เคล็ดลับหน้าขาวใสไร้รอยสิว วิธีดูแลตัวเองให้ผิวขาวใสออร่าพุ่งจริงไหม
หน้าขาวใส
เคล็ดลับดูแลตัวเอง หน้าขาวใสออร่าพุ่ง
ใครก็อยากมีผิวหน้าขาวใส รู้สึกเหมือนมีออร่าในตัวเอง แต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ไม่ต้องเป็นกังวลเลย เรามีเคล็ดลับดูแลตัวเองทั้งที่แบบสามารถทำเองได้เป็นการดูแลตัวเองขั้นพื้นฐาน กับหัตถการสำหรับหน้าขาวใส ถ้าทำคู่กันรับรองว่าผิวหน้าออร่าแน่นอน
รวมหัวข้อเคล็ดลับดูแลตัวเอง หน้าขาวใสออร่าพุ่ง
• รวมปัจจัยที่ส่งผลต่อสุขภาพผิวหน้าของเรา
• วิธีดูแลตัวเองให้หน้าขาวใส
- ดูแลให้หน้าขาวใสด้วยการทากันแดดทุกวัน
- ดูแลให้หน้าขาวใสด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ
- ดูแลให้หน้าขาวใสด้วยการกินวิตามินบำรุงผิว
- ดูแลให้หน้าขาวใสด้วยการนอนให้พอ
- ดูแลให้หน้าขาวใสด้วยการเลือกครีมบำรุงให้เหมาะกับผิว
- ดูแลให้หน้าขาวใสด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์
- ดูแลให้หน้าขาวใสด้วยการสครัปผิว
- ดูแลให้หน้าขาวใสด้วยการมาสก์หน้า
- ดูแลให้หน้าขาวใสด้วยการออกกำลังกาย
• แนะนำหัตถการสำหรับหน้าขาวใส
- เติมวิตามินซีให้ผิวช่วยให้หน้าขาวใส
- ฉีดเมโสหน้าใสช่วยให้หน้าขาวใส
- เลเซอร์หน้าใสช่วยให้หน้าขาวใส
- ฉีดฟิลเลอร์งานผิวช่วยให้หน้าขาวใส
- ทรีตเม้นต์ช่วยให้หน้าขาวใส
• เลือกคลินิกดูแลผิวให้หน้าขาวใส
• สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับเคล็ดลับหน้าขาวใส
รวมปัจจัยที่ส่งผลต่อสุขภาพผิวหน้าของเรา
ใครเคยสงสัยไหมว่าบางคนไม่ได้บำรุงผิวอะไรเยอะเลย แต่ผิวหน้าขาวใสเหมือนเปิดปุ่มสปอร์ตไลท์ จริง ๆ แล้ว ผิวหน้าของแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกันออกไป ถ้าเรารู้ตั้งแต่เนิ่นๆว่า ปัจจัยอะไรที่ส่งผลต่อสุขภาพผิวหน้าเราบ้าง เราจะได้สามารถดูแลสภาพผิวหน้าตรงนั้นได้อย่างตรงจุด
1.ฮอร์โมน (Hormonal Influence)
ฮอร์โมนเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อสุขภาพผิว เป็นตัวตั้งต้นที่จะทำให้หน้าขาวใส โดยเฉพาะในช่วงวัยต่าง ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างชัดเจน เช่น วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ และวัยหมดประจำเดือน ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพผิวที่ส่งผลให้หน้าขาวใส ได้แก่
• แอนโดรเจน (Androgens) เช่น เทสโทสเตอโรน (Testosterone) มีผลต่อการผลิตน้ำมัน (Sebum) ของต่อมไขมัน หากมีมากเกินไปอาจทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวได้
• เอสโตรเจน (Estrogen) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวยืดหยุ่นและชุ่มชื้น ลดริ้วรอย แต่เมื่ออายุมากขึ้นระดับเอสโตรเจนลดลง ผิวอาจแห้งและเกิดริ้วรอยได้ง่าย
• คอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนความเครียด หากอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานจะทำให้เกิดการอักเสบ ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำและเกิดสิว
• อินซูลิน (Insulin) มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดสิวและภาวะดื้ออินซูลินอาจส่งผลต่อการอักเสบของผิวหนัง
2.พันธุกรรม (Genetics)
พันธุกรรมเป็นปัจจัยที่กำหนดลักษณะของผิวพื้นฐาน เช่น
• ประเภทผิว (Skin Type) ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสม ล้วนถูกกำหนดโดยพันธุกรรมในระดับหนึ่ง
• แนวโน้มการเกิดสิว (Acne-Prone Skin) หากพ่อแม่มีประวัติเป็นสิวตั้งแต่วัยรุ่นหรือมีรูขุมขนกว้าง ก็อาจส่งต่อไปยังรุ่นลูก
• อัตราการแก่ของผิว (Skin Aging Rate) พันธุกรรมกำหนดว่าผิวของเราจะสูญเสียคอลลาเจนเร็วแค่ไหน หรือเกิดริ้วรอยง่ายหรือไม่
• ความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant Defense System) ซึ่งมีผลต่อการป้องกันริ้วรอยและความเสียหายของเซลล์ผิว
3.โภชนาการและอาหาร
• อาหารที่มีวิตามินซี อี และสารต้านอนุมูลอิสระช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและปกป้องผิวจากความเสียหายของแสงแดดช่วยให้ผิวหน้าขาวใสขึ้น
• การบริโภคน้ำตาลสูงอาจทำให้เกิด Glycation ซึ่งทำให้คอลลาเจนแข็งตัวและเกิดริ้วรอยเร็วขึ้น
• ไขมันดี เช่น Omega-3 ช่วยลดการอักเสบและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
4.ปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์
• ความเครียด กระตุ้นการผลิตคอร์ติซอล ซึ่งส่งผลให้ผิวอักเสบและเกิดสิว
• การพักผ่อน การนอนหลับที่มีคุณภาพช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิว
• การออกกำลังกาย ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและขจัดสารพิษผ่านเหงื่อ
• การดูแลผิว เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว และการปกป้องผิวจากแสงแดด
5.ปัจจัยภายนอกและมลภาวะ
• แสงแดด (UV Radiation) เป็นตัวการหลักของริ้วรอยก่อนวัยและจุดด่างดำ
• มลภาวะ (Pollution) ทำให้เกิดอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์ผิวและก่อให้เกิดการอักเสบ
• สารเคมีจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิว หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและทำลายเกราะป้องกันผิว
วิธีดูแลตัวเองให้หน้าขาวใส
หลังจากเรารู้ปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงกับสภาพผิวหน้าของเราแล้ว วันนี้เราจะมาแชร์เคล็ดลับดูแลตัวเองให้หน้าขาวใส แบบเน็ตไอดอลหลายๆ คนที่เหมือนผิวดีมาตั้งแต่เกิดกันว่าเค้าทำกันยังไงบ้าง
ดูแลให้หน้าขาวใสด้วยการทากันแดดทุกวัน
การทาครีมกันแดดเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่สุดของการดูแลผิวให้หน้าขาวใส ถ้าหากต้องการให้ผิวหน้าขาวใสและมีสุขภาพดี การปกป้องผิวจากรังสี UV ถือเป็นกุญแจหลัก เพราะรังสี UV เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำ และเร่งกระบวนการชราของผิว
1.รังสี UV ทำให้ผิวหมองคล้ำและกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน
• รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากดวงอาทิตย์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักที่มีผลต่อผิว
- รังสี UVA (Ultraviolet A) มีความยาวคลื่น 320-400 นาโนเมตร สามารถทะลุเข้าสู่ผิวหนังชั้นลึก (Dermis) ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ผิวคล้ำเสียสะสม และทำให้เม็ดสีเมลานินเข้มขึ้น
- รังสี UVB (Ultraviolet B) มีความยาวคลื่น 290-320 นาโนเมตร มีพลังงานสูงและทำให้เกิดผิวไหม้ (Sunburn) กระตุ้นให้เซลล์เมลาโนไซต์ผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น ส่งผลให้ผิวคล้ำเสียและเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ
กันแดดช่วยลดการกระตุ้นเมลาโนไซต์ เมื่อทาครีมกันแดดที่มี SPF 30-50 ขึ้นไป จะช่วยกรองรังสี UV และลดการกระตุ้นเม็ดสี ทำให้ผิวไม่หมองคล้ำง่าย หน้าขาวใสขึ้น
2.ป้องกันการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และรอยแดงจากแดด
กันแดดลดการเกิดจุดด่างดำ การใช้ครีมกันแดดที่มี ค่า PA+++ ขึ้นไป จะช่วยป้องกันรังสี UVA ที่เป็นสาเหตุของฝ้าและกระลึก เมื่อใช้ต่อเนื่องจะช่วยให้ผิวหน้าขาวใส ลดโอกาสเกิดจุดด่างดำในอนาคต
3.ป้องกันริ้วรอยก่อนวัย และการสูญเสียคอลลาเจน
• รังสี UVA ทำให้เกิด Oxidative Stress กระตุ้นให้เกิด อนุมูลอิสระ (Free Radicals) ที่ทำลายเซลล์ผิวและคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
• การสูญเสียคอลลาเจนทำให้ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย และดูหมองคล้ำ
กันแดดช่วยลดความเสียหายของคอลลาเจน ครีมกันแดดที่มี สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) เช่น วิตามินซี วิตามินอี หรือไนอะซินาไมด์ จะช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากอนุมูลอิสระ ลดการเสื่อมสภาพของคอลลาเจน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสดใสผิวหน้าขาวใสขึ้น
4.ลดการอักเสบและป้องกันผิวแพ้ง่ายจากแสงแดดช่วยให้ผิวหน้าขาวใส
• รังสี UV ทำให้เกิดการอักเสบของผิว โดยไปกระตุ้น MMPs (Matrix Metalloproteinases) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำลายโปรตีนในชั้นผิว ส่งผลให้เกิดผิวแดง อักเสบ และแห้งกร้าน
กันแดดช่วยลดการอักเสบช่วยให้ผิวหน้าขาวใส ส่วนผสมของสารกันแดดแบบ Physical (เช่น Zinc Oxide หรือ Titanium Dioxide) จะช่วยสะท้อนรังสี UV ออกไป ลดการระคายเคืองของผิว
5.ปกป้องผิวจาก HEV Light และมลภาวะ ซึ่งทำให้ผิวหมองคล้ำ
• แสงสีฟ้าจากหน้าจอ (HEV Light) และมลภาวะ เช่น ฝุ่น PM 2.5 กระตุ้นให้เกิด Oxidative Stress ทำให้ผิวคล้ำเสียและเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร
กันแดดที่มี Blue Light Protection กันแดดบางชนิดมี สารกรองแสงสีฟ้า เช่น Iron Oxides หรือ Niacinamide ซึ่งช่วยป้องกันผลกระทบจากแสงหน้าจอและมลภาวะ ลดการทำลายเซลล์ผิว
แนะนำวิธีเลือกครีมกันแดดเพื่อผิวหน้าขาวใส
- ค่า SPF 30-50+ ช่วยป้องกันรังสี UVB ได้ดี
- ค่า PA+++ ขึ้นไป ช่วยป้องกันรังสี UVA
- เนื้อบางเบา ไม่อุดตันรูขุมขน เหมาะสำหรับผิวมันหรือเป็นสิวง่าย
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี อี หรือไนอะซินาไมด์
- กันน้ำ กันเหงื่อ ถ้าชีวิตประจำวันจะต้องออกแดดนาน ๆ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแค่ทาครีมกันแดดทุกวันและต้องทามครีมกันแดดให้ถึง เลือกสูตรที่เข้ากับผิวหน้าเราเพียงเท่านี้ก็จะทำให้หน้าขาวใสดูมีออร่าขึ้นอย่างแน่นอน
ดูแลให้หน้าขาวใสด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพผิวจากภายในช่วยให้หน้าขาวใสได้ เมื่อร่างกายได้รับน้ำในปริมาณที่เหมาะสม ระบบต่าง ๆ จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผิวพรรณดูกระจ่างใสหน้าขาวใสขึ้น และลดปัญหาผิวที่เกิดจากความแห้งกร้านหรือการสะสมของสารพิษ แต่จะต้องดื่มน้ำติดต่อกันเป็นเวลานานถึงจะเห็นผลในด้านของการทำให้หน้าขาวใสขึ้น
น้ำช่วยลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนไปยังเซลล์ผิว
• น้ำมีบทบาทสำคัญในการลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนไปยังเซลล์ผิว ผ่านทางระบบไหลเวียนโลหิต
• เมื่อเซลล์ผิวได้รับสารอาหารที่เพียงพอ จะสามารถซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองได้ดี ทำให้ผิวหน้าขาวใสเปล่งปลั่ง
• หากร่างกายขาดน้ำ เลือดจะข้นขึ้น ทำให้การลำเลียงสารอาหารไปยังผิวทำได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ผิวดูหมองคล้ำและไม่สดใส
น้ำช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว ลดความแห้งกร้านและริ้วรอย
• น้ำช่วยให้เซลล์ผิวอุ้มน้ำและรักษาสมดุลของความชุ่มชื้น
• เมื่อผิวได้รับน้ำเพียงพอ จะช่วยลดอาการแห้งกร้าน ลอกเป็นขุย และลดโอกาสการเกิดริ้วรอยก่อนวัยช่วยให้หน้าขาวใสขึ้น
• ผิวที่มีความชุ่มชื้นดีจะดูอิ่มน้ำ เต่งตึง และมีสุขภาพดี
น้ำช่วยขับของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย ลดปัญหาสิวและผิวหมองคล้ำ
• ไตและระบบขับถ่ายต้องใช้น้ำเพื่อกำจัดของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย
• เมื่อร่างกายสามารถขับของเสียออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดการสะสมของสารพิษที่อาจทำให้เกิดสิวและการอักเสบของผิว เมื่อขับของเสียออกไปแล้วช่วยให้หน้าขาวใสขึ้น
• หากดื่มน้ำน้อย ร่างกายอาจขับของเสียออกทางผิวหนังแทน ทำให้เกิดสิว ผื่น หรืออาการแพ้ต่าง ๆ
น้ำช่วยควบคุมสมดุลของน้ำมันในผิว ลดความมันส่วนเกินและสิว
• ผิวที่ขาดน้ำมักจะผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นเพื่อชดเชยความแห้ง
• การผลิตน้ำมันที่มากเกินไปอาจทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิว
• การดื่มน้ำช่วยให้ผิวรักษาสมดุลของน้ำและน้ำมันได้ดีขึ้น ลดโอกาสการเกิดสิวและปัญหาผิวมัน
น้ำช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเต่งตึงและยืดหยุ่นขึ้น
• คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่ทำให้ผิวกระชับและแข็งแรง
• กระบวนการสร้างคอลลาเจนต้องอาศัยน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก
• เมื่อร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ ผิวจะมีความยืดหยุ่นดีขึ้น ลดริ้วรอย และดูอ่อนเยาว์
แนวทางการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพผิวหน้าขาวใส
• ควรดื่มน้ำประมาณ 1.5-3 ลิตรต่อวัน หรือ 8-12 แก้ว ขึ้นอยู่กับกิจกรรมและสภาพอากาศ
• ควรดื่มน้ำเป็นระยะตลอดวัน ไม่ดื่มทีละมาก ๆ ในคราวเดียว
• ควรดื่มน้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำอุ่น เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดี
• หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่ทำให้ร่างกายขาดน้ำ เช่น แอลกอฮอล์ กาแฟ และน้ำอัดลม
• สามารถดื่มน้ำแร่ หรือน้ำที่มีวิตามินซี เพื่อช่วยเสริมสุขภาพผิว
ดูแลให้หน้าขาวใสด้วยการกินวิตามินบำรุงผิว
การได้รับวิตามินและสารอาหารที่เหมาะสมช่วยให้ผิวหน้าขาวใส ก ลดเลือนริ้วรอย และป้องกันปัญหาผิวต่าง ๆ วิตามินแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน และช่วยเสริมสุขภาพผิวในหลายด้าน ขอแนะนำวิตามินบำรุงผิวตัวสำคัญที่ทำให้หน้าขาวใสดูมีออร่าขึ้น
1.ผิวหน้าขาวใสด้วยวิตามินซี (Vitamin C) - ลดจุดด่างดำ ผิวกระจ่างใส
• เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากมลภาวะและแสงแดด
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเต่งตึงและอ่อนเยาว์
• ลดการผลิตเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวดูขาวกระจ่างใสขึ้น
• ลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระ และรอยสิว
วิธีรับประทาน
• วันละ 500-1,000 มก.
• ควรกินพร้อมอาหารหรือหลังอาหารเพื่อการดูดซึมที่ดีขึ้น
• ควรกินร่วมกับวิตามินอีหรือกลูตาไธโอนเพื่อเสริมกัน
2.ผิวหน้าขาวใสด้วยวิตามินอี (Vitamin E) - เพิ่มความชุ่มชื้นและลดริ้วรอย
• เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV และมลภาวะ
• ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว ลดความแห้งกร้านและการอักเสบของผิว ช่วยให้ผิวหน้าขาวใส
• ลดเลือนริ้วรอย และช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์
วิธีรับประทาน
• วันละ 200-400 IU
• ควรกินพร้อมอาหารที่มีไขมันเพื่อช่วยให้ดูดซึมได้ดี
• กินร่วมกับวิตามินซีเพื่อเสริมฤทธิ์
3.ผิวหน้าขาวใสด้วยวิตามินเอ (Vitamin A) - ลดสิว กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
• กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้ผิวเรียบเนียน
• ลดการอักเสบของผิว ลดสิว และช่วยควบคุมการผลิตน้ำมัน
• ป้องกันริ้วรอย และช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น ให้ผิวหน้าขาวใส
วิธีรับประทาน
• วันละ 700-900 ไมโครกรัม (mcg)
• ควรกินพร้อมอาหารที่มีไขมันเพื่อช่วยในการดูดซึม
• ไม่ควรกินเกินขนาด เพราะอาจเกิดพิษสะสมในร่างกาย
4.ผิวหน้าขาวใสด้วยวิตามินบีรวม (Vitamin B Complex) - ลดความหมองคล้ำ ช่วยให้ผิวแข็งแรง
• วิตามินบี 3 (ไนอะซินาไมด์) ช่วยลดรอยดำ รอยแดง และควบคุมความมัน ช่วยให้ผิวหน้าขาวใส
• วิตามินบี 5 (แพนโทธีนิก) ช่วยลดการอักเสบของสิวและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
• วิตามินบี 7 (ไบโอติน) ช่วยบำรุงผิว ผม และเล็บ
วิธีรับประทาน
• วันละ 1 เม็ด หรือเท่ากับ 100% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
• สามารถรับประทานร่วมกับอาหารเช้าเพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดี
5.ผิวหน้าขาวใสด้วยสังกะสี (Zinc) - ลดสิว ลดการอักเสบของผิว
• ช่วยลดการอักเสบของผิวและป้องกันการเกิดสิว
• ควบคุมการผลิตน้ำมันของต่อมไขมัน ลดความมันบนใบหน้า
• ช่วยสมานแผลและฟื้นฟูเซลล์ผิวส่งผลให้ผิวหน้าขาวใส
วิธีรับประทาน
• วันละ 15-30 มก.
• ควรกินพร้อมอาหารเพื่อลดการระคายเคืองกระเพาะ
6.ผิวหน้าขาวใสด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3) - ให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น ลดอักเสบ
• ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดปัญหาผิวแห้งและลอกเป็นขุย
• ลดการอักเสบของผิว และช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ผิวหน้าขาวใส
• ป้องกันริ้วรอย และช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์
วิธีรับประทาน
• วันละ 1,000-2,000 มก.
• ควรกินพร้อมอาหารที่มีไขมันเพื่อช่วยในการดูดซึม
7.ผิวหน้าขาวใสด้วยกลูตาไธโอน (Glutathione) - ช่วยให้ผิวหน้าขาวใส ลดเม็ดสีเมลานิน
• เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน
• ลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระ และช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้น
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเนียนนุ่ม
วิธีรับประทาน
• วันละ 250-500 มก.
• ควรกินร่วมกับวิตามินซีเพื่อเสริมการทำงานของกลูตาไธโอน
ดูแลให้หน้าขาวใสด้วยการนอนให้พอ
การนอนหลับที่มีคุณภาพไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูพลังงาน แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมและบำรุงผิว การนอนที่เพียงพอส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนหลายชนิดที่ช่วยให้ผิวหน้าขาวใส ลดเลือนริ้วรอย และฟื้นฟูความเสียหายของผิวจากมลภาวะและแสงแดด
1.ฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) - ต้านอนุมูลอิสระ และลดริ้วรอย
• เมลาโทนินเป็นฮอร์โมนที่หลั่งออกมาในช่วงกลางคืน มีหน้าที่ควบคุมนาฬิกาชีวภาพของร่างกาย
• มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากความเสียหายที่เกิดจากรังสี UV และมลภาวะ ฟื้นฟูผิวให้หน้าขาวใส
• ช่วยลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และกระจ่างใสมากขึ้น
• ระดับเมลาโทนินจะสูงสุดในช่วง 22.00 - 02.00 น. ดังนั้นควรเข้านอนก่อน 22.00 น.เพื่อให้ร่างกายผลิตเมลาโทนินได้เต็มที่
2.ฮอร์โมนโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) - กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูผิว
• โกรทฮอร์โมนเป็นฮอร์โมนที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนช่วยให้หน้าขาวใส
• หลั่งออกมาในช่วง หลับลึก (Deep Sleep) ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วง 23.00 - 01.00 น.
• คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวเต่งตึง ยืดหยุ่น และลดเลือนริ้วรอย
• หากนอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายจะผลิตโกรทฮอร์โมนลดลง ทำให้ผิวเสื่อมโทรมเร็วขึ้นและเกิดริ้วรอยได้ง่าย
3.คอร์ติซอล (Cortisol) - ลดระดับความเครียด และป้องกันผิวอักเสบ
• คอร์ติซอลเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด หากมีระดับสูงเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดการอักเสบของผิว และทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว
• การนอนหลับอย่างเพียงพอช่วยลดระดับคอร์ติซอล ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นและลดโอกาสเกิดสิวและผื่นแพ้
• หากอดนอนหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ระดับคอร์ติซอลจะสูงขึ้น ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำและเกิดสิวอักเสบได้ง่าย
4.ฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) - ป้องกันการเกิดสิวและช่วยควบคุมการผลิตน้ำมัน
• การนอนที่มีคุณภาพช่วยให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและอินซูลินได้ดีขึ้น
• หากร่างกายมีภาวะดื้ออินซูลินจากการนอนหลับไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้เกิดการอักเสบของผิวและกระตุ้นการผลิตน้ำมันส่วนเกิน ทำให้เกิดสิวอุดตัน
• การนอนที่ดีช่วยให้ระดับอินซูลินสมดุล ลดความเสี่ยงของสิว และทำให้ผิวหน้าขาวใส
5.ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และ เทสโทสเตอโรน (Testosterone) - ควบคุมสมดุลของผิวและลดความมัน
• เอสโตรเจนช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น กระชับ และยืดหยุ่น
• เทสโทสเตอโรนเกี่ยวข้องกับการผลิตน้ำมันในผิว หากไม่สมดุล อาจทำให้ผิวมันและเกิดสิวได้ง่าย
• การนอนที่เพียงพอช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมนทั้งสองตัว ทำให้ผิวดูสุขภาพดี ผิวหน้าขาวใสและลดโอกาสเกิดสิว
6.ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานดีขึ้น ส่งออกซิเจนและสารอาหารไปบำรุงผิว
• ขณะนอนหลับ ระบบไหลเวียนโลหิตจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์ผิวได้ดี
• ช่วยลดความหมองคล้ำของใบหน้าและใต้ตา ทำให้ผิวดูสดใสเปล่งปลั่ง
• หากนอนไม่พอ เลือดจะไหลเวียนได้ไม่ดี ทำให้ผิวดูซีดเซียวและอ่อนล้า
7.ผิวสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ดีที่สุดขณะนอนหลับ
• เซลล์ผิวมีการผลัดเซลล์เก่าและสร้างเซลล์ใหม่มากที่สุดในช่วงเวลากลางคืน
• การนอนที่มีคุณภาพช่วยให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวทำงานได้ดี ลดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ผิวหน้าขาวใสมากขึ้น
• หากนอนหลับไม่เพียงพอ กระบวนการนี้จะทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้ผิวดูหมองคล้ำและไม่สดใส
แนวทางการนอนเพื่อสุขภาพผิวที่ดีส่งผลให้หน้าขาวใส
• ควรนอนอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อคืน
• ควรเข้านอนก่อน 22.00 น. และตื่นประมาณ 06.00 - 07.00 น.
• หลีกเลี่ยงการใช้หน้าจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์ก่อนนอน อย่างน้อย 30 นาที เพื่อไม่ให้แสงสีฟ้ารบกวนการหลั่งเมลาโทนิน
• นอนในห้องที่มืดสนิท อุณหภูมิห้องเย็นสบาย เพื่อกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเมลาโทนิน
• หลีกเลี่ยงคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ก่อนนอน เพราะอาจรบกวนคุณภาพการนอน
ดูแลให้หน้าขาวใสด้วยการเลือกครีมบำรุงให้เหมาะกับผิว
การเลือกครีมบำรุงผิวที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผิวหน้าขาวใส อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสภาพผิวของแต่ละคนแตกต่างกัน การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดปัญหาผิว เช่น สิว ผิวแห้ง หรือระคายเคือง
การเลือกครีมบำรุงที่ตรงกับความต้องการของผิว จะช่วยให้สารบำรุงซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้ตรงจุดส่งผลให้มีออร่าหน้าขาวใส
1.ผิวธรรมดาการเลือกครีมที่ทำให้หน้าหน้าขาวใส
• ใช้ครีมที่ให้ความชุ่มชื้นปานกลางและสารต้านอนุมูลอิสระ
• ส่วนผสมแนะนำ ไฮยาลูรอนิก แอซิด, วิตามินซี, เซราไมด์
2.ผิวแห้งการเลือกครีมที่ทำให้หน้าหน้าขาวใส
• เลือกครีมที่มีความเข้มข้นสูง กักเก็บน้ำในผิวได้ดี
• ส่วนผสมแนะนำ เชียบัตเตอร์, ไนอาซินาไมด์, เซราไมด์
3.ผิวมันการเลือกครีมที่ทำให้หน้าหน้าขาวใส
• ใช้ครีมเนื้อบางเบา ควบคุมความมัน ลดการอุดตัน
• ส่วนผสมแนะนำ ไนอาซินาไมด์, วิตามินซี, ซิงค์
4.ผิวผสมการเลือกครีมที่ทำให้หน้าหน้าขาวใส
• เลือกครีมที่ให้ความชุ่มชื้นพอดี คุมมันแต่ไม่ทำให้ผิวแห้ง
• ส่วนผสมแนะนำ ไฮยาลูรอนิก แอซิด, ไนอาซินาไมด์, ชาเขียว
5.ผิวแพ้ง่ายการเลือกครีมที่ทำให้หน้าหน้าขาวใส
• ใช้ครีมอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารระคายเคือง
• ส่วนผสมแนะนำ อโลเวรา, เซราไมด์, สารสกัดจากข้าวโอ๊ต
การเลือกครีมให้เหมาะกับผิวจะช่วยให้ผิวแข็งแรง หน้าขาวใส และสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ดูแลให้หน้าขาวใสด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์
ประโยคที่ว่า You are what you eat กินอะไรก็เป็นอย่างนั้น เป็นประโยคที่ทำให้เห็นภาพมากที่สุด เพราะถ้าเราทานอาหารที่มีประโยชน์ไม่ว่าจะเป็น การทานผัก ผลไม้ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปให้ได้มากที่สุด และงดของทอดของมัน จะส่งผลให้หน้าขาวใส ดูสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอกได้อย่างแน่นอน
ดูแลให้หน้าขาวใสด้วยการสครัปผิว
ประโยชน์ของการสครับผิวเพื่อผิวหน้าขาวใส
• ขจัดเซลล์ผิวเก่า - ลดความหมองคล้ำ ทำให้ผิวหน้าขาวใส
• กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ - ผิวดูเนียนละเอียดและสุขภาพดี
• เพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงผิว - ทำให้ครีมบำรุงซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น
• ลดการอุดตันของรูขุมขน - ป้องกันสิวและช่วยให้ผิวเรียบเนียน
วิธีสครับผิวอย่างถูกต้องเพื่อผิวหน้าขาวใส
• ใช้สครับที่อ่อนโยน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
• นวดเบา ๆ เป็นวงกลม หลีกเลี่ยงการขัดแรงเกินไป
• เลือกสครับที่มี กรด AHA/BHA หรือสารสกัดจากธรรมชาติ
• หลังสครับควร บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์และกันแดด
การสครับผิวเป็นประจำอย่างเหมาะสมช่วยให้ผิวหน้าขาวใส เนียนนุ่ม และดูสุขภาพดีขึ้น
ดูแลให้หน้าขาวใสด้วยการมาสก์หน้า
ประโยชน์ของการมาสก์หน้าเพื่อให้ผิวหน้าขาวใส
• เพิ่มความชุ่มชื้น - เติมน้ำให้ผิว อิ่มฟู และเนียนนุ่ม
• บำรุงเข้มข้น - ส่งสารอาหารเข้าสู่ผิวได้ลึกกว่าการทาครีม
• ช่วยผลัดเซลล์ผิว - ลดความหมองคล้ำ ทำให้ผิวกระจ่างใส
• ลดการอักเสบ - ปลอบประโลมผิว ลดรอยแดงและสิว
เลือกมาสก์ให้หน้าขาวใสแบบเหมาะกับผิวของเรา
• ผิวแห้ง - มาสก์ที่มี ไฮยาลูรอนิก แอซิด และเซราไมด์
• ผิวมัน - มาสก์โคลน ช่วยดูดซับความมันและลดสิว
• ผิวแพ้ง่าย - มาสก์ที่มี อโลเวรา และเซนเทลล่า เอเชียติกา
• ผิวหมองคล้ำ - มาสก์ที่มี วิตามินซี และไนอาซินาไมด์
วิธีมาสก์หน้าเพื่อให้ผิวหน้าขาวใส
• มาสก์ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ตามสภาพผิว
• ทิ้งไว้ 10-20 นาที แล้วล้างออกหรือใช้แผ่นมาสก์แบบไม่ต้องล้าง
• หลังมาสก์ ควรลงมอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น
การมาสก์หน้าเป็นการบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ช่วยให้ผิวหน้าขาวใส สุขภาพดี และดูเปล่งปลั่งขึ้นเมื่อทำเป็นประจำ
ดูแลให้หน้าขาวใสด้วยการออกกำลังกาย
ประโยชน์ของการออกกำลังกายนอกเหนือจากการทำให้ผิวหน้าขาวใส
• กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต - ส่งออกซิเจนและสารอาหารไปบำรุงผิว ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง
• ขับสารพิษผ่านเหงื่อ - ลดการอุดตันของรูขุมขน ลดสิว และช่วยให้ผิวสะอาดขึ้น
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน - ทำให้ผิวเต่งตึง ลดริ้วรอย และดูอ่อนเยาว์
• ลดระดับฮอร์โมนความเครียด (คอร์ติซอล) - ป้องกันผิวหมองคล้ำและการเกิดสิวจากความเครียด
• ควบคุมสมดุลฮอร์โมน - ลดความมันส่วนเกินและปัญหาสิว
วิธีออกกำลังกายเพื่อผิวหน้าขาวใส
• คาร์ดิโอ 30-45 นาที 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี
• โยคะหรือพิลาทิส ลดความเครียด ทำให้ผิวดูสดใส
• ดื่มน้ำให้เพียงพอหลังออกกำลังกายเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว
แนะนำหัตถการสำหรับหน้าขาวใส
นอกจากการดูแลตัวเองอย่างแบบวิธีธรรมชาติที่ช่วยให้ผิวหน้าขาวใสแล้ว การเข้าคลินิกทำหัตถการต่างๆก็เป็นอีกตัวช่วยเร่งด่วนที่ทำให้หน้าขาวใส เปล่งประกายแบบออร่าจับ เราลิสต์หัตถการหน้าขาวใสยอดฮิตมาไว้ให้แล้ว จะมีอะไรบ้างไปดูกัน
เติมวิตามินซีให้ผิวช่วยให้หน้าขาวใส
การเติมวิตามินซีให้กับผิวนั้นช่วยให้หน้าขาวใส เปล่งประกายได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากตัวของวิตามินซี มีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ นำไปสร้างคอลลาเจน ซ่อมแซมผิวได้โดยตรง การเติมวิตามินซี หรือการดริปวิตามินเข้าไปเลย จะเห็นผลลัพธ์ทำให้หน้าขาวใสกว่าการทานหลายเท่า
ฉีดเมโสหน้าใสช่วยให้หน้าขาวใส
• เป็นการฉีดสารบำรุงที่ทำให้หน้าขาวใส เช่น วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ เข้าสู่ผิวชั้นกลางโดยตรง
• ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ผิวหน้าขาวใส ลดจุดด่างดำ เห็นผลเร็ว
• ตัวอย่างสูตรเมโสที่ทำให้หน้าขาวใส เมโสหน้าใสสูตร Filorga NCTF 135HA, Cytocare 532, Dermawhite Brightening
เลเซอร์หน้าใสช่วยให้หน้าขาวใส
• เลเซอร์หน้าขาวใสเป็นการใช้พลังงานแสงเลเซอร์กำจัดเม็ดสีส่วนเกิน ลดรอยดำ ฝ้า กระ และช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ ผิวหน้าขาวใส
ตัวอย่างเลเซอร์ที่ทำให้หน้าขาวใส Pico Laser, Q-Switch Laser, IPL (Intense Pulsed Light)
ฉีดฟิลเลอร์งานผิวช่วยให้หน้าขาวใส
• การฉีดฟิลเลอร์หน้าขาวใสคือการฉีดสารไฮยาลูรอนิค แอซิด (HA) หรือสารอาหารเข้าผิว เพื่อเติมน้ำให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน
• ช่วยให้ผิวหน้าขาวใส ดูฉ่ำวาว มีออร่า ลดความหมองคล้ำ และทำให้หน้าเนียนขึ้น
• ตัวอย่างฟิลเลอร์ที่ช่วยให้หน้าขาวใส Juvederm Volite, Restylane Vital, Profhilo
ทรีตเม้นต์ช่วยให้หน้าขาวใส
• ทรีตเม้นต์ที่ช่วยให้หน้าขาวใส ใช้เทคโนโลยีผลักสารบำรุงเข้าสู่ผิว เช่น ไอออนโต โฟโน หรืออัลตราซาวด์
• ช่วยให้ผิวหน้าขาวใส ลดจุดด่างดำ และเพิ่มความชุ่มชื้น
• ตัวอย่างทรีตเม้นต์ที่ช่วยให้หน้าขาวใส Aqua Bright Treatment, Oxygeneo, Phono Vitamin C
เลือกคลินิกดูแลผิวให้หน้าขาวใส
การเลือกคลินิกดูแลผิวให้หน้าขาวใส เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้รับการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ควรพิจารณาจากปัจจัยหลักต่อไปนี้
1.แพทย์และใบรับรอง
• ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผิวหนัง (Dermatologist) หรือแพทย์ความงามที่มีใบประกอบวิชาชีพ
• ตรวจสอบว่าแพทย์มีประสบการณ์ด้านเลเซอร์ ทรีตเมนต์ และหัตถการ เช่น การฉีดเมโส ฟิลเลอร์ หรือโบท็อกซ์
2.เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ได้รับมาตรฐาน
• ควรเลือกคลินิกที่ใช้เครื่องมือที่ผ่านการรับรองจาก อย.(องค์การอาหารและยา) ไทย, FDA สหรัฐฯ หรือ CE มาตรฐานยุโรป
• เทคโนโลยีที่ปลอดภัย เช่น Pico Laser, Q-Switch, IPL, Skin Booster ควรเป็นของแท้และได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง
3.ความสะอาดและมาตรฐานการบริการ
• คลินิกต้องสะอาด มีการฆ่าเชื้อเครื่องมือแพทย์ และใช้อุปกรณ์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้งสำหรับหัตถการที่ต้องฉีด
• ควรมีการซักประวัติสุขภาพก่อนเข้ารับการรักษา
4.มีการติดตามผลหลังการรักษา
• คลินิกที่ดีควรมีการติดตามผลหลังทำหัตถการ เช่น เลเซอร์ หรือฉีดเมโสหน้าใส
• มีช่องทางให้ปรึกษาแพทย์หากเกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียง
คลินิกรมย์รวินท์คลินิก ถือเป็นคลินิกความงามอันดับต้นๆ ที่ได้รับความไว้วางใจ เกี่ยวกับการดูแลผิวพรรณ และเป็นคลินิกความงามที่มีการบอกต่อมากที่สุด มีแพทย์ Speacialist ในการทำหัตถการ พร้อมทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่พร้อมให้บริการ ใครที่สนใจอยากหน้าขาวใส สามารถนัดปรึกษาได้เลย
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับเคล็ดลับหน้าขาวใส
หน้าขาวใสถือเป็นผิวที่ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือว่าผู้ชายก็อยากมีผิวออร่า เปล่งประกาย เพราะการที่มีผิวหน้าขาวใสจะทำให้เราใช้ชีวิตง่ายขึ้นมั่นใจมากขึ้น การบำรุงผิวให้ดูหน้าขาวใส สามารถทำได้ด้วยตัวเอง และเข้าคลินิกเพื่อทำหัตถการเพื่อให้หน้าขาวใสขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่หัวใจสำคัญของการทำให้ผิวหน้าขาวใสคือ เราจะต้องเข้าใจพื้นฐานผิวเดิมของเราก่อน รู้ว่าผิวเราขาดอะไร และต้องเติมอะไร เพราะการประโคมผิวทุกอย่างในปริมาณที่มากเกินไปแทนที่จะเป็นการบำรุงผิวอาจเป็นการทำลายผิวหน้าของเราแทน เลือกเคล็ดลับที่เราแนะนำเอาไปปรับใช้ให้เหมาะกับผิวหน้า รับราวผิวหน้าขาวใส ออร่า พร้อมสู้แสงแบบสะท้อนได้เลย
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด