โปรแกรม HIFU คืออะไร ช่วยเรื่องอะไร ยกกระชับบริเวณไหนได้บ้าง อยู่ได้กี่เดือน
HIFU
HIFU คืออะไร ช่วยเรื่องอะไร ยกกระชับบริเวณไหนได้บ้าง อยู่ได้กี่เดือน
HIFU คืออะไร ช่วยเรื่องอะไร ทำบริเวณไหนได้บ้าง
เมื่อผิวพรรณเริ่มแสดงสัญญาณแห่งวัย ไม่ว่าจะเป็นความหย่อนคล้อย ริ้วรอย หรือรูปหน้าที่ไม่กระชับเหมือนเคย HIFU หรือ High Intensity Focused Ultrasound ได้กลายเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีความงามที่ได้รับความนิยมสูงสุดในยุคนี้ ด้วยคุณสมบัติเด่นที่สามารถยกกระชับผิวลึกถึงชั้น SMAS โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับการดึงหน้าแบบศัลยกรรม
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับเทคโนโลยี HIFU อย่างละเอียด ตั้งแต่หลักการทำงาน ข้อดี จุดเด่น ไปจนถึงทำบริเวณไหนได้บ้าง เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกการดูแลผิวที่เหมาะสมกับตนเองที่สุด
โปรแกรม HIFU คืออะไร ช่วยเรื่องอะไร ยกกระชับบริเวณไหนได้บ้าง อยู่ได้กี่เดือน
โปรแกรม HIFU ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลเทคโนโลยียกกระชับ ไฮฟู่ HIFU คืออะไร
HIFU ย่อมาจาก High Intensity Focused Ultrasound เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิวด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงที่ยิงลงลึกถึงชั้นผิว SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการดึงหน้า โดยหลักการทำงานคือคลื่นเสียงจะทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหดตัวเหมือนการเย็บเนื้อ ส่งผลให้ผิวยกกระชับและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ลดริ้วรอย และกระชับรูขุมขน
หลักการทำงานของเทคโนโลยียกกระชับ HIFU
หลักการทำงานของเทคโนโลยี HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ในการยกกระชับผิวหน้าและผิวกาย มีพื้นฐานจากการใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง โดยอาศัยคุณสมบัติที่สามารถ โฟกัสพลังงานลงไปในชั้นผิวที่ลึกได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังชั้นบน
1.HIFU ส่งคลื่นอัลตราซาวด์ลงไปยังจุดเป้าหมายใต้ผิวหนัง
• HIFU ปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงที่มีพลังงานความเข้มข้นสูงลงไปยังชั้นผิวที่ต้องการรักษา
• จุดที่โฟกัสพลังงานจะเกิดความร้อนในระดับ 60-70°C ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
2.HIFU พลังงานถูกโฟกัสเฉพาะจุดในระดับลึก
• พลังงานไม่กระจายทั่วบริเวณ แต่จะรวมกัน ณ จุดเดียวใต้ผิว
• จึงไม่ส่งผลต่อผิวชั้นบน ทำให้ไม่เกิดแผลหรือการลอกของผิว
3.HIFU สร้างจุดเล็ก ๆ ของความร้อนในเนื้อเยื่อ
• จุดความร้อนเหล่านี้จะไปกระตุ้นให้ร่างกาย สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่
• เนื้อเยื่อที่หดตัวจากความร้อนยังช่วยให้ผิวตึงกระชับขึ้นหลังทำ และเห็นผลต่อเนื่องยิ่งขึ้นในช่วง 2-3 เดือน
4.HIFU ปล่อยพลังงานลงลึกเข้าถึงผิวชั้น SMAS
• เป็นชั้นเนื้อเยื่อที่อยู่ลึกที่สุดใต้ผิว ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ดึงหน้าในการผ่าตัด
• การกระตุ้นที่ชั้นนี้ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ในการยกกระชับที่ชัดเจน โดยไม่ต้องผ่าตัด
จุดเด่นของเทคโนโลยียกกระชับ HIFU
1.HIFU ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้เข็ม
HIFU เป็นเทคโนโลยีที่ไม่รุกล้ำ ไม่ก่อให้เกิดบาดแผลหรือความเสียหายต่อผิวหนังชั้นบน จึงไม่ต้องผ่าตัดหรือฉีดยาใด ๆ เป็นการรักษาที่ใช้คลื่นเสียงอย่างเดียวในการกระตุ้นการยกกระชับ
2.HIFU ฟื้นฟูผิวได้ลึกถึงชั้น SMAS
เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีไม่ผ่าตัดที่สามารถส่งพลังงานลงไปได้ลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อที่ศัลยแพทย์ใช้ดึงในการผ่าตัดยกหน้า ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับการผ่าตัดในระดับหนึ่ง แต่ปลอดภัยและไม่ต้องพักฟื้น
3.HIFU กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
พลังงานความร้อนจากคลื่นเสียงที่ส่งลงไปในชั้นผิวจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ช่วยให้ผิวแข็งแรง กระชับ และยืดหยุ่นมากขึ้นในระยะยาว
4.HIFU เห็นผลการยกกระชับได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
หลังจากทำ HIFU ผู้รับบริการจะรู้สึกถึงความตึงกระชับของผิวได้ในทันทีในระดับหนึ่ง และผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 2-3 เดือน หลังจากคอลลาเจนถูกสร้างขึ้นเต็มที่
5.HIFU ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
หลังการทำ HIFU สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที โดยไม่ต้องพักฟื้นหรือหลีกเลี่ยงแสงแดดมากเหมือนการทำเลเซอร์บางชนิด
6.HIFU มีผลข้างเคียงน้อย
เทคโนโลยี HIFU ได้รับการรับรองในหลายประเทศว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยในการยกกระชับผิว โดยเฉพาะเมื่อทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์
7.HIFU เหมาะกับทุกสภาพผิวและทุกเพศ
HIFU สามารถใช้ได้กับทุกสีผิว ไม่ก่อให้เกิดรอยดำหรือการเปลี่ยนสีผิว เหมาะทั้งกับผู้หญิงและผู้ชายที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
8.HIFU เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่พร้อมผ่าตัด
สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการหรือไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดดึงหน้า HIFU เป็นทางเลือกที่เหมาะสมมาก โดยให้ผลลัพธ์ที่ดูยกกระชับขึ้นและไม่เสี่ยงเหมือนการผ่าตัด
โปรแกรม HIFU คืออะไร ช่วยเรื่องอะไร ยกกระชับบริเวณไหนได้บ้าง อยู่ได้กี่เดือน
โปรแกรม HIFU ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลเทคโนโลยียกกระชับ HIFU ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
เทคโนโลยียกกระชับ HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) เป็นนวัตกรรมที่ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าและผิวกายให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาด้านความงามได้หลากหลายประการ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.HIFU ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย
HIFU สามารถยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยได้ทั้งบริเวณใบหน้าและลำตัว โดยเฉพาะบริเวณที่มักเกิดปัญหา เช่น กรอบหน้า แก้มล่าง เหนียง ลำคอ คิ้ว และหน้าผาก ช่วยให้รูปหน้าดูเรียวขึ้นและมีมิติอย่างเป็นธรรมชาติ
2.HIFU ช่วยลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก
พลังงานความร้อนจากคลื่นเสียงของ HIFU ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ริ้วรอยต่าง ๆ เช่น รอยตีนกา รอยย่นบนหน้าผาก หรือร่องแก้มลึก ดูตื้นขึ้น ผิวเรียบเนียนและเต่งตึงมากขึ้น
3.HIFU ช่วยยกกระชัปรับรูปหน้าและยกแนวกรอบหน้า
HIFU ช่วยลดความหย่อนคล้อยของแก้มและแนวกราม ทำให้กรอบหน้าชัดขึ้น หน้าดูเรียวและกระชับมากขึ้นโดยไม่ต้องฉีดสารเติมเต็มหรือใช้เข็ม
4.HIFU ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
พลังงานที่ปล่อยลงไปลึกถึงชั้น SMAS จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวแน่น ยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์ขึ้นในระยะยาว
5.HIFU ช่วยยกคิ้วและยกหางตาตกให้ดูสดใสขึ้น
เหมาะสำหรับผู้ที่มีเปลือกตาตก หางตาตก หรือคิ้วตก HIFU สามารถช่วยยกคิ้วและเปิดดวงตาให้ดูสดใสขึ้นได้อย่างเห็นผล
6.HIFU ช่วยลดเหนียงใต้คาง ลดคางสองชั้น
คลื่นเสียงสามารถเข้าไปสลายไขมันใต้คางบางส่วนพร้อมยกกระชับผิว ช่วยลดเหนียง ทำให้คางดูเรียวคมชัดยิ่งขึ้น
7.HIFU ช่วยยกกระชับลำคอและเนินอก
สามารถใช้ในบริเวณลำคอที่เริ่มหย่อนหรือมีริ้วรอย รวมถึงบริเวณเนินอกที่ต้องการให้ดูเรียบและอ่อนวัย
8.HIFU ช่วยดูแลผิวโดยรวมให้เนียน กระชับ และสดใส
แม้ไม่มีปัญหาผิวชัดเจน HIFU ก็สามารถใช้เพื่อบำรุงและฟื้นฟูผิวโดยรวมให้ดูสุขภาพดี ลดรูขุมขน และเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรงมากขึ้น
โปรแกรม HIFU คืออะไร ช่วยเรื่องอะไร ยกกระชับบริเวณไหนได้บ้าง อยู่ได้กี่เดือน
โปรแกรม HIFU ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลเทคโนโลยียกกระชับ HIFU ทำจุดไหนได้บ้าง
HIFU สามารถใช้ได้กับหลายบริเวณของร่างกาย ทั้งใบหน้าและลำตัว โดยเน้นที่จุดที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือริ้วรอย ซึ่งบริเวณที่สามารถทำ HIFU ได้ มีดังนี้
1.HIFU ทำบริเวณใบหน้า
• HIFU หน้าผาก ช่วยลดริ้วรอยและยกกระชับคิ้ว
• HIFU คิ้ว ยกหางคิ้วที่ตก ทำให้ดวงตาดูเปิดกว้างขึ้น
• HIFU รอบดวงตา ลดริ้วรอยเล็ก ๆ ใต้ตาและหางตา
• HIFU แก้ม ยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย ลดแก้มห้อย
• HIFU กรอบหน้า ทำให้แนวกรามคมชัดขึ้น ลดความเบลอของรูปหน้า
• HIFU ร่องแก้ม ลดความลึกของร่องแก้ม ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
• HIFU คางและใต้คาง (เหนียง) ลดไขมันและยกกระชับใต้คาง ทำให้คางดูเรียวขึ้น
• HIFU รอบปาก ลดริ้วรอยบริเวณมุมปากและยกมุมปากที่ตก
2.HIFU ทำบริเวณลำคอ
• HIFU ลำคอ ลดความหย่อนคล้อยและริ้วรอยบริเวณคอ
• HIFU ใต้คาง กระชับผิว ลดไขมันสะสม ลดเหนียง
3.HIFU ทำบริเวณลำตัว (ขึ้นอยู่กับเครื่อง HIFU ที่ใช้)
• HIFU ต้นแขน ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย
• HIFU หน้าท้อง ลดผิวหย่อนคล้อยหลังคลอดหรือหลังลดน้ำหนัก
• HIFU ต้นขา / สะโพก กระชับผิวบริเวณที่หย่อนคล้อย
• HIFU เนินอก ช่วยให้ผิวบริเวณอกดูเรียบและเต่งตึง
เทคโนโลยียกกระชับ HIFU เหมาะกับใคร
HIFU เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอย โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น โดยสามารถใช้ได้กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย และครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายดังนี้
1.HIFU เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณของผิวหย่อนคล้อย
เช่น แก้มหย่อน กรอบหน้าไม่ชัด เหนียงใต้คาง หรือหางตาตก เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่คอลลาเจนในผิวเริ่มลดลง
2.HIFU เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยหรือร่องลึก
เช่น ร่องแก้ม รอยตีนกา รอยย่นบนหน้าผาก หรือรอยใต้ตา HIFU จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้น
3.HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับ
โดยเฉพาะผู้ที่มีใบหน้ารูปกลมหรือแก้มเยอะ และต้องการให้กรอบหน้าชัดขึ้นโดยไม่พึ่งการฉีดสารเติมเต็มหรือศัลยกรรม
4.HIFU เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดดึงหน้า
เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวการผ่าตัด ไม่อยากมีแผล หรือไม่มีเวลาพักฟื้น HIFU เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ
5.HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลผิวก่อนจะหย่อนคล้อยมาก
ผู้ที่อายุยังไม่มาก (เช่น 25-35 ปี) แต่ต้องการชะลอความเสื่อมของผิว ก็สามารถทำ HIFU เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและรักษาความกระชับไว้ได้นานยิ่งขึ้น
6.HIFU ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยหลังลดน้ำหนักหรือหลังคลอด
HIFU ช่วยกระชับผิวตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน หรือต้นขา
เทคโนโลยียกกระชับ HIFU ไม่เหมาะกับใคร
แม้ HIFU จะถือว่าเป็นวิธีที่ไม่เป็นอันตรายและไม่ต้องผ่าตัด แต่ก็ยังมีบางกลุ่มคนที่ไม่เหมาะหรือควร หลีกเลี่ยงการทำ HIFU หรือจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ก่อน โดยคนกลุ่มเหล่านี้ได้แก่
1.HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางประเภท
• ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบหลอดเลือดหรือหัวใจ เช่น ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker)
• ผู้ที่มีโรคลมชัก (Epilepsy) หรือระบบประสาทผิดปกติ
2.HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีแผลเปิดในบริเวณที่ต้องการทำ
HIFU ใช้พลังงานความร้อน หากทำบนบริเวณที่มีแผลหรือการอักเสบ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการรุนแรงมากขึ้น
3.HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโลหะฝังในร่างกายบริเวณใบหน้าหรือลำคอ
เช่น ผู้ที่ใส่เหล็กดัดฟัน ถาวร หรือมีแผ่นเหล็ก/น็อตจากการผ่าตัดในบริเวณใบหน้า อาจทำให้คลื่นเสียงสะท้อนและเกิดความร้อนผิดปกติ
4.HIFU ไม่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
แม้ยังไม่มีรายงานว่า HIFU มีผลเสียโดยตรง แต่ก็ยังไม่แนะนำให้ทำในช่วงนี้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดต่อแม่และลูก
5.HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวหนังบางมาก
เพราะการส่งพลังงานลงลึกอาจไม่ให้ผลดีเท่าที่ควร หรืออาจก่อให้เกิดอาการบวมและฟื้นตัวช้ากว่าปกติ
HIFU ควรทำกี่ครั้งถึงเห็นผล ทำบ่อยแค่ไหน
ผลลัพธ์จากการทำ HIFU สามารถเห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรก โดยจะเห็นการเปลี่ยนแปลงประมาณ 20-30% ทันทีหลังทำ และจะค่อยๆ กระชับขึ้นชัดเจนมากขึ้นในช่วง 2-3 เดือนหลังทำ
จำนวนครั้งที่ทำเพื่อเห็นผลชัดเจนขึ้นและรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน ควรทำซ้ำทุก 3-6 เดือน โดยหลังทำครั้งแรกควรเว้นระยะอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อให้เซลล์สร้างคอลลาเจนทำงานเต็มที่ก่อน แล้วจึงทำซ้ำทุก 6 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์และป้องกันผิวหย่อนคล้อยในอนาคต
จำนวนช็อต (ยิงคลื่น) ที่เหมาะสมในการทำ HIFU ขึ้นอยู่กับบริเวณและปัญหาผิว เช่น
• ใบหน้าทั่วไปประมาณ 300-600 ช็อต
• ใต้ตาและร่องแก้มประมาณ 300 ช็อต
• เหนียงและกรอบหน้าประมาณ 100-200 ช็อต
• ใบหน้ารวมลำคอประมาณ 1,000 ช็อต
การประเมินจำนวนช็อตและจำนวนครั้งที่เหมาะสมในการทำ HIFU ควรได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
สรุปคือการทำ HIFU เพียงครั้งเดียวก็เห็นผลทันทีประมาณ 20-30% และเห็นผลชัดเจนเต็มที่ใน 2-3 เดือน หลังจากนั้นควรทำซ้ำทุก 3-6 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่นานและป้องกันการหย่อนคล้อยของผิว
โปรแกรม HIFU คืออะไร ช่วยเรื่องอะไร ยกกระชับบริเวณไหนได้บ้าง อยู่ได้กี่เดือน
โปรแกรม HIFU ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลหลังทำ HIFU เห็นผลอยู่ได้นานแค่ไหน
หลังทำ HIFU ผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ได้นาน ประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ สภาพผิว พฤติกรรมการใช้ชีวิต และการดูแลหลังทำ
ระยะเวลาที่เห็นผลหลังทำ HIFU
หลังทำ HIFU ในครั้งแรก
• ผิวจะรู้สึกตึงและยกกระชับขึ้นประมาณ 10-20% จากการหดตัวของเนื้อเยื่อผิว
ภายใน 1-3 เดือนหลังทำ HIFU
• ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเมื่อคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้น
• ผิวดูกระชับ ริ้วรอยลดลง กรอบหน้าชัดขึ้น ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
ผลลัพธ์หลังทำ HIFU อยู่ได้นานแค่ไหน
• โดยทั่วไป 6 เดือน ถึง 1 ปี
• ผู้ที่อายุน้อย ผิวยังแน่นดี ผลอาจอยู่ได้นานกว่า 1 ปี
• ผู้ที่อายุมาก ผิวหย่อนคล้อยมาก อาจอยู่ได้นาน 6-9 เดือน และอาจต้องทำซ้ำเพื่อคงผล
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาของผลลัพธ์ HIFU
• อายุ คนอายุน้อยจะตอบสนองต่อการกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกว่า
• สุขภาพผิว ผิวที่แข็งแรงและชุ่มชื้น จะสร้างคอลลาเจนได้ดีกว่า
• พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การพักผ่อนเพียงพอ ดื่มน้ำมาก ทาครีมกันแดด และงดสูบบุหรี่
• การดูแลหลังทำ หลีกเลี่ยงความร้อนจัด และดูแลผิวให้ชุ่มชื้นอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างทำยกกระชับ HIFU เจ็บไหม
ระหว่างทำ HIFU อาจรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับระดับพลังงานที่ใช้ พื้นที่ที่ทำ และความไวของผิวแต่ละบุคคล แต่โดยรวมแล้วถือว่า เป็นหัตถการที่ทนได้ ไม่ต้องฉีดยาชา และไม่ต้องพักฟื้น
ลักษณะความรู้สึกระหว่างทำ HIFU
• รู้สึกอุ่น ๆ หรือจี๊ด ๆ ใต้ผิวหนัง
เนื่องจากคลื่นเสียงพลังงานสูงจะถูกส่งลงไปกระตุ้นคอลลาเจนที่ชั้นลึกของผิว (SMAS)
• บางจุดอาจรู้สึกสะดุ้ง หรือเจ็บนิด ๆ เป็นจุด ๆ
โดยเฉพาะบริเวณกระดูก เช่น กราม ใต้คาง หน้าผาก หรือบริเวณที่ไขมันน้อย
ปัจจัยที่มีผลต่อระดับความรู้สึกเจ็บ
• ความไวของผิว คนที่ผิวบางหรือไวต่อความรู้สึกอาจรู้สึกมากกว่าคนอื่น
• พลังงานที่ใช้ หากใช้พลังงานสูงเพื่อผลลัพธ์ชัดเจน อาจรู้สึกมากขึ้น
• เครื่อง HIFU ที่ใช้ เครื่องรุ่นใหม่หรือเทคโนโลยีที่ทันสมัยจะควบคุมความรู้สึกได้ดีขึ้น
• ความชำนาญของผู้ทำ สามารถเลือกหัวยิง พลังงาน และเทคนิคให้เหมาะกับผิวแต่ละคน
HIFU อันตรายไหม มีผลข้างเคียงหรือไม่
การทำ HIFU โดยทั่วไปถือว่าไม่ก่อให้เกิดอันตรายรุนแรง หากทำโดยแพทย์และใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม อาจมีผลข้างเคียงที่พบได้บ้าง ดังนี้
• อาการบวม แดง หรือรู้สึกเจ็บหน้าเล็กน้อยหลังทำ HIFU ซึ่งมักหายได้เองภายใน 2-3 ชั่วโมงถึง 3-7 วัน
• รู้สึกตึงหรือเมื่อยหน้าหลังทำ HIFU เนื่องจากผิวถูกกระชับ จะหายภายใน 1-2 วัน
• อาการหน้าชาหลังทำ HIFU เป็นผลข้างเคียงที่พบได้น้อย เกิดจากการยิงพลังงานโดนเส้นประสาท อาการนี้มักหายได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์ และอาจรักษาด้วยเครื่องกระตุ้นระบบประสาทได้
• รอยช้ำเล็กน้อยหลังทำ HIFU ซึ่งเป็นผลข้างเคียงปกติและหายได้เอง
เพื่อป้องกันผลข้างเคียงรุนแรง ควรเลือกทำ HIFU กับแพทย์และสถานเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน ใช้เครื่องมือที่มีคุณภาพ และหลีกเลี่ยงการทำในผู้ที่มีบาดแผลเปิด มีโลหะหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าใต้ผิวหนัง หรือสตรีมีครรภ์
สรุปคือ HIFU เป็นหัตถการที่ไม่อันตรายถ้าทำอย่างถูกวิธี แต่ก็มีผลข้างเคียงเล็กน้อยที่พบได้ตามปกติ เช่น บวม แดง เจ็บตึงหน้า ซึ่งมักหายได้เอง
การเตรียมตัวก่อนทำยกกระชับ HIFU
การเตรียมตัวก่อนทำ HIFU มีความสำคัญอย่างมาก เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ลดความรู้สึกไม่สบายระหว่างทำ และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ โดยสามารถเตรียมตัวล่วงหน้าได้ดังนี้
1.ก่อนทำ HIFU พักผ่อนให้เพียงพอ
• ก่อนทำ HIFU ควรนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงในคืนก่อนวันทำ
• ร่างกายที่สดชื่นจะช่วยให้ฟื้นฟูคอลลาเจนได้ดีหลังทำ
2.ก่อนทำ HIFU ดื่มน้ำให้มาก
• ก่อนทำ HIFU ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5-2 ลิตร เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและพร้อมรับพลังงาน HIFU ได้ดีขึ้น
• ช่วยให้การฟื้นตัวและการสร้างคอลลาเจนมีประสิทธิภาพ
3.ก่อนทำ HIFU หลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีสารผลัดผิวหรือกรดแรง
• เช่น กรดวิตามิน A (Retinol), AHA, BHA หรือกรดผลไม้ต่าง ๆ ประมาณ 3-5 วันก่อนทำ
• เพื่อป้องกันผิวบางหรือระคายเคืองขณะทำ
4.ก่อนทำ HIFU งดเลเซอร์หรือทรีตเมนต์รุนแรงล่วงหน้า
• ก่อนทำ HIFU หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์, RF, IPL หรือหัตถการใด ๆ ที่กระตุ้นผิวแรงภายใน 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ HIFU
5.ก่อนทำ HIFU งดการแต่งหน้าในวันที่ทำ
• เพื่อให้ทำความสะอาดผิวหน้าได้ง่าย และให้คลื่นเสียงลงสู่ชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• หากแต่งหน้ามา ควรแจ้งให้คลินิกทำความสะอาดผิวอย่างหมดจดก่อนเริ่มทำ
6.ก่อนทำ HIFU หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
• อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนทำ HIFU เพื่อช่วยให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น และลดโอกาสเกิดรอยช้ำหรือบวม
7.ก่อนทำ HIFU แจ้งประวัติทางการแพทย์
• หากคุณมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคผิวหนังเรื้อรัง มีการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้าก่อนทำ HIFU
โปรแกรม HIFU คืออะไร ช่วยเรื่องอะไร ยกกระชับบริเวณไหนได้บ้าง อยู่ได้กี่เดือน
โปรแกรม HIFU ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลการดูแลตัวเองหลังทำยกกระชับ HIFU
การดูแลตัวเองหลังทำ HIFU มีความสำคัญมาก เพื่อให้ผลลัพธ์ของการยกกระชับชัดเจนยิ่งขึ้น และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวแห้ง แดง หรือบวม โดยทั่วไปไม่ต้องพักฟื้น แต่มีข้อแนะนำในการดูแลผิวดังนี้
1.หลังทำ HIFU หลีกเลี่ยงความร้อนเป็นเวลา 3-7 วัน
• หลังทำ HIFU หลีกเลี่ยงการเข้าซาวน่า อบไอน้ำ ออกแดดจัด หรือใช้น้ำอุ่นจัดล้างหน้า
• ความร้อนจะกระตุ้นผิวที่เพิ่งได้รับพลังงาน อาจทำให้ผิวระคายเคืองหรือบวมได้
2.หลังทำ HIFU งดการใช้เครื่องสำอางหรือครีมที่มีส่วนผสมรุนแรง
• หลังทำ HIFU หลีกเลี่ยงการใช้ครีมที่มีกรด AHA, BHA, Retinol หรือวิตามิน C เข้มข้น ประมาณ 3-5 วัน
• เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือผลข้างเคียง
3.หลังทำ HIFU ทาครีมบำรุงผิว และครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
• หลังทำ HIFU ใช้ครีมบำรุงที่เน้นความชุ่มชื้น เช่น Hyaluronic Acid, Ceramide, หรือครีมปลอบประโลมผิว
• หลังทำ HIFU ทากันแดดทุกวันแม้ไม่ได้ออกแดด (ค่า SPF 30 ขึ้นไป)
4.หลังทำ HIFU งดนวดหน้าแรง ๆ หรือทำทรีตเมนต์อื่น
• หลังทำ HIFU หลีกเลี่ยงการขัดหน้า นวดแรง ๆ หรือทำเลเซอร์/ทรีตเมนต์ภายใน 1-2 สัปดาห์หลังทำ
5.หลังทำ HIFU ดื่มน้ำเยอะ พักผ่อนให้เพียงพอ
• หลังทำ HIFU ดื่มน้ำอย่างน้อย 1.5-2 ลิตรต่อวัน เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวดีขึ้นและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
• หลังทำ HIFU นอนหลับให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง
6.หลังทำ HIFU สังเกตอาการผิดปกติ
• หลังทำ HIFU หากมีอาการบวมมาก รู้สึกปวดแสบ หรือมีตุ่มแดงเป็นจุด ที่ไม่หายภายใน 3 วัน ควรรีบติดต่อคลินิกหรือแพทย์ทันที
สรุปเกี่ยวกับเทคโนโลยียกกระชับ HIFU
สรุปว่า HIFU คือเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ทันสมัย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้เต่งตึง กระชับ และดูอ่อนเยาว์ โดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรมหรือหัตถการที่รุนแรง พลังงานจากคลื่นเสียงที่โฟกัสเฉพาะจุดสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนลึกถึงชั้น SMAS ทำให้เห็นผลลัพธ์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ HIFU จึงเป็นทางเลือกยอดนิยมของคนรักผิวทุกเพศทุกวัย อย่างไรก็ตาม ควรเลือกทำกับแพทย์และคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ