Ultraformer MPT vs Emface ต่างกันอย่างไร เลือกยกกระชับแบบไหนดี
Ultraformer MPT vs Emface
Ultraformer MPT vs Emface ต่างกันอย่างไร เลือกยกกระชับแบบไหน
Ultraformer MPT vs Emface ต่างกันอย่างไร เราควรเลือกทำอะไรดี
Ultraformer MPT vs Emface เป็นตัวเลือกที่คนต้องการยกกระชับใบหน้าต้องการเปรียบเทียบกันเพื่อเข้าใจความแตกต่างของหัตถการสองตัวนี้ บทความนี้จะอธิบายแบบชัดเจนว่าหัตถการสองตัวนี้ต่างกันอย่างไร แล้วแบบไหนเหมาะกับปัญหาผิวแบบไหน
รวมทุกหัวข้อเกี่ยวกับ Ultraformer MPT vs Emface
- Ultraformer MPT vs Emface คืออะไร
- Ultraformer MPT vs Emface มีหลักการทำงานอย่างไร
- Ultraformer MPT vs Emface ดีจริงไหม
- จุดเหมือนกันของ Ultraformer MPT vs Emface
- ข้อแตกต่างของ Ultraformer MPT vs Emface
- เปรียบเทียบแบบเห็นภาพระหว่าง Ultraformer MPT vs Emface
- หัตถการ Ultraformer MPT vs Emface เหมาะกับใคร
- ใครควรหลีกเลี่ยงทำหัตถการ Ultraformer MPT vs Emface
- หัตถการ Ultraformer MPT vs Emface ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง
- Ultraformer MPT vs Emface ทำหัตถการไหนเห็นผลกว่ากัน
- Ultraformer MPT vs Emface สองหัตถการนี้ผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม
- Ultraformer MPT vs Emface สามารถทำร่วมกันได้ไหม
- หลังทำหัตถการ Ultraformer MPT vs Emface ต้องดูแลตัวเองอย่างไร
- ถ้าทำ Ultraformer MPT vs Emface แล้วทำหัตถการอื่นด้วยได้ไหม
- Q and A ของ Ultraformer MPT vs Emface
- สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับ Ultraformer MPT vs Emface
Ultraformer MPT vs Emface คืออะไร
ก่อนที่เราจะไปดูความเหมือนและความแตกต่างของ Ultraformer MPT vs Emface เรามาดูกันก่อนว่า หัตถการแต่ละตัวใช้เทคโนโลยีแบบไหน คืออะไรกันบ้าง
Ultraformer MPT คืออะไร
Ultraformer MPT (Micro Pulsed Technology) คือเทคโนโลยีเพื่อการยกกระชับผิวหน้าและผิวกายโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งใช้พลังงานคลื่นเสียงความเข้มข้นสูงแบบเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound) ในการกระตุ้นผิวหนังบริเวณชั้นลึกที่เรียกว่า SMAS (Superficial Musculo-Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นผิวเดียวกันกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า ในการดึงหน้าให้ตึงและดูกระชับขึ้น
Emface คืออะไร
Emface (เอ็มเฟซ) คือเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้เข็ม และไม่มีเวลาพักฟื้นหลังทำ เป็นการผสานเทคโนโลยีสองตัวเข้าด้วยกันได้แก่
RF (Radio Frequency) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ทำให้ผิวแน่น เรียบเนียน และลดเลือนริ้วรอย
HIFES (High-Intensity Facial Electrical Stimulation) เทคโนโลยีเฉพาะ ช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้าอย่างลึกถึงระดับโครงสร้าง เพิ่มความกระชับและยกแนวกรอบหน้า
Ultraformer MPT vs Emface มีหลักการทำงานอย่างไร
หลักการทำงานของ Ultraformer MPT vs Emface นั้นมีการใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน เรามาดูกันว่าหัตถการ Ultraformer MPT vs Emface มีหลักการทำงานกับชั้นผิวอย่างไรบ้าง
หลักการทำงานของ Ultraformer MPT
1.ชั้นผิวชั้นตื้น (Epidermis - Dermis)
- คลื่นพลังงานบางระดับจะถูกปรับให้ลงตื้น
- ช่วยกระตุ้นการสร้าง คอลลาเจนและอีลาสติน
- ลดเลือนริ้วรอย เสริมความเรียบเนียนของผิว
- ทำให้ผิวดูแน่นและเต่งตึงมากขึ้น
2.ชั้นไขมันใต้ผิว (Subcutaneous Fat Layer)
- คลื่นพลังงานสามารถส่งผลให้ไขมันบางส่วนสลายได้
- ช่วยในเรื่องของการ “กระชับแก้ม” ลดความหย่อนคล้อย
- เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันสะสมบริเวณใบหน้า เช่น แนวกรามหรือเหนียง
3.ชั้นกล้ามเนื้อเยื่อพังผืด (SMAS Layer)
- SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) คือชั้นกล้ามเนื้อพังผืดใต้ผิวหนังที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า
- Ultraformer MPT สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงชั้นนี้ได้อย่างแม่นยำ
- เมื่อเกิดความร้อนในระดับที่เหมาะสม เนื้อเยื่อจะหดตัว ทำให้ผิวยกกระชับขึ้น
หลักการทำงานของ Emface
1.ชั้นผิวหนังแท้ (Dermis)
- พลังงาน RF จะถูกส่งผ่านลงไปในชั้นผิวหนังแท้ (Dermis)
- ทำให้เกิดความร้อนในระดับที่เหมาะสม ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว
- ผลลัพธ์คือผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ริ้วรอยดูตื้นขึ้น ผิวแน่นและเรียบเนียน
2.ชั้นกล้ามเนื้อบนใบหน้า (Facial Muscles)
- พลังงาน HIFES เป็นเทคโนโลยีที่กระตุ้นกล้ามเนื้อบนใบหน้าให้หดและคลายตัวในจังหวะที่ควบคุมได้
- กล้ามเนื้อใบหน้าจะได้รับการกระตุ้นคล้ายการออกกำลังกายเฉพาะจุด ทำให้กล้ามเนื้อแน่น กระชับ และยกตัวขึ้น
- ส่งผลให้แนวกรอบหน้าดูชัดขึ้น ลดความหย่อนคล้อย
3.การทำงานร่วมกัน
RF และ HIFES ทำงานร่วมกัน
- ช่วยให้ผิวแน่นขึ้นจากชั้นหนังแท้ และกล้ามเนื้อมีความกระชับมากขึ้นจากชั้นลึก
- ทำให้ผลลัพธ์ของการยกกระชับดูใบหน้าดูสดใสและดูเด็กขึ้น
Ultraformer MPT vs Emface ดีจริงไหม
หัตถการ Ultraformer MPT vs Emface ต่างมีข้อดีในแบบของตัวเอง โดย Ultraformer MPT เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์การยกกระชับในระดับลึก โดยไม่ผ่าตัด ส่วน Emface เหมาะกับผู้ที่อยากดูแลทั้งผิวและกล้ามเนื้อพร้อมกันในแบบไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีแผล
ผลลัพธ์ของการทำหัตถการ Ultraformer MPT vs Emface ที่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล ดังนั้น ควรปรึกษาคุณหมอก่อนเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเรา
ทั้ง Ultraformer MPT vs Emface เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าที่ให้ผลลัพธ์ในแง่ของความกระชับ เรียบเนียน และดูสดใสขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผิวหน้า เมื่อทำกับคุณหมอที่มีประสบการณ์ และเลือกใช้ให้เหมาะสมกับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล
Ultraformer MPT เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับลึกถึงชั้น SMAS
Emface เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระตุ้นทั้งผิวและกล้ามเนื้อใบหน้าแบบไม่ใช้เข็ม
ดังนั้น Ultraformer MPT vs Emface ถือว่าดีจริง แต่ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และจำนวนครั้งที่ทำ ควรปรึกษาคุณหมอก่อนเลือกใช้เทคโนโลยีใด ๆ เพื่อให้เหมาะกับสภาพใบหน้าของแต่ละคนมากที่สุด
จุดเหมือนกันของ Ultraformer MPT vs Emface
แม้ว่าหัตถการ Ultraformer MPT vs Emface จะใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองหัตถการ Ultraformer MPT vs Emface มีจุดเหมือนกันหลายอย่าง ที่ทำให้ได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่ต้องการยกกระชับใบหน้าแบบไม่ผ่าตัด ดังนี้
1.Ultraformer MPT vs Emface ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ใช้เข็ม
ทั้งสองหัตถการ Ultraformer MPT vs Emface เป็นเทคโนโลยีแบบไม่ทำให้เกิดแผล และไม่ใช้เข็ม
- ไม่ต้องผ่าตัดเปิดแผล
- ไม่ต้องใช้เข็มฉีดสารเติมเต็ม
- ลดโอกาสเกิดแผลช้ำหรือบวมแดง
- ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
2.Ultraformer MPT vs Emface ช่วยยกกระชับใบหน้า ทั้งสองเครื่องนี้เน้นการกระตุ้นกลไกของร่างกายตามธรรมชาติ เช่น
- การกระตุ้น คอลลาเจน (Collagen) และ อีลาสติน (Elastin)
- การทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหดตัว (ในกรณี Ultraformer MPT)
- หรือการกระตุ้นกล้ามเนื้อให้แข็งแรง (ในกรณี Emface)
- ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือผิวดูแน่นขึ้น ใบหน้าดูยกกระชับขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งสารแปลกปลอม
3.Ultraformer MPT vs Emface ไม่เป็นอันตรายและผ่านการรับรองด้านการแพทย์
- Ultraformer MPT vs Emface เป็นเทคโนโลยีได้รับการรับรองว่าไม่เป็นอันตรายจากหลายประเทศ
4.Ultraformer MPT vs Emface ใช้เวลารักษาไม่นาน
- ระยะเวลาในการทำ Ultraformer MPT vs Emface แต่ละครั้งประมาณ 20-40 นาที
- สามารถกลับไปทำงานหรือใช้ชีวิตได้ทันที
5.Ultraformer MPT vs Emface เห็นผลลัพธ์สะสมหลังทำต่อเนื่อง
แม้จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงบางส่วนหลังทำในครั้งแรก แต่ทั้งสองเครื่อง Ultraformer MPT vs Emface จะให้ผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นเมื่อทำอย่างต่อเนื่อง และจะค่อย ๆ พัฒนาในช่วง 1-3 เดือนหลังจากร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างเต็มที่
Ultraformer MPT vs Emface เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าแบบไม่ผ่าตัด ไม่เป็นอันตรายไม่ต้องพักฟื้น กระตุ้นการฟื้นฟูผิวและโครงสร้างใบหน้าโดยอาศัยกลไกธรรมชาติของร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวให้ดูสดใสโดยไม่เจ็บตัว
ข้อแตกต่างของ Ultraformer MPT vs Emface
แม้ว่า Ultraformer MPT vs Emface จะเป็นเทคโนโลยีที่เน้นการยกกระชับผิวหน้าแบบไม่ผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้นเหมือนกัน แต่ทั้งสองหัตถการ Ultraformer MPT vs Emface มีหลักการทำงาน เทคโนโลยี ต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้
1.หลักการทำงานของพลังงานของ Ultraformer MPT vs Emface
Ultraformer MPT
ใช้พลังงาน MMFU (Macro & Micro Focused Ultrasound) ซึ่งเป็นคลื่นเสียงความเข้มข้นสูงแบบเฉพาะเจาะจง ทำหน้าที่กระตุ้นความร้อนในชั้นผิวระดับลึก เพื่อกระตุ้นการหดตัวของเนื้อเยื่อและการสร้างคอลลาเจนใหม่
จุดเด่นคือสามารถลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการดึงหน้า
Emface
ใช้การผสานพลังงาน RF (Radiofrequency) และ HIFES (High-Intensity Facial Electrical Stimulation) RF ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในผิวหนังชั้นกลาง ส่วน HIFES จะกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าให้แข็งแรง ยกกระชับจากโครงสร้างกล้ามเนื้อผิวหน้า จุดเด่นคือดูแลทั้งผิวและกล้ามเนื้อในเวลาเดียวกันโดยไม่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์
2.ความลึกของการรักษาของหัตถการ Ultraformer MPT vs Emface
Ultraformer MPT
สามารถปรับระดับพลังงานให้ลงลึกได้หลายชั้น ทั้งผิวหนังแท้ ชั้นไขมัน และชั้น SMAS ซึ่งเหมาะกับการยกกระชับในระดับโครงสร้างผิว
Emface
เน้นการทำงานกับ ผิวหนังแท้ (Dermis) และ กล้ามเนื้อใบหน้าชั้นตื้น โดยไม่ลงลึกถึงชั้น SMAS แต่ช่วยให้กล้ามเนื้อเล็ก ๆ บนใบหน้าแข็งแรงและกระชับขึ้น
3.ผลลัพธ์ที่โดดเด่นของหัตถการ Ultraformer MPT vs Emface
Ultraformer MPT
เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมาก หรือต้องการการยกกระชับชั้นลึก เช่น แนวกราม คาง แก้มล่าง เห็นผลลัพธ์ในเรื่อง การยกกระชับแนวโครงหน้า (Face Lifting) อย่างชัดเจน
Emface
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ ผิวเรียบเนียน กระชับ และดูสดใส พร้อมกับฟื้นฟูกล้ามเนื้อใบหน้าให้กลับมาตึงกระชับ เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณริ้วรอย หรือผิวหน้าเริ่มขาดความเฟิร์ม
4.ความรู้สึกขณะทำหัตถการ Ultraformer MPT vs Emface
หัวข้อ |
Ultraformer MPT |
Emface |
ความรู้สึกขณะทำ |
รู้สึกอุ่นและตึงลึกเป็นจุด |
อุ่น ๆ และกล้ามเนื้อหดคลายตามจังหวะ |
ระยะเวลา |
30-60 นาที |
20-30 นาที |
5.ความเหมาะสมของแต่ละบุคคลในการเลือกทำหัตถการ Ultraformer MPT vs Emface
Ultraformer MPT เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับแบบลึก เห็นกรอบหน้าชัด มีความหย่อนคล้อยระดับกลางถึงมาก หรือเคยฉีดสารเติมเต็มมาก่อนและต้องการปรับโครงสร้างผิวโดยไม่ใช้เข็ม
Emface เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวเล็กน้อย ริ้วรอยบางจุด หรือผู้ที่ไม่ต้องการเจ็บตัวเลยและอยากฟื้นฟูผิวและกล้ามเนื้อใบหน้าไปพร้อมกัน
เปรียบเทียบแบบเห็นภาพระหว่าง Ultraformer MPT vs Emface
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนระหว่าง Ultraformer MPT vs Emface บทความนี้จะเปรียบเทียบเป็นตารางเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนของทั้งสองหัตถการนี้
หัวข้อเปรียบเทียบ |
Ultraformer MPT |
Emface |
แหล่งพลังงาน |
MMFU (Macro & Micro Focused Ultrasound) |
RF (Radiofrequency) + HIFES™ |
ระดับชั้นผิวที่ทำงาน |
ลึกถึงชั้น SMAS, ชั้นไขมัน, ผิวหนังแท้ |
ผิวหนังแท้ และกล้ามเนื้อใบหน้าชั้นตื้น |
หลักการทำงาน |
สร้างจุดความร้อนในชั้นลึก เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและหดตัวของเนื้อเยื่อ |
RF ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน / HIFES กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ |
ผลลัพธ์ |
ยกกระชับโครงหน้า ลดความหย่อนคล้อย กรอบหน้าชัด |
ผิวแน่น กระชับ ริ้วรอยดูจางลง ใบหน้าแลดูสดใส |
เหมาะกับปัญหาแบบใด |
เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยระดับกลางถึงมาก ต้องการปรับรูปหน้า |
เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยเริ่มต้นหรือผิวหน้าเริ่มคล้อย ต้องการฟื้นฟูแบบไม่รุกราน |
ระยะเวลาทำต่อครั้ง |
ประมาณ 30-60 นาที |
ประมาณ 20-30 นาที |
ความชัดเจนของผลลัพธ์ |
เห็นผลบางส่วนทันที และชัดเจนขึ้นภายใน 1-3 เดือน |
เริ่มเห็นผลหลังทำต่อเนื่อง และชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ หลังจบคอร์ส |
หัตถการ Ultraformer MPT vs Emface เหมาะกับใคร
Ultraformer MPT vs Emface เป็นหัตถการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ผ่าตัด ไม่ใช้เข็ม และไม่ต้องพักฟื้น แต่ละเทคโนโลยีจะมีจุดเด่นเฉพาะตัว Ultraformer MPT vs Emface จึงเหมาะกับกลุ่มคนที่มีปัญหาผิวหรือความต้องการแตกต่างกัน
Ultraformer MPT เหมาะกับใคร ?
- ผู้ที่มีปัญหา ผิวหย่อนคล้อยในระดับกลางถึงมาก เช่น บริเวณแนวกราม แก้ม คาง หรือใต้คาง
- ผู้ที่ต้องการ ยกกระชับลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เรื่อง กรอบหน้าชัด ปรับรูปหน้าโดยไม่ศัลยกรรม
- ผู้ที่เคยฉีดสารเติมเต็ม (เช่น ฟิลเลอร์) และต้องการฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน
- ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป หรือมีสัญญาณของความหย่อนคล้อยเริ่มชัดเจน
Emface เหมาะกับใคร
- ผู้ที่เริ่มมีปัญหา ริ้วรอย ผิวไม่กระชับเล็กน้อย เช่น หน้าผาก ร่องแก้ม หรือโหนกแก้ม
- ผู้ที่ต้องการ กระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้า ให้กระชับขึ้น โดยไม่ใช้เข็ม ไม่เจ็บตัว
- ผู้ที่ต้องการดูแลผิวหน้าแบบ เบา ๆ และสม่ำเสมอ อย่างต่อเนื่อง
- เหมาะสำหรับทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่มีอายุประมาณ 25-45 ปี
- ผู้ที่ไม่เคยทำหัตถการมาก่อน และอยากเริ่มต้นด้วยเทคโนโลยีที่อ่อนโยน
ใครควรหลีกเลี่ยงทำหัตถการ Ultraformer MPT vs Emface
แม้ว่า Ultraformer MPT vs Emface จะเป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ใช้เข็ม และไม่ต้องพักฟื้น แต่ก็มีข้อควรระวัง ที่อาจไม่เหมาะสมกับการทำ Ultraformer MPT vs Emface หรือควรหลีกเลี่ยงชั่วคราว
กลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยง ทั้ง 2 หัตถการ Ultraformer MPT vs Emface
- ผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังในร่างกายควรหลีกเลี่ยงในการทำ Ultraformer MPT vs Emface เนื่องจาก Emface มีการใช้กระแสไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้อ และ Ultraformer MPT ใช้คลื่นเสียงความเข้มข้นสูง การทำงานของเครื่องอาจรบกวนอุปกรณ์ในร่างกายได้
- หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยง Ultraformer MPT vs Emface แม้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามีผลโดยตรง แต่เพื่อไม่ให้เป็นอันตราย แนะนำให้หลีกเลี่ยงหัตถการในช่วงนี้ก่อน
- ผู้ที่มีภาวะติดเชื้อหรือแผลเปิดบริเวณใบหน้า ควรหลีกเลี่ยง Ultraformer MPT vs Emface เช่น ผิวติดเชื้อ, ผิวลอก, ผิวไหม้แดด หรือผื่นอักเสบ หากมีอาการเหล่านี้ควรรักษาให้หายดีก่อนจึงเข้ารับบริการ
- ผู้ที่มีประวัติโรคลมชักที่ควบคุมไม่ได้ ควรหลีกเลี่ยง Ultraformer MPT vs Emface โดยเฉพาะในกรณีของ Emface ที่มีการกระตุ้นระบบประสาท อาจไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีภาวะทางระบบประสาทบางชนิด
- ผู้ที่เพิ่งฉีดฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็มในจุดที่ต้องการทำหัตถการ ควรหลีกเลี่ยง Ultraformer MPT vs Emface เว้นระยะให้เนื้อเยื่อคงตัวตามคำแนะนำของแพทย์ก่อนทำ Ultraformer MPT หรือ Emface เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อผลลัพธ์ของฟิลเลอร์
- ผู้ที่มีโรคผิวหนังเรื้อรัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคภูมิแพ้ผิวหนังที่กำเริบเฉพาะที่ ควรหลีกเลี่ยง Ultraformer MPT vs Emface เพราะผิวในช่วงนั้นอาจไวต่อพลังงานหรือเกิดการอักเสบได้ง่าย
หัตถการ Ultraformer MPT vs Emface ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง
Ultraformer MPT vs Emface เป็นหัตถการเพื่อการยกกระชับผิวหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้คนละเทคโนโลยีและมีจุดเด่นต่างกัน ซึ่งทำให้สามารถใช้ร่วมกันในบางตำแหน่งเพื่อเสริมประสิทธิภาพ แต่บางจุดก็ไม่สามารถทำร่วมกันได้เนื่องจากข้อจำกัดและลักษณะการทำงานของเครื่อง
ตำแหน่งที่สามารถทำ Ultraformer MPT vs Emface ร่วมกันได้
หน้าผาก
- Ultraformer MPT ช่วยยกกระชับผิวและยกคิ้ว
- Emface ช่วยลดริ้วรอยและเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าผาก
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยหรือแนวคิ้วตก
โหนกแก้ม
- Ultraformer MPT ยกพวงแก้ม ลดการหย่อนคล้อย
- Emface กระตุ้นกล้ามเนื้อบริเวณแก้มให้กระชับ
- เหมาะสำหรับเพิ่มความยกและมิติของใบหน้า
ร่องแก้ม
- Ultraformer MPT กระชับผิวบริเวณร่องแก้มที่ลึก
- Emface เสริมการทำงานของกล้ามเนื้อรอบปาก ช่วยให้ร่องดูตื้นลงทำงานเสริมกันได้ดีในคนที่มีร่องแก้มเริ่มลึก
มุมปาก
- Ultraformer MPT ช่วยยกผิวที่เริ่มตกลงของมุมปาก
- Emface กระตุ้นกล้ามเนื้อมุมปาก ช่วยให้ใบหน้าดูสดใสไม่ดูเศร้า
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีมุมปากตกจากความหย่อนคล้อยของผิวและกล้ามเนื้อ
กรอบหน้า (Jawline)
- Ultraformer MPT ใช้ในการยกกระชับแนวกรามที่หย่อน
- Emface บางโปรแกรมสามารถเสริมแนวกล้ามเนื้อขากรรไกร
- สามารถทำร่วมกันได้ในบางเคส โดยต้องประเมินโดยแพทย์
ตำแหน่งที่ ทำ Ultraformer MPT ได้เท่านั้น
ใต้คาง/คางสองชั้น
- Ultraformer MPT ช่วยลดไขมันสะสมและยกกระชับบริเวณใต้คาง
ลำคอ
- Ultraformer MPT สามารถใช้บริเวณลำคอเพื่อกระชับผิวและลดความหย่อนคล้อย
หน้าท้อง / ต้นแขน / ต้นขา (ในบางโปรแกรม)
- Ultraformer MPT สามารถใช้เพื่อกระชับผิวบริเวณลำตัวในบางแผนการรักษา
Ultraformer MPT vs Emface ทำหัตถการไหนเห็นผลกว่ากัน
คำถามที่หลายคนสงสัยคือ “Ultraformer MPT vs Emface แบบไหนเห็นผลดีกว่ากัน” ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีเทคโนโลยีไหน “เห็นผลมากกว่า” หรือ “ดีกว่า” เพราะทั้ง “Ultraformer MPT vs Emface สองเครื่องนี้มีคุณสมบัติเฉพาะที่แตกต่างกัน และถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาผิวในมิติที่ไม่เหมือนกัน
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพของหัตถการแต่ละตัว
- สภาพผิวของแต่ละบุคคล เช่น ผิวบาง ผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวที่เคยผ่านหัตถการอื่นมาแล้ว
- ปัญหาหลักที่ต้องการแก้ไข เช่น ความหย่อนคล้อย ริ้วรอย ร่องลึก หรือโครงหน้าที่ไม่ชัด
- อายุและโครงสร้างใบหน้า ซึ่งมีผลต่อการเลือกความลึกของพลังงานและชนิดของพลังงานที่เหมาะสม
- ความต่อเนื่องในการดูแล เพราะบางเทคโนโลยีเห็นผลชัดเมื่อทำต่อเนื่อง ขณะที่บางเทคโนโลยีเห็นผลค่อย ๆ พัฒนาในระยะเวลา
Ultraformer MPT vs Emface สองหัตถการนี้ผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม
Ultraformer MPT vs Emface ให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้ ระยะปานกลางถึงยาว โดยขึ้นอยู่กับ สภาพผิว อายุ และการดูแลหลังทำ
- Ultraformer MPT ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน หลังทำ เนื่องจากกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นลึก
- Emface ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของกล้ามเนื้อและผิว และแนะนำให้ทำต่อเนื่องปีละ 1-2 คอร์ส
Ultraformer MPT vs Emface สามารถทำร่วมกันได้ไหม
Ultraformer MPT vs Emface สามารถทำร่วมกันได้ หากวางแผนอย่างเหมาะสมและอยู่ภายใต้การประเมินของแพทย์ที่มีประสบการณ์
เนื่องจาก Ultraformer MPT vs Emface ใช้เทคโนโลยีต่างกันและทำงานในคนละระดับชั้นผิว
Ultraformer MPT ทำงานลึกถึงชั้น SMAS ขณะที่ Emface เน้นการกระตุ้นกล้ามเนื้อชั้นตื้นและคอลลาเจนในผิว การทำร่วมกันจึง ไม่ซ้ำซ้อนและสามารถเสริมประสิทธิภาพกันได้
หลังทำหัตถการ Ultraformer MPT vs Emface ต้องดูแลตัวเองอย่างไร
1.หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด 1-2 สัปดาห์
เพื่อป้องกันการระคายเคืองและลดโอกาสเกิดจุดด่างดำหลังทำ Ultraformer MPT vs Emface
2.งดการนวดหน้าแรง ๆ หรือทำหัตถการอื่นซ้ำทันที
โดยเฉพาะบริเวณที่เพิ่งทำ Ultraformer MPT vs Emface เพื่อให้ผิวฟื้นตัวเต็มที่
3.ทาครีมบำรุงและครีมกันแดดเป็นประจำ
เน้นสูตรที่อ่อนโยนและช่วยฟื้นฟูผิว เพื่อส่งเสริมการสร้างคอลลาเจน
4.ดื่มน้ำมาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ
ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูผิวได้ดีขึ้นจากภายใน
5.งดกิจกรรมที่ทำให้ผิวร้อนจัด
เช่น ซาวน่า เลเซอร์ หรือออกกำลังกายหนักในช่วง 24-48 ชม.แรก
ถ้าทำ Ultraformer MPT vs Emface แล้วทำหัตถการอื่นด้วยได้ไหม
ถ้าทำ Ultraformer MPT vs Emface สามารถทำหัตถการอื่นร่วมได้ แต่ควรอยู่ภายใต้ การประเมินของแพทย์ เพราะการเลือกทำหัตถการเพิ่มเติมต้องคำนึงถึง ช่วงเวลา ความเหมาะสม และลำดับของพลังงานที่ใช้ในแต่ละเครื่อง
ตัวอย่างหัตถการที่สามารถทำร่วมได้
- เลเซอร์หน้าใส / IPL ช่วยเรื่องผิวกระจ่างใส ลดรอยแดงหรือรอยดำ แต่ควรเว้นอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์หลังทำ Ultraformer หรือ Emface
- เมโสหน้าใส / ทรีตเมนต์บำรุงผิว สามารถทำได้ในช่วงที่ผิวเริ่มฟื้นตัว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นหลังยกกระชับ
- โบท็อกซ์ / ฟิลเลอร์ ควรเว้นระยะอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนหรือหลังทำ Ultraformer MPT หรือ Emface เพื่อไม่ให้พลังงานกระทบต่อสารที่ฉีด
Q and A ของ Ultraformer MPT vs Emface
Q Ultraformer MPT vs Emface ควรทำบ่อยแค่ไหน ?
Ultraformer MPT ควรทำปีละ 1-2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับระดับความหย่อนคล้อยและอายุของแต่ละบุคคล เพราะเครื่องนี้กระตุ้นคอลลาเจนในระดับลึกและให้ผลในระยะยาว
Emface ควรทำต่อเนื่อง 4 ครั้ง สัปดาห์ละ 1 ครั้ง จากนั้นสามารถทำซ้ำทุก 4-6 เดือน เพื่อคงผลลัพธ์ของผิวที่แน่นและกล้ามเนื้อที่กระชับ
Q Ultraformer MPT vs Emface 2 หัตถการนี้เจ็บไหม ?
Ultraformer MPT อาจรู้สึกอุ่นหรือตึงในจุดที่ยิงพลังงาน โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวบาง แต่โดยทั่วไปอยู่ในระดับที่สามารถทนได้ และส่วนมากไม่ต้องใช้ยาชา
Emface ไม่เจ็บ แต่จะรู้สึกอุ่นจากพลังงาน RF และมีกล้ามเนื้อกระตุกเล็กน้อยจากการทำงานของคลื่น HIFES คล้ายการเกร็งกล้ามเนื้อเบา ๆ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด
Q ผลข้างเคียงของการทำ Ultraformer MPT vs Emface มีอะไรบ้าง
โดยทั่วไปทั้งสองหัตถการปลอดภัยและไม่ต้องพักฟื้น แต่อาจมีอาการเล็กน้อยหลังทำ ได้แก่
Ultraformer MPT
อาจมีรอยแดง บวม หรือรู้สึกตึงบริเวณที่ทำเล็กน้อย โดยมักหายภายใน 1-3 วัน ในบางคนอาจรู้สึกปวดเมื่อยใต้ผิวคล้ายหลังออกกำลังกาย แต่ไม่ใช่อาการอันตราย
Emface
อาจมีผิวแดงเล็กน้อยหลังทำ และหายได้ในไม่กี่ชั่วโมง บางคนอาจรู้สึกตึงผิวหรือกล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับการกระตุ้น แต่เป็นอาการชั่วคราว
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับ Ultraformer MPT vs Emface
Ultraformer MPT vs Emface เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ต้องการดูแลผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และไม่ใช้เข็ม ทั้งสองเครื่องมีจุดเด่นที่แตกต่างกันชัดเจน
Ultraformer MPT เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับในระดับลึก โดยเฉพาะบริเวณที่หย่อนคล้อยมาก เช่น กรอบหน้า คาง หรือแนวกราม เพราะสามารถส่งพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการดึงหน้า
Emface เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาริ้วรอย ผิวหน้าไม่กระชับ และต้องการกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าให้ยกกระชับ
แม้จะใช้เทคโนโลยีคนละประเภท แต่ทั้งสองมีจุดร่วมคือ ไม่เป็นอันตราย ไม่ต้องผ่าตัด และช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน
สรุปสำคัญของ Ultraformer MPT vs Emface
• Ultraformer MPT vs Emface แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงในกลไกและระดับชั้นผิวที่ทำงาน
• ไม่มีเทคโนโลยีไหน "ดีกว่า" แต่อยู่ที่ว่า ปัญหาผิวของเราเป็นแบบไหน และอะไรเหมาะกับเรา
• ในบางกรณี สามารถใช้ร่วมกันได้ เพื่อเสริมประสิทธิภาพซึ่งกันและกัน
“เพราะการดูแลผิวที่ดี เริ่มต้นจากการเข้าใจปัญหาของตัวเอง และเลือกวิธีที่เหมาะกับเราที่สุด”
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ