romrawin

โปรแกรมฉีดแฟตหน้าท้อง คืออะไร ช่วยลดไขมันบริเวณหน้าท้องได้จริงไหม

ฉีดแฟตหน้าท้อง

ฉีดแฟตหน้าท้อง ไขมันลด โชว์ร่างทองใส่เสื้อผ้าได้แบบมั่นใจ
ฉีดแฟตหน้าท้อง ช่วยในการลดไขมันหน้าท้อง โดยไม่ต้องผ่าตัดและพักฟื้น เหมาะมากสำหรับคนกลัวเจ็บไม่กล้าผ่าตัด
แต่การฉีดแฟตหน้าท้อง ไม่ได้เหมาะกับทุกคน เรามาดูกันว่าใครเหมาะสำหรับการทำหัตถการฉีดแฟตหน้าท้องบ้าง แล้วก่อนเริ่มทำต้องเตรียมตัวอย่างไร อันตรายหรือไม่ มีข้อควรระวังอะไรบ้างก่อนตัดสินใจทำ

รวมทุกหัวข้อเกี่ยวกับการฉีดแฟตหน้าท้อง
- ฉีดแฟตหน้าท้องคืออะไร
- ไขมันหน้าท้องมีสาเหตุมาจากอะไร
- ฉีดแฟตหน้าท้องอันตรายหรือไม่
- ข้อดีของการฉีดแฟตหน้าท้อง
- ข้อควรระวังของการฉีดแฟตหน้าท้อง
- ฉีดแฟตหน้าท้องเหมาะกับใคร
- ใครควรหลีกเลี่ยงการฉีดแฟตหน้าท้อง
- ถ้าไม่ฉีดแฟตหน้าท้อง สามารถลดได้ด้วยวิธีไหนบ้าง
- ฉีดแฟตหน้าท้องเพื่อลดไขมันควรฉีดกี่ CC
- การเตรียมตัวก่อนฉีดแฟตหน้าท้อง
- การดูแลตัวเองหลังฉีดแฟตหน้าท้อง
- ฉีดแฟตหน้าท้องกี่วันถึงเห็นผล
- ฉีดแฟตหน้าท้องอยู่ได้นานไหม
- ต้องฉีดแฟตหน้าท้องบ่อยแค่ไหน
- ฉีดแฟตหน้าท้องแล้วสามารถออกกำลังกายได้หรือไม่
- ฉีดแฟตหน้าท้อง Vs Oligio Body
- ฉีดแฟตหน้าท้อง Vs Coolsculpting
- สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับฉีดแฟตหน้าท้อง

ฉีดแฟตหน้าท้องคืออะไร
การฉีดแฟตหน้าท้อง (Fat Dissolving Injection) คือ วิธีกำจัดไขมันเฉพาะจุดโดยใช้เทคนิคทางการแพทย์ที่ไม่เป็นอันตราย แพทย์จะฉีดแฟตหน้าท้อง เข้าสู่ชั้นไขมันใต้ผิวบริเวณหน้าท้อง โดยตัวยานี้มักมีส่วนประกอบของสารที่ช่วย ทำลายผนังเซลล์ไขมัน (เช่น Phosphatidylcholine และ Deoxycholic acid) เมื่อเซลล์ไขมันถูกทำลาย มันจะถูกเปลี่ยนสภาพให้แตกตัวเป็นไขมันเหลว จากนั้นร่างกายจะค่อย ๆ ขับออกผ่านระบบน้ำเหลืองและกระบวนการเผาผลาญ ตามปกติของร่างกาย

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉีดแฟต ฉีดแฟต คืออะไร อันตรายไหม มีข้อดีข้อเสียอย่างไร ก่อนฉีดต้องรู้

กระบวนการทำงานของการฉีดแฟตหน้าท้อง
1.ฉีดตัวยาเข้าสู่ชั้นไขมัน (Subcutaneous fat layer)
แพทย์ใช้เข็มขนาดเล็กเจาะเข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนังบริเวณที่มีไขมันสะสม

2.สารออกฤทธิ์ทำลายเซลล์ไขมัน
ผนังเซลล์ไขมันจะถูกทำลาย ทำให้ไขมันภายในถูกปล่อยออกมา

3.ร่างกายกำจัดไขมันส่วนเกิน
ไขมันที่แตกตัวจะถูกลำเลียงผ่านกระแสเลือดและระบบน้ำเหลือง เพื่อนำไปเผาผลาญเป็นพลังงาน หรือขับออกทางปัสสาวะและอุจจาระ

ไขมันหน้าท้องมีสาเหตุมาจากอะไร
ก่อนฉีดแฟตหน้าท้อง เรามาดูกันก่อนว่าไขมันหน้าท้องเกิดจากการสะสมของไขมันใต้ผิวหนังและไขมันรอบอวัยวะภายในช่องท้อง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดอาจมาจากพฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิต ความเครียด ฮอร์โมน หรือแม้แต่พันธุกรรม โดยสามารถแบ่งลักษณะของ “พุง” ออกเป็นหลายประเภท เพื่อช่วยให้เข้าใจสาเหตุได้ง่ายขึ้น

1.พุงเครียด (Stress Belly)
ลักษณะ พุงมักป่องตรงกลางหน้าท้อง บางครั้งแข็งตึง
สาเหตุ เกิดจากระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงขึ้นเมื่อร่างกายเครียด ทำให้ร่างกายเก็บสะสมไขมันรอบเอวและหน้าท้องมากขึ้น
ปัจจัยกระตุ้น นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำงานหนัก ความกังวลเรื้อรัง

2.พุงหมาน้อย (Lower Belly Pouch)
ลักษณะ ไขมันสะสมเฉพาะส่วนล่างของหน้าท้อง ใต้สะดือ
สาเหตุ การนั่งนาน ไม่ค่อยขยับตัว การใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องล่างน้อย รวมถึงหลังคลอดที่กล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อนตัว
ปัจจัยกระตุ้น ขาดการออกกำลังกายเฉพาะส่วน การรับประทานแป้งและน้ำตาลเกินความจำเป็น

3.พุงแอลกอฮอล์ (Alcohol Belly)
ลักษณะ หน้าท้องขยายรอบด้าน คล้ายถังเบียร์
สาเหตุ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีพลังงานสูง และร่างกายจะเผาผลาญแอลกอฮอล์ก่อน ทำให้ไขมันจากอาหารสะสมได้ง่าย
ปัจจัยกระตุ้น ดื่มบ่อย และมักกินอาหารไขมันสูงหรือกับแกล้มควบคู่

4.พุงคุณแม่ (Postpartum Belly)
ลักษณะ หน้าท้องหย่อนคล้อยหลังคลอด มีไขมันสะสมและกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกตัว
สาเหตุ การยืดขยายของผิวหนังและกล้ามเนื้อหน้าท้องระหว่างตั้งครรภ์
ปัจจัยกระตุ้น การฟื้นฟูหลังคลอดไม่เพียงพอ ขาดการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องอย่างถูกวิธี

5.พุงจากท่าทาง (Posture Belly)
ลักษณะ หน้าท้องยื่นออกเพราะโครงสร้างร่างกายและท่าทางไม่สมดุล
สาเหตุ การนั่งหลังค่อม ยืนแอ่น ทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องอ่อนแรงและปล่อยไขมันยื่นออกมา
ปัจจัยกระตุ้น การนั่งทำงานนานโดยไม่เปลี่ยนท่า การไม่ฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว

แม้ไขมันหน้าท้องจะเกิดจากหลายปัจจัย แต่การรู้ประเภทของพุงและสาเหตุที่แท้จริง จะช่วยให้สามารถปรับพฤติกรรมการกิน การนอน ออกกำลังกาย จัดการความเครียดและการทำหัตถการอื่นๆ ในการลดหน้าท้องเช่น ฉีดแฟตหน้าท้อง เพื่อป้องกันและลดไขมันได้อย่างไม่เป็นอันตราย

ฉีดแฟตหน้าท้องอันตรายหรือไม่
การฉีดแฟตหน้าท้องเป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ ต้องทำโดยแพทย์และใช้ตัวยาที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแล เช่น อย.เพื่อไม่ให้เป็นอันตราย ตัวยาจะถูกฉีดเข้าสู่ชั้นไขมันใต้ผิวเพื่อช่วยทำลายและกระตุ้นการสลายของไขมันส่วนเกิน จากนั้นร่างกายจะค่อย ๆ ขับออกตามกระบวนการเผาผลาญของร่างกายเรา

ปัจจัยที่มีผลต่อความปลอดภัยในการฉีดแฟตหน้าท้อง
1.คุณภาพของตัวยา
ต้องเป็นสารที่ผ่านการรับรองว่ามีไม่อันตรายต่อร่างกาย และใช้ตามข้อกำหนดของแพทย์

2.เทคนิคและประสบการณ์ของผู้ฉีดแฟตหน้าท้อง
หากฉีดแฟตหน้าท้องโดยบุคลากรที่ไม่ชำนาญ อาจมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้มากขึ้น

3.การประเมินร่างกายก่อนฉีดแฟตหน้าท้อง
ผู้รับบริการในการฉีดแฟตหน้าท้องควรได้รับการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และประเมินข้อห้ามอย่างละเอียด

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ชั่วคราวหลังฉีดแฟตหน้าท้อง
• รอยบวม แดง หรือช้ำบริเวณที่ฉีดแฟตหน้าท้อง
• อาการตึง ๆ หรือร้อนเล็กน้อยในพื้นที่ทำหัตถการ
• อาการเหล่านี้มักจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายในไม่กี่วัน

ข้อดีของการฉีดแฟตหน้าท้อง
การฉีดแฟตหน้าท้องเป็นหนึ่งในหัตถการ ที่ช่วยจัดการไขมันเฉพาะจุด โดยมีจุดเด่นที่แตกต่างจากการลดไขมันด้วยวิธีทั่วไป ดังนี้

1.การฉีดแฟตหน้าท้องช่วยลดไขมันเฉพาะบริเวณได้ตรงจุด
เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง แม้ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายแล้วก็ยังลดได้ยาก

2.การฉีดแฟตหน้าท้องไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีแผลใหญ่
การฉีดแฟตหน้าท้องเป็นวิธีที่ใช้เข็มขนาดเล็ก ฉีดเข้าสู่ชั้นไขมันใต้ผิว ทำให้ไม่มีบาดแผลผ่าตัด ลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็น

3.การฉีดแฟตหน้าท้องใช้เวลาทำไม่นาน
การฉีดแฟตหน้าท้องมีขั้นตอนการฉีดใช้เวลาไม่นาน และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

4.การฉีดแฟตหน้าท้องพักฟื้นสั้น
ผลข้างเคียงที่พบมักเป็นเพียงอาการบวม แดง หรือช้ำเล็กน้อย ซึ่งมักหายไปภายในไม่กี่วัน

5.การฉีดแฟตหน้าท้องสามารถทำร่วมกับการดูแลอื่นได้
สามารถทำควบคู่กับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย เพื่อช่วยเสริมการลดไขมันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ข้อควรระวังของการฉีดแฟตหน้าท้อง
แม้ว่าการฉีดแฟตหน้าท้องจะเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมและสามารถทำได้อย่างไม่เป็นอันตรายภายใต้การดูแลของแพทย์ แต่ก็ยังมีข้อควรระวังที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำหัตถการฉีดแฟตหน้าท้อง เพื่อป้องกันความเสี่ยงและลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน

1.เลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานในการฉีดแฟตหน้าท้อง
• ต้องเป็นคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้อง
• มีระบบการเก็บและใช้ตัวยาอย่างถูกสุขลักษณะ และปลอดภัย

2.ทำโดยแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพ
• เทคนิคการฉีดแฟตหน้าท้องและการเลือกตำแหน่งมีผลต่อความปลอดภัยและลดโอกาสเกิดปัญหา
• ผู้ฉีดต้องสามารถรับมือได้ หากเกิดอาการแพ้หรือภาวะแทรกซ้อน

3.ตรวจสอบตัวยาและเอกสารรับรองในการฉีดแฟตหน้าท้อง
• ตัวยาต้องผ่านการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแล เช่น อย.
• ควรขอดูบรรจุภัณฑ์ และวันหมดอายุก่อนทำทุกครั้ง

4.แจ้งประวัติสุขภาพกับแพทย์อย่างละเอียดก่อนฉีดแฟตหน้าท้อง
• โรคประจำตัว เช่น โรคตับ โรคไต เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
• ประวัติการแพ้ยา หรือกำลังตั้งครรภ์/ให้นมบุตร
• การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด อาจเพิ่มความเสี่ยงช้ำหรือเลือดออก

5.ไม่ควรฉีดแฟตหน้าท้องบ่อยเกินกำหนด
• ระยะห่างระหว่างการฉีดแฟตหน้าท้องแต่ละครั้งควรเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์
• การฉีดถี่เกินไปอาจเพิ่มโอกาสเกิดการระคายเคืองหรืออักเสบในชั้นผิว

6.ปฏิบัติตามคำแนะนำหลังฉีดแฟตหน้าท้องอย่างเคร่งครัด
• หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดแรงในบริเวณที่ฉีดแฟตหน้าท้อง
• ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับไขมันได้ดี
• หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักใน 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีดแฟตหน้าท้อง

7.เฝ้าสังเกตอาการผิดปกติ
• หากมีอาการบวมแดงรุนแรง ปวดมาก มีผื่น หรือไข้สูง ควรรีบพบแพทย์ทันที
• อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือการแพ้รุนแรง

ฉีดแฟตหน้าท้องเหมาะกับใคร
การฉีดแฟตหน้าท้องเป็นหัตถการที่ช่วยลดไขมันเฉพาะจุด โดยเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับสัดส่วนในบริเวณหน้าท้องให้ดูสมส่วนขึ้น ซึ่งกลุ่มที่เหมาะในการฉีดแฟตหน้าท้องจะมีลักษณะดังนี้

1.การฉีดแฟตหน้าท้องเหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด
• เหมาะกับคนที่มีไขมันดื้อ ลดได้ยากแม้ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายแล้ว
• เช่น ไขมันหน้าท้องส่วนบน ส่วนล่าง หรือรอบเอวที่ยังคงอยู่

2.การฉีดแฟตหน้าท้องเหมาะกับผู้ที่ไม่อยากผ่าตัด
• สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเข้ารับการผ่าตัดหรือดูดไขมัน
• ต้องการทางเลือกที่มีรอยแผลเล็กและพักฟื้นไม่นาน

3.การฉีดแฟตหน้าท้องเหมาะกับผู้ที่มีเวลาพักฟื้นจำกัด
• เหมาะกับคนที่ต้องกลับไปทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้เร็ว
• ผลข้างเคียงมักเป็นเพียงบวมแดงหรือช้ำเล็กน้อยชั่วคราว

4.การฉีดแฟตหน้าท้องเหมาะกับผู้ที่มีสุขภาพโดยรวมแข็งแรง
• ไม่มีโรคหรือภาวะที่เป็นข้อห้าม เช่น โรคตับรุนแรง โรคไตรุนแรง หรือกำลังตั้งครรภ์
• ผ่านการตรวจและประเมินจากแพทย์แล้วว่าเหมาะสมกับการทำหัตถการนี้

5.การฉีดแฟตหน้าท้องเหมาะกับผู้ที่ตั้งใจปรับพฤติกรรมควบคู่กัน
• พร้อมควบคุมอาหารและออกกำลังกายเพื่อช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน
• เข้าใจว่าการฉีดแฟตหน้าท้องเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลรูปร่าง ไม่ใช่วิธีทดแทนการดูแลสุขภาพทั้งหมด

ใครควรหลีกเลี่ยงการฉีดแฟตหน้าท้อง
แม้ว่าการฉีดแฟตหน้าท้องจะเป็นหัตถการที่สามารถทำได้อย่างปลอดภัยภายใต้การดูแลของแพทย์ แต่ก็มีบางกลุ่มที่ ไม่เหมาะสำหรับการฉีดแฟตหน้าท้อง หรืออาจ ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ดังนี้

1.ผู้ที่มีโรคหรือภาวะที่เป็นข้อห้ามทางการแพทย์ควรหลีกเลี่ยงการฉีดแฟตหน้าท้อง
• โรคตับหรือโรคไตรุนแรง เพราะตับและไตมีหน้าที่ช่วยกำจัดไขมันและสารต่าง ๆ ออกจากร่างกาย
• โรคหัวใจและหลอดเลือดที่ยังควบคุมไม่ได้
• ผู้ที่มีประวัติแพ้สารในตัวยาฉีดแฟต
• สตรีตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร

2.ผู้ที่มีภาวะติดเชื้อหรือผิวหนังอักเสบบริเวณหน้าท้องควรหลีกเลี่ยงการฉีดแฟตหน้าท้อง
• หากมีแผล ติดเชื้อ หรือผิวหนังอักเสบ ควรรักษาให้หายก่อนเพื่อป้องกันการลุกลาม

3.ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมากหรือมีไขมันทั่วร่างกาย (Obesity) ควรหลีกเลี่ยงการฉีดแฟตหน้าท้อง
• การฉีดแฟตหน้าท้องเหมาะกับการลดไขมันเฉพาะจุด ไม่ใช่วิธีลดน้ำหนักทั้งตัว
• หากมีไขมันปริมาณมาก ผลลัพธ์หลังทำหัตถการฉีดแฟตหน้าท้องอาจไม่ชัดเจนหรือใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล

4.ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทำให้ไขมันกลับมาเร็ว ควรหลีกเลี่ยงการฉีดแฟตหน้าท้อง
• รับประทานอาหารไขมันสูงและน้ำตาลมากโดยไม่ปรับพฤติกรรม
• ไม่ออกกำลังกายและใช้ชีวิตแบบนั่งนาน ๆ
• ในกรณีนี้ แม้ฉีดแฟตหน้าท้องแล้วไขมันอาจกลับมาสะสมได้เร็ว

5.ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์เกินจริงควรหลีกเลี่ยงการฉีดแฟตหน้าท้อง
• การฉีดแฟตหน้าท้องไม่สามารถทำให้หน้าท้องแบนราบในทันที
• ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน และต้องอาศัยการดูแลต่อเนื่อง

ถ้าไม่ฉีดแฟตหน้าท้อง สามารถลดได้ด้วยวิธีไหนบ้าง
การลดไขมันหน้าท้องสามารถทำได้หลายวิธีโดยไม่พึ่งการฉีดแฟตหน้าท้อง โดยมุ่งเน้นไปที่การปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ร่างกายให้ร่างกายดึงไขมันสะสมมาใช้เป็นพลังงาน

1.การออกกำลังกาย (Exercise)
การออกกำลังกายเป็นวิธีเผาผลาญพลังงานและกระตุ้นการใช้ไขมันอย่างเป็นธรรมชาติ

• คาร์ดิโอ (Cardio)
เช่น วิ่ง เดินเร็ว ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ วันละ 30-45 นาที อย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์ ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน

• เวทเทรนนิ่ง (Weight Training)
ฝึกกล้ามเนื้อทุกส่วน โดยเฉพาะแกนกลางลำตัว (Core) เพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายเผาผลาญได้มากขึ้นแม้ในเวลาพัก

• HIIT (High-Intensity Interval Training)
ออกกำลังกายแบบสลับหนัก-เบาในช่วงเวลาสั้น ๆ ช่วยเร่งการเผาผลาญหลังออกกำลังกายได้หลายชั่วโมง

2.การควบคุมอาหาร (Diet Control)
เน้นปรับสมดุลพลังงานที่รับเข้าและใช้ไป

• ลดน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตขัดสี เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม ข้าวขาว และเส้นขัดสี
• เพิ่มโปรตีนคุณภาพดี เช่น เนื้อปลา อกไก่ ไข่ ถั่ว ช่วยให้อิ่มนานและลดการสูญเสียกล้ามเนื้อ
• เลือกไขมันดี เช่น อะโวคาโด ถั่ว น้ำมันมะกอก เพื่อช่วยควบคุมความหิว
• เพิ่มผักและผลไม้ไฟเบอร์สูง เพื่อช่วยระบบขับถ่ายและลดความอยากอาหาร

3.การทำ IF (Intermittent Fasting)
วิธีการกินแบบจำกัดช่วงเวลา เพื่อช่วยให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น

• รูปแบบที่นิยม เช่น 16/8 (งดอาหาร 16 ชั่วโมง และกินในช่วง 8 ชั่วโมง)
• ข้อสำคัญ ช่วงที่กินต้องเลือกอาหารที่มีประโยชน์และควบคุมปริมาณ ไม่ใช่กินได้ไม่จำกัด
• ประโยชน์ อาจช่วยให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะดึงไขมันมาใช้ (Fat burning) ได้ง่ายขึ้นเมื่อทำอย่างต่อเนื่อง

ฉีดแฟตหน้าท้องเพื่อลดไขมันควรฉีดกี่ CC
ปริมาณตัวยาที่ใช้ในการฉีดแฟตหน้าท้องไม่มีตัวเลขตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปริมาณไขมันที่ต้องการสลาย พื้นที่ของหน้าท้อง และการประเมินของแพทย์ผู้ทำหัตถการ โดยทั่วไป แพทย์จะคำนวณให้เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละคน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นอันตราย

ปริมาณที่มักใช้โดยประมาณในการฉีดแฟตหน้าท้อง
• สำหรับบริเวณหน้าท้อง ปริมาณตัวยาที่ใช้ในการฉีดแฟตหน้าท้องอาจอยู่ที่ ประมาณ 40 - 80 CC ต่อครั้ง
• ปริมาณนี้จะถูกแบ่งออกเป็นหลายจุดฉีด เพื่อให้ตัวยากระจายตัวสม่ำเสมอ
• โดยปกติอาจใช้ประมาณ 5 - 10 เข็มต่อครั้ง แต่จำนวนเข็มจริงจะขึ้นอยู่กับพื้นที่และเทคนิคของแพทย์

เหตุผลที่ต้องปรับปริมาณการฉีดแฟตหน้าท้องให้เหมาะกับแต่ละคน
1.ความหนาและปริมาณไขมัน คนที่มีไขมันหนามากอาจต้องใช้ปริมาณมากกว่า
2.พื้นที่ที่ต้องการปรับหน้าท้องส่วนบน ส่วนล่าง หรือรอบเอว อาจต้องใช้ปริมาณแตกต่างกัน
3.ความทนต่อยาและผลข้างเคียง แพทย์จะพิจารณาเพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองหรือบวมเกินจำเป็น

การเตรียมตัวก่อนฉีดแฟตหน้าท้อง
การฉีดแฟตหน้าท้อง หรือที่หลายคนเรียกว่า “ฉีดเอวเอส” ควรมีการเตรียมตัวทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อให้การทำหัตถการเป็นไปอย่างไม่เป็นอันตราย และช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละคน

1.การฉีดแฟตหน้าท้องต้องปรึกษาแพทย์และประเมินร่างกาย
• แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว และยาที่ใช้อยู่
• ให้แพทย์ตรวจประเมินปริมาณไขมัน พื้นที่ที่ต้องการฉีด และปริมาณตัวยาที่เหมาะสม
• ซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับขั้นตอน ผลลัพธ์ และการดูแลหลังทำ

2.งดใช้ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดก่อนการฉีดแฟตหน้าท้อง
• เช่น แอสไพริน ยาละลายลิ่มเลือด หรือยากลุ่ม NSAIDs (ตามคำแนะนำของแพทย์)
• ควรงดอย่างน้อย 7 วันก่อนทำ เพื่อลดความเสี่ยงช้ำหรือเลือดออกมาก

3.งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการฉีดแฟตหน้าท้อง
• หลีกเลี่ยงอย่างน้อย 2-3 วันก่อนฉีดแฟตหน้าท้อง เพราะแอลกอฮอล์อาจทำให้เลือดไหลเวียนมากขึ้นและเพิ่มโอกาสช้ำ

4.เตรียมผิวบริเวณที่จะฉีดแฟตหน้าท้อง
• ทำความสะอาดผิวหนังบริเวณหน้าท้องให้ปราศจากสิ่งสกปรก
• หลีกเลี่ยงการทาโลชั่นหรือครีมบำรุงในวันที่เข้ารับการฉีดแฟตหน้าท้อง เพื่อไม่ให้เกิดสิ่งกีดขวางการทำหัตถการ

5.หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหนักก่อนฉีดแฟตหน้าท้อง
• เพื่อป้องกันอาการเวียนหัวหรือไม่สบายขณะฉีดแฟตหน้าท้อง
• รับประทานอาหารเบา ๆ ที่ย่อยง่ายก่อนเข้ารับบริการ

การดูแลตัวเองหลังฉีดแฟตหน้าท้อง
หลังจากฉีดแฟตหน้าท้องเพื่อลดไขมันหน้า ร่างกายจะเริ่มกระบวนการสลายและขับไขมันออกตามกระบวนการของร่างกายตามปกติ การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีจึงมีส่วนช่วยให้ผลลัพธ์เป็นไปตามเป้าหมาย และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง

1.หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดแรงบริเวณที่ฉีดแฟตหน้าท้อง
• ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก ควรหลีกเลี่ยงการนวดหรือกดแรง เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดการบวมและระคายเคืองมากขึ้น
• หลังจากนั้น หากแพทย์อนุญาต อาจมีการนวดเบา ๆ เพื่อช่วยกระจายตัวยา (ขึ้นอยู่กับเทคนิคและคำแนะนำส่วนบุคคล)

2.งดการออกกำลังกายหนักหลังฉีดแฟตหน้าท้อง
• ช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ใช้แรงมากหรือกระแทกซ้ำบริเวณหน้าท้อง
• สามารถทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น เดินช้า ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต

3.รักษาความสะอาดผิวหนังบริเวณที่ฉีดแฟตหน้าท้อง
• ล้างทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ระคายเคือง
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสด้วยมือที่ไม่สะอาด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

4.ดื่มน้ำให้เพียงพอหลังฉีดแฟตหน้าท้อง
• ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 1.5-2 ลิตรต่อวัน เพื่อช่วยให้ร่างกายขับไขมันและของเสียออกได้มีประสิทธิภาพ
• การดื่มน้ำมากพอยังช่วยลดอาการบวมได้เร็วขึ้น

5.ปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตหลังฉีดแฟตหน้าท้อง
• เลือกอาหารที่มีประโยชน์ ลดของมัน ของทอด และน้ำตาลสูง
• ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเมื่อร่างกายพร้อม เพื่อลดโอกาสไขมันกลับมาสะสม

ฉีดแฟตหน้าท้องกี่วันถึงเห็นผล
หลังจากฉีดแฟตหน้าท้อง ร่างกายจะเริ่มกระบวนการสลายและขับไขมัน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้น ไม่ได้เห็นผลทันทีในวันเดียว

ช่วงเวลาที่มักสังเกตการเปลี่ยนแปลงได้หลังฉีดแฟตหน้าท้อง
ภายใน 5-7 วันแรก
อาการบวมจะเริ่มลดลง และบางคนอาจเริ่มรู้สึกว่าบริเวณหน้าท้องดูนุ่มลงหรือมีการยุบเล็กน้อย

ประมาณ 2-3 สัปดาห์
ผลลัพธ์หลังฉีดแฟตหน้าท้องจะชัดเจนขึ้น เพราะร่างกายใช้เวลาสลายและขับไขมันออกทางระบบเผาผลาญและน้ำเหลือง

ต่อการทำ 1 ครั้ง
อาจเห็นการเปลี่ยนแปลงประมาณ 10% โดยขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันเดิม การตอบสนองของร่างกาย และการดูแลหลังฉีดแฟตหน้าท้อง

ปัจจัยที่ทำให้เห็นผลเร็วหรือช้า
• ปริมาณไขมันและความหนาของชั้นไขมัน
• ปริมาณตัวยาที่ใช้และเทคนิคการฉีดแฟตหน้าท้อง
• พฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายหลังทำ
• ระบบเผาผลาญของแต่ละบุคคล

ฉีดแฟตหน้าท้องอยู่ได้นานไหม
ผลลัพธ์จากการฉีดแฟตหน้าท้องสามารถคงอยู่ได้ระยะหนึ่ง แต่ไม่ได้ถาวร เนื่องจากร่างกายยังสามารถสร้างและสะสมไขมันใหม่ได้ หากมีพฤติกรรมการกินหรือการใช้ชีวิตที่เอื้อต่อการสะสมไขมัน

ระยะเวลาผลลัพธ์โดยทั่วไปในการเห็นผลลัพธ์หลังฉีดแฟตหน้าท้อง
• หากไม่มีการปรับพฤติกรรม ผลลัพธ์จากการฉีดแฟตหน้าท้องมักอยู่ได้ประมาณ 2-3 เดือน ก่อนที่ร่างกายอาจเริ่มสะสมไขมันใหม่ในบริเวณเดิม
• หากควบคุมอาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ ผลลัพธ์อาจคงอยู่ได้นานขึ้น อาจถึง ประมาณ 1 ปี ในบางกรณี

ต้องฉีดแฟตหน้าท้องบ่อยแค่ไหน
การฉีดแฟตหน้าท้องโดยทั่วไปสามารถทำได้ทุก 4-6 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกายและคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อให้ผิวและร่างกายมีเวลาฟื้นตัวอย่างเหมาะสม การฉีดแฟตหน้าท้องถี่เกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง เช่น อาการบวม แดง หรือระคายเคือง จึงควรเว้นระยะตามที่แพทย์ประเมินเป็นรายบุคคล

ฉีดแฟตหน้าท้องแล้วสามารถออกกำลังกายได้หรือไม่
หลังฉีดแฟตหน้าท้องควรงดออกกำลังกายหนักหรือเคลื่อนไหวรุนแรงประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวและลดโอกาสเกิดอาการบวม ระคายเคือง หรือช้ำ หลังจากนั้นสามารถกลับมาออกกำลังกายได้ตามปกติ โดยเริ่มจากกิจกรรมเบา ๆ และเพิ่มความหนักทีละขั้นตามคำแนะนำของแพทย์

ฉีดแฟตหน้าท้อง Vs Oligio Body
แม้ทั้งสองวิธีไม่ว่าจะเป็น ฉีดแฟตหน้าท้อง หรือ การทำ Oligio bodyจะมีเป้าหมายเพื่อลดไขมันบริเวณหน้าท้อง แต่หลักการทำงานและผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างกัน การเข้าใจความต่างนี้จะช่วยให้เลือกวิธีที่เหมาะกับสภาพร่างกายและความต้องการของแต่ละบุคคล

ฉีดแฟตหน้าท้อง เน้นสลายไขมันเฉพาะจุด เหมาะกับคนที่ต้องการลดปริมาณไขมันตรงบริเวณหน้าท้องอย่างเจาะจง
Oligio Body เหมาะกับคนที่ต้องการทั้งลดไขมันและกระชับผิวในรอบเดียวกัน ( Oligio Body คืออะไร ลดไขมันยกกระชับรูปร่างกำจัดเซลลูไลท์ )

การเลือกทำวิธีไหน ควรให้แพทย์ประเมินตามปริมาณไขมัน ความหย่อนคล้อยของผิว และเป้าหมายของแต่ละบุคคล

ฉีดแฟตหน้าท้อง Vs Coolsculpting
ฉีดแฟตหน้าท้อง ใช้ตัวยาฉีดสลายไขมัน เห็นการเปลี่ยนแปลงเร็วกว่า เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดไขมันตรงจุดแบบเร่งรัด
CoolSculpting ใช้ความเย็นแช่แข็งไขมัน เหมาะกับผู้ที่ไม่อยากฉีดหรือใช้ยา และพร้อมรอผลที่ค่อย ๆ ชัดในระยะเวลา 1-3 เดือน ( Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น คืออะไร )

สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับฉีดแฟตหน้าท้อง
การฉีดแฟตหน้าท้องเป็นอีกหนึ่งหัตถการ ที่ช่วยลดไขมันให้เรากลับมามีหุ่นที่เรามั่นใจมากขึ้น แต่จะต้องทำคู่ไปกับการปรับพฤติการใช้ชีวิตด้วย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร นอกจากจะทำให้เรามีบุคลิกภาพที่ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้เราสุขภาพดีขึ้นในระยะยาวอีกด้วย

* ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
* ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง*
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ
ปรึกษาฟรี พร้อมรับ โปรโมชั่นพิเศษ ก่อนใคร
เรื่อง บทความน่ารู้ ที่คุณอาจสนใจ