11 วิธีกู้หน้าใสไร้สิวกวนใจ หน้าเนียนใสดูดีแบบธรรมชาติ
หน้าใส
11 วิธีกู้หน้าใสไร้สิวกวนใจ
ปัญหาสิว ผิวหมองคล้ำ เป็นปัญหาที่เกิดจากการที่เราละเลยการดูแลสุขภาพผิว หรือดูแลสุขภาพผิวที่ผิดวิธี ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องกลับมากู้หน้าใสไร้สิว เปล่งประกายออร่า เติมความสวยเสริมความมั่นใจด้วย 11 วิธีที่เราเอามาฝากกัน มาเปิดสวิชต์ให้ผิวไปพร้อมๆ กันเลย
รวมวิธีกู้หน้าใสไร้สิวกวนใจ
• อะไรเป็นปัจจัยทำร้ายให้ผิวโทรม
• หน้าหมองคล้ำ ผิวโทรม ส่งผลต่อสุขภาพผิวหน้าอย่างไรบ้าง
• วิธีกู้หน้าใสด้วยการทาครีมกันแดดทุกวัน
• วิธีกู้หน้าใสด้วยการมาสก์หน้า
• วิธีกู้หน้าใสด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ
• วิธีกู้หน้าใสด้วยการออกกำลังกาย
• วิธีกู้หน้าใสด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
• วิธีกู้หน้าใสด้วยการเลือกสกินแคร์บำรุงผิว
• วิธีกู้หน้าใสด้วยการรักความสะอาดมากขึ้น
• วิธีกู้หน้าใสด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ
• วิธีกู้หน้าใสด้วยการทานวิตามิน
• วิธีกู้หน้าใสด้วยการดริปวิตามิน
• วิธีกู้หน้าใสด้วยการผลัดเซลล์ผิวด้วยการสครัปผิว
• สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับวิธีกู้หน้าใสสร้างผิวโกลว์
อะไรเป็นปัจจัยทำร้ายให้ผิวโทรม
ก่อนที่เราจะไปดูวิธีกู้หน้าใส เราจะต้องรู้สาเหตุของการที่ทำให้ผิวหน้าเราโทรมลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะมีทั้งปัจจัยภายในของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ อายุ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งจะถูกกระตุ้นร่วมไปกับปัจจัยภายนอกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่น โดยเฉพาะ pm 2.5 ที่บอกได้เลยว่าไม่ได้ทำร้ายแค่ผิวภายนอกของเราที่ทำให้ดูโทรม หรือเสื่อมสภาพลงเท่านั้น ยังทำร้ายไปถึงสุขภาพภายในไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ภูมิแพ้ เรื่องปอด เป็นต้น เพราะฉะนั้นเราควรหันมาดูแลสุขภาพตัวเองกันให้มากขึ้น
ในแต่ละปัจจัยจะขอขยายรายละเอียดเพื่อให้เข้าใจและเห็นภาพได้ง่ายขึ้นดังนี้
ปัจจัยภายในที่ทำให้หน้าโทรม
• อายุที่มากขึ้น พออายุมากขึ้นหน้าใสๆ ของเราตอนสมัยวัยรุ่น ก็จะดูหมองลงในช่วงอายุที่มากขึ้น ถ้าไม่มีการดูแลอย่างถูกวิธี คอลลาเจนบนใบหน้าจะลดน้อยลง มีริ้วรอย ร่องลึก ใบหน้าตอบลงอย่างเห็นได้ชัด
• การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ใครที่มีภาวะเครียดสะสม หรือกำลังตั้งครรภ์ ร่างกายของเราจะทำการผลิตฮอร์โมน ที่ทำการกระตุ้นผลิตเมลานินมาเยอะเกินไป หรือทำให้ต่อมไขมันบนใบหน้าเกิดอุดตัน เพราะมีปริมาณไขมันที่มากเกินไป ทำให้ผิวหน้าเป็นสิว ผิวหมองคล้ำ ขอบตาดำ เกิดฝ้า กระ ได้ง่ายมากขึ้น
ปัจจัยภายนอกที่ทำให้หน้าโทรม
• ภาวะฝุ่น แน่นอนว่าปกติธรรมดา ฝุ่น เข้าไปกระตุ้นการทำงานของเม็ดสีเมลานินอยู่แล้ว ซึ่งภาวะฝุ่น PM 2.5 ที่มีขนาดเล็กกว่าฝุ่นปกติจะยิ่งเข้าไปทำลายโครงสร้างผิว และคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิว ทำให้ผิวของเราหมองคล้ำง่ายกว่าเดิม และเกิดริ้วรอย ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น แพ้ง่ายและเป็นสิวง่ายมากขึ้น
• แสงแดด ใครที่ละลเยในการทาครีมกันแดด บอกเลยว่าเสี่ยงมากๆ เพราะการที่เราโดนแดดมากเกินพอดีและไม่ทาครีมกันแดดป้องกัน ในแสงแดดที่เราเห็นกันอยู่นั้นมีรังสีอัลตราไวโอเลต ที่สามารถทำลายผิวของเราได้ลึกถึงโครงสร้างผิว ส่งผลให้ผิวของเราแห้งกร้าน หมองคล้ำ สีผิวจะไม่สม่ำเสมอ เกิดริ้วรอย ฝ้า กระ ก่อนวัยอันควร
• พฤติกรรมในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การดื่มแอลกอฮอลล์ที่มากเกินไป การสูบบุหรี่ และการที่ดื่มน้ำน้อยลง นอกจากจะส่งผลโดยตรงเรื่องสุขภาพแล้ว ยังส่งผลไปถึงปัญหาผิวอีกด้วย อาจทำให้ผิวของเราแห้งกร้าน หน้าโทรมมากขึ้น มีปัญหาผิวตามมาได้
ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้ส่งผลให้หน้าใสๆ ของเรากลับมาหมองคล้ำได้ง่ายๆ ถ้าไม่รีบดูแลก่อน
หน้าหมองคล้ำ ผิวโทรม ส่งผลต่อสุขภาพผิวหน้าอย่างไรบ้าง
แน่นอนว่าปัญหาหน้าหมองคล้ำ ผิวโทรม เป็นปัญหาที่ผู้หญิงอย่างเราไม่อยากเจอมากที่สุด เพราะมันทำให้หน้าเราดูเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ดูแก่กว่าวัยอันควร ซึ่งพอผิวโทรมแล้วจะเกิดปัญหาต่างๆ ดังนี้ตามมาได้
• หน้าเป็นสิว
สิวอาจจะเห่อขึ้นได้ถ้า ผิวหน้าเราไม่แข็งแรง มีความมันส่วนเกินบนใบหน้า เลือกสกินแคร์ไม่ถูกกับผิวหน้าของเรา หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ทำร้ายผิวมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารน้ำตาลสูง การดื่มแอลกอฮอลล์ เป็นต้น
• ขอบตาคล้ำดำมากขึ้น
เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอเลย เกิดปัญหาใต้ตาคล้ำ ดูโทรม ทำให้ดูไม่สดชื่น
• รูขุมขนกว้างขึ้น
ร่างกายผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปส่งผลให้ไปขยายรูขุมขนที่กว้างขึ้น ผิวเลยไม่เรียบเนียน การที่รูขุมขนกว้างขึ้น ส่งผลให้ เป็นสิวได้ง่ายขึ้น
รวม 15 วิธี กู้หน้าใส ไร้สิวกวนใจ
ใครก็ตามที่ได้อ่านบทความนี้ แสดงว่ากำลังเริ่มต้นรักตัวเองโดยการ กลับมาดูแลผิวหน้า แก้ปัญหา ผิวหมองคล้ำ หน้าโทรม เป็นสิว รูขุมขนกว้าง เราได้รวบรวมวิธีกู้หน้าใส แบบใช้ได้จริงมาด้วยกัน 15 วิธี ใครที่สนใจอยากลองทำข้อไหนก่อน สามารถเริ่มได้เลยนะ
วิธีกู้หน้าใสด้วยการทาครีมกันแดดทุกวัน
ก่อนอื่นที่เราจะกู้หน้าใสด้วยการทาครีมกันแดดกัน เรามาดูกันก่อนว่าการทาครีมกันแดดสำคัญยังไง แล้วครีมกันแดดช่วยให้หน้าใสได้อย่างไร
ทำไมการใช้ครีมกันแดดจึงสำคัญ ?
ครีมกันแดดเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่สำคัญที่สุดในการรักษาสุขภาพผิวและป้องกันความเสียหายจากรังสี UV ซึ่งแสงแดดเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย จุดด่างดำ ฝ้า กระ และริ้วรอย ครีมกันแดดไม่ได้ช่วยแค่ปกป้องผิวจากแสงแดดเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว ทำให้ผิวคงความกระจ่างใส ส่งผลให้หน้าใสและมีสุขภาพดีในระยะยาว
ครีมกันแดดช่วยให้หน้าใสได้อย่างไร ?
การทาครีมกันแดดเป็นขั้นตอนพื้นฐาน และควรเป็นขั้นตอนแรกใน การดูแลให้ผิวหน้าใส ไม่โทรม เสริมเกราะป้องกันผิว
• ครีมกันแดดช่วยให้หน้าใสเพราะป้องกันจุดด่างดำและฝ้า
รังสี UV กระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ซึ่งนำไปสู่จุดด่างดำ ฝ้า และกระ การใช้ครีมกันแดดเป็นประจำช่วยลดการเกิดของเม็ดสีที่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้ผิวหน้าใสมากขึ้น
• ครีมกันแดดช่วยให้หน้าใสเพราะลดการเกิดริ้วรอยและความแก่ก่อนวัย
รังสี UVA เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระที่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย การใช้ครีมกันแดดช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยเหล่านี้ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และเรียบเนียน หน้าใส ลดความหมองคล้ำ
• ครีมกันแดดช่วยให้หน้าใสเพราะ ป้องกันการอักเสบและรอยแดง
แสงแดดสามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิว ทำให้เกิดรอยแดงหรือผิวไหม้ ซึ่งส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ การใช้ครีมกันแดดช่วยลดอาการอักเสบและทำให้สีผิวสม่ำเสมอขึ้น
• ครีมกันแดดช่วยให้หน้าใสเพราะ รักษาความชุ่มชื้นของผิว
ครีมกันแดดบางชนิดมีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำจากผิว ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน
วิธีใช้ครีมกันแดดกู้หน้าใส ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
• ถ้าอยากให้หน้าใส ไม่มันเยิ้ม หรือมีสิวข้อแรกสำคัญมาก ต้องเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าเรา คอยสังเกตตัวเองว่า เราเป็นคนผิวมัน หรือ ผิวแห้ง
• เลือก ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และมี PA+++ หรือ PA++++ เพื่อป้องกันทั้งรังสี UVA และ UVB
• ทาครีมกันแดด ก่อนออกแดด 15-30 นาที เพื่อให้เนื้อครีมซึมซับเข้าสู่ผิว
• ใช้ปริมาณที่เพียงพอ (ประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ หรือ ½ ช้อนชา สำหรับใบหน้า)
• ทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญแสงแดดนานหรือมีเหงื่อออกมาก แต่ถ้าทำงานอยู่ในร่ม ไม่เจอแสงแดด เจอแค่แสงสีฟ้าจากหน้าจอ ควรทากันแดดซ้ำทุก 6-7 ชั่วโมง
• ข้อสุดท้ายสำคัญมาก ต้องใช้ครีมกันแดดแม้ในวันที่ไม่มีแดด เพราะรังสี UV ยังสามารถทะลุผ่านเมฆและหน้าต่างเข้ามาทำร้ายผิวหน้าเราได้

ROMRAWIN SUN SILKY PERFECT UV SPF50 PA+++
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลRomrawin Cosmetics ได้พัฒนาสูตรกันแดดที่ช่วยกันแดดและป้องกันฝุ่นพิษ PM 2.5 “ROMRAWIN SUN SILKY PERFECT UV SPF50 PA+++ ” เป็นกันแดดสูตรพิเศษที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ ด้วยคุณสมบัติเด่นดังนี้คือ
- ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
- ไม่ทำให้เหนี่ยวเหนอะหนะ
- ไม่อุดตัน และไม่ระคายเคือง
ELIX-IR™ ปกป้องผิวจากรังสีอินฟราเรดและช่วยให้ผิวแลดูสุขภาพดีขึ้นทันที
PhytoCellTec™ Alp Rose ปกป้องผิวจากมลภาวะและอากาศที่เปลี่ยนแปลง
LIPOSHIELD HEV MELANIN ปกป้องผิวจากแสงดิจิทัล
แพทย์ Specialist ของทางรมย์รวินท์คลินิก ได้พัฒนาสูตรที่มั่นใจได้เลยว่าใช้ได้กับทุกสภาพผิว แม้ผิวแพ้ง่าย ไม่ทิ้งคราบขาว ไว้อย่างแน่นอน
สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้เลย
ครีมกันแดดคือกุญแจสำคัญของผิวหน้าใส
การทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันถือเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ลดการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยก่อนวัย ทำให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส และมีสุขภาพดีในระยะยาว หากต้องการกู้หน้าใสหรือรักษาผิวให้ดูดี ครีมกันแดดเป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้ในทุกๆ วัน
วิธีกู้หน้าใสด้วยการมาสก์หน้า
วิธีกู้หน้าใสด้วยการมาสก์หน้า เป็นวิธีกู้หน้าใสช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวหน้า จริงๆ แล้วการมาสก์หน้าสามารถใช้ของภายในบ้าน เช่น ใช้มะเขือเทศ แตงกวา มะขาม ก็ได้แล้วแต่เราสะดวก หรือเพื่อความง่ายไปอีกสามารถกู้หน้าใสด้วยแผ่นมาสก์ สำเร็จรูปก็ได้เช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันก็มีหลายสูตร ให้เราเลือกใช้ สามารถเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวหน้าของเราได้เลย
มาสก์หน้าจำเป็นจริงๆหรือไม่ ในการกู้หน้าใส
การมาสก์หน้าเป็นวิธีการบำรุงผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูสภาพผิว และแก้ไขปัญหาผิวเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าการใช้มอยส์เจอไรเซอร์หรือเซรั่มเป็นประจำจะช่วยบำรุงผิวได้ดีอยู่แล้ว แต่การมาสก์หน้าจะช่วยเสริมกระบวนการบำรุงอย่างล้ำลึกและเข้มข้น ทำให้ผิวได้รับสารอาหารและความชุ่มชื้นมากขึ้น
มาสก์หน้าช่วยให้ผิวหน้าใสได้อย่างไร
• มาสก์หน้าช่วยให้ผิวหน้าใสเพราะ เพิ่มความชุ่มชื้น - ผิวที่ขาดน้ำจะดูหมองคล้ำและมีริ้วรอย การมาสก์หน้าช่วยเติมน้ำให้ผิว ทำให้ดูอิ่มฟูและเปล่งปลั่ง
• มาสก์หน้าช่วยให้ผิวหน้าใสเพราะ ขจัดสิ่งสกปรกและดีท็อกซ์ผิว - มาสก์ประเภทโคลนหรือคาร์บอนช่วยดูดซับสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินที่อุดตันรูขุมขน ซึ่งช่วยลดการเกิดสิวและทำให้ผิวเรียบเนียน
• มาสก์หน้าช่วยให้ผิวหน้าใส เพราะลดรอยดำและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ - มาสก์ที่มีส่วนผสมของวิตามิน C หรือสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น ไนอะซินาไมด์ และอาร์บูติน ช่วยลดจุดด่างดำและทำให้ผิวกระจ่างใส
• มาสก์หน้าช่วยให้ผิวหน้าใส เพราะกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว - มาสก์ที่มีสาร AHA หรือ BHA ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออก ทำให้ผิวดูสดใสและกระจ่างขึ้น
ควรมาสก์หน้าบ่อยแค่ไหนเพื่อให้ผิวหน้าใส ?
• มาสก์แบบให้ความชุ่มชื้น (Hydrating Mask) - 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
• มาสก์โคลนหรือดีท็อกซ์ผิว (Clay/Charcoal Mask) - 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ (ไม่ควรใช้บ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวแห้ง)
• มาสก์ผลัดเซลล์ผิว (AHA/BHA Mask) - 1 ครั้งต่อสัปดาห์
• มาสก์แบบแผ่น (Sheet Mask) - ใช้ได้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือทุกวันถ้าต้องการบำรุงอย่างเข้มข้น เพื่อให้ผิวหน้าใสแบบเร่งด่วน
วิธีใช้มาสก์ให้หน้าใสแบบได้ผลดีที่สุด
• ทำความสะอาดผิว ก่อนมาสก์ เพื่อขจัดคราบสกปรกและเปิดรูขุมขนให้พร้อมรับการบำรุง
• เลือกมาสก์หน้าใสให้เหมาะกับสภาพผิว เช่น
- ผิวแห้ง - ใช้มาสก์เติมน้ำ เช่น ไฮยาลูรอนิก แอซิด
- ผิวมัน - ใช้มาสก์โคลนเพื่อดูดซับความมัน
- ผิวเป็นสิว - ใช้มาสก์ที่มีซาลิไซลิก แอซิด หรือทีทรีออยล์
- ผิวหมองคล้ำ - ใช้มาสก์ที่มีวิตามิน C หรืออาร์บูติน
• ทามาสก์ให้ทั่วใบหน้า (เว้นรอบดวงตาและริมฝีปาก)
• ไม่ทิ้งไว้นานเกินไป โดยเฉพาะมาสก์โคลน เพราะอาจทำให้ผิวแห้งเกินไป
• หลังมาสก์ ควรบำรุงผิวต่อ ด้วยเซรั่มและมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อช่วยล็อคความชุ่มชื้นและสารอาหารเข้าสู่ผิว
กู้หน้าใสด้วยมาสก์ ต้องเลือกให้เหมาะกับผิวหน้า

ผิวหมองคล้ำ Whitening Mask ผิวกระจ่างใส ไร้จุดด่างดำ
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ผิวเหนื่อยล้า มีริ้วรอย Anti-Aging Mask ฟื้นผิวอ่อนเยาว์
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
Sensitive Mask ปกป้องผิวบอบบาง
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลมาสก์หน้าช่วยให้ผิวหน้าใสได้จริงหรือไม่
การมาสก์หน้าอย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีที่ช่วยฟื้นฟูผิว เติมความชุ่มชื้น ขจัดสิ่งสกปรก และปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ควรใช้ควบคู่ไปกับการดูแลผิวที่เหมาะสม เช่น การล้างหน้าให้สะอาด ใช้ครีมกันแดด และทามอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผลลัพธ์ของการมาสก์หน้ายั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงสุด จะช่วยให้ผิวหน้าใสขึ้นได้
วิธีกู้หน้าใสด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ
ใครจะเชื่อว่าแค่นอนให้เพียงพอก็ทำให้หน้าใสได้ การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นการช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมน เพราะตอนที่เรานอนหลับจะมีการหลั่งโกรทฮอร์โมน ที่คอยช่วยซ่อมแซมผิวของเราทำหน้าใสผิวฟู ถ้าเกิดเรานอนไม่พอแน่นอนว่าอาจทำให้ผิวโทรมได้
ทำไมการนอนหลับจึงสำคัญต่อการทำให้หน้าใส
การพักผ่อนให้เพียงพอไม่ใช่แค่ช่วยให้ร่างกายสดชื่น แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูผิวและช่วยให้หน้าใส การนอนหลับเพียงพอช่วยปรับสมดุลของระบบฮอร์โมน ลดการอักเสบ และกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิว ทำให้ผิวแข็งแรง อ่อนเยาว์ และมีสุขภาพดี
สารสำคัญที่หลั่งขณะนอนหลับและช่วยให้หน้าใส
ขณะนอนหลับ ร่างกายจะหลั่งสารสำคัญหลายชนิดที่มีบทบาทในการซ่อมแซมและฟื้นฟูผิว ช่วยให้หน้าใส ได้แก่
• โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone, GH)
- หลั่งมากที่สุดในช่วง Deep Sleep (Non-REM Stage 3-4)
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสติน และการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้หน้าใส
- ลดการเกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
• เมลาโทนิน (Melatonin)
- เป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมนาฬิกาชีวภาพ (Circadian Rhythm)
- มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ปกป้องผิวจากความเครียดและมลภาวะ
- ช่วยให้ผิวฟื้นฟูจากความเสียหายของรังสี UV และลดความหมองคล้ำช่วยให้หน้าใส
• คอร์ติซอล (Cortisol) ลดลง
- คอร์ติซอลเป็นฮอร์โมนความเครียดที่หากหลั่งมากเกินไปจะทำให้เกิดสิวและผิวอักเสบ
- เมื่อเรานอนหลับเพียงพอ คอร์ติซอลจะลดลง ช่วยให้ผิวแข็งแรง ลดโอกาสเกิดสิว และทำให้หน้าใสขึ้น
• เซโรโทนิน (Serotonin) และโดปามีน (Dopamine)
- เป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยลดความเครียด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
- ความเครียดที่น้อยลงช่วยลดปัญหาสิวและการอักเสบของผิว
วิธีการนอนให้ได้คุณภาพเพื่อฟื้นฟูผิวให้หน้าใส
• นอนให้เพียงพอ (7-9 ชั่วโมงต่อคืน) - การนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงอาจทำให้ผิวหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยได้
• หลีกเลี่ยงแสงสีฟ้าก่อนนอน - แสงจากมือถือและคอมพิวเตอร์ยับยั้งการหลั่งเมลาโทนิน ทำให้ร่างกายฟื้นฟูผิวได้ไม่เต็มที่
• สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม - ห้องนอนควรมืด เงียบ และมีอุณหภูมิที่เหมาะสม (ประมาณ 20-22°C) เพื่อกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมน ช่วยให้หน้าใส
• เข้านอนตรงเวลา - การนอนก่อนเที่ยงคืนช่วยให้ร่างกายเข้าสู่วงจรการซ่อมแซมเซลล์ผิวได้ดีที่สุด
• ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวก่อนนอน - การใช้ไนท์ครีมที่มีสารช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น เรตินอล หรือไนอะซินาไมด์ จะช่วยเสริมกระบวนการฟื้นฟูของผิวขณะนอนหลับ
พักผ่อนให้เพียงพอช่วยให้หน้าใสได้อย่างไร
การนอนหลับเป็นขั้นตอนสำคัญของการฟื้นฟูผิว โดยเฉพาะในช่วง Deep Sleep ซึ่งเป็นเวลาที่ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมนและเมลาโทนินที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว ลดการอักเสบ และเพิ่มความกระจ่างใส การพักผ่อนที่เพียงพอช่วยลดริ้วรอย ความหมองคล้ำ และปัญหาผิวต่างๆ ทำให้ผิวดูสุขภาพดีและเปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอกส่งผลให้หน้าใส ดูมีออร่า
วิธีกู้หน้าใสด้วยการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นประจำจะส่งผลให้หน้าใสได้ เพราะการออกกำลังกายช่วยให้มีการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนในผิวที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ร่างกายของเราขับสารพิษและสิ่งอุดตันในูขุมขนใต้ผิวหนังออกมา
ทำไมการออกกำลังกายช่วยให้หน้าใส
การออกกำลังกายไม่ได้มีประโยชน์แค่ช่วยลดน้ำหนักหรือเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพผิวอย่างมาก เพราะช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ปรับสมดุลของฮอร์โมน และกระตุ้นการสร้างสารสำคัญที่ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและช่วยให้ผิวหน้าใสขึ้น
กระบวนการทางร่างกายที่ช่วยให้หน้าใสขณะออกกำลังกาย
• กระตุ้นการไหลเวียนเลือด (Blood Circulation)
การออกกำลังกายช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดีขึ้น ส่งออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดีและมีเลือดฝาด เลือดที่ไหลเวียนดีช่วยขจัดของเสียออกจากเซลล์ผิว ลดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้ผิวสะอาดและลดโอกาสเกิดสิว
• กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข
ขณะออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารสำคัญที่มีผลดีต่อสุขภาพผิว ได้แก่
- เอ็นโดรฟิน (Endorphins) ลดความเครียด ลดฮอร์โมนคอร์ติซอลที่ทำให้เกิดสิว ลดอาการอักเสบของผิว
- โดพามีน (Dopamine) และ เซโรโทนิน (Serotonin) ทำให้อารมณ์ดีขึ้น ลดภาวะซึมเศร้า และช่วยให้นอนหลับดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสดใส
- ฮอร์โมนเจริญเติบโต (Growth Hormone, GH) กระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูเด้ง กระชับ และอ่อนเยาว์
• ลดฮอร์โมนความเครียด (Cortisol)
ความเครียดเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดสิวและริ้วรอย เพราะไปกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันมากเกินไป การออกกำลังกายช่วยลดระดับคอร์ติซอลในร่างกาย ทำให้ผิวมันลดลง ลดสิว และทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
• กระตุ้นกระบวนการขับสารพิษผ่านเหงื่อ (Detoxification)
ขณะออกกำลังกาย รูขุมขนเปิดกว้างขึ้น ช่วยให้เหงื่อขับของเสียและสารพิษที่ตกค้างใต้ผิวหนังออกมา ลดการอุดตันของรูขุมขน ลดโอกาสเกิดสิว และทำให้ผิวดูสะอาดสดใส
• เสริมสร้างคอลลาเจน (Collagen Production)
การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของออกซิเจนและสารอาหารไปสู่เซลล์ผิว ทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนมากขึ้น ส่งผลให้ผิวดูเต่งตึง เรียบเนียน และลดริ้วรอยก่อนวัย ช่วยให้หน้าใสมากขึ้น
ประเภทของการออกกำลังกายที่ช่วยให้หน้าใส
• คาร์ดิโอ (Cardio) เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและขับเหงื่อ
• โยคะและพิลาทิส ช่วยลดความเครียด ปรับสมดุลฮอร์โมน และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
• เวทเทรนนิ่ง (Weight Training) ช่วยกระตุ้นการสร้าง Growth Hormone และคอลลาเจน
• HIIT (High-Intensity Interval Training) กระตุ้นการเผาผลาญและขับสารพิษได้ดี
วิธีออกกำลังกายให้ได้ผลดีที่สุดต่อผิวส่งผลให้หน้าใส
• ออกกำลังกายอย่างน้อย 30-60 นาทีต่อวัน อย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์
• ล้างหน้าหลังออกกำลังกาย เพื่อขจัดเหงื่อและสิ่งสกปรกที่อาจอุดตันรูขุมขน
• ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว
• นอนหลับให้เพียงพอ เพราะร่างกายซ่อมแซมเซลล์ผิวขณะนอนหลับ
ออกกำลังกายคือกุญแจสู่ผิวกระจ่างใส
การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ปรับสมดุลฮอร์โมน ลดความเครียด ขับสารพิษ และเสริมสร้างคอลลาเจน ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง กระจ่างใส และมีสุขภาพดีในระยะยาว ถ้าอยากมีหน้าใสจากภายในสู่ภายนอก การออกกำลังกายคือวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เรามีสุขภาพผิวที่ดีขึ้น
วิธีกู้หน้าใสด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวพรรณจากภายในสู่ภายนอก สารอาหารที่ดีช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว ลดการอักเสบ ชะลอวัย และช่วยให้ผิวหน้าใส สุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ
สารอาหารสำคัญที่ช่วยให้หน้าใส
• วิตามินซี (Vitamin C)
ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดจุดด่างดำ และป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระ ช่วยให้หน้าใส พบในผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว ฝรั่ง กีวี่ และสตรอว์เบอร์รี่
• วิตามินเอ (Vitamin A)
ช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ลดการเกิดสิว และทำให้ผิวเรียบเนียน พบในแครอท ฟักทอง ผักโขม และมันเทศ
• วิตามินอี (Vitamin E)
มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ลดเลือนริ้วรอย และช่วยให้ผิวชุ่มชื้น พบในถั่วอัลมอนด์ อะโวคาโด และน้ำมันมะกอก
• กรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3 Fatty Acids)
ลดการอักเสบของผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำ พบในปลาแซลมอน ปลาทูน่า เมล็ดเจีย และวอลนัท
• สังกะสี (Zinc)
ช่วยควบคุมความมัน ลดการเกิดสิว และช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว พบในอาหารทะเล เมล็ดฟักทอง และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
• โพรไบโอติกส์ (Probiotics)
ปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อสุขภาพผิว ลดการอักเสบของผิวและสิว พบในโยเกิร์ต กิมจิ และมิโซะ
• น้ำและอาหารที่มีปริมาณน้ำสูง
ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและดูเปล่งปลั่ง พบในแตงโม แตงกวา และเซเลอรี่
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อให้ผิวหน้าใสขึ้น
• น้ำตาลและอาหารแปรรูป
น้ำตาลสูงสามารถเพิ่มการอักเสบและทำให้เกิดสิว
• นมวัวและผลิตภัณฑ์จากนม
ฮอร์โมนในนมวัวอาจกระตุ้นการเกิดสิว
• อาหารทอดและไขมันทรานส์
ส่งผลให้ผิวมันและเกิดการอุดตันของรูขุมขน
• แอลกอฮอล์และคาเฟอีนมากเกินไป
ทำให้ผิวขาดน้ำและเกิดริ้วรอยก่อนวัย
วิธีรับประทานอาหารเพื่อผิวหน้าใสให้ได้ผลดีที่สุด
• เลือกรับประทานอาหารสดใหม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหาร
• ดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน
• รับประทานผักและผลไม้หลากสีเพื่อให้ได้รับสารต้านอนุมูลอิสระครบถ้วน
• หลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดการอักเสบของผิว
• ควบคุมสมดุลของอาหาร ไม่รับประทานมากหรือน้อยเกินไป
อาหารที่ดีคือกุญแจสู่ผิวหน้าใสมีออร่า
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิวจากภายใน ช่วยให้ผิวแข็งแรง เปล่งปลั่ง และลดปัญหาผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสิว จุดด่างดำ หรือริ้วรอย การดูแลผิวด้วยโภชนาการที่ดี ควบคู่กับการออกกำลังกายและการพักผ่อนที่เพียงพอ จะช่วยให้มีผิวหน้าใสและสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
วิธีกู้หน้าใสด้วยการเลือกสกินแคร์บำรุงผิว
การกู้หน้าใส ด้วยการทาสกินแคร์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เป็นซ่อมแซมและช่วยสร้างผิวหน้าให้แข็งแรง
การใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินอี และไฮยาลูรอนิก แอซิด เป็นการเสริมสร้าง Skin Barrier ให้แข็งแร็ง กันเชื้อโรคและมลภาวะต่างๆได้ดี
หัวใจสำคัญของการกู้หน้าใสด้วยการใช้สกินแคร์ คือจะต้องเลือกครีมให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองให้มากที่สุด และไม่ควรเปลี่ยนสกินแคร์บ่อยๆ ควรใช้งานอย่างต่อเนื่อง 3 - 4 สัปดาห์เพื่อดูผลลัพธ์
การมีผิวหน้าใสไม่ใช่แค่เรื่องของกรรมพันธุ์หรือโชคดีที่เกิดมาผิวดี แต่การเลือก สกินแคร์ที่เหมาะสม และการใช้ ตามลำดับที่ถูกต้อง เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวให้สุขภาพดี ลดปัญหาสิว จุดด่างดำ และความหมองคล้ำ
หลักการเลือกสกินแคร์เพื่อผิวหน้าใส
การเลือกสกินแคร์ที่ดีต้อง คำนึงถึงสภาพผิว และ ปัญหาผิวเฉพาะบุคคล โดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมช่วยผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นคอลลาเจน ลดการอักเสบ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยส่งให้ผิวหน้าใสขึ้น
ส่วนผสมสำคัญที่ช่วยให้ผิวหน้าใส
• วิตามินซี (Vitamin C) - กระตุ้นคอลลาเจน ลดจุดด่างดำและรอยสิว ช่วยให้หน้าใส
• ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide, Vitamin B3) - ลดรอยดำ ควบคุมความมัน และเพิ่มความชุ่มชื้น
• อาร์บูติน (Alpha-Arbutin) - ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ลดฝ้า กระ และความหมองคล้ำ
• เรตินอล (Retinol) - เร่งการผลัดเซลล์ผิว ลดริ้วรอย และทำให้ผิวเรียบเนียน
• AHA/BHA/PHA - ผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันของรูขุมขน และกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่
• กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid, HA) - เพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวอิ่มน้ำและดูสุขภาพดี
• คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptides) - ช่วยให้ผิวเด้ง กระชับ และลดเลือนริ้วรอย
ขั้นตอนการใช้สกินแคร์อย่างถูกต้องเพื่อให้ผิวหน้าใส
• เช้า - เน้นการปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ
• กลางคืน - เน้นการฟื้นฟูและบำรุงอย่างล้ำลึก
ขั้นตอนการบำรุงผิวช่วงเช้าเพื่อให้ผิวหน้าใสไม่โทรม
1.คลีนเซอร์ (Cleanser) - ล้างหน้าให้สะอาดเพื่อลดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกิน
2.โทนเนอร์ (Toner) - เตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุง ช่วยปรับสมดุล pH และเติมความชุ่มชื้น
3.เซรั่มวิตามินซี (Vitamin C Serum) - ลดจุดด่างดำและปกป้องผิวจากมลภาวะ
4.มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) - กักเก็บความชุ่มชื้นและเสริมเกราะป้องกันผิว
5.ครีมกันแดด (Sunscreen) SPF 30-50 PA++++ - ป้องกันรังสี UV ลดความหมองคล้ำ ฝ้า กระ และริ้วรอย
เคล็ดลับแต่งหน้าเพื่อให้ผิวหน้าใส หากต้องแต่งหน้า ให้รอให้กันแดดซึมเข้าผิวประมาณ 5-10 นาทีแล้วค่อยลงรองพื้น
ขั้นตอนการบำรุงผิวช่วงกลางคืนผิวหน้าใสไม่หมอง
1.คลีนเซอร์ (Cleanser) หรือ คลีนซิ่งออยล์/บาล์ม (Cleansing Oil/Balm) - ล้างเมคอัพและสิ่งสกปรกให้หมดจด
2.โทนเนอร์ (Toner) - เตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุง
3.เซรั่มบำรุงผิว (Serum) ตามปัญหาผิว
• รอยสิว จุดด่างดำ - Vitamin C, Alpha-Arbutin, Niacinamide
• ริ้วรอย ผิวหมองคล้ำ - Retinol หรือ Peptides
• สิวและผิวมัน - BHA หรือ Tea Tree Oil
• ผิวขาดน้ำ - Hyaluronic Acid
4.มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) - เติมความชุ่มชื้นและซ่อมแซมเกราะป้องกันผิว
5.ครีมบำรุงรอบดวงตา (Eye Cream) (ถ้าจำเป็น) - ลดรอยคล้ำและบำรุงรอบดวงตา
6.สลีปปิ้งมาส์ก (Sleeping Mask) หรือ ไนท์ครีม (Night Cream) (ถ้าจำเป็น) - เติมความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวข้ามคืน
เคล็ดลับเพื่อผิวหน้าใส หากใช้ เรตินอลหรือกรดผลัดเซลล์ผิว ต้องใช้ มอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้น เพื่อลดการระคายเคือง
เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อการบำรุงผิวให้หน้าใสอย่างมีประสิทธิภาพ
• เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว - ผิวแห้งควรเน้นความชุ่มชื้น / ผิวมันควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่บางเบา
• หลีกเลี่ยงน้ำหอมและแอลกอฮอล์ที่อาจระคายเคืองผิว
- ทากันแดดทุกวัน - แม้อยู่ในร่มหรือวันที่ไม่มีแดด
- พักผ่อนให้เพียงพอ - นอนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
กู้หน้าใสด้วยการเลือกสกินแคร์ที่เหมาะสม
การมีผิวหน้าใสและสุขภาพดีขึ้นอยู่กับ การเลือกสกินแคร์ที่เหมาะสมและการใช้ตามลำดับที่ถูกต้อง ควรเน้นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง ลดรอยดำ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเพิ่มความชุ่มชื้น หากทำได้อย่างต่อเนื่อง ผิวหน้าจะค่อยๆ ฟื้นฟู กระจ่างใส และมีสุขภาพดีขึ้นในระยะยาว
วิธีกู้หน้าใสด้วยการรักความสะอาดมากขึ้น
การรักษาความสะอาดเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดสิ่งสกปรกและแบคทีเรียที่อาจก่อให้เกิดสิวและปัญหาผิวอื่นๆ หลายครั้งที่ปัญหาผิวเกิดจาก พฤติกรรมที่ไม่สะอาด โดยไม่รู้ตัว เช่น การสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ การใช้ของใช้ที่ไม่สะอาด หรือแม้แต่การล้างหน้าผิดวิธี การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ผิวหน้าสะอาดขึ้นสามารถช่วยให้ผิวหน้าใสและสุขภาพดีขึ้นได้
หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็นเพื่อให้ผิวหน้าใสขึ้น
• มือของเราสัมผัสสิ่งสกปรกตลอดทั้งวัน เช่น โทรศัพท์ คีย์บอร์ด ลูกบิดประตู ซึ่งเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรีย
• เมื่อใช้มือจับหน้าโดยไม่ล้างมือก่อน อาจนำสิ่งสกปรกเข้าสู่รูขุมขน ทำให้เกิดสิวและการระคายเคือง
• หลีกเลี่ยงการแคะ แกะ เกาสิว เพราะจะเพิ่มโอกาสให้เกิดรอยดำ รอยแผลเป็น และการอักเสบ
เคล็ดลับเพื่อผิวหน้าใส หากรู้สึกคันหรือมีความจำเป็นต้องสัมผัสใบหน้า ควรใช้หลังมือแทนฝ่ามือ หรือใช้กระดาษทิชชู่สะอาดช่วย
ซักปลอกหมอนและของใช้ที่สัมผัสใบหน้าเป็นประจำเพื่อให้ผิวหน้าใสขึ้น
• ปลอกหมอนและผ้าห่ม ควรซักสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพราะเป็นแหล่งสะสมของฝุ่น ไขมัน และแบคทีเรียที่อาจทำให้เกิดสิว
• ผ้าขนหนูเช็ดหน้า ควรเปลี่ยนทุกวัน และใช้ผ้าขนหนูแยกจากผ้าเช็ดตัว
• โทรศัพท์มือถือ ควรเช็ดด้วยแอลกอฮอล์หรือผ้าเปียกทำความสะอาดทุกวัน เพราะมือถือสัมผัสกับมือและใบหน้าบ่อยครั้ง
ล้างหน้าอย่างถูกวิธีเพื่อให้ผิวหน้าใสขึ้น
• ควรล้างหน้า 2 ครั้งต่อวัน (เช้า-เย็น) ไม่มากเกินไปเพราะอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง
• เลือก คลีนเซอร์ที่อ่อนโยน และไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือสารทำความสะอาดที่รุนแรง
• ใช้น้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำอุ่นเล็กน้อย หลีกเลี่ยงน้ำร้อนเพราะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น
• ซับหน้าเบาๆ ด้วยผ้าขนหนูสะอาด แทนการถูแรงๆ
ทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้าและผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิวหน้า
• ควรล้างแปรงแต่งหน้าด้วยสบู่อ่อนโยนหรือน้ำยาทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าทุกสัปดาห์
• ตรวจสอบวันหมดอายุของเครื่องสำอางและสกินแคร์อยู่เสมอ
• หลีกเลี่ยงการใช้มือควักครีมจากกระปุกโดยตรง ให้ใช้ช้อนตักหรือไม้พายที่สะอาดแทน
เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดการสะสมเชื้อโรคให้ผิวหน้าใสขึ้น
• หลีกเลี่ยงการจับหน้าระหว่างวัน โดยเฉพาะเวลาทำงานหรืออยู่ข้างนอก
• หมั่นทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือ ด้วยแผ่นแอลกอฮอล์ หรือทิชชู่เปียกที่ฆ่าเชื้อโรคได้
• เลี่ยงการนอนโดยไม่ล้างหน้า แม้ในวันที่เหนื่อยล้าก็ควรล้างหน้าและลบเมคอัพให้สะอาดก่อนนอน
วิธีกู้หน้าใสด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ
น้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญของร่างกายและมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพผิว การดื่มน้ำอย่างเพียงพอช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง และลดปัญหาผิวที่เกิดจากการขาดน้ำ เช่น ผิวแห้ง หมองคล้ำ และริ้วรอยก่อนวัย ช่วยให้หน้าใสผิวอิ่มน้ำ
ประโยชน์ของการดื่มน้ำต่อผิวพรรณที่ช่วยให้หน้าใส
• เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
น้ำช่วยให้ผิวอุ้มน้ำได้ดีขึ้น ลดปัญหาผิวแห้งแตกและลอกเป็นขุย ช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำและมีความยืดหยุ่น ลดการเกิดริ้วรอย
• ช่วยล้างสารพิษและลดการเกิดสิว
น้ำช่วยขับของเสียและสารพิษออกจากร่างกายผ่านระบบไตและเหงื่อ ลดโอกาสที่สารพิษจะตกค้างและทำให้เกิดสิว
• กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวเปล่งปลั่งหน้าใสขึ้น
ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น นำออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงผิว ส่งผลให้ผิวดูสุขภาพดีและมีเลือดฝาด
• ลดการอักเสบและช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว
ช่วยให้กระบวนการฟื้นฟูเซลล์ทำงานได้ดีขึ้น ลดรอยแดงและอาการอักเสบของผิว ช่วยให้แผลสิวหายเร็วขึ้น
• ลดอาการบวมน้ำและถุงใต้ตา
เมื่อร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ จะช่วยลดการกักเก็บน้ำส่วนเกิน ทำให้หน้าดูสดใสขึ้น
ดื่มน้ำให้เพียงพอควรดื่มน้ำเท่าไหร่เพื่อช่วยให้ผิวหน้าใสขึ้น
ปริมาณน้ำที่ควรดื่มในแต่ละวันสามารถคำนวณได้ตามน้ำหนักตัว โดยใช้สูตรดังนี้
ปริมาณน้ำที่ควรดื่มต่อวัน (ลิตร) = น้ำหนักตัว (กก.) × 0.033
ตัวอย่างการคำนวณการดื่มน้ำต่อวัน
• น้ำหนัก 50 กก. - 50 × 0.033 = 1.65 ลิตร
• น้ำหนัก 60 กก. - 60 × 0.033 = 1.98 ลิตร
• น้ำหนัก 70 กก. - 70 × 0.033 = 2.31 ลิตร
• น้ำหนัก 100 กก. - 100 × 0.033 = 3.3 ลิตร
สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายหรืออยู่ในอากาศร้อน ควรเพิ่มปริมาณน้ำอีก 0.5-1 ลิตร
วิธีดื่มน้ำให้ได้ปริมาณที่เหมาะสมตลอดวัน
• เริ่มต้นวันด้วยน้ำ 1 แก้ว (250-300 มล.)
ช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกายและระบบเผาผลาญ
• ดื่มน้ำเป็นระยะๆ ไม่ดื่มรวดเดียว
การดื่มน้ำทีละน้อยช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมากเกินไปในคราวเดียว เพราะอาจทำให้ร่างกายขับน้ำออกเร็วและลดการดูดซึม
• ดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร 30 นาที
ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
• พกขวดน้ำติดตัวตลอดวัน
เพื่อให้สามารถจิบน้ำได้ตลอดเวลาโดยไม่ลืม
• ดื่มน้ำก่อนนอน 1 แก้ว
ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว
น้ำชนิดไหนดีที่สุดสำหรับผิวเพื่อผิวหน้าใสเปล่งปลั่ง
• น้ำเปล่า (ดีที่สุด) ควรเลือกดื่มน้ำสะอาด อุณหภูมิห้องหรือน้ำอุ่นเล็กน้อย
• น้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น มีวิตามินซีช่วยให้ผิวกระจ่างใส
• น้ำแตงกวาหรือน้ำแตงโม เติมน้ำให้ผิวและมีสารต้านอนุมูลอิสระ
• ชาเขียวไม่หวาน มีโพลีฟีนอลช่วยลดการอักเสบของผิว
หลีกเลี่ยง น้ำหวาน น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ เพราะทำให้ผิวขาดน้ำและเกิดริ้วรอยได้ง่าย
การดื่มน้ำคือกุญแจสำคัญของผิวหน้าใส ออร่าเปล่งประกาย
การดื่มน้ำอย่างเพียงพอเป็นหนึ่งในวิธีง่ายที่สุดที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง อิ่มน้ำ และเปล่งปลั่ง การคำนวณปริมาณน้ำตามน้ำหนักตัวและดื่มให้ถูกจังหวะจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำได้ดีขึ้น ทำให้ผิวพรรณสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ หากทำได้อย่างสม่ำเสมอ ผิวของคุณจะดูสดใสและสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
วิธีกู้หน้าใสด้วยการทานวิตามิน
การทานวิตามินที่เหมาะสมช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวจากภายใน เสริมสร้างคอลลาเจน ลดการอักเสบ และป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของผิวหมองคล้ำและริ้วรอย
การกินวิตามินผิวอย่างสม่ำเสมอ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ยับยั้งเม็ดสีเมลานิน ช่วยสร้างผิวให้แข็งแรงส่งผลให้หน้าใส ดูอ่อนกว่าวัย
วิตามินสำคัญที่ช่วยให้หน้าใส
• วิตามินซี (Vitamin C)
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดจุดด่างดำ และต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง พบในผลไม้รสเปรี้ยวและอาหารเสริม
• วิตามินอี (Vitamin E)
ให้ความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย และปกป้องผิวจากมลภาวะ พบในถั่ว อะโวคาโด และน้ำมันมะกอก
• วิตามินเอ (Vitamin A)
ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดสิว และทำให้ผิวเรียบเนียน พบในแครอท ฟักทอง และน้ำมันตับปลา
• ไนอาซินาไมด์ (Vitamin B3)
ลดรอยดำ ควบคุมความมัน และเสริมเกราะป้องกันผิว พบในเนื้อสัตว์ ธัญพืช และอาหารเสริม
• สังกะสี (Zinc)
ลดการอักเสบของสิว เร่งการสมานแผล และควบคุมการผลิตน้ำมันของผิว พบในอาหารทะเล เมล็ดฟักทอง และเนื้อสัตว์
• โอเมก้า-3 (Omega-3 Fatty Acids)
ลดการอักเสบ เพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำ พบในปลาแซลมอน วอลนัท และน้ำมันปลา
วิธีทานวิตามินให้ได้ผลดีผิวหน้าใส
• ทานวิตามินซีและอีร่วมกัน เพื่อเสริมประสิทธิภาพการต้านอนุมูลอิสระ
• ทานสังกะสีหลังอาหาร เพื่อลดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
• เลือกวิตามินจากแหล่งธรรมชาติหรืออาหารเสริมที่ได้มาตรฐาน
ข้อควรระวังที่สำคัญในการทานวิตามินเพื่อกู้หน้าใส
การกินวิตามินบางชนิดอาจจะเสี่ยงและส่งผลเสียต่อคนที่มีโรคประจำตัวได้ ควรศึกษาข้อมูลของส่วนผสมวิตามินชนิดนั้นๆ หรือปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะรับประทาน
วิธีกู้หน้าใสด้วยการดริปวิตามิน
การดริปวิตามิน (IV Vitamin Drip) เป็นกระบวนการให้วิตามินและแร่ธาตุเข้าสู่ร่างกายโดยตรงผ่านทางหลอดเลือด ซึ่งช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้เร็วและมีประสิทธิภาพกว่าการรับประทาน
ประโยชน์ของการดริปวิตามินต่อผิว
• เพิ่มความกระจ่างใส - วิตามินซีและกลูตาไธโอนช่วยลดเม็ดสีเมลานินและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอช่วยให้หน้าใสขึ้น
• ต่อต้านอนุมูลอิสระ - ช่วยลดความหมองคล้ำและป้องกันริ้วรอยก่อนวัย
• เพิ่มความชุ่มชื้นส่งผลให้ผิวหน้าใส - ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำและดูสดใสจากภายใน
• ฟื้นฟูผิวจากความเครียดและมลภาวะ - ลดการอักเสบของผิวจากมลพิษและแสงแดด
สารที่นิยมใช้ในสูตรดริปวิตามินเพื่อผิวหน้าใส
• วิตามินซี - กระตุ้นคอลลาเจน ลดจุดด่างดำ
• กลูตาไธโอน - ลดการสร้างเมลานิน ช่วยให้ผิวกระจ่างใส
• โคเอนไซม์ Q10 - ป้องกันริ้วรอยและฟื้นฟูเซลล์ผิว
• ไบโอติน (Biotin) - ช่วยให้ผิวแข็งแรง ลดการอักเสบ
ข้อควรระวังการกู้หน้าใสด้วยการดริปวิตามิน
• ควรทำโดยแพทย์ที่ได้รับอนุญาต
• เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
• ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว
วิธีกู้หน้าใสด้วยการผลัดเซลล์ผิวด้วยการสครัปผิว
การสครับผิว (Exfoliation) เป็นกระบวนการกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากชั้นผิวหนัง ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส และช่วยให้สกินแคร์ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น ส่งผลให้หน้าใสสว่าง
ประโยชน์ของการสครับผิวเพื่อให้ผิวหน้าใส
• กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว - ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งและลดความหมองคล้ำ
• ลดการอุดตันของรูขุมขน - ป้องกันการเกิดสิวและสิวเสี้ยน
• กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต - ทำให้ผิวมีเลือดฝาดและดูสุขภาพดี
• ช่วยให้สกินแคร์ซึมซาบได้ดีขึ้น - เพิ่มประสิทธิภาพของครีมบำรุง
ประเภทของการผลัดเซลล์ผิวเพื่อให้หน้าใส
1.Physical Exfoliation (การสครับแบบกายภาพ)
• ใช้เม็ดสครับหรือแปรงขัดผิวช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ
• ควรเลือกเม็ดสครับที่อ่อนโยนเพื่อป้องกันการระคายเคือง
2.Chemical Exfoliation (การผลัดเซลล์ด้วยสารเคมี)
• ใช้ AHA, BHA หรือ PHA ในสกินแคร์เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
• เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายและต้องการผลลัพธ์ที่ลึกขึ้น
ข้อควรระวังในการผลัดเซลล์ผิวเพื่อให้หน้าใส
• ควรสครับผิว 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ไม่บ่อยเกินไปเพื่อป้องกันการระคายเคือง
• หลีกเลี่ยงการสครับบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น
• หลังการสครับ ควร ทามอยส์เจอไรเซอร์ และ ครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิวที่บอบบาง
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับวิธีกู้หน้าใสสร้างผิวโกลว์
วิธีกู้หน้าใสทั้งหมดสิ่งสำคัญหลักคือ เราจะต้องรู้จักผิวหน้าเราเป็นอย่างดีว่า ผิวหน้าเราเป็นแบบไหน เป็นผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม เพื่อที่จะเลือกวิธีที่ทำให้หน้าใสได้อย่างตรงจุด
แต่ถ้าเกิดใครไม่มั่นใจว่าผิวตัวเองเป็นแบบไหนแล้วอยากได้วิธีที่ทำให้หน้าใสแบบตรงจุด สามารถปรึกษา หมอ Specialist ด้านผิวพรรณได้ที่รมย์รวินท์คลินิก ที่พร้อมไปด้วยเทคโนโลยีและบริการระดับพรีเมียม เพื่อสุขภาพผิวหน้าที่ยั่งยืน ถ้าเราดูแลตั้งแต่เนิ่นๆ มั่นใจได้เลยว่าผลตอบแทนในเรื่องสุขภาพผิวคุ้มค่าอย่างแน่นอน เป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด