โปรแกรม AestheFill คืออะไร ไหมน้ำกระตุ้นคอลลาเจน มีหลักการทำงานอย่างไร
AestheFill
AestheFill คืออะไร ไหมน้ำกระตุ้นคอลลาเจน มีหลักการทำงานอย่างไร
AestheFill คืออะไร ช่วยเรื่องอะไร ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง เหมาะกับใคร
AestheFill ตัวช่วยกู้ผิวกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูและปรับสภาพผิวให้ดูสดใส เป็นการเสริมสร้างโครงสร้างใต้ผิวให้ดูแน่นกระชับ ทำให้เรามั่นใจได้มากกว่าเดิม
หัตถการ AestheFill คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร ช่วยในเรื่องอะไรบ้าง บทความนี้จะมาอธิบายหัตถการ AestheFill ในทุกประเด็น
รวมทุกหัวข้อของหัตถการ AestheFill
- AestheFill คืออะไรมีหลักการทำงานอย่างไร
- คอลลาเจนจำเป็นต่อผิวอย่างไร
- AestheFill ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง
- ข้อควรระวังในการทำหัตถการ AestheFill
- AestheFill เหมาะกับใครบ้าง
- ใครควรหลีกเลี่ยงการทำ AestheFill
- AestheFill เติมจุดไหนได้บ้าง
- AestheFill ของแท้ตรวจสอบอย่างไร
- เปรียบเทียบ AestheFill กับหัตถการงานผิวอื่น ๆ
- AestheFill อยู่ได้นานแค่ไหน กี่วันเห็นผล
- AestheFill ควรฉีดกี่ครั้งผลลัพธ์ชัดเจน
- หลังฉีด AestheFill ดูแลตัวเองอย่างไร
- สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับ AestheFill
AestheFill คืออะไรมีหลักการทำงานอย่างไร
AestheFill เป็นสารกลุ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Stimulator) ที่พัฒนามาจากประเทศเกาหลี นิยมเรียกกันในชื่อ “ไหมน้ำ” เนื่องจากคุณสมบัติที่ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวและเสริมความยืดหยุ่นในระยะยาว แตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปที่เติมเต็มผิวแบบทันที AestheFill จะค่อย ๆ กระตุ้นผิวให้สร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผลลัพธ์ดูละมุนไม่แข็งตึงและอยู่ได้นานกว่า
ส่วนประกอบสำคัญของ AestheFill คือ PDLLA (Poly-D-L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่ใช้ในงานการแพทย์มานาน มีความเข้ากันได้ดีกับผิวมนุษย์และสลายได้เองตามกระบวนการทำงานของร่างกาย ปัจจุบันได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานหลายประเทศ
โครงสร้างและรูปแบบของ AestheFill
AestheFill มีลักษณะเป็นผงอนุภาคทรงกลมที่มีรูพรุนภายในคล้ายฟองน้ำ ทำให้สามารถกักเก็บน้ำได้ดีและค่อย ๆ ปล่อยสารออกฤทธิ์เพื่อกระตุ้นผิวในระยะยาว
ผลิตภัณฑ์ AestheFill บรรจุมาในขวดลักษณะคล้ายโบท็อกซ์ และก่อนใช้แพทย์จะต้องผสมกับ น้ำกลั่นปลอดเชื้อ (Sterile Water) ให้ได้ความเข้มข้นที่เหมาะสมสำหรับการฉีด
หลักการทำงานของ AestheFill
1.การฉีด AestheFill ลงสู่ชั้นผิวระดับลึก
แพทย์จะใช้เข็มปลายทู่ (Cannula) นำส่ง AestheFill ลงไปในชั้นผิวลึกประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร ระดับนี้คือชั้นคอลลาเจนของผิวที่เริ่มเสื่อมลงตามอายุ ซึ่งเหมาะสำหรับการฟื้นโครงสร้างผิว
2.อนุภาค PDLLA กระจายตัวในชั้นผิว
เมื่อฉีด AestheFill ลงไป อนุภาคจะกระจายตัวแบบสม่ำเสมอในบริเวณที่ต้องการ กระตุ้นให้มีการตอบสนองของร่างกายเพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อตามกระบวนการทำงานของร่างกาย
3.AestheFill กระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่
เมื่อเวลาผ่านไป ผิวจะเริ่มสร้างคอลลาเจนเสริมในบริเวณที่ฉีด AestheFill ทำให้
• ผิวดูแน่นขึ้น
• ผิวกระชับขึ้น
• ร่องลึกค่อย ๆ ดูตื้นขึ้นตามการฟื้นสภาพ
ผลลัพธ์จะไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คอลลาเจนจำเป็นต่อผิวอย่างไร
คอลลาเจน เป็นโปรตีนสำคัญที่พบได้ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะในชั้นผิวหนัง เอ็น และกระดูก ทำหน้าที่เป็น “โครงสร้างหลัก” ที่ช่วยให้ผิวมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น และเรียบเนียน ผิวที่มีคอลลาเจนสมบูรณ์จะดูเต่งตึง มีความกระชับ และสุขภาพดี ในชั้นผิวหนัง คอลลาเจนประเภทที่พบมากที่สุดคือ คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Type I Collagen) ซึ่งเป็นเสมือนแกนหลักที่ช่วยพยุงโครงสร้างผิว ทำให้ผิวดูเรียบแน่น และฟื้นตัวได้ดี เมื่อคอลลาเจนเพียงพอ ผิวจะดูสดใสและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงอายุประมาณ 25-30 ปี ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนใหม่ลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ผิวเริ่มมีความเปลี่ยนแปลง เช่น ความหย่อนคล้อย ริ้วรอย ความหมองคล้ำ และผิวที่ฟื้นตัวได้ช้ากว่าเดิม
นอกจากอายุแล้ว ยังมีหลายปัจจัยที่เร่งการสูญเสียคอลลาเจน เช่น
• แสงแดดและรังสียูวี
• การสูบบุหรี่
• พักผ่อนไม่เพียงพอ
• ความเครียด
• อาหารที่มีน้ำตาลสูง
ปัจจัยเหล่านี้ทำให้คอลลาเจนเสื่อมเร็วขึ้น ส่งผลให้ผิวดูแก่กว่าวัย
AestheFill ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง
AestheFill เป็นสารกลุ่มกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen Stimulator) ที่ช่วยให้ผิวฟื้นฟูตัวเองจากภายใน แตกต่างจากการเติมเต็มผิวแบบทันที เพราะผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นตามการสร้างคอลลาเจนของร่างกาย
ประโยชน์หลักที่ AestheFill สามารถช่วยดูแลผิวได้
1.AestheFill ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว
สาร PDLLA จะค่อย ๆ กระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจน ทำให้โครงสร้างผิวมีความแข็งแรงขึ้น ผิวดูแน่นและฟูขึ้น
2.AestheFill ช่วยยกกระชับผิว แก้ปัญหาความหย่อนคล้อย
เมื่อคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ผิวจะมีความยืดหยุ่นดีขึ้น ช่วยให้บริเวณที่เริ่มหย่อนคล้อย เช่น แก้มล่าง มุมปาก หรือแนวขากรรไกร ดูกระชับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
3.AestheFill ช่วยลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก
AestheFill สามารถช่วยให้ร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือริ้วรอยตื้น ๆ ดูตื้นขึ้น เนื่องจากผิวมีพื้นฐานที่แข็งแรงและฟูขึ้นจากคอลลาเจนใหม่ที่ร่างกายสร้างขึ้น
4.AestheFill ทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้น
โครงสร้างผิวที่สมบูรณ์ขึ้นช่วยให้ผิวสะท้อนแสงได้ดีขึ้น ส่งผลให้ผิวโดยรวมดูเรียบเนียนและกระจ่างใสมากขึ้น
5.AestheFill ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
อนุภาคของ AestheFill มีคุณสมบัติอุ้มน้ำ ทำให้บริเวณที่ฉีดมีความชุ่มชื้นมากขึ้น รวมถึงส่งเสริมให้ผิวฟื้นตัวจากความแห้งกร้านได้ดีขึ้น
ข้อควรระวังในการทำหัตถการ AestheFill
AestheFill เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวในระยะยาว แต่เนื่องจากเป็นหัตถการที่ต้องฉีดลงในชั้นผิวลึก การทำต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพื่อไม่ให้เป็ฯอันตรายและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
ต้องทำ AestheFill โดยแพทย์เท่านั้น
เนื่องจาก AestheFill ต้องฉีดในชั้นผิวลึกระดับ 1.5-2 เซนติเมตร หากฉีดผิดตำแหน่ง อาจเกิดปัญหาเช่น
• การจับตัวเป็นก้อน
• ความไม่สม่ำเสมอของผิว
• การอักเสบหรือบวมผิดปกติ
แพทย์ที่มีประสบการณ์จะรู้ตำแหน่งและระดับชั้นผิวที่เหมาะสมในการฉีด AestheFill
ห้ามขยำหรือนวดแรง ๆ ด้วยตัวเองหลังฉีด AestheFill
การนวดเป็นส่วนหนึ่งของหัตถการ AestheFill แต่ต้องเป็นไปตามเทคนิคของแพทย์ หากนวดเองผิดวิธี อาจทำให้สารกระจายตัวไม่เท่ากันหรือเกิดการบวมเป็นก้อนได้
AestheFill เหมาะกับใครบ้าง
AestheFill เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับคุณภาพผิวและเพิ่มวอลลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่มีการเปลี่ยนแปลงของผิวจากอายุและปัจจัยต่าง ๆ
กลุ่มที่เหมาะกับการทำ AestheFill มากที่สุดได้แก่
1.AestheFill เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยและร่องลึก
เช่น
• ร่องแก้ม
• รอยย่นใต้ตา
• รอยลึกที่เกิดจากคอลลาเจนลดลงตามอายุ
AestheFill สามารถช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้แน่นขึ้น ทำให้ริ้วรอยเหล่านี้ดูตื้นขึ้น
2.AestheFill เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
• รู้สึกว่าผิวเริ่มไม่กระชับ
• แก้มล่างย้อยเล็กน้อย
• มีรอยย่นมุมปาก
• ผิวใต้คางเริ่มหย่อน
การกระตุ้นคอลลาเจนช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ทำให้ผิวดูตึงและกระชับขึ้นในระยะยาว
3.AestheFill เหมาะกับผู้ที่ผิวแห้ง ผิวโทรม และขาดความยืดหยุ่น
หากโครงสร้างผิวอ่อนล้าหรือฟื้นตัวได้ช้ากว่าปกติ AestheFill สามารถช่วยฟื้นสภาพผิวให้ดูสดใสขึ้น พร้อมเติมความชุ่มชื้นให้ผิวมีความอิ่มฟูมากขึ้น
4.AestheFill เหมาะกับผู้ที่ต้องการเติมเต็มใบหน้าให้มีมิติมากขึ้น
เช่น
• เติมขมับ
• เติมร่องแก้ม
• เติมใต้ตาที่ลึก
• เพิ่มวอลลุ่มบริเวณที่ว่างหรือดูตอบ
AestheFill เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าแบบไม่ใช้สารที่ให้ผลแบบเติมเต็มทันทีเหมือนฟิลเลอร์
5.AestheFill เหมาะกับผู้ที่มีใบหน้าซูบตอบ ขาดวอลลุ่ม
AestheFill สามารถช่วยฟื้นความอิ่มฟูในบริเวณที่สูญเสียไปตามอายุ เช่น ขมับตอบ ใต้ตาลึก หรือแก้มตอบ ช่วยให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น
6.AestheFill เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวม
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ
• ให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
• โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น
• ผิวดูสุขภาพดีขึ้น
AestheFill เป็นการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม ไม่ได้ทำให้เปลี่ยนโครงหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ช่วยให้ผิวพัฒนาอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
ใครควรหลีกเลี่ยงการทำ AestheFill
1.ผู้ที่มีอาการแพ้สารในกลุ่ม PDLLA หรือมีประวัติแพ้รุนแรง
แม้ AestheFill จะมีความเสี่ยงแพ้น้อย แต่หากผู้เข้ารับบริการเคยมีอาการแพ้อย่างรุนแรง เช่น หน้าบวมมาก หายใจลำบาก หรือเคยแพ้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบคล้ายกัน ควรหลีกเลี่ยงหรือให้แพทย์ประเมินอย่างละเอียดก่อน
2.ผู้ที่มีการติดเชื้อหรือมีแผลอักเสบบนใบหน้าควรหลีกเลี่ยง AestheFill
ผู้ที่มี
• สิวอักเสบเป็นหนอง
• ผื่นแดง
• แผลเปิด
• การติดเชื้อที่ผิว
ควรรอให้ผิวสงบก่อน เพราะการฉีด AestheFill ในสภาวะที่ผิวอักเสบ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อและทำให้ผิวอักเสบมากขึ้นได้
3.ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยง AestheFill
แม้จะยังไม่มีข้อมูลยืนยันถึงอันตราย แต่เพื่อความปลอดภัยของแม่และเด็ก หัตถการที่ไม่จำเป็นมักแนะนำให้เลี่ยงในช่วงนี้
4.ผู้ที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือด หรือมีปัญหาเลือดออกง่ายควรหลีกเลี่ยง AestheFill
ผู้ที่ใช้ยา เช่น
• Warfarin
• Aspirin ในบางกรณี
• หรือมีภาวะเลือดหยุดยาก
มีโอกาสเกิดรอยช้ำหรือเลือดออกใต้ผิวมากกว่าปกติ ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนทำเสมอ
5.ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิดที่ทำให้แผลหายช้าควรหลีกเลี่ยง AestheFill
เช่น
• เบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี
• ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
• โรคภูมิแพ้ตัวเองบางชนิด (Autoimmune)
แพทย์จะต้องพิจารณาเป็นรายบุคคลว่าปลอดภัยหรือเหมาะสมหรือไม่
6.ผู้ที่มีแนวโน้มเกิดคีลอยด์ง่าย
แม้ AestheFill จะต้องฉีดในชั้นลึก แต่ผู้ที่มีประวัติคีลอยด์จากแผลเล็ก ๆ ควรแจ้งแพทย์ เพราะผิวอาจตอบสนองต่อการอักเสบมากกว่าคนทั่วไป
7.ผู้ที่เพิ่งเข้ารับหัตถการที่ทำให้ผิวไวต่อการระคายเคือง
เช่น
• เลเซอร์ผิวแบบร้อน
• การผลัดเซลล์ผิวเข้มข้น
• ทรีตเมนต์ที่ทำให้ผิวบางลงมาก
ควรปล่อยให้ผิวฟื้นตัวก่อน เพื่อป้องกันผิวอักเสบหรือบวมมากหลังทำ AestheFill
AestheFill เติมจุดไหนได้บ้าง
AestheFill เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่สามารถใช้ฟื้นฟูโครงสร้างผิวในจุดที่มีปัญหาวอลลุ่มหาย ร่องลึก หรือความหย่อนคล้อย โดยแพทย์จะประเมินระดับชั้นผิวและตำแหน่งที่เหมาะสมก่อนฉีด เพื่อให้ผลลัพธ์ตอบโจทย์ปัญหาผิวมากที่สุด
บริเวณที่นิยมใช้ AestheFill มีดังนี้
1.หน้าผาก
AestheFill ช่วยเติมเต็มความแบนหรือร่องลึกที่เกิดจากอายุ ทำให้หน้าผากดูเรียบเนียนและมีมิติมากขึ้น
2.ขมับ
AestheFill เหมาะสำหรับผู้ที่มีขมับตอบ ขาดวอลลุ่ม จนทำให้ใบหน้าดูโทรม เมื่อเติมแล้วใบหน้าจะดูอิ่มฟูและสมดุลขึ้น
3.ใต้ตา
AestheFill ช่วยฟื้นผิวใต้ตาที่ลึก แห้ง หรือดูโรย ช่วยให้ใต้ตาดูสดใสเป็นธรรมชาติ (แพทย์จะต้องประเมินอย่างละเอียดเนื่องจากบริเวณนี้มีความอ่อนไหวเป็นพิเศษ)
4.หน้าแก้ม / Mid-cheek
เหมาะกับผู้ที่แก้มตอบหรือผิวแก้มเริ่มยุบ AestheFill ทำให้ใบหน้าดูมีวอลลุ่มขึ้น ลดความล้าของใบหน้า
5.ร่องแก้ม (Nasolabial fold)
AestheFill ช่วยให้ร่องลึกบริเวณข้างจมูกดูตื้นขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยการกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นลึก
6.ร่องน้ำหมาก (Marionette line)
บริเวณมุมปากที่มักลึกลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น AestheFill ช่วยให้บริเวณนี้ดูยกกระชับขึ้น
7.คาง
AestheFill ใช้ฟื้นโครงสร้างผิวบริเวณคางที่ยุบหรือขาดมิติ ช่วยให้รูปหน้าดูชัดเจนขึ้น
8.กรอบหน้า / Jawline
AestheFill ช่วยให้ผิวตามแนวกรอบหน้าดูแน่นขึ้นและกระชับขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มมีผิวบริเวณกรอบหน้าหย่อนคล้อย
9.ลำคอ
เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวคอเหี่ยวย่นหรือความหย่อนคล้อย AestheFill ทำให้ผิวคอดูเรียบเนียนขึ้นเมื่อมีการสร้างคอลลาเจนใหม่
AestheFill ของแท้ตรวจสอบอย่างไร
AestheFill เป็นหัตถการที่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและต้องฉีดโดยแพทย์เท่านั้น การเลือกของแท้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากใช้ของปลอมหรือของไม่ได้มาตรฐาน อาจเสี่ยงเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ หรือเกิดก้อนแข็งในชั้นผิวได้
ต่อไปนี้เป็นวิธีตรวจสอบ AestheFill ของแท้ ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ
1.ตรวจสอบเลข อย.ของไทย (THFDA)
ผลิตภัณฑ์ของแท้ต้องมี
- เลขทะเบียน อย.ของไทย
- ชื่อบริษัทผู้นำเข้า
- ชื่อผู้ผลิต
- รุ่นสินค้า (Lot Number)
สามารถตรวจเช็คเลข อย.ผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อยืนยันว่าเป็นสินค้าที่นำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
2.ฉลากบนกล่อง AestheFill ต้องครบและถูกต้อง
กล่องของแท้จะมีข้อมูลชัดเจน เช่น
- ชื่อผลิตภัณฑ์ AestheFill
- ชื่อสารสำคัญ PDLLA
- ประเทศผู้ผลิต (เกาหลี)
- ระบบการรับรองคุณภาพ เช่น CE / KFDA
- วันผลิต / วันหมดอายุ
- หมายเลขล็อตสินค้า (Lot Number)
ข้อความต้องพิมพ์คมชัด ไม่มีการสะกดผิด และไม่ใช่สติ๊กเกอร์ที่พิมพ์เพิ่มเติมโดยไม่ได้มาตรฐาน
3.สังเกตบรรจุภัณฑ์ของ AestheFill
AestheFill ของแท้จะมาในรูปแบบ
- ขวดแก้วปิดผนึกสุญญากาศคล้ายขวดโบท็อกซ์
- ผงอนุภาคสีขาวละเอียด
- ไม่มีลักษณะเป็นก้อนหรือเปลี่ยนสี
หากพบสภาพผิดปกติ เช่น สีเปลี่ยน กล่องชำรุด สติกเกอร์เลื่อน หรือซีลไม่แน่น ควรระวัง
4.ต้องมีเอกสารกำกับสินค้า (ใบรับรอง)
คลินิกที่ใช้ของแท้จะมี
- ใบรับรองการนำเข้า
- ใบอนุญาตจากตัวแทนจำหน่ายในไทย
- เอกสารรับรองคุณภาพสินค้า
สามารถขอดูได้ก่อนทำหัตถการ AestheFill
5.ตรวจสอบคลินิกและแพทย์ที่ให้บริการ
อย่าลืมตรวจสอบว่า
- คลินิกมีใบอนุญาตสถานพยาบาล
- แพทย์มีเลขที่ใบประกอบวิชาชีพ
- มีการเปิดขวดใหม่ต่อหน้า
- ใช้น้ำกลั่นปลอดเชื้อสำหรับผสมตามมาตรฐาน
6.ไม่ควรเชื่อราคาที่ต่ำกว่าปกติอย่างผิดปกติ
ราคาถูกเกินจริงมักมาพร้อมความเสี่ยง เช่น
- สินค้าหมดอายุ
- ผสมเจือจาง
- ใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐาน
AestheFill ของแท้จะมีต้นทุนคงที่และไม่สามารถถูกจนผิดปกติได้
เปรียบเทียบ AestheFill กับหัตถการงานผิวอื่น ๆ
1) AestheFill vs Juvelook
ความแตกต่างด้านส่วนประกอบ
• AestheFill ใช้ PDLLA เพียงอย่างเดียว เน้นฟื้นฟูผิวเชิงโครงสร้างและการยกกระชับในภาพรวม
• Juvelook เป็น Hybrid Biostimulator ที่ผสาน PDLLA เข้ากับ Hyaluronic Acid (HA) ทำให้ช่วยทั้งเรื่องคอลลาเจนและความชุ่มชื้นของผิว
จุดเด่นของแต่ละตัว
• AestheFill เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการงานผิวแข็งแรง ยกกระชับทั่วใบหน้า และต้องการให้ผิวแน่นขึ้น
• Juvelook เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผิวฉ่ำเด้ง ชุ่มชื้น และลดริ้วรอยเล็ก ๆ ให้ดูจางลง
การทำงานร่วมกัน
ทั้งสองชนิด AestheFill vs Juvelook สามารถใช้ควบคู่กันได้ หากแพทย์ประเมินว่าผิวต้องการการฟื้นฟูมากกว่า 1 มิติ เช่น ต้องการทั้งความชุ่มชื้นและความกระชับในเวลาเดียวกัน
2) AestheFill vs Sculptra
ความแตกต่างของวัสดุ
• AestheFill ใช้ PDLLA ที่มีอนุภาคเรียบเนียน กระจายตัวดี ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้ตั้งแต่ช่วงแรก
• Sculptra ใช้ PLLA (Poly-L-lactic acid) ซึ่งทำงานแบบค่อยเป็นค่อยไป ต้องใช้เวลาให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนต่อเนื่อง
ความเร็วในการสังเกตผลลัพธ์
• AestheFill เริ่มสังเกตผิวแน่นขึ้นได้ในช่วงประมาณ 1-2 สัปดาห์
• Sculptra มักเริ่มเห็นผลประมาณ 1-2 เดือนหลังทำ
ความเหมาะสมของแต่ละตัว
• AestheFill เหมาะกับผู้ที่ชอบเห็นการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นในระดับหนึ่ง และต้องการงานผิวกระชับทั่วใบหน้า
• Sculptra เหมาะกับผู้ที่ต้องการการสร้างคอลลาเจนต่อเนื่องยาวนาน แม้จะค่อยเป็นค่อยไป
3) AestheFill vs Radiesse
ความแตกต่างด้านสารสำคัญ
• AestheFill ทำงานด้วย PDLLA กระตุ้นคอลลาเจนระยะยาว ช่วยฟื้นฟูผิวโดยรวม
• Radiesse ใช้ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มวอลลุ่มหลังฉีดได้ทันที และยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว
จุดเด่นที่ต่างกัน
• AestheFill เหมาะสำหรับงานผิวสวย ผิวแน่น กระชับ และดูเรียบเนียน
• Radiesse เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูชัดขึ้น เติมเต็มจุดที่พร่อง และให้ความฟูลได้ทันที พร้อมฟื้นฟูผิวในระยะยาวควบคู่กัน
ตารางสรุปความแตกต่าง
หัตถการ |
ชนิดสาร |
จุดเด่น |
เหมาะกับใคร |
AestheFill |
PDLLA |
ฟื้นฟูผิวระยะยาว ผิวเรียบเนียน กระชับทั่วหน้า |
ผู้ที่ต้องการงานผิวละเอียดและการยกกระชับแบบเป็นธรรมชาติ |
Juvelook |
PDLLA + HA |
ผิวฉ่ำเด้ง ชุ่มชื้น ลดริ้วรอยเล็ก |
ผู้ที่ต้องการความชุ่มชื้นและผิวดูใสขึ้น |
Sculptra |
PLLA |
สร้างคอลลาเจนแบบค่อยเป็นค่อยไป ผลลัพธ์อยู่ยาว |
ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ยาวนานแม้ใช้เวลา |
Radiesse |
CaHA |
เติมเต็มทันที + กระตุ้นคอลลาเจน |
ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าและเพิ่มวอลลุ่ม |
AestheFill อยู่ได้นานแค่ไหน กี่วันเห็นผล
การฉีด AestheFill เป็นการใช้สารกระตุ้นคอลลาเจนประเภท PDLLA ที่ช่วยฟื้นฟูผิวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นผิวจะมีการเปลี่ยนแปลงตามกระบวนการทำงานของร่างกาย ไม่ได้ให้ผลแบบทันทีเหมือนฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid
ระยะเวลาเริ่มเห็นผลหลังฉีด AestheFill
หลังฉีด AestheFill ผิวจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยเมื่อร่างกายเริ่มสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยทั่วไปสามารถสังเกตความแตกต่างได้ประมาณ
1-2 สัปดาห์
เช่น ผิวดูแน่นขึ้น เรียบเนียนขึ้น หรือรู้สึกถึงความกระชับในบางบริเวณ ทั้งนี้ลักษณะการตอบสนองของผิวจะแตกต่างกันในแต่ละคน
ระยะเวลาที่คาดว่าจะเห็นผลเต็มที่หลังฉีด AestheFill
กระบวนการสร้างคอลลาเจนของ AestheFill มักเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จึงมักเห็นผลชัดเจนมากขึ้นในช่วง
ประมาณ 3 เดือนหลังทำ
ซึ่งเป็นช่วงที่คอลลาเจนจัดเรียงตัวและเสริมความแข็งแรงให้ผิวได้มากที่สุดของร่างกาย
ความคงอยู่ของผลลัพธ์
หากทำตามแผนที่แพทย์วางไว้ เช่น จำนวนครั้งที่เหมาะสม การเว้นระยะห่างในการฉีด รวมถึงการดูแลหลังทำอย่างเหมาะสม ผลลัพธ์อาจคงอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ระยะเวลานี้อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ สภาพผิว พฤติกรรมการดูแลผิว และการใช้ชีวิตประจำวัน
AestheFill ควรฉีดกี่ครั้งผลลัพธ์ชัดเจน
โดยทั่วไป การฉีด AestheFill มักแนะนำให้ทำต่อเนื่องประมาณ 3 ครั้ง แต่ละครั้งควรเว้นช่วง 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้สารกระตุ้นคอลลาเจนทำงานได้อย่างเป็นลำดับและให้ผิวตอบสนองได้เต็มที่
แต่จำนวนครั้งที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล แพทย์จะประเมินจากสภาพผิวและความต้องการของแต่ละคนเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
หลังฉีด AestheFill ดูแลตัวเองอย่างไร
การดูแลตัวเองหลังฉีด AestheFill เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ผิวตอบสนองได้ดีและลดโอกาสเกิดความระคายเคือง การดูแลส่วนใหญ่เป็นคำแนะนำทั่วไปที่เน้นให้ผิวฟื้นตัว โดยมีหลักการดังต่อไปนี้
1.หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดบริเวณที่ฉีด AestheFill
ภายในช่วง 24 ชั่วโมงแรก ควรหลีกเลี่ยงการนวด กด หรือสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ เพื่อให้สารที่ฉีดกระจายตัวอย่างเหมาะสมและลดความเสี่ยงต่อการระคายเคือง
2.งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อน
ควรงดซาวน่า ออกกำลังกายหนัก อบไอน้ำ รวมถึงการตากแดดจัดในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เนื่องจากความร้อนอาจกระตุ้นให้ผิวบวมแดงมากขึ้น
3.เลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ในช่วงวันแรกหลังฉีด AestheFill ควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้ใบหน้าบวมมากกว่าปกติ
4.ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน
สามารถล้างหน้าได้ตามปกติ แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน และหลีกเลี่ยงการขัดถูรุนแรงในช่วง 2-3 วันแรก
5.ใช้ครีมบำรุงและครีมกันแดดตามคำแนะนำ
การทาครีมบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว รวมถึงทาครีมกันแดดเป็นประจำ ช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้ดีขึ้นและลดโอกาสเกิดจุดด่างหรือผิวไวต่อแสง
6.สังเกตอาการผิดปกติ
หากมีอาการบวมแดงนานผิดปกติ หรือมีอาการที่ไม่แน่ใจ ควรติดต่อแพทย์เพื่อประเมินเพิ่มเติม
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับ AestheFill
AestheFill คือหนึ่งในหัตถการด้านผิวที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวในระยะยาว ไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดหรือการพักฟื้นยาวนาน จุดเด่นของ AestheFill อยู่ที่การใช้สาร PDLLA หรือ Poly D-L-Lactic Acid ซึ่งเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ทำงานร่วมกับกลไกธรรมชาติของร่างกาย กระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นภายในชั้นผิว ทำให้ผิวค่อย ๆ แข็งแรงขึ้นอย่างสม่ำเสมอและยาวนานกว่าการเติมเต็มแบบรวดเร็ว
กระบวนการฟื้นฟูผิวของ AestheFill ไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เมื่อร่างกายเริ่มสร้างเส้นใยคอลลาเจนตามธรรมชาติ ผิวมักจะค่อย ๆ ดูกระชับมากขึ้น ริ้วรอยเล็ก ๆ อาจดูจางลง และเนื้อผิวมีแนวโน้มแน่นขึ้น นุ่มขึ้น และเรียบเนียนยิ่งกว่าเดิม จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวโดยรวม ไม่เฉพาะจุดใดจุดหนึ่ง รวมถึงผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวที่เริ่มอ่อนล้า หมองคล้ำ หรือรู้สึกว่าผิวไม่แข็งแรงเหมือนก่อน
คุณสมบัติของ AestheFill ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวแบบไม่เร่งรีบ แ ผลลัพธ์ของการฉีดมีความแตกต่างกันในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ การใช้ชีวิต รวมถึงการดูแลตัวเองหลังทำ AestheFill แต่โดยภาพรวม ผู้ทำหัตถการมักสังเกตความเปลี่ยนแปลงได้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์แรก และผิวจะค่อย ๆ พัฒนาไปเรื่อย ๆ ตามกลไกของร่างกาย
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ