romrawin

Collagen ช่วยบำรุงผิวพรรณกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวกระจ่างใส มีประโยชน์และดีจริงไหม

Collagen

Collagen คืออะไร มีประโยชน์อะไรบ้าง ช่วยให้ผิวใสจริงไหม
คอลลาเจน (Collagen) เป็นโปรตีนสำคัญที่พบได้ในร่างกายของมนุษย์และสัตว์ ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักของผิวหนัง กระดูก ข้อต่อ เส้นเอ็น และอวัยวะอื่นๆ คอลลาเจนมีบทบาทสำคัญในการทำให้ผิวพรรณเต่งตึง กระชับ และชุ่มชื้น อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับข้อต่อและกระดูก อย่างไรก็ตาม คอลลาเจนในร่างกายมีแนวโน้มลดลงเมื่ออายุมากขึ้น หรือได้รับปัจจัยกระตุ้นจากภายนอก เช่น แสงแดด การสูบบุหรี่ และอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวพรรณ ริ้วรอย ข้อต่อเสื่อม และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ การเข้าใจถึงประโยชน์ของคอลลาเจน ปัจจัยที่ทำให้คอลลาเจนลดลง และวิธีการเสริมสร้างคอลลาเจนให้กับร่างกาย จะช่วยให้เราสามารถมีสุขภาพผิวและสุขภาพโดยรวมที่ดีได้

Collagen คืออะไร แบ่งเป็นกี่ชนิด
Collagen (คอลลาเจน) คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นโครงสร้างหลักของร่างกาย พบมากในผิวหนัง กระดูก ข้อต่อ เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอื่นๆ Collagen ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และชุ่มชื้น อีกทั้งยังช่วยให้ข้อต่อและกระดูกแข็งแรง
Collagen มีหลายชนิด ประเภทของคอลลาเจนที่สำคัญและพบได้บ่อย ได้แก่

• Collagen ชนิดที่ 1 (Type I) - พบมากที่สุดในร่างกาย เป็นองค์ประกอบหลักของผิวหนัง กระดูก เอ็น และฟัน
• Collagen ชนิดที่ 2 (Type II) - พบในกระดูกอ่อนและข้อต่อ ช่วยให้ข้อต่อมีความยืดหยุ่นและลดการเสียดสี
• Collagen ชนิดที่ 3 (Type III) - พบในหลอดเลือด ผิวหนัง และอวัยวะภายใน ช่วยให้เนื้อเยื่อแข็งแรงและยืดหยุ่น
• Collagen ชนิดที่ 4 (Type IV) - พบในเยื่อหุ้มเซลล์ (Basement Membrane) ช่วยในการกรองของเสียและการแลกเปลี่ยนสารอาหาร
• Collagen ชนิดที่ 5 (Type V) - พบในเส้นผม เนื้อเยื่อของดวงตา และรกของมารดา

Collagen มีประโยชน์อะไรบ้าง
Collagen มีบทบาทสำคัญในร่างกายและให้ประโยชน์หลากหลายด้าน โดยเฉพาะกับผิวพรรณ ข้อต่อ และสุขภาพโดยรวม ดังนี้

1.Collagen ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เนียนใส
• Collagen ช่วยให้ผิวเต่งตึง กระชับ และมีความยืดหยุ่น
• Collagen ช่วยลดริ้วรอยและชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
• Collagen ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดความแห้งกร้าน
• Collagen ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดีและกระจ่างใส

2.Collagen ช่วยเสริมสร้างกระดูก ข้อต่อ และกระดูกอ่อน
• Collagen ช่วยลดความเสี่ยงของโรคข้อเสื่อม และโรคกระดูกพรุน
• Collagen ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อ ลดอาการปวดและอักเสบ
• Collagen ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและลดการสูญเสียมวลกระดูก

3.Collagen ช่วยบำรุงเส้นผมและเล็บ
• Collagen ช่วยให้ผมแข็งแรง เงางาม และลดการขาดหลุดร่วง
• Collagen ช่วยเสริมสร้างโครงสร้างของเล็บ ทำให้แข็งแรงและลดการเปราะหัก

4.Collagen ช่วยในการสมานแผลและฟื้นฟูร่างกาย
• Collagen ช่วยเร่งการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย
• Collagen ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
• Collagen ช่วยลดรอยแผลเป็นและป้องกันการเกิดแผลเป็นนูน

5.Collagen ส่งเสริมสุขภาพลำไส้และระบบย่อยอาหาร
• Collagen ช่วยซ่อมแซมเยื่อบุลำไส้ ลดความเสี่ยงของโรคลำไส้รั่ว (Leaky Gut Syndrome)
• Collagen ช่วยเสริมสร้างสุขภาพลำไส้ให้แข็งแรง ลดอาการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร

6.Collagen เสริมสร้างกล้ามเนื้อและการเผาผลาญพลังงาน
• Collagen ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ และซ่อมแซมกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย
• Collagen ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานและช่วยลดไขมัน

7.Collagen ช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
• Collagen ช่วยให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรงและยืดหยุ่น
• Collagen ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและภาวะหลอดเลือดตีบ

Collagen ลดลง ส่งผลเสียอะไรบ้าง
เมื่ออายุมากขึ้นหรือเมื่อร่างกายได้รับปัจจัยที่ทำให้คอลลาเจนลดลง เช่น การสูบบุหรี่ การได้รับรังสี UV มากเกินไป การบริโภคน้ำตาลสูง จะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพและความงามในหลายด้าน ดังนี้

1.Collagen ลดลง ส่งผลเสียต่อผิวพรรณ
ผลกระทบจาก Collagen ลดลง
• ผิวหนังเริ่ม สูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับ
• เกิด ริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตาและปาก
• ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น และ เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำง่ายขึ้น
• แผลหายช้าลง และอาจเกิดแผลเป็นได้ง่าย
• ผิวบางลง และอาจมีอาการแพ้ง่ายขึ้น
สาเหตุของ Collagen ลดลง Collagen เป็นองค์ประกอบหลักของผิวหนัง เมื่อปริมาณลดลง ผิวจะเริ่มหย่อนคล้อยและขาดความเต่งตึง

2.Collagen ลดลง ส่งผลเสียต่อข้อต่อและกระดูก
ผลกระทบจาก Collagen ลดลง
• ปวดข้อและข้อต่อเสื่อม เนื่องจากคอลลาเจนเป็นองค์ประกอบหลักของกระดูกอ่อน
• เคลื่อนไหวลำบาก เกิด ข้ออักเสบ ข้อเสื่อม และโรคกระดูกพรุน
• กระดูกเปราะและแตกหักง่าย
สาเหตุของ Collagen ลดลง Collagen ชนิดที่ 2 พบมากในข้อต่อและกระดูกอ่อน เมื่อคอลลาเจนลดลง ข้อต่อจะเสื่อมลง ทำให้เกิดการเสียดสีและปวดข้อ

3.Collagen ลดลง ส่งผลเสียต่อผมและเล็บ
ผลกระทบจาก Collagen ลดลง
• ผมร่วงมากขึ้น และผมบาง เนื่องจากคอลลาเจนช่วยให้รากผมแข็งแรง
• ผมแห้ง แตกปลาย และไม่มีน้ำหนัก
• เล็บเปราะและหักง่าย
สาเหตุของ Collagen ลดลง Collagen ช่วยสร้างโครงสร้างของเส้นผมและเล็บ เมื่อคอลลาเจนลดลง รากผมและโครงสร้างเล็บจะอ่อนแอลง

4.Collagen ลดลง ส่งผลเสียต่อกล้ามเนื้อและระบบเผาผลาญ
ผลกระทบจาก Collagen ลดลง
• กล้ามเนื้ออ่อนแรงและสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ
• ระบบเผาผลาญลดลง น้ำหนักขึ้นง่าย
• ร่างกายฟื้นตัวช้าหลังออกกำลังกาย
สาเหตุของ Collagen ลดลง Collagen เป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในกล้ามเนื้อ เมื่อคอลลาเจนลดลง กล้ามเนื้อจะสูญเสียความแข็งแรงและการฟื้นตัวช้าลง

5.Collagen ลดลง ส่งผลเสียต่อหลอดเลือดและหัวใจ
ผลกระทบจาก Collagen ลดลง
• หลอดเลือด แข็งและเปราะง่าย ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
• เพิ่มความเสี่ยงต่อ โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดตีบ
• แผลในหลอดเลือดสมานตัวช้าลง
สาเหตุของ Collagen ลดลง Collagen ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรงและยืดหยุ่น เมื่อคอลลาเจนลดลง หลอดเลือดจะ เปราะบางและเสี่ยงต่อการแตกหรือตีบตัน

6.Collagen ลดลง ส่งผลเสียต่อลำไส้และระบบย่อยอาหาร
ผลกระทบจาก Collagen ลดลง
• ลำไส้อักเสบและเกิดภาวะลำไส้รั่ว (Leaky Gut Syndrome)
• ระบบย่อยอาหารทำงานไม่ดี มีอาการท้องอืด ท้องผูก หรือกรดไหลย้อน
สาเหตุของ Collagen ลดลง Collagen ช่วยซ่อมแซมเยื่อบุลำไส้ เมื่อคอลลาเจนลดลง อาจทำให้เยื่อบุลำไส้เสียหายและเกิดการอักเสบ

7.Collagen ลดลง ทำให้ฟื้นตัวจากบาดแผลช้า
ผลกระทบจาก Collagen ลดลง
• แผลหายช้ากว่าปกติ
• มีรอยแผลเป็นมากขึ้น
สาเหตุของ Collagen ลดลง Collagen ช่วยสร้างเนื้อเยื่อใหม่และฟื้นฟูเซลล์ผิว เมื่อคอลลาเจนลดลง กระบวนการฟื้นฟูของร่างกายจะทำงานช้าลง

ทำไม Collagen ในร่างกายลดลง
Collagen ในร่างกายสามารถลดลงตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้น แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เร่งให้คอลลาเจนสลายเร็วขึ้น ซึ่งอาจทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น ข้อต่อเสื่อม และเกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้

1.อายุที่เพิ่มขึ้นทำให้ Collagen ลดลง
• เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนลดลงโดยเฉพาะหลังอายุ 25 ปี
• การลดลงของคอลลาเจนทำให้ผิวหนังเริ่มมีริ้วรอย และข้อต่ออาจเริ่มเสื่อมสภาพ
• เมื่อเข้าสู่วัย 40 ปีขึ้นไป คอลลาเจนในร่างกายจะลดลงถึง 25% และหลังอายุ 60 ปี อาจลดลงถึง 50%

2.แสงแดดและรังสี UV ทำให้ Collagen ลดลง
• รังสี UV จากแสงแดด ทำลายโครงสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว
• การได้รับแสงแดดมากเกินไปส่งผลให้ผิวแก่ก่อนวัย เกิดริ้วรอย ฝ้า กระ และจุดด่างดำ
• ควรปกป้องผิวจากแสงแดดโดยการ ใช้ครีมกันแดด (SPF 30 ขึ้นไป) และหลีกเลี่ยงแดดจัด

3.การสูบบุหรี่ทำให้ Collagen ลดลง
• สารพิษในบุหรี่ เช่น นิโคติน และสารอนุมูลอิสระ ทำลายคอลลาเจนและลดการไหลเวียนของเลือดไปยังผิวหนัง
• ส่งผลให้ผิวหนังแห้ง หย่อนคล้อย และมีริ้วรอยก่อนวัย
• การสูบบุหรี่ยังลดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้แผลหายช้าลง

4.การบริโภคน้ำตาลทำให้ Collagen ลดลง
• การบริโภคน้ำตาลมากเกินไป ทำให้เกิดกระบวนการ ไกลเคชั่น (Glycation) ซึ่งทำให้คอลลาเจนแข็งตัวและสูญเสียความยืดหยุ่น
• อาหารแปรรูปและน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม ขนมหวาน และอาหารฟาสต์ฟู้ด ทำให้ผิวแก่เร็วและเสื่อมสภาพ
• ควรลดการบริโภคน้ำตาลและเลือกอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ และโปรตีนดี

5.ความเครียดทำให้ Collagen ลดลง
• ความเครียดกระตุ้นฮอร์โมน คอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งทำลายคอลลาเจน
• การนอนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายฟื้นฟูและผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง
• ควรนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน และหาวิธีลดความเครียด เช่น การออกกำลังกายหรือทำสมาธิ

6.การขาดสารอาหารทำให้ Collagen ลดลง
• ร่างกายต้องการ วิตามินซี เพื่อช่วยสร้างคอลลาเจน การขาดวิตามินซีทำให้ผิวแห้งและเหี่ยวย่นเร็วขึ้น
• ควรรับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี เช่น ส้ม ฝรั่ง เบอร์รี่ และพริกหวาน
• นอกจากนี้ โปรตีน และ ซิงก์ (Zinc) ก็มีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจน

7.การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ Collagen ลดลง
• แอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายขาดน้ำ และลดความสามารถของร่างกายในการซ่อมแซมเซลล์
• ส่งผลให้ผิวดูหมองคล้ำ ขาดความยืดหยุ่น และเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
• ควรจำกัดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ และดื่มน้ำให้เพียงพอ

8.มลภาวะทำให้ Collagen ลดลง
• มลพิษทางอากาศ ฝุ่น ควัน และสารเคมีจากเครื่องสำอางบางชนิด สร้างอนุมูลอิสระ ที่ทำลายคอลลาเจน
• แนะนำให้ล้างหน้าทุกวัน และใช้ครีมบำรุงผิวที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี หรือวิตามินอี

Collagen นำไปใช้รูปแบบใดได้บ้าง
Collagen สามารถนำไปใช้ได้ในหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อสุขภาพ ความงาม หรืออุตสาหกรรมทางการแพทย์ โดยหลัก ๆ มีดังนี้

1.Collagen ในรูปแบบอาหารเสริม
Collagen ถูกนำมาใช้ในรูปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อช่วยบำรุงผิว กระดูก ข้อต่อ และสุขภาพโดยรวม ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น
• คอลลาเจนผง (Collagen Powder)
- รูปแบบที่ได้รับความนิยม สามารถละลายน้ำได้ง่าย
- มักเป็นคอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptides) หรือไฮโดรไลซ์คอลลาเจน (Hydrolyzed Collagen) ซึ่งดูดซึมได้ดี
- สามารถผสมในน้ำเปล่า น้ำผลไม้ กาแฟ หรือสมูทตี้

• คอลลาเจนแคปซูล/เม็ด (Collagen Capsules/Tablets)
- สะดวกในการพกพาและรับประทาน
- มักมีส่วนผสมของวิตามินซี หรือสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อช่วยในการดูดซึม

• คอลลาเจนแบบน้ำ (Liquid Collagen)
- ดูดซึมได้เร็วและง่าย แต่มีราคาสูงกว่ารูปแบบอื่น

2.Collagen ในเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
Collagen ถูกใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นให้กับผิว เช่น

• ครีมบำรุงผิว (Collagen Creams & Lotions)
- ใช้ทาผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดเลือนริ้วรอย

• เซรั่มคอลลาเจน (Collagen Serum)
- ช่วยฟื้นฟูผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

• มาส์กหน้า (Collagen Face Masks)
- ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและช่วยให้ผิวเต่งตึง

• ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า (Collagen Cleansers)
- ช่วยบำรุงผิวขณะทำความสะอาด

3.Collagen ในการแพทย์และศัลยกรรม
Collagen ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์และศัลยกรรมเพื่อการรักษาและฟื้นฟู เช่น

• ฟิลเลอร์คอลลาเจน (Collagen Fillers)
- ใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มริ้วรอยหรือแก้ไขรอยแผลเป็น
- มักใช้กับบริเวณใบหน้า เช่น ร่องแก้ม หรือริมฝีปาก

• วัสดุทางการแพทย์ (Medical Collagen)
- ใช้ในผลิตภัณฑ์สำหรับการสมานแผล เช่น พลาสเตอร์ปิดแผล (Collagen Dressing) หรือวัสดุที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อ

• ไหมเย็บแผลจากคอลลาเจน (Collagen Sutures)
- ใช้สำหรับการเย็บแผลผ่าตัด เพราะสามารถย่อยสลายได้ในร่างกาย

4.Collagen ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
Collagen ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและปรับปรุงเนื้อสัมผัสของอาหาร เช่น

• เจลาติน (Gelatin) จากคอลลาเจน
- ใช้ในผลิตภัณฑ์ขนม เช่น เยลลี่ มาร์ชเมลโลว์ และลูกอมเหนียว

• อาหารเสริมคอลลาเจนในเครื่องดื่ม
- ใช้ในกาแฟ คอลลาเจน ชาเขียว หรือโปรตีนเชค

• ซุปกระดูก (Bone Broth)
- แหล่งคอลลาเจนธรรมชาติจากการเคี่ยวกระดูกสัตว์

5.Collagen ในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องสำอางชีวภาพ
นอกจากการใช้เพื่อสุขภาพและความงาม คอลลาเจนยังถูกใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น

• การผลิตเส้นใยสิ่งทอชีวภาพ (Bio-fibers)
- ใช้ในอุตสาหกรรมแฟชั่นและเสื้อผ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

• ใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม
- เช่น แชมพูและครีมนวดผมที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน

Collagen ทำมาจากอะไร
Collagen เป็นโปรตีนที่พบได้ในร่างกายของมนุษย์และสัตว์ ซึ่งสามารถสกัดได้จากแหล่งธรรมชาติต่างๆ เพื่อใช้ในอาหารเสริม เครื่องสำอาง และอุตสาหกรรมทางการแพทย์ แหล่งที่มาหลักของคอลลาเจน ได้แก่ สัตว์บก (วัว หมู) และ สัตว์ทะเล (ปลา แมงกะพรุน) รวมถึงการพัฒนาคอลลาเจนจากพืชหรือการสังเคราะห์

1.คอลลาเจนจากสัตว์ (Animal-derived Collagen)
1.1 คอลลาเจนจากวัว (Bovine Collagen)
แหล่งที่มา
• สกัดจากหนังวัว กระดูกวัว และเอ็นวัว

คุณสมบัติและประโยชน์
• เป็น คอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 ซึ่งพบมากในผิวหนัง กระดูก และเส้นเอ็น
• นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง
• มีราคาถูกกว่าคอลลาเจนจากปลาทะเล

1.2 คอลลาเจนจากหมู (Porcine Collagen)
แหล่งที่มา
• สกัดจากผิวหนังและกระดูกหมู

คุณสมบัติและประโยชน์
• มี คอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 ใกล้เคียงกับของมนุษย์
• ใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง
• พบได้ในเจลาติน (Gelatin) ที่ใช้ทำขนมและอาหาร

1.3 คอลลาเจนจากปลาทะเล (Marine Collagen)
แหล่งที่มา
• สกัดจากเกล็ดปลา หนังปลา หรือกระดูกปลา (ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาค็อด ปลาทูน่า ปลาสแนปเปอร์)

คุณสมบัติและประโยชน์
• มี คอลลาเจนชนิดที่ 1 ซึ่งเป็นชนิดที่พบมากที่สุดในร่างกายมนุษย์
• มีโครงสร้างโมเลกุลขนาดเล็ก ทำให้ ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่า คอลลาเจนจากสัตว์บก
• เป็นที่นิยมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ต้องการบำรุงผิว

1.4 คอลลาเจนจากไก่ (Chicken Collagen)
แหล่งที่มา
• สกัดจากกระดูกอ่อนและกระดูกไก่

คุณสมบัติและประโยชน์
• มี คอลลาเจนชนิดที่ 2 ซึ่งสำคัญต่อกระดูกอ่อนและข้อต่อ
• ใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับ ลดอาการปวดข้อและโรคข้อเสื่อม
• นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์สำหรับการดูแลข้อต่อ

2.คอลลาเจนจากพืช (Vegan Collagen หรือ Plant-based Collagen)
แม้ว่าคอลลาเจนตามธรรมชาติจะพบในสัตว์เท่านั้น แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาคอลลาเจนจากพืชและการสังเคราะห์ขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ที่ไม่ต้องการบริโภคคอลลาเจนจากสัตว์

แหล่งที่มา
• ใช้เทคโนโลยีทางชีวภาพเพื่อผลิตคอลลาเจนจาก ยีสต์และแบคทีเรีย (เช่น P.pastoris)
• บางผลิตภัณฑ์ใช้พืชที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น ถั่วเหลือง อะโวคาโด สาหร่าย และเมล็ดเจีย

คุณสมบัติและประโยชน์
• เป็นทางเลือกสำหรับมังสวิรัติ (Vegan) และผู้ที่ไม่บริโภคสัตว์
• มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย

3.คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptides หรือ Hydrolyzed Collagen)
แหล่งที่มา
• สกัดจากคอลลาเจนธรรมชาติ (จากวัว หมู หรือปลา)
• ผ่านกระบวนการ ไฮโดรไลซ์ (Hydrolysis) เพื่อทำให้โมเลกุลเล็กลง

คุณสมบัติและประโยชน์
• ดูดซึมได้ง่ายและมีประสิทธิภาพสูงกว่าคอลลาเจนทั่วไป
• ใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่ม
• เหมาะสำหรับการบำรุงผิว ข้อต่อ และกระดูก

หัตถการกระตุ้น Collagen มีอะไรบ้าง
หัตถการที่ช่วยกระตุ้น Collagen มีหลากหลาย โดยเป็นการฉีดสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง เพื่อช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ กระชับ และลดเลือนริ้วรอย โดยมีคุณสมบัติแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของสารเติมเต็มที่ใช้ ดังนี้

1.การกระตุ้น Collagen ด้วย Radiesse
ส่วนประกอบหลัก
• แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite, CaHA)

คุณสมบัติของ Radiesse
• เป็นฟิลเลอร์ที่ช่วยเติมเต็มและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
• เนื้อสัมผัสแน่นและมีความยืดหยุ่น เหมาะกับการใช้บริเวณกรอบหน้า ขมับ และแก้ม
• สามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน

ข้อดีของ Radiesse
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว
• ปรับโครงสร้างใบหน้า ให้ดูยกกระชับขึ้น
• เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

2.การกระตุ้น Collagen ด้วย Sculptra
ส่วนประกอบหลัก
• โพลี-แอล-แลคติก แอซิด (Poly-L-Lactic Acid, PLLA)

คุณสมบัติของ Sculptra
• เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ช่วยเพิ่มมวลผิวจากภายใน
• ไม่ใช่ฟิลเลอร์แบบเติมเต็มทันที แต่ช่วยให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเอง
• อยู่ได้นานถึง 2 ปี ขึ้นไป

ข้อดีของ Sculptra
• ช่วยให้ผิวดูเต็มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
• ลดความหย่อนคล้อยในระยะยาว
• เหมาะกับคนที่มีใบหน้าตอบ หรือผิวบาง

3.การกระตุ้น Collagen ด้วย ULTRACOL
ส่วนประกอบหลัก
• โพลีดีออกซาโนน (Polydioxanone, PDO)

คุณสมบัติของ ULTRACOL
• เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีเส้นใยละลาย (Bio-Stimulating Filler)
• ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเพิ่มความหนาแน่นของผิว
• อยู่ได้นาน 1-2 ปี

ข้อดีของ ULTRACOL
• ฟื้นฟูโครงสร้างผิว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
• ช่วยให้ผิวดูเฟิร์ม กระชับ
• ปลอดภัยและย่อยสลายได้เอง

4.การกระตุ้น Collagen ด้วย PLURYAL
ส่วนประกอบหลัก
• กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid, HA)
• เปปไทด์ และสารกระตุ้นคอลลาเจน

คุณสมบัติของ PLURYAL
• เป็นฟิลเลอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นและช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
• เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวที่แห้ง ขาดน้ำ และมีริ้วรอย
• อยู่ได้นาน 6-12 เดือน

ข้อดีของ PLURYAL
• ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้ดูอิ่มน้ำ
• ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนไปพร้อมกับการเติมเต็มผิว
• เหมาะกับการฉีดใต้ตาและทั่วใบหน้า

5.การกระตุ้น Collagen ด้วย Profhilo
ส่วนประกอบหลัก
• ไฮยาลูโรนิก แอซิด โมเลกุลสูง (Hybrid HA)

คุณสมบัติของ Profhilo
• เป็นสารเติมเต็มที่ไม่ใช่ฟิลเลอร์และไม่ใช่โบท็อกซ์
• ทำหน้าที่ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
• มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้สูงมาก
• อยู่ได้นาน 6-12 เดือน

ข้อดีของ Profhilo
• ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ และกระจ่างใสขึ้น
• เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวแห้งและขาดความยืดหยุ่น
• สามารถฉีดได้ทั่วหน้า คอ และมือ

6.การกระตุ้น Collagen ด้วย KARISMA
ส่วนประกอบหลัก
• คอลลาเจนบริสุทธิ์ที่สกัดจากธรรมชาติ (Native Collagen)

คุณสมบัติของ KARISMA
• เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่เน้นฟื้นฟูผิวแบบธรรมชาติ
• มีส่วนช่วยใน การลดริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
• อยู่ได้นาน 1 ปีขึ้นไป

ข้อดีของ KARISMA
• ปลอดภัย เพราะเป็นคอลลาเจนที่ใกล้เคียงกับร่างกาย
• ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์และดูสุขภาพดีขึ้น
• เหมาะกับทุกสภาพผิว

ตารางเปรียบเทียบแต่ละหัตถการกระตุ้น Collagen

หัตถการ

ส่วนประกอบหลัก

เหมาะสำหรับ

ระยะเวลาเห็นผล

ระยะเวลาคงอยู่

Radiesse

CaHA

เติมเต็ม+กระตุ้นคอลลาเจน

ทันที

12-18 เดือน

Sculptra

PLLA

กระตุ้นคอลลาเจน

2-3 เดือน

2 ปีขึ้นไป

ULTRACOL

PDO

ยกกระชับ+ฟื้นฟูผิว

1-2 เดือน

1-2 ปี

PLURYAL

HA + เปปไทด์

เติมเต็ม+ชุ่มชื้น

ทันที

6-12 เดือน

Profhilo

Hybrid HA

เติมความชุ่มชื้น+กระตุ้นคอลลาเจน

1 เดือน

6-12 เดือน

KARISMA

คอลลาเจนบริสุทธิ์

ฟื้นฟูผิว

4-6 สัปดาห์

1 ปีขึ้นไป

สรุปเกี่ยวกับ Collagen
สรุปได้ว่า Collagen เป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อร่างกาย ช่วยเสริมสร้างและรักษาความแข็งแรงของผิวพรรณ กระดูก ข้อต่อ และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน การลดลงของ Collagen ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวเหี่ยวย่น ริ้วรอย ข้อต่อเสื่อม และสุขภาพโดยรวมแย่ลง อย่างไรก็ตาม เราสามารถชะลอการเสื่อมของคอลลาเจนได้ โดยการรับประทานอาหารที่มีคอลลาเจนสูง เช่น ปลา ไข่ขาว และผักผลไม้ที่มีวิตามินซี หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำลายคอลลาเจน เช่น การสูบบุหรี่และการรับแสงแดดมากเกินไป นอกจากนี้ ยังมีหัตถการทางการแพทย์ เช่น การฉีดสารกระตุ้น Collagen ที่สามารถช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนให้ผิวพรรณสดใส

สำหรับผู้ที่สนใจทำหัตถการกระตุ้น Collagen ให้ผิวกระจ่างใส สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และนัดหมายแพทย์ได้ที่ รมย์รวินท์ คลินิก
*ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

* ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
เรื่อง โปรแกรมดูแลผิวหน้า ที่คุณอาจสนใจ