Ulthera คืออะไร เหมาะกับใคร เจ็บไหม มีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง
Ulthera
Ulthera คืออะไร เหมาะกับใคร เจ็บไหม มีหลักการทำงานอย่างไร
Ulthera คืออะไร เหมาะกับใคร เจ็บไหม ทำไมเป็นตัวช่วยหน้ายกที่หลายคนเลือก
Ulthera ตัวช่วยยกกระชับผิวหน้าแบบไม่ต้องพึ่งเข็ม ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องมีรอยแผล จึงทำให้โปรแกรม Ulthera เป็นตัวเลือกที่นิยมอันดับต้น ๆ ของใครก็ตามที่อยากจะยกกระชับปรับรูปหน้า และแก้ปัญหาผิวหน้าได้อย่างตรงจุด
รวมทุกหัวข้อเกี่ยวกับ Ulthera
- Ulthera คืออะไร
- Ulthera มีหลักการทำงานอย่างไร
- Ulthera ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
- ทำ Ulthera ทั่วหน้ากี่ช็อตถึงเห็นผลลัพธ์
1.ทำ Ulthera กี่ช็อตตามช่วงอายุ
2.ทำ Ulthera กี่ช็อตถ้าต้องการแค่ กระชับรูขุมขน ลดเลือนริ้วรอย
- Ulthera ทำบริเวณไหนได้บ้าง และควรทำกี่ช็อต
- Ulthera เหมาะกับใครบ้าง
- ใครควรหลีกเลี่ยงการทำ Ulthera
- หลังทำ Ulthera กี่วันถึงเห็นผลลัพธ์
- Ulthera อยู่ได้นานแค่ไหน
- Ulthera อันตรายต่อผิวหน้าหรือไม่
- เปรียบเทียบ Ulthera กับการยกกระชับผิวหน้าด้วยโปรแกรมอื่นๆ
- หลังทำ Ulthera ควรดูแลตัวเองยังไง
- เราควรเลือกทำ Ulthera ที่ไหนดี
- รวมคำถามยอดฮิตของการทำ Ulthera
- สรุปทุกเรื่องของการทำ Ulthera
Ulthera คืออะไร
Ulthera หรือชื่อทางการว่า Ultherapy คือเทคโนโลยีทางการแพทย์ด้านความงาม สำหรับการ ยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้หลักการทำงานของ คลื่นเสียงความถี่สูงชนิดเฉพาะ (Microfocused Ultrasound) ซึ่งมีความสามารถในการส่งพลังงานลงลึกได้ถึงชั้นผิวที่เรียกว่า SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่ลึกใต้ผิวหนัง และเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า
การรักษาด้วย Ulthera จะปล่อยพลังงานคลื่นเสียงเป็นจุดเล็ก ๆ อย่างแม่นยำในตำแหน่งที่ต้องการ โดยไม่ทำลายผิวหนังด้านบน พลังงานจะถูกแปลงเป็น ความร้อนในระดับ 60-70 องศาเซลเซียส ซึ่งถือเป็นระดับที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นให้ผิวสร้าง คอลลาเจนใหม่ ได้ดีที่สุด
เมื่อคอลลาเจนถูกสร้างขึ้นใหม่ในชั้นผิวลึกโดย Ulthera ก็จะช่วยให้ผิวดูกระชับ ยกขึ้น และเรียบเนียน โดยไม่จำเป็นต้องฉีด ไม่ต้องผ่าตัด และไม่มีแผลให้ต้องดูแลฟื้นฟู Ulthera จึงเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบศัลยกรรมดึงหน้า แต่ไม่ต้องการความเจ็บปวดหรือเวลาพักฟื้นนาน
Ulthera เป็นเทคโนโลยีเดียวที่สามารถยกกระชับผิวได้ในระดับลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งปกติแล้วจะเข้าถึงได้เฉพาะการผ่าตัดเท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเอง จึงไม่เป็นอันตราย ไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย และผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานหลายเดือนถึงปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่ละคนหลังจากทำ Ulthera

Ulthera คืออะไร เหมาะกับใคร เจ็บไหม มีหลักการทำงานอย่างไร
Ulthera ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลUlthera มีหลักการทำงานอย่างไร
Ulthera หรือ Ultherapy ใช้หลักการส่งพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงที่เรียกว่า Microfocused Ultrasound ไปยังชั้นผิวหนังในระดับลึกอย่าง แม่นยำและเฉพาะเจาะจง โดยไม่ทำลายผิวหนังชั้นบน ซึ่งจุดเด่นที่ทำให้ Ulthera แตกต่างคือ สามารถเห็นภาพชั้นผิวแบบ Real-Time ขณะทำการรักษา ทำให้แพทย์สามารถกำหนดระดับความลึกและจุดปล่อยพลังงานได้อย่างแม่นยำมากที่สุด
มองภาพง่าย ๆ ว่า Ulthera ทำงานเหมือน "เย็บผิวจากข้างใน"
ลองนึกถึงเครื่องเย็บผ้าที่ยิงเข็มลงเป็นจุด ๆ ตัวของ Ulthera เองก็คล้ายกันแต่แทนที่เข็ม จะใช้เป็นคลื่นเสียง ยิงพลังงาน “เป็นจุดเล็ก ๆ” ลงไปใต้ผิวในตำแหน่งที่ต้องการ โดยที่ผิวด้านบนยังคงเรียบเนียนเหมือนเดิม ไม่เกิดแผล ไม่เกิดรอยแดง ไม่ต้องพักฟื้น
Ulthera ทำงานกับ "ชั้นผิว" ของเราอย่างไร
ในการยกกระชับผิวอย่างล้ำลึก Ulthera จะเจาะจงทำงานกับ 3 ชั้นผิวหลักดังนี้
1.ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis)
• เป็นชั้นผิวหนังด้านบนสุด
• Ulthera ไม่ส่งผลโดยตรงต่อชั้นนี้
• ผิวภายนอกจึงไม่ลอก ไม่ถลอก และไม่มีแผลเกิดขึ้น
2.ชั้นหนังแท้ (Dermis)
• เป็นชั้นที่มีคอลลาเจน อีลาสติน และเส้นเลือดฝอยอยู่มาก
• พลังงานจาก Ulthera จะลงลึกถึงชั้นนี้ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่และทำให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่นมากขึ้น
3.ชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System)
• เป็นชั้นกล้ามเนื้อชั้นตื้นที่อยู่ลึกใต้ผิว เป็น “โครงสร้างฐานของผิวหน้า”
• ชั้นนี้เป็นเป้าหมายสำคัญที่สุดของ Ulthera เพราะเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ผ่าตัดในการดึงหน้า
• เมื่อ Ulthera ปล่อยพลังงานลงถึงชั้น SMAS จะทำให้เกิด จุดพลังงานความร้อนขนาดเล็ก (Thermal Coagulation Points)
• จุดความร้อนนี้มีอุณหภูมิประมาณ 60-70°C ซึ่งเพียงพอในการทำให้เนื้อเยื่อหดตัวและกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว
• ส่งผลให้ผิวหน้า “ยกกระชับขึ้น” อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องศัลยกรรม
Ulthera ทำงานโดยใช้พลังงานคลื่นเสียงที่ลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของผิว เพื่อให้ผิวหดตัวและสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยที่ผิวชั้นบนไม่เสียหายเลย

Ulthera คืออะไร เหมาะกับใคร เจ็บไหม มีหลักการทำงานอย่างไร
Ulthera ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลUlthera ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
Ulthera หรือ Ultherapy เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น โดยอาศัยคลื่นเสียงความถี่สูง (Microfocused Ultrasound) ที่เจาะจงและแม่นยำ เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นลึกของผิว
Ulthera ช่วยแก้ปัญหาหลัก ๆ ได้ดังนี้
1.Ulthera ช่วยยกกระชับผิวหน้าและลำคอที่หย่อนคล้อย
• ฟื้นฟูความตึงกระชับของผิวบริเวณ กรอบหน้า แก้ม คางสองชั้น ลำคอ และใต้คาง
• เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหา "หน้าไม่ชัด คางหย่อน" โดยไม่ต้องผ่าตัด
2.Ulthera ช่วยยกคิ้ว เปิดตา แก้หนังตาตก
• พลังงาน Ulthera ช่วยยกกระชับบริเวณหน้าผากและคิ้ว ทำให้คิ้วยกขึ้น ดวงตาดูโตขึ้น สดใสขึ้น
• แก้ปัญหาหนังตาตกหรือเริ่มหย่อนในวัย 30+ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
3.Ulthera ช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตา หน้าผาก ร่องแก้ม
• จุดปล่อยพลังงานขนาดเล็กจะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ (Dermis)
• ทำให้ริ้วรอยตื้นลง ผิวเรียบเนียนมากขึ้น เหมาะกับริ้วรอยเล็ก ๆ ในช่วงเริ่มต้น
4.Ulthera ช่วยกระชับรูขุมขน ปรับผิวหน้าให้เนียนละเอียด
• การกระตุ้นคอลลาเจนในระดับชั้นผิว ทำให้ผิวฟูขึ้นจากภายใน ส่งผลให้รูขุมขนเล็กลง ผิวเนียนขึ้น
• ช่วยให้ผิวดูมีความชุ่มชื้นและอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น
5.Ulthera ช่วยฟื้นฟูความยืดหยุ่นให้ผิวตามวัย
• เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนในผิวจะเสื่อมลงตามธรรมชาติ
• Ulthera ช่วย "ปลุกการสร้างคอลลาเจนใหม่" อย่างลึกและแม่นยำ
• เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้กลับมากระชับ ดูอ่อนวัยโดยไม่พึ่งศัลยกรรม
6.Ulthera ช่วยยกกระชับผิวตัว (บางบริเวณ)
• แม้จะนิยมใช้กับผิวหน้า แต่ Ulthera ยังสามารถใช้กับผิวบริเวณอื่น เช่น ใต้คาง ลำคอ หน้าท้อง หรือต้นแขน เพื่อช่วยกระชับจุดที่หย่อนคล้อยเล็กน้อย

Ulthera คืออะไร เหมาะกับใคร เจ็บไหม มีหลักการทำงานอย่างไร
Ulthera ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลทำ Ulthera ทั่วหน้ากี่ช็อตถึงเห็นผลลัพธ์
จำนวน “ช็อต” (Shots) หมายถึง จุดที่เครื่อง Ulthera ปล่อยพลังงานคลื่นเสียงลงไปในผิว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดความชัดเจนของผลลัพธ์ในการยกกระชับผิว
โดยทั่วไปแล้ว หากต้องการทำ Ulthera ทั่วทั้งใบหน้าแบบเต็มพื้นที่ จะใช้ประมาณ 400-600 ช็อต ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความหย่อนคล้อยของแต่ละบุคคล ยิ่งมีปัญหาผิวมาก หรืออายุมาก ยิ่งต้องใช้จำนวนช็อตมากขึ้นเพื่อให้ผลลัพธ์ชัดเจนและครอบคลุม
1.ทำ Ulthera กี่ช็อตตามช่วงอายุ
สภาพผิวเปลี่ยนแปลงตามวัย ส่งผลต่อความยืดหยุ่น ความหย่อนคล้อย และปริมาณคอลลาเจนในชั้นผิว การกำหนดจำนวนช็อตจึงควรดูควบคู่กับอายุด้วย
อายุ 25-30 ปี ผิวเริ่มอ่อนแรงเล็กน้อย
จำนวนช็อตของ Ulthera ที่แนะนำ 300-400 ช็อต
เหมาะกับผู้ที่เริ่มรู้สึกว่าผิวหน้าไม่กระชับเท่าเดิม เช่น มุมปากตก รูขุมขนกว้างขึ้น หรือผิวหย่อนเพียงบางจุด ต้องการป้องกันก่อนเกิดความหย่อนคล้อยลึก
อายุ 31-40 ปี เริ่มมีความหย่อนคล้อยและริ้วรอยชัดขึ้น
จำนวนช็อตของ Ulthera ที่แนะนำ 400-600 ช็อต
เหมาะสำหรับผู้ที่มีแก้มตก กรอบหน้าเริ่มเบลอ คางสองชั้นเริ่มชัด หางตาตก ต้องการยกกระชับทั่วทั้งใบหน้าและคอ เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
อายุ 41-50 ปีขึ้นไป ผิวเริ่มหย่อนคล้อยทั้งใบหน้า
จำนวนช็อตของ Ulthera ที่แนะนำ 600-800 ช็อต (อาจมากกว่านี้ ขึ้นกับประเมินของแพทย์)
ผู้ที่อยู่ในวัยนี้จะมีการสูญเสียคอลลาเจนมากขึ้น ผิวหน้าหย่อนลงทั้งบริเวณแก้ม ลำคอ หางตา และหน้าผาก จึงควรทำแบบเต็มพื้นที่เพื่อยกกระชับและฟื้นฟูผิวได้ลึกและครอบคลุม
จำนวนช็อตของ Ulthera สามารถปรับลดหรือเพิ่มได้ตามรูปหน้า ลักษณะผิว และเป้าหมายของแต่ละบุคคล แนะนำให้ประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเข้ารับการรักษา
2.ทำ Ulthera กี่ช็อต หากต้องการกระชับรูขุมขน ลดเลือนริ้วรอย
หากเป้าหมายหลักของการทำ Ulthera คือการปรับผิวให้เรียบเนียน ลดความหยาบกร้าน กระชับรูขุมขน หรือจัดการกับริ้วรอยเล็ก ๆ โดยไม่เน้นยกกระชับใบหน้าทั้งหมด จำนวนช็อตที่ใช้จะน้อยลง
จำนวนช็อตของ Ulthera ที่แนะนำ 200-300 ช็อต
มักเน้นบริเวณที่รูขุมขนกว้าง เช่น โหนกแก้ม แก้ม หน้าผาก หรือลำคอช่วงต้น
ผลลัพธ์ที่ได้หลังทำ Ulthera คือ ผิวจะรู้สึกแน่นขึ้น เนียนขึ้น คอลลาเจนใหม่จะค่อย ๆ ถูกสร้างขึ้น ทำให้ริ้วรอยเล็ก ๆ ลดลง และผิวมีความยืดหยุ่นดีขึ้น โดยไม่ต้องใช้ช็อตมากเท่าการยกกระชับเต็มรูปแบบ
เหมาะสำหรับกลุ่มอายุ 25-35 ปี ที่ผิวยังไม่หย่อนชัด หรือเคยทำ Ulthera มาก่อนและต้องการคงผลลัพธ์ต่อเนื่อง

Ulthera คืออะไร เหมาะกับใคร เจ็บไหม มีหลักการทำงานอย่างไร
Ulthera ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลUlthera ทำบริเวณไหนได้บ้าง และควรทำกี่ช็อต
Ulthera เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการออกแบบให้สามารถ ยกกระชับผิวได้หลายบริเวณทั่วใบหน้าและร่างกาย โดยสามารถปรับระดับความลึกของพลังงานเพื่อให้เหมาะสมกับตำแหน่งและปัญหาผิวเฉพาะจุดได้อย่างแม่นยำ
บริเวณที่สามารถทำ Ulthera ได้ ได้แก่
1.ใบหน้าส่วนบน
• หน้าผาก ช่วยลดริ้วรอย ยกกระชับหน้าผากให้ดูเรียบตึง
• คิ้ว ยกคิ้ว แก้ปัญหาคิ้วตก หนังตาตก
• หางตา ลดรอยย่นบริเวณหางตา ยกหางตาให้ดูสดใส
2.ใบหน้าส่วนกลาง
• ใต้ตา กระชับผิว ลดความหมองคล้ำและถุงใต้ตาเล็กน้อย
• โหนกแก้ม กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวแน่นขึ้น ลดความหย่อนคล้อย
• ร่องแก้ม ยกผิวบริเวณแก้มเพื่อลดความลึกของร่องแก้ม
• บริเวณแก้ม ช่วยยกกระชับ แก้มที่ตกหรือมีไขมันสะสม
3.ใบหน้าส่วนล่าง
• กรอบหน้า (Jawline) ยกแนวกรอบหน้าให้คมชัด ลดปัญหาหน้าหลวม
• ใต้คาง (เหนียง) ลดคางสองชั้น ยกผิวให้แน่นขึ้น
• คาง เสริมกรอบหน้าให้เรียว ยกปลายคาง
4.ลำคอและเนินอก
• ลำคอ ลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย ยกกระชับผิวที่คอให้เรียบตึง
• เนินอก ลดรอยย่นบริเวณอกช่วงบน เหมาะกับคนที่มีรอยจากการนอนตะแคงหรืออายุที่มากขึ้น
Ulthera ควรทำกี่ช็อตในแต่ละบริเวณ
จำนวนช็อตของ Ulthera ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับพื้นที่ ขนาดของบริเวณ และระดับความหย่อนคล้อย โดยประมาณตามคำแนะนำของแพทย์มีดังนี้
บริเวณ |
จำนวนช็อตโดยประมาณ |
หน้าผาก |
40-60 ช็อต |
คิ้ว |
30-50 ช็อต |
หางตา / ใต้ตา |
30-50 ช็อต |
แก้ม |
100-150 ช็อตต่อข้าง |
โหนกแก้ม |
80-100 ช็อต |
ร่องแก้ม |
50-80 ช็อต |
กรอบหน้า / ขากรรไกร |
100-150 ช็อต |
ใต้คาง (เหนียง) |
80-100 ช็อต |
ลำคอ |
100-150 ช็อต |
เนินอก (อกช่วงบน) |
80-100 ช็อต |
หมายเหตุ ตัวเลขด้านบนเป็นค่าเฉลี่ยเบื้องต้น ซึ่งอาจปรับเพิ่มหรือลดได้ตามสภาพผิว โครงสร้างใบหน้า หรือวัตถุประสงค์ของแต่ละบุคคล แนะนำให้รับการประเมินโดยแพทย์เพื่อวางแผนจำนวนช็อตที่เหมาะสม
Ulthera สามารถทำได้หลายบริเวณทั้งใบหน้าและลำตัว โดยให้ผลลัพธ์ด้านการยกกระชับ ลดริ้วรอย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากภายใน โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น จำนวนช็อตในแต่ละบริเวณขึ้นอยู่กับระดับความหย่อนคล้อยและขนาดพื้นที่ ซึ่งควรได้รับการประเมินอย่างละเอียดโดยแพทย์ก่อนทำ
Ulthera เหมาะกับใครบ้าง
Ulthera เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย หรือฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ของใบหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่คนที่เริ่มมีปัญหาผิวในช่วงวัย 25 ปี ไปจนถึงผู้ที่มีอายุ 50+ ปี ที่ต้องการดูแลผิวให้เต่งตึงและเรียบเนียนมากขึ้น โดยสามารถแบ่งกลุ่มผู้ที่เหมาะกับการทำ Ulthera ได้ดังนี้
1.ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป และเริ่มมีสัญญาณของผิวหย่อนคล้อย
ผู้ที่เริ่มรู้สึกว่ารูปหน้าเปลี่ยน กรอบหน้าไม่ชัด แก้มเริ่มหย่อน หรือหางตาตก ซึ่งเป็นผลจากคอลลาเจนใต้ผิวลดลง Ulthera จะช่วยยกกระชับผิวในระดับลึก เพื่อดึงผิวให้คืนรูปได้โดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม
2.ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด
Ulthera เหมาะกับคนที่อยากได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับการผ่าตัดดึงหน้า แต่ไม่ต้องการมีแผล ไม่อยากพักฟื้น หรือยังไม่พร้อมสำหรับการทำศัลยกรรมจริง เช่น
• คนทำงานที่ไม่มีเวลาพักฟื้น
• คนกลัวเข็มหรือการผ่าตัด
• ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบเป็นธรรมชาติ ค่อยเป็นค่อยไป
3.ผู้ที่เคยทำศัลยกรรมหรือฉีดฟิลเลอร์/โบท็อกซ์มาก่อน
Ulthera สามารถช่วย ยืดอายุผลลัพธ์ของการศัลยกรรมดึงหน้า หรือช่วยเสริมประสิทธิภาพของโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ โดยไม่รบกวนหรือทำลายสารที่ฉีดเข้าไป เพราะใช้พลังงานคลื่นเสียงที่ลงลึกแบบเฉพาะจุด ไม่กระจายออกเหมือนคลื่นพลังงานชนิดอื่น
4.ผู้ที่มีปัญหาผิวเฉพาะจุด เช่น หางตาตก คางสองชั้น รูขุมขนกว้าง
ไม่จำเป็นต้องทำทั่วหน้าเสมอไป ผู้ที่มีปัญหาเฉพาะจุด เช่น
• หางตาตกเล็กน้อย
• แนวกรอบหน้าเริ่มเบลอ
• เหนียงใต้คาง
• รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบ
Ulthera สามารถเลือกทำเฉพาะจุดด้วยจำนวนช็อตที่น้อยลง และได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนเฉพาะบริเวณ
5.ผู้ที่มีผิวบางหรือผิวแพ้ง่าย
เนื่องจาก Ulthera ไม่ทำให้ผิวชั้นบนถูกทำลาย ไม่มีรอยแผลหรือความร้อนที่กระจายผิวด้านบน จึงเหมาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่ายหรือไม่สามารถทำเลเซอร์ชนิดอื่นที่ทำให้ผิวลอกหรือแดงได้
6.ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนโยน
Ulthera กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวโดยไม่ใช้สารเติมเต็มหรือพลังงานจากเข็ม จึงได้ผลลัพธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไป ผิวจะกระชับและแน่นขึ้นภายใน 2-3 เดือนหลังทำ และผลลัพธ์จะดู "เนียนกลืน" มากกว่าการเปลี่ยนแปลงแบบทันที
ใครควรหลีกเลี่ยงการทำ Ulthera
แม้ว่า Ulthera จะเป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัยและไม่ใช้เข็ม ไม่ผ่าตัด แต่ก็มีบางกลุ่มคนที่ ควรหลีกเลี่ยงหรือเลื่อนการรักษา Ulthera ออกไปก่อน ดังนี้
• ผู้ที่มีแผลเปิด หรือการติดเชื้อบริเวณใบหน้าควรเลี่ยงการทำ Ulthera
- เช่น แผลสด สิวอักเสบชนิดรุนแรง แผลจากการศัลยกรรมที่ยังไม่หายดี
- เพราะพลังงานอัลตราซาวด์อาจทำให้แผลหายช้าลงหรือระคายเคืองผิวเพิ่มขึ้น
• ผู้ที่มีการปลูกไหมละลายหรือไหมถาวรบนใบหน้า ควรเลี่ยงการทำ Ulthera
- โดยเฉพาะหากทำการร้อยไหมภายในเวลาไม่ถึง 2-3 เดือน
- ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะพลังงานจาก Ulthera อาจกระทบกับโครงสร้างของไหมที่ยังไม่เซ็ตตัวดี
• ผู้ที่ใส่อุปกรณ์โลหะหรือซิลิโคนในบริเวณใบหน้าควรเลี่ยงการทำ Ulthera
- เช่น ผู้ที่มีการเสริมจมูกหรือคางด้วยซิลิโคนที่อยู่ตื้น
- พลังงานความร้อนอาจกระทบกับวัสดุนั้นได้ในบางกรณี ต้องประเมินจุดและความลึกโดยแพทย์อย่างระมัดระวัง
• ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรังควบคุมไม่ได้ควรเลี่ยงการทำ Ulthera
- เช่น เบาหวานชนิดที่มีแผลหายยาก ความดันสูงไม่คงที่ โรคลมชัก
- เนื่องจากอาจมีภาวะแทรกซ้อนจากการตอบสนองของร่างกาย
• หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรเลี่ยงการทำ Ulthera
- ยังไม่มีงานวิจัยที่รับรองความปลอดภัยแน่ชัด จึงควรหลีกเลี่ยงชั่วคราว แม้ไม่มีผลกระทบโดยตรงที่พิสูจน์แล้ว
• ผู้ที่มีโรคทางผิวหนังเฉพาะจุดควรเลี่ยงการทำ Ulthera
- เช่น โรคสะเก็ดเงิน เริม ผื่นแพ้เรื้อรัง บริเวณที่ต้องทำ
- เพราะอาจทำให้ผื่นกำเริบหรือลุกลามหลังรับพลังงาน
• ผู้ที่มีอุปกรณ์ไฟฟ้าฝังในร่างกายควรเลี่ยงการทำ Ulthera
- เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรือเครื่องกระตุ้นประสาท
- อุปกรณ์เหล่านี้อาจได้รับผลกระทบจากคลื่นอัลตราซาวด์ จึงเป็นข้อห้ามเด็ดขาด
หลังทำ Ulthera กี่วันถึงเห็นผลลัพธ์
เห็นผลทันทีประมาณ 20-30% หลังทำ Ulthera เสร็จ
• ผิวจะรู้สึกกระชับขึ้นเล็กน้อยทันทีหลังทำจากการหดตัวของชั้น SMAS
• เห็นความเปลี่ยนแปลงเฉพาะในบางจุด เช่น กรอบหน้าชัดขึ้นเล็กน้อย หรือผิวตึงขึ้นเล็กน้อย
ผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นภายใน 1-3 เดือนหลังทำ Ulthera
• ร่างกายจะเริ่ม กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ อย่างต่อเนื่อง
• ผิวจะค่อย ๆ ยกกระชับขึ้น ริ้วรอยลดลง และผิวแน่นมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ผลลัพธ์สูงสุดจะเห็นในช่วงประมาณเดือนที่ 3-6 หลังทำ Ulthera
• โครงสร้างผิวจะคงที่มากที่สุดในช่วงนี้
• เหมาะกับการประเมินผลและเปรียบเทียบก่อน-หลังทำ
ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 9-12 เดือน หรือมากกว่านั้น
• ระยะเวลาขึ้นอยู่กับอายุ การดูแลผิวหลังทำ และการใช้ชีวิต (เช่น แสงแดด นอนดึก สูบบุหรี่)
Ulthera เห็นผลบางส่วนได้ทันทีหลังทำ และจะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นในช่วง 1-3 เดือน โดยผลลัพธ์เต็มที่มักอยู่ในช่วงเดือนที่ 3 และสามารถอยู่ได้นานเกือบ 1 ปี การดูแลตัวเองและสุขภาพผิวหลังทำ Ulthera มีผลอย่างมากต่อความยั่งยืนของผลลัพธ์
Ulthera อยู่ได้นานแค่ไหน
ผลลัพธ์จากการทำ Ulthera สามารถอยู่ได้นานโดยเฉลี่ย ประมาณ 9-12 เดือน ต่อการทำเพียง 1 ครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องทำบ่อยเหมือนการฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ และที่สำคัญคือ ผลลัพธ์ที่ได้เป็นธรรมชาติ เพราะร่างกายจะสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่เอง
ทำไม Ulthera ถึงอยู่ได้นาน
• Ulthera ใช้ พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ ที่ลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นโครงสร้างลึกของผิว เป็นชั้นเดียวกับที่ใช้ในการศัลยกรรมดึงหน้า
• เมื่อพลังงานลงไปถึงชั้นนั้น จะทำให้เนื้อเยื่อหดตัว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง
• กระบวนการสร้างคอลลาเจนนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่วันสองวัน แต่จะค่อย ๆ สร้างและจัดเรียงตัวอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งใช้เวลา 2-3 เดือน และผลจะอยู่ต่อเนื่องได้อีกหลายเดือนหลังจากนั้น
ปัจจัยที่ทำให้ผลลัพธ์จากการทำ Ulthera อยู่นานหรือสั้นลง
แม้โดยทั่วไปผลลัพธ์จากการทำ Ulthera จะอยู่ได้ 9-12 เดือน แต่ก็มีปัจจัยที่ส่งผลต่อความยาวนานของผลลัพธ์ เช่น
• อายุของผู้รับบริการ ยิ่งอายุน้อย ผิวยิ่งตอบสนองต่อพลังงานได้ดี ผลจึงอยู่นานกว่า
• การดูแลหลังทำ Ulthera การทาครีมบำรุง หลีกเลี่ยงแดด และไม่สูบบุหรี่ จะช่วยยืดผลลัพธ์ให้ยาวนานขึ้น
• สภาพผิวและโครงสร้างผิวเดิม หากผิวหย่อนคล้อยมาก อาจต้องทำซ้ำเร็วกว่าคนที่ปัญหายังไม่รุนแรง
• พฤติกรรมการใช้ชีวิต การพักผ่อนเพียงพอ รับประทานอาหารที่ดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะช่วยคงผลลัพธ์ให้นานขึ้น
Ulthera อันตรายต่อผิวหน้าหรือไม่
การทำ Ulthera ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหน้าด้วยเหตุผลดังนี้
1.เทคโนโลยีผ่านการรับรองจาก FDA
Ulthera หรือ Ultherapy ได้รับการรับรองจากทั้ง องค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ และ อย. ไทย ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัยสำหรับการยกกระชับผิวโดยไม่ผ่าตัด
2.ไม่ทำลายผิวชั้นบน
พลังงานของ Ulthera เป็น คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ ที่สามารถลงลึกถึงชั้นผิวเป้าหมายโดยไม่กระทบต่อผิวหนังด้านบน จึง ไม่เกิดแผล ไม่ลอก ไม่ไหม้ ต่างจากเลเซอร์บางชนิดที่มีผลต่อชั้นผิวตื้น
3.แพทย์สามารถมองเห็นชั้นผิวขณะทำ
ด้วยเทคโนโลยี Ultrasound Imaging (Real-Time Visualization) แพทย์สามารถดูโครงสร้างผิวขณะปล่อยพลังงานได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ยิงพลังงานได้แม่นยำ ตรงจุด และลดความเสี่ยงจากการยิงผิดตำแหน่ง
เปรียบเทียบ Ulthera กับการยกกระชับผิวหน้าด้วยโปรแกรมอื่นๆ
รายการเปรียบเทียบ |
Ulthera |
HIFU (ทั่วไป) |
Thermage |
Oligio |
พลังงานที่ใช้ |
คลื่นเสียง Microfocused Ultrasound |
คลื่นเสียง Ultrasound |
คลื่นวิทยุ Radiofrequency (Monopolar RF) |
คลื่นวิทยุ Radiofrequency (Monopolar RF) |
ระดับความลึก |
ลึกถึงชั้น SMAS |
ถึงชั้น SMAS แต่พลังงานเบากว่า Ulthera |
ชั้นหนังแท้ลึก (Dermis) |
ชั้นหนังแท้ลึก (Dermis) |
ผลลัพธ์หลัก |
ยกกระชับหน้า แก้ม คอ กรอบหน้า |
ยกกระชับเบา ๆ สำหรับผิวเริ่มหย่อน |
ผิวแน่น เรียบ ริ้วรอยลดลง |
ผิวแน่น เรียบ กระชับ รูขุมขนเล็กลง |
เห็นผลทันที |
20-30% หลังทำ |
10-20% หลังทำ |
30-40% หลังทำ |
30-40% หลังทำ |
ผลเต็มที่เมื่อใด |
2-3 เดือน |
2-3 เดือน |
1-2 เดือน |
1-2 เดือน |
ระยะเวลาผลลัพธ์ |
9-12 เดือน |
4-6 เดือน |
6-12 เดือน |
6-12 เดือน |
ระดับความเจ็บ |
ปานกลาง รู้สึกตึงลึกใต้ผิว |
เบาถึงปานกลาง |
ปานกลางถึงมาก (ขึ้นอยู่กับพลังงาน) |
ปานกลาง (เจ็บน้อยกว่า Thermage) |

Ulthera คืออะไร เหมาะกับใคร เจ็บไหม มีหลักการทำงานอย่างไร
Ulthera ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลหลังทำ Ulthera ควรดูแลตัวเองยังไง
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
• งดการนวดหน้า ขัดหน้า หรือทำทรีตเมนต์แรง ๆ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
• ทาครีมบำรุงและมอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นประจำ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว
• ทาครีมกันแดดทุกวัน และหลีกเลี่ยงแดดจัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์
• หลีกเลี่ยงซาวน่า น้ำร้อน และกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงร้อน 2-3 วันแรก
• ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
• งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ชั่วคราว เพราะอาจลดประสิทธิภาพการฟื้นฟูผิว
เราควรเลือกทำ Ulthera ที่ไหนดี
• เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตถูกต้อง จากกระทรวงสาธารณสุข
• ใช้เครื่อง Ulthera แท้ (Ultherapy) ผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย. ไทย
• มีแพทย์เฉพาะทางผิวหนังหรือเลเซอร์ ที่มีประสบการณ์ในการทำ Ulthera โดยตรง
• มีระบบ Ultrasound Imaging ขณะทำ (มองเห็นชั้นผิวจริง ๆ เพื่อความแม่นยำ)
• มีรีวิวจริงจากผู้ใช้บริการ พร้อมภาพก่อน-หลัง และผลลัพธ์ชัดเจน
• ให้คำปรึกษาโดยแพทย์ก่อนทำ และมีแผนการรักษาเฉพาะบุคคล
• สถานที่สะอาด ปลอดภัย เครื่องมือได้มาตรฐาน
รวมคำถามยอดฮิตของการทำ Ulthera
1.ทำ Ulthera เจ็บไหม?
• รู้สึกเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลาง เป็นความรู้สึกตึงลึกใต้ผิว
• ระดับความเจ็บขึ้นอยู่กับจุดที่ทำ ความลึกของพลังงาน และความไวของผิวแต่ละคน
• ปัจจุบันมีการประคบเย็นหรือใช้ยาชาก่อนทำเพื่อลดความรู้สึกไม่สบาย
2.ทำ Ulthera ใช้เวลาเท่าไหร่?
• ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ
• เช่น ทำทั่วหน้าและลำคออาจใช้เวลานานกว่าเฉพาะจุด
3.ทำ Ulthera คู่กับหัตถการอื่นได้ไหม?
• สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ เลเซอร์ IPL
• ควรวางแผนให้เหมาะสม เช่น
- Ulthera ควรทำก่อนฉีดฟิลเลอร์
- หรือเว้นระยะห่าง 1-2 สัปดาห์ หากทำเลเซอร์ที่กระทบผิวชั้นตื้น
• ควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญวางแผนร่วมกันอย่างปลอดภัย
4.ทำ Ulthera แล้วเมื่อไหร่ถึงออกกำลังกายได้?
• สามารถออกกำลังกายเบา ๆ ได้ ทันทีหลังทำ หากไม่มีอาการบวมมาก
• แนะนำเว้นกิจกรรมหนักที่ทำให้เหงื่อออกหรือหน้าแดงจัด ภายใน 24 ชั่วโมงแรก
สรุปทุกเรื่องของการทำ Ulthera
Ulthera นวัตกรรมยกกระชับทำให้หน้าเราดูยกขึ้น และช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าต่างๆได้ตรงจุด เหมาะสำหรับคนที่กลัวเข็ม และไม่ชอบผ่าตัด ควรเลือกบริเวณที่ทำอย่าเหมาะสม หรือให้แพทย์ประเมิณปัญหาก่อน เพื่อที่จะได้ผลลัพธ์จากโปรแกรม Ulthera ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อเราใช้ตัวช่วยในการดูแลตัวเองแล้วสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการดูแลตัวเองหลังทำเพื่อส่งเสริมผลลัพธ์ให้เห็นได้อย่างชัดเจน เพื่อให้เราเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่มั่นใจมากกว่าเดิม
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ