อน
2.ลดริ้วรอยตื้น ๆ ที่เกิดจากผิวแห้ง
ริ้วรอยเส้นเล็กบนหน้าผากมักเกิดจากผิวขาดน้ำ การเติมความชุ่มชื้นลึกจะช่วยให้ริ้วรอยจางลงได้
3.ช่วยให้หน้าผากดูโกลว์สุขภาพดี
ผิวหน้าผากที่มีความชุ่มชื้นกำลังดีจะเงาวาวและเรียบเนียน เหมือนผิวสุขภาพดี
ข้อควรระวังในการฉีด Belotero Revive ที่หน้าผาก
• ต้องฉีดโดยแพทย์เท่านั้น เพราะหน้าผากเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดซับซ้อน
• เหมาะกับการแก้ริ้วรอยตื้นหรือผิวแห้ง ไม่เหมาะกับปรับรูปหน้าผากให้โหนกหรือเติมวอลลุ่มมาก
• หากต้องการเพิ่มโครงหน้าผาก แพทย์อาจแนะนำฟิลเลอร์ชนิดอื่นที่มีความหนืดและคงรูปมากกว่า
Belotero Revive อันตรายไหม
โดยทั่วไป Belotero Revive ถือว่าไม่เป็นอันตราย ผ่านการรับรองมาตรฐาน แต่อาจมีผลข้างเคียงที่พบได้ เช่นบวม แดง ตุ่มนูนเล็ก ๆ เขียวช้ำเล็กน้อย และคันในบริเวณที่ฉีด ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเองภายใน 2-3 วัน ผู้ที่ผิวบอบบางหรือช้ำง่ายอาจมีอาการเหล่านี้มากกว่าเล็กน้อยแต่ก็ยังเป็นเรื่องปกติ
อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการฉีดในผู้ที่แพ้สารในฟิลเลอร์ สตรีตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร และผู้ที่มีโรคผิวหนังอักเสบหรือการติดเชื้อในบริเวณที่จะฉีด การฉีดควรทำโดยแพทย์และใช้ Belotero Revive ของแท้นำเข้าอย่างถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงรุนแรง หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมแดงมาก หรือเจ็บปวด ต้องรีบพบแพทย์ทันที
สรุปโดยรวม Belotero Revive จัดเป็นหัตถการที่ความเสี่ยงน้อย เหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิว แต่ควรได้รับการควบคุมดูแลและการฉีดโดยแพทย์เท่านั้น
Belotero Revive มีผลข้างเคียงไหม
Belotero Revive เป็นฟิลเลอร์กลุ่ม Skin Booster ที่มีเนื้อฟิลเลอร์บางเบา จึงมีโอกาสเกิดก้อนน้อยและกระจายตัวได้ดี อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับการฉีดฟิลเลอร์หรือ Skin Booster ทุกชนิด อาจมีผลข้างเคียงบางอย่างเกิดขึ้นได้ โดยมักเป็นอาการเล็กน้อยและหายได้เองในไม่กี่วัน
1.รอยแดง บวมเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด
เกิดจากการเจาะเข็มหรือการฉีดสารเข้าไปในผิว ถือเป็นอาการปกติที่พบได้บ่อย และมักหายภายใน 24-48 ชั่วโมง
2.รอยเขียวหรือช้ำเล็กน้อย
พบได้ในบางรายหากเข็มกระทบเส้นเลือดใต้ผิวหนัง โดยทั่วไปจะค่อย ๆ จางลงภายใน 3-7 วัน
3.ผิวลักษณะเป็นปุ่มนูนเล็ก ๆ ชั่วคราว
อาจเกิดขึ้นทันทีหลังฉีดเพราะเนื้อฟิลเลอร์อยู่ในชั้นผิวตื้น แต่จะค่อย ๆ เรียบเนียนขึ้นเองภายใน 1-3 วัน
4.ความรู้สึกตึงผิวหรือระคายเคืองเล็กน้อย
เกิดจากการเพิ่มความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็วในชั้นผิว ทำให้รู้สึกตึงเล็กน้อยช่วงแรก เป็นอาการปกติและหายเองได้
5.รู้สึกเจ็บหรือระบมในบางจุด
ขึ้นอยู่กับความไวของผิวแต่ละคน อาจมีอาการระบมเล็กน้อยบริเวณที่ฉีดประมาณ 1-2 วัน
6.การแพ้หรือผิวอักเสบ (พบได้น้อยมาก)
Belotero Revive ผลิตจาก HA ที่ใกล้เคียงกับ HA ที่ร่างกายมีตามธรรมชาติ จึงแพ้ยากมาก แต่หากมีผื่นแดง คัน หรือร้อนผิวควรกลับมาพบแพทย์ทันที
7.การอุดตันของเส้นเลือด (พบได้น้อยมาก)
แม้จะเกิดได้น้อยเพราะฉีดในชั้นผิวตื้น แต่ยังถือว่ามีความเสี่ยง เช่นเดียวกับการฉีดฟิลเลอร์ทุกชนิด ดังนั้นควรทำโดยแพทย์เท่านั้น
Belotero Revive ไม่เหมาะกับใคร
แม้ว่า Belotero Revive จะเป็น Skin Booster ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิว แต่ก็มีบางกลุ่มที่ ไม่ควรทำ หรือ ควรได้รับการประเมินอย่างละเอียดจากแพทย์ก่อน เพื่อลดความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียง
1.Belotero Revive ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยยืนยันความปลอดภัยในกลุ่มนี้ แพทย์จึงมักแนะนำให้หลีกเลี่ยงทุกหัตถการที่เป็นการฉีดเข้าสู่ร่างกายจนกว่าจะพ้นช่วงให้นมบุตร
2.Belotero Revive ไม่เหมาะกับผู้ที่มีการติดเชื้อหรือมีผื่นอักเสบในบริเวณที่จะฉีด
เช่น สิวอักเสบหนัก ผิวติดเชื้อ เชื้อรา หรือผื่นแพ้ ควรรักษาอาการอักเสบให้หายก่อน เพราะการฉีดอาจทำให้อาการลุกลามหรือแย่ลง
3.Belotero Revive ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้ Hyaluronic Acid (HA) หรือส่วนประกอบในฟิลเลอร์
แม้จะพบได้น้อยมาก แต่หากเคยมีประวัติแพ้ผลิตภัณฑ์ที่มี HA หรือเคยแพ้ฟิลเลอร์มาก่อน ต้องแจ้งแพทย์เพื่อประเมินอย่างละเอียด
4.Belotero Revive ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับโครงหน้า เพิ่มวอลลุ่ม หรือแก้ร่องลึกมาก
Belotero Revive ไม่ใช่ฟิลเลอร์เน้นเติมเต็มโครงสร้าง ดังนั้น ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่ม เช่น
• เติมหน้าผากให้โหนก
• เติมคางให้ยาว
• แก้ร่องแก้มลึก
• ยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อยมาก
กรณีนี้แพทย์อาจแนะนำเป็นฟิลเลอร์ชนิดคงรูปมากกว่า
5.Belotero Revive ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่างที่ควรหลีกเลี่ยงการฉีด
เช่น โรคภูมิแพ้ตัวเอง ผู้ที่ต้องใช้ยากดภูมิต้านทาน ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกง่าย-หยุดยาก ต้องให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงก่อนเสมอ
6.Belotero Revive ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติเคยเป็นก้อนจากฟิลเลอร์บ่อยครั้ง
แม้ Belotero Revive มีความเสี่ยงเป็นก้อนน้อย แต่หากมีประวัติการตอบสนองผิดปกติจากการฉีดฟิลเลอร์มาก่อน ควรให้แพทย์ตรวจประเมินอย่างละเอียด
7.Belotero Revive ไม่เหมาะกับผู้ที่เพิ่งทำเลเซอร์หรือหัตถการรุนแรงต่อผิว
เช่น เลเซอร์ RF ที่ใช้พลังงานสูง การผลัดผิว ควรรอให้ผิวฟื้นตัวก่อน เพราะผิวอาจไวและเกิดการอักเสบได้ง่าย
การเตรียมตัวก่อนฉีด Belotero Revive
การเตรียมตัวก่อนฉีด Belotero Revive เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การทำหัตถการมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสเกิดอาการบวม ช้ำ หรืออักเสบหลังทำ และทำให้ผลลัพธ์ออกมาสวยดูเป็นธรรมชาติ คำแนะนำในการเตรียมตัวก่อนฉีด Belotero Revive มีดังนี้
1.ก่อนฉีด Belotero Revive หลีกเลี่ยงการทานยาที่ทำให้เลือดออกง่าย
ควรงดหรือแจ้งแพทย์หากกำลังใช้ยาหรืออาหารเสริม เช่น แอสไพริน (Aspirin) ไอบูโพรเฟน วาร์ฟาริน น้ำมันปลา วิตามินอี โสม แนะนำให้งดอย่างน้อย 3-7 วัน ก่อนทำ เพื่อลดการช้ำหลังฉีด
2.ก่อนฉีด Belotero Revive หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
งดดื่มอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด เพราะแอลกอฮอล์มีผลต่อการไหลเวียนเลือด ทำให้เสี่ยงช้ำง่ายขึ้นหลังทำ
3.ก่อนฉีด Belotero Revive ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
นอนหลับให้ครบ 6-8 ชั่วโมงก่อนวันทำ เพราะผิวที่พักผ่อนไม่พออาจบวมง่ายและฟื้นตัวช้ากว่า
4.ก่อนฉีด Belotero Revive ควรดื่มน้ำให้มากขึ้นก่อนทำ
Belotero Revive มีส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid ซึ่งดึงน้ำเข้าสู่ผิว การดื่มน้ำมากขึ้น 1-2 วันก่อนทำจะช่วยให้ผิวตอบสนองต่อการรักษาได้ดีขึ้น
5.ก่อนฉีด Belotero Revive หลีกเลี่ยงการทำหัตถการที่ทำให้ผิวอักเสบ
เช่น เลเซอร์ RF การผลัดผิว เลเซอร์ Ultraformer หรือ HIFU ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 3-7 วัน หรือรอให้ผิวฟื้นตัวก่อน
6.ก่อนฉีด Belotero Revive งดแต่งหน้าแน่นในวันที่ทำ
ควรมาพบแพทย์พร้อมใบหน้าสะอาด หรือแต่งหน้าแบบบาง ๆ เพื่อให้แพทย์ประเมินผิวได้ง่ายและลดการอุดตันหลังฉีด
7.ก่อนฉีด Belotero Revive หากมีโรคประจำตัวหรือใช้ยาบางชนิด ต้องแจ้งแพทย์ก่อน
เช่น ยากดภูมิ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด โรคภูมิแพ้ตัวเอง แพทย์จะประเมินความเหมาะสมและให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล
8.ก่อนฉีด Belotero Revive หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก
เพราะอาจทำให้ผิวแดงและเส้นเลือดขยายตัวมากขึ้น ทำให้เสี่ยงช้ำง่ายหลังทำ
9.ก่อนฉีด Belotero Revive เตรียมรูปหรือปัญหาผิวที่อยากแก้ให้แพทย์ดู
ช่วยให้แพทย์ประเมินปริมาณ cc ได้แม่นยำขึ้น และวางแผนการฉีดให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
การดูแลตัวเองหลังฉีด Belotero Revive
การดูแลหลังฉีด Belotero Revive เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ผิวเรียบเนียนและชุ่มชื้นอย่างที่ต้องการ พร้อมลดโอกาสเกิดรอยช้ำ อาการบวม หรือการอักเสบที่อาจเกิดขึ้นหลังทำ คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังฉีด Belotero Revive มีดังนี้
1.หลังฉีด Belotero Revive งดจับหรือกดนวดบริเวณที่ฉีด 24-48 ชั่วโมง
หลังฉีดควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส กด หรือนวดบริเวณที่ฉีด เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตำแหน่งหรือทำให้เกิดอาการอักเสบได้
2.หลังฉีด Belotero Revive หลีกเลี่ยงความร้อน 48-72 ชั่วโมง
ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือสถานที่ที่มีความร้อนสูง เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ โยคะร้อน ออกแดดจัด เพราะความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วและทำให้ผิวบวมมากขึ้น
3.หลังฉีด Belotero Revive งดออกกำลังกายหนัก 24-48 ชั่วโมง
การออกกำลังกายหนักทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้น อาจเพิ่มอาการบวม ช้ำ หรือระบมหลังฉีด
4.หลังฉีด Belotero Revive หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงหลังทำ
แอลกอฮอล์ทำให้เส้นเลือดขยายตัว อาจทำให้เกิดรอยช้ำได้ง่ายขึ้นและฟื้นตัวช้าลง
5.หลังฉีด Belotero Revive ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ชุ่มชื้นชัดเจนขึ้น
Belotero Revive ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในผิว การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้ฟิลเลอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและผิวดูฉ่ำขึ้น
6.หลังฉีด Belotero Revive สามารถประคบเย็นเพื่อลดบวมได้
ในกรณีมีอาการบวมเล็กน้อย สามารถใช้เจลประคบเย็นเบาๆ บริเวณที่ทำได้ แต่ไม่ควรประคบนานเกินไปหรือกดแรง
7.หลังฉีด Belotero Revive หลีกเลี่ยงการทำหัตถการที่ทำให้ผิวระคายเคือง
ควรเว้น 5-7 วันหลังฉีดก่อนทำหัตถการ เช่น เลเซอร์ RF เลเซอร์ HIFU และการผลัดเซลล์ผิว เพื่อป้องกันการอักเสบหรือกระตุ้นให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น
8.หลังฉีด Belotero Revive สามารถแต่งหน้าได้หลังฉีด 24 ชั่วโมง
เพื่อป้องกันการอุดตันของผิวหรือการระคายเคืองจากเครื่องสำอาง ควรแต่งหน้าเบาๆ ในวันถัดไป และล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้ง
9.หลังฉีด Belotero Revive หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ
หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ โดยเฉพาะคืนแรกหลังทำ ควรนอนหงายเพื่อไม่ให้เกิดแรงกดบริเวณใบหน้า
10.หลังฉีด Belotero Revive สังเกตอาการผิดปกติ
หากมีอาการต่อไปนี้ควรกลับมาพบแพทย์ทันที
• ปวดมากผิดปกติ
• ผิวซีดหรือคล้ำในบางจุด
• บวมแดงรุนแรง
• มีผื่นหรือคันมากผิดปกติ
อาจเป็นสัญญาณของการอุดตันของเส้นเลือดหรือการแพ้
สรุป Belotero Revive ดีไหม
สรุป Belotero Revive ถือเป็นตัวช่วยฟื้นฟูผิวที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการผิวสวยจากภายใน ด้วยส่วนผสมของ Hyaluronic Acid และ Glycerol ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่น และฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรงขึ้น ทำให้ผิวดูฉ่ำวาว กระจ่างใส และเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมาะทั้งสำหรับผู้ที่กังวลกับการเริ่มมีปัญหาริ้วรอย ผิวแห้งหยาบกร้าน ไปจนถึงผู้ที่อยากให้ผิวโกลว์ดูเป็นธรรมชาติ
ผลลัพธ์สามารถเห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรก และยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อทำต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ พร้อมอยู่ได้นานหลายเดือน หากมีการเตรียมตัวก่อนฉีดและการดูแลหลังทำอย่างถูกต้อง Belotero Revive ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาผิว และช่วยให้กลับมามั่นใจกับผิวที่ดูสุขภาพดีอีกครั้ง
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ