ไฮยาลูรอนิก คืออะไร Hyaluronic Acid มีกี่ประเภท กี่วันถึงเห็นผลลัพธ์
ไฮยาลูรอนิก
ไฮยาลูรอนิก คืออะไร Hyaluronic Acid มีกี่ประเภท กี่วันถึงเห็นผล
ไฮยาลูรอนิก คืออะไร มีกี่ประเภท ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
ในยุคที่คนหันมาใส่ใจการดูแลผิวและชะลอวัยมากขึ้น “ไฮยาลูรอนิก” กลายเป็นหนึ่งในสารบำรุงผิวที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั้งในวงการเครื่องสำอางและวงการแพทย์ความงาม เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นตัวช่วยคืนความชุ่มชื้นและความอ่อนเยาว์ให้ผิวได้อย่างเห็นผล
อย่างไรก็ตาม ควรทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจใช้หรือฉีดไฮยาลูรอนิก บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับไฮยาลูรอนิก เช่น คุณสมบัติ ประโยชน์ ประเภท ผลข้างเคียง รวมถึงการเตรียมตัวก่อน-หลังทำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียง
ไฮยาลูรอนิกคืออะไร
ไฮยาลูรอนิก หรือกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid, HA) คือสารธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะในผิวหนังชั้นใน เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และข้อต่อ กรดไฮยาลูโรนิกมีคุณสมบัติเด่นในการอุ้มน้ำและกักเก็บความชุ่มชื้นไว้กับผิว จึงทำให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้น เต่งตึง และยืดหยุ่น อีกทั้งยังช่วยหล่อลื่นข้อต่อไม่ให้เสียดสีกัน ร่างกายสามารถผลิตกรดไฮยาลูโรนิกขึ้นเอง แต่การผลิตจะลดลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น เกิดริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อยได้
นอกจากนี้ ไฮยาลูรอนิกยังถูกนำมาสังเคราะห์และใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เช่น เซรั่มและครีมบำรุงผิว รวมถึงใช้เป็นสารฟิลเลอร์สำหรับฉีดปรับรูปหน้า เพื่อเติมเต็มริ้วรอยและช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูอีกด้วย
ประโยชน์ของไฮยาลูรอนิก
ไฮยาลูรอนิกถือเป็นหนึ่งในสารสำคัญที่มีบทบาทอย่างมากต่อสุขภาพผิว เพราะนอกจากจะช่วยให้ผิวแลดูชุ่มชื้นและอิ่มน้ำแล้ว ยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์และแข็งแรงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยประโยชน์หลักของไฮยาลูรอนิกมีดังนี้
1.ไฮยาลูรอนิกช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึก
ไฮยาลูรอนิกสามารถอุ้มน้ำได้มากถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัวเอง ทำให้ผิวคงความชุ่มชื้นยาวนาน ช่วยลดปัญหาผิวแห้ง ลอก เป็นขุย และทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ เปล่งปลั่ง ดูสุขภาพดี
2.ไฮยาลูรอนิกช่วยลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก
เมื่อผิวได้รับความชุ่มชื้นเพียงพอ เซลล์ผิวจะฟูขึ้น ริ้วรอยเล็ก ๆ และร่องลึกต่าง ๆ จะดูตื้นขึ้น ทำให้ผิวเรียบเนียนและดูอ่อนวัย อีกทั้งไฮยาลูรอนิกยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
3.ไฮยาลูรอนิกช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำร้ายจากมลภาวะและแสงแดด
ไฮยาลูรอนิกช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะและรังสี UV ลดการสูญเสียน้ำออกจากผิว และช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่ถูกทำลายให้กลับมาแข็งแรงได้เร็วขึ้น
4.ไฮยาลูรอนิกช่วยให้ผิวเรียบเนียนและแต่งหน้าง่ายขึ้น
ผิวที่ชุ่มชื้นและอิ่มน้ำจากไฮยาลูรอนิกจะดูเรียบเนียนขึ้น ทำให้การลงรองพื้นหรือเมคอัพติดทน ไม่เป็นคราบ อีกทั้งยังช่วยให้ผิวดูโกลว์สุขภาพดีอย่างดูเป็นธรรมชาติ
5.ไฮยาลูรอนิกช่วยบำรุงข้อต่อและเนื้อเยื่อในร่างกาย
นอกจากบำรุงผิวแล้ว ไฮยาลูรอนิกยังมีบทบาทในระบบข้อต่อ โดยช่วยหล่อลื่นและลดแรงเสียดสีระหว่างข้อต่อ ทำให้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการข้อติดหรือข้อเสื่อม
6.ไฮยาลูรอนิกช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
ไฮยาลูรอนิกมีส่วนช่วยกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติ ทำให้แผลเล็ก ๆ หรือรอยสิวหายเร็วขึ้น และลดการเกิดรอยแผลเป็นในระยะยาว
7.ไฮยาลูรอนิกช่วยให้ผิวกระจ่างใสและมีชีวิตชีวา
การเติมไฮยาลูรอนิกเข้าสู่ผิวอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ผิวได้รับการฟื้นฟูจากภายใน ผิวดูสดใสขึ้น สีผิวสม่ำเสมอ และดูสุขภาพดีแบบมีออร่า
ไฮยาลูรอนิกมีกี่ประเภท
ไฮยาลูรอนิกมีหลายรูปแบบให้เลือกใช้ ทั้งในรูปของเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อาหารเสริม และการฉีดเข้าสู่ผิวโดยตรง ซึ่งแต่ละแบบมีคุณสมบัติและประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน เหมาะกับการดูแลผิวในระดับที่ไม่เหมือนกัน โดยสามารถแบ่งประเภทได้ดังนี้
1.ไฮยาลูรอนิกแบบทา
เป็นรูปแบบที่เราพบได้บ่อยในครีมบำรุงผิว เซรั่ม หรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์
• คุณสมบัติ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวชั้นนอก ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอิ่มน้ำ
• ข้อดี ใช้ง่าย เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้งหรือขาดน้ำ
• ข้อจำกัด ซึมได้แค่ชั้นบนของผิวเท่านั้น จึงให้ผลเพียงชั่วคราว ไม่สามารถฟื้นฟูโครงสร้างผิวในระดับลึกได้
2.ไฮยาลูรอนิกแบบรับประทาน
อยู่ในรูปของอาหารเสริมหรือแคปซูลที่รับประทานเข้าไปเพื่อบำรุงผิวและข้อต่อจากภายใน
• คุณสมบัติ ช่วยเสริมความชุ่มชื้นให้ผิวจากภายใน และช่วยหล่อลื่นข้อต่อ
• ข้อดี สะดวก เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงอย่างต่อเนื่อง
• ข้อจำกัด เห็นผลช้า และต้องรับประทานสม่ำเสมอเป็นระยะเวลานาน
3.ไฮยาลูรอนิกแบบฉีด
เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงในวงการความงาม เนื่องจากเห็นผลชัดเจน แบ่งได้อีก 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
3.1 Filler (ฟิลเลอร์ HA)
• เป็นการฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูรอนิกชนิดเข้มข้นเพื่อเติมเต็มร่องลึกหรือปรับรูปหน้า เช่น ร่องแก้ม คาง ขมับ ใต้ตา หรือริมฝีปาก
• คุณสมบัติ เนื้อเจลมีความหนาแน่นสูง อยู่ได้นาน 6 เดือน - 1 ปี (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและตำแหน่งที่ฉีด)
• ข้อดี เห็นผลในเวลาไม่นานหลังฉีด และสามารถสลายได้หากต้องการ
3.2 Skin Booster / Mesotherapy
• เป็นการฉีดไฮยาลูรอนิกโมเลกุลเล็กเข้าสู่ผิวชั้นกลาง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน
• ข้อดี ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ เด้ง ฉ่ำ ดูสุขภาพดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวดูสดใสโดยไม่ปรับรูปหน้า
4.ไฮยาลูรอนิกตามขนาดโมเลกุล
ในแง่ของวิทยาศาสตร์การบำรุงผิว ไฮยาลูรอนิกยังแบ่งได้ตามขนาดโมเลกุล ซึ่งส่งผลต่อการซึมเข้าสู่ผิว
ประเภทโมเลกุล |
ลักษณะ |
คุณสมบัติหลัก |
High Molecular Weight HA |
โมเลกุลใหญ่ |
เคลือบผิว เพิ่มความชุ่มชื้นบนผิวชั้นนอก |
Low Molecular Weight HA |
โมเลกุลเล็ก |
ซึมลึกเข้าสู่ผิวชั้นใน ช่วยฟื้นฟูผิวและลดริ้วรอย |
Cross-linked HA |
โมเลกุลที่ผ่านการเชื่อมโยงโครงสร้าง |
ใช้ในฟิลเลอร์ มีความคงตัวสูง อยู่ได้นาน |
5.ไฮยาลูรอนิกในเครื่องสำอางและสกินแคร์สูตรเฉพาะ
หลายแบรนด์มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่น
• Multi-Weight HA รวมหลายขนาดโมเลกุลเพื่อให้บำรุงได้ครบทุกชั้นผิว
• Nano HA โมเลกุลขนาดเล็กพิเศษ ช่วยซึมลึกและให้ความชุ่มชื้นยาวนานกว่า
• Encapsulated HA บรรจุอยู่ในแคปซูลนาโน ปล่อยสารออกอย่างต่อเนื่อง
ใครที่เหมาะกับการใช้ไฮยาลูรอนิก
ไฮยาลูรอนิกเป็นสารที่ร่างกายสามารถสร้างได้เองตามธรรมชาติ และสามารถนำมาใช้ในรูปแบบการฉีดหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิว จึงเหมาะกับคนแทบทุกกลุ่มที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาชุ่มชื้น อิ่มฟู และดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มมีสัญญาณแห่งวัยหรือผิวขาดน้ำ สำหรับกลุ่มคนที่เหมาะกับการใช้ไฮยาลูรอนิก ดังนี้
1.ไฮยาลูรอนิกเหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง ขาดน้ำ หรือขาดความชุ่มชื้น
ผิวแห้งมักเกิดจากการสูญเสียน้ำในชั้นผิว ทำให้ผิวดูหมอง ลอก และแต่งหน้าไม่ติด ไฮยาลูรอนิกช่วยเพิ่มระดับความชุ่มชื้น กักเก็บน้ำในผิวได้ยาวนาน ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ เรียบเนียน และสุขภาพดี
2.ไฮยาลูรอนิกเหมาะกับผู้ที่มีผิวหมองคล้ำจากมลภาวะหรือแสงแดด
แสง UV และฝุ่นละอองทำให้ผิวเสื่อมโทรม สูญเสียน้ำและคอลลาเจน การใช้ผลิตภัณฑ์หรือฉีดไฮยาลูรอนิกจะช่วยฟื้นฟูสมดุลของผิว เพิ่มความชุ่มชื้นและความกระจ่างใส
3.ไฮยาลูรอนิกเหมาะกับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยหรือร่องลึก
เมื่ออายุมากขึ้น ไฮยาลูรอนิกในร่างกายจะลดลง ทำให้ผิวหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอย การเติมไฮยาลูรอนิกกลับเข้าสู่ผิวช่วยให้ผิวอิ่มฟู ร่องลึกตื้นขึ้น และดูอ่อนเยาว์กว่าเดิม
4.ไฮยาลูรอนิกเหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าโดยไม่ผ่าตัด
การฉีดไฮยาลูรอนิกแบบฟิลเลอร์ (Filler) เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องลึก เช่น เติมคางให้เรียวยาว เติมขมับให้เต็ม เติมริมฝีปากให้อวบอิ่ม เติมใต้ตาให้ดูสดใส ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องพักฟื้นนาน และสามารถสลายได้หากไม่ต้องการ
5.ไฮยาลูรอนิกเหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้สดใส ฉ่ำวาว
เหมาะกับผู้ที่ต้องการลุคผิวใสแบบเกาหลี การฉีดสกินบูสเตอร์ (Skin Booster) ที่มีส่วนผสมของ HA เช่น Rejuran, Revive, SkinVive จะช่วยให้ผิวฉ่ำ โกลว์ และเรียบเนียนจากภายใน
6.ไฮยาลูรอนิกเหมาะกับผู้ที่มีผิวอ่อนแอ แพ้ง่าย หรือผ่านการทำเลเซอร์บ่อย
ไฮยาลูรอนิกช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว ลดการสูญเสียน้ำ และช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้นหลังการทำหัตถการ ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นและทนต่อมลภาวะได้ดี
7.ไฮยาลูรอนิกเหมาะกับผู้ที่ทำงานในห้องแอร์หรือเผชิญมลภาวะเป็นประจำ
สภาพอากาศแห้งจากเครื่องปรับอากาศหรือมลพิษในเมืองจะทำให้ผิวขาดน้ำ ไฮยาลูรอนิกช่วยคืนสมดุลความชุ่มชื้นให้ผิวและป้องกันการแห้งกร้าน
8.ไฮยาลูรอนิกเหมาะกับผู้ที่ต้องการชะลอวัยและบำรุงผิวในระยะยาว
ไฮยาลูรอนิกสามารถใช้ได้ทั้งแบบทา รับประทาน และฉีด เพื่อรักษาระดับความชุ่มชื้นในผิว การบำรุงอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย และคงความอ่อนเยาว์ไว้ได้นาน
ไฮยาลูรอนิกแบบฉีดคืออะไร
ไฮยาลูรอนิกแบบฉีด คือ การใช้สารเติมเต็มไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid, HA) ที่สังเคราะห์ขึ้นในรูปแบบเจลฉีดเข้าสู่ผิวหนัง โดยมากใช้ในรูปแบบฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มริ้วรอย เติมปริมาตรผิว หรือปรับรูปหน้า เช่น เติมร่องแก้ม เติมใต้ตา จมูก คาง และริมฝีปาก ไฮยาลูรอนแบบฉีดจะช่วยล็อกความชุ่มชื้นในชั้นผิว ทำให้ผิวดูอิ่มฟู เต่งตึง และลดความหย่อนคล้อยได้ ผลลัพธ์สามารถเห็นได้ภายใน 2-4 สัปดาห์และอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และการดูแลผิวของแต่ละคน
นอกจากนี้ ไฮยาลูรอนิกแบบฉีดยังใช้รักษาทางการแพทย์ เช่น ฉีดในข้อเข่าเพื่อบรรเทาอาการปวดข้อเข่าเสื่อม โดยทำหน้าที่เป็นน้ำหล่อลื่นช่วยลดการเสียดสีของข้อต่อด้วย
ข้อดีของการฉีดไฮยาลูรอนิก
การฉีดไฮยาลูรอนิก หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ ฟิลเลอร์ (Filler) และ สกินบูสเตอร์ (Skin Booster) เป็นหนึ่งในหัตถการยอดนิยมในวงการความงาม เพราะสามารถช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ เติมเต็มร่องลึก และเพิ่มความชุ่มชื้นได้อย่างเห็นผล โดยข้อดีของการฉีดไฮยาลูรอนิกมีดังนี้
1.การฉีดไฮยาลูรอนิกเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยให้ตื้นขึ้น
• ไฮยาลูรอนิกมีคุณสมบัติในการเพิ่มปริมาตรให้ผิว จึงสามารถเติมเต็มร่องลึกต่าง ๆ เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือรอยย่นบนหน้าผากได้อย่างเป็นธรรมชาติ
• ผิวที่เคยยุบตัวหรือหย่อนคล้อยจะกลับมาเรียบเนียน ริ้วรอยลดลง ใบหน้าดูสดใสขึ้น
2.การฉีดไฮยาลูรอนิกปรับรูปหน้าให้สวยได้สัดส่วน
• ฟิลเลอร์ไฮยาลูรอนิกสามารถใช้ปรับรูปหน้าได้หลายบริเวณ เช่น เติมคางให้เรียวยาว ขมับให้เต็ม หน้าผากให้โค้งมน หรือเติมริมฝีปากให้อวบอิ่ม
• เหมาะสำหรับผู้ที่อยากปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องศัลยกรรม เพราะสามารถสลายออกได้หากไม่ต้องการผลลัพธ์นั้นอีก
3.การฉีดไฮยาลูรอนิกเพิ่มความชุ่มชื้นและความอิ่มน้ำให้ผิว
• ไฮยาลูรอนิกเป็นสารที่สามารถกักเก็บน้ำได้มากถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัวเอง
• เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวจะช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ เด้ง ใส ฉ่ำวาว ดูสุขภาพดี หรือเรียกว่าผิว Glass Skin
• ผิวหน้าที่แห้งกร้านหรือหมองคล้ำจะดูสดใสขึ้นทันที
4.การฉีดไฮยาลูรอนิกฟื้นฟูสภาพผิวให้แข็งแรงจากภายใน
• การฉีดสกินบูสเตอร์ที่มีไฮยาลูรอนิกเป็นส่วนประกอบ จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
• ผิวจะค่อย ๆ แข็งแรงขึ้น ยืดหยุ่นมากขึ้น และมีความทนต่อมลภาวะหรือแสงแดดได้ดีขึ้น
5.การฉีดไฮยาลูรอนิกลดรอยสิวและช่วยให้รอยแผลเป็นดูเรียบเนียน
• ไฮยาลูรอนิกช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิว ทำให้รอยสิวหรือหลุมสิวดูตื้นขึ้น
• ผิวหน้าเรียบเนียนและดูมีพื้นผิวที่สม่ำเสมอมากกว่าเดิม
6.การฉีดไฮยาลูรอนิกช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์และกระจ่างใสขึ้น
• หลังฉีด HA ผิวจะได้รับน้ำและสารบำรุงจากภายใน ทำให้ดูอิ่มฟู กระจ่างใส
• ผิวหน้าจะเปล่งปลั่งขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับผู้ที่ต้องการ “ลุคผิวเด็ก” หรือ “ผิวฉ่ำวาว”
7.การฉีดไฮยาลูรอนิกฟื้นฟูใต้ตาคล้ำและความล้าของใบหน้า
• การฉีดไฮยาลูรอนิกบริเวณใต้ตา ช่วยเติมเต็มร่องลึกและลดรอยคล้ำ ทำให้ตาดูสดใสขึ้น
• เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาตาคล้ำจากการพักผ่อนน้อย หรืออายุที่มากขึ้น
8.การฉีดไฮยาลูรอนิกช่วยให้แต่งหน้าง่ายและติดทนนาน
• เมื่อผิวมีความชุ่มชื้นและเรียบเนียนมากขึ้น การแต่งหน้าจะติดทนขึ้น รองพื้นไม่ตกร่อง และให้ผิวดูโกลว์สุขภาพดี
9.การฉีดไฮยาลูรอนิกกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูผิวในระยะยาว
• ไฮยาลูรอนิกที่ฉีดเข้าสู่ผิวชั้นลึกจะช่วยกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ให้ผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้น
• ทำให้ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง แม้หลังจากฉีดไปแล้วหลายเดือน
10.การฉีดไฮยาลูรอนิกให้ผลลัพธ์ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้
• ไฮยาลูรอนิกเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายอยู่แล้ว จึงมีความเสี่ยงน้อย
• หากไม่ต้องการผลลัพธ์นั้นอีก สามารถฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase เพื่อสลายออกได้
ไฮยาลูรอนิก ฉีดจุดไหนได้บ้าง
การฉีดไฮยาลูรอนิก เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะสามารถใช้ได้ทั้งในด้านการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น อิ่มฟู และการปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องลึก ให้ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ไฮยาลูรอนิกแบบฉีดมีความยืดหยุ่นสูง แพทย์สามารถปรับเทคนิคการฉีดได้หลากหลาย จึงสามารถใช้ได้ในหลายตำแหน่งของใบหน้าและร่างกาย โดยบริเวณยอดนิยมที่สามารถฉีดไฮยาลูรอนิกได้ มีดังนี้
1.ฉีดไฮยาลูรอนิกบริเวณใต้ตา
• ช่วยอะไร เติมเต็มร่องลึกใต้ตา ลดความหมองคล้ำและอาการตาดูล้า
• ผลลัพธ์ ใบหน้าดูสดใส อ่อนวัยขึ้น ตาดูไม่โทรม
• เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีเบ้าตาลึก ร่องใต้ตาชัด หรือผิวใต้ตาบาง
2.ฉีดไฮยาลูรอนิกบริเวณร่องแก้ม
• ช่วยอะไร เติมเต็มร่องลึกระหว่างจมูกถึงมุมปาก ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
• ผลลัพธ์ ร่องแก้มดูตื้นขึ้น หน้าดูสดใส ไม่เหนื่อยล้า
• เหมาะสำหรับ ผู้ที่เริ่มมีอายุ หรือมีร่องแก้มชัดจากการยุบตัวของไขมันใต้ผิว
3.ฉีดไฮยาลูรอนิกบริเวณร่องน้ำหมาก
• ช่วยอะไร ลดร่องลึกจากมุมปากลงมาคาง ซึ่งทำให้หน้าดูเศร้า
• ผลลัพธ์ ปรับมุมปากให้ยกขึ้น ใบหน้าดูอ่อนโยนมากขึ้น
4.ฉีดไฮยาลูรอนิกบริเวณริมฝีปาก
• ช่วยอะไร เติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่ม ชุ่มชื้น และได้รูปทรงสวย
• ผลลัพธ์ ริมฝีปากดูอิ่มน้ำ ไม่แห้งแตก และดูมีมิติ
• เหมาะสำหรับ ผู้ที่ริมฝีปากบาง แห้ง หรือไม่สมมาตร
5.ฉีดไฮยาลูรอนิกบริเวณคาง
• ช่วยอะไร ปรับรูปหน้าให้เรียวยาวและได้สัดส่วนมากขึ้น
• ผลลัพธ์ เสริมคางให้สวยได้รูปแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องศัลยกรรม
• เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีคางสั้น คางตัด หรืออยากปรับกรอบหน้าให้ดูเรียว
6.ฉีดไฮยาลูรอนิกบริเวรขมับ
• ช่วยอะไร เติมเต็มขมับที่ยุบหรือแบน ให้ใบหน้าดูเต็มและสมดุล
• ผลลัพธ์ หน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น โครงหน้าดูละมุนมากขึ้น
• เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีขมับตอบ หรือใบหน้าดูแข็ง
7.ฉีดไฮยาลูรอนิกบริเวณหน้าผาก
• ช่วยอะไร เติมเต็มร่องย่นแนวนอน และปรับความโค้งมนของหน้าผาก
• ผลลัพธ์ หน้าผากเรียบเนียน มีมิติ ใบหน้าดูละมุนขึ้น
• เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีรอยย่นชัด หรือหน้าผากแบน
8.ฉีดไฮยาลูรอนิกบริเวณแก้มตอบ
• ช่วยอะไร เติมแก้มที่ยุบให้เต็มขึ้น ช่วยให้หน้าดูมีวอลลุ่ม
• ผลลัพธ์ หน้าดูอิ่มฟู เด้ง สดใส และมีโครงหน้าสวยสมส่วน
9.ฉีดไฮยาลูรอนิกบริเวณจมูก
• ช่วยอะไร ใช้ปรับสันจมูกให้โด่งขึ้น หรือปรับปลายจมูกให้ยก
• ผลลัพธ์ ได้จมูกทรงสวยได้รูปโดยไม่ต้องผ่าตัด
• หมายเหตุ ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากบริเวณนี้มีเส้นเลือดสำคัญ
10.ฉีดไฮยาลูรอนิกบริเวณคอ
• ช่วยอะไร ลดริ้วรอยแนวนอนบริเวณลำคอ ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
• ผลลัพธ์ คอดูเรียว กระชับ และลดความเหี่ยวย่น
11.ฉีดไฮยาลูรอนิกบริเวณผิวทั่วใบหน้า
• ช่วยอะไร ฟื้นฟูผิวจากภายใน เพิ่มความชุ่มชื้น ลดรูขุมขน และปรับผิวให้เรียบเนียน
• ผลลัพธ์ ผิวดูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว มีความยืดหยุ่นและกระจ่างใส
• เหมาะสำหรับ ทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวหมอง แห้ง หรือขาดการบำรุง
12.ฉีดไฮยาลูรอนิกบริเวณอื่น ๆ ที่สามารถฉีดได้
นอกจากใบหน้า ยังสามารถฉีดไฮยาลูรอนิกในส่วนอื่นของร่างกาย เช่น
• มือ เติมเต็มผิวมือให้เรียบเนียน ลดความเหี่ยวย่น
• ลำคอและเนินอก เพิ่มความชุ่มชื้น ลดริ้วรอยจากแสงแดด
• ข้อเข่า / ข้อต่อ ใช้ในทางการแพทย์เพื่อหล่อลื่นข้อต่อ
ฉีดไฮยาลูรอนิก กี่วันถึงเห็นผล
หลังฉีดไฮยาลูรอนิกแบบฟิลเลอร์จะเห็นผลทันทีในเรื่องผิวที่ดูเต็มขึ้นและริ้วรอยลดลง และผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นภายใน 2-3 วันหลังฉีด เนื่องจากสารเติมเต็มเริ่มปรับตัวและผิวได้รับความชุ่มชื้นเต็มที่ ผลลัพธ์โดยรวมอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์และเทคนิคของแพทย์
ฉีดไฮยาลูรอนิกอยู่ได้นานกี่เดือน
การฉีดไฮยาลูรอนิกฟิลเลอร์โดยทั่วไปจะอยู่ได้นานประมาณ 6 ถึง 18 เดือน แต่บางรุ่นและบางยี่ห้อสามารถอยู่ได้นานถึง 24 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์เทคโนโลยีการผลิต ตำแหน่งที่ฉีด และการดูแลตัวเองหลังฉีด ตัวอย่างเช่น ฟิลเลอร์ Juvederm อยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน ขณะที่ Teoxane RHA บางรุ่นอยู่ได้นานถึง 18 เดือนหรือมากกว่า ส่วน Neuramis อยู่ได้ประมาณ 6-9 เดือน
นอกจากนี้ ช่วงอายุ การเผาผลาญของร่างกาย ไลฟ์สไตล์ และปัจจัยส่วนบุคคลอื่นๆ ก็มีผลต่อความยาวนานของฟิลเลอร์ด้วย การฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์และดูแลตัวเองตามคำแนะนำหลังฉีดจะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
ฉีดไฮยาลูรอนิกอันตรายไหม
การฉีดไฮยาลูรอนิกโดยทั่วไปถือว่าค่อนข้างอันตรายน้อย เพราะกรดไฮยาลูโรนิกเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ การใช้ฟิลเลอร์ไฮยาลูรอนิกของแท้ที่ผ่านการรับรอง และฉีดโดยแพทย์ในคลินิกมาตรฐาน จะเสี่ยงมีผลข้างเคียงน้อยและไม่รุนแรง ผลข้างเคียงที่อาจเกิดได้ส่วนใหญ่เป็นรอยเข็ม บวมแดง รอยช้ำเล็กน้อย และมักหายได้เองภายใน 7-14 วัน
อย่างไรก็ดี อาจเกิดอาการแพ้ได้ในบางรายแม้จะพบได้น้อยมาก เช่น บวมแดงหรือก้อนนูนบริเวณฉีด และในบางกรณีอาการแพ้อาจเกิดขึ้นช้าเป็นเดือนหรือปีหลังฉีด ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือฉีดผิดวิธีอาจเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น เส้นเลือดอุดตัน การติดเชื้อ หรือแม้แต่ตาบอดได้ ดังนั้นควรเลือกฉีดกับแพทย์และใช้ผลิตภัณฑ์แท้เท่านั้น
นอกจากนี้ ผู้ที่ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือมีโรคมะเร็งควรหลีกเลี่ยงการฉีดไฮยาลูรอนิก เนื่องจากอาจกระทบต่อสุขภาพได้
ฉีดไฮยาลูรอนิกมีผลข้างเคียงไหม
แม้ว่าไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid หรือ HA) จะเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายของเรา แต่การฉีดเข้าสู่ผิวโดยตรงก็ถือเป็นหัตถการทางการแพทย์ ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฉีดโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ ดังนั้นการทำความเข้าใจถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถป้องกันและดูแลได้อย่างถูกวิธี
ผลข้างเคียงทั่วไป (มักเกิดขึ้นชั่วคราว)
ผลข้างเคียงเหล่านี้มักไม่อันตราย และจะค่อย ๆ หายไปภายในไม่กี่วันหลังการฉีด
1.บวม แดง หรือช้ำบริเวณที่ฉีด
• เกิดจากการที่เข็มสัมผัสกับหลอดเลือดเล็ก ๆ ใต้ผิว
• มักพบในบริเวณที่ผิวบาง เช่น ใต้ตา หรือริมฝีปาก
• วิธีดูแล ประคบเย็นใน 24 ชั่วโมงแรก หลีกเลี่ยงความร้อนและการสัมผัสแรง ๆ
2.เจ็บหรือระบมเล็กน้อยหลังฉีด
• อาจรู้สึกตึง ๆ หรือเจ็บเมื่อสัมผัสในช่วง 1-3 วันแรก
• วิธีดูแล สามารถทายาชาหรือรับประทานยาแก้ปวดที่แพทย์สั่งได้
3.ก้อนนูนเล็ก ๆ หรือผิวไม่เรียบชั่วคราว
• เกิดจากการกระจายตัวของสาร HA ยังไม่สมบูรณ์
• วิธีดูแล ส่วนใหญ่จะนุ่มลงภายใน 1-2 สัปดาห์ หากยังไม่หายสามารถให้แพทย์นวดกระจายหรือละลายได้
4.ผิวคันหรือระคายเคืองเล็กน้อย
• เป็นอาการตอบสนองของร่างกายต่อสารแปลกปลอม ซึ่งจะหายไปเอง
• วิธีดูแล หลีกเลี่ยงการเกาและใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว
ผลข้างเคียงที่พบได้ไม่บ่อย (ต้องพบแพทย์ทันที)
แม้จะเกิดขึ้นน้อยมาก แต่ควรระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจเป็นภาวะที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์โดยด่วน
1.การติดเชื้อบริเวณที่ฉีด
• สาเหตุ อุปกรณ์ไม่สะอาด หรือการดูแลหลังฉีดไม่ถูกต้อง
• อาการ ปวด บวม ร้อน แดง หรือมีหนอง
• แนวทางรักษา พบแพทย์เพื่อรับยาปฏิชีวนะ หรือทำการรักษาเฉพาะจุด
2.การอุดตันของเส้นเลือด
• สาเหตุ ฉีดสาร HA เข้าไปในเส้นเลือดโดยตรง หรือกดทับเส้นเลือด
• อาการ ผิวซีดลงอย่างเฉียบพลัน ปวดมาก หรือมีรอยม่วงคล้ำ
• อันตราย หากปล่อยไว้อาจทำให้เนื้อตาย หรือในกรณีรุนแรงอาจกระทบต่อการมองเห็น
• แนวทางรักษา แพทย์จะฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase เพื่อสลายสาร HA ทันที
3.การแพ้หรือการอักเสบใต้ผิว
• พบได้น้อยมาก เนื่องจาก HA เป็นสารที่ร่างกายมีอยู่แล้ว
• อาการ ผิวแดงร้อน มีผื่น หรือบวมผิดปกติ
• แนวทางรักษา แพทย์จะให้ยาลดอาการแพ้หรือยาสเตียรอยด์ตามความเหมาะสม
4.ผิวเป็นก้อนแข็งหรือลูกคลื่นถาวร
• สาเหตุ ใช้ฟิลเลอร์คุณภาพต่ำ หรือฉีดผิดชั้นผิว
• แนวทางรักษา ฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase เพื่อละลายออกได้
การเตรียมตัวก่อนฉีดไฮยาลูรอนิก
ก่อนเข้ารับการฉีดไฮยาลูรอนิก ไม่ว่าจะเป็น ฟิลเลอร์ (Filler) หรือ สกินบูสเตอร์ (Skin Booster) การเตรียมตัวให้พร้อมทั้งด้านร่างกายและผิวเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยดูเป็นธรรมชาติ ลดความเสี่ยงของอาการบวม ช้ำ หรือผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแนวทางการเตรียมตัวก่อนฉีดไฮยาลูรอนิกที่ควรรู้ก่อนเข้าคลินิก มีดังนี้
1.ก่อนฉีดไฮยาลูรอนิกปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
• แจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว หรือการแพ้ยา ที่เคยเกิดขึ้น
• หากมีการใช้ยาเป็นประจำ (เช่น ยาละลายลิ่มเลือด, ยาแก้อักเสบ หรืออาหารเสริมบางชนิด) ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้า
• ให้แพทย์ประเมินลักษณะใบหน้า จุดที่ต้องการฉีด และเลือกชนิดของไฮยาลูรอนิกที่เหมาะสม
2.ก่อนฉีดไฮยาลูรอนิกหลีกเลี่ยงยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด 5-7 วันก่อนฉีด
เพื่อป้องกันการเกิดรอยช้ำหรือเลือดออกใต้ผิวหลังฉีด ควรงดผลิตภัณฑ์เหล่านี้ชั่วคราว (เว้นแต่แพทย์สั่งให้ใช้ต่อเนื่อง) เช่น
• แอสไพริน (Aspirin)
• ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
• วิตามินอี (Vitamin E)
• น้ำมันปลา (Fish Oil)
• โสม (Ginseng)
• กระเทียมสกัด หรือผลิตภัณฑ์สมุนไพรบางชนิด
หมายเหตุ หากมีโรคประจำตัวที่ต้องใช้ยาเป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยาเสมอ
3.ก่อนฉีดไฮยาลูรอนิกงดแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ 24-48 ชั่วโมงก่อนฉีด
• เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และนิโคตินจะทำให้เส้นเลือดขยายตัว ส่งผลให้เกิดรอยช้ำหรือบวมง่าย
• การงดก่อนฉีดจะช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วและลดโอกาสเกิดรอยเขียวหลังทำ
4.ก่อนฉีดไฮยาลูรอนิกควรดื่มน้ำให้เพียงพอและพักผ่อนให้เพียงพอ
• ไฮยาลูรอนิกต้องการน้ำเพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ “อิ่มฟู” และ “ชุ่มชื้น” ยิ่งขึ้น
• ดื่มน้ำวันละ 1.5-2 ลิตรในช่วง 2-3 วันก่อนฉีด
• นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดก่อนเข้ารับหัตถการ
5.ก่อนฉีดไฮยาลูรอนิกงดทำหัตถการหรือเลเซอร์อื่น ๆ บริเวณใบหน้า 3-5 วันก่อนฉีด
เช่น เลเซอร์หน้าใส สครับผิว มาส์กหน้าแรง ๆ กดสิว หรือทำทรีตเมนต์รุนแรง เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดการอักเสบได้ง่ายในระหว่างฉีด
6.ก่อนฉีดไฮยาลูรอนิกล้างหน้าให้สะอาดก่อนฉีด และหลีกเลี่ยงการแต่งหน้า
• ในวันฉีด ควรมาโดยไม่แต่งหน้าและไม่ทาครีมบำรุง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของแบคทีเรีย
• หากจำเป็น แพทย์จะทำความสะอาดใบหน้าและฆ่าเชื้อก่อนเริ่มหัตถการ
7.ก่อนฉีดไฮยาลูรอนิกเตรียมสภาพจิตใจและตั้งความคาดหวังให้เหมาะสม
• เข้าใจว่าผลลัพธ์ของไฮยาลูรอนิกอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
• ผิวบางคนอาจเห็นผลเร็ว บางคนต้องใช้เวลาหลายวันกว่าผิวจะเข้าที่
• หากต้องการปรับรูปหน้าหรือเติมเต็มหลายจุด ควรให้แพทย์วางแผนเป็นขั้นตอน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยและปลอดภัยที่สุด
8.ก่อนฉีดไฮยาลูรอนิกเตรียมเวลาให้เพียงพอหลังทำ
• หลังฉีดอาจมีอาการบวมเล็กน้อย ควรเว้นระยะเวลาอย่างน้อย 2-3 วันก่อนออกงานสำคัญ
• หากเป็นฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า ผลลัพธ์จะเข้าที่ภายใน 7-14 วัน
การดูแลตัวเองหลังฉีดไฮยาลูรอนิก
หลังจากฉีดไฮยาลูรอนิก ไม่ว่าจะเป็น ฟิลเลอร์ (Filler) เพื่อปรับรูปหน้า หรือ สกินบูสเตอร์ (Skin Booster) เพื่อฟื้นฟูผิว สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ การดูแลตัวเองหลังทำ เพราะจะช่วยให้สาร HA ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ลดโอกาสเกิดอาการบวม ช้ำ หรือการอักเสบ อีกทั้งยังช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและดูเป็นธรรมชาติ
1.หลังฉีดไฮยาลูรอนิกประคบเย็นทันทีหลังฉีด (ภายใน 24 ชั่วโมงแรก)
• ช่วยลดอาการบวม แดง หรือช้ำที่อาจเกิดขึ้นหลังทำ
• ควรประคบด้วยผ้าเย็นหรือเจลแพ็กห่อผ้าสะอาด วันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 10-15 นาที
• ห้ามประคบร้อนหรือใช้น้ำแข็งวางบนผิวโดยตรง เพราะอาจทำให้ผิวไหม้หรือระคายเคือง
2.หลังฉีดไฮยาลูรอนิกหลีกเลี่ยงการสัมผัส บีบ นวด หรือเกาในบริเวณที่ฉีด
• ในช่วง 3-5 วันแรก ไม่ควรนวดหน้าแรง ๆ หรือแตะบริเวณที่ฉีดบ่อย ๆ เพราะอาจทำให้สาร HA เคลื่อนตัวหรือกระจายผิดตำแหน่ง
• หากรู้สึกมีก้อนเล็ก ๆ ใต้ผิว ควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมินก่อน ไม่ควรนวดเอง
3.หลังฉีดไฮยาลูรอนิกหลีกเลี่ยงความร้อนสูงและกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก
• งดซาวน่า อบไอน้ำ นวดหน้า หรืออาบน้ำร้อนจัดอย่างน้อย 7 วัน
• หลีกเลี่ยงแสงแดดแรง ๆ และการออกกำลังกายหนัก เพราะอุณหภูมิสูงจะเร่งการสลายตัวของ HA
• หากจำเป็นต้องออกกลางแจ้ง ควรทาครีมกันแดด SPF 50+ และใส่หมวกป้องกันแสง UV
4.หลังฉีดไฮยาลูรอนิกงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ 1-3 วันหลังฉีด
• แอลกอฮอล์และนิโคตินมีผลทำให้หลอดเลือดขยายตัว เพิ่มโอกาสเกิดรอยช้ำหรือบวม
• ยังส่งผลให้สาร HA สลายเร็วกว่าปกติ
5.หลังฉีดไฮยาลูรอนิกดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ (อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร)
• ไฮยาลูรอนิกมีคุณสมบัติ “อุ้มน้ำ” การดื่มน้ำมากจะช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูและผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
• ควรดื่มน้ำเปล่ามากกว่าเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์
6.หลังฉีดไฮยาลูรอนิกระวังท่านอนในช่วง 1-2 วันแรก
• ควรนอนหงาย หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือคว่ำหน้า เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัว
• ใช้หมอนหนุนศีรษะให้สูงเล็กน้อย เพื่อลดอาการบวม
7.หลังฉีดไฮยาลูรอนิกหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหรือสกินแคร์บางชนิดใน 24 ชั่วโมงแรก
• งดแต่งหน้าในวันแรกหลังฉีด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
• หลังจากนั้นสามารถใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่อ่อนโยน ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือกรดผลไม้ (AHA, BHA, Retinol)
• หลีกเลี่ยงมาส์กหน้าหรือขัดผิวแรง ๆ ประมาณ 5-7 วัน
8.หลังฉีดไฮยาลูรอนิกหลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่น ๆ บนใบหน้าในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
เช่น เลเซอร์ทุกชนิด RF, HIFU, Thermage การฉีดโบท็อกซ์ หรือเมโสหน้าใส เพื่อป้องกันความร้อนหรือแรงกดกระทบต่อบริเวณที่ฉีดไฮยาลูรอนิก
9.หลังฉีดไฮยาลูรอนิกอาการบวมและช้ำจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 3-7 วัน
• อาการเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องกังวล
• หากมีอาการบวมมากขึ้น เจ็บ ปวด หรือผิวซีดผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที
10.หลังฉีดไฮยาลูรอนิกเข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผล
• แพทย์จะตรวจประเมินผลลัพธ์หลังฉีด ประมาณ 2 สัปดาห์หลังทำ
• หากต้องการปรับเติมหรือแก้ไข สามารถทำได้ในช่วงนี้เพื่อให้ผลลัพธ์สมบูรณ์ที่สุด
สรุป ไฮยาลูรอนิก ดีไหม
สรุปว่า ไฮยาลูรอนิกถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการดูแลผิวยุคใหม่ เพราะไม่เพียงช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้น แต่ยังช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิว ลดเลือนริ้วรอย และปรับสมดุลให้ผิวแข็งแรงจากภายใน โดยเฉพาะการฉีดไฮยาลูรอนิก ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
ไม่ว่าคุณจะต้องการผิวฉ่ำใสแบบเกาหลี ลดริ้วรอยร่องลึก หรือปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน โดยไม่ต้องศัลยกรรม ไฮยาลูรอนิกก็สามารถตอบโจทย์ได้ครบทุกมิติ การเลือกแพทย์และคลินิกที่ได้มาตรฐานคือสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้คุณได้ผลลัพธ์สวยอย่างดูเป็นธรรมชาติ ลดความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียง และเห็นผลในระยะยาว
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ