โปรแกรมฉีดมาเด้คอลลาเจนคืออะไร กี่ครั้งถึงเห็นผล ทำไมต้องฉีด 16 จุด
ฉีดมาเด้ , ฉีดมาเด้คอลลาเจน
ฉีดมาเด้คอลลาเจนคืออะไร กี่ครั้งถึงเห็นผล ทำไมต้องฉีด 16 จุด
ฉีดมาเด้คอลลาเจนคืออะไร กี่ครั้งถึงเห็นผล ทำไมต้องฉีด 16 จุด
ฉีดมาเด้คอลลาเจน เป็นการฉีดสารบำรุงผิวที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน และใช้เวลาในการฉีดไม่นานแต่ทำให้ผิวของเราสามารถฟื้นฟูและปรับสภาพผิวให้ดีขึ้นแบบเห็นได้ชัด
รวมทุกหัวข้อของการฉีดมาเด้คอลลาเจน
- การฉีดมาเด้คอลลาเจนคืออะไร
- หลักการทำงานของการฉีดมาเด้คอลลาเจน
- การฉีดมาเด้คอลลาเจนช่วยในเรื่องอะไรบ้าง
- ข้อจำกัดของการฉีดมาเด้คอลลาเจน
- การฉีดมาเด้คอลลาเจนอันตรายหรือไม่
- การฉีดมาเด้คอลลาเจนเหมาะกับใคร
- ใครควรหลีกเลี่ยงการฉีดมาเด้คอลลาเจน
- วิธีตรวจสอบมาเด้คอลลาเจนของแท้
- การฉีดมาเด้คอลลาเจนทำไมต้องทำ 16 จุด ทำจุดไหนบ้าง
- เตรียมตัวก่อนการฉีดมาเด้คอลลาเจน
- การดูแลตัวเองหลงฉีดมาเด้คอลลาเจน
- ฉีดมาเด้คอลลาเจนกี่วันเห็นผล ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน
- การฉีดมาเด้ กับ การฉีดเมโสต่างกันอย่างไร
- เปรียบเทียบหัตถการการฉีดมาเด้คอลลาเจนกับวิธีการอื่น
- หยุดฉีดมาเด้คอลลาเจนแล้วหน้าจะหมองหรือไม่
- Q and A ยอดฮิตของการฉีดมาเด้คอลลาเจน
- สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับการฉีดมาเด้คอลลาเจน
การฉีดมาเด้คอลลาเจนคืออะไร
การฉีดมาเด้คอลลาเจน ( Made Collagen ) เป็นหนึ่งในสูตรบำรุงผิวแบบเมโสเธอราพี (Mesotherapy) ที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีส่วนผสมของสารบำรุงหลายชนิดที่คัดสรรมาอย่างเหมาะสม เพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้แข็งแรง กระจ่างใส
การฉีดมาเด้คอลลาเจนแตกต่างจากการทาครีมทั่วไปที่อาจซึมลงผิวได้เพียงชั้นนอก การฉีดมาเด้คอลลาเจนจะใช้เทคนิคการฉีดเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรงตามจุดฝังเข็มทั่วใบหน้า (16 จุด) เพื่อให้สารบำรุงเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึกและตรงจุด
ส่วนประกอบสำคัญของการฉีดมาเด้คอลลาเจน
การฉีดมาเด้คอลลาเจนมีการรวมสารที่ช่วยบำรุงและปรับสมดุลผิวไว้หลากหลาย เช่น
• วิตามินรวม (Vitamin Complex) เช่น วิตามินซีและบี ซึ่งช่วยลดเลือนความหมองคล้ำ และส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว
• แร่ธาตุและเอนไซม์ ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนและการขับสารพิษ (Detoxification)
• คอลลาเจน D8 คอลลาเจนในรูปแบบโฮมีโอพาธีย์ที่ช่วยให้ผิวกระชับและชุ่มชื้นยาวนาน
• ไฮยาลูโรนิเดส D8 (Hyaluronidase D8) ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและให้ความชุ่มชื้น
• ซัลเฟอร์ D12 (Sulphur D12) มีบทบาทช่วยลดความมันและลดโอกาสเกิดสิว
• สารสกัดจากพลาเซนต้า (Placenta Extract) มีคุณสมบัติช่วยเสริมการฟื้นฟูผิวให้ดูกระจ่างใส
หลักการทำงานของการฉีดมาเด้คอลลาเจน
การฉีดมาเด้คอลลาเจนเป็นเทคนิคดูแลผิวหน้าแบบเฉพาะทาง โดยอาศัยหลักการของ “การกระตุ้นสมดุลในร่างกาย” ผ่านจุดฝังเข็มบนใบหน้า ซึ่งเป็นจุดที่มีความเกี่ยวข้องกับการไหลเวียนของเลือดและระบบน้ำเหลืองตามหลักชีวจิต
เทคนิคฉีดมาเด้คอลลาเจน 16 จุดตามแนวฝังเข็ม
แพทย์จะทำการฉีดมาเด้คอลลาเจนสารบำรุงสูตรเฉพาะเข้าสู่ผิวบริเวณใบหน้าทั้ง 16 จุด ซึ่งเป็นจุดที่สัมพันธ์กับตำแหน่งของการฝังเข็มในศาสตร์การแพทย์ทางเลือก โดยจะฉีดเข้าสู่ชั้น Dermis หรือชั้นหนังแท้ ที่มีองค์ประกอบสำคัญ เช่น คอลลาเจน อิลาสติน และกรดไฮยาลูโรนิก ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานของผิวที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่น
เทคนิคที่เรียกว่า Lymphatic Drainage (LD)
กระบวนการนี้ในการฉีดมาเด้คอลลาเจนจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของระบบเลือดและน้ำเหลือง ส่งผลให้สารอาหารที่ฉีดเข้าไปกระจายตัวได้ทั่วใบหน้า และช่วยให้เซลล์ผิวสามารถดูดซึมสารบำรุงได้อย่างเต็มที่มากขึ้น เทคนิคนี้มีต้นกำเนิดจากประเทศอิตาลี และเรียกว่า Lymphatic Drainage (LD) ซึ่งแปลตรงตัวได้ว่า "การระบายน้ำเหลือง" นั่นเอง
4 เฟสของการทำงาน (4 Phases of Action) ในการฉีดมาเด้คอลลาเจน
การออกฤทธิ์ของมาเด้คอลลาเจนสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ขั้นตอนที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ดังนี้
Phase 1 กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง
ในระยะเริ่มต้น สารจากการฉีดมาเด้คอลลาเจนจะช่วยส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองบนใบหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผิวได้รับออกซิเจนและสารอาหารได้ดีขึ้น ผิวจึงดูสดใสและมีชีวิตชีวา
Phase 2 ปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ
สารต้านอนุมูลอิสระในสูตรของการฉีดมาเด้จะช่วยยับยั้งการทำลายผิวจากมลภาวะและแสงแดด พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกานทำให้ผิวดูแข็งแรงขึ้นจากภายใน
Phase 3 ฟื้นฟูและเติมสารอาหารให้ผิว
ในเฟสนี้ ผิวจะได้รับสารอาหารสำคัญ วิตามิน และเอนไซม์ต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุงและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ส่งผลให้ผิวเนียนละเอียด ดูกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
Phase 4 ดีท็อกซ์ของเสียใต้ผิว
สารที่ช่วยกระตุ้นการระบายของเสียใต้ผิวจะเริ่มทำงานในช่วงนี้ โดยช่วยลดการสะสมของสารพิษและสิ่งตกค้างในชั้นผิว ส่งผลให้ผิวดูกระจ่างใส มีสุขภาพดี และลดโอกาสเกิดสิวหรือการอักเสบ
การฉีดมาเด้คอลลาเจนช่วยในเรื่องอะไรบ้าง
การฉีดมาเด้คอลลาเจน คือเทคนิคการบำรุงและฟื้นฟูผิวในแนวทางของเวชศาสตร์ธรรมชาติ โดยเฉพาะศาสตร์ที่เรียกว่า โฮมีโอพาธีย์ (Homeopathy) ซึ่งเป็นแนวทางการรักษาที่เน้นการกระตุ้นให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูตนเองได้ ผ่านการใช้สารบำรุงในปริมาณที่เหมาะสม ช่วยให้ผิวปรับสมดุลและแข็งแรงขึ้นอย่างอ่อนโยน
จุดเด่นของศาสตร์โฮมีโอพาธีย์ (Homeopathy) ในการฉีดมาเด้คอลลาเจน
การฉีดมาเด้คอลลาเจนไม่ใช่แค่การเติมสารอาหารให้ผิว แต่ยังเน้นการกระตุ้นให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะระบบน้ำเหลืองและภูมิคุ้มกัน กลับมาทำงานได้ดีขึ้น ผ่านกระบวนการหลัก 4 ขั้นตอน ดังนี้
1.Detoxification ขจัดสารพิษตกค้างใต้ผิว
ปัญหาผิวหลายอย่าง เช่น สิว ผื่นแพ้ ฝ้า หรือความหมองคล้ำ มักมีสาเหตุจากสารพิษตกค้างหรือมลภาวะ มาเด้คอลลาเจนช่วยกระตุ้นการระบายของเสียออกจากระบบผิวหนังและน้ำเหลือง ช่วยให้ผิวสะอาดและสดใสยิ่งขึ้น
2.Metabolism กระตุ้นการเผาผลาญและการไหลเวียน
การไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองที่ดีส่งผลให้เซลล์ผิวได้รับสารอาหารและออกซิเจนได้อย่างทั่วถึง ช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟู ลดอาการอักเสบ และส่งผลให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้นจากปัญหาต่าง ๆ
3.Nutrients & Cell Therapy เติมสารอาหารและฟื้นฟูเซลล์ผิว
การฉีดมาเด้คอลลาเจนมีส่วนประกอบของวิตามิน แร่ธาตุ และสารบำรุงที่ช่วยให้ผิวดูมีชีวิตชีวา เพิ่มความชุ่มชื้น และเสริมสร้างการทำงานของเซลล์ผิวอย่างสมดุล
4.Restructuring ปรับสมดุลและเสริมเกราะป้องกันผิว
เมื่อผิวได้รับการดูแลครบในทุกมิติ ผิวก็จะมีภูมิต้านทานดีขึ้น ไม่ถูกทำร้ายจากมลภาวะหรือแสงแดดง่าย และลดแนวโน้มของการเกิดปัญหาผิวในระยะยาว
ปัญหาผิวที่สามารถดูแลได้ด้วยการฉีดมาเด้คอลลาเจน
• ปัญหาสิว สิวอักเสบ หรือผิวที่มีการอุดตันง่าย
• ฝ้า กระ และจุดด่างดำที่เกิดจากแสงแดดหรือฮอร์โมน
• ริ้วรอยเล็ก ๆ และผิวที่เริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น
• ผิวแพ้ง่าย หรือมีแนวโน้มระคายเคืองบ่อย
• ผิวที่ดูหมองคล้ำจากการพักผ่อนน้อยหรือมลภาวะ
ข้อจำกัดของการฉีดมาเด้คอลลาเจน
แม้ว่าการฉีดมาเด้คอลลาเจน จะเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการบำรุงและฟื้นฟูผิวแบบอ่อนโยน แต่การฉีดมาเด้คอลลาเจนก็มีข้อจำกัดบางอย่างที่ควรทราบก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปตามความคาดหวัง และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
1.ไม่ใช่การรักษาแบบเร่งรัดหรือเห็นผลทันที
การฉีดมาเด้คอลลาเจนเป็นแนวทางการดูแลผิวที่ทำงานแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยกระตุ้นให้ร่างกายปรับสมดุลจากภายใน ผลลัพธ์หลังฉีดมาเด้คอลลาเจนจึงจะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเมื่อฉีดอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ให้ผลลัพธ์ในทันทีเหมือนบางหัตถการ เช่น เลเซอร์หรือฟิลเลอร์
2.ต้องอาศัยความต่อเนื่องและวินัยในการทำ
การฉีดมาเด้คอลลาเจนเพียง 1-2 ครั้งอาจยังไม่เห็นผลชัดเจน ต้องทำต่อเนื่องเป็นคอร์สตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ต่อเนื่อง 4-6 ครั้งขึ้นไป แล้วจึงเว้นระยะเพื่อคงผลลัพธ์ ซึ่งผู้รับบริการต้องมีเวลาและความพร้อมในการดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง
3.ไม่สามารถใช้แทนการรักษาปัญหาผิวที่รุนแรงได้
ในกรณีที่มีปัญหาผิวรุนแรง เช่น ฝ้าเข้มลึก ริ้วรอยลึกจากอายุที่มาก หรือรอยแผลเป็นที่ฝังแน่น การฉีดมาเด้คอลลาเจนอาจช่วยเสริมการฟื้นฟูผิวได้เพียงระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถทดแทนหัตถการทางการแพทย์ที่ออกฤทธิ์ลึกและเฉพาะเจาะจงได้ เช่น เลเซอร์ลบรอย หรือยากลุ่มเฉพาะ
4.ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
ปัจจัยอย่างเช่น สภาพผิวเดิม พฤติกรรมการใช้ชีวิต อายุ และการดูแลผิวประจำวัน ล้วนมีผลต่อประสิทธิภาพของการรักษา ดังนั้นแม้จะใช้สูตรเดียวกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล
5.มีข้อควรระวังในผู้ที่มีภาวะสุขภาพบางประการ
แม้การฉีดมาเด้คอลลาเจนจะเป็นสูตรอ่อนโยน แต่ก็ยังมีข้อควรระวังในผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น ภูมิแพ้รุนแรง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่กำลังให้นมบุตร จึงควรแจ้งข้อมูลสุขภาพกับแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ
การฉีดมาเด้คอลลาเจนอันตรายหรือไม่
หนึ่งในคำถามที่หลายคนมักจะถามก่อนฉีดมาเด้คอลลาเจน คือการฉีดมาเด้นั้นเสี่ยงหรือไม่ อันตรายหรือมีผลข้างเคียงใดที่ต้องกังวลหรือเปล่า ซึ่งคำตอบคือ โดยทั่วไป การฉีดมาเด้คอลลาเจนที่ผ่านมาตรฐานและใช้อย่างถูกวิธี ถือว่าไม่อันตราย แต่ก็ข้อควรระวังที่ควรรู้เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
การฉีดมาเด้คอลลาเจนของแท้ อันตรายหรือไม่ ?
สารในสูตรมาเด้คอลลาเจนแท้ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ และสารสกัดในแนวทางของโฮมีโอพาธีย์ ซึ่งถูกออกแบบให้สอดคล้องกับการทำงานของร่างกาย มีคุณสมบัติย่อยสลายได้เองโดยไม่ทิ้งสารตกค้างในผิวหนัง ดังนั้น หากได้รับการฉีดมาเด้โดยแพทย์ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแหล่งที่มาและฉลากชัดเจน โอกาสเกิดผลข้างเคียงจะน้อยมาก และโดยทั่วไปสามารถเข้ารับบริการได้อย่างไม่เป็นอันตราย
สิ่งที่ควรระวังในการฉีดมาเด้คอลลาเจนคือ “ของปลอม” และการฉีดมาเด้โดยผู้ไม่มีใบอนุญาต
แม้ตัวตัวยาจะไม่เป็นอันตรายในทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติ สิ่งที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้คือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือเป็นของปลอม ซึ่งมักปะปนอยู่ในท้องตลาด หากมีการปลอมแปลงสารประกอบ หรือเจือปนสิ่งแปลกปลอม เช่น สเตียรอยด์ ยาปฏิชีวนะ หรือสารที่อันตราย อาจทำให้เกิดอาการแพ้ ผื่นแดง บวม อักเสบ หรือในบางกรณีอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
แนวทางป้องกันความเสี่ยง
เพื่อให้การฉีดมาเด้คอลลาเจนไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของเราและได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรพิจารณาข้อแนะนำต่อไปนี้
• เลือกเข้ารับบริการกับแพทย์หรือคลินิกที่มีใบอนุญาตประกอบการถูกต้องในการฉีดมาเด้คอลลาเจน
• สอบถามและสังเกตบรรจุภัณฑ์ของตัวยาที่ใช้ว่ามีฉลากภาษาอังกฤษหรือภาษาไทยครบถ้วน มีเลขล็อตผลิต และวันหมดอายุ
• แนะนำให้ขอให้แพทย์ “ผสมยาให้ดูต่อหน้า” เพื่อความโปร่งใส และมั่นใจว่าใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้จริง
• หากมีประวัติแพ้ยา ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้าเสมอ
การฉีดมาเด้คอลลาเจนเหมาะกับใคร
การฉีดมาเด้คอลลาเจน เป็นแนวทางฟื้นฟูผิวที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวพรรณหลากหลายประเภท โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการดูแลผิวแบบเข้มข้นและฟื้นฟูสมดุลจากภายใน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาดังต่อไปนี้
1.ผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่ายหรือผื่นระคายเคือง
ผู้ที่มีผื่นคัน ผดแดง หรืออาการแพ้ที่เกิดขึ้นจากเหงื่อ ฝุ่น มลภาวะ หรือการสวมหน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน อาจได้รับประโยชน์จากการฉีดมาเด้คอลลาเจน เนื่องจากตัวยาจะช่วยลดการอักเสบ ปรับสมดุลผิว และฟื้นฟูความแข็งแรงให้ผิว
2.ผู้ที่มีสิวอุดตัน ผิวไม่เรียบเนียน
สำหรับผู้ที่ลูบหน้าแล้วรู้สึกถึงผิวขรุขระ มีสิวหัวปิดหรือสิวอุดตันใต้ผิว การฉีดมาเด้คอลลาเจนสามารถช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดและน้ำเหลือง ช่วยให้ของเสียถูกระบายออก และลดการอุดตันในรูขุมขน
3.ผู้ที่มีผิวแห้ง ขาดน้ำ หรือผิวลอกเป็นขุย
หากมีผิวหน้าที่แห้งกร้านแต่งหน้าไม่ติด หรือเป็นขุยแม้ทาครีมบำรุงเป็นประจำ การฉีดมาเด้คอลลาเจนจะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว พร้อมเสริมการดูดซึมสารอาหาร ทำให้ผิวเนียนนุ่มและดูสุขภาพดีขึ้น
4.ผู้ที่เป็นสิวในวัยผู้ใหญ่
สิวที่ยังคงเกิดแม้จะพ้นวัยรุ่นแล้ว มักมีสาเหตุจากฮอร์โมนหรือความเครียด การฉีดมาเด้คอลลาเจนสามารถช่วยปรับสมดุลผิว ลดการอักเสบ และส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันใต้ผิวหนัง ช่วยให้สิวลดลง
5.ผู้ที่มีผิวอ่อนล้า พักผ่อนน้อย หรือเผชิญมลภาวะ
ในกลุ่มที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่น ควัน หรือแสงแดด ผิวมักจะดูโทรม หมองคล้ำ และขาดชีวิตชีวา การฉีดมาเด้คอลลาเจนจะช่วยฟื้นฟูผิวให้สดใส ลดรอยอิดโรย และกระตุ้นการผลัดเซลล์ใหม่
6.ผู้ที่มีปัญหาจากสารเคมีหรือสเตียรอยด์
ในกรณีที่เคยใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารที่ระคายผิว เช่น สเตียรอยด์ หรือสารฟอกผิวบางชนิด แล้วเกิดผลข้างเคียง เช่น ผื่นแดงหรือผิวบาง การฉีดมาเด้คอลลาเจนสามารถช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำร้ายให้กลับมาแข็งแรง ลดการระคายเคืองและผิวลอก
7.ผู้ที่รู้สึกว่าครีมบำรุงซึมยากหรือไม่เห็นผล
บางคนแม้จะบำรุงผิวอย่างต่อเนื่อง แต่กลับรู้สึกว่าผลิตภัณฑ์ไม่สามารถซึมซับเข้าสู่ผิวได้ดี อาจเกิดจากผิวที่มีของเสียสะสมหรือระบบผิวที่ไม่สมดุล การฉีดมาเด้คอลลาเจนจะช่วยปรับสภาพผิวให้เปิดรับสารอาหารได้ดีขึ้น เสริมการทำงานของครีมบำรุงที่ใช้อยู่
ใครควรหลีกเลี่ยงการฉีดมาเด้คอลลาเจน
แม้ว่าการฉีดมาเด้คอลลาเจนจะเป็นวิธีดูแลผิวที่ไม่เป็นอันตราย แต่ก็มีบางกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนเข้ารับบริการ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
1.ผู้ที่มีประวัติแพ้ยา หรือส่วนผสมในสูตรมาเด้คอลลาเจน
หากเคยมีประวัติแพ้ยา วิตามิน หรือสารสกัดบางชนิด เช่น วิตามินบี วิตามินซี หรือสารโฮมีโอพาธีย์ในสูตร ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้า และหลีกเลี่ยงการฉีดมาเด้คอลลาเจนโดยไม่ตรวจสอบอย่างรอบคอบ เพราะอาจเกิดอาการแพ้ เช่น ผื่นแดง บวม หรืออาการรุนแรงอื่น ๆ ได้
2.หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
แม้การฉีดมาเด้คอลลาเจนจะมีไม่เป็นอันตราย แต่ยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกที่ยืนยันความปลอดภัยอย่างชัดเจนในหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการฉีดมาเด้คอลลาเจนในช่วงนี้ เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับทารกหรือระบบร่างกายที่เปลี่ยนแปลงขณะตั้งครรภ์
3.ผู้ที่รับประทานยากลุ่มต้านการแข็งตัวของเลือด
กลุ่มผู้ที่ใช้ยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน หรือยากลุ่มวาร์ฟาริน ควรหลีกเลี่ยงการฉีดมาเด้คอลลาเจนหรือปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากการฉีดอาจทำให้เกิดรอยช้ำหรือเลือดออกใต้ผิวหนังมากกว่าปกติ
4.ผู้ที่มีปัญหาผิวอักเสบ ติดเชื้อ หรือมีแผลเปิด
หากมีอาการผิวหนังอักเสบ แพ้ ระคายเคือง หรือติดเชื้อ เช่น แผลสด รอยแผลจากการกดสิว หรือผื่นรุนแรง ควรรอให้ผิวฟื้นตัวก่อน เนื่องจากการฉีดมาเด้คอลลาเจนอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเพิ่มขึ้น หรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อแทรกซ้อน
5.ผู้ที่มีประวัติใช้สเตียรอยด์ในระยะยาว
การใช้ยาหรือครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์อย่างต่อเนื่อง อาจทำให้โครงสร้างผิวอ่อนแอและตอบสนองต่อการรักษาน้อยกว่าปกติ หากเพิ่งหยุดใช้ไม่นาน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะอาจต้องเว้นระยะเวลาให้ผิวฟื้นตัวก่อนเริ่มการรักษาด้วยการฉีดมาเด้คอลลาเจน
วิธีตรวจสอบมาเด้คอลลาเจนของแท้
ก่อนเข้ารับบริการฉีดมาเด้คอลลาเจน สิ่งสำคัญไม่แพ้การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานก็คือ “การตรวจสอบว่าตัวยาที่ใช้นั้นเป็นของแท้หรือไม่” เพราะหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้
เพื่อมั่นใจว่าสารที่ฉีดเข้าสู่ผิวของเราเป็นของแท้ ต่อไปนี้คือวิธีสังเกตการฉีดมาเด้คอลลาเจนของแท้ในเบื้องต้น
1.สภาพบรรจุภัณฑ์ในการฉีดมาเด้คอลลาเจนต้องสมบูรณ์ ไม่ถูกเปิดใช้งานล่วงหน้า
กล่องผลิตภัณฑ์ของการฉีดมาเด้คอลลาเจนควรอยู่ในสภาพใหม่ ไม่บุบหรือฉีกขาด และไม่มีร่องรอยการเปิดก่อนหน้านี้ ตัวยาควรเก็บรักษาในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิทจนถึงเวลาผสมและนำไปใช้ต่อหน้าคนไข้
2.ฉลากชัดเจน มีข้อมูลผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่าย
ด้านหน้ากล่องก่อนการฉีดมาเด้คอลลาเจนควรมีบาร์โค้ด และชื่อคลินิกหรือบริษัทนำเข้าที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ในกรณีจำเป็น
3.กล่องมีสติกเกอร์ซีลปิดทั้งสองฝา
ที่ฝากล่องควรมีซีลปิดด้วยสติกเกอร์เฉพาะ ซึ่งหากเปิดแล้วจะไม่สามารถปิดคืนได้เหมือนเดิม ถือเป็นมาตรการป้องกันการเปิดใช้งานล่วงหน้า
4.มีรอยปรุกกลางกล่อง
บรรจุภัณฑ์ของแท้มักมีดีไซน์เฉพาะ เช่น รอยปรุกบริเวณกลางกล่องที่ออกแบบไว้สำหรับการเปิดกล่องอย่างเป็นระเบียบ ไม่ฉีกขาดง่าย
5.มีสติกเกอร์โฮโลแกรมกันปลอม
บนกล่องก่อนฉีดมาเด้คอลลาเจนควรมี สติกเกอร์โฮโลแกรมแบบถาวร ซึ่งมักจะพิมพ์คำว่า Edencolors หรือลักษณะอื่นที่ไม่สามารถลอกออกได้ง่าย ช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าเป็นสินค้าจากแหล่งที่ได้รับอนุญาต
6.มีสติกเกอร์ Hidden Tag สำหรับการสแกนตรวจสอบ
ด้านหลังกล่องจะมีสติกเกอร์ Hidden Tag ซึ่งสามารถใช้แอปพลิเคชันหรือระบบออนไลน์ที่เกี่ยวข้องในการสแกนเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของผลิตภัณฑ์ และยืนยันแหล่งที่มาของยาได้
การฉีดมาเด้คอลลาเจนทำไมต้องทำ 16 จุด ทำจุดไหนบ้าง
หนึ่งในจุดเด่นของการฉีดมาเด้คอลลาเจน คือการใช้เทคนิคฉีด 16 จุด ซึ่งเป็นตำแหน่งเฉพาะบนใบหน้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบน้ำเหลืองและต่อมไขมัน การเลือกฉีดมาเด้คอลลาเจนในจุดเหล่านี้เป็นแนวทางที่อ้างอิงจากศาสตร์ของการฝังเข็ม เพื่อให้ตัวยาสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
หลักการของการฉีดมาเด้คอลลาเจนเทคนิค 16 จุด
จุดที่เลือกใช้ในการฉีดมาเด้จะอยู่ตามแนวของ ระบบน้ำเหลือง (Lymphatic System) ซึ่งเป็นระบบที่มีหน้าที่ช่วยขับของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย รวมถึงมีบทบาทในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เมื่อฉีดตัวยาเข้าสู่ผิวบริเวณเหล่านี้ จะช่วยให้สารบำรุงกระจายตัวได้ดีทั่วใบหน้า โดยไม่จำเป็นต้องฉีดลึกหรือสะกิดผิวมากมาย ส่งผลให้ลดโอกาสระคายเคืองและได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ตำแหน่งทั้ง 16 จุดของการฉีดมาเด้คอลลาเจน
แม้ว่าตำแหน่งอาจมีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยตามการประเมินของแพทย์แต่ละคน แต่โดยทั่วไปแล้ว จุดที่นิยมใช้ฉีดมาเด้จะกระจายอยู่ทั่วใบหน้าในตำแหน่งสำคัญดังนี้
• กลางหน้าผาก
• ระหว่างคิ้ว
• เหนือโหนกแก้ม (ซ้าย/ขวา)
• ข้างจมูกบริเวณเหนือร่องแก้ม (ซ้าย/ขวา)
• มุมปากทั้งสองข้าง
• คางบริเวณกลางคาง
• บริเวณกราม (ซ้าย/ขวา)
• ใต้หู (ต่อมน้ำเหลืองบริเวณด้านข้าง)
• ใต้คาง (กลางและด้านข้าง)
• แนวกรอบหน้าใกล้ไรผม (ซ้าย/ขวา)
ตำแหน่งเหล่านี้ถูกเลือกมาเพื่อรองรับการไหลเวียนของน้ำเหลือง ทำให้การกระจายตัวยาเป็นไปอย่างทั่วถึงทั่วใบหน้า และยังสอดคล้องกับแนวทางบำบัดในศาสตร์ฝังเข็มที่ใช้กระตุ้นการทำงานของร่างกายด้วย
ทำไมเทคนิคการฉีดมาเด้ 16 จุดจึงดีกว่าการทาครีมหรือรับวิตามินทั่วไป
• การทาครีมหรือรับวิตามินเสริม แม้จะมีประโยชน์ แต่สารสำคัญต้องผ่านกระบวนการดูดซึมหลายขั้นตอน และอาจไม่สามารถเข้าถึงผิวชั้นลึกได้ดีพอ
• ขณะที่การฉีดมาเด้คอลลาเจนจะนำสารสำคัญเข้าสู่ชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) โดยตรง ซึ่งเป็นชั้นที่มีคอลลาเจน อิลาสติน และเส้นเลือดฝอยจำนวนมาก จึงให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดกว่า โดยเฉพาะในเรื่องการฟื้นฟูผิวจากความหมองคล้ำ สิว หรือผิวอ่อนแอจากมลภาวะ
เตรียมตัวก่อนการฉีดมาเด้คอลลาเจน
1.ศึกษาข้อมูลคลินิกและแพทย์ผู้ทำหัตถการ
ควรเลือกคลินิกที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข และมีมาตรฐานด้านความสะอาด รวมถึงความน่าเชื่อถือ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแพทย์ที่ให้บริการเป็นแพทย์จริง มีเลขที่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมชัดเจน และมีประสบการณ์ในการดูแลผิวหรือด้านความงาม
2.แจ้งประวัติอย่างครบถ้วน
ก่อนเข้ารับบริการ ควรแจ้งข้อมูลสุขภาพส่วนตัวให้แพทย์ทราบ เช่น
• เคยทำหัตถการบนใบหน้าหรือศัลยกรรมใดมาก่อนหรือไม่
• มีประวัติแพ้ยาหรือส่วนผสมใดเป็นพิเศษหรือไม่
• มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน หรือโรคภูมิแพ้
• กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรหรือไม่
• รับประทานยาใดเป็นประจำ รวมถึงวิตามินหรืออาหารเสริม
• การให้ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาได้เหมาะสม ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
3.หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์หรืออาหารเสริมบางประเภท
อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการฉีดมาเด้ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริมหรือวิตามินที่มีผลต่อการไหลเวียนของเลือด เช่น
• วิตามินซีในขนาดสูง
• น้ำมันปลา
• ใบแปะก๊วย
• โสม
• สารสกัดจากเปลือกสน หรือสารต้านอนุมูลอิสระบางชนิด
เนื่องจากสารเหล่านี้อาจเพิ่มโอกาสเกิดรอยช้ำหรือเลือดออกใต้ผิวหนังหลังฉีดมาเด้ได้ง่ายกว่าปกติ
การดูแลตัวเองหลงฉีดมาเด้คอลลาเจน
การฉีดมาเด้คอลลาเจน เป็นหัตถการที่ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น แต่การดูแลผิวหลังการฉีดอย่างถูกวิธีจะช่วยลดอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และเสริมให้ผลลัพธ์ของการรักษาเห็นชัดเจนมากขึ้น
อาการที่อาจพบหลังฉีดมาเด้และวิธีรับมือ
• ตุ่มนูนเล็ก ๆ บริเวณจุดที่ฉีด
เป็นอาการปกติที่เกิดจากการฉีดสารเข้าสู่ชั้นผิว จะค่อย ๆ ยุบลงเองภายใน 1-2 ชั่วโมง โดยไม่จำเป็นต้องกดหรือนวด
• รอยแดงหรือรอยเข็มขนาดเล็ก
อาจมีรอยจุดเล็ก ๆ หรือความแดงจาง ๆ ที่ผิวในบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายไปเองภายใน 4-6 ชั่วโมง หากไม่มีแผลเปิด สามารถแต่งหน้าโดยใช้คอนซีลเลอร์ช่วยปกปิดได้
• รอยแดงบางรายอาจอยู่ได้นาน 1-3 วัน
ถือเป็นอาการชั่วคราวที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบางหรือไวต่อการระคายเคือง หากไม่มีอาการบวมแดงมากผิดปกติ ก็สามารถดูแลตามปกติได้
แนวทางการดูแลหลังการฉีดมาเด้คอลลาเจน
1.ล้างหน้าและทำความสะอาดผิวได้ตามปกติหลังฉีดมาเด้
สามารถล้างหน้าได้ตั้งแต่วันแรก โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน หลีกเลี่ยงการถูหน้าแรง ๆ หรือใช้โฟมล้างหน้าที่มีเม็ดสครับในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
2.ทาครีมบำรุงและครีมกันแดดเป็นประจำ
หลังการฉีดมาเด้ควรบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้น และอย่าลืมทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันการทำร้ายจากรังสียูวี ซึ่งอาจกระทบต่อผลลัพธ์ของการรักษา
3.หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เพิ่มการไหลเวียนเลือดใน 24 ชั่วโมงแรก
เช่น การอบซาวน่า การออกกำลังกายหนัก หรือการนวดหน้า เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือรอยช้ำที่อาจมากขึ้นจากแรงกระตุ้นภายนอก
ฉีดมาเด้คอลลาเจนกี่วันเห็นผล ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน
โดยทั่วไป หลังฉีดมาเด้คอลลาเจนจะเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงภายใน 1-3 วันหลังฉีด เช่น ผิวดูชุ่มชื้นขึ้น รู้สึกเนียนลื่นขึ้น และผิวดูใสขึ้นเล็กน้อยในช่วงแรก ซึ่งเป็นผลจากการกระตุ้นการไหลเวียนและเติมสารบำรุงลึกถึงชั้นผิว
ความถี่ในการฉีดมาเด้
หากต้องการฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วน หรือมีปัญหาผิวที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ เช่น สิวอักเสบ ผื่น หรือผิวอ่อนแอ แนะนำให้ฉีดมาเด้ทุก 1-2 สัปดาห์ ต่อเนื่อง 4-5 ครั้ง
เมื่อลดปัญหาได้ระดับหนึ่งแล้ว สามารถเปลี่ยนเป็นการฉีดมาเด้เพื่อ “คงสภาพผิว” เดือนละ 1-2 ครั้ง ก็เพียงพอ
การดูแลต่อเนื่องจะช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น แต่งหน้าติดง่ายขึ้น และผลิตภัณฑ์บำรุงที่ใช้ก็ซึมซาบได้ดีขึ้น เพราะโครงสร้างผิวได้รับการฟื้นฟูจากภายใน
การฉีดมาเด้ กับ การฉีดเมโสต่างกันอย่างไร
แม้ว่า การฉีดมาเด้คอลลาเจน จะจัดอยู่ในกลุ่มของ เมโสหน้าใส (Mesotherapy) แต่ทั้งสองรูปแบบมีความแตกต่างกันทั้งในด้าน “สูตรยา” และ “เทคนิคการฉีด” ซึ่งส่งผลให้มีจุดเด่นและวัตถุประสงค์ในการดูแลผิวที่แตกต่างกัน
จุดต่างที่สำคัญของการฉีดมาเด้และเมโสมีดังนี้
1.สูตรตัวยาและวัตถุประสงค์ในการบำรุงผิว
• ฉีดเมโสหน้าใสทั่วไป
เป็นการฉีดวิตามินและสารบำรุง เช่น วิตามิน C, กลูต้าไธโอน, โคเอนไซม์ และกรดอะมิโนบางชนิด ซึ่งออกแบบมาเพื่อ ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส ลดจุดด่างดำ และเติมความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเน้นเรื่องความขาวใสเป็นหลัก
• ฉีดมาเด้คอลลาเจน (MADE Collagen)
เป็นสูตรเฉพาะที่รวมสารจากธรรมชาติในปริมาณต่ำตามหลักโฮมีโอพาธีย์ เน้นการ ฟื้นฟูผิว ลดการอักเสบ ขับของเสีย และปรับสมดุลผิวจากภายใน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว ผื่นแพ้ หรือผิวอ่อนแอ และต้องการบำรุงผิวให้แข็งแรงระยะยาว
2.เทคนิคการฉีดมาเด้และเมโส
• ฉีดเมโสหน้าใสแบบดั้งเดิม
มักใช้เทคนิคสะกิดตื้นทั่วใบหน้า (meso injection) โดยใช้เข็มเล็ก ๆ ฉีดกระจายตัวยาแบบจุดละน้อยทั่วผิว ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเจ็บ หรือเกิดรอยแดงและรอยช้ำเล็กน้อยในบางราย
• ฉีดมาเด้คอลลาเจน
ใช้เทคนิคฉีดมาเด้เฉพาะจุด 16 จุดทั่วใบหน้า ตามแนวฝังเข็มและระบบน้ำเหลือง ซึ่งเรียกว่า Lymphatic Drainage Technique เป็นแนวทางที่พัฒนามาจากประเทศอิตาลี จุดเด่นคือช่วยให้ ตัวยากระจายได้ทั่วใบหน้า โดยไม่ต้องสะกิดทั่วผิว ทำให้เจ็บน้อย บวมน้อย และฟื้นตัวเร็วกว่า
3.ผลลัพธ์และการตอบโจทย์ผู้ใช้ในการฉีดมาเด้และเมโส
ฉีดเมโสหน้าใสจะตอบโจทย์ในกลุ่มที่ต้องการผลลัพธ์เรื่องความกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดูฉ่ำวาวทันใจ
ฉีดมาเด้คอลลาเจนเหมาะกับผู้ที่มีผิวอักเสบระคายเคืองง่าย ผิวอ่อนแอ หรือผ่านการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายผิวมาก่อน เพราะช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน เสริมภูมิคุ้มกันให้ผิวในระยะยาว
เปรียบเทียบหัตถการการฉีดมาเด้คอลลาเจนกับวิธีการอื่น
ในปัจจุบันมีหลายหัตถการที่ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแต่ละวิธีมีจุดเด่นและกลไกการทำงานที่แตกต่างกัน ดังนี้
1.MADE Collagen (ฉีดมาเด้คอลลาเจน)
เน้นขับของเสีย ลดการอักเสบ และฟื้นฟูผิวจากภายใน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสิว ผดผื่น ผิวแพ้ง่าย ต้องการปรับสมดุลผิวให้แข็งแรงขึ้น ใช้เทคนิคฉีด 16 จุดตามแนวระบบน้ำเหลือง
2.Sculptra
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type 1 ลึกถึงระดับโครงสร้างผิว ช่วยเติมเต็ม ยกกระชับ เหมาะกับการฉีดบริเวณขมับ แก้ม กรอบหน้า ผลลัพธ์อยู่ได้นาน และเหมาะกับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอย
3.Exosome ASCE+
สกัดจากสเต็มเซลล์พืช (Rose Stem Cell) ช่วยลดฝ้า กระ จุดด่างดำ และการอักเสบ พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวแบบครอบคลุม
4.Rejuran
มีส่วนประกอบจาก Polynucleotide (PN) จาก DNA แซลมอน ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น รูขุมขนดูละเอียดขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการผิวอิ่มฟู ฉ่ำวาว
5.Gouri
ผลิตจาก Polycaprolactone (PCL) กระตุ้นคอลลาเจนทั่วใบหน้า ช่วยลดริ้วรอย ร่องลึก กระชับผิว เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณความหย่อนคล้อย
• ฉีดมาเด้คอลลาเจน เหมาะกับการฟื้นฟูผิวอ่อนแอจากภายใน ลดสิว ผื่น และปรับสมดุล
• Sculptra / Gouri เด่นด้านการยกกระชับและฟื้นฟูโครงสร้างผิว
• Rejuran / Exosome ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น กระจ่างใส และฟื้นฟูผิวระดับเซลล์
หยุดฉีดมาเด้คอลลาเจนแล้วหน้าจะหมองหรือไม่
เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยในการฉีดมาเด้คอลลาเจน ถ้าเกิดหยุดฉีดมาเด้ไปแล้ว ผิวจะหมองคล้ำลง หรือดูแย่กว่าเดิมหรือไม่
คำตอบคือ ไม่ทำให้ผิวแย่ลงกว่าเดิม
การฉีดมาเด้คอลลาเจนเป็นการบำรุงผิวในลักษณะเดียวกับการเติมวิตามินเข้าสู่ผิวโดยตรง ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น สดใส และดูสุขภาพดีขึ้นในช่วงที่ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง แต่ ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างผิวถาวร และไม่มีสารตกค้างที่ก่อให้เกิดผลเสียหลังหยุดฉีดมาเด้
ผิวจะเป็นอย่างไรหลังหยุดฉีดมาเด้คอลลาเจน ?
เมื่อหยุดการฉีดมาเด้
• ผิวจะค่อย ๆ กลับไปอยู่ในสภาพเดิมก่อนการรักษา ซึ่งอาจดูหมองหรือแห้งลง หากไม่มีการบำรุงหรือดูแลอย่างต่อเนื่อง
• ผู้ที่เคยชินกับความกระจ่างใสหลังฉีดมาเด้อาจ รู้สึกว่าผิวแย่ลง ทั้งที่จริงแล้วผิวเพียงแค่ “ลดระดับการบำรุง” เท่านั้น
• หากยังดูแลผิวด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ และใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงอย่างเหมาะสม ก็สามารถคงสภาพผิวให้ดีต่อเนื่องได้ แม้จะไม่ได้ฉีดบ่อยเหมือนช่วงแรก
Q and A ยอดฮิตของการฉีดมาเด้คอลลาเจน
1.Q ฉีดมาเด้คอลลาเจนดันสิวไหม ?
A มาเด้คอลลาเจนมีส่วนผสมที่ช่วยกระตุ้นการขับของเสียออกจากผิว และลดการอักเสบ จึงสามารถช่วย “ดันสิว” โดยเฉพาะสิวอุดตันใต้ผิวให้ขึ้นมาและหายได้ไวขึ้น เมื่อใช้ต่อเนื่องจะช่วยให้สิวลดลงและผิวแข็งแรงขึ้น
2.Q ฉีดมาเด้คอลลาเจนลดรอยดำรอยแดงได้ไหม?
A ลดได้ในระดับหนึ่งค่ะ มาเด้คอลลาเจนช่วยปรับสมดุลผิว ลดการอักเสบ และเร่งการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ ซึ่งสามารถช่วยให้รอยดำรอยแดงจากสิวจางลงไวขึ้น แต่ถ้ารอยเข้มมาก อาจต้องใช้ควบคู่กับหัตถการอื่น เช่น เลเซอร์หรือทรีตเมนต์เฉพาะจุด
3.Q ฉีดมาเด้คอลลาเจนเจ็บไหม ?
A ความรู้สึกเจ็บน้อยมากค่ะ เนื่องจากใช้เทคนิคการฉีด 16 จุด โดยฉีดตื้นและเลือกตำแหน่งที่สัมพันธ์กับระบบน้ำเหลือง จึงลดการระคายเคืองและบวมช้ำได้ดี ผู้เข้ารับบริการส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่ารู้สึกเพียงเล็กน้อยและทนได้สบาย ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับการฉีดมาเด้คอลลาเจน
การฉีดมาเด้คอลลาเจน เป็นการช่วยเสริมพื้นฐานผิวหนังของเราให้แข็งแรงพร้อมรับกับการบำรุงต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาผื่นอาการแพ้ต่าง ๆ แต่ต้องเลือกคลินิกในการฉีดมาเด้คอลลาเจนที่ได้มาตรฐาน น่าเชื่อถือ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีต่อร่างกายของเราในระยะยาว
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ