romrawin

การกระตุ้นคอลลาเจน สามารถทำได้กี่วิธี กี่ครั้งเห็นผล มีวิธีไหนบ้าง

กระตุ้นคอลลาเจน

กระตุ้นคอลลาเจนบนใบหน้าคืออะไร ช่วยอะไรบ้าง สามารถทำได้กี่วิธี
หลายคนอยากรู้ว่าทำไมอายุเท่ากัน แต่บางคนหน้าฉ่ำโกลว์ ผิวดูสุขภาพดีมาก อีกคนผิวกลับแห้งลอก ดูไม่ชุ่มชื้น สาเหตุสำคัญที่ทำให้สุขภาพผิวของเราต่างกันคือ คอลลาเจน บนใบหน้าของเรานั่นเอง
“ การกระตุ้นคอลลาเจน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้ผิวหน้าของเราดูสดใส อิ่มฟู ดูโกลว์ฉ่ำขึ้น” บทความนี้จะมาอธิบายว่า คอลลาเจนสำคัญอย่างไรกับสุขภาพผิวของเรา และมีวิธีไหนที่สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้บ้าง

รวมทุกหัวข้อเกี่ยวกับการกระตุ้นคอลลาเจน
- คอลลาเจนคืออะไร สำคัญกับผิวอย่างไร
- กระตุ้นคอลลาเจนบนใบหน้าคืออะไร
- การกระตุ้นคอลลาเจนให้กับร่างกายมีกี่แบบอะไรบ้าง
- โปรแกรมกระตุ้นคอลลาเจนยอดนิยม
- ใครบ้างที่เหมาะกับการกระตุ้นคอลลาเจนบนใบหน้า
- ใครควรหลีกเลี่ยงการกระตุ้นคอลลาเจนบนใบหน้า
- กระตุ้นคอลลาเจนใบหน้า ต้องทำตั้งแต่อายุเท่าไหร่
- กระตุ้นคอลลาเจนใบหน้า ทำกี่ครั้งเห็นผล
- กระตุ้นคอลลาเจนใบหน้า อันตรายหรือไม่
- กระตุ้นคอลลาเจนใบหน้า มีผลข้างเคียงหรือไม่
- สรุปทุกเรื่องของการกระตุ้นคอลลาเจน

คอลลาเจนคืออะไร สำคัญกับผิวอย่างไร
คอลลาเจน ( Collagen ) เป็นโปรตีนที่ร่างกายสร้างขึ้นเองและพบมากที่สุดในร่างกาย มีบทบาทสำคัญในการสร้างความแข็งแรงให้กับผิว เยื่อบุ กระดูก และข้อต่อ หากมองในเชิงโครงสร้าง คอลลาเจนทำหน้าที่คล้ายโครงเหล็กของอาคารที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและคงรูปอยู่ได้ตามปกติ ( คอลลาเจน คืออะไร ประโยชน์และโทษเป็นอย่างไร ทำไมผิวขาวใส )

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงประมาณ 25 ปี ร่างกายเริ่มผลิตคอลลาเจนลดลงตามธรรมชาติ จึงอาจสังเกตได้ว่าผิวค่อยๆ สูญเสียความตึงกระชับ ความแน่นของผิวลดลง และเริ่มเห็นสัญญาณความร่วงโรยมากขึ้น

คอลลาเจนสำคัญกับผิวอย่างไร
คอลลาเจนไม่เพียงเกี่ยวข้องกับผิวหนังเท่านั้น แต่ยังพบในกระดูก เส้นเอ็น ข้อต่อ ผม เล็บ และเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย สำหรับผิวหนัง คอลลาเจนมีบทบาทสำคัญหลายประการ ดังนี้

1.ช่วยสร้างความแข็งแรงให้ผิว
คอลลาเจนทำหน้าที่เป็นโครงตาข่ายในชั้นผิว ช่วยค้ำจุนให้ผิวมีความยืดหยุ่นและรองรับเนื้อเยื่อต่างๆ ได้ดี หากคอลลาเจนลดลง ผิวจะอ่อนแอลงและอาจเกิดการหย่อนคล้อยได้ง่ายขึ้น

2.ช่วยให้ผิวเก็บกักความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น
เมื่อผิวมีโครงสร้างที่แข็งแรง จะช่วยให้ผิวเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและเรียบเนียนขึ้น

3.ช่วยให้พื้นผิวดูเรียบเนียนสม่ำเสมอ
คอลลาเจนที่เพียงพอช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นจากคุณภาพผิวที่ดีขึ้น ช่วงร่องผิวหรือความไม่สม่ำเสมอจึงดูลดลงตามสภาพผิวที่ฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้น

4.ส่งเสริมให้ผิวดูสุขภาพดี
โครงสร้างผิวที่แข็งแรงและชุ่มชื้นเพียงพอช่วยให้ผิวมีความสดใสขึ้น สีผิวดูสม่ำเสมอ และให้ภาพรวมของผิวที่ดูมีชีวิตชีวา

คอลลาเจนเป็นพื้นฐานสำคัญของผิวที่แข็งแรง การดูแลให้ผิวสามารถสร้างคอลลาเจนได้ดี ไม่ว่าจะด้วยการดูแลตนเองหรือเลือกใช้หัตถการในการกระตุ้นคอลลาเจนที่เหมาะสมกับสภาพผิว เป็นวิธีที่ช่วยส่งเสริมให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ และดูมีสุขภาพดีขึ้นตามกลไกการทำงานของร่างกาย

กระตุ้นคอลลาเจนบนใบหน้าคืออะไร
การกระตุ้นคอลลาเจนบนใบหน้า คือกระบวนการที่ช่วยให้ผิวกลับมาฟื้นฟูตัวเอง ผ่านการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์หรือหัตถการเฉพาะทางที่ส่งสัญญาณไปยังชั้นผิว เพื่อให้ร่างกายกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาแทนที่เส้นใยเดิมที่เสื่อมลงตามวัยหรือปัจจัยต่างๆ เช่น แสงแดด การพักผ่อนน้อย และมลภาวะ

ที่สำคัญคือ การกระตุ้นคอลลาเจน ไม่ใช่การเติมสารคอลลาเจนเข้าไปในผิว แต่เป็นการทำให้ผิวสร้างขึ้นเอง ซึ่งเป็นการฟื้นฟูผิวที่อาศัยกลไกตามกระบวนการของร่างกาย

การทำงานของการกระตุ้นคอลลาเจนเป็นอย่างไร
เมื่อเทคโนโลยีหรือหัตถการที่ใช้ในการกระตุ้นคอลลาเจน จะเกิด สัญญาณกระตุ้นในชั้นผิว ร่างกายจะตอบสนองโดยเริ่มกระบวนการซ่อมแซมตัวเอง เส้นใยคอลลาเจนใหม่จึงค่อย ๆ ถูกผลิตขึ้น

กระบวนการกระตุ้นคอลลาเจนนี้เปรียบได้กับการซ่อมแซมโครงสร้างผิว จากภายใน ทำให้ผิวค่อย ๆ มีความยืดหยุ่นดีขึ้น และมีความแน่นกระชับขึ้นจากคุณภาพผิวที่ได้รับการฟื้นฟู

ทำไมต้องกระตุ้นคอลลาเจน
คอลลาเจนเป็นโครงสร้างสำคัญที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่น แต่เมื่อเวลาผ่านไป คอลลาเจนจะค่อย ๆ ลดลง จึงทำให้ผิวบางลงและสูญเสียความกระชับ การกระตุ้นคอลลาเจนใหม่จึงเป็นวิธีการช่วยให้ผิวกลับมามีโครงสร้างที่ดีขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งการเติมสารใด ๆ เข้าไป

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังการกระตุ้นคอลลาเจนเป็นผลจากร่างกายฟื้นฟูตัวเอง ดังนั้นลักษณะผิวที่ดีขึ้นจะขึ้นอยู่กับการตอบสนองของผิวแต่ละบุคคล

การกระตุ้นคอลลาเจนให้กับร่างกายมีกี่แบบอะไรบ้าง
คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญของเนื้อเยื่อหลายส่วนในร่างกาย ทั้งผิวหนัง เอ็น กระดูก และผังผืดต่าง ๆ จึงมีบทบาทอย่างมากต่อความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของผิว เมื่อคอลลาเจนลดลง ผิวอาจดูบางลง หย่อนคล้อย หรือขาดความสดใสได้ การกระตุ้นคอลลาเจนสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีให้ผลลัพธ์แตกต่างกันไปตามกลไกและการตอบสนองของแต่ละบุคคล

โดยทั่วไป การกระตุ้นคอลลาเจนสามารถแบ่งออกได้ 3 กลุ่มใหญ่ ดังนี้

1.การรับประทานหรือเสริมสารอาหารที่เกี่ยวข้องกับคอลลาเจน
การรับประทานคอลลาเจนหรืออาหารเสริมที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้ทำให้คอลลาเจนเข้าสู่ผิวโดยตรง เนื่องจากร่างกายจะย่อยให้เป็นกรดอะมิโนก่อน จึงไม่ได้ให้ผลเฉพาะเจาะจงในด้านความกระชับของผิวอย่างชัดเจน

การรับประทานอาจช่วยส่งเสริมกระบวนการทำงานของผิวบางส่วน เช่น การรักษาความชุ่มชื้นหรือเป็นแหล่งโปรตีนเสริมตามธรรมชาติ

การดูแลอาหารโดยรวม เช่น การรับประทานโปรตีนให้เพียงพอ ผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง และการดื่มน้ำอย่างเหมาะสม จะช่วยสภาพผิวได้ในเชิงส่งเสริมมากกว่าการสร้างคอลลาเจนโดยตรง

2.การใช้สกินแคร์ที่มีส่วนช่วยกระตุ้นคอลลาเจน
การทาคอลลาเจนลงบนผิวโดยตรงไม่สามารถทำให้คอลลาเจนซึมเข้าสู่ผิวได้ เนื่องจากโมเลกุลมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะผ่านชั้นผิว แต่สกินแคร์บางชนิดสามารถช่วยส่งเสริมกระบวนการสร้างคอลลาเจนของผิวได้ เช่น
• วิตามินซี
• วิตามินเอ (เรตินอยด์)
• ไนอะซินาไมด์
• เปปไทด์บางชนิด

ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ช่วยดูแลคุณภาพผิว เช่น เพิ่มความเรียบเนียนหรือความสม่ำเสมอของผิว แต่การเปลี่ยนแปลงมักต้องใช้เวลา และผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความสม่ำเสมอในการดูแล จึงเหมาะสำหรับการบำรุงผิวในระยะยาวมากกว่าการปรับแก้โครงสร้างผิวอย่างเฉพาะบริเวณ

3.การกระตุ้นคอลลาเจนด้วยหัตถการทางการแพทย์
เป็นวิธีที่ส่งสัญญาณให้ผิวสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นโดยตรง โดยอาศัยเทคโนโลยีหรือสารที่มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ กลไกสำคัญ คือการกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูของผิว ทำให้ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาเอง
ตัวอย่างหัตถการที่ใช้เพื่อการกระตุ้นคอลลาเจน ได้แก่

• สารกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen Stimulators)
เช่น สารกลุ่ม PLLA หรือ CaHA ซึ่งแพทย์นำมาฉีดเข้าสู่ผิวในชั้นที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ตามกลไกการทำงานของร่างกาย
ผลลัพธ์ของการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของผิวและการประเมินปริมาณที่เหมาะสมของแพทย์ผู้ทำ

• กระตุ้นคอลลาเจนด้วยเครื่องเลเซอร์
เลเซอร์ชนิดนี้ช่วยจะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวชั้นตื้น ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น และช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น รูขุมขนดูเล็กลง
โดยผลลัพธ์ของการกระตุ้นคอลลาเจนด้วยเลเซอร์ จะขึ้นอยู่กับพลังงานที่ใช้งาน สภาพผิว และแผนการรักษาที่แพทย์ประเมินให้

เครื่องมือพลังงานอื่น ๆ เช่นคลื่นเสียงหรือคลื่นความร้อน ก็อาจใช้ในบริเวณลึกกว่าเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวที่ลึกขึ้น โดยแพทย์จะเลือกวิธีที่เหมาะสมตามปัญหาและโครงสร้างผิวแต่ละบุคคล

การกระตุ้นคอลลาเจนสามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่การดูแลพื้นฐานด้วยอาหารและสกินแคร์ ไปจนถึงการใช้หัตถการทางการแพทย์ที่ช่วยส่งสัญญาณให้ผิวฟื้นฟูตัวเองโดยตรง แต่ละวิธีมีข้อดี จุดเด่น และระดับการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกัน การเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมควรพิจารณาตามสภาพผิวและคำแนะนำจากแพทย์

โปรแกรมกระตุ้นคอลลาเจนยอดนิยม
การกระตุ้นคอลลาเจนด้วยหัตถการทางการแพทย์เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้ผิวฟื้นฟูตัวเองตามกระบวนการทำงานของร่างกาย โดยส่งสัญญาณให้ผิวสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับขึ้น และช่วยให้คุณภาพผิวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
หัตถการที่ใช้มีหลากหลายประเภท ตั้งแต่พลังงานเครื่องมือ การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน การฉีดสกินบูสเตอร์ ไปจนถึงการร้อยไหม

1.การใช้เครื่องยกกระชับผิวเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน
กลุ่มเครื่องมือยกกระชับผิวจะใช้พลังงาน เช่น คลื่นอัลตราซาวด์ หรือ คลื่นวิทยุ (RF) ส่งผ่านผิวลงไปถึงชั้นลึกระดับ SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ศัลยแพทย์มักใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า พลังงานเหล่านี้ทำให้เส้นใยคอลลาเจนเดิมเกิดการหดตัว และช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวสร้างเส้นใยใหม่ ช่วยให้ผิวดูกระชับขึ้น มีกรอบหน้าที่ชัดเจนขึ้น

ตัวอย่างเครื่องยกกระชับยอดนิยมในการกระตุ้นคอลลาเจน
• Ultraformer
เครื่องอัลตราซาวด์ที่ใช้หัวพลังงานหลายระดับ เหมาะสำหรับการกระตุ้นคอลลาเจนและยกกระชับและปรับรูปหน้า

• Ultraformer MPT
รุ่นพัฒนาใหม่ของ Ultraformer ที่เน้นความละเอียดและให้การส่งพลังงานที่นุ่มนวลและสม่ำเสมอ

• Ulthera Prime / Ulthera SPT
เทคโนโลยี HIFU แบบมีภาพ (SEE level visualization) ช่วยให้แพทย์มองเห็นชั้นผิวก่อนยิงพลังงาน

• Thermage FLX
เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (Monopolar RF) ที่เน้นการยกกระชับชั้นหนังแท้ ช่วยให้ผิวแน่นกระชับขึ้นพร้อมทั้งกระตุ้นคอลลาเจน

• Volnewmer
เครื่อง RF รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อกระชับผิวและช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในเครื่องเดียว

• Morpheus8
เครื่องที่ผสานคลื่นวิทยุเข้ากับเข็มขนาดเล็ก (RF Microneedling) เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนได้ทั้งระดับลึกและตื้น

• Emface
ใช้เทคโนโลยี RF ร่วมกับคลื่นไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้อ (HIFES) เพื่อเสริมการยกกระชับโดยเน้นชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า และช่วยกระตุ้นคอลลาเจน

• Oligio
เครื่อง RF ที่เน้นการกระชับผิวหน้าชั้นตื้น กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลความหย่อนคล้อยระดับเริ่มต้น

2.การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen Biostimulators)
สารกลุ่มนี้เมื่อฉีดเข้าสู่ผิว จะกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ในบริเวณที่ทำการรักษา ผลลัพธ์จะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับภายในช่วง 1-3 เดือน ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของผิวแต่ละบุคคล และมักอยู่ได้นานหลายเดือนจนถึงประมาณ 1-2 ปี

ตัวอย่างสารกระตุ้นคอลลาเจนยอดนิยม
• Sculptra (PLLA)
สารที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ทีละน้อย ไม่ทำให้หน้าตึงแข็ง

• Radiesse (CaHA)
สารที่มีคุณสมบัติช่วยเสริมโครงสร้างผิวในทันทีบางส่วน พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว

• Juvelook
สารที่ผสานคุณสมบัติ HA กับ PLLA เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิว กระตุ้นคอลลาเจนแบบค่อยเป็นค่อยไป

• HArmonyCa
ผสาน Hyaluronic Acid กับ CaHA ช่วยให้ผิวดูฟูขึ้นพร้อมกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว

• Profhilo
ไฮยาลูรอนิกแอซิดความเข้มข้นสูงที่ช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิวและช่วยกระตุ้นคอลลาเจน

3.การฉีด Skin Booster ในการกระตุ้นคอลลาเจน
กลุ่มสกินบูสเตอร์จะเน้นการเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ฟื้นฟูสภาพผิว และส่งเสริมกระบวนการกระตุ้นคอลลาเจนในระดับตื้น ช่วยให้ผิวดูละเอียด ใส และยืดหยุ่นมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวขาดน้ำ หมองคล้ำ หรือมีริ้วรอยเล็ก ๆ

ผลลัพธ์หลังฉีด Skin Booster ในการกระตุ้นคอลลาเจนจะค่อยๆ ปรับดีขึ้นตามสภาพผิวและความสม่ำเสมอในการดูแล

ตัวอย่างสกินบูสเตอร์ยอดนิยมในการกระตุ้นคอลลาเจน
• Neauvia
เป็นสกินบูสเตอร์ที่ช่วยปรับโครงสร้างผิว กระตุ้นคอลลาเจนและมอบความชุ่มชื้น

• Rejuran
สารสกัดจากโพลินิวคลีโอไทด์ (PN) ที่ช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิว กระตุ้นคอลลาเจนและส่งเสริมการซ่อมแซมของผิว

• Vitaran
สารที่มีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูผิวและส่งเสริมการกระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับคุณภาพผิวให้ละเอียดและแข็งแรงมากขึ้น

4.การร้อยไหมกระตุ้นคอลลาเจน
การร้อยไหมเป็นหัตถการที่ช่วยให้ผิวดูกระชับขึ้นทันทีในระดับหนึ่ง และยังสามารถกระตุ้นคอลลาเจนรอบแนวไหมในระยะต่อมา
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นขึ้นอยู่กับชนิดของไหมและจำนวนที่ใช้ การร้อยไหมกระตุ้นคอลลาเจนเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง และต้องการผลลัพธ์โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน

ไหมจะทำหน้าที่คล้ายโครงพยุงผิวชั่วคราว ขณะที่ร่างกายค่อย ๆ สร้างคอลลาเจนใหม่มาทดแทน ทำให้ผิวดูแน่นและแข็งแรงมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

ใครบ้างที่เหมาะกับการกระตุ้นคอลลาเจนบนใบหน้า
การกระตุ้นคอลลาเจนบนใบหน้าเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิว ให้ผิวกลับมามีความยืดหยุ่นและความแข็งแรงมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด วิธีนี้ช่วยส่งเสริมการทำงานตามกระบวนการทำงานของผิว การกระตุ้นคอลลาเจน จึงเหมาะกับหลายกลุ่มต่อไปนี้

1.ผู้ที่มีอายุประมาณ 25 ปีขึ้นไปเหมาะกับการกระตุ้นคอลลาเจน
หลังอายุช่วงนี้ ร่างกายจะเริ่มผลิตคอลลาเจนลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผู้ที่ต้องการดูแลผิวตั้งแต่ระยะเริ่มต้นสามารถเลือกหัตถการกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อคงคุณภาพผิวในระยะยาว

2.ผู้ที่มีสัญญาณผิวเริ่มอ่อนล้า เหมาะกับการกระตุ้นคอลลาเจน
เช่น ผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยแรกเริ่ม ความแน่นของผิวลดลง หรือรูปหน้าเริ่มไม่ชัดเจน การกระตุ้นคอลลาเจนสามารถช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นดีขึ้นตามสภาพผิวของแต่ละบุคคล

3.ผู้ที่มีปัญหารอยสิว หลุมสิว หรือรูขุมขนกว้างเหมาะกับการกระตุ้นคอลลาเจน
ผู้ที่มีปัญหาเหล่านี้มักมีโครงสร้างผิวที่อ่อนแอ การกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นอาจช่วยให้พื้นผิวผิวดูเรียบเนียนขึ้นตามการฟื้นฟูของผิว

4.ผู้ที่มีผิวขาดน้ำหรือดูหมองคล้ำเหมาะกับการกระตุ้นคอลลาเจน
ผิวที่อ่อนล้า ขาดความชุ่มชื้น หรือมีสภาพผิวที่ไม่สม่ำเสมอ การใช้หัตถการในการกระตุ้นคอลลาเจน จะทำให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้นและต้องดูแลผิวควบคู่อย่างสม่ำเสมอ

5.ผู้ที่ต้องการวิธีดูแลผิวแบบไม่ต้องพักฟื้นนาน เหมาะกับการกระตุ้นคอลลาเจน
การกระตุ้นคอลลาเจนส่วนใหญ่เป็นหัตถการที่ไม่ต้องมีการผ่าตัดและสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัดหรือต้องการวิธีดูแลผิวที่ไม่รบกวนกิจวัตรมากนัก

6.ผู้ที่อยากดูแลผิวเพื่อให้หน้าดูสดใส เหมาะกับการกระตุ้นคอลลาเจน
การกระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาคุณภาพผิวให้ดีในระยะยาว เช่น ลดโอกาสเกิดริ้วรอยลึกหรือผิวที่หย่อนคล้อยเมื่ออายุมากขึ้น การเริ่มดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ สามารถช่วยส่งเสริมผิวให้มีความแข็งแรงมากขึ้น

ใครควรหลีกเลี่ยงการกระตุ้นคอลลาเจนบนใบหน้า
แม้ว่าการกระตุ้นคอลลาเจนบนใบหน้าจะเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมและเหมาะกับหลายคน แต่ก็มีบางกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยง หรือควรได้รับการประเมินอย่างใกล้ชิดจากคุณหมอก่อน เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อผิว ดังนี้

1.ผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณใบหน้าหรือผิวหนังอักเสบอยู่
เช่น มีผื่นอักเสบจากสิวรุนแรง เริม ติดเชื้อแบคทีเรีย หรือมีแผลเปิด
การทำหัตถการกระตุ้นคอลลาเจนอาจกระตุ้นให้การอักเสบลุกลามหรือฟื้นตัวช้าลงได้ ควรรักษาให้ผิวสงบก่อน

2.ผู้ที่ตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
ไม่ได้ระบุว่าห้ามทำทั้งหมด แต่โดยหลักการแพทย์มักแนะนำให้หลีกเลี่ยงการทำหัตถการที่ไม่จำเป็น เพื่อความปลอดภัยของมารดาและทารกควรปรึกษาแพทย์เป็นรายบุคคล

3.ผู้ที่มีโรคผิวหนังเรื้อรังในระยะกำเริบ
เช่น โรคสะเก็ดเงิน ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หรือผิวแพ้ง่ายผิดปกติ ผิวในช่วงนี้ตอบสนองต่อการกระตุ้นคอลลาเจนได้ไม่ดีและเกิดการระคายเคืองง่ายกว่าปกติ

4.ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่ายหรือใช้ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
การกระตุ้นคอลลาเจนอาจเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำหรือเลือดออกใต้ผิวมากกว่าปกติ ควรแจ้งประวัติการใช้ยาและให้แพทย์พิจารณาถึงความเหมาะสมก่อนทำ

5.ผู้ที่แพ้สารบางชนิดหรือเคยมีปฏิกิริยาแพ้ผลิตภัณฑ์ความงาม
สำหรับหัตถการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนหรือสกินบูสเตอร์ จำเป็นต้องประเมินประวัติการแพ้อย่างละเอียด การแจ้งข้อมูลครบถ้วนจะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก

6.ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ยังควบคุมไม่ได้ควรหลีกเลี่ยงการกระตุ้นคอลลาเจน
เช่น เบาหวานคุมระดับน้ำตาลไม่ได้, โรคภูมิต้านทานทำงานผิดปกติ, หรือโรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ภาวะเหล่านี้อาจทำให้แผลฟื้นตัวช้าหรือเกิดการอักเสบง่ายขึ้น

กระตุ้นคอลลาเจนใบหน้า ต้องทำตั้งแต่อายุเท่าไหร่
กระบวนการสร้างคอลลาเจนของผิวจะค่อย ๆ ลดลงตามธรรมชาติ โดยเริ่มชัดเจนตั้งแต่อายุประมาณ 25 ปีขึ้นไป นั่นหมายความว่า ตั้งแต่วัยนี้ผิวเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น ความแน่นกระชับ และสัญญาณความร่วงโรยอาจเริ่มปรากฏมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ได้ดูแลผิวอย่างเหมาะสม

การเริ่มกระตุ้นคอลลาเจนตั้งแต่อายุช่วงนี้จึงเป็น ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดเพราะ
• การกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยรักษาความแข็งแรงของโครงสร้างผิว
• การกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น
• การกระตุ้นคอลลาเจน ลดโอกาสเกิดริ้วรอยลึกในอนาคต
• การกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้น

การเริ่มดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ได้หมายถึงการทำหัตถทุกอย่าง แต่คือการส่งเสริมผิวให้ทำงานได้ดีตามวัย เช่น การเลือกวิธีดูแลผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาเฉพาะบุคคล โดยควรได้รับการประเมินอย่างเหมาะสมจากแพทย์ก่อนเสมอ

กระตุ้นคอลลาเจนใบหน้า ทำกี่ครั้งเห็นผล
ผลลัพธ์ของการกระตุ้นคอลลาเจนขึ้นอยู่กับ วิธีที่ใช้, สภาพผิว, และ การตอบสนองของผิวแต่ละบุคคล โดยส่วนใหญ่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงเมื่อทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะการสร้างคอลลาเจนเป็นกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่สามารถเห็นผลทันทีในครั้งเดียว ยกเว้นบางกลุ่มเทคโนโลยี

การกระตุ้นคอลลาเจนแต่ละวิธีต้องทำกี่ครั้งจึงเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิว
1.การทานอาหารเสริมเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน
ควรทานต่อเนื่องอย่างน้อย 2-3 เดือน เนื่องจากเป็นการเสริมสารอาหารให้ร่างกายนำไปใช้ในกระบวนการต่าง ๆ ของผิว ไม่ได้เพิ่มคอลลาเจนโดยตรง จึงต้องใช้เวลาในการสังเกตการเปลี่ยนแปลง เช่น ความชุ่มชื้นและความเรียบเนียนของผิว

2.การใช้สกินแคร์ที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน
ใช้ต่อเนื่องประมาณ 3-6 เดือน สกินแคร์เช่น วิตามินซี เรตินอยด์ ไนอะซินาไมด์ หรือเปปไทด์ ต้องอาศัยเวลาสำหรับการผลัดเซลล์ผิวและการปรับคุณภาพผิว ผลลัพธ์ค่อยเป็นค่อยไปตามความสม่ำเสมอในการใช้

3.การนวดหน้า กดจุด หรือทรีตเมนต์หน้าในการกระตุ้นคอลลาเจน
ทำสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เป็นวิธีช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวดูสดใสขึ้นได้ แต่ไม่ได้สร้างคอลลาเจนโดยตรง จึงต้องทำต่อเนื่องเพื่อคงผลลัพธ์

4.การใช้เครื่องมือกลุ่มเลเซอร์ (Laser Rejuvenation) ในการกระตุ้นคอลลาเจน
แนะนำทำต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ กลุ่มเลเซอร์เพื่อคุณภาพผิว เช่น Picosure, Picosecond Laser หรือ Fractional Laser จะค่อย ๆ ส่งสัญญาณให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำต่อเนื่องหลายครั้งจะเห็นผลด้านความเรียบเนียน รูขุมขน และความสม่ำเสมอของผิว

5.เครื่องยกกระชับผิว ในการกระตุ้นคอลลาเจน
มักเห็นความกระชับบางส่วนตั้งแต่ครั้งแรก และผลลัพธ์ความตึงกระชับจะค่อย ๆ ชัดขึ้นในช่วง 1-3 เดือน จากกระบวนการสร้างคอลลาเจน อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นกับชนิดเครื่องมือและสภาพผิว

6.การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen Biostimulator)
ควรทำ 2-3 ครั้ง ห่างกันประมาณ 1 เดือน การฉีด Sculptra, Radiesse, Juvelook จะส่งสัญญาณให้ผิวสร้างเส้นใยคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ค่อย ๆ เห็นชัดเจนขึ้นใน 1-3 เดือน

7.การฉีด Skin Booster ในการกระตุ้นคอลลาเจน
แนะนำทำ 3-4 ครั้ง ห่างกันเดือนละครั้ง ช่วยเติมความชุ่มชื้นและสนับสนุนคุณภาพผิว เช่น ผิวละเอียด กระจ่างใส และความยืดหยุ่นดีขึ้น ผลลัพธ์เห็นเร็วกว่า Biostimulator แต่เน้นคุณภาพผิวมากกว่าความยกกระชับ

8.การร้อยไหมกระตุ้นคอลลาเจน
เห็นความกระชับบางส่วนทันทีหลังทำ และคอลลาเจนใหม่จะค่อย ๆ สร้างรอบแนวไหมใน 1-3 เดือน ผลลัพธ์โดยรวมหลังการร้อยไหมกระตุ้นคอลลาเจน คงอยู่ประมาณ 1-2 ปี ขึ้นกับชนิดของไหมและการดูแลหลังทำ

กระตุ้นคอลลาเจนใบหน้า อันตรายหรือไม่
การกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้าโดยรวมถือว่า เป็นหัตถการที่ม่อันตรายหากทำภายใต้การดูแลของแพทย์ และเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล แต่เช่นเดียวกับหัตถการด้านผิวพรรณทุกชนิด การฟื้นฟูผิวด้วยวิธีนี้อาจมีข้อควรระวังและความเสี่ยงที่ควรรู้ไว้ก่อนตัดสินใจ

ทำไมการกระตุ้นคอลลาเจนจึงถือว่าไม่อันตราย
เพราะการกระตุ้นคอลลาเจนเป็นการ ใช้กลไกการทำงานของผิว ช่วยให้ผิวสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์ เครื่องยกกระชับ การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน หรือ Skin Booster ตัวหัตถการไม่ได้ใส่สารอันตรายเข้าไปในผิว แต่เป็นการส่งสัญญาณให้ผิวฟื้นฟูตัวเอง
เมื่อทำในคลินิกที่ได้มาตรฐานและใช้เครื่องมือแพทย์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่ต้องระวัง

แม้จะไม่อันตราย แต่การกระตุ้นคอลลาเจนแต่ละวิธีมีรายละเอียดเฉพาะ ที่ต้องให้แพทย์ประเมินก่อน เช่น

1.การระคายเคืองหรืออาการบวมแดงชั่วคราว
อาจเกิดขึ้นหลังทำเลเซอร์หรือหัตถการที่เกี่ยวกับผิวชั้นตื้น
โดยทั่วไปจะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 1-3 วัน

2.อาการช้ำหรือบวมจากการฉีด
พบได้ในกลุ่มสารกระตุ้นคอลลาเจนหรือ Skin Booster ซึ่งมักหายภายในไม่กี่วัน

3.ความเสี่ยงหากไม่ทำหัตถการกระตุ้นคอลลาเจนโดยแพทย์
การลงลึกผิดชั้นผิวหรือใช้ปริมาณที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ความไม่สม่ำเสมอของผิว หรือระคายเคืองมากกว่าปกติ

4.ผิวบางประเภทควรทำด้วยความระมัดระวัง
เช่น ผิวที่มีการอักเสบอยู่ โรคผิวหนังที่กำเริบ ภาวะแพ้ง่ายมาก หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด แพทย์จะต้องประเมินเป็นรายบุคคลก่อนทำ

เคล็ดลับให้การกระตุ้นคอลลาเจน ไม่อันตราย
• เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการตามกฎหมาย
• ใช้เครื่องมือแท้และผ่านการรับรอง
• แพทย์ต้องเป็นผู้ประเมินและทำหัตถการ
• ปฏิบัติตามคำแนะนำก่อน-หลังทำอย่างเคร่งครัด
• แจ้งประวัติโรคประจำตัวและการใช้ยาทุกชนิดให้แพทย์ทราบ

กระตุ้นคอลลาเจนใบหน้า มีผลข้างเคียงหรือไม่
การกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้าเป็นหัตถการที่ไม่อันตราย โดยเฉพาะเมื่อทำในคลินิกที่ได้มาตรฐานและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ อย่างไรก็ตาม แต่ละวิธีอาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยที่สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งมักเป็นเพียงชั่วคราวและหายได้เองภายในไม่กี่วัน

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ในการกระตุ้นคอลลาเจนด้วยหัตถการ

1.อาการบวม แดง หรือระคายเคือง
• พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะหลังทำเลเซอร์ การฉีดสาร หรือเครื่องยกกระชับบางชนิด
• สาเหตุมาจากการที่ผิวได้รับพลังงานหรือเข็มกระตุ้นในบริเวณรักษา
• อาการมักดีขึ้นภายใน 1-3 วัน

2.รอยช้ำเล็กน้อย
พบได้บ่อยในหัตถการแบบฉีด เช่น สารกระตุ้นคอลลาเจน หรือ Skin Booster มักจางลงเองใน 3-7 วัน ขึ้นกับสภาพผิวแต่ละบุคคล

3.ผิวแห้งหรือลอกเล็กน้อยหลังเลเซอร์
ในเลเซอร์บางประเภท ผิวอาจมีการผลัดเซลล์ ทำให้รู้สึกตึงหรือแห้งเพิ่มขึ้น แพทย์จะให้คำแนะนำเรื่องการบำรุงผิวอย่างเหมาะสมเพื่อลดอาการนี้

4.ความตึงหรือรู้สึกแปลกบริเวณใบหน้า
ในกลุ่มเครื่องยกกระชับ เช่น HIFU หรือ RF อาจรู้สึกตึงผิว หรือมีอาการจี๊ด ๆ ระหว่างทำหรือหลังทำเล็กน้อย เป็นอาการที่เกิดจากพลังงานลงสู่ชั้นผิวลึกและจะค่อย ๆ หายไปเอง

5.ผลข้างเคียงเฉพาะบุคคล
เช่น แพ้ง่าย ผิวไวต่อการอักเสบ หรือมีโรคประจำตัวบางอย่าง ซึ่งแพทย์จะประเมินก่อนทำเสมอ การแจ้งประวัติสุขภาพและการใช้ยาอย่างครบถ้วนจะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก

สรุปทุกเรื่องของการกระตุ้นคอลลาเจน
การกระตุ้นคอลลาเจนคือการส่งสัญญาณให้ผิวสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่ เพื่อช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ และคุณภาพผิวดีขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด วิธีที่ใช้มีหลายแบบ เช่น การใช้เครื่องมือยกกระชับผิว เลเซอร์ การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน การฉีด Skin Booster หรือการร้อยไหม แต่ละวิธีมีจุดเด่นและความเหมาะสมต่างกัน ขึ้นกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

การเริ่มกระตุ้นคอลลาเจนมักแนะนำตั้งแต่อายุประมาณ 25 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่คอลลาเจนในผิวเริ่มลดลง ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย รูขุมขนกว้าง ผิวแห้ง หรือมีสัญญาณผิวอ่อนล้า สามารถพิจารณาวิธีนี้ได้ โดยรวมถือว่าไม่เป็นอันตราย หากทำโดยแพทย์และใช้เครื่องมือหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ผลข้างเคียงมักเป็นเพียงอาการชั่วคราว เช่น บวม แดง หรือช้ำเล็กน้อย และจะหายไปเองในไม่กี่วัน

สรุปคือ การกระตุ้นคอลลาเจนเป็นหนึ่งในวิธีดูแลผิวที่ช่วยให้ผิวฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้นในระยะยาว แต่ควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับผิวและได้รับการประเมินจากผู้แพทย์ เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อผิวในระยะยาว

* ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
* ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง*
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ
ปรึกษาฟรี พร้อมรับ โปรโมชั่นพิเศษ ก่อนใคร
โปรโมชั่นต่างๆ
เรื่อง โปรแกรมดูแลผิวหน้า ที่คุณอาจสนใจ