โปรแกรมเมโสหน้าใส คืออะไร ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน
เมโสหน้าใส
โปรแกรม เมโสหน้าใส คืออะไร ช่วยอะไร ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล
ปัจจุบันการดูแลผิวเป็นเรื่องสำคัญของทั้งผู้หญิงและผู้ชาย “เมโสหน้าใส” กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส เรียบเนียน และดูสุขภาพดี โดยไม่ต้องพักฟื้น ด้วยเทคนิคการฉีดวิตามินหรือสารบำรุงลึกเข้าสู่ผิวชั้นกลาง เมโสหน้าใสสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งในเรื่องผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ รอยสิว หรือผิวขาดน้ำ
แต่ก่อนตัดสินใจทำ หลายคนอาจยังมีคำถามว่าเมโสหน้าใสคืออะไร เหมาะกับใคร อันตรายหรือไม่ และต้องทำบ่อยแค่ไหน บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับเมโสหน้าใส เพื่อตัดสินใจทำได้อย่างมั่นใจ
เมโสหน้าใสคืออะไร
เมโสหน้าใส (Mesotherapy) คือหัตถการด้านความงามที่ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวหน้าอย่างล้ำลึก ด้วยการนำสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส ฉีดเข้าสู่ผิวชั้นกลางโดยตรง เพื่อให้เซลล์ผิวได้รับสารบำรุงอย่างเต็มที่มากกว่าการทาครีมบำรุงทั่วไป
จุดเด่นของเมโสหน้าใส
• เมโสหน้าใสช่วยฟื้นฟูผิว ลดความหมองคล้ำ และเติมความชุ่มชื้นให้ผิวที่ขาดน้ำ
• เมโสหน้าใสช่วยลดเลือนจุดด่างดำ รอยสิว และรอยแดงจากการอักเสบ
• เมโสหน้าใสช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนดูเล็กลง
• เมโสหน้าใสบางสูตรมีส่วนช่วยส่งเสริมการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว
เมโสหน้าใสช่วยเรื่องอะไรบ้าง
เมโสหน้าใสมีจุดเด่นในการดูแลผิวหน้าอย่างล้ำลึกด้วยการฉีดเข้าสู่ผิวโดยตรง ทำให้เห็นผลลัพธ์ผิวกระจ่างใสในเวลาน้อยกว่าการใช้สกินแคร์ทั่วไป โดยเมโสหน้าใสสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย ดังนี้
1.เมโสหน้าใสช่วยลดความหมองคล้ำของผิวหน้า
เมโสหน้าใสมีสารบำรุง เช่น วิตามินซี กลูต้าไธโอน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปรับโทนสีผิวให้สว่าง กระจ่างใส ลดสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอจากแสงแดดหรือมลภาวะ
2.เมโสหน้าใสช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
สารกลุ่มไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ที่พบในเมโสหน้าใสช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดผิวหน้าแห้งลอก ทำให้ผิวนุ่มฟู อิ่มน้ำ และดูสุขภาพดี
3.เมโสหน้าใสช่วยลดเลือนจุดด่างดำและรอยสิว
เมโสหน้าใสสามารถช่วยลดรอยดำ รอยแดงจากสิว และจุดด่างดำต่าง ๆ ได้ โดยการผลัดเซลล์ผิวใหม่ กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวที่แข็งแรงขึ้น
4.เมโสหน้าใสช่วยลดการเกิดสิวและการอักเสบของผิว
เมโสหน้าใสบางสูตรจะมีส่วนผสมของสารลดการอักเสบและควบคุมความมันบนใบหน้า จึงสามารถลดสิวอักเสบ สิวอุดตัน และสิวผดได้ดี ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น
5.เมโสหน้าใสช่วยกระชับรูขุมขนและทำให้ผิวเรียบเนียน
เมโสหน้าใสสามารถช่วยให้รูขุมขนแลดูกระชับ ลดความหยาบกร้านบนผิวหน้า ผิวจึงดูเรียบเนียนมากขึ้นเมื่อสัมผัส
6.เมโสหน้าใสช่วยช่วยให้แต่งหน้าติดทน
เมื่อฉีดเมโสหน้าใสจะให้ผลลัพธ์ผิวมีความชุ่มชื้น เรียบเนียน และกระจ่างใส การแต่งหน้าจะติดทนนานขึ้น รองพื้นไม่ตกร่องหรือเป็นขุย
7.เมโสหน้าใสช่วยฟื้นฟูผิวที่อ่อนล้าและขาดการบำรุง
เมโสหน้าใสเหมาะกับผู้ที่พักผ่อนน้อย นอนดึก หรือใช้ชีวิตในเมืองที่เต็มไปด้วยมลภาวะ เมโสหน้าใสจะช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็ว ดูสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
8.เมโสหน้าใสช่วยลดริ้วรอยตื้น ๆ และความหย่อนคล้อยเล็กน้อย
บางสูตรของเมโสหน้าใสมีส่วนช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว จึงสามารถลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ และเสริมความกระชับให้ใบหน้าในระดับเบื้องต้น
เมโสหน้าใสเหมาะกับใครบ้าง
เมโสหน้าใสเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะสามารถปรับสูตรได้ตามสภาพผิวและปัญหาผิวที่แตกต่างกัน จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง สดใส และดูมีสุขภาพดี โดยเฉพาะกลุ่มคนต่อไปนี้
1.เมโสหน้าใสเหมาะกับผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
ผู้ที่มีผิวหน้าคล้ำจากแสงแดด มลภาวะ หรือผิวดูอิดโรยจากความเครียดหรือการพักผ่อนน้อย เมโสหน้าใสสามารถช่วยฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส และปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น
2.เมโสหน้าใสเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสิว รอยแดง รอยดำจากสิว
เมโสหน้าใสบางสูตรมีสารช่วยลดการอักเสบของผิว ช่วยให้สิวแห้งเร็วขึ้น พร้อมทั้งลดรอยแดงรอยดำ ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนและดูสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
3.เมโสหน้าใสเหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง ขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้น
สำหรับคนที่รู้สึกว่าผิวตึง ลอกเป็นขุย หรือแต่งหน้าไม่ติด เมโสหน้าใสที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิค แอซิด จะช่วยเติมน้ำให้ผิว ดูอิ่มฟูและฉ่ำวาวขึ้น
4.เมโสหน้าใสเหมาะกับผู้ที่ต้องการผิวกระจ่างใสในเวลาไม่นาน
การฉีดเมโสหน้าใสเหมาะกับผู้ที่มีงานสำคัญ เช่น แต่งงาน ถ่ายรูป หรือออกงานสังคม และต้องการให้ผิวสวยกระจ่างใสในระยะเวลาไม่นาน
5.เมโสหน้าใสเหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ หรือผิวขาดความยืดหยุ่น
เมโสหน้าใสสูตรที่มีเปปไทด์หรือคอลลาเจน จะช่วยฟื้นฟูความยืดหยุ่น ลดเลือนริ้วรอยบาง ๆ ได้ในระดับเบื้องต้น
6.เมโสหน้าใสเหมาะกับผู้ที่ไม่อยากทำหัตถการใหญ่ เช่น โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์
เมโสหน้าใสเป็นทางเลือกที่ไม่ต้องศัลยกรรม ไม่ต้องพักฟื้น และไม่ต้องฉีดลึกลงไปในชั้นกล้ามเนื้อ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นดูแลผิวแบบเบา ๆ
7.เมโสหน้าใสเหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือกังวลเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
เมโสหน้าใสที่มีสูตรอ่อนโยน หรือสูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย จะช่วยบำรุงผิวโดยไม่ระคายเคือง และลดความเสี่ยงจากการใช้สกินแคร์ที่ไม่เหมาะกับผิวตนเอง
เมโสหน้าใสไม่เหมาะกับใครบ้าง
แม้ว่าเมโสหน้าใสจะเป็นหัตถการที่สามารถปรับสูตรให้เหมาะกับหลายสภาพผิวได้ แต่ก็ยังมีบางกลุ่มคนที่ ควรหลีกเลี่ยง หรือ ต้องปรึกษาแพทย์โดยละเอียดก่อนทำ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยกลุ่มคนที่ไม่เหมาะกับการฉีดเมโสหน้าใส หรือ ควรระวังการฉีดเมโสหน้าใส มีดังนี้
1.เมโสหน้าใสไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ฮอร์โมนในร่างกายของหญิงตั้งครรภ์มีการเปลี่ยนแปลง และอาจมีผลต่อการตอบสนองของผิวต่อสารที่ฉีด ยังไม่มีข้อมูลวิจัยเพียงพอที่ยืนยันว่าเมโสหน้าใสปลอดภัยต่อทารกในครรภ์หรือทารกที่กินนมแม่
2.เมโสหน้าใสไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคผิวหนังบริเวณใบหน้า
เช่น โรคผิวหนังอักเสบ โรคสะเก็ดเงิน โรคเริม หรือมีผื่นแดงเรื้อรัง การฉีดสารเข้าสู่ผิวในบริเวณที่อักเสบอาจทำให้โรคกำเริบหรือเกิดการติดเชื้อได้
3.เมโสหน้าใสไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวติดเชื้อหรือมีสิวอักเสบรุนแรง
เช่น มีสิวหัวหนอง สิวหัวช้าง หรือมีบาดแผลเปิดบนใบหน้า การฉีดเมโสหน้าใสอาจกระตุ้นให้เชื้อแพร่กระจายและทำให้สิวรุนแรงขึ้น ควรรักษาอาการเหล่านี้ให้หายก่อน แล้วค่อยเริ่มเมโสหน้าใส
4.เมโสหน้าใสไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้ส่วนผสมในตัวยาเมโส
หากเคยมีประวัติแพ้วิตามินซี กลูต้าไธโอน หรือสารอื่น ๆ ที่นิยมใช้ในเมโสหน้าใส ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง และอาจต้องทำการทดสอบการแพ้ก่อนฉีด
5.เมโสหน้าใสไม่เหมาะกับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือมีโรคประจำตัวบางชนิด
เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคเบาหวานชนิดควบคุมไม่ได้ โรคตับหรือไตเรื้อรัง อาจมีปัญหาในการฟื้นฟูผิวหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนง่ายกว่าคนทั่วไป
6.เมโสหน้าใสไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังใช้ยากลุ่มต้านการแข็งตัวของเลือด
เช่น ยาวาร์ฟาริน ยาแอสไพริน หรือยาต้านเกล็ดเลือดอื่น ๆ การฉีดเมโสหน้าใสอาจทำให้เกิดรอยช้ำหรือเลือดออกใต้ผิวหนังมากกว่าปกติ
7.เมโสหน้าใสไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติเป็นคีลอยด์ง่าย
บางรายอาจมีปฏิกิริยาต่อการบาดเจ็บของผิว แม้แต่จากเข็มเล็ก ๆ ก็อาจทำให้เกิดแผลเป็นนูนได้ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนทำเพื่อพิจารณาทางเลือกอื่น
เมโสหน้าใสควรทำบ่อยแค่ไหน
สำหรับการฉีดเมโสหน้าใส ควรทำตามคำแนะนำเพื่อเห็นผลและรักษาผลลัพธ์ให้ยาวนาน
• ในช่วงแรกแพทย์จะแนะนำให้ฉีดต่อเนื่องประมาณ 3-5 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างระหว่างการฉีดครั้งละ 1-2 สัปดาห์
• หลังจากนั้น ค่อยเว้นระยะให้ฉีดประมาณ ทุก 2-3 สัปดาห์ เพื่อคงสภาพผิวและผลลัพธ์ไว้
• หากต้องการเห็นผลเร็วขึ้นอาจฉีดถี่ขึ้นได้ เช่น ทุก 3 วัน แต่ควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์
โดยทั่วไป โปรแกรมเมโสหน้าใสจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก โดยผิวจะดูชุ่มชื้นและสดใสขึ้นใน 3-7 วันแรก และเห็นผลเต็มที่ภายใน 7-14 วัน แต่หากฉีดอย่างต่อเนื่องตามแผน จะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและคงทนนานยิ่งขึ้น
สรุปคือควรฉีดเมโสหน้าใสสัปดาห์ละ 1 ครั้งในเดือนแรก และหลังจากนั้นเว้นทุก 2-3 สัปดาห์เพื่อคงสภาพผิว โดยรวมจำนวนครั้งทั้งหมดประมาณ 4-6 ครั้งเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด และการดูแลหลังฉีดจะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้นด้วย
เมโสหน้าใสกี่วันเห็นผล
โดยทั่วไป เมโสหน้าใสสามารถเริ่มเห็นผลได้ภายใน 3-7 วัน โดยเฉพาะในเรื่องความชุ่มชื้นและความกระจ่างใส ส่วนผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นจะเห็นได้หลังการทำต่อเนื่องประมาณ 3-5 ครั้ง ทั้งนี้ระยะเวลาในการเห็นผลขึ้นอยู่กับสภาพผิวเดิม ปริมาณตัวยา และการดูแลผิวหลังทำอย่างเหมาะสม
ช่วงเวลาหลังฉีดเมโสหน้าใส |
ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดเมโสหน้าใส |
1-3 วันแรก |
ผิวจะรู้สึกชุ่มชื้นขึ้นทันทีหลังทำ ดูฉ่ำวาว เรียบเนียนขึ้นเล็กน้อย |
3-7 วัน |
สีผิวเริ่มดูสม่ำเสมอขึ้น จุดด่างดำดูจางลงเล็กน้อย ผิวสดใสขึ้น |
7-14 วัน |
ความเปลี่ยนแปลงจะชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะความกระจ่างใส รอยสิว และความเรียบเนียนของผิว |
หลัง 3-5 ครั้ง |
ผิวหน้าโดยรวมจะดูแข็งแรงขึ้น รูขุมขนกระชับ ผิวเรียบเนียนและสุขภาพดีอย่างชัดเจน |
ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาการเห็นผลเมโสหน้าใส
1.สภาพผิวของแต่ละคน
• ผิวแห้ง ขาดน้ำ หรือมีปัญหามาก อาจต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลชัดเจน
• ผิวที่แข็งแรงแต่หมองคล้ำ มักเห็นผลในระยะเวลาไม่นาน โดยเฉพาะเรื่องความกระจ่างใส
2.สูตรเมโสและปริมาณตัวยา
• สูตรเข้มข้น มีส่วนช่วยให้เห็นผลในระยะเวลาไม่นาน
• ปริมาณตัวยา ถ้าใช้ในปริมาณที่เพียงพอต่อพื้นที่ผิว อาจช่วยให้ผลลัพธ์เด่นชัดในเวลาอันสั้น
3.ความถี่ในการทำ
• การทำต่อเนื่องอย่างน้อย 3-5 ครั้ง จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยั่งยืนมากกว่าการทำเพียง 1 ครั้ง
4.วิธีการดูแลผิวหลังทำ
• หลีกเลี่ยงแดดและมลภาวะ
• งดใช้เครื่องสำอางที่ระคายเคือง
• บำรุงผิวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
5.อายุและระบบการฟื้นฟูของผิว
• คนอายุน้อย ผิวจะตอบสนองเร็วกว่า
• คนที่มีปัญหาเรื้อรัง ผิวบาง หรือผิวอักเสบอาจต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูนานขึ้น
เมโสหน้าใสอยู่ได้นานกี่เดือน
เมโสหน้าใสเมื่อฉีดครบคอร์สหรือฉีดอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 1-2 เดือน หากฉีดเพียงครั้งเดียว ผลลัพธ์มักอยู่ได้ช่วงสั้นลง ประมาณ 2-4 สัปดาห์ หรือประมาณ 1 เดือน ซึ่งขึ้นกับปัจจัยส่วนบุคคล เช่น สภาพผิว การใช้ชีวิต การพักผ่อน และการดูแลผิวหลังฉีด
ปัจจัยที่ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น ได้แก่
• การฉีดซ้ำสม่ำเสมอตามแผนคอร์ส เช่น ฉีดทุกสัปดาห์ในเดือนแรก และเว้นระยะห่างในเดือนต่อไป
• การดูแลผิวอย่างเหมาะสม เช่น หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
• เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและยาแท้ เพื่อประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียง
สรุปโดยทั่วไป ฉีดเมโสหน้าใส 1 คอร์ส ผลลัพธ์จะอยู่ที่ 1-2 เดือน จากนั้นหากต้องการรักษาผลลัพธ์ ควรฉีดซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์
เมโสหน้าใสอันตรายไหม
เมโสหน้าใสเป็นหัตถการทางด้านความงามที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะเห็นผลในเวลาไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น และส่วนใหญ่ถือว่าไม่เป็นอันตรายเมื่อทำโดยแพทย์ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม เมโสหน้าใสก็อาจมีผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนในบางรายได้เช่นกัน
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดเมโสหน้าใส
แม้ว่าเมโสหน้าใสจะไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น แต่ก็มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนี้
• ฉีดเมโสหน้าใสอาจเกิดรอยแดงหรือรอยช้ำเล็กน้อย เกิดจากการใช้เข็มฉีดยาขนาดเล็ก มักเกิดบริเวณจุดฉีด แต่จะหายภายใน 1-3 วัน
• ฉีดเมโสหน้าใสอาจมีอาการบวม หรือรู้สึกตึงผิวหน้า เกิดจากการฉีดสารเข้าสู่ผิว อาจทำให้รู้สึกบวมตึงในบางจุด โดยทั่วไปจะดีขึ้นภายใน 24-48 ชั่วโมง
• ฉีดเมโสหน้าใสอาจมีผื่นคันหรืออาการแพ้ หากผู้รับบริการแพ้ส่วนผสมบางชนิด เช่น วิตามิน ซี หรือกลูต้าไธโอน ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้าก่อนทำ และควรทดสอบการแพ้ก่อนฉีด
• ฉีดเมโสหน้าใสอาจเกิดการติดเชื้อที่ผิวหนัง พบได้ในกรณีที่อุปกรณ์ไม่สะอาด หรือการดูแลหลังทำไม่ถูกต้อง อาการเช่น แดงร้อน เจ็บ มีหนอง ควรรีบพบแพทย์ทันที
• ฉีดเมโสหน้าใสอาจผิวลอก แห้ง หรืออักเสบ อาจเกิดจากการตอบสนองของผิวต่อวิตามินหรือสารบางชนิด มักเกิดในผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย
เปรียบเทียบ เมโสหน้าใส vs เลเซอร์หน้าใส
การดูแลผิวหน้าให้กระจ่างใสมีทางเลือกหลายวิธี โดยเฉพาะเมโสหน้าใสและเลเซอร์หน้าใส ซึ่งเป็นหัตถการยอดนิยมที่ตอบโจทย์ในแง่การฟื้นฟูและปรับสภาพผิว แม้ทั้งสองมีเป้าหมายคล้ายกัน แต่มีจุดเด่นและข้อจำกัดต่างกันอย่างชัดเจน ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1.เมโสหน้าใส
ข้อดี
• เห็นผลเร็วในเรื่องผิวฉ่ำวาวและชุ่มชื้น
• ฉีดวิตามินเข้าสู่ผิวโดยตรง ได้ผลลึกกว่าการทาครีม
• ไม่ต้องพักฟื้นนาน หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
• ปรับสูตรได้ตามปัญหาผิว เช่น สิว รอยดำ จุดด่าง
• เหมาะสำหรับผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย
ข้อจำกัด
• ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
• หากหยุดทำไป ผิวอาจกลับมาหมองคล้ำหรือแห้งอีก
• มีโอกาสแพ้สารบางชนิด เช่น วิตามินซี กลูต้าไธโอน
• ใช้เข็มฉีดยา อาจไม่เหมาะกับผู้ที่กลัวเข็มหรือมีแนวโน้มช้ำง่าย
2.เลเซอร์หน้าใส
ข้อดี
• ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ และเม็ดสีผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวกระชับ รูขุมขนเล็กลง
• ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ทำให้ผิวใหม่ดูเรียบเนียนและสดใส
• เห็นผลชัดใน 3-7 วัน หลังทำ
• ไม่ต้องทำบ่อยเท่าเมโสหน้าใส การทำเดือนละครั้งก็เห็นผลได้
ข้อกำจัด
• อาจมีอาการแดง ลอก หรือผิวแห้งชั่วคราวหลังทำ ต้องระวังแสงแดด
• อาจรู้สึกแสบหรือเจ็บเล็กน้อยระหว่างทำ โดยเฉพาะหากไม่ทายาชา
• หากดูแลไม่ถูกต้องหลังทำ อาจเกิดรอยดำหรือผิวไวต่อแสงมากขึ้น
• ราคาอาจสูงกว่าการทำเมโสหน้าใส โดยเฉพาะหากใช้เลเซอร์เทคโนโลยีสูง
ก่อนฉีดเมโสหน้าใสควรเตรียมตัวอย่างไร
การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้ารับบริการเมโสหน้าใส เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง และทำให้ผลลัพธ์ของการรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีข้อควรปฏิบัติหลัก ๆ ดังนี้
1.ก่อนฉีดเมโสหน้าใสงดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
• หลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพริน ยาต้านเกล็ดเลือด วิตามินอี โอเมก้า 3 น้ำมันปลา หรือยาสมุนไพรที่มีผลต่อเลือด
• ควรงดยาเหล่านี้ล่วงหน้าอย่างน้อย 3-7 วัน เพื่อป้องกันการช้ำหรือเลือดออกมากบริเวณที่ฉีด
2.ก่อนฉีดเมโสหน้าใสงดแอลกอฮอล์และบุหรี่
• ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนทำ
• เพื่อไม่ให้ระบบไหลเวียนโลหิตผิดปกติ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำหรืออาการบวมหลังทำ
3.ก่อนฉีดเมโสหน้าใสควรพักผ่อนให้เพียงพอ
• ควรนอนหลับอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงในคืนก่อนทำเมโสหน้าใส
• เพื่อให้ร่างกายและผิวหนังฟื้นฟูได้ดี พร้อมรับการบำรุงจากวิตามินที่ฉีดเข้าไป
4.ก่อนฉีดเมโสหน้าใสหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในวันที่ทำ
• แนะนำให้ล้างหน้าให้สะอาดและงดแต่งหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่จะฉีดเมโสหน้าใส
• เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และให้แพทย์ประเมินผิวได้ชัดเจนมากขึ้น
5.ก่อนฉีดเมโสหน้าใสแจ้งข้อมูลสุขภาพกับแพทย์ก่อนทำ
• หากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิต โรคผิวหนังเรื้อรัง หรืออยู่ระหว่างการใช้ยา
• ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบล่วงหน้า เพื่อให้ประเมินและปรับแผนการฉีดเมโสหน้าใสให้เหมาะสม
6.ก่อนฉีดเมโสหน้าใสทดสอบการแพ้ (หากมีประวัติแพ้ยา)
• หากเคยมีประวัติแพ้วิตามิน กลูต้าไธโอน หรือส่วนผสมอื่น ๆ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำ
• แพทย์อาจทำการทดสอบการแพ้ (Skin Test) ก่อนฉีดเมโสเพื่อความมั่นใจ
7.ก่อนฉีดเมโสหน้าใสเตรียมใจรับความเจ็บเล็กน้อยจากเข็ม
• เมโสหน้าใสแบบฉีดใช้เข็มขนาดเล็กมาก แต่บางคนอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
• หากกลัวเข็ม สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อทายาชาช่วยลดอาการเจ็บได้
หลังฉีดเมโสหน้าใสควรดูแลตัวเองอย่างไร
หลังจากรับบริการเมโสหน้าใส การดูแลผิวอย่างถูกต้องมีความสำคัญมาก เพราะจะช่วยลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง ฟื้นฟูผิวให้เร็วขึ้น และคงผลลัพธ์ของผิวกระจ่างใสได้นานยิ่งขึ้น โดยมีข้อควรปฏิบัติที่ควรรู้ดังต่อไปนี้
1.หลังฉีดเมโสหน้าใสงดล้างหน้าหลังทำอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
เพื่อให้วิตามินที่ฉีดซึมเข้าสู่ผิวได้เต็มที่ ควรรอให้ตัวยาเซ็ตตัวก่อน จึงสามารถล้างหน้าได้ตามปกติด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน
2.หลังฉีดเมโสหน้าใสหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง
งดแต่งหน้า 24 ชั่วโมงหลังทำ และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารผลัดเซลล์ เช่น AHA, BHA, เรตินอล หรือวิตามินซีความเข้มข้นสูง อย่างน้อย 2-3 วัน
3.หลังฉีดเมโสหน้าใสงดสัมผัสผิวหน้าบ่อย ๆ
ไม่ควรจับ แกะ หรือเกาบริเวณที่ฉีดเมโสหน้าใส หากมีรอยเข็ม รอยแดง หรือรอยช้ำเล็กน้อย ควรปล่อยให้หายเอง ไม่ควรแคะหรือแตะบ่อย
4.หลังฉีดเมโสหน้าใสหลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อนจัด
ควรงดกิจกรรมกลางแจ้ง แสงแดดแรง ๆ และความร้อนจากการอบซาวน่า สตรีม หรือออกกำลังกายหนัก ประมาณ 1-3 วัน เพราะผิวหลังทำจะไวต่อแสงแดดมากกว่าปกติ อาจเกิดรอยแดงหรือคล้ำได้ง่าย
5.หลังฉีดเมโสหน้าใสทาครีมบำรุงและครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
ใช้ครีมบำรุงที่อ่อนโยน ปลอบประโลมผิว และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน แม้อยู่ในร่ม เพื่อป้องกันผิวคล้ำเสีย
6.หลังฉีดเมโสหน้าใสงดแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ 1-2 วันหลังทำ
เพื่อไม่ให้ระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ และลดความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำหรือการอักเสบ
7.หลังฉีดเมโสหน้าใสรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำมาก ๆ
การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น ดูฉ่ำวาวและอิ่มฟูจากภายใน หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดหรือของหมักดองในช่วง 1-2 วันแรก
8.หลังฉีดเมโสหน้าใสหากมีอาการผิดปกติควรพบแพทย์ทันที
เช่น บวมแดงรุนแรง ปวดแสบผิวมาก มีตุ่มหนอง หรืออาการแพ้ ควรรีบปรึกษาคลินิกหรือแพทย์ที่ทำการรักษาเพื่อวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสม
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเมโสหน้าใส (FAQ)
1.เมโสหน้าใสทำแล้วสิวขึ้นไหม
คำตอบ มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในบางราย โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวมันมากหรือผิวอุดตันง่าย เพราะการฉีดเมโสเข้าไปกระตุ้นผิว อาจเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้สิวอุดตันเดิมแสดงออกมาเป็นสิวผดหรือสิวเม็ดเล็ก ๆ ภายหลังการทำ 1-3 วัน อย่างไรก็ตาม อาการนี้มักเกิดขึ้นชั่วคราวและสามารถหายได้เองในเวลาไม่นาน หากดูแลผิวให้สะอาดและใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนหลังทำ
2.เมโสหน้าใสทำช่วงไหนของเดือนดีที่สุด
คำตอบ สามารถทำได้ตลอดทั้งเดือน แต่ช่วงที่แนะนำให้ทำคือ หลังหมดประจำเดือน เพราะร่างกายมีความสมดุล ฮอร์โมนคงที่ ผิวมีความแข็งแรงมากขึ้น และฟื้นตัวได้ดี ในทางกลับกัน ช่วงก่อนมีประจำเดือนหรือระหว่างมีประจำเดือน ร่างกายจะไวต่อความรู้สึกมากขึ้น บางรายอาจช้ำหรือบวมง่ายกว่าปกติ
3.เมโสหน้าใส คนเป็นสิวหรือผิวแพ้ง่ายสามารถทำได้ไหม
คำตอบ สามารถทำได้ แต่ควรได้รับการประเมินโดยแพทย์ก่อน เพื่อเลือกสูตรเมโสที่อ่อนโยน ปราศจากสารกระตุ้นผิว เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือวิตามินเข้มข้นที่อาจก่อการระคายเคือง สำหรับคนเป็นสิว ควรหลีกเลี่ยงการฉีดบริเวณที่มีสิวอักเสบ และควรใช้สูตรที่ช่วยลดการอักเสบหรือควบคุมความมันร่วมด้วย
4.เมโสหน้าใสมีผลข้างเคียงระยะยาวหรือไม่?
คำตอบ โดยทั่วไป เมโสหน้าใสไม่มีผลข้างเคียงระยะยาว หากใช้ตัวยาที่ได้มาตรฐาน ผ่าน อย.และทำโดยแพทย์ ผลข้างเคียงที่พบส่วนใหญ่เป็นเพียงชั่วคราว เช่น รอยแดง รอยช้ำ หรือบวมเล็กน้อย ซึ่งมักหายภายในไม่กี่วัน
แต่หากใช้ตัวยาไม่ได้คุณภาพ หรือทำโดยบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อใต้ผิวหนัง การเกิดพังผืด หรือเนื้อเยื่อแข็งใต้ผิว การแพ้สารเคมีจนเกิดผิวอักเสบเรื้อรัง
สรุปเกี่ยวกับเมโสหน้าใส
สรุปว่า เมโสหน้าใสเป็นหัตถการที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับผิวหน้าให้กระจ่างใส ดูอิ่มฟู และสุขภาพดี โดยเฉพาะเมื่อทำอย่างสม่ำเสมอและอยู่ในความดูแลของแพทย์ ผลลัพธ์จะยิ่งชัดเจนและคงอยู่ได้ยาวนาน การเตรียมตัวก่อนทำและการดูแลหลังทำอย่างถูกวิธี ก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยในการลดผลข้างเคียงและเพิ่มประสิทธิภาพของตัวยา
หากคุณต้องการวิธีดูแลผิวให้กระจ่างใสที่เห็นผล ไม่ต้องพักฟื้นนาน และตอบโจทย์ได้หลากหลายปัญหาผิว เมโสหน้าใสอาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหา
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ