ขนคุด ผิวเป็นตุ่ม คืออะไร เกิดจากอะไร รักษาอย่างไรให้หายขาด
ขนคุด
ขนคุด คืออะไร ผิวเป็นตุ่มเกิดจากอะไร รักษาอย่างไรให้หายขาด
ขนคุด ผิวเป็นตุ่ม คืออะไร เกิดจากอะไร รักษาอย่างไรให้หายขาด
ขนคุด เกิดจากกอะไร ทำไมเวลาเป็นขนคุดถึงมีตุ่มอักเสบแล้วรู้สึก เจ็บ หรือคัน จะเป็นอันตรายไหมบทความนี้มีคำตอบให้ตั้งแต่ สาเหตุการเกิดและ วิธีรักษาให้หายขาด
ขนคุดคืออะไร
ขนคุด (Ingrown Hair) คือภาวะที่เส้นขนไม่สามารถงอกขึ้นผ่านผิวหนังได้ตามปกติ แต่กลับม้วนตัวหรือเบี่ยงทิศทางเติบโตเข้าไปภายในผิวหนังแทน ส่งผลให้บริเวณนั้นเกิดเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ แดง หรือมีหัวคล้ายสิว ซึ่งอาจมีอาการคัน เจ็บ หรือระคายเคืองร่วมด้วย
โดยทั่วไป ขนคุด มักเกิดในบริเวณที่มีการกำจัดขนบ่อย เช่น ขา รักแร้ บิกินีไลน์ หรือบริเวณใบหน้าในผู้ชายที่โกนหนวด ขณะที่บางคนอาจมีแนวโน้มเกิดขนคุดได้ง่ายโดยไม่จำเป็นต้องโกนหรือแวกซ์ขนเลยก็ได้ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดขนคุด เกี่ยวข้องอาจรวมถึงโครงสร้างของเส้นขน ผิวหนังที่หนา หรือการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
เมื่อขนไม่สามารถทะลุผ่านผิวหนังได้ทำให้เกิดขนคุด ร่างกายจะตอบสนองต่อเส้นขนที่ฝังอยู่ภายในเหมือนกับสิ่งแปลกปลอม ส่งผลให้เกิดการอักเสบหรือเป็นตุ่มแดง ซึ่งถ้าปล่อยไว้นานอาจลุกลามเป็นตุ่มหนอง หรือรอยดำถาวรตามมาได้ในที่สุด โดยเฉพาะในกรณีที่พยายามแกะหรือบีบออกอย่างไม่ถูกวิธี
การเข้าใจว่า ขนคุดคืออะไร จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการหาวิธีดูแลและป้องกันอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกวิธีการกำจัดขนที่เหมาะสม การสครับผิวเพื่อป้องกันการอุดตัน หรือแม้แต่การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อหาวิธีรักษาขนคุดที่ตรงจุด
สาเหตุของการเกิดขนคุด
ขนคุด มี "กลไกเฉพาะ" ที่ทำให้เส้นขนธรรมดา ๆ กลายเป็นปัญหาผิวกวนใจ หลายคนอาจมองว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริง ขนคุด คือผลลัพธ์ของ “ระบบการงอกของขน” ที่ผิดทิศผิดทางจากธรรมชาติ โดยมี สาเหตุหลัก ๆ ของการเกิดขนคุดมีดังต่อไปนี้
1.โครงสร้างของเส้นขนที่หยิก งอ หรือหนาเกินไปทำให้เกิดขนคุด
เส้นขนของแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะ บางคนมีขนตรงเรียบ ขณะที่บางคนมีขนหยิกหรืองอโดยธรรมชาติ เมื่อขนที่หยิกพยายามงอกผ่านชั้นผิว มันอาจโค้งกลับเข้าไปใต้ผิวหนังโดยไม่โผล่ขึ้นมา ทำให้เกิด ขนคุด ได้ง่าย โดยเฉพาะในคนที่มีผิวหนังชั้นนอกหนาหรือแห้ง
2.การโกนขนผิดวิธีทำให้เกิดขนคุด
การโกนขนแบบย้อนแนวเส้นขน หรือใช้มีดโกนไม่คม อาจตัดเส้นขนในมุมที่เฉียงผิดปกติ ทำให้ปลายขนที่เหลืออยู่ใต้ผิวกลายเป็นเหมือนปลายแหลม แล้วมุดย้อนกลับเข้าไปใต้ผิวหนัง ส่งผลให้เกิด ขนคุด ตามมา อีกทั้งแรงเสียดสีจากการโกนยังทำให้ผิวระคายเคือง และอักเสบได้ง่ายขึ้นด้วย
3.การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้วที่ทำให้เกิดขนคุด
ผิวหนังของเรามีการผลัดเซลล์ทุกวัน หากไม่สครับหรือทำความสะอาดให้เหมาะสม เซลล์ผิวที่ตายจะสะสมเป็นชั้นหนา ปิดทางไม่ให้เส้นขนใหม่งอกขึ้นได้อย่างเป็นปกติ จนเส้นขนต้องเบนทิศเข้าไปในชั้นผิว ส่งผลให้เกิดตุ่มนูน หรือ ขนคุด ได้ง่ายขึ้นโดยไม่รู้ตัว
4.สวมเสื้อผ้ารัดแน่นเกินไปที่ทำให้เกิดขนคุด
การสวมเสื้อผ้ารัดแน่น โดยเฉพาะในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย เช่น ขาหนีบ ต้นขา หรือรักแร้ จะเพิ่มแรงเสียดสีต่อผิวหนัง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิด ขนคุด เพราะทำให้รูขุมขนปิด หรือเกิดการระคายเคืองสะสม
5.การแวกซ์ ดึง หรือถอนขนทำให้เกิดขนคุด
แม้ว่าการแวกซ์หรือถอนขนจะดูเหมือนวิธีกำจัดขนอย่างหมดจด แต่ในบางกรณี อาจทำให้รากขนถูกทำลายหรือเส้นขนเกิดการงอกผิดทิศเมื่อขึ้นใหม่ ขนใหม่ที่ยังไม่แข็งแรงอาจไม่มีแรงพอทะลุผิวหนัง จึงม้วนกลับลงไปใต้ผิว กลายเป็น ขนคุด อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
6.พื้นฐานผิวและพันธุกรรมที่ทำให้เกิดขนคุด
บางคนมีแนวโน้มจะเกิด ขนคุด ได้ง่ายจากพันธุกรรม เช่น คนที่มีผิวแห้ง หนา หรือรูขุมขนตีบกว่าปกติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็น เงื่อนไขทางกายภาพ ที่เอื้อให้ขนงอกผิดทิศ โดยที่เราอาจไม่สามารถควบคุมได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้จะดูแลผิวอย่างดีแล้วก็ตาม
ลักษณะของขนคุด
ขนคุด ไม่ใช่เพียงแค่ ขนที่ขึ้นผิดทาง แต่เป็นภาวะที่ผิวหนังแสดงปฏิกิริยาอย่างเฉพาะเจาะจงเมื่อเส้นขนงอกเข้าไปผิดทาง ไม่สามารถทะลุชั้นผิวออกมาได้ ซึ่งลักษณะของขนคุดจะมีรูปแบบหลากหลาย ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรง สภาพผิว และปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย โดยสามารถสังเกตลักษณะของขนคุดแบบชัดเจนได้ดังนี้
1.ตุ่มนูนขนาดเล็ก มีสีแดงหรือสีน้ำตาล
นี่คือลักษณะที่พบได้บ่อยที่สุดของ ขนคุด ลักษณะจะคล้ายตุ่มสิวหัวปิด ตุ่มจะนูนขึ้นจากผิวเล็กน้อย สีของตุ่มขึ้นอยู่กับระดับการอักเสบ ถ้าเพิ่งเริ่ม อาจเป็นตุ่มแดง แต่ถ้าเป็นมานานหรือมีการอักเสบร่วม จะกลายเป็นตุ่มสีคล้ำหรือน้ำตาลเข้มได้
2.เห็นเส้นขนฝังอยู่ใต้ผิว
หนึ่งในลักษณะของขนคุดที่สังเกตได้ชัด คือสามารถมองเห็นเส้นขนที่ม้วนงออยู่ใต้ชั้นผิวบาง ๆ เสมือนเส้นด้ายเล็ก ๆ สีเข้มที่ฝังอยู่ภายใน หากลองสัมผัสจะรู้สึกถึงความแข็งหรือแน่นใต้ผิว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเส้นขนนั้นไม่ได้โผล่ขึ้นมาบนผิวหนัง แต่ฝังย้อนกลับไปภายใน
3.มีหัวคล้ายสิวหนองหรือมีหนองสะสม
ในบางรายที่มีการอักเสบรุนแรงหรือติดเชื้อจากการพยายามแกะ บีบ หรือโกนซ้ำบริเวณเดิม ตุ่ม ขนคุด อาจพัฒนาเป็นสิวหัวหนอง หรือมีหนองสีเหลืองขุ่นสะสมอยู่ใต้ผิว ลักษณะเช่นนี้ควรหลีกเลี่ยงการบีบ เพราะอาจทำให้เชื้อกระจายหรือลุกลามเป็นแผลลึกได้
4.ผิวหนังบริเวณรอบขนคุดหนาและหยาบขึ้น
ขนคุดเรื้อรังที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี อาจทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการหนาตัวขึ้น กลายเป็นผิวหยาบ สีคล้ำ และไม่เรียบเนียน โดยเฉพาะบริเวณที่มีการเสียดสีบ่อย เช่น ต้นขาด้านใน ก้น หรือรักแร้ ซึ่งเป็นผลจากการอักเสบซ้ำซาก
5.รู้สึกคัน เจ็บ หรือแสบเล็กน้อยเมื่อสัมผัส
แม้บางกรณี ขนคุด จะไม่แสดงอาการเจ็บชัดเจน แต่หลายคนจะรู้สึกคันยุบยิบ เจ็บแปลบ หรือมีความรู้สึกไวเมื่อสัมผัสบริเวณนั้น ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเส้นขนกำลังแทงย้อนกลับเข้าไปในชั้นผิวหรือเกิดการระคายเคืองภายใน
6.มักเกิดเป็นกลุ่ม มากกว่าหนึ่งตุ่ม
อีกหนึ่งลักษณะเฉพาะของ ขนคุด คือมักจะไม่ขึ้นเพียงจุดเดียว แต่มาเป็นกลุ่มเล็ก ๆ กระจายเป็นบริเวณ โดยเฉพาะหลังการโกนหรือแวกซ์ เช่น บริเวณหน้าแข้ง รักแร้ หรือแนวบิกินี ซึ่งสังเกตได้ง่ายจากการมีตุ่มแดงเล็ก ๆ หลายจุดเรียงกันในแนวเดียวกับทิศทางเส้นขน
การสังเกต ลักษณะของขนคุด ให้ละเอียดและชัดเจนจะช่วยให้แยกแยะออกจากปัญหาผิวอื่น เช่น สิว ผื่นแพ้ หรือรูขุมขนอักเสบได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เลือกวิธีดูแลหรือรักษาได้ตรงจุด เพราะหากปล่อยให้ขนคุดสะสมโดยไม่จัดการ อาจกลายเป็นรอยดำ รอยแผลเป็น หรือจุดบกพร่องของผิวในระยะยาว
ขนคุดกับผิวหนังอักเสบต่างกันอย่างไร
ขนคุดกับผิวหนังอักเสบต่างกันอย่างไร
• ลักษณะของขนคุด (Ingrown Hair)
- ขนคุดเกิดจากเส้นขนที่งอกผิดทิศทาง ม้วนกลับเข้าไปใต้ผิวหนัง
- ขนคุดมักเห็นเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ สีแดง หรือมีหัวดำ/หัวหนองเล็กน้อย
- สัมผัสบริเวณที่เป็นขนคุดแล้วรู้สึกแข็ง มีเส้นขนฝังอยู่ภายใน มองเห็นด้วยตาเปล่าในบางกรณี
- พบบ่อยบริเวณที่มีการโกน แวกซ์ หรือเสียดสี เช่น ขา รักแร้ แนวบิกินี
- อาการจะเกิดเฉพาะจุดที่มีเส้นขน ไม่กระจายเป็นปื้นกว้าง
- หากไม่ติดเชื้อหรือไม่ไปแกะบ่อย มักหายเองโดยไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง
• ลักษณะของผิวหนังอักเสบ (Dermatitis)
- เป็นภาวะที่ผิวหนังเกิดการอักเสบจากหลายสาเหตุ เช่น สารระคายเคือง แพ้สัมผัส เชื้อรา หรือภูมิแพ้
- ลักษณะผิวจะเป็นผื่นแดง แห้ง ลอก คัน อาจมีน้ำเหลืองซึมหรือแสบร้อน
- มักเกิดขึ้นในบริเวณกว้าง ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับขน เช่น แขน ขา ลำตัว คอ
- อาการอักเสบอาจไม่มีเส้นขนฝังอยู่ และไม่มีลักษณะตุ่มแข็งแบบขนคุด
- อาจมีอาการเรื้อรังและกำเริบเป็นช่วง ๆ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
- การรักษามักต้องใช้ยาทาภูมิแพ้ ยาสเตียรอยด์ หรือหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น
• สาเหตุหลักที่ต่างกันระหว่างขนคุดและผิวหนังอักเสบ
- ขนคุด เกิดจากพฤติกรรมกำจัดขนหรือการดูแลผิวผิดวิธี
- ผิวหนังอักเสบ เกิดจากปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกัน หรือการสัมผัสสารกระตุ้น
• การรักษาที่ต่างกันของขนคุดกับผิวหนังอักเสบ
- ขนคุดเน้นเปิดรูขุมขน ลดการอุดตัน และใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวหรือเลเซอร์
- ผิวหนังอักเสบเน้นลดการอักเสบ ระงับภูมิแพ้ และบำรุงผิวให้แข็งแรง
ขนคุดมักพบในบริเวณไหนได้บ้าง
• รักแร้
พื้นที่อับชื้นและมีการเสียดสีจากการเคลื่อนไหวหรือเสื้อผ้า การโกนหรือถอนขนบ่อย ๆ ก็เป็นปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดขนคุด
• ขาหนีบและบริเวณบิกินีไลน์
บริเวณนี้มีการระบายอากาศน้อย มักเกิดขนคุดจากการแวกซ์หรือโกนขน ทำให้ขนม้วนงอกเข้าใต้ผิวหนัง
• ขา (โดยเฉพาะต้นขา)
ผู้หญิงที่ชอบโกนขาหรือใช้วิธีถอนขนบ่อย ๆ มักพบปัญหาขนคุดในบริเวณนี้ได้มาก
• แขน (โดยเฉพาะท่อนแขนบน)
พบได้บ่อยในผู้ที่มีผิวแห้งหรือมีภาวะหนังไก่ (Keratosis Pilaris) ซึ่งรูขุมขนอุดตันทำให้ขนไม่สามารถงอกออกมาได้ตามปกติทำให้เกิดขนคุดได้
• หน้าอกและแผ่นหลัง
โดยเฉพาะในผู้ชายที่มีขนหนาแน่น และมีเหงื่อออกง่าย อาจทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและขนคุดตามมา
• ใบหน้า (โดยเฉพาะบริเวณเครา)
พบได้ในผู้ชายที่โกนหนวดหรือเคราเป็นประจำ ขนที่เริ่มงอกใหม่อาจงอกย้อนเข้าไปในผิวหนังทำให้เกิดขนคุดได้
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดขนคุด
• การกำจัดขนผิดวิธีทำให้เกิดขนคุด
เช่น การโกนสวนแนวขน, การแวกซ์ไม่สะอาด หรือใช้ใบมีดทื่อ ล้วนทำให้ขนใหม่งอกผิดทิศ กลายเป็นขนคุดได้ง่าย
• โครงสร้างขนที่โค้งงอหรือหยิกตามธรรมชาติทำให้เกิดขนคุด
ขนที่มีลักษณะงอจะมีแนวโน้มงอกกลับเข้าไปในชั้นผิวหนังได้มากกว่าขนตรง
• รูขุมขนอุดตันจากเซลล์ผิวที่ตายแล้วทำให้เกิดขนคุด
เมื่อชั้นขี้ไคลหนาเกินไป ขนที่งอกขึ้นมาใหม่จะไม่สามารถแทงทะลุผิวได้ และกลายเป็นขนคุดในที่สุด
• ผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้นทำให้เกิดขนคุด
ทำให้ความยืดหยุ่นของผิวลดลง ขนไม่สามารถงอกทะลุผิวได้ตามปกติ และมีโอกาสม้วนตัวอยู่ภายใน
• การเสียดสีบ่อยครั้งจากเสื้อผ้าหรือการนั่งนานทำให้เกิดขนคุด
เช่น การใส่กางเกงยีนส์รัดแน่น หรือชุดกีฬาแนบตัว สามารถกดทับรูขุมขน ทำให้เกิดการอักเสบและขนคุดตามมา
• ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงหรือความไม่สมดุลทางฮอร์โมน
เช่น ในวัยรุ่น วัยหมดประจำเดือน หรือผู้ที่มีภาวะ PCOS อาจมีขนงอกหนาแน่นผิดปกติ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อขนคุด
• พันธุกรรม
หากในครอบครัวมีประวัติปัญหาขนคุด ผิวมัน หรือรูขุมขนใหญ่ ก็อาจถ่ายทอดลักษณะเสี่ยงนี้ได้
• การไม่ขัดผิวหรือดูแลผิวอย่างเหมาะสม
การปล่อยให้เซลล์ผิวสะสมโดยไม่ผลัดออกตามธรรมชาติ จะเพิ่มโอกาสเกิดการอุดตันของรูขุมขนทำให้เกิดขนคุด
• ภูมิแพ้ผิวหนังหรือผิวแพ้ง่าย
ผู้ที่มีผิวอ่อนแอมักมีการอักเสบของรูขุมขนบ่อยครั้ง ทำให้เกิดการดันขนกลับเข้าไปในผิวทำให้เกิดขนคุด
• ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Comedogenic)
โลชั่นหรือครีมที่หนักเกินไป อาจปิดกั้นรูขุมขน ทำให้ขนไม่สามารถงอกออกมาได้ทำให้เกิดขนคุด
ขนคุดอันตรายหรือไม่
โดยทั่วไปแล้ว ขนคุดไม่ถือว่าเป็นภาวะอันตรายร้ายแรง แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแล หรือพยายามรักษาขนคุดแบบผิดวิธี อาจก่อให้เกิดปัญหาผิวตามมาได้อย่างคาดไม่ถึง ซึ่งสามารถสรุปได้หลัก ๆ ดังนี้
กรณีที่ขนคุดที่ไม่เป็นอันตราย
• เป็นเพียงขนที่ไม่สามารถงอกพ้นชั้นผิวหนัง
มักมีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ ใต้ผิว หรือมีจุดดำเล็ก ๆ โดยไม่เจ็บ ไม่อักเสบ ถ้าเกิดไม่มีการติดเชื้อหรืออักเสบ มักไม่ส่งผลต่อสุขภาพผิว
• ไม่มีอาการอื่นๆร่วมด้วย
เช่น ไม่บวม ไม่แดง ไม่คัน ไม่เจ็บ ไม่เกิดรอยดำหรือแผลเป็นจากขนคุด สามารถปล่อยไว้ หรือดูแลด้วยวิธีการขัดผิวและให้ขนค่อย ๆ งอกออกเองได้
กรณีที่ขนคุดอาจพัฒนาเป็นปัญหาที่ต้องระวัง
• ขนคุดอักเสบหรือติดเชื้อ
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณรูขุมขน ทำให้เกิดตุ่มแดง เจ็บ มีหนอง หรือฝีเล็ก ๆ หากไม่ดูแล อาจลุกลามกลายเป็นตุ่มฝีเรื้อรังได้
• เกิดแผลเป็นหรือรอยดำถาวร
โดยเฉพาะในคนที่มีผิวคล้ำหรือผิวบอบบาง แผลขนคุดที่หายช้าอาจทิ้งรอยไว้ ส่งผลต่อความเรียบเนียนของผิว และความมั่นใจในระยะยาว
• บางกรณีอาจกลายเป็นซีสต์
เมื่อขนคุดเรื้อรังและผิวมีการอักเสบบ่อย อาจพัฒนาเป็นถุงซีสต์ใต้ผิวหนัง ต้องรักษาโดยแพทย์หรือผ่าตัดเอาออก
• เสี่ยงเพิ่มขึ้นเมื่อมีการพยายามแคะ แกะ บีบ ในบริเวณที่เป็นขนคุด
ซึ่งอาจทำให้แผลติดเชื้อมากขึ้น และลุกลามลึกกว่าเดิม บางครั้งกลายเป็นแผลเป็นถาวรได้
ภาวะแทรกซ้อนของการเกิดขนคุด
แม้ว่า ขนคุด จะดูเป็นปัญหาผิวเล็กน้อยในช่วงแรก แต่หากละเลยหรือรักษาไม่ถูกวิธี อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลระยะยาวต่อสุขภาพผิวได้ โดยภาวะแทรกซ้อนของการเกิดขนคุดมีอาการหลักๆ ดังนี้
1.การอักเสบของรูขุมขน (Folliculitis)
เมื่อขนคุดถูกกดทับหรือพยายามแกะเกา อาจกระตุ้นให้รูขุมขนเกิดการอักเสบ ส่งผลให้บริเวณนั้นมีอาการแดง เจ็บ คัน หรือเกิดตุ่มนูนคล้ายสิว ซึ่งอาจลุกลามได้หากติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย
2.ตุ่มหนองหรือฝีใต้ผิวหนัง (Abscess)
ขนคุดที่อักเสบและติดเชื้อรุนแรง อาจพัฒนาเป็นตุ่มหนองหรือฝีลึกใต้ผิวหนัง ต้องใช้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ หรือบางกรณีต้องผ่าตัดระบายหนองออก
3.รอยดำหรือรอยแผลเป็น (Post-inflammatory Hyperpigmentation & Scarring)
เมื่อขนคุดหายแล้ว บางรายอาจเหลือรอยดำหรือรอยคล้ำบนผิวหนัง โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวเข้ม หรือในกรณีที่มีการบีบ แกะ ขูด ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรง และนำไปสู่แผลเป็นถาวร
4.ซีสต์ใต้ผิวหนัง (Epidermoid Cyst หรือ Pseudofolliculitis)
ในบางกรณี ขนคุดเรื้อรังอาจกระตุ้นให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นสร้างถุงซีสต์เล็ก ๆ ใต้ผิวหนัง ซึ่งจะมีลักษณะเป็นก้อนนูน ไม่เจ็บในช่วงแรก แต่มีโอกาสติดเชื้อหรือลุกลามเป็นฝีได้ในภายหลัง
5.การแพร่กระจายของการอักเสบ
หากมีการติดเชื้อบริเวณขนคุด แล้วปล่อยไว้นานโดยไม่รักษาขนคุดให้หายขาด อาจทำให้การอักเสบแพร่ไปยังรูขุมขนใกล้เคียง จนกลายเป็นการติดเชื้อผิวหนังในวงกว้าง (cellulitis)
ขนคุดในผู้หญิง VS ขนคุดในผู้ชายต่างกันอย่างไร
แม้ว่าขนคุดจะเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ แต่ความแตกต่างของการเกิดขนคุดในผู้หญิงและผู้ชายที่สังเกตได้ คือ ลักษณะการเกิด ตำแหน่งที่พบบ่อย และปัจจัยกระตุ้น
1.ตำแหน่งที่พบบ่อยในการเกิดขนคุดของ ผู้หญิง VS ผู้ชาย
• ผู้หญิง
- มักพบขนคุดบริเวณขา (โดยเฉพาะต้นขา), รักแร้, บิกินีไลน์ และแขน
• ผู้ชาย
- พบขนคุดบ่อยบริเวณเครา คาง คอ หน้าอก หลัง และก้น
2.ลักษณะของขนและโครงสร้างผิวหนังที่เกิดขนคุดของ ผู้หญิง VS ผู้ชาย
• ผู้หญิง
- มักมีขนที่บางและอ่อนกว่า แต่ผิวมีแนวโน้มแห้งมากกว่า จึงทำให้ผิวลอกหรือรูขุมขนอุดตันได้ง่าย
- หากดูแลผิวไม่ดี เช่น ไม่ขัดผิว หรือใช้ครีมบำรุงผิดประเภท อาจทำให้ขนงอกย้อนกลับได้ง่ายทำให้เกิดขนคุด
• ผู้ชาย
- ขนบนร่างกายมักหนา หยิก หรือหยาบ โดยเฉพาะเครา ซึ่งมีโอกาสม้วนตัวกลับเข้าไปในผิวมากกว่าขนตรง
- ผิวมักมันกว่า แต่มีแนวโน้มเกิดการระคายเคืองหลังโกนหนวดสูง หากใช้มีดโกนไม่เหมาะสมทำให้เกิดขนคุดได้
3.พฤติกรรมที่กระตุ้นให้เกิดขนคุด
• ผู้หญิง
- นิยมแวกซ์หรือโกนขนในบริเวณที่ผิวบอบบาง เช่น รักแร้หรือขาหนีบ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดขนคุดมาก
- มักสนใจความเรียบเนียนของผิวมาก จึงมีโอกาสทำรุนแรงเกินความจำเป็น เช่น ขัดผิวบ่อย หรือใช้สารเคมีแรง ๆ
• ผู้ชาย
- มักละเลยการดูแลหลังโกนหนวด เช่น ไม่ทาโลชั่นลดการอักเสบ ไม่เปลี่ยนใบมีดโกน
- ในผู้ที่มีเคราหนา หากโกนทุกวันโดยไม่เว้นช่วงให้ผิวฟื้นตัว จะเพิ่มโอกาสเกิด “Pseudofolliculitis barbae” หรือขนคุดในเครา
4.ผลกระทบทางผิวหนังที่ทำให้เกิดขนคุดที่แตกต่างกันของผู้หญิงและผู้ชาย
• ผู้หญิง
- มักกังวลเรื่อง “รอยดำหรือแผลเป็น” มากกว่าตัวตุ่มขนคุด โดยเฉพาะบริเวณขาและบิกินีไลน์
- หากเกิดแผลเป็นจากขนคุด อาจทำให้ขาดความมั่นใจในการสวมเสื้อผ้าเปิดเผยผิว
• ผู้ชาย
- มักมีปัญหาเรื่อง “ตุ่มหนองหรือตุ่มแดงเรื้อรัง” ที่เป็นขนคุดโดยเฉพาะบริเวณเครา
- หากเป็นขนคุดหนักๆ อาจมีอาการเจ็บหรือเป็นฝีใต้ผิว ทำให้โกนหนวดลำบาก และเกิดแผลเป็นนูนได้
วิธีที่ 1 การรักษาขนคุดด้วยการ ถอนขนคุด
การถอนขนคุดคือการใช้แหนบหรืออุปกรณ์เฉพาะเจาะจงเพื่อ “ดึงเส้นขนที่ฝังอยู่ใต้ผิวหนังให้งอกออกมา” โดยมักจะต้องเปิดผิวเล็กน้อยเพื่อให้เห็นขน และถอนออกอย่างเบามือ
การถอนขนคุดเหมาะกับใคร
• เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนคุดเพียงบางจุด
• เหมาะกับขนคุดที่มองเห็นได้ชัด ไม่ลึกจนเกินไป
ข้อดีของการถอนขนคุด
• เห็นผลทันทีในจุดที่ถอน
• ค่าใช้จ่ายต่ำ สามารถทำได้เองที่บ้าน
ข้อควรระวังในการถอนขนคุด
• หากไม่สะอาด อาจเกิดการติดเชื้อหรือรูขุมขนอักเสบ
• การถอนแรงเกินไปอาจทำให้เกิดแผลหรือรอยดำ
• หากขนงอกซ้ำ อาจกลับมาเป็นขนคุดอีกได้
วิธีที่ 2 การรักษาขนคุดด้วยการ ทายาลดขนคุด
ยาทาขนคุดมักเป็นกลุ่ม กรดผลไม้ (AHA), กรดซาลิไซลิก (BHA), เรตินอยด์ (Retinoids) หรือ ยาผลัดเซลล์ผิว ซึ่งช่วยเปิดรูขุมขน ลดการอุดตัน และทำให้เส้นขนสามารถงอกออกได้ตามปกติ
การทายาลดขนคุดเหมาะกับใคร
• ผู้ที่มีขนคุดเรื้อรังในหลายจุด
• ผู้ที่ต้องการทางเลือกไม่เจ็บตัว และใช้ในชีวิตประจำวัน
ข้อดีของการทายาลดขนคุด
• ช่วยลดการเกิดขนคุดในระยะยาว
• ผิวเรียบขึ้นจากการผลัดเซลล์
• ใช้ง่าย สามารถดูแลต่อเนื่องเองได้
ข้อควรระวังในการทายาลดขนคุด
• อาจเกิดการระคายเคืองในผู้ที่มีผิวบอบบาง
• ควรทาครีมกันแดด เพราะผิวจะไวต่อแสงมากขึ้น
• ต้องใช้ต่อเนื่องสม่ำเสมอจึงเห็นผล
วิธีที่ 3 การรักษาขนคุดด้วย IPL (Intense Pulsed Light)
IPL ใช้แสงความเข้มสูง ยิงลงไปใต้ผิวหนังเพื่อ “ทำลายรากขน” ลดการงอกของเส้นขน และลดการอุดตันของรูขุมขนซึ่งเป็นสาเหตุของขนคุด
รักษาขนคุดด้วย IPL เหมาะกับใคร
• ผู้ที่มีขนคุดเป็นบริเวณกว้าง เช่น รักแร้ ขา แขน
• ผู้ที่มีผิวไม่คล้ำมากและขนสีเข้ม (เพราะ IPL เห็นผลดีในกลุ่มนี้)
ข้อดีของการรักษาขนคุดด้วย IPL
• ลดการเกิดขนคุดได้อย่างปลอดภัยและต่อเนื่อง
• ทำให้เส้นขนบางลง ผิวเรียบเนียนขึ้น
• ไม่มีบาดแผล ไม่เจ็บมาก
ข้อควรระวังในการรักษาขนคุดด้วย IPL
• ต้องทำหลายครั้งจึงเห็นผลชัดเจน
• ไม่เหมาะกับผู้ที่ผิวคล้ำมากหรือขนสีอ่อน
• ควรทำกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง เช่น ผิวไหม้
วิธีที่ 4 การรักษาขนคุดด้วย เลเซอร์กำจัดขน (Laser Hair Removal)
ใช้พลังงานแสงเลเซอร์ (เช่น Diode Laser, Alexandrite หรือ Nd:YAG) ยิงตรงเข้าสู่รูขุมขน เพื่อ “ทำลายรากขนถาวร” และลดปัญหาขนคุดที่ต้นตอ
รักษาขนคุดด้วยเลเซอร์กำจัดขนเหมาะกับใคร
• ผู้ที่มีขนคุดเรื้อรัง รุนแรง หรือเป็นซ้ำบ่อย
• ผู้ที่ต้องการกำจัดขนระยะยาวหรือถาวร
ข้อดีของการใช้เลเซอร์กำจัดขน
• เห็นผลชัดเจนหลังทำต่อเนื่อง 4–6 ครั้ง
• ลดการเกิดขนคุดในระยะยาวหรือถาวร
• ผิวดูเรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง
ข้อควรระวังในการใช้เลเซอร์กำจัดขน
• อาจมีอาการผิวแดงหรือร้อนหลังทำเล็กน้อย
• ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญและเลือกเครื่องให้เหมาะกับสีผิว
• ราคาสูงกว่าวิธีอื่น แต่คุ้มค่าในระยะยาว
วิธีป้องการการเกิดขนคุด
• หลีกเลี่ยงการโกนขนสวนแนวการงอกของขน
การโกนย้อนแนวขนจะเพิ่มโอกาสให้ขนงอกผิดทิศและม้วนตัวกลับเข้าไปใต้ผิวหนัง
• ใช้มีดโกนที่คมและสะอาดเสมอ
หลีกเลี่ยงการใช้ใบมีดทื่อหรือมีดโกนร่วมกับผู้อื่น เพื่อป้องกันการระคายเคืองและการติดเชื้อ
• ขัดผิวเป็นประจำ 2–3 ครั้ง/สัปดาห์
ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ลดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้ขนสามารถงอกออกได้ตามปกติ
• หลีกเลี่ยงการถอนหรือแวกซ์บ่อยเกินไป
เพราะอาจทำให้รูขุมขนระคายเคือง และขนใหม่ที่งอกขึ้นมีแนวโน้มจะกลายเป็นขนคุด
• บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ
ผิวที่ชุ่มชื้นจะยืดหยุ่นดี ลดโอกาสที่ขนจะถูกกดทับหรือม้วนตัวอยู่ใต้ผิว
• สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดแน่นเกินไป
โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ ขาหนีบ และต้นขา เพื่อหลีกเลี่ยงแรงเสียดสีที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน
• หลีกเลี่ยงการเกา แกะ หรือบีบขนคุด
เพราะจะกระตุ้นให้ผิวอักเสบ ลุกลาม หรือเกิดแผลเป็นในระยะยาว
• ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-comedogenic)
เพื่อให้ผิวระบายได้ดีและไม่ทำให้รูขุมขนตัน
• เลือกวิธีกำจัดขนที่เหมาะสม เช่น IPL หรือเลเซอร์
เป็นวิธีลดขนที่ต้นเหตุและช่วยป้องกันการเกิดขนคุดในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ดูแลผิวหลังการกำจัดขนเสมอ
เช่น ทาเจลว่านหางจระเข้หรือโลชั่นลดการอักเสบ เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วและลดโอกาสเกิดขนคุด
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับขนคุด
ขนคุดคือปัญหาผิวที่หลายคนมองข้าม แต่มักสร้างความรำคาญใจไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อเกิดซ้ำ ๆ หรือทิ้งรอยดำไว้บนผิว ขนคุดเกิดจากเส้นขนที่ไม่สามารถงอกพ้นผิวหนังได้ตามปกติ มักพบบ่อยบริเวณที่มีการเสียดสี เช่น รักแร้ ขา บิกินีไลน์ หรือบริเวณที่มีการโกน ถอน หรือแวกซ์เป็นประจำ
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญมีทั้งเรื่องโครงสร้างของเส้นขนที่หยิกงอ พฤติกรรมการกำจัดขนที่ผิดวิธี ผิวแห้ง หรือการไม่ดูแลผิวให้สะอาดและชุ่มชื้น หากปล่อยไว้ ขนคุดอาจกลายเป็นตุ่มอักเสบ ติดเชื้อ หรือแม้แต่เกิดแผลเป็นถาวรได้
การรักษาขนคุดมีหลายทางเลือก ตั้งแต่การถอนขนคุดด้วยความระมัดระวัง การทายาลดการอุดตัน การใช้แสง IPL หรือการทำเลเซอร์ซึ่งช่วยกำจัดขนถาวรและลดโอกาสเกิดซ้ำ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและงบประมาณของแต่ละคน
สุดท้าย การดูแลตัวเองแบบ NewGen ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาเมื่อเกิดแล้ว แต่คือการป้องกันอย่างชาญฉลาด ขัดผิวอย่างสม่ำเสมอ บำรุงให้ชุ่มชื้น เลือกวิธีกำจัดขนที่เหมาะกับผิว และใส่ใจสุขอนามัยผิวทุกวัน เท่านี้ก็สามารถมีผิวเรียบเนียน ไร้ขนคุด พร้อมใช้ชีวิตได้มั่นใจในทุกลุค
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ