ปากกระจับ คืออะไร มีกี่ทรง ทำแล้วอันตรายไหม ข้อดีข้อเสียแตกต่างกันยอ่างไร
ปากกระจับ
ปากกระจับ คืออะไร มีกี่ทรง ทำแล้วอันตรายไหม ข้อดีข้อเสียต่างกันยอ่างไร
ปากกระจับคืออะไร มีกี่ทรง ทำแล้วอันตรายไหม ข้อดีข้อเสียที่ควรรู้ก่อนทำ
ปากกระจับ คือทรงปากรับได้รูปกับใบหน้าทำให้หน้าดูมีมิติ เพิ่มความเซ็กซี่น่ารักให้กับใบหน้าของเรา
สำหรับคนที่สนใจอยากปรับทรงปากให้เป็นปากกระจับ ทั้งปากกระจับบน และปากกระจับล่าง แต่ยังไม่มั่นใจว่ามีข้อควรระวังอะไรหรือไม่ แล้วเราเหมาะกับการทำปากกระจับหรือเปล่า บทความนี้มีคำตอบ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการทำหัตถการเพื่อเสริมบุคลิกภาพให้เรามั่นใจมากขึ้น
รวมทุกหัวข้อเกี่ยวกับปากกระจับ
- ปากกระจับคืออะไร
- ปากกระจับมีทรงไหนบ้าง
- ใครบ้างที่เหมาะกับการทำปากกระจับ
- ใครควรหลีกเลี่ยงการทำปากกระจับ
- ข้อดีของการทำปากกระจับ
- ข้อควรระวังของการทำปากกระจับ
- ทำปากกระจับด้วยวิธีการใดได้บ้าง
- ทำปากกระจับเลือกวิธีไหนดีที่สุด
- ฉีดฟิลเลอร์ทำปากกระจับใช้กี่ CC
- ทำปากกระจับอันตรายไหม
- การเตรียมตัวก่อนทำปากกระจับ
- การดูแลตัวเองหลังทำปากกระจับ
- ทำปากกระจับกี่วันถึงหายบวม
- สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับการทำปากกระจับ
- คำถามยอดฮิตของการทำปากกระจับ
1.เนื้อปากบางทำปากกระจับได้ไหม
2.เป็นผู้ชายทำปากกระจับได้ไหม
3.ฉีดปากกระจับซ้ำได้ไหม ควรห่างกี่วัน
4.ทำปากกระจับเจ็บหรือไม่
ปากกระจับคืออะไร
“ปากกระจับ” คือคำที่ใช้เรียก รูปทรงริมฝีปากที่มีลักษณะสวยงาม ได้สัดส่วน และโค้งเว้า โดยเฉพาะบริเวณริมฝีปากบนจะมีส่วนเว้ากลาง (Cupid’s Bow) ที่เด่นชัด และมุมปากทั้งสองข้างอาจยกขึ้นเล็กน้อย ทำให้ลักษณะโดยรวมดูคล้ายกับ ผลกระจับ หรือบางครั้งก็เรียกกันว่า “ปากปีกนก” เพราะปลายริมฝีปากที่แหลมและโค้งขึ้นเหมือนปีกนกกำลังโบยบิน
จุดเด่นของปากกระจับ
• การมีปากกระจับทำให้รูปปากดู เรียวสวย มีมิติ
• ปากกระจับส่งเสริมให้ใบหน้าโดยรวมดู อ่อนหวาน อ่อนโยน และน่ามองมากขึ้น
• ปากกระจับเป็นรูปทรงที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักความงาม เพราะให้ลุคที่ดู อ่อนเยาว์และมีเสน่ห์
ทำไมหลายคนถึงนิยมปากกระจับ
รูปปากกระจับมักได้รับการออกแบบให้ รับกับรูปหน้าของแต่ละบุคคล ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการยิ้ม พูดคุย และแสดงออกทางสีหน้า เพราะทำให้ริมฝีปากดูสุขภาพดีและมีโครงสร้างที่ได้สัดส่วน
ปากกระจับมีทรงไหนบ้าง
“ปากกระจับ” เป็นชื่อที่ใช้เรียกรูปทรงของริมฝีปากที่มีความโค้งเว้าเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะริมฝีปากบนจะมีลักษณะเว้ากลางและยกขึ้นที่มุม ทำให้ดูคล้าย ผลกระจับ หรือ ปีกนก ซึ่งเป็นทรงปากที่หลายคนนิยม เพราะช่วยเสริมให้ใบหน้าดูหวานละมุนแต่ยังคงความคมชัดและมีเสน่ห์ในตัวเอง
รูปทรงของปากกระจับที่ได้รับความนิยม มีดังนี้
1.ปากกระจับทรงธรรมชาติ (Natural Cupid’s Bow)
ลักษณะเด่นคือริมฝีปากบนมีเว้าโค้งชัดเจนบริเวณกลางปาก (Cupid’s Bow) แต่ไม่ได้ยกปลายมากจนเกินไป ริมฝีปากยังคงความอวบอิ่ม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลุคสุภาพ อ่อนโยน และดูน่าเชื่อถือ
2.ปากกระจับทรงชัดเจน (Sharp Definition)
ปากกระจับทรงชัดเจน เป็นทรงที่เน้นเส้นขอบริมฝีปากบนให้คมชัด ปลายริมฝีปากยกขึ้นชัดเจนมากขึ้น ทำให้รูปปากดูโดดเด่น มีเสน่ห์แบบมั่นใจ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลุคสวยเฉียบ มีความเปรี้ยวเล็กน้อย
3.ปากกระจับทรงปีกนก (Winged Cupid’s Bow)
ลักษณะปลายปากทั้งสองข้างจะยกขึ้นอย่างชัดเจน ดูคล้ายปีกนกที่กางออกเล็กน้อย ให้ความรู้สึกสดใส มีความหวานซ่อนความเซ็กซี่ เหมาะกับคนที่ต้องการลุคขี้เล่น มีเสน่ห์แต่ไม่ดูแรงเกินไป
4.ปากกระจับทรงเกาหลี (Korean Style)
เน้นความเรียวบาง ริมฝีปากบนจะมีความเว้าเล็กน้อย และดูเนียนกลมกลืนกับริมฝีปากล่าง โดยรวมแล้วให้ลุคใส ๆ เป็นที่นิยมมากในกลุ่มผู้ที่ชอบความเรียบหรู ดูดีแบบไม่ต้องแต่งเติมมาก

ปากกระจับ คืออะไร มีกี่ทรง ทำแล้วอันตรายไหม ข้อดีข้อเสียแตกต่างกันยอ่างไร
โปรแกรมปากกระจับ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลใครบ้างที่เหมาะกับการทำปากกระจับ
การปรับรูปปากให้เป็นทรงกระจับหรือปากกระจับ เป็นหนึ่งในทางเลือกเพื่อเสริมความมั่นใจในการแสดงออกทางสีหน้า โดยเฉพาะรอยยิ้ม อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่จำเป็นต้องทำปากกระจับ และการตัดสินใจควรอยู่ภายใต้การประเมินอย่างเหมาะสมจากคุณหมอก่อนเสมอ โดยทั่วไป กลุ่มคนที่มักได้รับคำแนะนำว่า “อาจเหมาะสม” กับการปรับรูปปากกระจับ มีลักษณะดังนี้
1.ผู้ที่มีริมฝีปากบนหนา หรือใหญ่กว่าปกติ
บางคนมีริมฝีปากบนที่ดูหนาหนัก หรือมีสัดส่วนที่ไม่สมดุลกับริมฝีปากล่าง ซึ่งอาจส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูแข็งหรือนูนเกินไป การทำทรงปากกระจับให้กระชับหรือมีมิติขึ้น ช่วยทำให้รูปปากโดยรวมดูได้สัดส่วนมากขึ้น
2.ผู้ที่มีรูปปากไม่เป็นทรง หรือไม่มีรอยเว้ากลาง (Cupid’s Bow)
คนที่ริมฝีปากบนดูเรียบตรง ไม่มีความโค้งเว้าชัดเจนตรงกลาง อาจเลือกปรับรูปทรงให้มีรอยเว้าหรือเส้นขอบที่ชัดขึ้น เพื่อเสริมบุคลิกภาพให้ดูละมุนและมีมิติมากขึ้น
3.ผู้ที่มีมุมปากตก หรือริมฝีปากคว่ำ
ลักษณะมุมปากที่ตกลงอาจทำให้ใบหน้าดูดุ เคร่งเครียด หรือดูไม่เป็นมิตร แม้ในเวลาที่ไม่แสดงอารมณ์ การปรับมุมปากให้ยกขึ้นเล็กน้อย อาจช่วยให้สีหน้าดูผ่อนคลาย สดใส และเป็นมิตรมากยิ่งขึ้น
4.ผู้ที่มีเนื้อริมฝีปากพอเหมาะ แต่อยากเพิ่มความชัดเจนของรูปทรง
บางคนอาจไม่ได้มีปัญหาเรื่องความหนาของปาก แต่ต้องการเพียงปรับให้รูปทรงริมฝีปากดูมีเส้นเว้า เส้นขอบ หรือความโค้งเว้าชัดเจนมากขึ้น ซึ่งสามารถพิจารณาปรับทรงปากกระจับในลักษณะที่ยังรูปปากเดิมไม่ตึงจนเกินไป
ใครควรหลีกเลี่ยงการทำปากกระจับ
แม้ว่าการทำปากกระจับจะเป็นวิธีหนึ่งในการปรับรูปทรงริมฝีปากให้ดูสวยงามและเสริมบุคลิกภาพ แต่การทำปากกระจับก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน การพิจารณาทำหัตถการปากกระจับนี้ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำจากแพทย์โดยกลุ่มคนต่อไปนี้ควร หลีกเลี่ยงหรือเลื่อนการทำปากกระจับออกไปก่อน
1.ผู้ที่มีเนื้อริมฝีปากบางมากควรหลีกเลี่ยงการทำปากกระจับ
หากเนื้อริมฝีปากมีปริมาณไม่มาก การตัดหรือปรับรูปทรงอาจทำให้ริมฝีปากดูแห้งหรือขาดความสมดุล อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลหรือการสมานแผลผิดปกติได้ง่าย
2.ผู้ที่เคยทำศัลยกรรมปากหรือฉีดสารเติมเต็มมาก่อนควรหลีกเลี่ยงการทำปากกระจับ
การเคยผ่าตัดริมฝีปาก หรือฉีดฟิลเลอร์/สารอื่น ๆ อาจทำให้เกิดพังผืด หรือโครงสร้างภายในปากเปลี่ยนไป ซึ่งส่งผลต่อผลลัพธ์และความปลอดภัยของการทำปากกระจับในอนาคต
3.ผู้ที่มีแนวโน้มเกิดคีลอยด์ หรือแผลเป็นง่าย ควรหลีกเลี่ยงการทำปากกระจับ
สำหรับผู้ที่มีประวัติการเกิดแผลนูน หรือแผลหายช้า อาจไม่เหมาะกับการทำหัตถการที่เกี่ยวกับการผ่าตัดริมฝีปาก เพราะเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นถาวรที่ยากต่อการรักษา
4.ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ส่งผลต่อการหายของแผล ควรหลีกเลี่ยงการทำปากกระจับ
โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้, โรคเลือดที่มีปัญหาเรื่องการแข็งตัวของเลือด, หรือภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือแผลหายช้า จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง
5.ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์เกินความเป็นจริง ควรหลีกเลี่ยงการทำปากกระจับ
การทำปากกระจับเป็นการปรับรูปทรงริมฝีปากให้สวยขึ้นตามโครงหน้าของแต่ละบุคคล หากมีความคาดหวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่เหมือนบุคคลอื่นโดยไม่ดูปัจจัยพื้นฐานของตนเอง อาจเกิดความไม่พึงพอใจในผลลัพธ์ได้
คนท้องสามารถทำปากกระจับได้ไหม ?
โดยทั่วไป ไม่แนะนำให้คนตั้งครรภ์ทำปากกระจับ หรือหัตถการที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัด-เจาะ-ฉีดใด ๆ เพราะถึงแม้จะเป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องการติดเชื้อ การใช้ยาชา หรือผลกระทบต่อร่างกายที่อาจส่งผลกับทารกในครรภ์ได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องใช้ยาแก้อักเสบหรือยาแก้ปวดหลังทำ
แม้จะไม่มีข้อห้ามแบบเด็ดขาดในทางกฎหมาย แต่เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายแพทย์ส่วนใหญ่มักแนะนำให้ รอหลังคลอดและร่างกายฟื้นตัวอย่างน้อย 3-6 เดือนก่อน ค่อยพิจารณาทำหัตถการใด ๆ รวมถึงการทำปากกระจับด้วย
ข้อดีของการทำปากกระจับ
การทำปากกระจับเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ต้องการปรับรูปทรงปากให้ดูมีมิติ อ่อนหวาน และได้สัดส่วนมากขึ้น เมื่อทำโดยแพทย์และประเมินร่วมกับรูปหน้าของแต่ละคนแล้ว จะสามารถช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์และความมั่นใจได้ในหลายด้าน ซึ่งข้อดีที่พบได้บ่อยในการทำปากกระจับมีดังนี้
1.การทำปากกระจับช่วยให้รูปปากได้สัดส่วน รับกับรูปหน้า
การทำปากกระจับเน้นการปรับความโค้งและขอบปากให้ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณริมฝีปากบนที่มีรอยเว้าตรงกลาง (Cupid’s Bow) และยกปลายมุมปากเล็กน้อย ทำให้รูปปากดูได้รูป สมดุลกับโครงหน้า ส่งผลให้ภาพรวมของใบหน้าดูอ่อนโยนและมีมิติ
2.การทำปากกระจับเสริมเสน่ห์ให้รอยยิ้มและบุคลิกภาพ
เมื่อรูปปากดูละมุน จะช่วยให้รอยยิ้มดูมีเสน่ห์และน่ามองมากขึ้น ผู้ที่มีริมฝีปากคว่ำหรือหนาเกินไป เมื่อตัดแต่งให้โค้งเรียว ก็จะช่วยให้สีหน้าดูสดใส ผ่อนคลาย และเป็นมิตรขึ้นได้โดยไม่ต้องแสดงอารมณ์มาก
3.การทำปากกระจับลดปัญหารูปปากที่ไม่สมดุล
ในบางรายที่มีปัญหาปากหนา ปากตก หรือไม่มีรอยเว้า อาจทำให้รูปหน้าดูแข็งหรือไม่สมดุล การปรับรูปทรงด้วยเทคนิคปากกระจับสามารถช่วยลดความไม่สมดุลเหล่านี้ได้ ทำให้ใบหน้าดูละมุนและกลมกลืนมากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการแต่งหน้าเยอะ
4.การทำปากกระจับช่วยประหยัดเวลาในการแต่งหน้า
หลังจากทำปากกระจับแล้ว ริมฝีปากมักจะมีเส้นขอบและรูปทรงที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งช่วยให้การทาลิปสติกง่ายขึ้น ดูสวยโดยไม่ต้องใช้ลิปไลเนอร์หรือเทคนิคการแต่งริมฝีปากมากเท่าก่อน ทำให้ประหยัดเวลาในการแต่งหน้าได้ในชีวิตประจำวัน
5.การทำปากกระจับเพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน
เมื่อรู้สึกมั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุย การยิ้ม หรือการพบปะผู้คน ก็ย่อมส่งผลต่อบุคลิกภาพโดยรวม และอาจช่วยให้การเข้าสังคมและการทำงานดูมีพลังบวกมากขึ้น
ข้อควรระวังของการทำปากกระจับ
การทำปากกระจับเป็นหัตถการที่เน้นความละเอียดอ่อน เพราะเกี่ยวข้องกับรูปร่างของริมฝีปากซึ่งเป็นจุดเด่นของใบหน้าโดยตรง แม้ว่าจะเป็นหัตถการขนาดเล็ก แต่ก็ยังต้องอาศัยความชำนาญและการวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและไม่เป็นอันตราย ซึ่งต่อไปนี้คือ ข้อควรระวังสำคัญในการทำปากกระจับ ที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
1.เลือกสถานพยาบาลและแพทย์
การทำปากกระจับควรดำเนินการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการออกแบบรูปปากและศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าโดยเฉพาะ เพราะบริเวณริมฝีปากมีโครงสร้างที่ซับซ้อน เช่น กล้ามเนื้อ เส้นประสาท และเส้นเลือด หากทำโดยผู้ที่ไม่มีความชำนาญ อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น รูปปากไม่สมดุล, แผลเป็น, หรือมุมปากไม่เท่ากันได้
2.คาดหวังผลลัพธ์อย่างเหมาะสมกับโครงหน้าของตนเอง
ปากกระจับที่สวยสำหรับแต่ละคน ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน รูปปากที่ดูดีจะต้องสอดคล้องกับโครงหน้าทั้งหมด เช่น จมูก คาง ร่องแก้ม และลักษณะริมฝีปากเดิม การคาดหวังรูปปากแบบดาราหรือแบบเฉพาะเจาะจงโดยไม่เหมาะกับตนเอง อาจทำให้ผลลัพธ์ดูไม่เป็นธรรมชาติ
3.อาจเกิดอาการบวม ช้ำ หรือไม่สมมาตรชั่วคราวหลังทำปากกระจับ
หลังทำหัตถการปากกระจับ ร่างกายอาจมีอาการบวม แดง หรือช้ำได้เป็นปกติ ซึ่งโดยทั่วไปจะดีขึ้นใน 5-7 วัน แต่ในบางรายอาจเกิดอาการไม่สมดุลระหว่างริมฝีปากซ้าย-ขวาในช่วงแรก จึงควรให้เวลาร่างกายฟื้นตัวก่อนประเมินผลลัพธ์สุดท้าย
4.เสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นหากดูแลไม่เหมาะสม
หากไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำหลังทำหัตถการปากกระจับ เช่น การดูแลแผลให้สะอาด หลีกเลี่ยงการจับแผล หรืองดการทาลิปสติกช่วงแรก อาจทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ หรือแผลเป็นถาวรได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีแนวโน้มเกิดคีลอยด์
5.ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามพฤติกรรมการใช้ชีวิต
เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการขยับปากบ่อย ๆ ด้วยพฤติกรรมเฉพาะ อาจส่งผลให้รูปปากเปลี่ยนเร็ว หรือไม่คงรูปอย่างที่คาดหวังในระยะยาว จึงควรรักษาพฤติกรรมสุขภาพให้ดีหลังทำ
6.ควรแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
เช่น โรคประจำตัว, การใช้ยา, ประวัติการแพ้ยา, การตั้งครรภ์ หรือการให้นมบุตร เพราะบางภาวะอาจมีผลต่อความปลอดภัยในการทำหัตถการ แม้จะเป็นเพียงหัตถการเล็ก ก็ไม่ควรละเลยรายละเอียดด้านสุขภาพ

ปากกระจับ คืออะไร มีกี่ทรง ทำแล้วอันตรายไหม ข้อดีข้อเสียแตกต่างกันยอ่างไร
โปรแกรมปากกระจับ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลทำปากกระจับด้วยวิธีการใดได้บ้าง
การปรับรูปปากให้ดูเป็นปากกระจับ เป็นทรงสวย อ่อนหวาน และมีเสน่ห์มากขึ้น สามารถทำได้ 2 วิธีหลัก ซึ่งแตกต่างกันทั้งด้านเทคนิค ระยะเวลาการคงผลลัพธ์ และการพักฟื้น ดังนี้
1.การผ่าตัดปากกระจับ
เป็นวิธีศัลยกรรมที่แพทย์จะตัดแต่งเนื้อริมฝีปากส่วนบนให้โค้งเว้าเป็นทรงกระจับ โดยประเมินจากลักษณะริมฝีปากของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้รูปทรงที่เข้ากับใบหน้า
ข้อดีของการผ่าตัดปากกระจับ
• ได้ผลลัพธ์ถาวร ไม่ต้องทำซ้ำ
• เหมาะสำหรับคนที่มีริมฝีปากหนา หรือไม่ได้รูป
• สามารถดีไซน์รูปปากได้อย่างละเอียดในระยะยาว
ข้อควรระวังในการผ่าตัดปากกระจับ
• ผ่าตัดปากกระจับเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงสูง ต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์ของแพทย์
• หากตัดเนื้อออกมากเกินไป โดยเฉพาะในผู้ที่มีริมฝีปากบาง อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น เห็นเหงือกเวลายิ้ม หรือรูปปากผิดสัดส่วน
• การแก้ไขภายหลังทำได้ยาก
• หลังผ่าตัดปากกระจับต้องดูแลแผลอย่างเคร่งครัด และมีช่วงพักฟื้น 7-14 วัน
• หากไม่ดูแลความสะอาดอาจเสี่ยงติดเชื้อหรือเกิดแผลเป็น
2.การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ
การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับเป็นการใช้สารเติมเต็มไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) ฉีดเข้าไปยังจุดที่ต้องการปรับรูปทรง เช่น ทำให้มุมปากดูยกขึ้น หรือเติมเนื้อให้ดูเป็นกระจับมากขึ้น
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ
• ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
• เห็นผลทันทีหลังฉีดปากกระจับ
• ไม่อันตราย หากเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้และทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ
• สามารถปรับทั้งปากบนและปากล่าง รวมถึงฉีดเพื่อยกมุมปากให้ใบหน้าดูหวานขึ้น
• หากไม่พอใจกับผลลัพธ์ในการฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับสามารถฉีดสลายออกได้
ข้อควรพิจารณาในการฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ
• ฟิลเลอร์ไม่ให้ผลถาวร อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน
• การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการเปลี่ยนรูปปากอย่างชัดเจนในกรณีที่มีปัญหาโครงสร้างปากเดิม
ทำปากกระจับเลือกวิธีไหนดีที่สุด
การเลือกวิธีทำปากกระจับที่ดีที่สุดไม่สามารถตัดสินได้จาก “วิธีไหนดีกว่าในการทำปากกระจับ” แต่ควรดูจาก “วิธีไหนเหมาะกับเรามากที่สุด” โดยพิจารณาจากปัจจัยดังนี้
1.ลักษณะปากเดิม
• หากมีปากหนา เนื้อริมฝีปากเยอะ หรือรูปปากผิดรูปมาก เหมาะกับการผ่าตัด
• หากมีปากบางอยู่แล้ว ต้องการเพียงปรับเล็กน้อย เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์
2.ความต้องการด้านระยะเวลา
• ต้องการผลลัพธ์ถาวร ไม่อยากทำซ้ำ การผ่าตัดปากกระจับ
• อยากลองก่อน หรือยังไม่แน่ใจทรงที่ชอบ การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ
3.การยอมรับต่อการพักฟื้น
• พร้อมดูแลแผลและมีเวลาพักฟื้น ผ่าตัดปากกระจับ
• ไม่มีเวลาหยุดงาน อยากทำแล้วใช้ชีวิตได้ทันที ฟิลเลอร์ปากกระจับ
4.งบประมาณและความยืดหยุ่น
• ผ่าตัดมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า และเป็นการลงทุนระยะยาว
• ฟิลเลอร์มีค่าใช้จ่ายที่ยืดหยุ่นตามปริมาณและชนิดที่ใช้
ฉีดฟิลเลอร์ทำปากกระจับใช้กี่ CC ถึงจะสวยพอดี
การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ หรือทำให้ริมฝีปากอวบอิ่ม มีมิติ เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มคนที่ต้องการเปลี่ยนลุคให้ดูอ่อนหวานหรือเซ็กซี่ขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นนาน
หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ “ต้องใช้ฟิลเลอร์ปากกระจับกี่ CC ถึงจะได้รูปปากสวย ” ซึ่งคำตอบคือ ไม่มีปริมาณที่ตายตัว เพราะต้องดูจากลักษณะริมฝีปากเดิมของแต่ละคน และเป้าหมายของผลลัพธ์ที่ต้องการ
ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับขึ้นอยู่กับอะไร ?
1.ลักษณะปากเดิม
ปากบางมาก ไม่มีขอบปาก หรือไม่ได้รูป อาจต้องใช้ 2-3 CC เพื่อสร้างขอบปาก เติมกระจับ และเพิ่มความอวบอิ่มให้สมดุล
ปากมีรูปทรงอยู่แล้ว แต่ต้องการปรับเล็กน้อย ใช้เพียง 1 CC ก็เพียงพอสำหรับการเติมกระจับเล็กน้อย หรือยกมุมปาก
2.ทรงปากที่ต้องการ
ทรงปากธรรมชาติ ดูหวาน อ่อนโยน มักใช้ 1 CC หรือน้อยกว่า เพื่อคงความเป็นธรรมชาติ
ทรงปากสายฝอ (สายฝรั่ง) มักต้องใช้มากกว่า 1 CC เพราะต้องการความหนาเด่นชัด มีมิติชัดเจน โดยเฉพาะบริเวณปากล่าง
3.ความสมดุลของใบหน้า
แพทย์จะประเมินร่วมกับรูปหน้าโดยรวม เช่น โหนกแก้ม กราม จมูก เพื่อปรับให้ปากมีสัดส่วนที่สมดุลกับส่วนอื่นๆ ของใบหน้า ไม่หนาเกินหรือบางเกินไป
ทำปากกระจับอันตรายไหม
คำถามว่า “ทำปากกระจับอันตรายหรือไม่” เป็นคำถามที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มสนใจการปรับรูปปากให้ดูเป็นกระจับหรือมีทรงที่ชัดขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การทำปากกระจับ “ไม่ใช่หัตถการที่อันตราย” หากดำเนินการโดยแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพและในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
สิ่งสำคัญที่สุดจึงไม่ใช่แค่ตัวหัตถการ แต่เป็น “ใครเป็นคนทำ” และ “ทำที่ไหน” ต่างหาก
ความเสี่ยงที่ “อาจเกิดขึ้น” ถ้าทำหัตถการปากกระจับกับคุณหมอกระเป๋า ที่คลินิกที่ไม่ได้รับการรับรอง
แม้ว่าหัตถการปากกระจับจะไม่อันตรายโดยตัวมันเอง แต่หากทำกับผู้ที่ไม่มีความรู้ความชำนาญ หรือใช้สถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาต อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมา เช่น
• แผลติดเชื้อ
• ปากผิดรูป
• ยิ้มเห็นเหงือกมากผิดปกติ (ในกรณีผ่าตัด)
• ปากแข็ง ตึง หรือไม่เป็นธรรมชาติ (ในกรณีฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน)
• ฟิลเลอร์ไหล หรือเป็นก้อน หากฉีดผิดชั้นผิว
ป้องกันความเสี่ยงได้อย่างไร ?
เพื่อให้การทำปากกระจับปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดูละมุนรับกับใบหน้า ผู้รับบริการควรพิจารณา 3 ปัจจัยสำคัญ
1.แพทย์ผู้ให้บริการ
ควรเป็นแพทย์ที่มี ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม และมีประสบการณ์เฉพาะทางด้านการปรับรูปหน้า
2.สถานพยาบาล
คลินิกหรือโรงพยาบาลต้องได้รับ ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล อย่างถูกต้อง และมีอุปกรณ์ที่สะอาด ปลอดเชื้อ
3.วัสดุที่ใช้
• หากเป็นการฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ ต้องเป็นชนิดที่ ผ่านการรับรองจาก อย.ไทย
• หากเป็นการผ่าตัดปากกระจับ ต้องใช้เครื่องมือปลอดเชื้อ มีมาตรฐานความสะอาดสูง
การเตรียมตัวก่อนทำปากกระจับ
การทำปากกระจับไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดหรือการฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ ล้วนเป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ต้องมีการเตรียมตัวอย่างรอบคอบ เพื่อไม่เป็นอันตรายของผู้รับบริการและเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ตึงจนเกินไป ซึ่งการเตรียมตัวมีขั้นตอนสำคัญที่ควรทำ ดังนี้
1.ศึกษาข้อมูลเบื้องต้น
ก่อนตัดสินใจ ควรศึกษาว่า การทำปากกระจับมีกี่วิธี (เช่น การผ่าตัด หรือ การฉีดฟิลเลอร์) และสำรวจตัวเองว่า
• ลักษณะริมฝีปากของเรามีปัญหาแบบใด
• ต้องการผลลัพธ์แบบถาวรหรือชั่วคราว
• ยอมรับการพักฟื้นได้หรือไม่
ความเข้าใจเบื้องต้นนี้จะช่วยให้เรามีแนวทางในการเลือกวิธีในการทำปากกระจับที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
2.ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางในคลินิกที่น่าเชื่อถือ
หัตถการที่เกี่ยวข้องกับรูปหน้าและริมฝีปาก ควรได้รับการประเมินและให้คำแนะนำโดย แพทย์ที่มีประสบการณ์และใบประกอบวิชาชีพ และควรทำในคลินิกที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
ก่อนทำ คุณควรถามแพทย์เกี่ยวกับ
• ทรงปากที่เหมาะสมกับโครงหน้า
• ความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
• ขั้นตอนการดูแลหลังทำ
3.ดูรีวิวเคสจริงจากคลินิกนั้น
การดูภาพรีวิว “ก่อน-หลังทำ” จากเคสจริงในคลินิกที่คุณสนใจ จะช่วยให้คุณเห็นสไตล์งานของแพทย์แต่ละคน และสามารถตัดสินใจได้ว่าทรงปากและผลลัพธ์ตรงกับความต้องการหรือไม่
4.งดยาและวิตามินที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
เพื่อป้องกันการฟกช้ำหรือเลือดออกมากกว่าปกติในระหว่างหรือหลังทำ ควรงดใช้ยาหรือสารที่อาจส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือด ประมาณ 5-7 วันก่อนทำ เช่น
• ยาแอสไพริน
• ยากลุ่ม NSAIDs เช่น Ibuprofen, Diclofenac
• ยาทาหรือครีมที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว (โดยเฉพาะบริเวณริมฝีปาก)
• วิตามินหรือสมุนไพรบางชนิด เช่น
- St.John’s Wort
- Ginkgo Biloba (แปะก๊วย)
- Evening Primrose Oil
- Garlic (กระเทียมสกัด)
- Ginseng (โสม)
- Vitamin E ในปริมาณสูง
หากรับประทานยาเหล่านี้อยู่เป็นประจำ ควรแจ้งแพทย์เพื่อประเมินว่าจำเป็นต้องหยุดหรือไม่
5.งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระตุ้นการไหลเวียนเลือด
อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนทำ ควรหลีกเลี่ยงสิ่งต่อไปนี้
- ดื่มแอลกอฮอล์
- การออกกำลังกายหนัก
- การอบไอน้ำ ซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อนจัด
สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อการฟกช้ำ
6.แจ้งโรคประจำตัว หรือยาที่ใช้อยู่เป็นประจำ
หากคุณมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภูมิแพ้ หรืออยู่ระหว่างการรักษาด้วยยาใดๆ ควร แจ้งแพทย์ล่วงหน้าอย่างละเอียด เพื่อให้แพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างปลอดภัย และลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน
การดูแลตัวเองหลังทำปากกระจับ
การดูแลหลังทำปากกระจับมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าขั้นตอนการทำ เนื่องจากบริเวณริมฝีปากเป็นจุดที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย สัมผัสกับน้ำ น้ำลาย และอาหารตลอดทั้งวัน หากไม่ดูแลให้ดี อาจเสี่ยงต่อแผลติดเชื้อหรือผลลัพธ์ผิดรูปได้ โดยการดูแลจะแตกต่างกันไปตามประเภทของหัตถการ ดังนี้

ปากกระจับ คืออะไร มีกี่ทรง ทำแล้วอันตรายไหม ข้อดีข้อเสียแตกต่างกันยอ่างไร
โปรแกรมปากกระจับ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล1.การดูแลหลัง “ผ่าตัดปากกระจับ”
การผ่าตัดปากกระจับเป็นหัตถการที่ต้องมีแผลผ่าตัดจริง จึงต้องให้ความสำคัญกับการดูแลความสะอาดและการป้องกันการอักเสบเป็นพิเศษ
แนวทางการดูแล
• รักษาความสะอาดแผล หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำโดยตรง และหมั่นเช็ดแผลด้วยน้ำเกลือหรือตามที่แพทย์แนะนำ
• ระวังอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารร้อนจัด เผ็ดจัด หรืออาหารหมักดอง เพราะอาจกระตุ้นให้แผลบวมและระคายเคือง
• งดใช้ริมฝีปากหนัก ๆ เช่น พูดเยอะ หัวเราะแรง เคี้ยวอาหารแข็ง หรืออ้าปากกว้างในช่วง 7-10 วันแรก
• งดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะส่งผลต่อการสมานแผลและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
• ประคบเย็นใน 1-3 วันแรก เพื่อช่วยลดบวม
• รับประทานยาตามแพทย์สั่งครบถ้วน โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะเพื่อลดการติดเชื้อ
โดยทั่วไป แผลจะเริ่มสมานตัวประมาณ 7-9 วัน และอาจใช้เวลาหายสนิทประมาณ 2-3 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน

ปากกระจับ คืออะไร มีกี่ทรง ทำแล้วอันตรายไหม ข้อดีข้อเสียแตกต่างกันยอ่างไร
โปรแกรมปากกระจับ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล2.การดูแลหลัง “ฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ”
แม้การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับจะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่ก็ยังต้องดูแลอย่างระมัดระวังเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและฟิลเลอร์คงตัวได้นาน
แนวทางการดูแลในการฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ
• อาการบวมถือเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะ 1-3 วันแรก หลังจากนั้นจะค่อย ๆ ยุบลงเอง
• ไม่ควรกด บีบ หรือปั้นทรงปากด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนผิดตำแหน่งได้
• งดจูบหรือสัมผัสแรง ๆ บริเวณปาก ในช่วง 7 วันแรก เพื่อไม่ให้รูปทรงเปลี่ยน
• หลีกเลี่ยงความร้อนสูง เช่น การซาวน่า อบไอน้ำ หรือการอยู่กลางแดดจ้า เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมเร็ว
• ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์ดูดซึมความชุ่มชื้นได้ดี และอยู่ได้นานขึ้น
• งดแอลกอฮอล์และการออกกำลังกายหนัก 1-2 วันแรก เพื่อป้องกันการบวมมากขึ้น
โดยทั่วไปสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังทำฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ โดยไม่ต้องพักฟื้น
ทำปากกระจับกี่วันถึงหายบวม
อาการบวมหลังทำปากกระจับถือเป็นเรื่องปกติ และเป็นกระบวนการฟื้นตัวตามธรรมชาติของร่างกาย ซึ่งจะมากหรือน้อย ใช้เวลานานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้ในการทำ รวมถึงการดูแลหลังทำของแต่ละคนด้วย โดยสามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณีหลัก ดังนี้
1.ผ่าตัดปากกระจับ
อาการบวมหลังผ่าตัด จะเกิดขึ้นในช่วง 1-3 วันแรก จากนั้นอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น
ระยะเวลาบวมโดยประมาณ
• ช่วงบวมชัดเจน 3-5 วันแรก
• บวมลดลงชัดเจน ประมาณ 7 วัน
• ฟื้นตัวเกือบสมบูรณ์ 10-14 วัน
• เข้าที่และไม่ดูแข็ง ประมาณ 1 เดือน (แล้วแต่บุคคล)
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาฟื้นตัว
• เทคนิคของแพทย์
• การดูแลแผลหลังผ่าตัด
• พฤติกรรมของผู้รับบริการ เช่น การงดอาหารร้อน งดแอลกอฮอล์ การพักผ่อนเพียงพอ
หมายเหตุ หากดูแลดี และไม่มีภาวะแทรกซ้อน แผลจะสมานและอาการบวมจะค่อย ๆ ยุบลงได้เองภายใน 2 สัปดาห์โดยไม่ต้องใช้ยาเพิ่มเติมนอกจากที่แพทย์สั่ง
2.ฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ
การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับไม่มีแผลผ่าตัด แต่อาจเกิด อาการบวมเล็กน้อย หลังทำ ซึ่งเป็นการตอบสนองตามธรรมชาติของร่างกายต่อสารเติมเต็ม
ระยะเวลาบวมโดยประมาณ
• ช่วงบวมเล็กน้อย ภายใน 24-72 ชั่วโมงแรก
• บวมยุบและเข้ารูป ประมาณ 4-5 วัน
• เข้าที่สมบูรณ์ 7 วัน
ข้อควรระวัง
• ไม่ควรกด นวด หรือปั้นทรงปากด้วยตัวเอง
• งดกิจกรรมที่เพิ่มการไหลเวียนของเลือด เช่น ออกกำลังกายหนัก อบซาวน่า
• ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์คงรูปและยืดอายุผลลัพธ์
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับการทำปากกระจับ
การทำปากกระจับเป็นหัตถการที่ช่วยปรับรูปหน้าของเราให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น ซึ่งการทำปากกระจับสามารถเลือกทำได้ 2 แบบ คือการศัลยกรรมปากกระจับและการฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ การที่จะรู้ว่าเราเหมาะกับการทำแบบไหน ควรให้คุณหมอประเมิณ เพื่อให้เราได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจและไม่เป็นอันตรายในอนาคต

ปากกระจับ คืออะไร มีกี่ทรง ทำแล้วอันตรายไหม ข้อดีข้อเสียแตกต่างกันยอ่างไร
โปรแกรมปากกระจับ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลคำถามยอดฮิตของการทำปากกระจับ
1.เนื้อปากบางทำปากกระจับได้ไหม
ได้ แต่แนะนำให้ใช้วิธีฉีดฟิลเลอร์มากกว่าการผ่าตัด เพราะการตัดเนื้อในคนที่ปากบางอาจทำให้ปากยิ่งบางหรือผิดรูปได้
2.เป็นผู้ชายทำปากกระจับได้ไหม
ได้ ผู้ชายสามารถทำได้ทั้งผ่าตัดและฉีดฟิลเลอร์ โดยเลือกทรงปากให้เหมาะกับบุคลิก เช่น ทรงธรรมชาติหรือทรงกระจับเล็กน้อย
3.ฉีดปากกระจับซ้ำได้ไหม ควรห่างกี่วัน
ได้ โดยควรเว้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่ก่อน แล้วจึงประเมินว่าจำเป็นต้องเติมเพิ่มหรือไม่
4.ทำปากกระจับเจ็บหรือไม่
ขณะทำจะมีการใช้ยาชา จึงแทบไม่รู้สึกเจ็บ อาจรู้สึกตึงหรือบวมเล็กน้อยหลังทำ ซึ่งเป็นอาการปกติ
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ