romrawin

Morpheus8 vs Oligio มีหลักการทำงานแตกต่างกันอย่างไร เหมือนกันตรงไหนบ้าง

Morpheus8 vs Oligio

Morpheus8 vs Oligio สองโปรแกรมยกกระชับมาแรง เลือกทำอะไรดีให้หน้าวีเล็ก
Morpheus8 vs Oligio หลายคนที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้ามักจะเปรียบเทียบสองหัตถการนี้เพื่อดูว่าหัตถการไหนเหมาะสมกับเราที่สุด บทความนี้จะมาเปรียบเทียบให้ทุกคนได้เห็นภาพชัดเจน เพื่อประกอบการตัดสินใจ

รวมทุกหัวข้อ Morpheus8 vs Oligio
- Morpheus8 vs Oligio มีหลักการทำงานอย่างไร
- Morpheus8 vs Oligio เหมือนกันตรงไหนบ้าง
- Morpheus8 vs Oligio แตกต่างกันยังไงบ้าง
- เปรียบเทียบเทคโนโลยี Morpheus8 vs Oligio
- ปัญหาผิวที่เหมาะกับโปรแกรม Morpheus8 vs Oligio
- Morpheus8 vs Oligio ใช้ได้กับผิวบริเวณไหนบ้าง
- Morpheus8 vs Oligio ใช้คู่กันได้ไหม
- Morpheus8 vs Oligio ใช้ควบคู่กับหัตถการอะไรได้บ้าง
- Morpheus8 vs Oligio ต้องทำกี่ครั้ง
- Morpheus8 vs Oligio เห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังทำเมื่อไหร่
- Morpheus8 vs Oligio ราคาเท่าไหร่
- Morpheus8 vs Oligio อันตรายไหม
- ก่อนทำ Morpheus8 vs Oligio ต้องเตรียมตัวอย่างไร
- หลังทำ Morpheus8 vs Oligio ต้องดูแลตัวเองอย่างไร
- ถ้าต้องเลือกทำระหว่าง Morpheus8 vs Oligio เราต้องเลือกอะไรดี
- สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับ Morpheus8 vs Oligio
- คำถามยอดฮิตของ Morpheus8 vs Oligio

Morpheus8 vs Oligio มีหลักการทำงานอย่างไร
ในยุคที่เทคโนโลยีด้านความงามพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัดกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะสองโปรแกรมที่ได้รับความสนใจมากในขณะนี้คือ Morpheus8 vs Oligio ซึ่งทั้งสองต่างมีจุดเด่นและหลักการทำงานที่แตกต่างกัน แต่มีจุดประสงค์เดียวกันคือ ฟื้นฟูผิวให้ตึงกระชับและดูสดใสขึ้น

บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับ หลักการทำงานของ Morpheus8 vs Oligio แบบเข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของตัวเรามากที่สุด

โปรแกรม Morpheus8 คลื่นความถี่วิทยุผสานเข็มไมโคร
Morpheus8 เป็นเทคโนโลยีที่รวมระหว่าง Microneedling (การใช้เข็มเล็กจิ๋ว) กับ คลื่นวิทยุความถี่สูง หรือ RF (Radiofrequency) โดยมีหลักการทำงานดังนี้

• ปล่อยพลังงาน RF ผ่านหัวเข็ม ที่ลงลึกเข้าสู่ชั้นผิวได้หลายระดับ (ลึกได้ถึงชั้นไขมัน)
• ระหว่างที่เข็มสัมผัสผิว พลังงานความร้อนจะถูกปล่อยออกมา เพื่อ กระตุ้นคอลลาเจน อิลาสติน และ ช่วยให้ผิวแน่นกระชับขึ้น
• เหมาะกับปัญหาริ้วรอย รูขุมขนกว้าง หลุมสิว และผิวที่เริ่มหย่อนคล้อย
• เปรียบเหมือนการ “สร้างแผลเล็ก ๆ ในระดับผิวลึก” เพื่อกระตุ้นการซ่อมแซมตัวเองของร่างกาย

โปรแกรม Oligio คลื่น RF แบบไม่ใช้เข็ม เจาะจงลึกและสม่ำเสมอ
Oligio เป็นเครื่องยกกระชับที่ใช้ คลื่นวิทยุความถี่เดียวกัน (Monopolar RF) แบบ ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่มีการเจาะผิวหน้า แต่พลังงานจะถูกส่งลงลึกผ่านหัวเครื่องที่แนบไปกับผิวโดยตรง

• พลังงานความร้อนจาก RF จะ ลงลึกสู่ชั้นผิวในระดับที่ควบคุมได้ โดยเฉพาะบริเวณชั้นไขมัน
• ทำให้เส้นใยคอลลาเจนหดตัวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง
• เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ กระชับผิว ลดริ้วรอยโดยไม่ต้องเจ็บหรือพักฟื้น
• เปรียบเหมือนการ “อุ่นผิวจากภายใน” ให้เนื้อเยื่อกระชับตัวอย่างนุ่มนวลและดูอิ่มฟู

Morpheus8 vs Oligio เหมือนกันตรงไหนบ้าง
แม้ว่า Morpheus8 vs Oligio จะใช้วิธีการทำงานต่างกัน (Morpheus8 มีเข็ม, Oligio ไม่มีเข็ม) แต่ Morpheus8 vs Oligio ทั้งสองเทคโนโลยีนี้ก็มีสิ่งที่เหมือนกันหลายอย่าง โดยเฉพาะผลลัพธ์ในการดูแลผิว ซึ่งก็คือ ทำให้ผิวตึงขึ้น ดูเรียบเนียน ดูสดใสขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน

ลองนึกภาพว่า ทั้ง Morpheus8 vs Oligio สองเครื่องนี้เหมือน “เครื่องกระตุ้นการออกกำลังกายให้ผิวจากภายใน” ช่วยให้ผิวที่อ่อนล้ากลับมากระชับ มีแรงดึงตัวขึ้นอีกครั้ง แต่ใช้คนละวิธีในการส่งพลังงานเท่านั้นเอง

1.Morpheus8 vs Oligio ใช้พลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุ (RF)
Morpheus8 vs Oligio ต่างก็ใช้ คลื่น RF (Radiofrequency) ซึ่งเป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่เปลี่ยนเป็นความร้อน แล้วส่งลงไปใต้ผิว เพื่อ ปลุกให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาเอง
คลื่น RF นี้ไม่ใช่เลเซอร์ ไม่มีแสงจ้า ไม่มีการเผาผิวด้านบน แต่จะค่อย ๆ ปล่อยความร้อนลงลึกไปใต้ผิว เหมือนกับการ “อบอุ่นชั้นผิวด้านใน” เพื่อให้ผิวตื่นตัวและฟื้นฟูตัวเอง

2.Morpheus8 vs Oligio เน้นยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด
จุดเด่นที่เหมือนกันอีกอย่างคือ ทั้ง Morpheus8 vs Oligio ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องมีแผลใหญ่ ไม่ต้องเจ็บเหมือนการทำศัลยกรรม
ผู้ที่เลือกทำ Morpheus8 vs Oligio ส่วนใหญ่มักเป็นคนที่รู้สึกว่าผิวเริ่มหย่อน ไม่เฟิร์มเหมือนเดิม เช่น มีแก้มหย่อน คางเริ่มห้อย หรือร่องแก้มลึกขึ้น ทั้งสองเครื่องสามารถใช้กระชับผิวในจุดเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องเจ็บตัวมาก

3.Morpheus8 vs Oligio ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากภายใน
เครื่องทั้งสองชนิดทำงานต่างกันก็จริง (Morpheus8 ใช้เข็มจิ๋ว, Oligio ใช้หัวแตะผิวโดยตรง) แต่ Morpheus8 vs Oligio มีเป้าหมายเหมือนกันคือ กระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่
เมื่อร่างกายได้รับความร้อนในระดับพอเหมาะ เซลล์ผิวจะตื่นตัวและเริ่มซ่อมแซมตัวเอง ทำให้ผิวดูกระชับ เต่งตึงขึ้น ริ้วรอยบาง ๆ จางลง และผิวดูแน่นฟูขึ้น

4.Morpheus8 vs Oligio ใช้ได้ทั้งบนใบหน้าและลำตัว
ไม่ใช่แค่บนหน้าเท่านั้น ทั้ง Morpheus8 vs Oligio สามารถใช้กับ บริเวณอื่น ๆ ที่ผิวหย่อนคล้อยได้ด้วย เช่น ลำคอ หน้าท้อง ต้นแขน หรือเข่าที่เริ่มย่น เพื่อให้ผิวบริเวณนั้นกระชับขึ้น

5.Morpheus8 vs Oligio เหมาะกับคนที่ไม่อยากเจ็บ ไม่อยากผ่าตัด
ผู้ที่กลัวการศัลยกรรม หรือไม่สะดวกพักฟื้นหลังทำหน้า มักเลือก Morpheus8 vs Oligio เป็นทางเลือกแรก เพราะทั้งคู่ ไม่ต้องนอนพัก ไม่ต้องฉีดยาสลบ ไม่ต้องมีรอยแผลใหญ่ แค่มีรอยแดงเล็กน้อยหรืออุ่น ๆ หลังทำ ซึ่งหายไปในไม่กี่วัน

Morpheus8 vs Oligio แตกต่างกันยังไงบ้าง
แม้ว่า Morpheus8 vs Oligio จะมีเป้าหมายเดียวกันคือ ยกกระชับผิวหน้า กระตุ้นคอลลาเจน และฟื้นฟูผิวให้ดูอิ่มฟูโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ทั้ง Morpheus8 vs Oligio มีวิธีการทำงานที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งส่งผลต่อระดับความลึกของพลังงาน ผลลัพธ์ ความรู้สึกขณะทำ และประเภทของปัญหาผิวที่เหมาะจะใช้

1.วิธีส่งพลังงานของ Morpheus8 vs Oligio “มีเข็ม” vs “ไม่มีเข็ม”
Morpheus8 ใช้หัวเครื่องที่มี เข็มขนาดเล็กมาก (Microneedle) จิ้มลงผิวเพื่อส่งพลังงานคลื่น RF เข้าไปในชั้นลึกของผิว
Oligio ใช้หัวเครื่องแนบผิวหน้าโดยตรง ส่งพลังงาน คลื่น RF แบบไม่ต้องเจาะผิว
สรุป Morpheus8 เจาะผิวเพื่อปล่อยพลังงานลึกกว่า ส่วน Oligio ปล่อยพลังงานผ่านผิวจากภายนอก

2.ผลลัพธ์ที่ได้ของ Morpheus8 vs Oligio
Morpheus8 เห็นผลชัดในเรื่องของ รูขุมขน ผิวไม่เรียบ ริ้วรอยลึก และความหย่อนคล้อยลึก
ผลลัพธ์มีความละเอียดและลึกกว่า แต่ อาจใช้เวลาฟื้นฟูเล็กน้อย เช่น รอยแดง 1-3 วัน
Oligio เน้นผลลัพธ์เรื่อง ความกระชับ ความเรียบเนียนของผิว และความรู้สึกตึงหลังทำ

3.ความรู้สึกขณะทำของ Morpheus8 vs Oligio
Morpheus8 มีเข็มลงผิว อาจรู้สึกเจ็บบ้างขณะทำ แม้จะมีการทายาชาก่อน
Oligio ให้ความรู้สึกอุ่น ๆ สบายผิว เหมือนการนวดอุ่น ๆ ไม่มีเข็ม

เปรียบเทียบเทคโนโลยี Morpheus8 vs Oligio
บทความนี้จะทำเป็นตารางเปรียบเทียบ Morpheus8 vs Oligio เพื่อให้เห็นความเหมือนและความแตกต่างอย่างชัดเจน

รายการเปรียบเทียบ

Morpheus8

Oligio

หลักการทำงาน

คลื่น RF ผสานกับเข็ม Microneedling

คลื่น RF แบบ Monopolar (ไร้เข็ม)

วิธีการส่งพลังงาน

ส่งผ่านเข็มจิ๋วลงสู่ผิวในระดับลึก

ส่งผ่านหัวเครื่องสัมผัสผิวโดยตรง

ระดับความลึกของพลังงาน

ชั้นหนังแท้และชั้นไขมัน

ชั้นหนังแท้และชั้นไขมัน

ประเภทคลื่น RF

Fractional RF แบบ Invasive

Monopolar RF แบบ Non-invasive

การเจ็บขณะทำ

เจ็บเล็กน้อย (มีการทายาชา)

รู้สึกอุ่น ๆ ไม่เจ็บ ไม่ต้องใช้ยาชา

ระยะเวลาพักฟื้น

มีรอยแดงเล็กน้อย 1-3 วัน*

ไม่ต้องพักฟื้น*

ปัญหาผิวที่เหมาะสม

หลุมสิว รอยแผลเป็น ริ้วรอยลึก ผิวไม่เรียบ

ผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย-ปานกลาง ต้องการหน้าเรียบตึง

ผลลัพธ์ที่ได้

ลึกถึงโครงสร้างผิว เห็นผลในระยะยาว

ให้ความกระชับผิวแบบนุ่มนวล เห็นผลเบื้องต้นทันที

บริเวณที่ทำได้

ใบหน้า ลำคอ ลำตัว จุดที่มีปัญหาลึก

ใบหน้า ลำคอ กรอบหน้า ทั่วทั้งใบหน้า

ระยะเวลาทำต่อครั้ง

30-60 นาที แล้วแต่บริเวณ

30-45 นาที โดยเฉลี่ย

ความถี่ในการทำ

ทุก 4-6 สัปดาห์ ทำต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง

ทุก 4-6 เดือน หรือตามคำแนะนำแพทย์

ระดับการรุกรานของผิว (Invasiveness)

ปานกลาง (Semi-invasive)

ต่ำมาก (Non-invasive)

ผู้เหมาะสม

ผู้ที่มีปัญหาผิวลึก ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนในระดับโครงสร้าง

ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิว อยากยกกระชับแบบไม่เจ็บ ไม่พักฟื้น

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละบุคคล

ปัญหาผิวที่เหมาะกับโปรแกรม Morpheus8 vs Oligio
ทั้ง Morpheus8 vs Oligio ต่างก็เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิวที่หลายคนสนใจและมักจะเอามาเปรียบเทียบกันบ่อย ๆ เรามาดูกันว่า Morpheus8 vs Oligio เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหนบ้าง

ปัญหาผิวแบบไหนเหมาะกับ Morpheus8
Morpheus8 เป็นเทคโนโลยี Microneedling RF ที่ลงลึกถึง ชั้นหนังแท้ (Dermis) และสามารถลงได้ถึง ชั้นไขมันใต้ผิว (Subcutaneous fat) ทำให้ตอบโจทย์ปัญหาผิวที่ต้องการทั้ง การยกกระชับ รีดไขมัน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ไปพร้อมกัน

Morpheus8 เหมาะกับปัญหาผิวเหล่านี้
- แก้รูปหน้าหย่อนคล้อย
- กรอบหน้าไม่ชัด
- ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณกรามหรือเหนียง
- ต้องการลดปริมาตรไขมันพร้อมกระตุ้นการยกกระชับ
- รูขุมขนกว้าง
- ผิวไม่เรียบเนียน
- ริ้วรอยลึก
- รอยหลุมสิว
- ผิวหยาบกร้านจากวัย หรือจากแสงแดด
- ฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ทำให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้น

ปัญหาผิวแบบไหนเหมาะกับ Oligio
 Oligio เป็นเทคโนโลยี Monopolar RF (คลื่นวิทยุความถี่สูง) แบบไม่ใช้เข็ม พลังงานจะลงลึกถึงชั้นหนังแท้โดยไม่ทำให้เกิดบาดแผล ช่วยให้ผิวตึงกระชับขึ้นอย่างอ่อนโยน

Oligio เหมาะกับปัญหาผิวเหล่านี้
• ผิวเริ่มหย่อน - ร่องผิวตื้น เช่น ร่องแก้มเล็กๆ หรือหางตา
• กลัวเข็ม - ไม่อยากพักฟื้น
• ต้องการฟื้นฟูผิวทั่วหน้า
• เตรียมผิวก่อนอายุ 40 ปี - เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีอายุ 25-35 ปี และอยากชะลอการเกิดริ้วรอยลึกในอนาคต (Preventive Skin Aging)

ตารางเปรียบเทียบปัญหาผิวที่เหมาะกับ Morpheus8 vs Oligio

ปัญหาผิว

Morpheus8

Oligio

ผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก

ใช่

ไม่เหมาะ

มีไขมันสะสมบริเวณแก้ม เหนียง

ใช่

ไม่เหมาะ

ต้องการปรับรูปหน้าให้ชัดขึ้น

ใช่

ใช่

กลัวเข็มหรือไม่สะดวกพักฟื้น

ไม่เหมาะ

ใช่

ริ้วรอยตื้น ร่องแก้ม รอยย่นหางตา

ใช่

ใช่

รูขุมขนกว้าง หลุมสิว ผิวไม่เรียบ

ใช่

ไม่เหมาะ

ต้องการฟื้นฟูผิวทั่วหน้าอย่างอ่อนโยน

ไม่เหมาะ

ใช่

เหมาะกับวัย 25-35 ปีที่อยากชะลอริ้วรอย

ไม่เหมาะ

ใช่

เหมาะกับวัย 35 ปีขึ้นไป มีปัญหาชัดเจน

ใช่

ไม่เหมาะ

Morpheus8 vs Oligio ใช้ได้กับผิวบริเวณไหนบ้าง
Morpheus8 vs Oligio เป็นเทคโนโลยีเพื่อการยกกระชับผิวหน้าและฟื้นฟูผิวที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในวงการความงาม แต่ละเทคโนโลยีมีข้อดีเฉพาะตัว และเหมาะกับบริเวณผิวที่แตกต่างกันไปตามระดับความลึกของพลังงานและวิธีการทำงาน

บริเวณที่เหมาะสำหรับใช้ Morpheus8
Morpheus8 ใช้หัวเข็มไมโครนีดเดิลส่งพลังงาน RF ลงลึกถึงชั้นหนังแท้และชั้นไขมัน เหมาะกับบริเวณที่มีไขมันสะสม ริ้วรอยลึก หรือความหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก

บริเวณที่สามารถทำได้ ได้แก่
• กรอบหน้า แนวกราม
• แก้มล่าง
• เหนียง คางสองชั้น
• ใต้ตา (เฉพาะกรณีใช้พลังงานต่ำและหัวตื้น)
• หน้าผาก ขมับ
• ลำคอ
• เนินอก
• ต้นแขน หัวเข่า หน้าท้อง (ในกรณีต้องการกระชับผิวร่วมกับการลดไขมัน)

บริเวณที่เหมาะสำหรับใช้ Oligio
Oligio เป็นพลังงาน Monopolar RF แบบไม่ใช้เข็ม อ่อนโยนและไม่ทำลายผิวด้านบน พลังงานจะส่งผ่านผิวลงไปกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นหนังแท้

บริเวณที่สามารถทำได้ ได้แก่
• แก้มทั้งหมด
• รอบดวงตา ใต้ตา หางตา หัวคิ้ว
• หน้าผาก ขมับ
• ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
• รอบปาก มุมปาก
• ลำคอ
• เนินอก
• ลำตัวในกรณีผิวหย่อนเล็กน้อย

บริเวณที่ Morpheus8 vs Oligio ใช้ร่วมกันได้

บริเวณ

แนวทางการใช้ร่วมกัน

เหตุผล

กรอบหน้า / เหนียง

Morpheus8 ช่วยลดไขมัน, Oligio กระชับผิวภายนอก

เพิ่มความตึงผิว

ใต้ตา

Oligio เป็นหลัก, Morpheus8 ใช้เฉพาะจุดด้วยพลังงานต่ำ

เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนอย่างปลอดภัย

ลำคอ

Morpheus8 บริเวณแนวกราม, Oligio ทั่วลำคอ

เสริมผลลัพธ์ทั้งแนวกรอบหน้าและความตึงของผิว

หน้าผาก / หว่างคิ้ว

ใช้ Oligio, Morpheus8 ใช้เฉพาะจุดที่มีรอยลึก

เพิ่มประสิทธิภาพการลดริ้วรอยจุดลึกโดยไม่เสี่ยงต่อผิวบาง

Morpheus8 vs Oligio ใช้คู่กันได้ไหม
Morpheus8 vs Oligio สามารถใช้คู่กันได้ และในบางกรณี "ควรใช้ร่วมกัน" เพื่อผลลัพธ์ที่ออกมาชัดเจน
Morpheus8 vs Oligio แม้จะเป็นเทคโนโลยีคนละแบบ ใช้หลักการต่างกัน แต่เมื่อใช้ร่วมกันอย่างถูกวิธีภายใต้การวางแผนของแพทย์ จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการยกกระชับและฟื้นฟูผิวได้ลึกถึงหลายระดับ ทั้งในแง่ของโครงสร้างผิวภายในและผิวชั้นบน

ทำไม Morpheus8 vs Oligio ถึงใช้คู่กันได้
Morpheus8 vs Oligio มีหลักการทำงานที่เสริมกัน
Morpheus8 ใช้เข็มส่งพลังงาน RF ลงลึกถึงชั้นหนังแท้และชั้นไขมัน เหมาะกับปัญหาไขมันสะสม ผิวหย่อนคล้อย และรูขุมขนกว้าง
Oligio ใช้คลื่น RF แบบไม่ใช้เข็ม ส่งพลังงานผ่านผิวลงสู่ชั้นหนังแท้ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูความตึงผิวอย่างอ่อนโยน

Morpheus8 vs Oligio เมื่อใช้ร่วมกัน จึงช่วยแก้ปัญหาได้ทั้ง “ลึก” และ “ผิวเผิน” ไปพร้อมกัน

Morpheus8 vs Oligio ใช้ควบคู่กับหัตถการอะไรได้บ้าง
หัตถการที่ Morpheus8 vs Oligio สามารถทำเสริมกันไปได้

Botox
ช่วยเก็บริ้วรอยเฉพาะจุด เช่น หน้าผาก หางตา เสริมความเรียบตึงร่วมกับการยกกระชับผิวจาก Morpheus8

Filler
เติมเต็มบริเวณที่ขาดวอลุ่ม เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา เสริมผลลัพธ์หลังยกกระชับให้ใบหน้าดูอิ่มฟูสมดุล

เลเซอร์หน้าใส (เช่น Pico, IPL)
ทำห่างจากวันทำ Morpheus8 ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส ลดจุดด่างดำ ควบคู่กับการกระชับรูขุมขน

Morpheus8 vs Oligio ต้องทำกี่ครั้ง
Morpheus8 ต้องทำกี่ครั้ง
จำนวนครั้ง
1-3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและจุดประสงค์ในการรักษา

เว้นระยะ
ทุก 4-6 สัปดาห์ต่อครั้ง หากต้องการทำซ้ำ

ผลลัพธ์
• เห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ภายใน 1-3 เดือนหลังทำ
• อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน

เหมาะกับ
ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ไขมันสะสม หรือรูขุมขนกว้าง ต้องการผลลัพธ์ลึกและชัดเจน

Oligio ต้องทำกี่ครั้ง
จำนวนครั้ง
ทำปีละ 1 ครั้งก็เห็นผล หรือทำทุก 6 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์

เว้นระยะ
สามารถทำได้ต่อเนื่อง ไม่ต้องพักฟื้น

ผลลัพธ์
• เห็นผลทันทีบางส่วน และดีขึ้นเรื่อยๆ ภายใน 1-2 เดือน
• ผลอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือนเช่นกัน

เหมาะกับ
ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อน ริ้วรอยตื้น ไม่อยากเจ็บหรือไม่มีเวลาพักฟื้น

Morpheus8 vs Oligio เห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังทำเมื่อไหร่
ตารางเปรียบเทียบ Morpheus8 vs Oligio

รายละเอียด

Morpheus8

Oligio

หลังทำทันที

ผิวรู้สึกตึงเล็กน้อย

ผิวตึงขึ้นเล็กน้อยจากคอลลาเจนหดตัว

เริ่มเห็นผลชัดเจน

ภายใน 3-4 สัปดาห์

ภายใน 2-4 สัปดาห์

เห็นผลเต็มที่

ช่วง 6-12 สัปดาห์ (1.5-3 เดือน)

ประมาณ 1-2 เดือน

ลักษณะผลลัพธ์

ยกกระชับลึก ปรับรูปหน้า ลดไขมัน

ผิวแน่น ตึง เรียบเนียนแบบธรรมชาติ

ความต่อเนื่องของผลลัพธ์

อยู่ได้ 6-12 เดือน ขึ้นกับจำนวนครั้ง

อยู่ได้ 6-12 เดือน อาจทำปีละ 1-2 ครั้ง

เหมาะกับใคร

คนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงชัดเจน

คนที่ต้องการฟื้นฟูผิวแบบอ่อนโยน

Morpheus8 vs Oligio ราคาเท่าไหร่
ค่าบริการของ Morpheus8 vs Oligio แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยหลักๆ มาจากเทคโนโลยีที่ใช้ บริเวณที่ทำการรักษา และผลลัพธ์ที่ได้
Oligio ถือว่าเป็นตัวเลือกที่เข้าถึงง่ายกว่าในแง่ของราคา เริ่มต้นประมาณ 5,000 บาท ต่อ 100 ช็อต ซึ่งสามารถปรับเพิ่มตามพื้นที่ที่ทำหรือจำนวนช็อตที่ใช้จริง
Morpheus8 มีราคาสูงกว่า เนื่องจากเป็นหัตถการที่ใช้เข็มพิเศษลงลึกถึงชั้นไขมันและให้ผลชัดเจนกว่า โดยราคาจะอยู่ที่ประมาณ 50,000 - 60,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับบริเวณที่รักษา
อย่างไรก็ตาม Morpheus8 vs Oligio ทั้งสองโปรแกรมมีช่วงราคาที่ ปรับได้ ตามสภาพผิว ปัญหาที่ต้องการแก้ไข และแนวทางการรักษาที่แพทย์วางแผนให้กับแต่ละคน

Morpheus8 vs Oligio อันตรายไหม
แม้ Morpheus8 vs Oligio จะใช้คนละเทคโนโลยี (Morpheus8 ใช้เข็ม, Oligio ไม่ใช้เข็ม) แต่ทั้งสองระบบถูกออกแบบมาให้ ไม่เป็นอันตรายต่อผิวและร่างกาย โดยเฉพาะเมื่อดำเนินการโดยแพทย์มีประสบการณ์

1.ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดมยาสลบ
• เป็นหัตถการแบบ non-invasive หรือ minimally invasive
• ไม่มีการเปิดแผลใหญ่หรือใช้ยาสลบ จึงลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหรือภาวะแทรกซ้อน

2.ควบคุมพลังงานได้
• มีระบบวัดพลังงานและความลึกของการส่งคลื่นความร้อนอย่างแม่นยำ
• ลดโอกาสเกิดการไหม้หรือบาดเจ็บต่อชั้นผิวที่ไม่ต้องการ

3.มีผลข้างเคียงน้อย และหายได้เอง
• อาการที่พบ เช่น แดงเล็กน้อย บวมชั่วคราว หรือผิวรู้สึกตึง มักเกิดขึ้นชั่วคราวและหายภายใน 1-3 วัน
• ไม่ต้องพักฟื้นนาน ผู้รับบริการสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

ก่อนทำ Morpheus8 vs Oligio ต้องเตรียมตัวอย่างไร
• หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด อย่างน้อย 3 วันก่อนทำ
• งดใช้ครีมผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, BHA, Retinol ประมาณ 5-7 วัน
• งดทำเลเซอร์หรือแวกซ์ บริเวณที่จะทำภายใน 1 สัปดาห์ก่อนการรักษา
• ล้างหน้าให้สะอาด ก่อนเข้ารับบริการ งดแต่งหน้า/ทาครีมในวันทำ
• แจ้งแพทย์ หากมีโรคประจำตัว ผิวแพ้ง่าย หรือเคยมีอาการแพ้เครื่องมือ
• งดทำบริเวณที่มีแผลเปิด สิวอักเสบ หรือผิวติดเชื้อ
• พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมรับพลังงาน

หลังทำ Morpheus8 vs Oligio ต้องดูแลตัวเองอย่างไร
• หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด อย่างน้อย 5-7 วัน และควรทาครีมกันแดด SPF 50+ เป็นประจำ
• งดแต่งหน้า หรือใช้เครื่องสำอางบริเวณที่ทำหัตถการภายใน 24 ชั่วโมงแรก
• งดใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, BHA, Retinol อย่างน้อย 5-7 วัน
• งดการขัดหน้า นวดหน้า หรือทำเลเซอร์อื่นๆ ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
• เน้นบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อเติมความชุ่มชื้นและลดการระคายเคือง
• ดื่มน้ำมากๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูของผิว
• หากมีอาการบวม แดง หรืออุ่นผิว เป็นเรื่องปกติ สามารถประคบเย็นได้เบาๆ ใน 1-2 วันแรก

ถ้าต้องเลือกทำระหว่าง Morpheus8 vs Oligio เราต้องเลือกอะไรดี
การเลือกหัตถการที่เหมาะกับตัวเอง ขึ้นอยู่กับ “ปัญหาผิวหลักที่ต้องการแก้” และ “ระดับผลลัพธ์ที่ต้องการเห็น” ซึ่งทั้ง Morpheus8 vs Oligio ต่างมีจุดเด่นเฉพาะตัว และเหมาะกับคนละกลุ่มเป้าหมาย ดังนี้

เลือก Morpheus8 ถ้า
• มี ผิวหย่อนคล้อยชัดเจน เช่น กรอบหน้าไม่คม แก้มล่างตก เหนียงเริ่มมา
• มี ไขมันสะสมเฉพาะจุด เช่น แก้ม คาง ที่ต้องการรีดออกร่วมกับการยกกระชับ
• ต้องการ ฟื้นฟูรูขุมขน หลุมสิว ริ้วรอยลึก และผิวไม่เรียบเนียน
• ต้องการผลลัพธ์ที่ ลึก ชัดเจน และเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผิว
• ยอมรับได้กับเข็มเล็กๆ และการพักฟื้นเล็กน้อย (รอยแดง รอยสะเก็ดชั่วคราว)

สรุป เหมาะกับผู้ที่ต้องการ “ยกกระชับแบบจริงจัง” เห็นผลลึกและค่อนข้างชัดเจนในเรื่องรูปหน้า

เลือก Oligio ถ้า
• มี ผิวเริ่มหย่อนคล้อยเล็กน้อย หรือริ้วรอยตื้นๆ ที่ยังไม่รุนแรง
• อยาก กระชับผิวแบบเบาๆ ไม่ต้องพักฟื้น
• ผิวบอบบาง กลัวเข็ม หรือเคยแพ้หัตถการรุกล้ำอื่นๆ
• ต้องการผลลัพธ์แบบ ดูดีขึ้นเรื่อยๆ เหมาะกับคนเริ่มดูแลผิวในวัย 25-40 ปี
• อยาก ดูแลผิวแบบต่อเนื่อง ทำซ้ำได้ทุก 6 เดือน-1 ปี

สรุป เหมาะกับผู้ที่ต้องการ “ยกกระชับอย่างอ่อนโยน” โดย ไม่พักฟื้น เหมาะกับคนกลัวเข็มหรือมือใหม่

สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับ Morpheus8 vs Oligio
ทั้ง Morpheus8 vs Oligio ต่างเป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ไม่เป็นอันตราย เห็นผล และได้รับการยอมรับในเรื่องของการยกกระชับปรับรุปหน้า
Morpheus8 vs Oligio แต่ละแบบมีจุดเด่นเฉพาะตัว เหมาะกับปัญหาผิวที่แตกต่างกัน

Morpheus8 เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมาก มีไขมันสะสม รูขุมขนกว้าง หรือหลุมสิว ต้องการผลลัพธ์ที่ลงลึกและชัดเจน
Oligio เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนเล็กน้อย ริ้วรอยตื้น ผิวบอบบาง หรือกลัวเข็ม ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยนโดยไม่ต้องพักฟื้น

ในบางเคสสามารถ ใช้ร่วมกัน เพื่อเสริมผลลัพธ์ทั้งในระดับผิวลึกและผิวชั้นบนได้อย่างเติมเต็ม

การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมควรอยู่ภายใต้การประเมินของแพทย์ เพราะผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และการเลือกเทคโนโลยีที่ใช่ คือกุญแจสำคัญสู่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราเอง

คำถามยอดฮิตของ Morpheus8 vs Oligio
1.Morpheus8 vs Oligio ต่างกันอย่างไร ?
ตอบ
Morpheus8 ใช้เข็มส่งพลังงาน RF ลงลึกถึงชั้นไขมัน เหมาะกับผิวหย่อนคล้อยมากและต้องการปรับรูปหน้า ส่วน Oligio ไม่ใช้เข็ม ใช้พลังงาน RF แบบอ่อนโยนเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ เหมาะกับผิวเริ่มหย่อนเล็กน้อยและไม่ต้องการพักฟื้น

2.ทำ Morpheus8 vs Oligio อย่างไหนเจ็บกว่ากัน ?
ตอบ
Morpheus8 จะรู้สึกเจ็บกว่าขณะทำ เพราะใช้เข็มลงลึกถึงผิวชั้นใน แต่มีการทายาชาช่วยลดความรู้สึก ส่วน Oligio เป็นหัตถการแบบไม่ใช้เข็ม ให้ความรู้สึกอุ่นๆ บนผิว จึงเจ็บน้อยกว่าและสบายกว่าระหว่างทำ

3.Morpheus8 vs Oligio ทำแล้วเห็นผลเมื่อไหร่ ?
ตอบ
Morpheus8 เห็นผลชัดใน 1-3 เดือนหลังทำ และคงผลได้ 6-12 เดือน
Oligio เริ่มเห็นผลใน 2-4 สัปดาห์ และคงผลได้นาน 6-12 เดือนเช่นกัน

4.Morpheus8 vs Oligioต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล ?
ตอบ
Morpheus8 แนะนำ 1-3 ครั้ง ขึ้นกับปัญหาผิว
Oligio สามารถทำปีละ 1-2 ครั้ง หรือทุก 6 เดือน เพื่อคงผลลัพธ์

5.สามารถทำ Morpheus8 vs Oligio ควบคู่กันได้ไหม?
ตอบ
ได้ค่ะ ทั้งสองเทคโนโลยีสามารถทำร่วมกันได้แบบไม่เป็นอันตราย โดย Morpheus8 ฟื้นฟูผิวลึก ส่วน Oligio ช่วยเก็บรายละเอียดผิวด้านบน ทำให้ผลลัพธ์ดูเติมเต็ม

* ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
* ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง*
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ
ปรึกษาฟรี พร้อมรับ โปรโมชั่นพิเศษ ก่อนใคร
โปรโมชั่นต่างๆ
เรื่อง โปรแกรม Morpheus ที่คุณอาจสนใจ