romrawin

โปรแกรมโบท็อกซ์ปลอม คืออะไร มีวิธีสังเกตอย่างไร อันตรายถึงชีวิต

โบท็อกซ์ปลอม

490

โบท็อกซ์ปลอม อาการผลข้างเคียงอะไรบ้าง วิธีตรวจสอบของแท้
โบท็อกซ์เป็นหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะช่วยลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า และยกกระชับผิวได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้หลายคนหันมาสนใจและเลือกใช้บริการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม ความนิยมที่สูงนี้ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงจากการถูกหลอกฉีดโบท็อกซ์ปลอม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่านการรับรอง และอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงต่อผู้รับการฉีดโบท็อกซ์ปลอม ดังนั้นการทำความเข้าใจว่าโบท็อกซ์ปลอมคืออะไร มีอันตรายอย่างไร และวิธีป้องกันไม่ให้ถูกหลอกจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรรู้ก่อนตัดสินใจ

โบท็อกซ์คืออะไร ช่วยอะไรบ้าง
โบท็อกซ์ (Botox) คือสารสกัดที่ได้จากโปรตีน Botulinum Toxin Type A ซึ่งสร้างจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum สารชนิดนี้มีคุณสมบัติในการทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวชั่วคราว โดยไปยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า Acetylcholine ที่ทำหน้าที่กระตุ้นให้กล้ามเนื้อหดตัว
ผลลัพธ์คือกล้ามเนื้อส่วนนั้นจะผ่อนคลาย ไม่เกร็งตัว ทำให้ริ้วรอยที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อซ้ำ ๆ เช่น รอยตีนกา รอยย่นหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว ค่อย ๆ ดูจางลง และทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนแลดูอ่อนเยาว์ขึ้น

ประโยชน์ของโบท็อกซ์
1.โบท็อกซ์ช่วยในด้านความงาม
• ลดเลือนริ้วรอย บริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว รอบดวงตา หรือรอยย่นอื่น ๆ
• ปรับรูปหน้าเรียว (V-shape) โดยฉีดลดขนาดกราม ทำให้ใบหน้าดูเล็กลง
• ยกกระชับใบหน้า เช่น ยกคิ้ว ยกมุมปาก หรือปรับสัดส่วนให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
• ลดริ้วรอยคอ และปรับแนวกรอบหน้าให้ชัดเจนขึ้น
• ลดรอยย่นริมฝีปาก ที่เกิดจากการพูดหรือยิ้มบ่อย ๆ

2.โบท็อกซ์ช่วยในด้านการแพทย์
• ลดอาการปวดไมเกรน ที่เกิดจากความตึงตัวของกล้ามเนื้อ
• รักษากล้ามเนื้อกระตุก เช่น ตากระตุก กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุก
• ลดเหงื่อออกมากผิดปกติ บริเวณรักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
• รักษาภาวะกล้ามเนื้อเกร็งในผู้ป่วยบางโรคทางระบบประสาท
• ใช้ในกรณีคนที่มีปัญหานอนกัดฟัน ฉีดโบท็อกซ์ช่วยลดอาการ

รู้จักก่อนเช็ก โบท็อกซ์ปลอมคืออะไร
โบท็อกซ์ปลอม คือสารโบทูลินั่มท็อกซินที่ไม่ได้ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไม่มีมาตรฐานความปลอดภัย อาจมีสารปลอมปนหรือนำเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ทำให้ไม่มีการควบคุมคุณภาพตัวยา และมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวหนังติดเชื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ใบหน้าเบี้ยว รวมถึงการแพ้และการดื้อยาโบท็อกซ์ในระยะยาว โบท็อกซ์ปลอมมักพบได้ในคลินิกเถื่อน หรือคลินิกที่ไม่มีใบอนุญาต และราคาที่ถูกกว่าของแท้มาก โบท็อกซ์ปลอมจึงทำให้เสี่ยงอันตราย และควรเลือกใช้โบท็อกซ์แท้จากแหล่งที่เชื่อถือได้ โดยตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบก่อนรับบริการทุกครั้ง

ทำไมถึงมีโบท็อกซ์ปลอมในตลาด
เหตุผลที่โบท็อกซ์ปลอมยังคงมีอยู่ในตลาดมาจากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องความต้องการของผู้บริโภค ราคาของแท้ที่ค่อนข้างสูง และการแสวงหาผลกำไรของผู้ขายที่ไม่ซื่อสัตย์ โดยสรุปได้ดังนี้

1.ความต้องการโบท็อกซ์สูง
โบท็อกซ์เป็นหัตถการยอดนิยมในวงการความงาม เพราะเห็นผลในเวลาไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้นนาน และราคาไม่สูงเท่าศัลยกรรม ทำให้มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดมืดพยายามหาวิธีผลิตหรือจำหน่ายโบท็อกซ์ปลอมมาตอบสนอง

2.ราคาของโบท็อกซ์แท้ค่อนข้างสูง
• โบท็อกซ์แท้ที่นำเข้าอย่างถูกกฎหมาย ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพและเสียภาษีนำเข้า ทำให้มีราคาสูงกว่าโบท็อกซ์ปลอม
• ผู้เข้ารับบริการบางรายมองว่าของแท้แพงเกินไป จึงถูกล่อตาล่อใจด้วยโปรโมชั่นราคาถูกของโบท็อกซ์ปลอม
• ผู้ขายหรือคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานเลือกใช้โบท็อกซ์ปลอมเพื่อลดต้นทุนและได้กำไรสูงขึ้น

3.การลักลอบนำเข้าโบท็อกซ์ปลอม
• มีการนำโบท็อกซ์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐานเข้ามาในประเทศโดยไม่ผ่านการรับรอง
• โบท็อกซ์ปลอมเหล่านี้อาจผลิตในโรงงานที่ไม่มีคุณภาพ ควบคุมมาตรฐานไม่ได้
• บางครั้งโบท็อกซ์ปลอมถูกลักลอบขายต่อให้คลินิกเถื่อนหรือบุคคลทั่วไปผ่านช่องทางออนไลน์

4.ผู้บริโภคขาดความรู้เกี่ยวกับโบท็อกซ์ปลอม
• หลายคนไม่รู้ว่าโบท็อกซ์แท้มีวิธีตรวจสอบ เช่น เลข อย.หรือสติ๊กเกอร์โฮโลแกรม
• บางรายเลือกฉีดโบท็อกซ์ปลอมกับคลินิกเถื่อนเพราะราคาถูก โดยไม่ได้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ
• ช่องทางโซเชียลมีเดียและโฆษณาที่เกินจริง ทำให้เข้าใจผิดว่าโบท็อกซ์ปลอมก็มีคุณภาพเท่าของแท้

5.คลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน
• คลินิกบางแห่งไม่มีใบอนุญาตถูกต้อง แต่เปิดให้บริการโดยใช้โบท็อกซ์ปลอม
• ใช้แพทย์เถื่อนหรือบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ในการฉีดโบท็อกซ์ปลอม
• มุ่งเน้นผลกำไร มากกว่าความปลอดภัยของคนไข้

สรุปโบท็อกซ์ปลอมยังมีอยู่ในตลาด เพราะแรงจูงใจทางการเงิน ความต้องการสูง และการขาดการตรวจสอบ ทั้งจากฝั่งผู้ขายและผู้ซื้อ ดังนั้นการเลือกคลินิกและตรวจสอบยาให้แน่ใจก่อนฉีดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

วิธีสังเกตโบท็อกซ์แท้-ปลอม
ปัจจุบันมีโบท็อกซ์ปลอมระบาดจำนวนมาก เนื่องจากความนิยมและราคาของแท้ค่อนข้างสูงกว่า ทำให้ผู้เข้ารับบริการเสี่ยงได้รับของไม่ได้มาตรฐาน การรู้จักวิธีสังเกตระหว่างโบท็อกซ์ปลอมและของแท้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้ลดความเสี่ยงและมั่นใจว่าได้รับการฉีดด้วยโบท็อกซ์แท้

1.ตรวจสอบเลขทะเบียน อย.
• โบท็อกซ์แท้ที่นำเข้าอย่างถูกกฎหมาย ต้องมีเลขทะเบียน อย.ไทย
• สามารถตรวจสอบเลข อย.ได้จากเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
• ถ้าไม่มีเลข อย.หรือเลขไม่ตรงกับฐานข้อมูล ถือว่าเสี่ยงเป็นของปลอม

2.ดูบรรจุภัณฑ์และฉลาก
• ของแท้จะพิมพ์ชัดเจน ตัวอักษรคมชัด ไม่เบลอ
• มีภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง ไม่สะกดผิด
• ขวดและกล่องต้องปิดสนิท ไม่บุบ ไม่ซีดจาง
• มีรายละเอียดครบ เช่น ชื่อยา รุ่นการผลิต วันหมดอายุ

3.ตรวจสอบสติกเกอร์โฮโลแกรมหรือ QR Code
• โบท็อกซ์แท้จากบางยี่ห้อจะมี QR Code หรือ โฮโลแกรมกันปลอม
• สามารถสแกนเพื่อเช็กข้อมูลยากับบริษัทผู้นำเข้าโดยตรง
• ถ้าไม่มีสัญลักษณ์เหล่านี้ หรือสแกนแล้วไม่พบข้อมูล ควรระวัง

4.ราคาโบท็อกซ์ปลอมมักราคาถูกผิดปกติ
• ปกติราคาต่อยูนิตของโบท็อกซ์แท้จะค่อนข้างใกล้เคียงกัน เพราะมีต้นทุนการนำเข้า
• ถ้าพบว่าโฆษณาฉีดโบท็อกซ์ราคาถูกมากเกินจริง ควรระวังว่าอาจเป็นโบท็อกซ์ปลอม หรือของไม่ได้มาตรฐาน

5.ช่องทางการซื้อขายโบท็อกซ์ปลอม
• โบท็อกซ์แท้จะถูกจำหน่ายให้เฉพาะคลินิกที่มีใบอนุญาตถูกต้องเท่านั้น
• ถ้าพบการขายตามออนไลน์, ร้านค้า, บุคคลทั่วไป ที่ไม่ใช่คลินิกเวชกรรม ถือว่าเป็นของปลอมแน่นอน

6.ตรวจสอบกับแพทย์และคลินิก
• แพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพจะเปิดกล่องและผสมตัวยาต่อหน้าคนไข้ เพื่อให้มั่นใจว่าใช้โบท็อกซ์แท้
• คลินิกต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการที่ออกโดยกระทรวงสาธารณสุข
• ถ้าไม่มีใบอนุญาต คลินิกนั้นอาจใช้โบท็อกซ์ปลอม

อันตรายจากการฉีดโบท็อกซ์ปลอม
อันตรายจากการฉีดโบท็อกซ์ปลอมถือเป็นความเสี่ยงใหญ่ที่หลายคนอาจมองข้าม เพราะคิดว่าผลลัพธ์จะเหมือนโบท็อกซ์แท้ แต่ความจริงแล้วโบท็อกซ์ปลอมไม่ได้ผ่านการตรวจสอบมาตรฐาน อาจมีส่วนผสมที่ไม่ปลอดภัยหรือปริมาณตัวยาที่ไม่แน่นอน ทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงได้ โดยการฉีดโบท็อกซ์ปลอมมีอันตรายหรือความเสี่ยงดังนี้

1.โบท็อกซ์ปลอมให้ผลลัพธ์ไม่ได้ตามที่คาดหวัง
• ริ้วรอยไม่หาย หรือหายเพียงชั่วคราว
• หน้าไม่กระชับหรือรูปหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
• บางครั้งยากระจายผิดตำแหน่ง ทำให้ผลลัพธ์เพี้ยน

2.โบท็อกซ์ปลอมทำให้ใบหน้าเสียรูป
• หน้าเบี้ยว หนังตาตก คิ้วตก
• กล้ามเนื้ออ่อนแรงผิดที่ เช่น ยิ้มไม่เป็นธรรมชาติ ปากเบี้ยว
• อาจทำให้สูญเสียความมั่นใจและแก้ไขยาก

3.โบท็อกซ์ปลอมทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางผิวหนัง
• การติดเชื้อ บวมแดง ปวดมากบริเวณที่ฉีด
• เกิดก้อนแข็งหรือรอยนูนใต้ผิว
• บางรายเกิดรอยช้ำหรือผิวตายเนื่องจากตัวยาไม่ได้มาตรฐาน

4.โบท็อกซ์ปลอมอันตรายต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
• โบท็อกซ์ปลอมบางชนิดอาจมีสารเจือปนที่เป็นพิษ
• อาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงทั่วร่างกาย
• มีรายงานบางกรณีถึงขั้นเกิดภาวะคล้ายอัมพาตชั่วคราว

5.โบท็อกซ์ปลอมทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรง
• ผื่นคัน หายใจลำบาก หน้ามืด
• ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

สรุปการฉีดโบท็อกซ์ปลอมไม่ใช่แค่เสียเงินฟรี แต่ยังส่งผลกระทบต่อความสวยงาม ความมั่นใจ และสุขภาพด้วย ดังนั้นทุกครั้งที่คิดจะฉีดโบท็อกซ์ ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้โบท็อกซ์แท้.และฉีดโดยแพทย์เท่านั้น

โบท็อกซ์แท้ มียี่ห้ออะไรบ้าง นิยมในไทย
ในปัจจุบันการฉีดโบท็อกซ์เป็นหนึ่งในหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมสูงมากในประเทศไทย เพราะช่วยลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า และยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด แบรนด์โบท็อกซ์ที่ใช้ในคลินิกความงามที่ได้มาตรฐาน ต้องเป็นของแท้แบะผ่านการรับรองเท่านั้น จึงจะลดความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงอย่างการฉีดโบท็อกซ์ปลอม โดยแบรนด์ที่นิยมใช้ในไทยมีดังนี้

1.Allergan (อัลเลอร์แกน) - Botox อเมริกา
• แบรนด์เริ่มต้นของโบท็อกซ์ที่ได้รับความนิยมมากทั่วโลก
• จุดเด่นอยู่ที่ความบริสุทธิ์ของตัวยาสูงมากและผลลัพธ์มีความแม่นยำ
• ฤทธิ์ของยาออกสม่ำเสมอ ไม่กระจายตัวมากเกินไป จึงเหมาะสำหรับการแก้ไขริ้วรอยเฉพาะจุด เช่น รอยขมวดคิ้ว รอยหน้าผาก หรือรอบดวงตา
• ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน ซึ่งยาวนานกว่ายี่ห้อทั่วไป
• เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจน ดูเป็นธรรมชาติ และคงทน

2.Dysport (ดิสพอร์ต) - Botox สัญชาติอังกฤษ
• มีลักษณะโมเลกุลที่เล็กกว่าโบท็อกซ์บางยี่ห้อ ทำให้กระจายตัวยาได้กว้าง
• เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณกว้าง เช่น ลดริ้วรอยหน้าผาก, ลดกราม, ลดน่อง หรือปรับรูปหน้า
• ผลลัพธ์จะดู เนียนและเป็นธรรมชาติ เหมาะกับคนที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง
• ออกฤทธิ์ไว เห็นผลประมาณ 3-5 วัน
• อยู่ได้นานราว 4-6 เดือน

3.Nabota (นาโบตะ) - Botox เกาหลี
• เป็นโบท็อกซ์นำเข้าจากเกาหลีที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน
• คุณภาพสูงใกล้เคียง Allergan แต่ราคาย่อมเยากว่า
• เห็นผลไวภายใน 3-5 วัน
• ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน
• เหมาะกับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพดี ในราคาที่คุ้มค่า

4.Neuronox (นิวโรน็อกซ์) - Botox เกาหลี
• ได้รับความนิยมมากในคลินิกไทยเพราะ ราคาย่อมเยาและคุณภาพคุ้มค่า
• ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับ Allergan แต่ราคาถูกกว่า
• กระจายตัวยาได้ดี ใช้ได้ทั้งการลดริ้วรอยและปรับรูปหน้า
• เห็นผลประมาณ 5-7 วันหลังฉีด และอยู่ได้นานราว 4-6 เดือน
• เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่คนไทยนิยมเลือกฉีดเป็นอันดับต้น ๆ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โบท็อกซ์ Neuronox เกาหลี ดีไหม ต่างจากฉีดโบยี่ห้ออื่นอย่างไร และ โบนิว Neuronox คืออะไร มีกี่รุ่น ข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร

5.Xeomin (ซีโอมิน) - Botox เยอรมัน
• จุดเด่นคือเป็นโบท็อกซ์ที่ปราศจากโปรตีนเสริม
• ลดโอกาสการเกิดการดื้อยา เหมาะสำหรับคนที่ฉีดโบท็อกซ์มานานหลายปี
• เห็นผลค่อนข้างเร็วภายใน 3-5 วัน
• อยู่ได้นานประมาณ 5-6 เดือน
• ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ดูไม่แข็ง

ข้อแนะนำก่อนฉีดโบท็อกซ์ เลี่ยงโบท็อกซ์ปลอม
ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์ หลายคนอาจคิดว่าเป็นหัตถการเล็ก ๆ ไม่ซับซ้อน แต่ความจริงแล้วถ้าขาดการเตรียมตัวหรือเลือกใช้บริการที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเสี่ยงต่อทั้งผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามคาด และอันตรายต่อสุขภาพได้ ดังนั้นการรู้ข้อแนะนำพื้นฐานก่อนฉีดโบท็อกซ์ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้ลดความเสี่ยงฉีดโบท็อกซ์ปลอม และได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการ

1.เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน
• ต้องเป็นคลินิกเวชกรรมที่มีใบอนุญาต
• มีแพทย์จริงที่มีใบประกอบวิชาชีพ ไม่ใช่หมอกระเป๋า
• คลินิกต้องสะอาด ปลอดภัย ใช้เครื่องมือที่ผ่านการฆ่าเชื้อ

2.ตรวจสอบว่าเป็นโบท็อกซ์แท้
• ต้องมีเลขทะเบียน อย.ที่สามารถตรวจสอบได้
• บรรจุภัณฑ์ต้องครบถ้วน ไม่บุบหรือซีดจาง
• แพทย์ควรเปิดกล่องและผสมยาให้ดูต่อหน้า
• ระวังการโฆษณาฉีดราคาถูกผิดปกติ เพราะอาจเป็นโบท็อกซ์ปลอม

3.เลือกยี่ห้อโบท็อกซ์ให้เหมาะกับตัวเอง
• แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติแตกต่างกัน เช่น Allergan เห็นผลนาน,, Xeomin ลดโอกาสดื้อยา
• ปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกยี่ห้อที่เหมาะกับปัญหาและงบประมาณของคุณ

4.แจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบ
• ควรแจ้งโรคประจำตัว เช่น โรคทางระบบประสาท กล้ามเนื้อ หรือโรคภูมิแพ้
• แจ้งหากกำลังใช้ยาบางชนิด เช่น ยาคลายกล้ามเนื้อ เพราะอาจมีผลต่อการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์
• หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรไม่ควรฉีด

5.การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์
• ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
• งดทานยาหรืออาหารเสริมที่ทำให้เลือดแข็งตัวยาก เช่น แอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลา
• นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายพร้อม

6.การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์
• ห้ามนอนราบภายใน 4 ชั่วโมงแรก
• หลีกเลี่ยงการนวดหน้า กดแรง ๆ หรือทำเลเซอร์ทันทีหลังฉีด
• ควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเบา ๆ เช่น ยิ้ม ขมวดคิ้ว เพื่อช่วยให้ตัวยากระจายตัวสม่ำเสมอ
• งดออกกำลังกายหนักและงดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง

ผลลัพธ์รูปหน้าจากการฉีดโบท็อกซ์ปลอม
โบท็อกซ์แท้เมื่อฉีดอย่างถูกต้อง จะช่วยให้รูปหน้าดูเรียวเล็ก ริ้วรอยจางลง และดูอ่อนเยาว์ แต่ถ้าเป็นโบท็อกซ์ปลอมที่ไม่มีคุณภาพหรือไม่ได้มาตรฐาน กลับให้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม บางรายไม่เพียงแค่รูปหน้าดูไม่สวยงาม แต่ยังทำให้รูปหน้าเสียหายจนยากจะแก้ไข ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์ปลอมมักทำให้เกิดปัญหาดังนี้

1.โบท็อกซ์ปลอมทำให้ใบหน้าดูแข็งตึงผิดธรรมชาติหรือไม่เห็นผล
• ริ้วรอยยังคงอยู่เหมือนเดิม เพราะตัวยาไม่มีประสิทธิภาพ
• บางรายฉีดแล้วเกิดอาการหน้าตึงแข็ง เวลายิ้ม พูด หรือแสดงสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติ

2.โบท็อกซ์ปลอมทำให้หน้าเบี้ยว ไม่สมมาตร
• ถ้าตัวยาไม่มีคุณภาพหรือกระจายตัวผิดตำแหน่ง อาจทำให้ตาข้างหนึ่งตก อีกข้างหนึ่งปกติ ปากเบี้ยว ยิ้มไม่เท่ากัน แก้มสองข้างไม่สมดุล ดูผิดรูป
• ปัญหานี้ต้องรอให้ฤทธิ์ยาเสื่อม ซึ่งใช้เวลาหลายเดือน

3.โบท็อกซ์ปลอมทำให้หนังตาตก - คิ้วตก
• ตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐานอาจไหลไปยังกล้ามเนื้อรอบดวงตา
• ส่งผลให้หนังตาตก คิ้วตก ทำให้หน้าดูเหนื่อย อ่อนเพลีย หรือดูแก่กว่าวัย

4.โบท็อกซ์ปลอมทำให้กรอบหน้าและสัดส่วนผิดเพี้ยน
• ปกติการฉีดโบท็อกซ์ลดกรามจะทำให้หน้าดูเรียวลง แต่ถ้าเป็นของปลอมอาจไม่ลดเลย หน้าใหญ่เท่าเดิม หรือบางครั้งทำให้ กล้ามเนื้อกรามอ่อนแรงเกินไป ส่งผลให้รูปหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
• ส่งผลให้รูปหน้าดูผิดธรรมชาติ ไม่เรียวสวยอย่างที่ตั้งใจ

5.โบท็อกซ์ปลอมทำให้เกิดริ้วรอยใหม่จากการเกร็งชดเชย
• เมื่อกล้ามเนื้อบางส่วนทำงานไม่ปกติ กล้ามเนื้อส่วนอื่นอาจเกร็งชดเชย
• ทำให้เกิดริ้วรอยใหม่ในตำแหน่งที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น รอยย่นบริเวณอื่น ๆ ของใบหน้า

สรุปผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกซ์ปลอมอาจทำให้รูปหน้าเสียทรง เบี้ยว หนังตาตก หรือดูแข็งไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งนอกจากจะเสียเงินโดยไม่ได้ผลแล้ว ยังอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือน ๆ กว่าฤทธิ์ยาจะหมดไป และทำให้เสี่ยงเกิดผลข้างเคียง รวมถึงอาจต้องรักษาด้วยหัตถการอื่นเพื่อแก้ไข ดังนั้นหากต้องการฉีดโบท็อกซ์เพื่อปรับรูปหน้า ควรเลือกโบท็อกซ์แท้และฉีดโดยแพทย์เท่านั้น

ฉีดโบท็อกซ์ปลอม แก้ไขได้อย่างไรบ้าง
หลายคนที่ไปฉีดโบท็อกซ์ปลอมมักเจอปัญหาใบหน้าเสียรูป หน้าเบี้ยว หนังตาตก หรือเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ซึ่งสร้างทั้งความกังวลและความไม่มั่นใจ คำถามที่ตามมาคือ ถ้าฉีดโบท็อกซ์ปลอมไปแล้วจะแก้ได้ไหม ? คำตอบคือ สามารถแก้ไขได้ แต่ต้องอาศัยเวลาและการดูแลจากแพทย์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายรุนแรง

1.พบแพทย์ทันทีหากสงสัยว่าฉีดโบท็อกซ์ปลอม
• หากสงสัยว่าได้รับการฉีดโบท็อกซ์ปลอม หรือมีอาการผิดปกติ เช่น หน้าเบี้ยว หนังตาตก ปวดบวมมาก ควรรีบปรึกษาแพทย์
• แพทย์จะตรวจประเมินว่าเป็นอาการจากโบท็อกซ์ปลอมหรือผลข้างเคียงจากการฉีดผิดตำแหน่ง

2.รอให้ฤทธิ์ยาของโบท็อกซ์ปลอมเสื่อมสลาย
• เนื่องจากโบท็อกซ์เป็นสารที่มีฤทธิ์ชั่วคราว ร่างกายจะค่อย ๆ ขับออกเองตามธรรมชาติ
• หากเป็นโบท็อกซ์แท้ อาการผิดรูปบางอย่างอาจดีขึ้นภายใน 3-6 เดือน
• แต่ถ้าเป็นโบท็อกซ์ปลอม อาจใช้เวลานานกว่า เพราะไม่รู้แน่ชัดว่าส่วนผสมคืออะไร

3.ใช้หัตถการอื่นช่วยแก้ไขปัญหาจากการฉีดโบท็อกซ์ปลอมชั่วคราว
• ในบางกรณีแพทย์อาจใช้วิธีอื่นช่วยให้ใบหน้าดูสมดุลขึ้น เช่น
- ฉีดฟิลเลอร์ เติมในบางตำแหน่งที่ดูยุบหรือไม่สมมาตร
- เลเซอร์หรือทรีตเมนต์ เพื่อลดอาการบวม อักเสบ
• แต่จะต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพราะยังมีตัวยาโบท็อกซ์ตกค้างอยู่

4.รักษาตามอาการจากการฉีดโบท็อกซ์ปลอม
• ถ้ามีการติดเชื้อจากการฉีดโบท็อกซ์ปลอม อาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษา
• ถ้ามีอาการแพ้จากการฉีดโบท็อกซ์ปลอม แพทย์จะให้ยาต้านการแพ้หรือสเตียรอยด์
• ถ้ามีอาการรุนแรง เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรงทั่วร่างกาย อาจต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อดูแลใกล้ชิด

5.หลีกเลี่ยงการฉีดซ้ำเองหลังฉีดโบท็อกซ์ปลอมมา
• ไม่ควรพยายามแก้โดยการไปฉีดโบท็อกซ์เพิ่มที่อื่นเอง เพราะอาจทำให้ปัญหาซ้ำซ้อนและรุนแรงขึ้น
• ต้องปล่อยให้แพทย์ประเมินและเลือกวิธีแก้ที่ลดความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงที่สุด

สรุปการแก้ไขปัญหาจากการฉีดโบท็อกซ์ปลอมสามารถทำได้ แต่ต้องอาศัยเวลาและความรู้ของแพทย์ วิธีที่ดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงฉีดโบท็อกซ์ปลอมตั้งแต่แรก โดยเลือกฉีดกับคลินิกที่น่าเชื่อถือ ใช้โบท็อกซ์แท้ และให้แพทย์เปิดกล่องผสมยาต่อหน้า เพื่อลดความเสี่ยง

โบท็อกซ์ปลอม vs โบท็อกซ์แท้ ต่างกันอย่างไร
โบท็อกซ์เป็นหนึ่งในหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมมาก แต่เพราะความต้องการสูงจึงทำให้มีโบท็อกซ์ปลอมระบาด ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคหลายคนสับสนว่าของแท้กับของปลอมต่างกันอย่างไร หากไม่ตรวจสอบให้ดีอาจเสี่ยงต่อทั้งความสวยและสุขภาพได้

โบท็อกซ์แท้
• ผ่านการรับรองจาก อย.และมาตรฐานสากล
• บรรจุภัณฑ์ชัดเจน ตัวอักษรไม่เบลอ มีวันผลิต-วันหมดอายุครบถ้วน
• บางยี่ห้อมี โฮโลแกรมหรือ QR Code ให้สแกนตรวจสอบ
• ตัวยามีความบริสุทธิ์ ผลลัพธ์ชัดเจนและสม่ำเสมอ
• ออกฤทธิ์ประมาณ 4-6 เดือน (ขึ้นกับยี่ห้อ)
• ลดความเสี่ยงหากฉีดโดยแพทย์ในคลินิกที่มีมาตรฐาน

โบท็อกซ์ปลอม
• ไม่มีเลข อย.หรือมีเลขที่ตรวจสอบไม่ได้
• กล่องและขวดเลียนแบบ แต่ตัวอักษรอาจเบลอ สีเพี้ยน หรือสะกดผิด
• ไม่มีโฮโลแกรมหรือ QR Code ป้องกันการปลอมแปลง
• ส่วนผสมไม่แน่นอน อาจไม่ใช่ Botulinum Toxin จริง หรือเจือปนสารอื่น
• ผลลัพธ์ไม่แน่นอน บางรายไม่เห็นผล หรือเกิดหน้าเบี้ยว หนังตาตก
• เสี่ยงติดเชื้อ อัมพาตชั่วคราว หรือแพ้รุนแรง

สรุปโบท็อกซ์แท้และโบท็อกซ์ปลอมแม้ภายนอกจะดูคล้ายกัน แต่ผลลัพธ์และความเสี่ยงต่ออันตรายต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากเลือกโบท็อกซ์ปลอมอาจไม่เพียงแค่เสียเงินฟรี แต่ยังเสี่ยงต่อการเสียรูปหน้าและสุขภาพร้ายแรง ทางที่ดีควรเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้โบท็อกซ์แท้ และทำโดยแพทย์เท่านั้น

วิธีสังเกตอาการหลังฉีดโบท็อกซ์ปลอม
โดยปกติการฉีดโบท็อกซ์แท้ที่ได้มาตรฐาน หากทำโดยแพทย์ ผลข้างเคียงจะมีเพียงเล็กน้อย เช่น รอยช้ำหรือบวมเล็กน้อย และหายไปเองในไม่กี่วัน แต่ถ้าเป็นโบท็อกซ์ปลอมหรือโบท็อกซ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจก่อให้เกิดอาการผิดปกติรุนแรงและอันตรายได้ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากอาการที่ควรระวังหลังฉีดโบท็อกซ์ปลอมต่อไปนี้

1.อาการทั่วไปที่ผิดปกติหลังฉีดโบท็อกซ์ปลอม
• บวม แดง ปวดรุนแรงผิดปกติที่จุดฉีด
• มีตุ่มนูนหรือก้อนแข็งใต้ผิวหนัง
• รอยช้ำหรืออักเสบที่ไม่หายไปใน 3-5 วัน

2.อาการที่เกี่ยวกับรูปหน้าหลังฉีดโบท็อกซ์ปลอม
• หน้าเบี้ยว ไม่สมมาตร เวลายิ้ม พูด หรือแสดงสีหน้า
• หนังตาตก คิ้วตก ดวงตาดูเล็กลง เหมือนง่วงนอนตลอดเวลา
• ปากตก ยิ้มไม่สุด หรือยิ้มไม่เท่ากัน

3.อาการทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อหลังฉีดโบท็อกซ์ปลอม
• กล้ามเนื้ออ่อนแรงเกินไป ขยับหน้าไม่เป็นธรรมชาติ
• มีอาการกลืนลำบาก พูดไม่ชัด
• ในบางรายอาจมีอาการคล้ายอัมพาตชั่วคราว

4.อาการแพ้หรือภาวะรุนแรงหลังฉีดโบท็อกซ์ปลอม
• ผื่น คัน ลมพิษขึ้นทั้งตัว
• หน้ามืด วิงเวียน หายใจติดขัด
• ความดันตก อาการเข้าข่ายแพ้รุนแรง ซึ่งต้องรีบรักษาทันที

สรุปหากหลังฉีดโบท็อกซ์แล้วมีอาการผิดปกติที่รุนแรง เช่น หน้าเบี้ยว หนังตาตก กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือมีอาการแพ้รุนแรง ควรสงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นโบท็อกซ์ปลอม หรือการฉีดที่ไม่ได้มาตรฐาน และต้องรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง

วิธีป้องกันไม่ให้ถูกหลอกฉีดโบท็อกซ์ปลอม
ปัจจุบันมีข่าวการจับกุมคลินิกเถื่อนและการลักลอบนำเข้าโบท็อกซ์ปลอมอยู่เสมอ หลายครั้งผู้เสียหายไม่เพียงแค่เสียเงินโดยไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ แต่ยังต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพและใบหน้าที่เสียรูป ซึ่งการป้องกันไม่ให้ถูกหลอกฉีดโบท็อกซ์ปลอมตั้งแต่แรกถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด มาดูกันว่ามีวิธีใดบ้างที่จะช่วยให้คุณไม่ตกเป็นเหยื่อของโบท็อกซ์ปลอม

1.เลือกคลินิกที่ถูกกฎหมายและได้มาตรฐาน
• ต้องเป็นคลินิกเวชกรรมที่มี ป้ายอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข
• ภายในคลินิกต้องสะอาด มีมาตรฐาน และมีแพทย์จริงที่มีใบประกอบวิชาชีพ

2.ตรวจสอบว่าเป็นโบท็อกซ์แท้
• ต้องมี เลขทะเบียน อย.ไทย ตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ อย.
• กล่องและขวดต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่บุบ ไม่ซีดจาง
• บางยี่ห้อจะมี สติกเกอร์โฮโลแกรมหรือ QR Code ให้สแกนเพื่อตรวจสอบ

3.ให้แพทย์ผสมและเปิดกล่องต่อหน้า
• ก่อนฉีดควรขอดูว่าแพทย์เปิดกล่องและผสมตัวยาต่อหน้า
• ขวดยาจะต้องซีลแน่นหนาและมีฉลากชัดเจน

4.ระวังโปรโมชั่นราคาถูกเกินจริง
• โบท็อกซ์แท้มีต้นทุนสูง หากเจอโปรโมชั่นราคาถูกเกินไป เช่น “หลักพันแต่ได้หลายร้อยยูนิต” ให้ระวังไว้ว่าอาจเป็นของปลอม
• ควรเลือกจากคุณภาพและความปลอดภัย มากกว่าราคาที่ล่อตาล่อใจ

5.เลือกฉีดกับแพทย์เท่านั้น
• ไม่ควรฉีดกับบุคคลทั่วไป หรือที่เรียกว่า “หมอกระเป๋า”
• แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะรู้ตำแหน่งที่เหมาะสมในการฉีด และสามารถรับผิดชอบหากเกิดภาวะแทรกซ้อน

6.ศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ
• ควรรู้จักยี่ห้อโบท็อกซ์แท้ที่นิยมในไทย เช่น Allergan, Dysport, Nabota, Neuronox, Xeomin
• หากคลินิกนำเสนอยี่ห้อที่ไม่เคยได้ยินชื่อ ควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่าผ่าน อย.หรือไม่

สรุปการป้องกันไม่ให้ถูกหลอกฉีดโบท็อกซ์ปลอมทำได้ง่าย ๆ โดยเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบเลข อย.ให้แพทย์เปิดกล่องต่อหน้า และอย่าหลงเชื่อโปรโมชั่นราคาถูกเกินจริง สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าโบท็อกซ์ที่ฉีดเป็นของแท้ ลดความเสี่ยง และได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

สรุปอันตรายของโบท็อกซ์ปลอม
สรุปแม้โบท็อกซ์จะเป็นตัวช่วยที่ดีในการลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้า แต่หากเลือกผิดพลาดไปใช้โบท็อกซ์ปลอม ผลลัพธ์อาจไม่เพียงแค่ไม่สวยดังใจ แต่ยังเสี่ยงต่อการเสียรูปหน้า การติดเชื้อ หรือแม้กระทั่งอันตรายถึงชีวิตได้ การฉีดโบท็อกซ์ที่ลดความเสี่ยงอันตราย จึงควรทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้โบท็อกซ์แท้ที่ผ่านการรับรอง และทำโดยแพทย์เท่านั้น เพื่อให้มั่นใจได้ทั้งในเรื่องความสวยงามและลดความเสี่ยงในระยะยาว

* ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
* ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง*
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ
ปรึกษาฟรี พร้อมรับ โปรโมชั่นพิเศษ ก่อนใคร
โปรโมชั่นต่างๆ
เรื่อง โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย ที่คุณอาจสนใจ