มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน คืออะไร เหมาะกับใคร มีกี่แบบ มีข้อควรระวังอย่างไร
มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน
มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน คืออะไร เหมาะกับใคร มีกี่แบบ ข้อควรระวังอย่างไร
มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน มีกี่แบบ เนื้อบางเบา ซึมไว ไม่อุดตัน
หลายคนที่มีผิวมันมักเข้าใจผิดว่าผิวประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ เพราะผิวมีน้ำมันอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริง “ผิวมันก็ยังขาดน้ำได้” และเมื่อผิวขาดน้ำ ร่างกายจะยิ่งผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ส่งผลให้หน้ามันง่ายกว่าเดิม รวมถึงเกิดสิวและปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา การเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญ ไม่เพียงช่วยเติมน้ำและปรับสมดุลผิว แต่ยังช่วยลดการอุดตัน ควบคุมความมัน และทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นอีกด้วย
ในบทความนี้จะพามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน ตั้งแต่คืออะไร ประโยชน์ วิธีเลือก ไปจนถึงข้อควรระวังและเคล็ดลับการดูแลผิวร่วมกันอย่างถูกวิธี
มอยเจอร์ไรเซอร์ มีกี่ประเภท เลือกอย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว
สาเหตุที่ทำให้ผิวมันมีอะไรบ้าง
สาเหตุที่ทำให้ผิวมันมีได้หลายปัจจัย ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
1.พันธุกรรม
• หากครอบครัวมีลักษณะผิวมัน ก็มีแนวโน้มสูงที่ลูกหลานจะมีผิวมันเช่นกัน
• ต่อมไขมันทำงานมากกว่าปกติ จึงผลิตน้ำมันออกมามากโดยธรรมชาติ
2.ฮอร์โมน
• ช่วงวัยรุ่น ฮอร์โมนแอนโดรเจนสูงขึ้น กระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมาก
• ช่วงมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือภาวะฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ก็ทำให้ผิวมันง่ายขึ้น
• ความเครียดก็มีส่วน ทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล ส่งผลให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น
3.การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม
• ใช้โฟมล้างหน้าที่ทำให้ผิวแห้งเกินไป ผิวผลิตน้ำมันมาชดเชย
• ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์หรือครีมที่มีน้ำมันหนักเกินไป เกิดความมันส่วนเกินและอุดตัน
• ใช้สกินแคร์หรือเมกอัพที่มีส่วนผสมก่อให้เกิดการอุดตัน
4.การล้างหน้าบ่อยเกินไป
• การล้างหน้าถี่ ๆ ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น
• ผิวจึงตอบสนองด้วยการผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ยิ่งล้างก็ยิ่งมัน
5.สภาพแวดล้อมและอากาศ
• อากาศร้อนและความชื้นสูง กระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น
• เมืองไทยมีภูมิอากาศร้อนชื้น ทำให้ผิวมันง่ายกว่าประเทศที่มีอากาศเย็นแห้ง
6.พฤติกรรมการใช้ชีวิต
• การนอนดึก ขาดการพักผ่อน ทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน
• การรับประทานอาหารมันจัด ทอด ขนมหวาน น้ำตาลสูง หรือดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น
• ความเครียดสะสม ทำให้ผิวไม่สมดุลและมันง่าย
7.ผิวขาดน้ำ
• แม้ผิวจะมัน แต่ถ้าขาดความชุ่มชื้นในผิวชั้นใน ร่างกายจะผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมาทดแทน
• พบได้บ่อยในคนที่ใช้โทนเนอร์หรือผลิตภัณฑ์ควบคุมความมันแรงเกินไป
มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน คืออะไร
มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ถูกออกแบบมาเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิว โดยไม่เพิ่มความมันส่วนเกินหรือก่อให้เกิดการอุดตัน เหมาะสำหรับคนที่มีผิวมันหรือผิวผสม ซึ่งมักมีปัญหาหน้ามันระหว่างวัน รูขุมขนกว้าง และเสี่ยงต่อการเกิดสิวได้ง่าย
ความหมายของมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน
• มอยเจอร์ไรเซอร์ทั่วไปมีหน้าที่หลักคือช่วยกักเก็บน้ำในผิว ป้องกันการสูญเสียน้ำ และเสริมปราการผิวให้แข็งแรง
• แต่สำหรับมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน จะถูกปรับสูตรให้เนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ และ ไม่มีน้ำมันอุดตันรูขุมขน (Oil-free / Non-comedogenic)
• เน้นการใช้สารให้ความชุ่มชื้นแบบ Water-based เช่น ไฮยาลูรอนิกแอซิด กลีเซอรีน แทนที่จะใช้สารให้ความชุ่มชื้นที่เป็นน้ำมันหนัก ๆ
คุณสมบัติเด่นของมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน
• เติมน้ำให้ผิวโดยไม่เพิ่มน้ำมัน มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันช่วยแก้ปัญหาผิวมันขาดน้ำ
• ควบคุมความมัน บางสูตรมีส่วนผสมที่ช่วยลดการผลิตน้ำมัน เช่น ไนอาซินาไมด์ ซิงก์ PCA
• ลดการอุดตันและสิว มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันเนื้อบางเบา ไม่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน
• ให้สัมผัสสดชื่น มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันส่วนใหญ่เป็นเจล ครีมบางเบา หรือโลชั่นที่ซึมซาบเร็ว
ส่วนผสมที่มักพบในมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน
• Hyaluronic Acid เติมความชุ่มชื้นให้ผิวโดยไม่ทำให้มัน
• Niacinamide (วิตามินบี 3) ควบคุมความมัน ลดการอักเสบ และช่วยกระชับรูขุมขน
• Salicylic Acid (BHA) ลดสิวอุดตัน เหมาะกับคนผิวมันเป็นสิวง่าย
• Green Tea Extract / Zinc PCA ควบคุมความมันส่วนเกินและลดการอักเสบของผิว
ทำไมควรใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน
ควรใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน เพราะผิวมันยังขาดน้ำได้ เมื่อผิวขาดความชุ่มชื้น ร่างกายจะผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมาเพื่อชดเชย ทำให้ผิวมันมากขึ้น การทามอยเจอร์ไรเซอร์ช่วยเติมน้ำและล็อกความชุ่มชื้นในผิว ทำให้ผิวมีสมดุล ลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน ช่วยให้ผิวแข็งแรงและป้องกันการเกิดสิว นอกจากนี้ มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันยังช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว ลดการระคายเคือง และทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นด้วย จึงเหมาะกับผิวมันที่ต้องการรักษาความชุ่มชื้นโดยเลือกใช้สูตรที่บางเบา ไม่อุดตัน และเหมาะสำหรับผิวมันโดยเฉพาะ
มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันช่วยอะไรบ้าง
แม้ว่าหลายคนที่มีผิวมันจะกังวลว่าการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์อาจทำให้หน้ามันกว่าเดิม แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีมอยเจอร์ไรเซอร์สูตรสำหรับผิวมัน ด้วยการพัฒนาให้มีเนื้อบางเบา ไม่เพิ่มความมัน และช่วยปรับสมดุลผิวให้แข็งแรง ซึ่งมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันมีข้อดีดังนี้
1.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างสมดุล
• ถึงแม้ผิวมันจะผลิตน้ำมันมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าผิวจะมีน้ำเพียงพอ
• หากผิวขาดน้ำ ร่างกายจะสั่งให้ต่อมไขมันทำงานหนักขึ้น ผลิตน้ำมันมาทดแทน หน้ายิ่งมันกว่าเดิม
• มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันจึงช่วยเติมน้ำโดยไม่เพิ่มน้ำมัน ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและไม่แห้งตึง
• ส่วนผสมยอดนิยม เช่น Hyaluronic Acid, Glycerin, Aloe Vera Extract ที่เน้นดึงน้ำเข้าสู่ผิว
2.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันช่วยควบคุมความมันส่วนเกิน
• หลายสูตรมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันมีสารที่ช่วยปรับสมดุลการผลิตน้ำมัน เช่น Niacinamide, Zinc PCA
• เมื่อผิวได้รับความชุ่มชื้นที่เหมาะสม ต่อมไขมันจะไม่ต้องผลิตน้ำมันเกินความจำเป็น
• ผลลัพธ์คือผิวดูมันน้อยลง ควบคุมความมันระหว่างวันได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องหน้ามันเยิ้ม
3.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันช่วยลดการเกิดสิวและการอุดตัน
• มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันจะเน้นเป็น สูตร Oil-free และ Non-comedogenic ซึ่งไม่อุดตันรูขุมขน
• บางสูตรมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันยังเสริมด้วยสารที่ช่วยลดสิว เช่น Salicylic Acid (BHA), Tea Tree Oil, Green Tea Extract ที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบและต้านเชื้อแบคทีเรีย
• การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันที่เหมาะสมจึงช่วยลดการเกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบได้
4.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันช่วยฟื้นฟูและเสริมเกราะป้องกันผิว
• คนผิวมันมักเผชิญปัญหาใช้โฟมล้างหน้าที่แรงเกินไปหรือล้างหน้าบ่อย ทำให้เกราะป้องกันผิวเสียหาย
• เมื่อเกราะป้องกันผิวอ่อนแอ จะทำให้ผิวสูญเสียน้ำง่ายขึ้นและไวต่อการระคายเคือง
• มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันช่วยเติมไขมันดีและน้ำในผิว ทำให้ผิวแข็งแรง ทนทานต่อมลภาวะและการเปลี่ยนแปลงของอากาศ
5.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันทำให้ผิวเรียบเนียนและแต่งหน้าติดทน
• การแต่งหน้าบนผิวที่ขาดน้ำหรือมันเกินไป จะทำให้เครื่องสำอางไม่ติดทน
• มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันช่วยปรับสมดุลผิว ให้เรียบเนียนและชุ่มชื้นพอดี
• รองพื้นหรือแป้งจะเกาะผิวได้ดีขึ้น ไม่เป็นคราบหรือลอก และลดปัญหาเมกอัพหลุดเพราะหน้ามัน
6.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
• แม้ผิวมันจะดูมีข้อดีตรงที่ริ้วรอยมาได้ช้ากว่าผิวแห้ง แต่ถ้าผิวมันขาดน้ำก็ยังเกิดริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ง่าย
• การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันช่วยเติมน้ำให้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและยืดหยุ่น ลดโอกาสเกิดริ้วรอยเล็ก ๆ
• การบำรุงด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันต่อเนื่องจะช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของผิวในระยะยาว
มอยเจอร์ไรเซอร์แบบไหนที่เหมาะกับผิวมัน
สำหรับคนที่มีผิวมัน การเลือกเนื้อมอยเจอร์ไรเซอร์เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าเลือกเนื้อผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะ อาจทำให้หน้ามันเยิ้ม สิวขึ้นง่าย หรือรู้สึกเหนอะหนะเวลาใช้ได้ ดังนั้นควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันเนื้อสัมผัสที่บางเบาและซึมซาบง่ายเป็นหลัก เนื้อมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับผิวมัน มีดังนี้
1.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันเนื้อเจล (Gel)
• ข้อดี มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันเนื้อใส บางเบา ซึมเร็ว ให้ความรู้สึกเย็นสบายผิว
• เหมาะกับ ผิวมันหรือผิวมันขาดน้ำ เพราะช่วยเติมน้ำโดยไม่เพิ่มความมัน
• มักมีส่วนผสมอย่าง Hyaluronic Acid, Glycerin, Aloe Vera ที่ช่วยกักเก็บน้ำ
2.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันเนื้อเจลครีม (Gel-Cream / Water Cream)
• ข้อดี มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันเนื้อสัมผัสบางเบาเหมือนเจล แต่มีความชุ่มชื้นยาวนานกว่า
• เหมาะกับ คนผิวมันที่ต้องการบำรุงมากขึ้นเล็กน้อย เช่น ผิวมันแต่ลอกเป็นขุย หรือผิวมันที่ขาดน้ำ
• ให้สัมผัสชุ่มฉ่ำ แต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ
3.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันเนื้อโลชั่นบางเบา (Light Lotion / Emulsion)
• ข้อดี มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันเป็นเนื้อที่อยู่ระหว่างเจลกับครีม มีความบางเบาแต่ยังให้ความชุ่มชื้นได้ดี
• เหมาะกับ ผิวมัน-ผิวผสม โดยเฉพาะคนที่ต้องการมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยเติมน้ำและบำรุงผิวให้เนียนนุ่มขึ้น
มอยเจอร์ไรเซอร์แบบไหนที่ไม่เหมาะกับผิวมัน
ถ้าเลือกเนื้อมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันไม่เหมาะสม อาจจะเกิดผลเสียกับผิวมัน เพราะไม่ใช่มอยเจอร์ไรเซอร์ทุกชนิดจะเหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวมันที่มีความเสี่ยงต่อการอุดตันและสิวง่าย เนื้อมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ไม่เหมาะกับผิวมัน ได้แก่
1.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันเนื้อครีมเข้มข้น
• ลักษณะ เนื้อหนา ข้น มักมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลัก
• ปัญหากับผิวมัน เพิ่มความมันเงา ทำให้รูขุมขนอุดตันง่าย เสี่ยงสิวอุดตันและสิวอักเสบ
• เหมาะกับ ผิวแห้งมาก หรือผิวแห้งลอก ไม่เหมาะกับผิวมัน
2.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันเนื้อบาล์ม (Balm)
• ลักษณะ เนื้อแน่น หนัก เกลี่ยแล้วเคลือบผิวหนา ๆ คล้ายแว็กซ์
• ปัญหากับผิวมัน ปิดกั้นรูขุมขน ทำให้ผิวหายใจไม่สะดวก และเพิ่มการสะสมของน้ำมันใต้ผิว
• เหมาะกับ การทาบริเวณเฉพาะจุดในผิวแห้งแตก ไม่เหมาะสำหรับทาทั่วหน้าในผิวมัน
3.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันเนื้อออยล์ (Oil-based Moisturizer)
• ลักษณะ ใช้น้ำมันเป็นเบส เช่น Coconut Oil, Mineral Oil, Olive Oil
• ปัญหากับผิวมัน ทำให้ผิวมันเยิ้มเกินไป อุดตันรูขุมขนง่าย กระตุ้นสิวโดยตรง
• เหมาะกับ ผิวแห้งจัดหรือผิวเป็นขุย แต่ไม่ควรใช้กับผิวมัน
4.มอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีแอลกอฮอล์รุนแรง
• ลักษณะ เนื้อสัมผัสเบาสบาย แต่ใช้แอลกอฮอล์แรงในการทำให้ซึมไว
• ปัญหากับผิวมัน ทำให้ผิวแห้งตึงในระยะสั้น แต่ยิ่งกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้นในระยะยาว หน้ามันกว่าเดิม
วิธีเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับปัญหาผิวมัน
การเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน ไม่ได้มีแค่การดูว่าเป็นสูตร Oil-Free หรือไม่ แต่ควรเลือกให้ตรงกับปัญหาผิวมันเฉพาะแต่ละแบบด้วย จะได้ช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุดและเห็นผลชัดเจน วิธีเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับปัญหาผิวมัน มีดังนี้
1.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน สำหรับผิวมันและเป็นสิวง่าย
• ควรเลือก สูตร Oil-Free, Non-Comedogenic มีส่วนผสมลดการอุดตันและลดสิว เช่น Salicylic Acid (BHA), Niacinamide, Tea Tree Extract เนื้อเจลหรือเจลครีมที่บางเบา
• ควรเลี่ยง ครีมเนื้อหนัก น้ำมันเข้มข้น (Coconut Oil, Mineral Oil) และซิลิโคนมากเกินไป
2.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน สำหรับผิวมันขาดน้ำ
• ลักษณะ หน้ามันแต่ยังรู้สึกแห้งตึง ลอกเป็นขุยบ้าง เกิดจากผิวขาดน้ำแต่ผลิตน้ำมันเกินชดเชย
• ควรเลือก มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ เติมน้ำให้ผิว เช่น Hyaluronic Acid , Glycerin, Aloe Vera เนื้อเจลใสหรือเจลครีม ซึมไว ไม่เพิ่มความมัน
• ควรเลี่ยง ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์รุนแรง ทำให้ผิวสูญเสียน้ำมากขึ้น
3.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน สำหรับผิวมันและรูขุมขนกว้าง
• ควรเลือก ส่วนผสมช่วยกระชับรูขุมขนและควบคุมความมัน เช่น Niacinamide, Zinc PCA, Green Tea Extract เนื้อโลชั่นบางเบาหรือเจลครีมที่ให้ความชุ่มชื้นโดยไม่หนักผิว
• ควรเลี่ยง ครีมเข้มข้นที่ทำให้รูขุมขนดูกว้างขึ้นหรือเกิดการอุดตัน
4.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน สำหรับผิวมันและแพ้ง่าย
• ควรเลือก สูตรอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และพาราเบน ส่วนผสมปลอบประโลมผิว เช่น Centella Asiatica, Chamomile, Panthenol เนื้อสัมผัสบางเบา ไม่เคลือบผิวหนา
• ควรเลี่ยง น้ำหอม ซิลิโคน และสารกันเสียที่อาจก่อการระคายเคือง
มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันมีกี่แบบ อะไรบ้าง
มอยเจอร์ไรเซอร์มีหลายเนื้อสัมผัสให้เลือก การเข้าใจว่าแต่ละชนิดมีลักษณะอย่างไร จะช่วยให้เลือกได้เหมาะกับตัวเองมากขึ้น ดังนี้
1.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันเนื้อเจล (Gel)
• ลักษณะ เนื้อใส เบาบาง เกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่เหนอะหนะ
• เหมาะกับ ผิวมัน, ผิวมันขาดน้ำ, ผิวที่อยู่ในสภาพอากาศร้อนชื้น
• ข้อดี เติมน้ำให้ผิวโดยไม่เพิ่มความมัน
2.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันเนื้อเจลครีม (Gel-Cream / Water Cream)
• ลักษณะ กึ่งเจลกึ่งครีม ให้ความชุ่มชื้นมากกว่าเจลแต่ไม่หนักผิว
• เหมาะกับ ผิวมัน-ผิวผสม, ผิวมันที่มีปัญหาขาดน้ำ
• ข้อดี ซึมง่าย ให้ผิวอิ่มน้ำยาวนานขึ้น
3.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันเนื้อโลชั่น (Lotion / Emulsion)
• ลักษณะ เนื้อเหลวบางเบา ซึมไว เบากว่าครีมเข้มข้น
• เหมาะกับ ผิวผสม-ผิวมัน, ผิวธรรมดาที่ไม่ต้องการบำรุงหนักมาก
• ข้อดี ให้ความชุ่มชื้นกำลังดี ใช้ง่าย ไม่เหนอะหนะ
4.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันเนื้อครีม (Cream)
• ลักษณะ เนื้อข้นและหนักกว่าทุกแบบ ให้ความชุ่มชื้นสูง
• เหมาะกับ ผิวแห้งมาก, ผิวแห้งลอก, ผิวในสภาพอากาศหนาวเย็น
• ข้อดี เคลือบปกป้องผิวได้ดีมาก รักษาความชุ่มชื้นยาวนาน
5.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันเนื้อบาล์ม (Balm)
• ลักษณะ เนื้อแน่น มัน คล้ายแว็กซ์หรือออยล์ เคลือบผิวหนา
• เหมาะกับ ผิวแห้งแตกเป็นขุยเฉพาะจุด เช่น ข้อศอก ส้นเท้า ริมฝีปาก
• ข้อดี ให้การปกป้องสูงสุด ใช้เฉพาะจุดได้ดี
6.มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันเนื้อฟลูอิด / เซรั่ม (Fluid / Serum)
• ลักษณะ เนื้อเหลวใสหรือกึ่งน้ำ เน้นซึมเร็วมาก
• เหมาะกับ ผิวมันหรือผิวผสมที่ไม่ชอบความเหนอะหนะ
• ข้อดี เบาสุด เหมือนได้ทั้งบำรุงและความชุ่มชื้นในขั้นตอนเดียว
วิธีการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันให้เหมาะสม
หลายคนที่มีผิวมัน มักกังวลว่าการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์จะทำให้หน้ามันเยิ้มกว่าเดิม แต่ในความจริงแล้ว การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ถูกต้องจะช่วยเติมน้ำให้ผิว ลดความมันส่วนเกิน และป้องกันสิว หากเลือกสูตรที่เหมาะและใช้ในปริมาณที่ถูกต้อง
1.เลือกสูตรมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันที่เหมาะก่อนใช้
• เน้นสูตร Oil-Free และ Non-Comedogenic เพื่อป้องกันการอุดตันรูขุมขน
• เลือกเนื้อสัมผัส เจล เจลครีม หรือโลชั่นบางเบา ที่ซึมซาบไว ไม่หนักหน้า
• ดูส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมัน เช่น Niacinamide, Zinc PCA, Green Tea Extract
• หลีกเลี่ยงครีมเข้มข้นหรือบาล์มที่มีน้ำมันสูง เพราะจะทำให้หน้ามันเยิ้มและอุดตัน
2.ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันในปริมาณที่เหมาะสม
• สำหรับผิวมัน ไม่จำเป็นต้องใช้ในปริมาณมาก
• ปริมาณที่เหมาะคือ เท่าเม็ดถั่วเขียว-เมล็ดข้าวโพด สำหรับทาทั่วใบหน้าและลำคอ
• ถ้าใช้มากเกินไปจะทำให้ผิวเหนอะหนะ มันไวขึ้น และเสี่ยงต่อการอุดตัน
3.ทามอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันขณะที่ผิวยังหมาดเล็กน้อย
• หลังล้างหน้าและเช็ดผิวเบา ๆ ให้หมาด ควรรีบทามอยเจอร์ไรเซอร์ทันที
• เพราะผิวที่ยังมีความชื้นจะช่วยให้สารบำรุงกักเก็บน้ำได้ดีกว่า
• เทคนิคนี้ช่วยให้ผิวมันที่ขาดน้ำกลับมาชุ่มชื้นสมดุล
4.ทามอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันให้ทั่วใบหน้า ไม่ใช่เฉพาะ T-zone
• หลายคนที่มีผิวมันมักโฟกัสทาเฉพาะบริเวณที่มันง่าย เช่น หน้าผาก จมูก คาง
• แต่จริง ๆ แล้วบริเวณแก้มและกรามก็มักขาดน้ำง่ายเช่นกัน
• หากละเลยจุดเหล่านี้ ผิวจะไม่สมดุล และอาจทำให้ผลิตน้ำมันเพิ่มในจุดอื่น
5.ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุงผิว
• ตอนเช้า ทามอยเจอร์ไรเซอร์เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุง ก่อนทากันแดด
• ตอนกลางคืน ทามอยเจอร์ไรเซอร์ปิดท้ายสกินแคร์รูทีน เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นตลอดคืน
6.ปรับการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันตามสภาพผิวและสภาพอากาศ
• หากอากาศร้อนชื้น ใช้เนื้อเจลบางเบา จะช่วยให้สบายผิว ไม่เหนอะหนะ
• หากอยู่ในห้องแอร์หรืออากาศแห้ง ใช้เนื้อเจลครีมหรือโลชั่นบางเบา เพื่อคงความชุ่มชื้นยาวนานขึ้น
• หากช่วงไหนผิวมันมากกว่าปกติ ลดปริมาณที่ใช้ หรือเลือกสูตรที่ควบคุมความมันเพิ่ม
7.หมั่นสังเกตผิวหลังการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน
• ถ้าใช้แล้วผิวมันเยิ้มเร็วขึ้น อาจเป็นเพราะสูตรหนักเกินไป
• ถ้าใช้แล้วผิวลอกหรือยังแห้งตึง อาจต้องเพิ่มปริมาณ หรือเปลี่ยนเป็นสูตรที่ชุ่มชื้นมากกว่า
• หากเกิดสิวอุดตันหรือผื่นแพ้ หยุดใช้และลองเปลี่ยนเป็นสูตรอ่อนโยน
ข้อควรระวังในการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน
หลายคนที่มีผิวมันมักเข้าใจผิดว่า ยิ่งใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ ผิวจะมันกว่าเดิม แต่ในความจริงแล้ว การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ถูกต้องช่วยปรับสมดุลและลดความมันส่วนเกินได้ แต่ก็มีข้อควรระวังที่ต้องใส่ใจ เพราะหากเลือกผิดหรือใช้ไม่ถูกวิธี อาจทำให้ผิวมันมากขึ้น เกิดสิวอุดตัน และผิวเสียสมดุลได้
1.หลีกเลี่ยงมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันสูตรที่มีน้ำมันหนักเกินไป
• น้ำมันบางชนิด เช่น Mineral Oil, Coconut Oil, Lanolin เป็นสารที่ให้ความชุ่มชื้นสูง แต่มีโอกาสอุดตันรูขุมขนง่าย
• สำหรับคนผิวมัน การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีน้ำมันเหล่านี้จะทำให้หน้ามันเยิ้ม และกระตุ้นให้เกิดสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ
• หากต้องการความชุ่มชื้น ควรเลือกสารเติมน้ำอย่าง Hyaluronic Acid, Glycerin แทน
2.อย่าเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันเนื้อครีมเข้มข้นเกินความจำเป็น
• มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อครีมหนัก หรือสูตรที่มีน้ำมันเป็นเบส เหมาะกับผิวแห้งมากเท่านั้น
• สำหรับผิวมัน เนื้อสัมผัสนี้จะเกาะบนผิวหนา ทำให้รูขุมขนถูกปิดกั้น และเกิดการสะสมความมันส่วนเกิน อุดตันง่าย
• ทางที่ดีควรเลือกเนื้อเจล เจลครีม หรือโลชั่นบางเบา ที่ซึมซาบไว
3.เลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันสูตร Oil-Free และ Non-Comedogenic
• มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน สูตร Oil-Free ปราศจากน้ำมันที่ทำให้ผิวมันเยิ้ม
• มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน สูตร Non-Comedogenic ผ่านการทดสอบว่าไม่ก่อให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน
• มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันทั้งสองสูตรเหมาะกับผิวหน้ามันและลดความเสี่ยงเป็นสิว
4.ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันในปริมาณที่เหมาะสม
• คนผิวมันไม่จำเป็นต้องใช้เยอะ เพราะผิวมีน้ำมันธรรมชาติเพียงพออยู่แล้ว
• ปริมาณที่เหมาะคือประมาณเม็ดถั่วเขียวถึงเมล็ดข้าวโพด สำหรับทั่วทั้งใบหน้า
• หากใช้มากเกินไปจะทำให้ผิวเหนอะหนะ รู้สึกมันไวขึ้น และอาจทำให้สิวอุดตัน
5.ระวังส่วนผสมมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันที่อาจก่อการระคายเคือง
• ส่วนผสมที่ควรเลี่ยงในคนผิวมัน-ผิวแพ้ง่าย ได้แก่
- แอลกอฮอล์รุนแรง ทำให้ผิวแห้งตึงในระยะสั้น แต่กระตุ้นให้ผลิตน้ำมันมากขึ้น
- น้ำหอม ก่อการแพ้และระคายเคืองในบางคน
- พาราเบนบางชนิด แม้จะเป็นสารกันเสีย แต่บางคนผิวมัน-แพ้ง่ายอาจเกิดการแพ้ได้
• หากเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ ควรดูฉลากและเลือกสูตรอ่อนโยน
6.อย่าทาเฉพาะจุดที่มัน แต่ควรทามอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันทั่วหน้า
• หลายคนที่มีผิวมันมักโฟกัสการทาที่ T-zone (หน้าผาก จมูก คาง)
• แต่ผิวส่วนอื่นอย่างแก้มและขากรรไกรก็มักขาดน้ำง่ายเช่นกัน
• การทาให้ทั่วทั้งใบหน้าจะช่วยให้ผิวสมดุลทั้งหน้า ไม่มันบางจุดและไม่แห้งบางจุด
7.หมั่นสังเกตอาการผิดปกติหลังใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน
• หากใช้แล้วเกิดสิวผด สิวอุดตัน หรือผื่นแพ้ ควรหยุดใช้ทันที
• บางครั้งอาจไม่ใช่ว่าผิวมันใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ไม่ได้ แต่เป็นเพราะสูตรไม่เหมาะสมกับผิว
• ควรปรับไปใช้สูตรเบากว่า หรือเลือกแบรนด์ที่ออกแบบมาสำหรับผิวมันโดยเฉพาะ
เคล็ดลับดูแลผิวร่วมกับมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน
หลายคนที่มีผิวมันมักเผชิญกับปัญหาหน้ามันเยิ้ม สิวอุดตัน รูขุมขนกว้าง หรือบางครั้งผิวมัน แต่ก็ยังแห้งลอกในบางจุด ซึ่งทั้งหมดนี้มักเกิดจากความไม่สมดุลของผิว การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมจะช่วยได้มาก แต่ถ้าอยากให้เห็นผลชัดเจน ควรดูแลผิวในด้านอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย
1.ล้างหน้าอย่างถูกวิธี
การล้างหน้าบ่อยเกินไป หรือใช้โฟมล้างหน้าที่แรงเกินไป จะทำให้ผิวสูญเสียน้ำจนกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานหนักขึ้น หน้ามันกว่าเดิม
เคล็ดลับ
• ล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้ง (เช้า-เย็น) ก็เพียงพอ
• เลือกคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน ไม่มีซัลเฟตแรง ๆ
• หากหน้ามันระหว่างวัน ใช้กระดาษซับมันแทนการล้างหน้าเพิ่ม
2.ใช้โทนเนอร์หลังล้างหน้า
ผิวมันส่วนใหญ่ขาดน้ำในชั้นผิว ทำให้ยิ่งผลิตน้ำมันมาทดแทน
โทนเนอร์ที่ควรเลือก
• สูตร Hydrating ที่มี Hyaluronic Acid, Glycerin, Rose Water
• หลีกเลี่ยงโทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์แรง เพราะจะทำให้ผิวแห้งตึงและผลิตน้ำมันเพิ่ม
3.เสริมเซรั่มควบคุมความมันและสิว
มอยเจอร์ไรเซอร์ช่วยเติมความชุ่มชื้น แต่หากผิวมีปัญหาสิวหรือมันมาก ควรใช้เซรั่มควบคู่ด้วย
เซรั่มที่เหมาะกับผิวมัน
• Niacinamide ลดความมัน กระชับรูขุมขน
• Zinc PCA ควบคุมการผลิตน้ำมัน
• Salicylic Acid (BHA) ลดสิวอุดตันและผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
4.ไม่ลืมทาครีมกันแดดทุกวัน
แสงแดดและรังสี UV ทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวสูญเสียน้ำและยิ่งมันง่าย
กันแดดที่เหมาะกับผิวมัน
• สูตร Oil-Free, Non-Comedogenic
• เนื้อเจล, ฟลูอิด, หรือ Water-based ที่ซึมไว ไม่เหนอะหนะ
• เลือก SPF 30-50 PA+++ ขึ้นไปสำหรับใช้ทุกวัน
5.ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
เซลล์ผิวที่ตายแล้วและน้ำมันสะสม ทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิว
วิธีที่เหมาะสม
• ผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมีอ่อน ๆ เช่น Salicylic Acid (BHA), Lactic Acid (AHA)
• ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็พอ ไม่ควรทำทุกวัน
• หลีกเลี่ยงสครับเม็ดหยาบแรง ๆ เพราะจะทำให้ผิวอักเสบ
6.ปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต
• ลดของทอด ของมัน และอาหารที่มีน้ำตาลสูง เพราะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำมันเพิ่ม
• รับประทานผัก ผลไม้ที่มีวิตามินซี อี และสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยให้ผิวแข็งแรง
• ควรดื่มน้ำวันละ 1.5-2 ลิตร เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน
• พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด เพราะฮอร์โมนคอร์ติซอลจากความเครียดจะทำให้ผิวมันเป็นสิว
7.ใช้มาสก์หน้าช่วยเสริมการบำรุง
• Clay Mask (มาสก์โคลน) ดูดซับความมันส่วนเกิน สิ่งสกปรก และลดการอุดตันรูขุมขน ใช้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
• Sheet Mask หรือเจลมาสก์เติมน้ำ ช่วยให้ผิวมันที่ขาดน้ำกลับมาชุ่มชื้นสมดุล เหมาะสำหรับใช้ในวันที่ผิวล้า
มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันควรทาบ่อยแค่ไหน
สำหรับผิวมัน ควรทามอยเจอร์ไรเซอร์วันละ 2 ครั้ง คือหลังล้างหน้าตอนเช้าและก่อนนอน เพราะเวลานี้ผิวจะเปิดรับการบำรุงได้ดีที่สุด การทามอยเจอร์ไรเซอร์ช่วยล็อกความชุ่มชื้นในชั้นผิว ป้องกันไม่ให้ผิวสูญเสียน้ำ และลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน นอกจากนี้ ควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์สูตรบางเบา เช่น เนื้อเจล หรือโลชั่น ที่ไม่อุดตันรูขุมขน เพื่อรักษาสมดุลความชุ่มชื้นและควบคุมความมันได้ดี
มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันใช้ก่อนแต่งหน้าได้ไหม
มอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวมันสามารถใช้ก่อนแต่งหน้าได้ เพื่อช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวและเตรียมผิวให้พร้อมรับเครื่องสำอาง ควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เนื้อบางเบา เช่น เนื้อเจล หรือน้ำ ที่ซึมซาบเร็ว เพื่อไม่ให้หน้ามันเยิ้มหรือทำให้เครื่องสำอางเป็นคราบ การทามอยเจอร์ไรเซอร์ก่อนแต่งหน้ายังช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีและช่วยให้เมคอัพติดทนนานขึ้น แต่ควรทาในปริมาณที่พอเหมาะและทิ้งเวลาให้ซึมเข้าผิวก่อนลงเมคอัพ
ทำไมใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันแล้วผิวมันกว่าเดิม
สาเหตุที่ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันแล้วรู้สึกว่าผิวมันกว่าเดิม เกิดได้จากหลายปัจจัย ดังนี้
• ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อหนักหรือมีส่วนผสมที่ทำให้ผิวมันเยิ้ม เพิ่มความมันบนผิวหน้าแทนที่จะช่วยควบคุม เช่น สูตรครีมหรือมีน้ำมันสูง
• ผิวมันแต่ขาดน้ำ เมื่อผิวขาดความชุ่มชื้น ร่างกายจะผลิตน้ำมันมากขึ้นเพื่อชดเชย จึงทำให้หน้ามันกว่าเดิม หากไม่ได้ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ประเภทเติมน้ำและล็อกความชุ่มชื้นอย่างเหมาะสม
• ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว เช่น มีสารก่อการระคายเคืองหรือตัวอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดสิวหรือหน้ามันขึ้น
• อาจเกิดจากการซับมันหน้าบ่อยจนผิวสูญเสียน้ำและชั้นปกป้องผิวอ่อนแอลง ส่งผลให้ผิวต้องผลิตน้ำมันมากขึ้น
ดังนั้น ควรเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวมันที่มีเนื้อบางเบา เช่น เจล หรือน้ำที่ช่วยเติมน้ำและล็อกความชุ่มชื้นโดยไม่เพิ่มความมันและไม่อุดตันรูขุมขน เพื่อรักษาสมดุลและให้ผิวแข็งแรงขึ้น
สรุปเกี่ยวกับมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน
สรุปว่า การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม เพราะถึงแม้ผิวจะผลิตน้ำมันมาก แต่ก็สามารถขาดน้ำและเสียสมดุลได้ง่าย หากเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันที่เหมาะสม เช่น สูตร Oil-Free, Non-Comedogenic และมีเนื้อสัมผัสบางเบา ก็จะช่วยเติมความชุ่มชื้นโดยไม่ทำให้มันเยิ้ม พร้อมควบคุมความมันส่วนเกิน ลดการอุดตัน และเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
เมื่อใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันควบคู่กับการดูแลผิวอย่างถูกวิธี เช่น ล้างหน้าอย่างอ่อนโยน ใช้กันแดดสม่ำเสมอ และปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ก็จะช่วยให้ผิวมันกลับมาสมดุล สุขภาพดี และแต่งหน้าติดทนนานได้
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ