romrawin

Morpheus8 vs Ultraformer MPT เหมาะกับใคร แตกต่างกันยังไง

Morpheus8 vs Ultraformer MPT

Morpheus8 vs Ultraformer MPT เหมาะกับใคร แตกต่างกันยังไง
ปัจจุบันมีหลายหัตถการความงามที่สามารถยกกระชับปรับรูปหน้าได้โดยไม่ต้องผ่าตัด เทคโนโลยีด้านผิวพรรณจึงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการดูแลตัวเอง โดยเฉพาะเทคโนโลยียกกระชับผิวยอดนิยมอย่าง Morpheus8 vs Ultraformer MPT ซึ่งกลายเป็นตัวเลือกของหลายคนที่กำลังมองหาวิธียกกระชับปรับรูปหน้า โดยไม่ต้องเจ็บตัวหรือพักฟื้นนาน

เมื่อเปรียบเทียบ Morpheus8 vs Ultraformer MPT ทั้งสองเทคโนโลยีต่างมีหลักการทำงาน จุดเด่น และข้อจำกัดที่แตกต่างกัน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ Morpheus8 vs Ultraformer MPT ในหลากหลายด้านที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ

เหตุผลที่คนสนใจทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT
การเปรียบเทียบความน่าสนใจระหว่าง Morpheus8 vs Ultraformer MPT ถือเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงอย่างมากในวงการความงาม เนื่องจากทั้งสองเทคโนโลยีเป็นเครื่องยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่มีจุดเด่นและจุดต่างที่ชัดเจน ซึ่งดึงดูดความสนใจของหลายคนได้แตกต่างกันไป

1.Morpheus8 vs Ultraformer MPT ยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด
Morpheus8 vs Ultraformer MPT เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยยกกระชับผิวโดยไม่ต้องใช้มีดผ่าตัด ไม่ต้องเจ็บตัวมาก ไม่ต้องพักฟื้นนาน จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้า แต่ยังไม่พร้อมสำหรับการผ่าตัด

2.Morpheus8 vs Ultraformer MPT ตอบโจทย์ปัญหาผิวหลายมิติ
• Morpheus8 เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวหยาบกร้าน มีรอยแผลเป็นจากสิว หรือริ้วรอยตื้น ๆ
• Ultraformer MPT เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้า ลดเหนียง และกระตุ้นผิวชั้นลึกถึง SMAS

3.Morpheus8 vs Ultraformer MPT เทคโนโลยียกกระชับใหม่ล่าสุด
Morpheus8 vs Ultraformer MPT ได้รับการพัฒนาจากนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัย

• Morpheus8 ผสานคลื่นวิทยุ RF กับ microneedling ช่วยให้พลังงานลงสู่ชั้นผิวได้ลึกและตรงจุด
• Ultraformer MPT ใช้ HIFU แบบ Multi Pulse ที่มีความแม่นยำในการโฟกัสพลังงาน ทำให้เจ็บน้อยและเห็นผลเร็วกว่า HIFU รุ่นเก่า

4.Morpheus8 vs Ultraformer MPT เห็นผลภายในระยะเวลา 1-3 เดือน
Morpheus8 vs Ultraformer MPT ให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ในช่วง 1-3 เดือนแรก และสามารถอยู่ได้นาน 6 เดือนถึง 1 ปี โดยไม่ต้องทำบ่อย หากเปรียบเทียบกับทรีตเมนต์ทั่วไปที่ต้องทำทุกสัปดาห์/เดือน

5.Morpheus8 vs Ultraformer MPT เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่
คนยุคปัจจุบันต้องการความสวยแบบไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังทำ ทั้ง Morpheus8 vs Ultraformer MPT จึงตอบโจทย์ เพราะไม่มีรอยแผล ไม่มีการพักฟื้นนาน และสามารถแต่งหน้าได้ภายใน 1-2 วัน (ในกรณีทำ Morpheus8)

หลักการทำงานของ Morpheus8 vs Ultraformer MPT
การเปรียบเทียบ หลักการทำงานของ Morpheus8 vs Ultraformer MPT ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจว่าเครื่องมือทั้งสองนี้เหมาะกับปัญหาผิวแบบใด แตกต่างกันอย่างไร และส่งผลต่อผลลัพธ์ที่ได้รับอย่างไรบ้าง ดังนี้

หลักการทำงานของ Morpheus8
Morpheus8 เทคโนโลยีที่ใช้คือ Microneedling + Fractional RF (Radiofrequency) สามารถปรับความลึกของเข็มได้หลากหลาย ตั้งแต่ 0.5-4 มิลลิเมตร พลังงานลงได้ลึกกว่าการทำ microneedling ทั่วไป เพราะสามารถเข้าได้ถึงชั้นไขมัน เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง หลุมสิว ผิวไม่เรียบ และต้องการความยืดหยุ่นของผิวที่ดีขึ้น

Morpheus8 ผสานการทำงานของ 2 เทคโนโลยีหลัก คือ
• Microneedling ใช้เข็มขนาดเล็กจำนวนมากเจาะลงในชั้นผิวลึกถึงชั้นหนังแท้ (dermis) และบางบริเวณอาจลงลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิว (subdermal layer) เพื่อเปิดช่องทางนำพลังงาน
• คลื่นความถี่วิทยุ (RF) ปล่อยพลังงานผ่านเข็มที่เจาะลงไป ทำให้เกิดความร้อนในเนื้อเยื่อ กระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนและการสร้างคอลลาเจนใหม่

หลักการทำงานของ Ultraformer MPT
Ultraformer MPT เทคโนโลยีที่ใช้คือ MMFU (Micro & Macro Focused Ultrasound) พลังงานลงลึกได้ถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่ศัลยแพทย์ใช้ผ่าตัดดึงหน้า ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่มีรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น หัวพลังงานมีหลายระดับความลึก เช่น 2.0, 3.0, 4.5 และสูงสุดถึง 6.0 มิลลิเมตร

Ultraformer MPT ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงแบบโฟกัส (Focused Ultrasound) โดยมี 2 ขนาดพลังงานในเครื่องเดียว ได้แก่
• Micro Focused Ultrasound (MFU) สำหรับชั้นผิวตื้น เช่น ชั้นหนังแท้
• Macro Focused Ultrasound (MFU) สำหรับชั้นผิวลึก เช่น ชั้น SMAS (ชั้นพังผืดกล้ามเนื้อ)

คลื่นเสียงจะถูกโฟกัสให้เป็นจุดความร้อนเล็ก ๆ และแม่นยำ แล้วส่งผ่านชั้นผิวหนังโดยไม่ทำลายผิวด้านบนลงไปยังกึ่งกลางของชั้น SMAS เพื่อให้เนื้อเยื่อเกิดการหดตัว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่

จุดเด่นของ Morpheus8 vs Ultraformer MPT
ในปัจจุบันเทคโนโลยียกกระชับผิวแบบไม่ต้องผ่าตัดได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะ Morpheus8 vs Ultraformer MPT ซึ่งต่างก็เป็นนวัตกรรมที่ให้ผลลัพธ์ในด้านการยกกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย และฟื้นฟูความกระจ่างใสได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ละเทคโนโลยีมีจุดเด่นเฉพาะตัวที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวแตกต่างกัน มาดูกันว่าทั้งสองเทคโนโลยีนี้มีจุดเด่นอะไรบ้าง

จุดเด่นของ Morpheus8
• ผสานพลังงาน RF กับ Microneedling ในการรักษา ช่วยส่งพลังงานลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวได้อย่างแม่นยำ เหมาะสำหรับปัญหาริ้วรอย รูขุมขนกว้าง และผิวไม่เรียบ
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ลึกถึงใต้ผิว พลังงาน RF ที่ปล่อยผ่านปลายเข็มจะกระตุ้นการจัดเรียงคอลลาเจนใหม่ ส่งผลให้ผิวแน่น เรียบเนียน
• ปรับความลึกของเข็มได้ตามปัญหาผิว สามารถปรับระดับเข็มได้ตั้งแต่ 0.5 - 7 มม.เพื่อความเหมาะสมกับแต่ละบริเวณของใบหน้าและร่างกาย
• เห็นผลดีในเรื่องรูขุมขน รอยสิว และผิวไม่เรียบ ช่วยลดปัญหารูขุมขนกว้าง รอยแผลเป็น และผิวหมองคล้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
• ใช้ได้กับหลายบริเวณของร่างกาย เช่น ใบหน้า คอ ใต้ตา หน้าท้อง หรือต้นแขน

จุดเด่นของ Ultraformer MPT
• เทคโนโลยี HIFU รุ่นใหม่ล่าสุด ใช้คลื่นเสียงความเข้มข้นสูงแบบโฟกัส ที่แม่นยำและครอบคลุมหลายระดับชั้นผิว
• ลงลึกถึงชั้น SMAS เป็นชั้นกล้ามเนื้อพังผืดใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นจุดสำคัญของการยกกระชับอย่างแท้จริง
• ไม่ต้องลงเข็ม ไม่ต้องพักฟื้น ทำเสร็จสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที เหมาะกับผู้ที่ไม่สะดวกพักฟื้นหรือกลัวเข็ม
• ให้ผลลัพธ์การยกกระชับเห็นชัดในเวลาอันสั้น ใบหน้าดูยกกระชับขึ้นภายใน 1-2 เดือน และผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
• ใช้ได้ทั้งใบหน้าและร่างกาย เช่น กรอบหน้า ใต้คาง คอ หน้าท้อง ต้นแขน

ข้อจำกัดของ Morpheus8 vs Ultraformer MPT
แม้ว่า Morpheus8 vs Ultraformer MPT จะเป็นเทคโนโลยียกกระชับที่ได้ผลดี แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ควรพิจารณาก่อนเข้ารับการรักษา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความคาดหวังมากที่สุด

ข้อจำกัดของ Morpheus8
• มีการลงเข็ม จึงต้องใช้ยาชา การรักษาจะเจ็บปวดในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในบริเวณผิวบาง เช่น ใต้ตา หรือคอ จำเป็นต้องทายาชาก่อนทำ
• อาจมีรอยแดงหรือสะเก็ดหลังทำ ผิวอาจมีรอยเข็มเล็ก ๆ แดง หรือรู้สึกตึงร้อนหลังทำประมาณ 1-3 วัน บางรายอาจเกิดสะเก็ดเล็กน้อย
• ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเลือดออกง่ายหรือแผลหายช้า เช่น ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือมีประวัติเคลื่อนตัวของคอลลาเจน
• ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับชั้นลึก (SMAS) เพราะพลังงาน RF ไม่ลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อพังผืดเท่ากับ HIFU

ข้อจำกัดของ Ultraformer MPT
• ไม่ตอบโจทย์ปัญหารูขุมขนกว้างหรือผิวไม่เรียบ พลังงานของ HIFU มุ่งเน้นไปที่การยกกระชับ ไม่ได้ช่วยในเรื่องพื้นผิวผิวหน้าเท่ากับ Morpheus8
• รู้สึกเจ็บจี๊ดในบางบริเวณ แม้ไม่มีการลงเข็ม แต่คลื่นอัลตราซาวด์อาจทำให้รู้สึกปวดเสียวหรือร้อนจี๊ด โดยเฉพาะบริเวณที่กระดูกอยู่ใกล้ผิว
• ผลลัพธ์จะค่อย ๆ เห็นชัดใน 1-2 เดือน ต่างจากบางเทคโนโลยีที่เห็นผลเร็ว Ultraformer ต้องใช้เวลาให้คอลลาเจนค่อย ๆ ฟื้นตัวและหดตัว
• ผู้ที่มีไขมันใบหน้าหนาอาจต้องทำหลายจุดหรือหลายรอบ หากต้องการผลลัพธ์ชัดเจนในบริเวณที่มีไขมันมาก เช่น แก้มล่างหรือเหนียง อาจต้องใช้หัวหลายขนาดและหลายระดับพลังงาน
• ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบประสาทบริเวณใบหน้า เช่น ประวัติหน้าเบี้ยวจากเส้นประสาทอ่อนแรง เพราะคลื่นอัลตราซาวด์มีผลต่อชั้นกล้ามเนื้อพังผืด

Morpheus8 vs Ultraformer MPT ควรทำกี่ครั้งถึงเห็นผล
เทคโนโลยี Morpheus8 vs Ultraformer MPT ต่างก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีในด้านการยกกระชับผิวและฟื้นฟูคอลลาเจน แต่การเห็นผลเร็วหรือช้ารวมถึงจำนวนครั้งที่ควรทำ อาจแตกต่างกันไปตามสภาพผิวของแต่ละบุคคล

Morpheus8 ควรทำกี่ครั้งถึงเห็นผล
• เห็นผลเบื้องต้นภายใน 1-2 สัปดาห์แรก หลังทำผิวจะเริ่มรู้สึกเรียบตึงขึ้น ผิวแน่นขึ้น และรูขุมขนดูเล็กลง โดยเฉพาะในกรณีที่มีปัญหาผิวไม่เรียบหรือหลุมสิว
• ผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 4-6 สัปดาห์ คอลลาเจนใหม่เริ่มสร้างเต็มที่ ผิวดูยืดหยุ่นและกระจ่างใสมากขึ้น
• แนะนำจำนวนครั้งที่เหมาะสม ทำ 3 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 4-6 สัปดาห์ สำหรับผลลัพธ์ที่ดี หากเป็นการฟื้นฟูผิวทั่วไป อาจทำเพียง 1-2 ครั้ง ต่อปีเพื่อคงผลลัพธ์
• ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวและอายุ

Ultraformer MPT ควรทำกี่ครั้งถึงเห็นผล
• เห็นผลเบื้องต้นทันทีหลังทำ ผิวจะรู้สึกตึงกระชับขึ้นเล็กน้อยหลังทำเสร็จ และผลจะชัดเจนมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
• ผลลัพธ์เต็มที่ภายใน 2-3 เดือน คอลลาเจนและอีลาสตินเริ่มจัดเรียงใหม่ ทำให้ผิวยกกระชับ หน้าเรียว และกรอบหน้าชัดเจนขึ้น
• แนะนำจำนวนครั้งที่เหมาะสม ทำ 1 ครั้งต่อปี สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลรักษาสภาพผิว หากมีผิวหย่อนคล้อยมาก อาจเริ่มที่ 2 ครั้งต่อปี โดยเว้นระยะห่างกันประมาณ 6 เดือน
• ผลลัพธ์อยู่ได้นาน เฉลี่ย 9-12 เดือน โดยขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และการดูแลหลังทำ

Morpheus8 vs Ultraformer MPT ต้องยิงกี่ช็อต
จำนวน “ช็อต” หรือ “พลังงานที่ปล่อยลงบนผิว” ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการยกกระชับปรับรูปหน้า ด้วยเครื่อง Morpheus8 vs Ultraformer MPT เพราะจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของผลลัพธ์ที่ได้หลังทำ ซึ่งจำนวนช็อตที่ใช้จริงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ และปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข

Morpheus8 ต้องยิงกี่ช็อต
จำนวนช็อตโดยประมาณ
• ใบหน้าเต็มหน้า ประมาณ 300-600 ช็อต
• ใต้ตา แก้ม หรือกรอบหน้าเฉพาะจุด 100-200 ช็อต

Ultraformer MPT ต้องยิงกี่ช็อต
จำนวนช็อตโดยประมาณ
• ใบหน้าเต็มหน้า 300-600 ช็อต
• ใต้คาง 100-200 ช็อต
• กรอบหน้า + แนวกราม 150-300 ช็อต
• หากทำทั้งหน้าและคอร่วมกัน รวมกันแล้วอาจถึง 700-1,000 ช็อต

Morpheus8 vs Ultraformer MPT หลังทำเห็นผลเมื่อไหร่
Morpheus8 vs Ultraformer MPT จะเป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ลักษณะของพลังงานที่ใช้ รวมถึงชั้นผิวที่ทำงาน มีผลต่อระยะเวลาที่จะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้

Morpheus8 เห็นผลเมื่อไหร่หลังทำ
1.ระยะสั้น ภายใน 1-7 วันแรก
• ผิวอาจมีรอยแดงและตึงเล็กน้อย
• เริ่มรู้สึกได้ว่าผิวแน่นขึ้น เนียนขึ้น รูขุมขนกระชับมากขึ้น
• หากมีรอยสิวหรือผิวไม่เรียบ จะเริ่มดูเรียบขึ้น

2.ระยะกลาง 2-4 สัปดาห์
• การสร้างคอลลาเจนใหม่เริ่มเห็นผลชัดขึ้น
• ผิวดูยืดหยุ่นดีขึ้น ริ้วรอยเล็ก ๆ จางลง ผิวกระจ่างใส

3.ระยะเต็มที่ 6-12 สัปดาห์
• เห็นผลชัดเจนในเรื่องผิวเนียนละเอียด เต่งตึง และยกกระชับ
• เหมาะกับคนที่ต้องการแก้ปัญหารูขุมขนกว้าง รอยหลุมสิว และผิวหย่อนคล้อยระดับเบา-ปานกลาง

Ultraformer MPT เห็นผลเมื่อไหร่หลังทำ
1.ระยะสั้น ทันทีหลังทำ
• รู้สึกได้ถึงความตึงของผิวหน้าเล็กน้อย
• ผิวดูเฟิร์มขึ้นเล็กน้อยทันที โดยเฉพาะบริเวณกรอบหน้า ใต้คาง

2.ระยะกลาง 2-4 สัปดาห์
• คอลลาเจนเริ่มฟื้นฟู ทำให้ใบหน้าเริ่มดูเรียวขึ้น
• ความหย่อนคล้อยลดลงเล็กน้อย

3.ระยะเต็มที่ 6-12 สัปดาห์
• เห็นผลชัดเจนเรื่องการยกกระชับ ลดไขมันใต้คาง กรอบหน้าชัดขึ้น
• ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและสามารถอยู่ได้นานถึง 1 ปี

Morpheus8 vs Ultraformer MPT ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน
หนึ่งในคำถามที่หลายคนสงสัยก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการคือ Morpheus8 vs Ultraformer MPT หลังทำแล้วผลลัพธ์อยู่ได้นานเท่าไหร่ ? ซึ่งคำตอบขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ สภาพผิว พฤติกรรมการใช้ชีวิต และการดูแลหลังทำ แต่โดยทั่วไปสามารถสรุปได้ดังนี้

Morpheus8 ภายใน 1-2 เดือนแรก จะเห็นว่าผิวกระชับ เรียบเนียนขึ้น รูขุมขนเล็กลง รอยสิวจางลงอย่างชัดเจน ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน หากดูแลผิวอย่างเหมาะสม เช่น ใช้ครีมบำรุง พักผ่อนเพียงพอ หลีกเลี่ยงแสงแดด ผลลัพธ์อาจอยู่ได้นานกว่านั้น

Ultraformer MPT เห็นผลบางส่วนทันทีหลังทำ และชัดเจนเต็มที่ในช่วง 2-3 เดือน อยู่ได้นานประมาณ 9-12 เดือน ผลลัพธ์จะชัดเจนในเรื่องการยกกระชับใบหน้า ลดเหนียง และทำให้กรอบหน้าชัดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ขณะทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT เจ็บไหม
แม้ว่า Morpheus8 vs Ultraformer MPT จะเป็นทรีตเมนต์ที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่หลายคนกังวลเรื่องความเจ็บขณะทำ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ คนส่วนใหญ่มีความรู้สึกขณะทำดังนี้

Morpheus8 ระดับความรู้สึกขณะทำ เจ็บปานกลางถึงมาก โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวบาง เช่น ใต้ตา หน้าผาก หรือรอบริมฝีปาก จะรู้สึกเหมือนเข็มจิ้มลงผิวแล้วมีความร้อนแทรกเข้าไป โดยความร้อนจากพลังงาน RF จะรู้สึกชัดเจนในบางจุด การเตรียมตัวลดความเจ็บจำเป็นต้องทายาชาเฉพาะที่ก่อนทำ 45-60 นาที ในบางกรณี แพทย์อาจให้ยาชาแบบรับประทานร่วมด้วยสำหรับผู้ที่กลัวเข็มหรือไวต่อความรู้สึก

Ultraformer MPT ระดับความรู้สึกขณะทำ เจ็บน้อยถึงปานกลาง ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและบริเวณที่ทำลักษณะของความเจ็บ คล้ายความรู้สึก “จี๊ด เสียวลึก หรือร้อนจากภายใน” โดยเฉพาะบริเวณที่กระดูกอยู่ใกล้ผิว เช่น ขากรรไกร กรอบหน้า ใต้คาง การเตรียมตัวลดความเจ็บบางรายอาจทายาชาก่อนทำ แต่หลายคนสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้ยาชา ซึ่งพลังงาน MPT รุ่นใหม่พัฒนาให้ปล่อยคลื่นแบบ pulse สั้น ๆ ทำให้ความรู้สึกเจ็บลดลงกว่ารุ่นก่อน

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นของ Morpheus8 vs Ultraformer MPT
แม้ว่า Morpheus8 vs Ultraformer MPT จะเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่หลังทำแล้วอาจเกิดผลข้างเคียงบางอย่างได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาการชั่วคราวที่สามารถหายได้เองในระยะเวลาไม่นาน โดยผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นกับทั้งสองเทคโนโลยี มีดังนี้

1.Morpheus8 vs Ultraformer MPT อาจผิวบวมแดงเล็กน้อยหลังทำ
• บริเวณที่ทำการรักษาอาจเกิดอาการแดง บวม หรือร้อนผิวเล็กน้อย
• มักเกิดขึ้นใน 24 ชั่วโมงแรก และค่อย ๆ ลดลงภายใน 1-3 วัน

2.Morpheus8 vs Ultraformer MPT อาจรู้สึกตึงผิวหรือเสียวลึกภายใน
• อาจมีความรู้สึกตึงหรือเสียวจี๊ดจากภายในชั้นผิว ซึ่งเป็นผลจากการกระตุ้นคอลลาเจนและพลังงานความร้อน

3.Morpheus8 vs Ultraformer MPT อาจมีอาการเจ็บหรือระบมเฉพาะจุด
• โดยเฉพาะบริเวณที่มีไขมันน้อยหรือใกล้กระดูก เช่น กรอบหน้า ใต้ตา ใต้คาง
• ความรู้สึกเจ็บจะลดลงเองภายในไม่กี่วัน

4.Morpheus8 vs Ultraformer MPT อาจมีตุ่มแดง หรือผิวแห้งเป็นสะเก็ด (พบได้ในบางราย)
• โดยเฉพาะในผู้ที่ผิวแพ้ง่ายหรือมีประวัติผิวไวต่อการรักษา
• หากเกิดสะเก็ด ควรหลีกเลี่ยงการแกะเกา และใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ตามคำแนะนำแพทย์

5.Morpheus8 vs Ultraformer MPT อาจมีรอยคล้ำหรือรอยแดงบางจุด (พบได้น้อย)
• อาจเกิดจากการตอบสนองของเส้นเลือดฝอยในผิวหนัง โดยจะค่อย ๆ จางลงใน 1-2 สัปดาห์

6.Morpheus8 vs Ultraformer MPT อาจผิวไวต่อแสงแดดชั่วคราว
• หลังทำผิวจะไวต่อรังสี UV มากขึ้น จึงควรหลีกเลี่ยงแดดแรง และทาครีมกันแดดเป็นประจำ

ใครบ้างที่เหมาะกับการทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT
แม้ว่า Morpheus8 vs Ultraformer MPT จะใช้พลังงานคนละประเภท แต่เป้าหมายของทั้งสองเทคโนโลยีคือการยกกระชับผิว กระตุ้นคอลลาเจน และฟื้นฟูความอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งเหมาะกับกลุ่มคนที่ต้องการดูแลผิวให้ดีขึ้นโดยไม่ต้องพักฟื้น และไม่มีความเสี่ยงสูงจากการทำหัตถการลึก ๆ โดยผู้ที่เหมาะกับการทำมีลักษณะดังนี้

1.Morpheus8 vs Ultraformer MPT เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น ร่องแก้มลึกเล็กน้อย กรอบหน้าไม่ชัด หนังตาตก หรือเหนียงเริ่มปรากฏ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการป้องกันไม่ให้ผิวหย่อนลงไปมากกว่าเดิม
2.Morpheus8 vs Ultraformer MPT เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอย ผิวไม่เรียบ รูขุมขนกว้าง ต้องการฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน กระชับ และดูอ่อนเยาว์ขึ้น เหมาะกับผู้ที่ผิวเริ่มมีสัญญาณของวัย เช่น อายุ 25 ปีขึ้นไป
3.Morpheus8 vs Ultraformer MPT เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ผ่าตัด ไม่ต้องการมีแผล ไม่อยากพักฟื้น และไม่สะดวกกับการทำศัลยกรรมดึงหน้า ชอบวิธีที่ใช้เวลาไม่นานและเห็นผลค่อยเป็นค่อยไป
4.Morpheus8 vs Ultraformer MPT เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวเฉพาะจุด เช่น ใต้ตา แก้มล่าง แนวกราม คอ หรือเหนียง โดยไม่รบกวนผิวบริเวณอื่น
5.Morpheus8 vs Ultraformer MPT เหมาะผู้ที่เคยทำหัตถการอื่นมาแล้ว แต่อยากเพิ่มผลลัพธ์ให้ชัดขึ้น สามารถทำควบคู่กับการฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือเลเซอร์บางชนิดได้ เพื่อยืดผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น
6.Morpheus8 vs Ultraformer MPT เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลผิวเป็นประจำในระยะยาว ไม่ต้องการรอให้ผิวแย่ก่อนค่อยแก้ไข แต่ต้องการดูแลล่วงหน้าในรูปแบบ “anti-aging” อย่างต่อเนื่องปีละ 1-2 ครั้ง

ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT
แม้ว่า Morpheus8 vs Ultraformer MPT จะเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับในด้านการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่เหมาะกับการยกกระชับด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้ หรือควรได้รับการประเมินอย่างรอบคอบโดยแพทย์ก่อนเสมอ

1.Morpheus8 vs Ultraformer MPT ไม่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ไม่แนะนำให้ทำหัตถการที่มีการปล่อยพลังงาน เช่น คลื่นวิทยุ (RF) หรืออัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง (HIFU) แม้ไม่มีผลพิสูจน์ว่าเป็นอันตราย แต่ควรเลี่ยงเพื่อความปลอดภัย
2.Morpheus8 vs Ultraformer MPT ไม่เหมาะกับผู้ที่มีแผลติดเชื้อ ผิวอักเสบ หรือเป็นโรคผิวหนังเฉพาะจุดในบริเวณที่จะทำ เช่น เริม สิวอักเสบรุนแรง ผื่นแพ้ แผลเปิด หรือผิวลอก การทำหัตถการในบริเวณนั้นอาจทำให้อาการแย่ลงหรือเกิดการแพร่กระจายของเชื้อ
3.Morpheus8 vs Ultraformer MPT ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบเลือด หรือเลือดออกง่ายผิดปกติ เช่น ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ อาจเสี่ยงต่อการช้ำ บวม หรือเลือดออกใต้ผิวหนังมากกว่าปกติ
4.Morpheus8 vs Ultraformer MPT ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอุปกรณ์ฝังในร่างกายบริเวณที่ทำการรักษา เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker), โลหะฝังใต้ผิวหนัง หรือรากฟันเทียมในแนวการปล่อยพลังงาน คลื่นพลังงานอาจรบกวนการทำงานของอุปกรณ์ หรือทำให้เกิดความร้อนสะสมที่ผิดปกติ
5.Morpheus8 vs Ultraformer MPT ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติป่วยเป็นโรคระบบประสาทบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับเส้นประสาท เช่น เส้นประสาทใบหน้าอ่อนแรง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจรับบริการ
6.Morpheus8 vs Ultraformer MPT ไม่เหมาะกับผู้ที่เพิ่งทำหัตถการอื่นมาในบริเวณเดียวกัน เช่น การฉีดฟิลเลอร์ การทำเลเซอร์ หรือศัลยกรรมในช่วง 2-4 สัปดาห์ก่อนหน้า ควรรอให้ผิวฟื้นตัวก่อนจึงค่อยทำ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อเนื้อเยื่อผิว

ข้อควรรู้การเตรียมตัวก่อนทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT
เพื่อให้การทำหัตถการด้วย Morpheus8 vs Ultraformer MPT ได้ผลลัพธ์ที่ดี และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง ผู้เข้ารับบริการควรเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างเหมาะสม ดังนี้

1.ก่อนทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT งดเว้นการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวก่อนทำ 3-7 วันเช่น ครีมที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA, Retinol, กรดวิตามิน A การใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจทำให้ผิวบางและไวต่อพลังงานที่ใช้ในการรักษา
2.ก่อนทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT งดแว็กซ์ ขัดผิว หรือเลเซอร์อื่นในบริเวณที่จะทำ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำ เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองผิวหรือรอยแผลที่อาจมีอยู่เดิม
3.ก่อนทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT หากมีโรคประจำตัว ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง เช่น โรคแพ้แสง, โรคเกี่ยวกับเลือด, โรคผิวหนังเรื้อรัง, ประวัติแผลเป็นนูนง่าย เพื่อให้แพทย์พิจารณาความเหมาะสมและความปลอดภัยในการรักษา
4.ก่อนทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT แจ้งแพทย์หากมีการฝังโลหะ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือรากฟันเทียมในบริเวณใกล้เคียง เช่น Pacemaker, รากฟันเทียมบริเวณกราม ฯลฯ เพราะพลังงานที่ปล่อยอาจกระทบต่อการทำงานของอุปกรณ์หรือสะสมความร้อนมากผิดปกติ
5.ก่อนทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT งดการแต่งหน้า / ทาครีมกันแดดก่อนเข้ารับบริการ ควรล้างหน้าให้สะอาด และไม่ทาครีมบำรุงหรือแต่งหน้ามาก่อน เพื่อให้พลังงานเข้าถึงผิวได้อย่างเต็มที่และลดความเสี่ยงต่อการระคายเคือง
6.ก่อนทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT พักผ่อนให้เพียงพอก่อนเข้ารับบริการ เพื่อให้ผิวอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมสำหรับการกระตุ้นคอลลาเจนและฟื้นฟูในชั้นผิว
7.ก่อนทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพราะอาจส่งผลต่อการไหลเวียนโลหิต การฟื้นตัวของผิว และการตอบสนองต่อพลังงานที่ปล่อยลงผิว

ข้อแนะนำการดูแลหลังทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT
การดูแลผิวหลังทำหัตถการเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาชัดเจน และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง Morpheus8 vs Ultraformer MPT แม้จะไม่ใช่การผ่าตัด แต่ก็เป็นการกระตุ้นพลังงานลงสู่ผิวชั้นลึก จึงควรดูแลผิวอย่างเหมาะสมในช่วง 7-14 วันแรก ดังนี้

1.หลังทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 7 วัน หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หรืออยู่กลางแดดจ้า หากจำเป็นต้องออกไปข้างนอก ควรสวมหมวก ป้องกันแสง และทาครีมกันแดด SPF 50 PA+++ ขึ้นไป
2.หลังทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT งดการขัดหน้า สครับผิว หรือทำเลเซอร์อื่นซ้ำ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์หลังทำ เพื่อให้ผิวมีเวลาฟื้นตัว ลดการระคายเคืองและการอักเสบ
3.หลังทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน ควรใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ ชนิดปลอดน้ำหอมหรือสารระคายเคือง เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิว และงดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA, BHA, Retinol, Vitamin C เข้มข้น จนกว่าผิวจะฟื้นตัวดี
4.หลังทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหนักภายใน 24-48 ชั่วโมงแรก หากทำ Morpheus8 ควรรอให้ผิวฟื้นตัวและรอยเข็มหายก่อนแต่งหน้า แต่หากทำ Ultraformer MPT โดยทั่วไปสามารถแต่งหน้าเบา ๆ ได้ในวันรุ่งขึ้น
5.หลังทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ช่วง 3-5 วันหลังทำ เพื่อให้กระบวนการซ่อมแซมและสร้างคอลลาเจนทำงานได้อย่างเต็มที่
6.หลังทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT ดื่มน้ำมาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนและการดื่มน้ำช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูผิวได้ดีขึ้น คอลลาเจนสร้างได้เต็มประสิทธิภาพ
7.หลังทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เช่น อาการบวมมากผิดปกติ แสบร้อนนาน หรือเกิดตุ่มน้ำ ไม่ควรซื้อยาทาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์

Morpheus8 vs Ultraformer MPT สามารถทำคู่กันได้ไหม
คำตอบคือ Morpheus8 vs Ultraformer MPT สามารถทำร่วมกันได้ โดยอยู่ภายใต้การพิจารณาและวางแผนโดยแพทย์ เพราะถึงแม้ Morpheus8 และ Ultraformer MPT จะเป็นเทคโนโลยีที่แตกต่างกันทั้งในด้านพลังงานและกลไกการทำงาน แต่ก็สามารถใช้ร่วมกันได้อย่างเสริมประสิทธิภาพซึ่งกันและกัน หากมีการประเมินและวางแผนในการทำอย่างเหมาะสม

ข้อควรระวัง
• ไม่ควรทำพร้อมกันโดยไม่มีแผนการรักษาที่ออกแบบเฉพาะบุคคล
• ควรเลือกคลินิกที่มีเครื่องแท้ และแพทย์ด้านผิวหนังหรือเวชศาสตร์ความงาม
• หลังทำทั้งสองอย่าง ผิวอาจมีอาการตึง ร้อน หรือบวมเล็กน้อย ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดและแต่งหน้าหนักในช่วง 2-3 วันแรก

ฉีดฟิลเลอร์แล้วทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT ได้ไหม
คำตอบคือ ฉีดฟิลเลอร์แล้วต้องการทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT สามารถทำได้ แต่ต้องเว้นระยะอย่างเหมาะสม แนะนำเว้นระยะห่างหลังฉีดอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ และควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เนื่องจากทั้ง Morpheus8 และ Ultraformer MPT เป็นหัตถการที่ใช้พลังงานลงลึกเข้าสู่ชั้นผิว ซึ่งอาจส่งผลต่อฟิลเลอร์ที่ฉีดไว้ก่อนหน้าได้

ทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT แล้วฉีดโบท็อกซ์ได้ไหม
คำตอบคือ หลังทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT สามารถฉีดโบท็อกซ์ได้ แต่ควรเว้นระยะอย่างน้อย 7-14 วัน หลังทำ Morpheus8 และ 3-7 วัน หลังทำ Ultraformer MPT เพื่อป้องกันผลข้างเคียงและให้โบท็อกซ์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

สรุป Morpheus8 vs Ultraformer MPT เลือกแบบไหนดี
สรุปว่า Morpheus8 vs Ultraformer MPT ต่างก็เป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ในการยกกระชับผิวหน้า ลดเลือนริ้วรอย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ยกกระชับปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด แม้จะใช้พลังงานคนละรูปแบบ แต่ทั้งคู่ล้วนตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่อยากดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน

การเลือกว่าจะทำ Morpheus8 vs Ultraformer MPT จึงขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหาผิว อายุ ไลฟ์สไตล์ และความต้องการเฉพาะของแต่ละคน รวมถึงการวางแผนการรักษาโดยแพทย์ แนะนำปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทำ

* ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
* ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง*
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ
ปรึกษาฟรี พร้อมรับ โปรโมชั่นพิเศษ ก่อนใคร
โปรโมชั่นต่างๆ
เรื่อง โปรแกรม Morpheus ที่คุณอาจสนใจ