Ultraformer MPT vs Oligio ต่างกันอย่างไร เลือกยกกระชับแบบไหนดี
Ultraformer MPT vs Oligio
Ultraformer MPT vs Oligio ต่างกันอย่างไร เลือกยกกระชับแบบไหน
Ultraformer MPT vs Oligio หัตถการยกกระชับเลือกตัวไหนเหมาะกับเราที่สุด
Ultraformer MPT vs Oligio สองเทคโนโลยีนี้ถือเป็นหัตถการที่หลายคนนิยมกันอย่างมากในปัจจุบัน แม้ทั้งสองเทคโนโลยีนี้มีกระบวนการทำงานที่แตกต่างกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือ ทำให้ผิวกระชับ แบบไม่ต้องผ่าตัด เรามาดูกันว่าหลักการทำงานของ 2 เทคโนโลยีนี้เป็นอย่างไร
รวมทุกหัวข้อของ Ultraformer MPT vs Oligio
- Ultraformer MPT vs Oligio คืออะไร
- Ultraformer MPT vs Oligio มีหลักการทำงานอย่างไร
- Ultraformer MPT vs Oligio ต่างกันอย่างไร
- Ultraformer MPT vs Oligio เหมือนกันอย่างไร
- ตารางเปรียบเทียบ Ultraformer MPT vs Oligio แบบชัดเจน
- Ultraformer MPT vs Oligio เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหน
- Ultraformer MPT vs Oligio ใครควรหลีกเลี่ยง
- Ultraformer MPT vs Oligio ทำคู่กันได้หรือไม่
- Ultraformer MPT vs Oligio เจ็บหรือไม่
- Ultraformer MPT vs Oligio ถ้าต้องเลือกควรทำอันไหนดี
- Ultraformer MPT vs Oligio ทำส่วนไหนได้บ้าง
- Ultraformer MPT vs Oligio ใช้คู่กับหัตถการไหนได้บ้าง
- การเตรียมตัวก่อนทำ Ultraformer MPT vs Oligio
- การดูแลตัวเองหลังทำ Ultraformer MPT vs Oligio
- Ultraformer MPT vs Oligio นานแค่ไหนกว่าจะเห็นผลลัพธ์
- Ultraformer MPT vs Oligio ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผลลัพธ์
- ข้อควรระวังในการทำ Ultraformer MPT vs Oligio
- สรุปทุกเรื่องในการทำ Ultraformer MPT vs Oligio
- Q and A ยอดฮิตของ Ultraformer MPT vs Oligio
Ultraformer MPT vs Oligio คืออะไร
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ผิวหน้าของเราก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นความหย่อนคล้อย ริ้วรอย หรือกรอบหน้าที่ไม่ชัดเหมือนเดิม ปัจจุบันการดูแลผิวหน้าให้ตึงกระชับโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ผลลัพธ์ชัดเจน ไม่เป็นอันตรายและไม่ต้องพักฟื้น
ในกลุ่มนี้มีเครื่องมือยอดนิยมสองชนิดที่ถูกพูดถึงอย่างมาก คือ Ultraformer MPT vs Oligio ซึ่งถูกยกให้เป็น “ตัวท็อป” ในสายงานยกกระชับโดยไม่ต้องศัลยกรรม จนทำให้หลายคนสงสัยว่า Ultraformer MPT vs Oligio ต่างกันอย่างไร? เหมาะกับใคร? ใช้ตัวไหนแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากัน?
บทความนี้จะพาไปรู้จักอย่างละเอียดถึง Ultraformer MPT vs Oligio คืออะไร เพื่อให้เราสามารถเลือกวิธีแก้ปัญหาผิวหน้าของเราได้อย่างตรงจุด
เรามาดูกันว่า Ultraformer MPT vs Oligio แต่ละเทคโนโลยีคืออะไร
โปรแกรม Ultraformer MPT คืออะไร ?
Ultraformer MPT เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง (High-Intensity Focused Ultrasound หรือ HIFU) โดยถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนังชั้นลึก โดยเฉพาะบริเวณชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวที่มีความสำคัญต่อความกระชับของใบหน้า
โปรแกรม Oligio คืออะไร ?
Oligio เป็นเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (Radiofrequency หรือ RF) แบบ Monopolar ซึ่งถูกพัฒนาให้สามารถส่งพลังงานลงไปในชั้นหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิว เพื่อกระตุ้นการจัดเรียงตัวของคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่
Ultraformer MPT vs Oligio คือเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อช่วยดูแลปัญหาผิวหย่อนคล้อยโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งมีจุดเด่นและหลักการทำงานแตกต่างกัน เหมาะกับสภาพผิวที่หลากหลาย การเลือกใช้เครื่องมือใดจึงควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของคุณหมอ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายแบบไม่เป็นอันตรายและเหมาะสมที่สุด
Ultraformer MPT vs Oligio มีหลักการทำงานอย่างไร
เรามาดูหลักการทำงานของ Ultraformer MPT vs Oligio กันว่าสองหัตถการนี้แต่ละตัวมีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง
หลักการทำงานโปรแกรม Ultraformer MPT
Ultraformer MPT เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง หรือที่เรียกว่า HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound)
วิธีทำงาน
เครื่องของ Ultraformer MPT จะปล่อยคลื่นเสียงที่มีพลังงานสูงและความแม่นยำลงสู่ใต้ชั้นผิว โดยเฉพาะ ชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่มีผลต่อความหย่อนคล้อย
พลังงานจะก่อให้เกิดจุดความร้อนเล็ก ๆ ใต้ผิวหนัง ซึ่งร่างกายจะตอบสนองโดยการกระตุ้น การสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่
เทคโนโลยี Micro Pulsed Technology (MPT) ช่วยให้การปล่อยพลังงานตรงกับบริเวณที่มีปัญหามากขึ้น และลดความรู้สึกไม่สบายขณะทำ
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในระดับผิว
• ผิวบริเวณที่ได้รับพลังงานอาจรู้สึกตึงขึ้นทันทีบางส่วน
• การสร้างคอลลาเจนเป็นกระบวนการตามธรรมชาติซึ่งอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์
• ไม่มีบาดแผล และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
หลักการทำงานโปรแกรม Oligio
Oligio เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับที่ใช้ คลื่นวิทยุความถี่สูงแบบ Monopolar Radiofrequency (RF)
วิธีทำงาน
พลังงาน RF จะถูกส่งลงไปในชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง เพื่อทำให้เกิดความร้อนในระดับที่ควบคุมได้
ความร้อนนี้จะกระตุ้นการจัดเรียงตัวใหม่ของ เส้นใยคอลลาเจน และอีลาสติน รวมถึงกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้นในระยะเวลาหนึ่ง
เครื่องมีระบบควบคุมอุณหภูมิอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวชั้นบนไม่เสียหาย
จุดเด่น
• ให้ความรู้สึกอุ่นขณะทำ โดยไม่เกิดบาดแผล
• เหมาะกับผู้ที่มีผิวบาง หรือมีปัญหาเรื่องความรู้สึกไว
• ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ต่อเนื่อง
Ultraformer MPT vs Oligio ต่างกันอย่างไร
แม้ทั้ง Ultraformer MPT vs Oligio จะเป็นเทคโนโลยีที่มีจุดประสงค์ที่คล้ายกัน คือช่วยดูแลความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว แต่ในรายละเอียดด้านกลไกการทำงาน ระดับชั้นผิวที่ตอบสนอง และประสบการณ์ระหว่างทำ Ultraformer MPT vs Oligio มีความแตกต่างกันที่ชัดเจนดังนี้
1.Ultraformer MPT vs Oligio มีพลังงานที่ใช้ต่างกัน
Ultraformer MPT ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงแบบโฟกัส หรือ HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ซึ่งสามารถส่งพลังงานลงลึกไปถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อที่อยู่ลึกใต้ผิวหนัง เป็นบริเวณที่เกี่ยวข้องกับความกระชับของใบหน้า
ในขณะที่ Oligio ใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบ Monopolar RF (Radiofrequency) ซึ่งทำงานในระดับผิวชั้นกลางถึงชั้นไขมันใต้ผิว โดยช่วยกระตุ้นให้คอลลาเจนเกิดการจัดเรียงใหม่อย่างอ่อนโยน
2.Ultraformer MPT vs Oligio มีระดับชั้นผิวที่ตอบสนองไม่เท่ากัน
Ultraformer MPT เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยในระดับที่ต้องดูแลลึกถึงโครงสร้างผิว เช่น ผู้ที่เริ่มมีแนวกรอบหน้าไม่ชัด หรือเริ่มมีเหนียง
ส่วน Oligio เหมาะกับการดูแลผิวที่ยังไม่หย่อนคล้อยมาก หรือผู้ที่ต้องการเพิ่มความยืดหยุ่นและความกระชับในระดับเบา เช่น ผิวเริ่มหย่อนเล็กน้อย หรือเริ่มมีริ้วรอยบางจุด
3.Ultraformer MPT vs Oligio มีความรู้สึกขณะทำแตกต่างกัน
การทำ Ultraformer MPT อาจรู้สึกตึงหรือจี๊ดเล็กน้อยตามบริเวณที่ผิวบาง ซึ่งเป็นเรื่องปกติจากพลังงานที่ลงลึก แต่ไม่ได้ส่งผลให้เกิดบาดแผลหรือพักฟื้น
ขณะที่ Oligio ให้ความรู้สึกอุ่นสบายตลอดการทำงาน เนื่องจากมีระบบควบคุมอุณหภูมิ ทำให้หลายคนรู้สึกผ่อนคลายมากกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่เคยทำหัตถการมาก่อนหรือกลัวเจ็บมากๆ
4.Ultraformer MPT vs Oligio มีผลลัพธ์แตกต่างกัน
Ultraformer MPT มุ่งเน้นการกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นลึก ซึ่งต้องใช้เวลาให้ร่างกายฟื้นฟูตามปกติ การเปลี่ยนแปลงจึงค่อยเป็นค่อยไปภายใน 1-3 เดือน
Oligio อาจทำให้รู้สึกว่าผิวตึงขึ้นทันทีบางส่วน และจะเห็นผลชัดขึ้นในระยะสั้นถึงปานกลางตามการตอบสนองของร่างกาย
Ultraformer MPT vs Oligio เหมือนกันอย่างไร
แม้ว่าหัตถการ Ultraformer MPT vs Oligio จะเป็นเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีคนละประเภท (HIFU กับ RF) และมีกลไกการทำงานต่างกันในรายละเอียด แต่ทั้ง Ultraformer MPT vs Oligio ก็มี "จุดร่วม" หลายอย่างที่ทำให้ได้รับความนิยม เพราะตอบโจทย์การดูแลผิวที่เน้นไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น
ต่อไปนี้คือ ความเหมือนกัน ของ Ultraformer MPT vs Oligio ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจใช้บริการ
1.Ultraformer MPT vs Oligio เป็นเทคโนโลยีเพื่อการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด
ทั้งสองหัตถการ Ultraformer MPT vs Oligio ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยดูแลความหย่อนคล้อยของผิวในระดับต่าง ๆ โดย ไม่ต้องมีการผ่าตัดหรือทำหัตถการที่รบกวนเนื้อเยื่อผิวแบบรุนแรง ทำให้ใครก็ตามที่เข้ารับบริการ Ultraformer MPT vs Oligio สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังทำ
2.Ultraformer MPT vs Oligio ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว
ทั้งสองเทคโนโลยี Ultraformer MPT vs Oligio มีเป้าหมายแบบเดียวกันคือการ กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ ไม่ว่าจะใช้คลื่นเสียงหรือคลื่นวิทยุเป็นตัวนำส่งพลังงาน ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะเป็นผลจากกระบวนการตอบสนองของผิว ไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงตามระยะเวลา
หัตถการทั้งสองตัว Ultraformer MPT vs Oligio ไม่มีการเติมสาร ไม่มีการฉีด หรือแทรกสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ผิว
3.Ultraformer MPT vs Oligio ไม่ทำให้เกิดบาดแผลและไม่ต้องพักฟื้น
Ultraformer MPT vs Oligio ใช้พลังงานจากภายนอก โดยไม่มีการเปิดแผลหรือทำให้เกิดรอยช้ำถาวร หลังการทำอาจมีอาการบวมแดงเพียงเล็กน้อยในบางราย และมักหายได้เองในระยะเวลาสั้น ๆ
ดังนั้น Ultraformer MPT vs Oligio จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลผิวแบบ “ทำแล้วไปต่อได้เลย” เช่น พนักงานออฟฟิศ คนที่มีเวลาจำกัด หรือผู้ที่ไม่สะดวกหยุดพักฟื้น
4.Ultraformer MPT vs Oligio ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
อีกหนึ่งสิ่งที่ Ultraformer MPT vs Oligio มีเหมือนกันคือ ไม่มีการรับประกันผลลัพธ์ที่แน่นอน เนื่องจากการตอบสนองของร่างกายแต่ละคนมีความแตกต่าง เช่น อายุ พฤติกรรมการใช้ชีวิต ความยืดหยุ่นผิวเดิม และการดูแลหลังทำ
ผู้ที่เข้ารับบริการ Ultraformer MPT vs Oligio ควรเข้าใจว่า ผลลัพธ์เป็นสิ่งที่ค่อยเป็นค่อยไป และควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของคุณหมอที่ประเมินอย่างเหมาะสมกับสภาพผิว
ตารางเปรียบเทียบ Ultraformer MPT vs Oligio แบบชัดเจน
สรุปเป็นตารางเปรียบเทียบของ Ultraformer MPT vs Oligio เพื่อให้เห็นภาพอย่างชัดเจนมากขึ้น
หัวข้อเปรียบเทียบ |
Ultraformer MPT |
Oligio |
เทคโนโลยีที่ใช้ |
คลื่นเสียงความถี่สูงแบบโฟกัส (HIFU) |
คลื่นวิทยุความถี่สูงแบบโมโนโพลาร์ (Monopolar RF) |
กลไกการทำงาน |
ส่งพลังงานเป็นจุดความร้อนเล็ก ๆ ลงลึกถึงชั้น SMAS เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน |
ส่งคลื่นความร้อนลงสู่ชั้นหนังแท้และไขมัน เพื่อกระตุ้นการจัดเรียงตัวของคอลลาเจน |
ระดับชั้นผิวที่ทำงาน |
ชั้น SMAS (ใต้กล้ามเนื้อผิวหนัง) |
ชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน |
เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหน |
ความหย่อนคล้อยปานกลางถึงมาก ต้องการปรับรูปหน้า |
ผิวเริ่มหย่อนคล้อยเล็กน้อย ต้องการความกระชับโดยไม่รบกวนผิว |
ความรู้สึกขณะทำ |
อาจรู้สึกตึงหรือจี๊ดบริเวณที่ผิวบาง |
รู้สึกอุ่น สบายผิว |
ลักษณะผลลัพธ์ |
ค่อย ๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงภายใน 2-3 เดือน |
บางคนรู้สึกตึงขึ้นเล็กน้อยหลังทำ และพัฒนาในช่วงต่อมา |
ระยะเวลาการฟื้นตัว |
ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที |
ไม่ต้องพักฟื้นเช่นกัน |
ความถี่ในการรับบริการ |
ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ อาจทำปีละ 1-2 ครั้ง |
เช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล |
Ultraformer MPT vs Oligio เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหน
ก่อนตัดสินใจเลือกทำหัตถการยกกระชับผิวด้วยเทคโนโลยีใด ๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือการ ประเมินสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคลอย่างรอบด้าน เนื่องจากเทคโนโลยีแต่ละชนิดมีคุณสมบัติเฉพาะที่เหมาะกับรูปแบบปัญหาที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะหัตถการ Ultraformer MPT vs Oligio ซึ่งหัตถการทั้งสองตัวนี้ต่างได้รับความนิยมในการดูแลผิวหน้า แต่มีจุดเด่นการใช้งานที่แตกต่างกันชัดเจน แล้ว Ultraformer MPT vs Oligio เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหนบ้าง
Ultraformer MPT เหมาะกับผิวแบบไหน ?
Ultraformer MPT เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับปานกลางถึงมาก โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความกระชับจากชั้นลึกของผิว ซึ่ง Ultraformer MPT เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวต่อไปนี้
• ผู้ที่เริ่มมี กรอบหน้าไม่ชัด หรือมีแนวกรามตก
• ผู้ที่มี เหนียงหรือไขมันใต้คางสะสม
• ผู้ที่ต้องการกระชับบริเวณลำคอหรือแนวกรามโดยไม่ผ่าตัด
• ผู้ที่เคยผ่านการดูแลผิวแบบพื้นฐานมาแล้ว แต่อยากยกระดับการดูแลไปที่โครงสร้างผิวลึก
Oligio เหมาะกับผิวแบบไหน ?
Oligio เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนเล็กน้อย หรือมีความกังวลเรื่องริ้วรอย ผิวไม่เรียบเนียน แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องดูแลผิวในระดับลึกมาก โดยมักเหมาะกับปัญหาผิวเหล่านี้
• ผู้ที่เริ่มมี ริ้วรอยเล็ก ๆ หรือความหย่อนคล้อยเพียงเล็กน้อย
• ผู้ที่รู้สึกว่า ผิวหน้าไม่แน่นเหมือนเดิม หรือผิวดูบางลง
เพราะ Oligio ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) ที่ทำงานในระดับผิวชั้นกลาง โดยไม่รบกวนเนื้อเยื่อชั้นลึก จึงให้ความรู้สึกสบายระหว่างทำ เหมาะกับผู้เริ่มเข้าวงการดูแลตัวเองและกลัวเข็มไม่อยากรู้สึกเจ็บ
Ultraformer MPT vs Oligio ใครควรหลีกเลี่ยง
แม้ว่า Ultraformer MPT vs Oligio จะเป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่มีจุดเด่นในเรื่องของการที่ ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะกับ Ultraformer MPT vs Oligio การรู้ว่าใครควรหลีกเลี่ยง หรือ ควรปรึกษาคุณหมอก่อนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันผลข้างเคียง และไม่เป็นอันตราย
กลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยง Ultraformer MPT vs Oligio
1.ผู้ที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังอยู่ในร่างกาย
เช่น ผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรืออุปกรณ์ฝังอื่น ๆ ที่ไวต่อพลังงานคลื่นเสียงหรือคลื่นวิทยุ เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงจากการรบกวนการทำงานของอุปกรณ์
2.หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
แม้จะไม่มีงานวิจัยชี้ชัดว่าเทคโนโลยีเหล่านี้ส่งผลเสีย แต่โดยหลักการแพทย์มักหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องมือใด ๆ ที่ส่งพลังงานเข้าสู่ร่างกายในช่วงนี้
3.ผู้ที่มีแผลเปิด ติดเชื้อ หรือลอกผิวในบริเวณที่ต้องการทำ
การทำหัตถการบนผิวที่ยังไม่สมบูรณ์อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคือง การอักเสบ หรือทำให้ผิวฟื้นตัวยากขึ้น
4.ผู้ที่มีโรคผิวหนังบางประเภทในบริเวณที่จะทำ
เช่น โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis), ผิวหนังอักเสบเรื้อรัง, หรือผื่นแพ้ ที่ยังอยู่ในระยะอักเสบ ซึ่งอาจทำให้สภาพผิวแย่ลงหากรับพลังงานความร้อนเข้าไป
5.ผู้ที่เคยผ่าตัดบริเวณใบหน้าหรือมีวัสดุเสริมโครงหน้า (เช่น ซิลิโคน)
เพราะพลังงานจากเครื่องอาจส่งผลต่อเนื้อเยื่อรอบวัสดุ หรือทำให้รู้สึกไม่สบายขณะทำ จึงควรให้แพทย์ประเมินอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทำหัตถการ Ultraformer MPT vs Oligio
Ultraformer MPT vs Oligio ทำคู่กันได้หรือไม่
สามารถทำ Ultraformer MPT vs Oligio ร่วมกันได้ในบางกรณี แต่ควรอยู่ภายใต้การประเมินและวางแผนโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการทำหัตถการ
หลักการทำงาน Ultraformer MPT vs Oligio ต่างกัน แต่สามารถใช้เสริมกันได้
หัตถการ |
กลไกหลัก |
ชั้นผิวที่ดูแล |
จุดเด่น |
Ultraformer MPT |
คลื่นเสียง HIFU |
ลึกถึงชั้น SMAS |
ยกกระชับจากโครงสร้างภายใน |
Oligio |
คลื่นวิทยุ RF |
ชั้นหนังแท้ |
เพิ่มความเรียบตึงของผิวชั้นกลาง |
จากตารางจะเห็นว่า Ultraformer MPT vs Oligio ไม่ทับซ้อนกัน แต่มีลักษณะเสริมกันคนละชั้นผิว หากใช้ร่วมกันอย่างถูกต้อง จะสามารถดูแลผิวได้ครบทั้งโครงสร้างลึก (จาก HIFU) และผิวชั้นบน (จาก RF)
ตัวอย่างปัญหาผิวที่สามารถทำ Ultraformer MPT vs Oligio ร่วมกันได้
1.ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเห็นชัด และผิวชั้นบนดูบางหรือไม่เรียบเนียน
แนะนำ Ultraformer MPT ก่อน เพื่อยกโครงหน้าให้แน่น แล้วเสริมด้วย Oligio เพื่อเพิ่มความเรียบตึงของผิวภายนอก
2.ผู้ที่เคยทำ Oligio มาแล้ว และต้องการยกระดับการดูแลผิวให้ลึกขึ้น
อาจเริ่มเพิ่ม Ultraformer MPT เข้าไปในการดูแลรอบถัดไป โดยเว้นระยะห่างที่เหมาะสม
สามารถทำ Ultraformer MPT vs Oligio พร้อมกันเลยได้ไหม ?
โดยทั่วไป ไม่แนะนำให้ทำ Ultraformer MPT vs Oligio ในวันเดียวกันทุกกรณี แม้จะไม่มีข้อห้ามทางเทคนิคโดยตรง แต่การปล่อยพลังงานจากสองเครื่องมือพร้อมกันอาจทำให้ผิวบางรายรู้สึกไวมากเกินไป
ทริคการทำ Ultraformer MPT vs Oligio
- เว้นระยะ อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ ระหว่างการทำแต่ละเครื่อง (ขึ้นกับการประเมินของแพทย์)
Ultraformer MPT vs Oligio เจ็บหรือไม่
หลายคนที่กำลังตัดสินใจทำ Ultraformer MPT vs Oligio มักมีคำถามว่า แบบไหนเจ็บกว่ากัน หรือ จะทนได้ไหม แม้ว่าเทคโนโลยีทั้งสองจะถูกออกแบบมาให้ไม่เป็นอันตรายและไม่ต้องพักฟื้น แต่ลักษณะของพลังงานของ Ultraformer MPT vs Oligio และระดับชั้นผิวที่ทำงานต่างกัน จึงทำให้ความรู้สึกขณะทำแตกต่างกันด้วย
Ultraformer MPT เจ็บหรือไม่ ?
Ultraformer MPT ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงแบบโฟกัส (HIFU) ที่ส่งพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นใต้กล้ามเนื้อผิวหนัง เป็นชั้นที่อยู่ลึกกว่าการทำเลเซอร์ทั่วไป
ความรู้สึกขณะทำ
• รู้สึกตึงหรือจี๊ดบริเวณที่ผิวบาง เช่น กรอบหน้า แนวกราม หรือใต้คาง
• คล้ายแรงกระชากเล็ก ๆ ลึกเข้าไป ไม่แสบบนผิว
• ความรู้สึกขึ้นอยู่กับระดับพลังงานที่ใช้และความไวของผิวในแต่ละบุคคล
• สามารถขอทายาชาก่อนทำ หรือปรับระดับพลังงานได้ตามความเหมาะสม
Oligio เจ็บหรือไม่ ?
Oligio ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงแบบ Monopolar RF ที่ปล่อยความร้อนลงในชั้นหนังแท้และไขมันใต้ผิว พร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิ จึงทำให้รู้สึกสบายผิวขณะทำ
ความรู้สึกขณะทำ
• รู้สึกอุ่น ๆ คล้ายการนวดร้อนเบา ๆ
• ผิวไม่แสบ ไม่เจ็บ และไม่มีบาดแผล
• ผู้ที่ผิวบอบบางหรือกลัวเจ็บมักรู้สึกผ่อนคลายกับเครื่องนี้
• ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องทายาชา
Ultraformer MPT vs Oligio ถ้าต้องเลือกควรทำอันไหนดี
เลือกทำหัตถการ Ultraformer MPT ถ้า
• มีปัญหาความหย่อนคล้อยค่อนข้างชัด เช่น แก้มห้อย เหนียง หรือกรอบหน้าไม่ชัด
• ต้องการยกกระชับจากโครงสร้างลึกของผิว (ชั้น SMAS)
• เป้าหมายหลักคือปรับรูปหน้าให้คมชัด ยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด
• ยอมรับความรู้สึกตึงหรือจี๊ดได้บางจุดขณะทำ
• ต้องการผลที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงชัดเจนภายใน 1-3 เดือน
เลือกทำหัตถการ Oligio ถ้า
• เริ่มมีผิวหย่อนเล็กน้อยหรือมีริ้วรอยจาง ๆ บริเวณแก้มหรือหางตา
• ต้องการฟื้นฟูความเรียบแน่นของผิวชั้นตื้น
• ไม่เคยทำหัตถการมาก่อน หรือมีผิวไว ผิวบาง
• ต้องการความรู้สึกสบายขณะทำ ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น
หากต้องการเลือก Ultraformer MPT vs Oligio เพียงแค่หัตถการเดียวต้องดูเช็คลิสต์ตามนี้
• สภาพผิวปัจจุบัน
- หย่อนคล้อยมากเลือกหัตถการ Ultraformer MPT
- หย่อนคล้อยน้อยเลือกหัตถการ Oligio
• ความไวต่อความรู้สึกเจ็บ
- ถ้าไม่ชอบความรู้สึกตึงหัตถการ Oligio จะสบายกว่า
• จุดที่คุณต้องการปรับ
- ถ้าต้องการโครงหน้าชัด หัตถการ Ultraformer MPT เหมาะสมกว่า
Ultraformer MPT vs Oligio ทำส่วนไหนได้บ้าง
บริเวณที่สามารถทำ Ultraformer MPT ได้
ใบหน้า
• กรอบหน้า / แนวกราม (ลดความหย่อนคล้อย)
• ใต้คาง / เหนียง
• แก้มที่หย่อนคล้อย
• หน้าผาก (ช่วยยกคิ้ว
• ใต้ตา (ด้วยหัวพลังงานต่ำที่เหมาะสม)
• ร่องแก้ม
• ลำคอ
• คอที่เริ่มหย่อนหรือมีริ้วรอย
ร่างกาย
• ท้อง (ผิวที่หย่อนหลังคลอดหรือหลังลดน้ำหนัก)
• ต้นแขน (ช่วงท้องแขน)
• ต้นขาด้านใน
• เข่า
บริเวณที่สามารถทำ Oligio ได้
ใบหน้า
• แก้ม
• หางตา / ใต้ตา
• หน้าผาก / ขมับ
• รอบปาก
• คาง
• คอ
ร่างกาย
• หน้าท้อง (สำหรับผิวที่ไม่หย่อนมาก)
• ต้นแขน / ท้องแขน
• ต้นขาด้านนอก / ด้านใน
• บริเวณหลัง / รอยย่นรอบเสื้อใน
• บริเวณข้อพับ (เช่น ข้อศอก หรือเข่า)
Ultraformer MPT vs Oligio ใช้คู่กับหัตถการไหนได้บ้าง
เรามาดูกันว่าการทำ Ultraformer MPT vs Oligio สามารถทำคู่กับหัตถการอะไรได้อีกบ้าง เพื่อเพิ่มความเป๊ะให้ใบหน้า
Ultraformer MPT ใช้คู่กับหัตถการใดได้บ้าง ?
• โบท็อกซ์ (Botulinum Toxin)
โบท็อกซ์ลดริ้วรอยแบบไดนามิก เช่น หางตา หน้าผาก เสริมผลการยกกระชับให้สมบูรณ์ขึ้น
• ฟิลเลอร์ (Filler)
ฟิลเลอร์เติมเต็มจุดที่ยุบตัว เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา หลังจากยกกระชับโครงหน้าแล้ว
• เลเซอร์ผิว (เช่น Q-Switch, Pico)
ช่วยเรื่องสีผิว กระ ฝ้า จุดด่างดำ เพิ่มความกระจ่างใสควบคู่กับโครงหน้าที่กระชับ
• ทรีตเมนต์บำรุง (เช่น Meso, Skin Booster)
เติมความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวชั้นบน เสริมการทำงานของคอลลาเจนหลัง Ultraformer
Oligio ใช้คู่กับหัตถการใดได้บ้าง ?
• ทรีตเมนต์ผิวหน้า (เช่น Made Collagen, Vitamin Push)
ช่วยบำรุงและปลอบประโลมผิวหลังรับพลังงาน RF
• เลเซอร์หน้าใส (Low Energy Laser)
ช่วยลดรอยแดง รูขุมขน ดูแลผิวให้เรียบเนียนร่วมกับการกระตุ้นคอลลาเจนจาก Oligio
• Thermo Eye / Eye Treatment
หากไม่ได้ทำ Oligio รอบตาโดยตรง สามารถใช้หัตถการเฉพาะรอบดวงตาร่วมได้
• มาสก์ผิว / Cooling Mask
หลังทำ Oligio สามารถใช้มาสก์ที่ไม่มีสารระคายเคือง เพื่อเสริมการฟื้นฟูผิว
การเตรียมตัวก่อนทำ Ultraformer MPT vs Oligio
การเตรียมตัวก่อนทำ Ultraformer MPT vs Oligio เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะกับปัญหาผิวของเรามากที่สุด
งดการแต่งหน้าในวันที่ทำ
เพื่อให้ผิวสะอาด ลดโอกาสการระคายเคืองระหว่างทำ
พักผิวอย่างน้อย 3-5 วันก่อนทำ
งดการสครับผิว, เลเซอร์, ทรีตเมนต์แรง ๆ เพื่อไม่ให้ผิวระคายเคือง
หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดก่อนทำ 1 สัปดาห์
เพื่อป้องกันผิวอักเสบหรือไวต่อพลังงานระหว่างทำหัตถการ
แจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว หรือเคยทำหัตถการใดมาก่อน
เพื่อให้แพทย์ประเมินอย่างถูกต้องและปลอดภัย
หากมีสิวอักเสบ แผล หรือผื่นในบริเวณที่จะทำ ควรเลื่อนนัด
เพราะอาจทำให้ผิวแสบหรือเกิดอาการไม่พึงประสงค์
งดยาทาบริเวณที่ทำ (เช่น กรดวิตามิน A, ยาผลัดผิว) ประมาณ 3-5 วัน
เพื่อให้ผิวแข็งแรงพร้อมรับพลังงานเข้าสู่ผิว
การดูแลตัวเองหลังทำ Ultraformer MPT vs Oligio
หลังทำหัตถการ Ultraformer MPT vs Oligio แล้วจะต้องดูแลตัวเองหลังทำด้วย เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
• สามารถล้างหน้าและใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที
เพราะไม่มีแผล ไม่มีการลอกผิว ไม่ต้องพักฟื้น
• งดนวดหน้าแรง ๆ หรือกดจุดบริเวณที่ทำ 5-7 วัน
เพื่อให้ผิวและโครงสร้างคอลลาเจนเริ่มฟื้นตัวอย่างสมดุล
• หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและความร้อนสูง เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
เพราะผิวอาจไวต่อความร้อนหลังทำ
• ทาครีมบำรุงผิวและครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อช่วยให้ผิวแข็งแรงและเสริมการฟื้นฟูคอลลาเจน
• สามารถแต่งหน้าได้หลังทำทันที (หากไม่มีอาการระคายเคือง)
ควรเลือกเครื่องสำอางที่อ่อนโยน ไม่อุดตันผิว
• หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์, ทรีตเมนต์แรง ๆ หรือผลัดเซลล์ผิวภายใน 1-2 สัปดาห์
เพื่อป้องกันผิวบางและลดความเสี่ยงการระคายเคือง
• ดื่มน้ำมาก ๆ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
เพราะการสร้างคอลลาเจนที่ดีขึ้นอยู่กับสุขภาพโดยรวมของร่างกาย
• หากมีอาการบวม แดงเล็กน้อย หรือรู้สึกตึงในบางจุด ถือเป็นเรื่องปกติ
อาการเหล่านี้มักหายเองภายใน 1-3 วันโดยไม่ต้องรักษา
• หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมมาก ร้อนแดง หรือเจ็บเกินปกติ ควรรีบติดต่อคลินิกทันที
Ultraformer MPT vs Oligio นานแค่ไหนกว่าจะเห็นผลลัพธ์
Ultraformer MPT
• เริ่มเห็นผลบางส่วนในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก ผิวอาจเริ่มรู้สึกกระชับและแน่นขึ้นเล็กน้อย
• ผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นในช่วง 6-12 สัปดาห์หลังทำ เนื่องจากคอลลาเจนต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูและจัดเรียงตัวใหม่
• ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและพฤติกรรมการดูแลของแต่ละคน
Oligio
• บางรายรู้สึกผิวแน่นขึ้นทันทีหลังทำ เนื่องจากเกิดการหดตัวของคอลลาเจนเดิมทันที
• ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นในช่วง 4-8 สัปดาห์หลังทำ จากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
• ผลลัพธ์โดยทั่วไปอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นกับสภาพผิวและการดูแลหลังทำ
Ultraformer MPT vs Oligio ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผลลัพธ์
ก่อนตัดสินใจทำหัตถการยกกระชับผิว Ultraformer MPT vs Oligio หลายคนมักสงสัยว่า ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์ ? คำตอบขึ้นอยู่กับสภาพผิว เป้าหมายของแต่ละบุคคล และกลไกการทำงานของเครื่องแต่ละชนิด
เพื่อให้เข้าใจง่าย บทความนี้จะสรุปให้เห็นภาพชัดเจนว่า แต่ละเทคโนโลยีควรทำบ่อยแค่ไหน และผลลัพธ์ใช้เวลานานเท่าไรจึงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง
หัตถการ Ultraformer MPT
• โดยทั่วไปแนะนำทำปีละ 1 ครั้ง
เนื่องจากพลังงานลงลึกและกระตุ้นคอลลาเจนได้ยาวนาน
• บางรายที่มีผิวหย่อนคล้อยมาก อาจทำซ้ำทุก 6-8 เดือน
ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์
• ผลลัพธ์ค่อย ๆ ชัดขึ้นใน 2-3 เดือนหลังทำ
เพราะเป็นการกระตุ้นจากโครงสร้างลึกของผิว
หัตถการ Oligio
• แนะนำทำต่อเนื่อง 3-4 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน
เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนอย่างต่อเนื่องในช่วงเริ่มต้น
• หลังจากนั้นอาจทำทุก 4-6 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์
เหมาะกับการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ
• เห็นผลบางส่วนหลังทำทันที และชัดขึ้นใน 4-8 สัปดาห์
ข้อควรระวังในการทำ Ultraformer MPT vs Oligio
ข้อควรระวังในการทำโปรแกรม Ultraformer MPT
• ไม่ควรทำขณะมีแผลเปิด ผิวอักเสบ หรือติดเชื้อในบริเวณที่ต้องการทำ เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือการอักเสบซ้ำ
• ผู้ที่มีอุปกรณ์ฝังในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากพลังงานคลื่นเสียงอาจรบกวนการทำงานของอุปกรณ์
• ควรแจ้งแพทย์หากเคยผ่าตัดใบหน้า หรือมีซิลิโคน ฟิลเลอร์อยู่ในบริเวณที่จะทำเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อวัสดุที่ฝังอยู่
• หลังทำไม่ควรนวดหน้าหรือกดแรงบริเวณที่ทำอย่างน้อย 5-7 วัน เพื่อให้คอลลาเจนฟื้นตัวได้เต็มที่
• อาจมีอาการตึง บวม หรือรู้สึกจี๊ดเล็กน้อยหลังทำ ถือเป็นอาการปกติ และมักหายได้เองใน 2-3 วัน
ข้อควรระวังในการทำโปรแกรม Oligio
• ไม่ควรทำหากผิวมีอาการลอก แดง หรือไวต่อความร้อนผิดปกติ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการแสบหรือร้อนผิวมากเกินไป
• ไม่ควรทำร่วมกับหัตถการที่มีความร้อนสูงอื่นในวันเดียวกัน เช่น RF อื่น ๆ, IPL หรือเลเซอร์บางชนิด
• ควรแจ้งประวัติการแพ้ การใช้ยา หรือโรคผิวหนังเรื้อรังกับแพทย์ก่อนทำ เพื่อให้วางแผนการดูแลได้อย่างไม่เป็นอันตราย
• หลังทำควรงดใช้ครีมผลัดเซลล์ผิว หรือผลิตภัณฑ์ที่มีกรดเข้มข้น 3-5 วัน เพื่อไม่ให้ผิวระคายเคืองหรือไวต่อแสง
• ไม่ควรขัด ถู หรืออบไอน้ำหลังทำในช่วง 1 สัปดาห์แรก เพื่อป้องกันผิวบางและลดความเสี่ยงการอักเสบ
สรุปทุกเรื่องในการทำ Ultraformer MPT vs Oligio
การทำหัตถการยกกระชับระหว่าง Ultraformer MPT vs Oligio นั้นเราสามารถเลือกหัตถการใดหัตถการหนึ่งเพื่อให้เหมาะกับปัญหาของผิวเราได้เลย หรือว่าถ้าอยากใช้ Ultraformer MPT vs Oligio ร่วมกันก็สามารถทำได้ แต่ต้องให้คุณหมอประเมิณใบหน้าและวางแผนโปรแกรมให้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และเพื่อแก้ไขปัญหาที่กวนใจได้ ทั้งหัตถการ Ultraformer MPT vs Oligio เป็นหัตถการที่ดีทั้งคู่ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของเราว่าเหมาะกับหัตถการไหนที่สุด
Q and A ยอดฮิตของ Ultraformer MPT vs Oligio
Q1 Ultraformer MPT vs Oligio แบบไหนเจ็บกว่ากัน ?
A
- Ultraformer MPT อาจรู้สึกตึงหรือจี๊ดบางจุด เพราะพลังงานลงลึกถึงชั้นโครงสร้างผิว (SMAS)
- ส่วน Oligio จะให้ความรู้สึกอุ่น ๆ สบายกว่า เพราะทำงานแค่ในชั้นผิวตื้น เหมาะกับคนที่กลัวเจ็บหรือผิวบาง
Q2 Ultraformer MPT vs Oligio ถ้าต้องเลือกทำแค่อย่างเดียว ควรเลือกอะไร ?
A
- หากมีผิวหย่อนคล้อยมาก ต้องการยกกระชับโครงหน้า Ultraformer MPT จะเหมาะกว่า
- แต่ถ้าผิวยังไม่หย่อนชัด ต้องการดูแลผิวให้เรียบแน่นขึ้น Oligio จะเป็นทางเลือกที่นุ่มนวลและสบายกว่า ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ
Q3 ทำครั้งเดียวเห็นผลเลยไหม ?
A
- Oligio บางคนอาจรู้สึกผิวกระชับขึ้นหลังทำทันที แต่ผลชัดเจนจะค่อย ๆ เห็นใน 4-8 สัปดาห์
- ส่วน Ultraformer MPT จะเห็นผลชัดในช่วง 2-3 เดือนหลังทำ เพราะเป็นการฟื้นฟูคอลลาเจนจากชั้นลึก
- ทั้ง Ultraformer MPT vs Oligio สองแบบไม่ใช่ผลลัพธ์ถาวร และควรทำซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ