Morpheus8 vs Thermage FLX ข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันอย่างไร
Morpheus8 vs Thermage FLX
Morpheus8 vs Thermage FLX ข้อดี ข้อเสีย ต่างกันอย่างไร
ปัจจุบันที่คนให้ความสำคัญกับการยกกระชับปรับรูปหน้า ให้ดูอ่อนเยาว์และหน้าเรียวขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน เทคโนโลยีเพื่อการยกกระชับผิวได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสองนวัตกรรมเด่นอย่าง Morpheus8 vs Thermage FLX ที่แม้จะมีหลักการทำงานแตกต่างกัน แต่ต่างก็มีจุดแข็งในการยกกระชับปรับรูปหน้าและลดเลือนริ้วรอย
บทความนี้จะพาไปทำความรู้จัก Morpheus8 vs Thermage FLX เปรียบเทียบข้อดี ข้อจำกัด และแนวทางการเลือกใช้ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด
Morpheus8 vs Thermage FLX คืออะไร ทำงานอย่างไร
ก่อนตัดสินใจเลือกเทคโนโลยียกกระชับผิว หลายคนอาจสงสัยว่า Morpheus8 vs Thermage FLX คืออะไร มีหลักการทำงานแตกต่างกันอย่างไร มาทำความเข้าใจดังนี้
Morpheus8 คืออะไร
Morpheus8 เป็นเทคโนโลยี Fractional RF Microneedling ที่ผสมผสานระหว่าง เข็มไมโครนีดเดิล (Microneedle) และคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radiofrequency หรือ RF) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก โดยเฉพาะชั้นไขมันใต้ผิว
จุดเด่น
• สามารถปรับลึกของเข็มได้หลายระดับ (สูงสุดถึง 7 มม.)
• เหมาะกับการรักษาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย รอยแผลเป็น และหลุมสิว
• ใช้ได้กับผิวในหลายบริเวณทั้งบนใบหน้าและร่างกาย
Thermage FLX คืออะไร
Thermage FLX เป็นการยกกระชับผิวด้วยพลังงาน Monopolar Radiofrequency (RF) แบบไม่ต้องใช้เข็ม โดยเน้นการส่งพลังงานลงลึกไปถึงชั้นไขมันและเนื้อเยื่อ เพื่อกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนและการสร้างคอลลาเจนใหม่
จุดเด่น
• ไม่ต้องเจาะผิว ไม่ต้องพักฟื้น
• เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย แนวกรอบหน้าไม่ชัด และผิวไม่กระชับ
• เห็นผลชัดเจนขึ้นใน 2-3 เดือน และอยู่ได้นานถึง 1 ปีขึ้นไป
Morpheus8 vs Thermage FLX ช่วยยกกระชับได้อย่างไร
ก่อนเลือกเทคโนโลยียกกระชับผิว หลายคนอาจลังเลระหว่าง Morpheus8 vs Thermage FLX เพราะทั้งสองต่างก็มีจุดเด่นในการปรับรูปหน้าและยกกระชับผิว เมื่อเปรียบเทียบ Morpheus8 vs Thermage FLX ทั้งสองเทคโนโลยีนี้ช่วยยกกระชับปรับรูปหน้าได้ดังนี้
1.หลักการยกกระชับผิวของ Morpheus8 vs Thermage FLX
Morpheus8 ทำงานโดยใช้เข็มขนาดเล็ก (Microneedle) ส่งพลังงานคลื่นวิทยุ (RF) ลงไปยังชั้นใต้ผิวในระดับลึกได้ถึง 7 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นชั้นของไขมันใต้ผิวหนัง การปล่อยพลังงานในระดับลึกเช่นนี้ช่วยกระตุ้นให้คอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ถูกสร้างขึ้น และยังสามารถสลายไขมันส่วนเกินในบางตำแหน่ง เช่น แก้มล่างหรือเหนียง ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นและผิวแน่นขึ้นในระยะยาว
ในขณะที่ Thermage FLX ใช้คลื่น RF เช่นเดียวกัน แต่เป็นแบบ Monopolar ซึ่งส่งพลังงานผ่านผิวโดยไม่ต้องใช้เข็ม พลังงานจะถูกปล่อยลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อที่ศัลยแพทย์ใช้ดึงเวลาทำเฟซลิฟต์ เมื่อได้รับความร้อนในระดับที่เหมาะสม คอลลาเจนในชั้นนี้จะหดตัวและเกิดการสร้างใหม่ ทำให้ผิวตึงกระชับขึ้นทั่วทั้งใบหน้าโดยไม่ทำลายผิวด้านบน
2.การปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับของ Morpheus8 vs Thermage FLX
Morpheus8 เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด เช่น แก้มล่าง คาง หรือแนวกรอบหน้าที่หย่อนคล้อย เพราะสามารถปรับความลึกของเข็มให้ลงไปทำลายไขมันในตำแหน่งที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ เมื่อไขมันบางลงร่วมกับการสร้างคอลลาเจน ผิวจะยกกระชับขึ้น ใบหน้าจึงดูเรียวได้รูปมากขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
ในทางตรงกันข้าม Thermage FLX ไม่เน้นการลดไขมัน แต่เน้นไปที่การกระชับและยกผิวจากโครงสร้างลึกของผิว ส่งผลให้ใบหน้าดูยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยจากอายุ หรือสูญเสียความยืดหยุ่น โดยเฉพาะบริเวณกรอบหน้า แนวขากรรไกร และลำคอ
3.ผลลัพธ์ที่เห็นได้ของ Morpheus8 vs Thermage FLX
หลังทำ Morpheus8 ผู้รับบริการมักจะเริ่มเห็นผลเรื่องความเรียบเนียนของผิวและความกระชับภายใน 1-2 สัปดาห์ และจะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 2-3 เดือน ส่วนผลลัพธ์ในเรื่องของใบหน้าเรียวขึ้นจะชัดเจนในผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณแก้มล่างหรือเหนียง
สำหรับ Thermage FLX ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ปรากฏอย่างต่อเนื่องหลังทำ โดยทั่วไปจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนภายใน 2-3 เดือน ผิวจะค่อย ๆ แน่นและยกขึ้นตามการสร้างคอลลาเจนใหม่ ซึ่งอยู่ได้นาน 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวและพฤติกรรมส่วนตัว
4.ความเหมาะสมในการใช้งานของ Morpheus8 vs Thermage FLX
หากคุณต้องการยกกระชับพร้อมลดไขมันเฉพาะจุด เช่น ลดแก้ม กรอบหน้า หรือเหนียง พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนไปด้วย Morpheus8 จะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะสามารถปรับลึกของพลังงานได้อย่างละเอียด และเน้นผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป
แต่ถ้าคุณไม่มีปัญหาไขมันสะสมมากนัก แต่รู้สึกว่าผิวเริ่มหย่อน ไม่เต่งตึงเหมือนเดิม หรือกรอบหน้าเริ่มไม่ชัด Thermage FLX จะเหมาะสมกว่า เพราะสามารถยกกระชับผิวหน้าให้แน่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องเจ็บ ไม่มีรอย และไม่ต้องพักฟื้น
Morpheus8 vs Thermage FLX ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง
การเปรียบเทียบระหว่าง Morpheus8 vs Thermage FLX เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เนื่องจากทั้งสองเทคโนโลยีถือเป็นตัวช่วยในการยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมในคลินิกความงาม แต่มีหลักการทำงานแตกต่างกัน ทำให้เหมาะกับปัญหาผิวที่ทั้งเหมือนและแตกต่างกันด้วย
ปัญหาผิวที่เหมาะกับการทำ Morpheus8 vs Thermage FLX
• Morpheus8 vs Thermage FLX ช่วยยกกระชับผิวหย่อนคล้อย ทั้งสองเทคโนโลยีสามารถกระชับผิวที่หย่อนคล้อยได้ดี โดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นลึก ช่วยให้ผิวแน่นตึงขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด หนังแก้มตก หรือแนวขากรรไกรหย่อน
• Morpheus8 vs Thermage FLX ช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ช่วยลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากวัยหรือการเสื่อมสภาพของผิว เช่น ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ใต้ตา มุมปาก หรือร่องแก้ม
• Morpheus8 vs Thermage FLX ช่วยยกกระชับปรับรูปหน้าโดยไม่ผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่อยากยกกระชับใบหน้าให้ดูเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้วิธีศัลยกรรม
ปัญหาผิวที่เหมาะกับการทำ Morpheus8
• Morpheus8 ช่วยลดไขมันสะสมเฉพาะจุด Morpheus8 สามารถส่งพลังงาน RF ลงลึกถึงชั้นไขมัน พร้อมกระตุ้นให้ไขมันบางส่วนหดตัว เหมาะกับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินบริเวณแก้มล่าง คาง หรือเหนียง
• Morpheus8 ช่วยลดหลุมสิวและรอยแผลเป็น เข็มไมโครนีดเดิลช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมผิวในระดับลึก เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว รอยหลุมจากการอักเสบ
• Morpheus8 ช่วยกระชับรูขุมขนกว้างและผิวไม่เรียบเนียน คลื่น RF จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิว กระชับรูขุมขน และปรับผิวหน้าให้เรียบเนียนมากขึ้น
ปัญหาผิวที่เหมาะกับการทำ Thermage FLX
• Thermage FLX ช่วยยกกระชับผิวเสื่อมสภาพทั่วใบหน้าและรอบดวงตา ด้วยการส่งพลังงานสม่ำเสมอผ่านหัวทิปเฉพาะจุด Thermage เหมาะกับบริเวณผิวบาง เช่น ใต้ตา หางตา หรือหนังตาหย่อน
• Thermage FLX ช่วยฟื้นฟูผิวโดยไม่ต้องพักฟื้น Thermage FLX ไม่มีรอย ไม่มีแผล ไม่เจ็บ ไม่ต้องหลบแดด เหมาะกับคนที่ไม่สะดวกพักฟื้นหรือมีเวลาจำกัด
• Thermage FLX ช่วยยกกระชับผิวหย่อนคล้อยหลังลดน้ำหนักหรือหลังคลอด สามารถใช้กับร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ช่วยกระชับผิวที่หย่อนจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้ดี
เปรียบเทียบข้อดีของ Morpheus8 vs Thermage FLX
ก่อนเลือกเทคโนโลยีเพื่อยกกระชับผิว หลายคนอาจลังเลระหว่าง Morpheus8 vs Thermage FLX ซึ่งแม้จะมีหลักการทำงานต่างกัน แต่ก็มีข้อดีหลายอย่างที่คล้ายคลึงกันและแตกต่างกัน ดังนี้
ข้อดีที่เหมือนกันของ Morpheus8 vs Thermage FLX
• Morpheus8 vs Thermage FLX ยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด ทั้งสองเทคโนโลยีเป็นทางเลือกที่ไม่ต้องศัลยกรรม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้า ปรับรูปหน้า และฟื้นฟูผิวให้เต่งตึงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
• Morpheus8 vs Thermage FLX กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นลึก ทั้ง Morpheus8 และ Thermage FLX ต่างใช้พลังงานคลื่น RF เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยให้ผิวแข็งแรง ตึงแน่น และลดเลือนริ้วรอย
• Morpheus8 vs Thermage FLX ช่วยยกกระชับปรับรูปหน้าให้คมชัดขึ้น ด้วยการกระชับเนื้อเยื่อใต้ผิว จึงช่วยให้กรอบหน้าดูชัดขึ้น ลดความหย่อนคล้อยของแนวขากรรไกรและคาง
• Morpheus8 vs Thermage FLX เหมาะกับทุกสภาพผิว เทคโนโลยีทั้งสองสามารถใช้ได้กับทุกโทนสีผิว และไม่ทำให้ผิวบางลงหลังทำ แม้กับผิวที่ไวหรือมีแนวโน้มระคายเคืองง่าย
• Morpheus8 vs Thermage FLX เห็นผลต่อเนื่องหลังทำ แม้ผลลัพธ์จะไม่เห็นชัดเจนทันที แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นในช่วง 1-3 เดือนหลังทำ และอยู่ได้นานหลายเดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลผิว
ข้อดีที่แตกต่างกันของ Morpheus8 vs Thermage FLX
ข้อดีของ Morpheus8
• ลดไขมันเฉพาะจุดได้ เช่น แก้มล่าง เหนียง กรอบหน้า ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
• รักษาหลุมสิวและรอยแผลเป็นได้ดี ด้วยการกระตุ้นการซ่อมแซมผิวลึกถึงชั้นหนังแท้
• ช่วยกระชับรูขุมขนและควบคุมความมัน ผิวจึงดูเรียบเนียนและละเอียดขึ้น
• เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวและโครงสร้างร่วมกัน เช่น มีทั้งไขมันสะสมและผิวหย่อนคล้อย
ข้อดีของ Thermage FLX
• ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น ทำแล้วสามารถใช้ชีวิตประจำวันต่อได้ทันที
• เหมาะกับการยกกระชับทั่วใบหน้าและลำตัว ให้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอและดูเป็นธรรมชาติ
• ใช้ได้แม้กับบริเวณผิวบาง เช่น รอบดวงตา โดยไม่ระคายเคืองหรือเสี่ยงต่อผิวลอก
• เหมาะกับผู้ที่ผิวเริ่มหย่อนคล้อยจากอายุหรือหลังลดน้ำหนัก โดยไม่ต้องการลดไขมัน
เปรียบเทียบข้อจำกัดของ Morpheus8 vs Thermage FLX
แม้ระหว่าง Morpheus8 vs Thermage FLX จะเป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมสูง แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจทำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
ข้อจำกัดที่เหมือนกันของ Morpheus8 vs Thermage FLX
• Morpheus8 vs Thermage FLX ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องทำซ้ำเมื่อครบระยะเวลา ทั้งสองเทคโนโลยีให้ผลลัพธ์ในระยะกลาง (6-18 เดือน) ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและพฤติกรรมการดูแลตัวเอง จึงอาจต้องทำซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์
• Morpheus8 vs Thermage FLX ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนทันทีแบบผ่าตัด แม้จะเห็นผลเรื่องความตึงและผิวกระชับขึ้น แต่จะค่อย ๆ ชัดในช่วง 1-3 เดือน ไม่ได้เห็นผลทันทีแบบการผ่าตัดดึงหน้า
ข้อจำกัดที่แตกต่างกันของ Morpheus8 vs Thermage FLX
ข้อจำกัดของ Morpheus8
• มีรอยแดงหรือสะเก็ดหลังทำ เนื่องจากเป็นการใช้เข็มเจาะผิวร่วมกับพลังงาน RF ผิวอาจมีอาการแดง ระคายเคือง หรือเกิดสะเก็ดเล็กน้อยใน 1-3 วันหลังทำ
• อาจรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายระหว่างทำมากกว่า Thermage เพราะมีการใช้เข็ม บางคนอาจรู้สึกเจ็บหรือร้อนในระดับที่แตกต่างกัน
• ไม่เหมาะกับคนที่มีแผลหรือผิวติดเชื้อบริเวณที่ทำ ควรรอให้แผลหายก่อน เพราะการเจาะผิวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือการอักเสบ
ข้อจำกัดของ Thermage FLX
• ค่าใช้จ่ายต่อครั้งค่อนข้างสูง แม้จะทำปีละครั้ง แต่ราคาต่อการรักษา 1 ครั้งสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับ Morpheus8 ที่ทำเป็นคอร์ส
• ต้องอาศัยความสม่ำเสมอในการดูแลผิวหลังทำ แม้จะไม่ต้องพักฟื้น แต่หากไม่ดูแลผิวหรือมีพฤติกรรมที่เร่งการเสื่อมของคอลลาเจน เช่น สูบบุหรี่ นอนดึก ก็อาจเห็นผลช้าหรืออยู่ได้ไม่นาน
Morpheus8 vs Thermage FLX กี่วันเห็นผลหลังทำ
การเห็นผลของ Morpheus8 vs Thermage FLX หลังทำจะไม่เกิดขึ้นทันที แต่ค่อย ๆ เห็นผลชัดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่ต่างกัน โดยสามารถสรุปได้ดังนี้
ระยะเวลาเห็นผลหลังทำ Morpheus8
• เริ่มเห็นผลเบื้องต้น ประมาณ 7-14 วันหลังทำ ผิวจะเริ่มรู้สึกแน่นขึ้น เรียบเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับ ริ้วรอยตื้น ๆ จางลงเล็กน้อย
• ผลลัพธ์ชัดเจน จะค่อย ๆ ชัดเจนมากขึ้นในช่วง 4-6 สัปดาห์หลังทำ เมื่อร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่เต็มที่ และไขมันบางส่วนถูกสลายลง โดยเฉพาะเรื่องผิวกระชับและหน้าเรียว
• ผลลัพธ์สูงสุด ปกติเห็นผลเต็มที่ในช่วง 2-3 เดือนหลังทำ และอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำ
ระยะเวลาเห็นผลหลังทำ Thermage FLX
• เริ่มเห็นผลเบื้องต้น บางคนจะรู้สึกผิวตึงขึ้นทันทีหลังทำเล็กน้อยจากการหดตัวของคอลลาเจนเดิม แต่ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนในช่วงแรก
• ผลลัพธ์ชัดเจน เริ่มชัดเจนในช่วง 4-8 สัปดาห์หลังทำ เมื่อคอลลาเจนใหม่เริ่มฟูเต็มผิว และผิวค่อย ๆ ตึงกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
• ผลลัพธ์สูงสุด จะเห็นผลเต็มที่ในช่วง 2-3 เดือนหลังทำ และผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำ
Morpheus8 vs Thermage FLX อยู่ได้นานแค่ไหนหลังทำ
การรักษาด้วย Morpheus8 vs Thermage FLX ต่างก็ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานในระดับหนึ่ง แต่ความคงทนของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ สภาพผิว พฤติกรรมการดูแลตนเอง และการใช้ชีวิตประจำวัน โดยสามารถสรุปได้ดังนี้
ระยะเวลาของผลลัพธ์หลังทำ Morpheus8
• ผลลัพธ์จากการยกกระชับ ปรับรูปหน้า และฟื้นฟูผิวหลังทำ Morpheus8 จะเริ่มเห็นผลชัดเจนภายใน 1-2 เดือน และสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน
• หากทำเป็นคอร์ส เช่น 2-3 ครั้งต่อปี หรือทำซ้ำทุก 6 เดือน จะช่วยยืดผลลัพธ์ให้ยาวนานขึ้น
• ปัจจัยที่ส่งผลต่อความยาวนาน ได้แก่
- อายุ (ช่วงวัย 30+ เริ่มเห็นผลเร็วแต่เสื่อมไวกว่า)
- พฤติกรรมเช่น พักผ่อนเพียงพอ, ไม่สูบบุหรี่, ไม่โดนแดดจัด
- การดูแลผิวต่อเนื่อง เช่น ใช้สกินแคร์บำรุงผิว กระตุ้นคอลลาเจน
ระยะเวลาของผลลัพธ์หลังทำ Thermage FLX
• Thermage FLX เป็นเทคโนโลยีที่ให้ผลลัพธ์ต่อเนื่องยาวนานหลังทำครั้งเดียว โดยมักเห็นผลชัดที่สุดในช่วง 2-3 เดือนหลังทำ และผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน
• หากดูแลผิวดีสามารถทำปีละครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง
• ปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุของผลลัพธ์
- สภาพผิวและโครงสร้างคอลลาเจนเดิมของแต่ละบุคคล
- การควบคุมการเสื่อมของคอลลาเจน เช่น หลีกเลี่ยงแดด พักผ่อนเพียงพอ
- อายุยิ่งมาก การเสื่อมของผิวยิ่งเร็ว ผลลัพธ์อาจอยู่ไม่นานเท่าคนผิวแข็งแรง
Morpheus8 vs Thermage FLX ยิงกี่ช็อตถึงเห็นผล
การยิงกี่ช็อตถึงจะเห็นผลในการทำ Morpheus8 vs Thermage FLX จะแตกต่างกันตามเทคโนโลยีและบริเวณที่ทำ โดยมีรายละเอียดดังนี้
จำนวนช็อตโดยประมาณในการทำ Morpheus8
Morpheus8 ไม่ได้วัดจำนวน “ช็อต” แบบชัดเจนเหมือน Thermage แต่ใช้การนับเป็น “จุด” หรือ “pass” ต่อพื้นที่ที่รักษา โดยพลังงานจะถูกส่งผ่านเข็ม Microneedle ลงไปที่ผิวในความลึกต่างกัน
จำนวนช็อตหรือพลังงานที่ใช้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ เช่น แก้มล่าง เหนียง หรือทั่วหน้า ระดับความลึกของเข็มที่ใช้ และความหนาแน่นของพลังงาน (Energy Density)
โดยทั่วไป การทำ 1 ครั้ง (ครอบคลุมทั้งหน้า) จะมีการปล่อยพลังงานหลายร้อยจุดยิง (RF pulses) ครอบคลุมทั่วทั้งชั้นผิวที่ต้องการรักษา ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นใน 1-2 สัปดาห์ และชัดขึ้นใน 1-2 เดือน
จำนวนช็อตโดยประมาณในการทำ Thermage FLX
Thermage FLX จะวัดปริมาณการยิงเป็น “ช็อต” หรือ “shots” ที่ปล่อยพลังงาน RF ผ่านหัวทิปลงสู่ชั้นผิว โดยแต่ละช็อตคือ 1 ครั้งที่พลังงานถูกส่งเข้าสู่ผิว
จำนวนช็อตมาตรฐาน (ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ)
• ใบหน้า ประมาณ 900-1,200 ช็อต
• รอบดวงตา 450-600 ช็อต
• กรอบหน้า-เหนียง 600-900 ช็อต
• ลำตัว เช่น หน้าท้อง 1,200-1,800 ช็อต
จำนวนช็อตจะถูกปรับตามขนาดใบหน้า ความหย่อนคล้อยของผิว ผลลัพธ์ที่ต้องการให้ชัดเจน ยิ่งยิงจำนวนช็อตสูงในบริเวณที่เหมาะสม ผลลัพธ์ยิ่งชัดเจนและอยู่ได้นานขึ้น โดยทั่วไปทำเพียง 1 ครั้ง/ปี ก็เพียงพอ
Morpheus8 vs Thermage FLX เหมาะกับใครบ้าง
หลายคนที่กำลังมองหาวิธียกกระชับผิวโดยไม่ผ่าตัด อาจลังเลระหว่าง Morpheus8 vs Thermage FLX ซึ่งทั้งสองเทคโนโลยีมีจุดเด่นต่างกัน แต่ก็มีคุณสมบัติหลายอย่างที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน
1.Morpheus8 vs Thermage FLX เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่ตึงกระชับ
ไม่ว่าจะเป็นแก้มล่าง แนวกรอบหน้า หรือเหนียง ทั้ง Morpheus8 และ Thermage FLX ต่างก็ออกแบบมาเพื่อลดความหย่อนคล้อย และกระตุ้นให้ผิวกลับมาตึงกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ
2.Morpheus8 vs Thermage FLX เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ผ่าตัด
ทั้งสองเทคโนโลยีเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการศัลยกรรม ไม่ต้องการพักฟื้นยาว แต่ยังอยากยกผิวให้กระชับ ดูหน้าเรียวขึ้นโดยวิธีที่ปลอดภัย
3.Morpheus8 vs Thermage FLX เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณความหย่อนคล้อยจากวัย
ในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป ร่างกายเริ่มผลิตคอลลาเจนน้อยลง ส่งผลให้ผิวไม่เด้งเหมือนเดิม ซึ่งทั้ง Morpheus8 และ Thermage FLX สามารถช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้
4.Morpheus8 vs Thermage FLX เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ชัดเจนขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการเน้นกรอบหน้า แนวขากรรไกร หรือบริเวณคาง ทั้งสองเทคโนโลยีสามารถช่วยให้รูปหน้าโดยรวมดูคมชัดขึ้นโดยไม่ต้องใช้สารเติมเต็ม
5.Morpheus8 vs Thermage FLX เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป
ผลจากการทำ Morpheus8 และ Thermage FLX จะไม่เปลี่ยนใบหน้าในทันทีแบบศัลยกรรม แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 1-3 เดือน ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างกลมกลืน
Morpheus8 vs Thermage FLX ไม่เหมาะกับใครบ้าง
แม้ระหว่าง Morpheus8 vs Thermage FLX จะเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยยกกระชับผิวและปรับรูปหน้าได้โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ทำให้ไม่เหมาะกับบางกลุ่มคน ดังนั้นควรพิจารณาให้เหมาะสมก่อนทำ
1.Morpheus8 vs Thermage FLX ไม่เหมาะกับผู้ที่ตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
ยังไม่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยเพียงพอในกลุ่มนี้ จึงควรหลีกเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และทารก
2.Morpheus8 vs Thermage FLX ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวรุนแรงหรือใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker)
คลื่น RF อาจรบกวนการทำงานของอุปกรณ์ทางการแพทย์หรือกระตุ้นให้ภาวะโรคบางชนิดแย่ลง
3.Morpheus8 vs Thermage FLX ไม่เหมาะกับผู้ที่มีแผลเปิดหรือการติดเชื้อบนผิวบริเวณที่ต้องการรักษา
ไม่ควรทำในขณะที่ผิวยังมีภาวะอักเสบ เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือผลข้างเคียงอื่น ๆ
4.Morpheus8 vs Thermage FLX ไม่เหมาะกับผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์ทันทีหรือเทียบเท่าการศัลยกรรม
ทั้ง Morpheus8 และ Thermage FLX เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายฟื้นฟูผิวซึ่งต้องใช้เวลา และไม่ได้ให้ผลลัพธ์แบบเปลี่ยนโครงหน้าในทันทีเหมือนการผ่าตัดดึงหน้า
ความรู้สึกเจ็บขณะทำ Morpheus8 vs Thermage FLX
ความรู้สึกขณะทำระหว่าง Morpheus8 vs Thermage FLX จะแตกต่างกันอย่างชัดเจน เนื่องจากหลักการทำงานของทั้งสองเทคโนโลยีไม่เหมือนกัน โดยสามารถอธิบายได้ดังนี้
ความรู้สึกเจ็บขณะทำ Morpheus8
Morpheus8 ใช้หัวเครื่องที่มีเข็มเล็กจำนวนมาก (Microneedles) เจาะผ่านผิวหนังลงไปในชั้นลึก และส่งพลังงานคลื่น RF ผ่านเข็มในขณะเดียวกัน ซึ่งกระตุ้นทั้งความร้อนและการกระตุ้นผิว
ระดับความรู้สึก เจ็บปานกลางถึงมาก ขึ้นอยู่กับความลึกของเข็มและพลังงานที่ใช้ ความรู้สึกคือ เหมือนถูกเจาะผิวพร้อมความร้อน ลึกลงไปในผิว อาจรู้สึกแสบ ๆ หรือจี๊ด ๆ บางจุด โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวบาง เช่น ใต้ตา หรือแนวกราม
การบรรเทาอาการ มีการทายาชาทั่วใบหน้าก่อนทำประมาณ 30-45 นาที หลังทำอาจมีรอยแดง แสบ หรือบวมเล็กน้อยที่ผิวเป็นเวลา 1-3 วัน
ความรู้สึกเจ็บขณะทำ Thermage FLX
Thermage FLX ใช้พลังงานคลื่นวิทยุแบบ Monopolar ยิงผ่านผิวหนังโดยไม่เจาะ ไม่มีเข็ม และใช้เทคโนโลยี vibration & cooling system ช่วยลดความรู้สึกขณะยิง
ระดับความรู้สึก เจ็บน้อยถึงปานกลาง ความรู้สึกโดยรวมคือ อุ่น ๆ ร้อน ๆ บางจุดอาจจี๊ด แต่ไม่แสบ ไม่เจาะ ไม่มีแผล ความรู้สึกขณะยิงจะเหมือนมีความร้อนสะสมใต้ผิวสลับกับความเย็นจากหัวเครื่อง
การบรรเทาอาการ บางกรณีอาจไม่ต้องทายาชา เพราะเครื่องมีระบบระบายความร้อน หลังทำสามารถแต่งหน้าและใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นของ Morpheus8 vs Thermage FLX
แม้ว่าระหว่าง Morpheus8 vs Thermage FLX จะเป็นเทคโนโลยีที่ถือว่าไม่เป็นอันตราย แต่หลังทำอาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยที่ควรรู้ล่วงหน้า เพื่อเตรียมรับมือและวางแผนการดูแลผิวได้อย่างเหมาะสม โดยผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ที่เหมือนกันของ Morpheus8 vs Thermage FLX มีดังนี้
1.Morpheus8 vs Thermage FLX อาจมีผิวแดงหลังทำชั่วคราว
หลังจากรับพลังงาน RF ผิวบริเวณที่ทำอาจมีความแดงเล็กน้อยคล้ายผิวโดนแดด ซึ่งเป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติของผิวเมื่อได้รับความร้อน โดยมักหายภายใน 1-3 ชั่วโมง หรือไม่เกิน 1 วัน
2.Morpheus8 vs Thermage FLX อาจมีอาการบวมเล็กน้อยในบางจุด
โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวบอบบาง เช่น รอบตา หรือแนวกรอบหน้า อาจเกิดอาการบวมเล็ก ๆ ซึ่งมักหายได้เองใน 1-3 วัน
3.Morpheus8 vs Thermage FLX อาจผิวไวต่อแสงและระคายเคืองง่ายชั่วคราว
หลังทำผิวอาจไวต่อแสงแดดหรือสารเคมีบางชนิด ควรหลีกเลี่ยงแดดจัด หมั่นทาครีมกันแดด และใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยนในช่วง 1 สัปดาห์หลังทำ
4.Morpheus8 vs Thermage FLX อาจรู้สึกผิวแห้งหรือตึงเล็กน้อยในระยะสั้น
การกระตุ้นคลื่น RF อาจทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นในช่วงแรก แนะนำให้ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เข้มข้นช่วยบำรุงเพื่อฟื้นฟูสภาพผิว
คำแนะนำเตรียมตัวก่อนทำ Morpheus8 vs Thermage FLX
ก่อนเข้ารับบริการยกกระชับผิวด้วยเทคโนโลยี Morpheus8 vs Thermage FLX การเตรียมตัวที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง ฟื้นฟูผิวได้เร็วขึ้น และช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและอยู่ได้ยาวนานยิ่งขึ้น โดยทั้งสองเทคโนโลยีมีคำแนะนำการเตรียมตัวก่อนทำที่คล้ายกัน ดังนี้
1.ก่อนทำ Morpheus8 vs Thermage FLX หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและเลเซอร์อื่น ๆ อย่างน้อย 7 วันก่อนทำ
ควรหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยตรง หรือกิจกรรมที่ทำให้ผิวโดนแสง UV เป็นเวลานาน เช่น เดินกลางแดด เล่นกีฬาเอาท์ดอร์ หรืออาบแดด เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเกิดการอักเสบหรือหมองคล้ำก่อนเข้ารับบริการ
นอกจากนี้ ควรงดการทำเลเซอร์ประเภทอื่น ๆ เช่น IPL, Q-switch, หรือ fractional laser อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองสะสม และเพิ่มความเสี่ยงต่อการไหม้หรือผลข้างเคียงหลังทำ
2.ก่อนทำ Morpheus8 vs Thermage FLX งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวอย่างน้อย 3-5 วัน
ก่อนทำการรักษา ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, BHA, เรตินอล, วิตามิน A, หรือยาแต้มสิวที่มีฤทธิ์รุนแรง เพราะสารเหล่านี้อาจทำให้ผิวบางและไวต่อพลังงานจากเครื่องมือ ส่งผลให้รู้สึกแสบมากขึ้นขณะทำหรือเกิดอาการระคายเคืองหลังทำได้ง่ายกว่าปกติ
3.ก่อนทำ Morpheus8 vs Thermage FLX พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ
สภาพผิวที่ชุ่มชื้นและร่างกายที่ได้พักผ่อนเต็มที่จะช่วยให้ผิวตอบสนองต่อการรักษาได้ดีกว่า โดยเฉพาะการดื่มน้ำให้เพียงพอในช่วง 2-3 วันก่อนทำ จะช่วยให้ผิวไม่แห้งตึง ลดความระคายเคืองหลังทำ และฟื้นฟูได้เร็วขึ้น รวมถึงการนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมงก่อนเข้ารับบริการ จะช่วยลดอาการบวมแดงหลังทำได้อีกด้วย
4.ก่อนทำ Morpheus8 vs Thermage FLX หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในวันที่ทำ
แนะนำให้มารับบริการด้วยใบหน้าที่สะอาด ปราศจากเมคอัพ ครีมกันแดด หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอื่น ๆ เพื่อให้พลังงานจากเครื่องสัมผัสกับผิวได้โดยตรงอย่างมีประสิทธิภาพ
5.ก่อนทำ Morpheus8 vs Thermage FLX แจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัว หรือใช้ยาบางชนิดอยู่
ก่อนทำ Morpheus8 vs Thermage FLX ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบล่วงหน้า หากคุณมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ภูมิแพ้ผิวหนัง หรือใช้ยาประจำตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยากลุ่มต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants) ยากลุ่มสเตียรอยด์ ยารักษาสิวชนิดรับประทาน เช่น Isotretinoin
การประเมินโดยแพทย์จะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องรอยช้ำหรือผลข้างเคียง และอาจมีการปรับแผนการรักษาให้เหมาะกับร่างกายของแต่ละบุคคล
คำแนะนำดูแลตัวเองหลังทำ Morpheus8 vs Thermage FLX
หลังทำ Morpheus8 vs Thermage FLX การดูแลผิวอย่างถูกวิธีในช่วง 1-7 วันแรกมีความสำคัญมาก เพราะเป็นช่วงที่ผิวเริ่มฟื้นตัวและกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจน การปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ผลลัพธ์ชัดเจนและลดความเสี่ยงต่อการระคายเคืองหรือผลข้างเคียง
โดยทั่วไปมีคำแนะนำที่เหมือนกันหลังทำ Morpheus8 และ Thermage FLX ดังนี้
1.หลังทำ Morpheus8 vs Thermage FLX หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและความร้อนอย่างน้อย 5-7 วัน
หลีกเลี่ยงการออกแดดโดยตรง ซาวน่า อบไอน้ำ หรือกิจกรรมที่ทำให้หน้าโดนความร้อน เพราะอาจกระตุ้นให้ผิวระคายเคืองหรือทำให้ผลลัพธ์ลดลง ควรทาครีมกันแดด SPF 50+ และสวมหมวกหรือใช้ร่มเมื่อต้องออกกลางแจ้ง
2.หลังทำ Morpheus8 vs Thermage FLX งดแต่งหน้าและใช้ผลิตภัณฑ์เข้มข้นในช่วง 1-3 วันแรก
โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีกรดผลไม้ เรตินอล วิตามินซีเข้มข้น หรือแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้ผิวที่ยังบอบบางหลังทำเกิดการระคายเคือง
3.หลังทำ Morpheus8 vs Thermage FLX ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว
เลือกใช้โฟมล้างหน้าแบบไม่มีฟอง น้ำเกลือ มอยเจอร์ไรเซอร์สูตรอ่อนโยน หรือเวชสำอาง เพื่อปลอบประโลมผิวและลดการระคายเคือง
4.หลังทำ Morpheus8 vs Thermage FLX ดื่มน้ำมาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ
การดื่มน้ำวันละ 1.5-2 ลิตร จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ส่วนการนอนหลับเพียงพอจะช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
5.หลังทำ Morpheus8 vs Thermage FLX งดการขัด ถู หรือเกาหน้าระหว่างที่ผิวกำลังฟื้นตัว
หากมีรอยแดง ผิวลอก หรือสะเก็ดบาง ๆ (ในกรณีของ Morpheus8) ควรปล่อยให้หลุดลอกเองตามธรรมชาติ เพื่อไม่ให้เกิดแผลหรือรอยดำตามมา
6.หลังทำ Morpheus8 vs Thermage FLX ติดตามผลตามนัด และปรึกษาแพทย์ทันทีหากมีอาการผิดปกติ
เช่น อาการบวมแดงนานเกิน 3 วัน เจ็บแสบผิดปกติ หรือมีตุ่มขึ้น ควรติดต่อคลินิกเพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติมอย่างเหมาะสม
Morpheus8 vs Thermage FLX ไม่มีเวลาพักหน้า เลือกอะไรดี
หากไม่มีเวลาพักหน้าและต้องใช้ชีวิตประจำวันตามปกติทันทีหลังทำ เช่น ไปทำงาน แต่งหน้า หรือเจอแสงแดดอ่อน ๆ แนะนำ Thermage FLX จะเหมาะกว่า เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ใช้เข็ม ไม่มีแผล ไม่เกิดสะเก็ด และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ทันทีหลังทำ ในขณะที่ Morpheus8 ใช้เข็มเจาะผิวร่วมกับพลังงาน RF จึงอาจทำให้ผิวแดง บวม หรือมีสะเก็ดบางจุด จึงต้องการเวลาพักผิวประมาณ 2-3 วัน และควรงดแต่งหน้าในช่วงแรก
Morpheus8 vs Thermage FLX ฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ได้ไหม
สามารถฉีดฟิลเลอร์และโบท็อกซ์ร่วมกับการทำระหว่าง Morpheus8 vs Thermage FLX ได้ แต่ควรเว้นระยะเวลาให้เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ของแต่ละหัตถการทำงานได้เต็มที่ โดยสรุปได้ดังนี้
Morpheus8 ควรทำ Morpheus8 ก่อนฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์
• หากเพิ่งฉีดฟิลเลอร์มาแล้ว ควรเว้นอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ ก่อนทำ Morpheus8 เพื่อป้องกันพลังงาน RF ส่งผลต่อฟิลเลอร์ที่ยังไม่เข้าที่
• หากต้องการทำทั้งสอง แนะนำให้ทำ Morpheus8 แล้วเว้น 1-2 สัปดาห์ ก่อนกลับมาฉีด
Thermage FLX ทำร่วมกับฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ได้เช่นกัน หลังฉีดฟิลเลอร์แล้ว ควรเว้นประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนทำ Thermage เพื่อให้ฟิลเลอร์เซตตัวดีแล้ว
สรุป ความแตกต่างของ Morpheus8 vs Thermage FLX
สรุปว่า Morpheus8 vs Thermage FLX ถือเป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด ทั้งคู่มีข้อดีร่วมกัน เช่น ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ยกผิวให้ตึงกระชับ ปรับรูปหน้าให้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม แต่ละเทคโนโลยีก็มีจุดเด่นเฉพาะ
• Morpheus8 เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับพร้อมลดไขมันเฉพาะจุด รักษาหลุมสิว กระชับรูขุมขน แต่ต้องมีเวลาพักฟื้น 2-3 วัน
• Thermage FLX เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับทั่วหน้า ลดริ้วรอย ผิวเรียบเนียน ไม่ต้องพักฟื้น และต้องการความสะดวกหลังทำทันที
ทั้งนี้การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมควรพิจารณาจากสภาพผิว ไลฟ์สไตล์ และเป้าหมายของแต่ละบุคคล แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ