โปรแกรม Juvelook คืออะไร ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน
Juvelook
Juvelook คืออะไร ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน
เพราะการดูแลผิวเพียงแค่สกินแคร์อาจไม่เพียงพอสำหรับบางคน “Juvelook” จึงกลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกยอดนิยมในวงการความงาม ที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูสุขภาพดี Juvelook เป็นนวัตกรรมจากเกาหลีที่รวมคุณสมบัติของสารกระตุ้นคอลลาเจน (PDLLA) และ ไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid - HA) เข้าด้วยกัน เพื่อเติมน้ำให้ผิวพร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ส่งผลให้ผิวหน้าเรียบเนียน กระชับ รูขุมขนเล็กลง และดูอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ
บทความนี้จะพาคุณมาทำความรู้จักกับ Juvelook ตั้งแต่หลักการทำงาน จุดเด่น ผลลัพธ์ ไปจนถึงการเตรียมตัวก่อนและหลังฉีด เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจก่อนทำ
Juvelook คืออะไร รู้จักไหมน้ำจากเกาหลี
Juvelook คือโปรแกรมฟื้นฟูผิวในกลุ่ม Hybrid Biostimulator ซึ่งผสมผสานสารสำคัญ 2 ชนิด ได้แก่ Poly-D,L-Lactic Acid (PDLLA) และ Hyaluronic Acid (HA) เข้าไว้ในผลิตภัณฑ์เดียวกัน โดย PDLLA จะไปกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ใต้ผิวให้สร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 ซึ่งเป็นคอลลาเจนหลักที่ช่วยเสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของผิว ในขณะที่ HA จะช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นและปรับผิวให้ดูอิ่มฟูหลังฉีด
Juvelook มีลักษณะเด่นที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนแบบธรรมชาติ พร้อมเติมเต็มผิวในขั้นตอนเดียว ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยเล็กๆ หลุมสิว ผิวหย่อนคล้อย รูขุมขนกว้าง และผิวหมองคล้ำ ทำให้ผิวเรียบเนียน กระชับ และมีความยืดหยุ่นดีขึ้นโดยไม่ทำให้ใบหน้าดูเปลี่ยนแปลงมาก ด้วยคุณสมบัตินี้ Juvelook จึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับคนที่อยากให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ฉ่ำวาว และดูสุขภาพดี
หลักการทำงานของ Juvelook
หลักการทำงานของ Juvelook คือการผสานคุณสมบัติของสาร 2 ชนิด คือ Hyaluronic Acid (HA) และ Poly-D,L-Lactic Acid (PDLLA) เข้าด้วยกันเพื่อให้ผลลัพธ์แบบสองระยะ ได้แก่
• ระยะสั้น Hyaluronic Acid (HA) ช่วยเติมเต็มและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวทันทีหลังฉีด ทำให้ผิวดูอิ่มฟู ฉ่ำวาว และริ้วรอยตื้น ๆ ดูเบลอขึ้นทันที
• ระยะยาว PDLLA จะค่อย ๆ กระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ใต้ผิวหนังให้สร้างคอลลาเจนใหม่ ซึ่งช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิว ทำให้ผิวกระชับ เรียบเนียนขึ้น ลดริ้วรอย หลุมสิว และผิวหย่อนคล้อยอย่างเป็นธรรมชาติ โดยผลลัพธ์นี้จะเห็นชัดขึ้นภายใน 1-6 เดือนหลังฉีด และช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและแข็งแรงมากขึ้น
นอกจากนี้ PDLLA ยังทำหน้าที่เสริมให้โมเลกุล HA ยึดเกาะผิวได้ดีขึ้น ป้องกันการไหลหรือเคลื่อนที่ของสารฉีด ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่แน่นและติดทนนาน จึงถือเป็นนวัตกรรม Hybrid Biostimulator ที่ให้ทั้งการเติมน้ำให้ผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในตัวเดียวกัน ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี ขึ้นกับแต่ละบุคคลและการดูแลผิวหลังทำ
Juvelook ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างไร
แม้ว่า Juvelook และ ฟิลเลอร์ทั่วไป จะเป็นหัตถการที่ใช้ฉีดสารเข้าสู่ผิว แต่ทั้งสองมีวัตถุประสงค์และคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้
1.จุดประสงค์ของการฉีด
• Juvelook เน้นการฟื้นฟูผิวจากภายใน ด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวแน่น กระชับ และเรียบเนียนขึ้นอย่างดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยไม่ต้องการเปลี่ยนรูปหน้า
• ฟิลเลอร์ทั่วไป เน้นการเติมเต็มโครงสร้างใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา คาง หรือริมฝีปาก เพื่อเพิ่มวอลลุ่ม ปรับรูปหน้า และแก้ไขจุดบกพร่องของใบหน้าโดยตรง
2.ส่วนประกอบหลัก
• Juvelook ประกอบด้วย PDLLA (Poly-D,L-Lactic Acid) และ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งทำงานร่วมกันโดย PDLLA ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ส่วน HA ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
• ฟิลเลอร์ทั่วไป ใช้ Hyaluronic Acid (HA) เป็นหลัก ซึ่งช่วยเติมเต็มเนื้อเยื่อที่ยุบตัว แต่ไม่ได้กระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว
3.ผลลัพธ์หลังฉีด
• Juvelook ผิวจะค่อย ๆ ดีขึ้นในช่วง 2-4 สัปดาห์หลังฉีด โดยเห็นความเปลี่ยนแปลงในเรื่องความเนียน กระชับ และความกระจ่างใสของผิว ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ประมาณ 6-12 เดือน
• ฟิลเลอร์ทั่วไป เห็นผลในเวลาไม่นานหลังฉีด เช่น ร่องลึกตื้นขึ้นหรือรูปหน้าดูอิ่มขึ้น อยู่ได้นาน 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและบริเวณที่ฉีด
4.ลักษณะเนื้อสาร
• Juvelook เนื้อค่อนข้างละเอียดและกระจายตัวได้ดี ฉีดได้ทั่วหน้าโดยไม่เป็นก้อน เหมาะกับการฟื้นฟูสภาพผิว
• ฟิลเลอร์ทั่วไป เนื้อมีความหนืดมากกว่า เหมาะสำหรับการคงรูปในบริเวณที่ต้องการโครงสร้าง เช่น คาง แก้ม หรือจมูก
5.การใช้งานและบริเวณที่ฉีด
• Juvelook ใช้ฉีดทั่วใบหน้า รวมถึงบริเวณที่มีรูขุมขนกว้าง หลุมสิว หรือริ้วรอยตื้น เช่น ใต้ตา หน้าผาก
• ฟิลเลอร์ทั่วไป ใช้เติมเต็มเฉพาะจุด เช่น คาง ร่องแก้ม ขมับ ริมฝีปาก หรือจมูก
6.การพักฟื้นหลังทำ
• Juvelook แทบไม่ต้องใช้เวลานานในการพักฟื้น ผิวอาจมีรอยแดงหรือบวมเล็กน้อย 1-2 วัน
• ฟิลเลอร์ทั่วไป ไม่ต้องพักฟื้นนาน แต่อาจมีรอยเข็มหรือบวมมากกว่าในบางจุดที่เติมเต็มปริมาณมาก
Juvelook ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง
Juvelook เป็นนวัตกรรมการฟื้นฟูผิวที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และปรับสมดุลความชุ่มชื้นของผิว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวแข็งแรง เรียบเนียน และอ่อนเยาว์อย่างดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งการเติมเต็มแบบฟิลเลอร์ทั่วไป
1.Juvelook ช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงจากภายใน
Juvelook มีส่วนผสมของ PDLLA (Poly-D,L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen Stimulator) ช่วยให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นหนังแท้ ทำให้ผิวแน่น กระชับ และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ลดปัญหาผิวบางหรือขาดน้ำ
2.Juvelook ช่วยเติมเต็มหลุมสิวและรอยแผลเป็นตื้น ๆ
PDLLA จะช่วยสร้างเนื้อเยื่อใหม่ใต้ผิว ทำให้รอยหลุมสิวค่อย ๆ ตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่เกิดการเป็นก้อนหรือแข็งเหมือนการเติมฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว รูขุมขนกว้าง หรือผิวไม่เรียบเนียน
3.Juvelook ช่วยลดเลือนริ้วรอยและร่องตื้น
Juvelook ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา มุมปาก หรือหน้าผากค่อย ๆ จางลง ผิวดูเรียบเนียนและยืดหยุ่นมากขึ้น เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยจากวัยหรือความแห้งกร้าน
4.Juvelook ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความกระจ่างใสให้ผิว
ส่วนผสมของ Hyaluronic Acid (HA) ใน Juvelook ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ทันทีหลังฉีด ผิวจะดูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว และช่วยให้ผิวกระจ่างใส ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
5.Juvelook ช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง
ด้วยการฟื้นฟูคอลลาเจนในชั้นผิว โครงสร้างผิวจะหนาแน่นขึ้น ส่งผลให้รูขุมขนดูกระชับ ผิวหน้าเรียบเนียนและแต่งหน้าง่ายขึ้น
6.Juvelook ช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอ
Juvelook ช่วยให้ผิวดูสม่ำเสมอ ลดรอยดำ รอยแดงจากสิว และช่วยให้ผิวมีโทนที่ดูสว่างขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีผิวหมองคล้ำหรือไม่เรียบ
7.Juvelook ช่วยฟื้นฟูผิวรอบดวงตาและลำคอ
Juvelook สามารถใช้ได้ในบริเวณผิวบอบบาง เช่น รอบดวงตาและลำคอ ซึ่งเป็นบริเวณที่เกิดริ้วรอยได้ง่าย ช่วยให้ผิวบริเวณนั้นเรียบตึงขึ้นโดยไม่ต้องใช้ฟิลเลอร์ที่เสี่ยงต่อการบวม
8.Juvelook ช่วยชะลอความเสื่อมของผิวตามวัย
เมื่อคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผิวจะมีความหนาแน่นและแข็งแรงขึ้น ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่และคงความอ่อนเยาว์ได้ยาวนาน
Juvelook ฉีดจุดไหนได้บ้าง
Juvelook เป็นหัตถการที่สามารถฉีดได้หลายบริเวณ เพราะเนื้อสารมีความละเอียดสูง กระจายตัวได้ดี ไม่เป็นก้อน โดยแพทย์สามารถปรับเทคนิคการฉีดให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคลได้ ซึ่งจุดที่นิยมฉีด Juvelook มีดังนี้
1.Juvelook ฉีดทั่วใบหน้า
Juvelook สามารถฉีดได้ทั่วใบหน้า เพื่อฟื้นฟูสภาพผิวโดยรวม ทำให้ผิวเนียนละเอียด รูขุมขนเล็กลง และดูอิ่มฟูสุขภาพดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวหน้าใสและเรียบเนียนทั้งใบหน้าโดยไม่ต้องเน้นเฉพาะจุด ช่วยแก้ปัญหาผิวไม่เรียบ รูขุมขนกว้าง ผิวแห้ง ขาดน้ำ ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส
2.Juvelook ฉีดใต้ตา
บริเวณใต้ตาเป็นจุดที่ผิวบางและบอบบางมาก การฉีด Juvelook จึงเป็นทางเลือกที่ดี เพราะเนื้อสารมีความละเอียด สามารถช่วยลดความหมองคล้ำ ริ้วรอยเล็ก ๆ และร่องใต้ตาตื้นได้โดยไม่บวม ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ริ้วรอยรอบดวงตา ผิวใต้ตาแห้งหรือยุบตัว
3.Juvelook ฉีดแก้ม
การฉีด Juvelook บริเวณแก้มช่วยให้ผิวที่เคยหย่อนคล้อยหรือมีหลุมสิวดูเรียบเนียนขึ้น เนื่องจาก PDLLA จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยเติมเต็มร่องและฟื้นฟูสภาพผิว ช่วยแก้หลุมสิวตื้น ๆ รอยแผลเป็นเล็กน้อย ผิวแก้มที่หย่อนคล้อย
4.Juvelook ฉีดหน้าผาก
บริเวณหน้าผากมักมีปัญหาริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า การฉีด Juvelook จะช่วยให้ผิวหน้าผากเรียบขึ้นโดยไม่แข็งตึง และช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้น ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยหน้าผาก ผิวแห้งตึง ไม่เรียบเนียน
5.Juvelook ฉีดคาง
สามารถฉีด Juvelook ที่คางได้ เพื่อฟื้นฟูผิวในบริเวณที่ขาดความยืดหยุ่น หรือมีรอยหลุมจากสิว ช่วยให้ผิวเรียบและกระชับขึ้น ช่วยแก้ปัญหาผิวคางไม่เรียบ หลุมสิวบริเวณคาง
6.Juvelook ฉีดคอ
คอเป็นอีกบริเวณหนึ่งที่มักแสดงสัญญาณของวัยได้ชัด การฉีด Juvelook จะช่วยให้ผิวคอดูเรียบเนียนขึ้น ลดริ้วรอย และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยที่คอ ผิวคอแห้ง หย่อนคล้อย
7.Juvelook ฉีดหลังมือ
นอกจากใบหน้าแล้ว Juvelook ยังสามารถใช้ฟื้นฟูผิวบริเวณหลังมือได้ดี เพราะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวหลังมือดูเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่น และดูอ่อนเยาว์ขึ้น ช่วยแก้ปัญหาผิวมือเหี่ยวย่น ขาดความชุ่มชื้น เส้นเลือดเห็นชัด
8.Juvelook ฉีดหลุมสิว
Juvelook เหมาะสำหรับผู้ที่มีหลุมสิวรอยตื้นถึงปานกลาง เพราะช่วยให้เนื้อเยื่อใหม่ใต้ผิวเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นและผิวเรียบเนียน ช่วยแก้ปัญหาหลุมสิวทั่วใบหน้า รอยแผลเป็นจากสิว
Juvelook เหมาะกับใครบ้าง
Juvelook เป็นหัตถการฟื้นฟูผิวที่ตอบโจทย์คนที่ต้องการให้ผิวแข็งแรง เรียบเนียน และอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวหลากหลายประเภท เพราะ Juvelook ไม่ใช่ฟิลเลอร์เติมเต็ม แต่เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิวจากภายใน
1.Juvelook เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว หรือผิวไม่เรียบเนียน
Juvelook ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว ทำให้หลุมสิวค่อย ๆ ตื้นขึ้น รูขุมขนเล็กลง ผิวดูเรียบเนียนขึ้นโดยไม่เป็นก้อน เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวจากรอยแผลเป็นหรือหลุมสิวเรื้อรัง
2.Juvelook เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ และผิวเริ่มหย่อนคล้อย
สำหรับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยตามวัย เช่น บริเวณหน้าผาก มุมปาก หรือใต้ตา Juvelook สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยเหล่านี้ได้ดี เพราะสาร PDLLA จะช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวกลับมาแน่นตึงและยืดหยุ่นขึ้น
3.Juvelook เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง หมองคล้ำ ขาดความชุ่มชื้น
Juvelook มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งช่วยกักเก็บน้ำไว้ในผิว ทำให้ผิวดูอิ่มฟู ฉ่ำวาว และกระจ่างใส เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวหน้าเปล่งปลั่งขึ้นดู Glass Skin
4.Juvelook เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวโดยไม่ต้องการเปลี่ยนรูปหน้า
ต่างจากฟิลเลอร์ที่มักใช้เติมเต็มหรือปรับรูปหน้า Juvelook จะไม่ทำให้ใบหน้าดูบวม หรือเปลี่ยนรูปหน้า เหมาะกับผู้ที่อยากให้ผิวดูดีขึ้นอย่างดูเป็นธรรมชาติ ดูสุขภาพดีโดยไม่ต้องแต่งเติมมาก
5.Juvelook เหมาะกับผู้ที่มีรูขุมขนกว้างและผิวไม่กระชับ
เมื่ออายุมากขึ้น รูขุมขนจะขยายและผิวเริ่มหย่อนคล้อย Juvelook จะช่วยให้ผิวแน่นขึ้นจากการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้รูขุมขนเล็กลงและผิวเรียบเนียนขึ้น
6.Juvelook เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวรอบดวงตาและลำคอ
บริเวณรอบดวงตาและลำคอมักเป็นจุดที่แสดงอายุได้ชัด เพราะผิวบางและเกิดริ้วรอยง่าย Juvelook มีเนื้อสารละเอียด สามารถฉีดได้ในบริเวณเหล่านี้โดยไม่เกิดอาการบวม เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวรอบตาและลำคอดูเรียบเนียนขึ้น
7.Juvelook เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลผิวและชะลอการเกิดริ้วรอย
Juvelook ไม่เพียงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการป้องกันการเสื่อมของผิวล่วงหน้า โดยการฉีดเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ผิวคงความแข็งแรงและอ่อนเยาว์ได้นานขึ้น
8.Juvelook เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน
หลังฉีด Juvelook จะมีเพียงรอยแดงเล็กน้อยและหายภายใน 1-2 วัน จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันต่อได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้นนานเหมือนหัตถการบางประเภท
หลังฉีด Juvelook กี่วันถึงเห็นผล
หลังฉีด Juvelook จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ใน 3-7 วันแรกในรูปแบบผิวที่ดูชุ่มชื้น อิ่มฟู และริ้วรอยตื้นๆ ดูดีขึ้นทันที เพราะส่วน Hyaluronic Acid (HA) ทำงานเติมน้ำให้ผิว แต่ผลลัพธ์การกระตุ้นคอลลาเจนจาก PDLLA ที่ช่วยให้ผิวแน่น เรียบเนียน และลดริ้วรอยลึกหรือหลุมสิว จะค่อย ๆ เห็นชัดขึ้นในช่วง 1-3 เดือนหลังฉีด และจะเห็นผลต่อเนื่องสูงสุดได้ถึง 6 เดือนหลังการฉีด ซึ่งช่วงนี้ผิวจะดูอ่อนเยาว์และกระชับขึ้นอย่างดูเป็นธรรมชาติ
Juvelook ควรฉีดกี่ซีซี
ปริมาณที่ควรฉีด Juvelook ขึ้นอยู่กับปัญหาและบริเวณที่ต้องการแก้ไข โดยทั่วไปมีแนวทางดังนี้
• Juvelook 1 ขวด มีปริมาณ 6 cc เหมาะสำหรับการฉีดในบริเวณกว้าง เช่น ทั่วใบหน้า หรือจุดที่ต้องการปรับสภาพผิวและลดริ้วรอยเล็ก ๆ
• โดยปกติแนะนำฉีดครั้งละ 1 ขวด (6 cc) ต่อครั้ง และฉีดต่อเนื่อง 3 ครั้ง ห่างกันประมาณ 1 เดือน เพื่อเห็นผลลัพธ์ชัดเจนและยาวนาน
• หากต้องการแก้ไขริ้วรอยลึก ร่องแก้ม หรือปรับกรอบหน้า อาจต้องใช้ปริมาณมากขึ้น 2-3 ขวดต่อครั้ง หรือตามคำแนะนำของแพทย์
• หลังจากฉีดต่อเนื่องครบ 3 ครั้งแล้ว สามารถฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ทุก 6-12 เดือนได้
ทั้งนี้การประเมินปริมาณและจำนวนครั้งที่เหมาะสมควรขึ้นกับลักษณะปัญหาผิวของแต่ละบุคคลและคำแนะนำจากแพทย์เพื่อผลลัพธ์ที่ดี
Juvelook ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล
Juvelook ควรฉีดต่อเนื่อง 3 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยแต่ละครั้งจะเว้นระยะห่างประมาณ 1 เดือน หลังจากครบ 3 ครั้งแล้ว สามารถฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ได้ทุก 6-12 เดือน ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ทันทีหลังฉีดในเรื่องความชุ่มชื้นและริ้วรอยตื้น ๆ และจะเห็นผลที่ชัดเจนขึ้นในเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจนภายใน 1-2 สัปดาห์ รวมถึงผลลัพธ์เต็มที่ภายใน 1-3 เดือน การฉีดครบตามจำนวนครั้งที่แนะนำช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น ลดริ้วรอย และฟื้นฟูสภาพผิวโดยรวมได้ยาวนานถึง 18-24 เดือน ขึ้นกับการดูแลและสภาพผิวของแต่ละคน
Juvelook อยู่ได้นานแค่ไหน
Juvelook ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12-16 เดือนถึงสูงสุด 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล การดูแลตัวเองหลังฉีด ปริมาณและจำนวนครั้งที่ฉีด โดยสาร Hyaluronic Acid จะเติมความชุ่มชื้นและให้ผลทันที ในขณะที่สาร PDLLA จะค่อย ๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิว ทำให้ผลลัพธ์ผิวกระชับเรียบเนียนมีความคงทน ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นชัดเจนภายใน 2-3 เดือนหลังฉีดครบคอร์ส และสามารถคงผลได้นานถึง 1-2 ปี
การเตรียมตัวก่อนฉีด Juvelook
ก่อนเข้ารับการฉีด Juvelook ควรเตรียมตัวให้พร้อมทั้งร่างกายและผิวหน้า เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดี ลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง และช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้ไวหลังทำ ซึ่งสามารถเตรียมตัวได้ตามขั้นตอนดังนี้
1.ก่อนฉีด Juvelook ปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีด
ควรเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิว ปัญหาที่ต้องการแก้ไข และวางแผนจุดที่จะฉีดให้เหมาะกับแต่ละบุคคลแพทย์จะตรวจสอบประวัติสุขภาพ ยาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน รวมถึงประวัติการแพ้ยา หากมีโรคประจำตัวหรืออยู่ในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้า
2.ก่อนฉีด Juvelook งดการใช้ยาหรืออาหารเสริมบางชนิดก่อนฉีด
งดยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 5-7 วันก่อนฉีด เช่น แอสไพริน วิตามินอี โสม น้ำมันปลา แปะก๊วย เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำหรือเลือดออกบริเวณที่ฉีด
3.ก่อนฉีด Juvelook งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
ควรงดอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนเข้ารับบริการ เนื่องจากแอลกอฮอล์และนิโคตินอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัว เพิ่มความเสี่ยงของรอยช้ำและบวมหลังฉีด
4.ก่อนฉีด Juvelook หลีกเลี่ยงการทำหัตถการหรือเลเซอร์ก่อนฉีด
ห้ามทำเลเซอร์ ทรีตเมนต์ผลัดเซลล์ผิว หรือฉีดสารอื่นในบริเวณเดียวกัน ภายใน 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ Juvelook เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือการอักเสบของผิว
5.ก่อนฉีด Juvelook พักผ่อนให้เพียงพอ
ควรนอนหลับอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงในคืนก่อนเข้ารับบริการ การพักผ่อนเพียงพอช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดี ลดโอกาสการเกิดรอยบวมแดง
6.ก่อนฉีด Juvelook งดแต่งหน้าและครีมบำรุงในวันที่เข้ารับการฉีด
ควรล้างหน้าให้สะอาดและไม่แต่งหน้าก่อนเข้าคลินิก เพื่อให้แพทย์ทำความสะอาดและฉีดสารเข้าสู่ผิวได้อย่างปลอดภัย ปราศจากสิ่งอุดตัน
7.ก่อนฉีด Juvelook แจ้งข้อมูลสำคัญกับแพทย์
หากเคยมีประวัติ แพ้สารเติมเต็ม ฟิลเลอร์ หรือยาชา ควรแจ้งแพทย์ก่อนเสมอ ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย หรือมีการติดเชื้อผิวหนังในบริเวณที่จะฉีด ควรเลื่อนการทำออกไปก่อน
8.ก่อนฉีด Juvelook เตรียมใจและวางแผนหลังฉีด
หลังฉีดอาจมีรอยแดงหรือบวมเล็กน้อย จึงควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกายหนักภายใน 24 ชั่วโมงแรก หากมีนัดถ่ายรูปหรือออกงาน ควรวางแผนทำ Juvelook ล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
การดูแลตัวเองหลังฉีด Juvelook
หลังจากฉีด Juvelook แล้ว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ผิวกำลังเริ่มกระบวนการฟื้นฟูและสร้างคอลลาเจนใหม่จากภายใน การดูแลตนเองอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยดูเป็นธรรมชาติ ผิวเรียบเนียน กระชับ และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้มากขึ้น
1.หลังฉีด Juvelook หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดนวดบริเวณที่ฉีด
หลังฉีดภายใน 24-48 ชั่วโมงแรก ควรหลีกเลี่ยงการจับ ลูบ หรือกดแรง ๆ บริเวณที่ฉีด เพราะอาจทำให้สารกระจายตัวผิดตำแหน่ง หรือทำให้เกิดรอยช้ำได้ หากจำเป็นต้องล้างหน้า ควรล้างด้วยน้ำสะอาดเบา ๆ และซับผิวด้วยผ้าสะอาดอย่างอ่อนโยน
2.หลังฉีด Juvelook หลีกเลี่ยงความร้อนและกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด
ภายใน 48 ชั่วโมงหลังฉีด ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อนจัด เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ การออกกำลังกายหนัก การตากแดดเป็นเวลานาน เพราะความร้อนจะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้รอยบวมหรือรอยแดงอยู่ได้นานขึ้น
3.หลังฉีด Juvelook งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังฉีด เพราะจะทำให้เส้นเลือดขยายตัว เพิ่มความเสี่ยงของรอยช้ำ และลดประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิว
4.หลังฉีด Juvelook หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในวันแรก
หลังฉีดควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในวันเดียวกัน เพื่อป้องกันการอุดตันของรูขุมขนหรือการระคายเคืองจากเครื่องสำอาง หากจำเป็นสามารถเริ่มแต่งหน้าได้ในวันถัดไป โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
5.หลังฉีด Juvelook ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม
หากมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกตึงหลังฉีด สามารถประคบเย็นเบา ๆ ได้ในช่วง 1-2 วันแรก เพื่อช่วยลดอาการบวมและรอยแดงให้หายไวขึ้น ห้ามประคบร้อนโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองและบวมมากขึ้น
6.หลังฉีด Juvelook ดื่มน้ำให้มากขึ้น
หลังฉีดควรดื่มน้ำอย่างน้อย วันละ 1.5-2 ลิตร เพื่อช่วยให้ Hyaluronic Acid ทำงานได้เต็มที่ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยให้ผิวอิ่มฟูและกระจ่างใส
7.หลังฉีด Juvelook หลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่นในช่วงแรก
ไม่ควรทำเลเซอร์ ทรีตเมนต์ผลัดเซลล์ หรือฉีดสารอื่น ๆ บนใบหน้า ภายใน 2 สัปดาห์หลังฉีด Juvelook เพื่อป้องกันการระคายเคืองและให้ผิวมีเวลาฟื้นฟูตามธรรมชาติ
8.หลังฉีด Juvelook พักผ่อนให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การนอนหลับเพียงพอช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมเซลล์ผิวได้ดี ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีและโปรตีนสูง เพื่อช่วยเสริมการสร้างคอลลาเจน เช่น ปลาแซลมอนผักใบเขียว ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม ฝรั่ง สตรอว์เบอร์รี่
9.หลังฉีด Juvelook ปกป้องผิวจากแสงแดด
หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดในช่วง 3-5 วันแรก หากต้องออกไปข้างนอก ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป และใส่หมวกหรือกางร่มเพื่อป้องกันผิว เพราะรังสี UV อาจทำให้การฟื้นฟูผิวช้าลง และส่งผลต่อการสร้างคอลลาเจน
10.หลังฉีด Juvelook เข้าพบแพทย์ตามนัด
แพทย์จะนัดติดตามผลหลังฉีดประมาณ 2-4 สัปดาห์ เพื่อประเมินผลลัพธ์และวางแผนการฉีดซ้ำหากจำเป็นการทำอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำจะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและเห็นผลชัดเจนมากขึ้น
Juvelook ไม่เหมาะกับใคร
แม้ว่า Juvelook จะเป็นหัตถการที่ไม่เป็นอันตราย แต่ก็มีบางกลุ่มที่ไม่ควรเข้ารับการฉีดในช่วงเวลานั้น ๆ หรือ ควรหลีกเลี่ยงจนกว่าจะปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
1.Juvelook ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
แม้ Juvelook จะไม่มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันถึงความปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรอย่างชัดเจน ดังนั้นแพทย์จะไม่แนะนำให้ทำหัตถการทุกชนิดที่มีการฉีดสารเข้าสู่ผิวในช่วงนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับคุณแม่และทารก
2.Juvelook ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะติดเชื้อที่ผิวหนังในบริเวณที่จะฉีด
หากมีสิวอักเสบ หนอง แผลเปิด หรือการติดเชื้อในบริเวณที่จะฉีด ควรรอให้ผิวหายดีก่อน เพราะการฉีดอาจทำให้เชื้อกระจายไปยังชั้นผิวลึกขึ้น ส่งผลให้เกิดการอักเสบมากกว่าเดิม
3.Juvelook ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิดที่ยังควบคุมไม่ได้
ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน หรือระบบไหลเวียนเลือด ควรหลีกเลี่ยงการฉีด Juvelook ชั่วคราว เช่น โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคเบาหวานที่คุมระดับน้ำตาลไม่ได้ โรคเลือดออกง่าย โรคแพ้ภูมิตัวเอง เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงของการอักเสบ การบวมช้ำ หรือการฟื้นตัวช้ากว่าปกติ
4.Juvelook ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติแพ้สารเติมเต็มหรือส่วนผสมในผลิตภัณฑ์
แม้ Juvelook จะผ่านการรับรองมาตรฐาน แต่หากผู้เข้ารับบริการเคยมีประวัติแพ้สาร Hyaluronic Acid หรือ Poly-Lactic Acid ควรแจ้งแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อพิจารณาทางเลือกอื่นที่เหมาะสมกว่า
5.Juvelook ไม่เหมาะกับผู้ที่เพิ่งทำหัตถการอื่นในบริเวณเดียวกัน
ไม่ควรฉีด Juvelook ทันทีหลังจากทำหัตถการที่กระทบต่อผิว เช่น เลเซอร์ RF เลเซอร์ HIFU หรือ Microneedling เนื่องจากผิวยังอยู่ในภาวะอักเสบ ควรเว้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวฟื้นตัวก่อนฉีด
6.Juvelook ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย หรือเป็นโรคเกี่ยวกับเกล็ดเลือด
เนื่องจากการฉีด Juvelook ต้องใช้เข็มขนาดเล็กเจาะเข้าสู่ชั้นผิว หากมีภาวะเลือดออกง่ายหรือใช้ยาต้านเกล็ดเลือด อาจเกิดรอยช้ำและเลือดออกใต้ผิวได้มากกว่าปกติ
7.Juvelook ไม่เหมาะกับผู้ที่มีแผลเป็นคีลอยด์ (Keloid) ง่าย
สำหรับผู้ที่มีประวัติเกิดคีลอยด์ง่าย ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะแม้ Juvelook จะไม่ใช่สารเติมเต็มที่อยู่ในผิวนาน แต่การกระตุ้นคอลลาเจนอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลนูนในบางรายได้
8.Juvelook ไม่เหมาะกับผู้ที่มีการแพ้ยาชาเฉพาะที่
ก่อนฉีด Juvelook แพทย์จะใช้ยาชาเพื่อลดความเจ็บ หากผู้เข้ารับบริการเคยมีอาการแพ้ยาชาเฉพาะที่ เช่น ลิโดเคน (Lidocaine) ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้า เพื่อปรับวิธีการฉีดให้เหมาะสม
ฉีด Juvelook เจ็บไหม อันตรายไหม
การฉีด Juvelook จะมีความรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย หรือรู้สึกตึง ๆ บริเวณที่ฉีดเท่านั้น เนื่องจากมีการทายาชาก่อนทำ และใช้เข็มขนาดเล็กหรือเข็มทู่ที่ช่วยลดความเจ็บ ส่วนอาการบวม แดง หรือช้ำเล็กน้อยที่บริเวณฉีดเป็นเรื่องปกติและจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน หลังฉีด ไม่ต้องพักฟื้นและสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้
ในแง่อันตรายของ Juvelook ถือเป็นหัตถการที่ไม่เป็นอันตราย ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย และผ่านการรับรองมาตรฐาน มีผลข้างเคียงน้อย พบได้บ้างแค่อาการบวมแดงหรือช้ำเล็กน้อยเท่านั้น แต่หากมีอาการบวมมากผิดปกติหรือปวดรุนแรงควรปรึกษาแพทย์ทันที
Juvelook มีผลข้างเคียงไหม
แม้ว่า Juvelook จะเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงน้อย เพราะใช้สารที่สลายได้เองตามธรรมชาติและได้รับการรับรองมาตรฐาน แต่การฉีดเข้าสู่ผิวหนังก็ยังมีโอกาสเกิดอาการข้างเคียงได้บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาการชั่วคราวและหายได้เองภายในไม่กี่วัน หากปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างถูกต้อง
1.อาการบวม แดง หรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีด
หลังฉีด Juvelook อาจพบอาการบวมแดง หรือมีรอยเข็มเล็ก ๆ บริเวณที่ฉีดได้ ซึ่งเกิดจากการที่เข็มสัมผัสกับหลอดเลือดฝอยใต้ผิว อาการนี้มักพบในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก สามารถบรรเทาได้ด้วยการ ประคบเย็นเบา ๆ และหลีกเลี่ยงความร้อน เช่น ซาวน่าหรือออกกำลังกายหนัก โดยทั่วไป รอยแดงหรือบวมจะค่อย ๆ จางลงภายใน 2-3 วัน
2.อาการเจ็บหรือตึงผิว
บางรายอาจรู้สึกตึง ๆ หรือเจ็บเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการปกติจากการฉีดสารเข้าสู่ชั้นผิว ความรู้สึกตึงมักจะหายภายใน 2-5 วัน หากมีอาการปวดมากผิดปกติ หรือบวมแข็งนานเกิน 1 สัปดาห์ ควรรีบกลับมาพบแพทย์เพื่อตรวจประเมิน
3.รอยนูนเล็ก ๆ หรือผิวขรุขระชั่วคราว
เนื่องจากสาร Juvelook มีลักษณะเป็นเจลละเอียด การฉีดในบางบริเวณอาจทำให้เกิดรอยนูนหรือผิวไม่เรียบในช่วงแรก รอยนูนนี้จะค่อย ๆ ยุบลงเองเมื่อสารกระจายตัวและคอลลาเจนเริ่มสร้างใหม่ในช่วง 1-2 สัปดาห์ ไม่ควรนวดหรือกดเอง เพราะอาจทำให้สารเคลื่อนผิดตำแหน่ง
4.อาการคันหรือระคายเคืองเล็กน้อย
ในบางรายอาจมีอาการคันเล็กน้อยหลังฉีด ซึ่งเป็นผลจากกระบวนการฟื้นฟูผิวและการสร้างคอลลาเจนใหม่สามารถใช้เจลว่านหางจระเข้หรือครีมบำรุงที่อ่อนโยนช่วยลดอาการได้ ห้ามเกาแรง เพราะอาจทำให้ผิวอักเสบหรือเกิดรอยได้
5.รอยช้ำ
เกิดได้ในบางกรณีหากเส้นเลือดฝอยถูกกระทบจากเข็มฉีด มักจะจางลงภายใน 3-7 วัน สามารถประคบเย็นหลังทำเพื่อลดการช้ำได้ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน
6.ผื่นแดงหรืออาการแพ้ (พบได้น้อยมาก)
อาการแพ้เกิดขึ้นได้ยากมาก เพราะ Juvelook เป็นสารที่สลายได้ตามธรรมชาติ แต่ในบางรายที่แพ้ส่วนผสม เช่น Hyaluronic Acid หรือ PDLLA อาจมีอาการดังนี้
• ผื่นแดง บวม คัน หรือร้อนบริเวณที่ฉีด
• หากมีอาการรุนแรง เช่น บวมทั่วหน้า หายใจลำบาก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
7.การติดเชื้อ
พบได้น้อยมากในกรณีไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง มักเกิดจากการฉีดในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการดูแลหลังทำไม่ถูกวิธี สัญญาณของการติดเชื้อ เช่น ผิวแดง บวมร้อน เจ็บมาก มีหนองหรือของเหลวไหลออกจากบริเวณที่ฉีด หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบเข้าพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง
สรุป Juvelook ทางเลือกใหม่ของการฟื้นฟูผิว
สรุปว่า Juvelook เป็นนวัตกรรมฟื้นฟูผิวจากเกาหลีที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการให้ผิวแข็งแรง เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์อย่างดูเป็นธรรมชาติ โดยใช้หลักการผสานพลังของ PDLLA ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และ Hyaluronic Acid (HA) ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ผลลัพธ์คือผิวที่แน่นกระชับ รูขุมขนเล็กลง และสุขภาพดีขึ้นจากภายใน
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว ริ้วรอย ผิวแห้งหมอง หรือผิวหย่อนคล้อย และต้องการฟื้นฟูผิวโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน ด้วยผลลัพธ์ที่คงอยู่ยาวนานกว่า 1 ปี Juvelook จึงถือเป็นตัวช่วยฟื้นฟูผิวที่เห็นผลและดูเป็นธรรมชาติ สำหรับใครที่อยากให้ผิวกลับมาดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง Juvelook คือหนึ่งในทางเลือกที่หลายคนให้ความสนใจ
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ