romrawin

เซลลูไลท์ คืออะไร เกิดจากอะไร มีวิธีลดอย่างไรให้เห็นผล

เซลลูไลท์

เซลลูไลท์ คืออะไร เกิดจากอะไร มีวิธีลดอย่างไรให้เห็นผล
เซลลูไลท์เป็นปัญหาผิวที่หลายคนคุ้นเคย โดยเฉพาะในผู้หญิง มักมีลักษณะคล้าย "ผิวเปลือกส้ม" ซึ่งเกิดจากการสะสมของไขมันใต้ผิวหนัง ที่ทำให้ผิวมีลักษณะขรุขระและไม่เรียบเนียน เซลลูไลท์เกิดขึ้นเมื่อเซลล์ไขมัน (Adipocytes) มีการเก็บไขมันมากกว่าที่ร่างกายต้องการ ทำให้เซลล์ไขมันเหล่านี้ดันตัวขึ้นมาจนเกิดเป็นรอยบุ๋มและคลื่นบนผิวหนัง

ถึงแม้ว่าเซลลูไลท์จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ก็สามารถส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในรูปลักษณ์ของผู้ที่ประสบปัญหานี้ได้ โดยเฉพาะในบริเวณที่มีไขมันสะสมมาก เช่น ต้นขา สะโพก และหน้าท้อง การเกิดเซลลูไลท์ยังเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น พฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และการไหลเวียนของเลือดที่ไม่ดี

ในบทความนี้ เราจะพาไปรู้เกี่ยวกับเซลลูไลท์ คืออะไร รวมถึงสาเหตุ ผลเสีย และแนวทางในการลดเซลลูไลท์ เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง

เซลลูไลท์คืออะไร
เซลลูไลท์ (Cellulite) เป็นภาวะที่ไขมันสะสมอยู่ใต้ชั้นผิวหนังและกดดันเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทำให้ผิวหนังมีลักษณะขรุขระ คล้ายผิวเปลือกส้ม (Orange Peel Skin) หรือเป็นลอนคลื่น โดยมักพบได้บ่อยบริเวณที่มีการสะสมของไขมันสูง เช่น ต้นขา สะโพก ก้น และหน้าท้อง

แม้ว่าเซลลูไลท์จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรง แต่ก็อาจทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจเกี่ยวกับรูปร่างและลักษณะของผิวหนัง เซลลูไลท์พบได้ในคนทุกช่วงวัยและทุกรูปร่าง โดยเฉพาะในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากโครงสร้างผิวหนังที่แตกต่างกัน รวมถึงอิทธิพลของฮอร์โมนที่ส่งผลต่อการสะสมของไขมันและการกระจายตัวของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน

เซลลูไลท์เกิดจากอะไร
เซลลูไลท์ (Cellulite) เกิดจากการสะสมของไขมันใต้ชั้นผิวหนังที่ถูกดันขึ้นมาผ่านเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ส่งผลให้ผิวหนังดูขรุขระ ไม่เรียบเนียน คล้ายกับผิวเปลือกส้ม สาเหตุของการเกิดเซลลูไลท์มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ทั้งทางชีววิทยา พฤติกรรม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้

1.โครงสร้างของผิวหนังและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
โครงสร้างของชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิวหนังมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคล โดยเฉพาะในผู้หญิงและผู้ชาย
• ผู้หญิง มีโครงสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เป็นเส้นใยตั้งฉากกับผิวหนัง ทำให้ไขมันสามารถดันขึ้นมาเป็นก้อนเล็กๆ ได้ง่าย
• ผู้ชาย มีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เรียงตัวเป็นโครงข่ายแน่นหนากว่า ทำให้ไขมันไม่สามารถดันขึ้นมาได้ง่าย โครงสร้างนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงมีแนวโน้มเกิดเซลลูไลท์มากกว่าผู้ชาย

2.การสะสมของไขมันใต้ผิวหนัง
เซลลูไลท์มักเกิดขึ้นในบริเวณที่มีไขมันสะสม เช่น ต้นขา สะโพก ก้น หน้าท้อง ต้นแขน เมื่อไขมันสะสมมากขึ้น มันจะดันเนื้อเยื่อเกี่ยวพันขึ้นมา ทำให้เกิดลักษณะเป็นลอนคลื่นบนผิวหนัง

3.ฮอร์โมนและพันธุกรรม
ฮอร์โมนที่มีผลต่อเซลลูไลท์
• เอสโตรเจน (Estrogen) - เป็นฮอร์โมนที่ช่วยกระตุ้นการสะสมของไขมันในร่างกายของผู้หญิง และมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและการผลิตคอลลาเจน หากระดับเอสโตรเจนลดลง (เช่น ในวัยหมดประจำเดือน) การไหลเวียนโลหิตจะลดลง ทำให้เซลลูไลท์เห็นได้ชัดขึ้น
• อินซูลิน (Insulin) - มีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมัน หากระดับอินซูลินไม่สมดุล อาจทำให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น
• ไทรอยด์ฮอร์โมน (Thyroid Hormone) - มีบทบาทในการควบคุมเมตาบอลิซึม หากฮอร์โมนไทรอยด์ทำงานผิดปกติ อาจทำให้เกิดการสะสมของไขมันและเซลลูไลท์

พันธุกรรมที่มีผลต่อเซลลูไลท์
หากพ่อแม่หรือญาติใกล้ชิดมีเซลลูไลท์ ก็มีโอกาสสูงที่คุณจะมีเช่นกัน เนื่องจากพันธุกรรมมีผลต่อ

• โครงสร้างของผิวหนัง
• อัตราการเผาผลาญไขมัน
• การไหลเวียนของเลือด

4.การไหลเวียนโลหิตและระบบน้ำเหลือง
ระบบไหลเวียนโลหิตและระบบน้ำเหลืองมีหน้าที่ขจัดของเสียออกจากร่างกาย ถ้าระบบเหล่านี้ทำงานได้ไม่ดี ไขมันและของเหลวจะสะสมอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้เซลลูไลท์เห็นชัดขึ้น ปัจจัยที่ส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิต ได้แก่

• การนั่งหรือนอนอยู่กับที่เป็นเวลานาน
• การใส่เสื้อผ้ารัดแน่นเกินไป ทำให้การไหลเวียนโลหิตลดลง
• ขาดการออกกำลังกาย

5.การรับประทานอาหารและไลฟ์สไตล์
อาหารและพฤติกรรมการใช้ชีวิตมีผลต่อการเกิดเซลลูไลท์โดยตรง โดยเฉพาะการบริโภคอาหารที่กระตุ้นให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น เช่น

• อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น อาหารทอด อาหารแปรรูป
• อาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม น้ำผลไม้ที่เติมน้ำตาล
• อาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารสำเร็จรูป อาหารฟาสต์ฟู้ด ซึ่งทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำและทำให้เซลลูไลท์เห็นได้ชัดขึ้น

นอกจากนี้ การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปยังทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตเสื่อมลง และทำให้เซลลูไลท์เห็นชัดขึ้น

6.การขาดการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายมีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมันและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ หากขาดการออกกำลังกาย

• กล้ามเนื้อจะไม่กระชับ ทำให้ไขมันสะสมง่ายขึ้น
• ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ไม่ดี ทำให้การกำจัดของเสียลดลง
• ผิวหนังจะหย่อนคล้อยและเซลลูไลท์จะเห็นได้ชัดขึ้น

7.อายุและการเสื่อมสภาพของผิวหนัง
เมื่ออายุมากขึ้นส่งผลให้เกิดเซลลูไลท์ได้เนื่องจากเหตุผลต่อไปนี้

• การผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ทำให้ผิวสูญเสียความกระชับ
• ชั้นไขมันใต้ผิวหนังบางลง ทำให้เซลลูไลท์เห็นได้ชัดขึ้น
• ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง ทำให้ไขมันสะสมง่ายขึ้น

ตารางสรุปปัจจัยที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์

ปัจจัยที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์

รายละเอียด

โครงสร้างของผิวหนัง

ผิวของผู้หญิงมีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เอื้อต่อการเกิดเซลลูไลท์

การสะสมของไขมัน

บริเวณที่มีไขมันสะสมมาก เช่น ต้นขา สะโพก

ฮอร์โมน

เอสโตรเจน อินซูลิน ไทรอยด์ฮอร์โมนมีผลต่อการสะสมไขมัน

พันธุกรรม

หากคนในครอบครัวมีเซลลูไลท์ ก็มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นได้ง่าย

ระบบไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง

หากระบบเหล่านี้ทำงานไม่ดี จะทำให้ไขมันสะสมและเซลลูไลท์เด่นชัดขึ้น

พฤติกรรมการกิน

การกินอาหารที่มีไขมัน น้ำตาล และโซเดียมสูงทำให้ไขมันสะสม

ขาดการออกกำลังกาย

ทำให้กล้ามเนื้อไม่กระชับ และเผาผลาญไขมันได้ไม่ดี

อายุที่เพิ่มขึ้น

คอลลาเจนลดลง ทำให้ผิวหย่อนคล้อยและเซลลูไลท์เห็นได้ชัดขึ้น

เซลลูไลท์แบ่งเป็นกี่ชนิด
เซลลูไลท์สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ตามลักษณะและสาเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งเซลลูไลท์แต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะตัวและสาเหตุที่แตกต่างกัน ได้แก่

1.เซลลูไลท์ชนิดแข็ง (Hard Cellulite หรือ Compact Cellulite)
ลักษณะของเซลลูไลท์ชนิดแข็ง
• ผิวหนังมีลักษณะเป็นผิวเปลือกส้ม แต่ยังคงแน่นและแข็งแรง
• สังเกตเห็นได้ชัดเจนเมื่อลองบีบผิวหนัง
• มักเกิดขึ้นในคนที่มีร่างกายฟิตหรือมีกล้ามเนื้อแข็งแรง
• พบบ่อยบริเวณต้นขา สะโพก และก้น

สาเหตุของเซลลูไลท์ชนิดแข็ง
• เกิดจากการสะสมของไขมันใต้ผิวหนังและเส้นใยคอลลาเจนที่รัดไขมันแน่น
• ระบบไหลเวียนโลหิตไม่ดี ทำให้ร่างกายกำจัดไขมันได้ยาก
• พันธุกรรมและฮอร์โมนเอสโตรเจนส่งผลต่อการเกิด

2.เซลลูไลท์ชนิดอ่อน (Soft Cellulite หรือ Flaccid Cellulite)
ลักษณะของเซลลูไลท์ชนิดอ่อน
• ผิวหนังมีลักษณะหย่อนคล้อยและไม่กระชับ
• เห็นเซลลูไลท์ได้ชัดเจนเมื่อยืนหรือนั่ง
• มักพบในคนที่เคลื่อนไหวร่างกายน้อย หรือในผู้สูงอายุ
• พบบ่อยบริเวณต้นขา ก้น และท้อง

สาเหตุของเซลลูไลท์ชนิดอ่อน
• การสะสมไขมันที่มากขึ้นในชั้นใต้ผิวหนัง
• การสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวขาดความกระชับ
• การขาดการออกกำลังกาย ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอ

3.เซลลูไลท์ชนิดบวมน้ำ (Edematous Cellulite หรือ Water Cellulite)
ลักษณะของเซลลูไลท์ชนิดบวมน้ำ
• ผิวหนังบวมและดูเป็นคลื่นน้ำ ไม่ใช่แค่ก้อนไขมัน
• เมื่อกดลงไปอาจรู้สึกเจ็บและเห็นเป็นรอยบุ๋ม
• มักเกิดร่วมกับอาการบวมน้ำหรือขาบวม
• พบบ่อยบริเวณขาและต้นขา

สาเหตุของเซลลูไลท์ชนิดบวมน้ำ
• ระบบไหลเวียนโลหิตและระบบน้ำเหลืองทำงานผิดปกติ
• ร่างกายกักเก็บของเหลวและสารพิษ ทำให้เกิดอาการบวมน้ำ
• การนั่งหรือยืนเป็นเวลานานโดยไม่เคลื่อนไหว

เซลลูไลท์แบ่งเป็นกี่ระยะ
เซลลูไลท์สามารถแบ่งออกเป็น 4 ระยะหลัก ตามระดับความรุนแรงและลักษณะที่ปรากฏบนผิวหนัง แต่ละระยะมีความแตกต่างกันตามโครงสร้างของไขมันใต้ผิวหนังและความเด่นชัดของผิวเปลือกส้ม

ระยะที่ 1 เซลลูไลท์ระยะแรก (Mild or Early Stage)
ลักษณะเซลลูไลท์ระยะแรก
• ผิวยังดูเรียบเนียนเมื่อนั่งหรือยืน
• จะเห็นรอยบุ๋มหรือผิวเปลือกส้มก็ต่อเมื่อลองบีบผิว
• มีการสะสมของไขมันใต้ชั้นผิวหนัง แต่ยังไม่เกิดการรัดตัวของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน

สาเหตุเซลลูไลท์ระยะแรก
• การสะสมไขมันเริ่มต้น
• ระบบไหลเวียนโลหิตและระบบน้ำเหลืองเริ่มทำงานช้าลง
• พันธุกรรมและฮอร์โมนอาจเริ่มส่งผลต่อการเกิด

ระยะที่ 2 เซลลูไลท์ระดับปานกลาง (Moderate Stage)
ลักษณะเซลลูไลท์ระดับปานกลาง
• เริ่มเห็นลักษณะผิวเปลือกส้มเมื่อนั่งหรือนอนในบางท่า
• ผิวมีรอยบุ๋มที่เห็นได้ชัดขึ้นเมื่อบีบผิว
• การสะสมของไขมันมากขึ้น และเริ่มมีการกักเก็บของเหลว

สาเหตุเซลลูไลท์ระดับปานกลาง
• การไหลเวียนโลหิตและการเผาผลาญไขมันทำงานได้ช้าลง
• มีการกักเก็บของเหลวใต้ชั้นผิวหนังมากขึ้น
• โครงสร้างของคอลลาเจนเริ่มเสื่อมลง

ระยะที่ 3 เซลลูไลท์ระดับรุนแรง (Severe Stage)
ลักษณะเซลลูไลท์ระดับรุนแรง
• เห็นผิวเปลือกส้มได้ชัดเจนแม้ไม่ได้บีบผิว
• ผิวเริ่มมีความหย่อนคล้อยและไม่เรียบเนียน
• เนื้อเยื่อเกี่ยวพันรัดแน่นขึ้น ทำให้ไขมันถูกดันขึ้นมาเป็นก้อนชัดเจน

สาเหตุเซลลูไลท์ระดับรุนแรง
• คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวลดลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น
• การสะสมไขมันและของเหลวในร่างกายเพิ่มขึ้น
• การไหลเวียนโลหิตแย่ลง ทำให้เซลล์ไขมันขยายตัวมากขึ้น

ระยะที่ 4 เซลลูไลท์ระดับรุนแรงมาก (Advanced or Fibrotic Stage)
ลักษณะเซลลูไลท์ระดับรุนแรงมาก
• ผิวหนังมีรอยบุ๋มและเป็นลอนคลื่นลึกมาก
• ผิวสัมผัสแข็งและอาจรู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัส
• เซลลูไลท์เห็นได้ชัดเจนตลอดเวลา ทั้งในขณะยืนและนั่ง
• เนื้อเยื่อเกี่ยวพันรัดแน่นมาก ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก

สาเหตุเซลลูไลท์ระดับรุนแรงมาก
• เซลล์ไขมันขยายตัวจนดันทะลุเนื้อเยื่อเกี่ยวพันขึ้นมามาก
• การไหลเวียนโลหิตแย่มาก ทำให้ร่างกายไม่สามารถกำจัดไขมันได้ดี
• อาจเกิดจากปัจจัยทางสุขภาพ เช่น โรคอ้วนหรือปัญหาเกี่ยวกับระบบน้ำเหลือง

เซลลูไลท์ส่งผลเสียอะไรบ้าง
แม้ว่า เซลลูไลท์ (Cellulite) จะไม่ใช่โรคและไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพโดยตรง แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจในหลายด้าน ทั้งด้านความมั่นใจในรูปร่าง ผลกระทบทางร่างกาย และอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นในระยะที่รุนแรงขึ้น

1.ผลกระทบทางด้านจิตใจจากเซลลูไลท์
เซลลูไลท์ลดความมั่นใจในรูปร่าง
• ผิวที่มีลักษณะเป็นผิวเปลือกส้ม หรือมีลอนคลื่นอาจทำให้บางคนรู้สึกไม่มั่นใจในการใส่เสื้อผ้าที่โชว์ผิว เช่น กางเกงขาสั้น หรือชุดว่ายน้ำ
• บางคนอาจรู้สึกว่ารูปร่างดูไม่กระชับ ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของตนเอง

เซลลูไลท์เพิ่มความเครียดและวิตกกังวล
• ผู้ที่ให้ความสำคัญกับรูปร่างมากอาจรู้สึกเครียดและวิตกกังวลเกี่ยวกับเซลลูไลท์ โดยเฉพาะเมื่อพยายามกำจัดมันแล้วไม่เห็นผล
• อาจทำให้บางคนรู้สึกอายหรือไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรมที่ต้องโชว์ผิว

เซลลูไลท์ส่งผลต่อสุขภาพจิตในบางกรณี
ในบางราย อาจเกิดภาวะ Body Dysmorphic Disorder (BDD) หรือความผิดปกติในการมองรูปร่างของตัวเอง ซึ่งทำให้รู้สึกไม่พอใจกับรูปร่างจนกระทบต่อชีวิตประจำวัน

2.ผลกระทบทางร่างกายจากเซลลูไลท์
เซลลูไลท์ส่งผลต่อการไหลเวียนโลหิต
• เซลลูไลท์มักเกี่ยวข้องกับ ระบบไหลเวียนโลหิตที่ไม่ดี ทำให้เลือดไหลเวียนได้ช้าลง และส่งผลต่อการลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปยังผิวหนัง
• เมื่อระบบไหลเวียนโลหิตไม่ดี อาจทำให้ร่างกายขจัดของเสียได้ช้าลง ส่งผลให้เกิดการสะสมของสารพิษและของเหลวใต้ชั้นผิวหนัง

เซลลูไลท์ทำให้ผิวหนังไม่เรียบเนียน
• ผิวที่มีเซลลูไลท์อาจมีลักษณะขรุขระ หย่อนคล้อย และไม่กระชับ ซึ่งอาจทำให้ผิวดูแก่กว่าวัย
• ในบางกรณี อาจทำให้เกิดผิวแห้งและสูญเสียความยืดหยุ่น

เซลลูไลท์ทำให้เกิดอาการบวมและปวดในบางกรณี
• ในกรณีของเซลลูไลท์ชนิดบวมน้ำ (Edematous Cellulite) อาจเกิดอาการ ขาบวม และ รู้สึกหนักหรือปวดบริเวณที่มีเซลลูไลท์
• อาจเกิดอาการอักเสบของเนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังรู้สึกอุ่นหรือเจ็บเมื่อสัมผัส

เซลลูไลท์ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ช้าลง
• การที่ร่างกายมีเซลลูไลท์มากอาจบ่งบอกถึง ระบบเผาผลาญที่ทำงานได้ไม่ดี ทำให้การลดน้ำหนักหรือการกำจัดไขมันเป็นไปได้ยากขึ้น
• ส่งผลให้เกิดการสะสมของไขมันและของเหลวใต้ผิวหนังมากขึ้น

3.ผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวจากเซลลูไลท์
เซลลูไลท์อาจนำไปสู่ปัญหาหลอดเลือดและเส้นเลือดขอด
• เซลลูไลท์ที่เกิดจากระบบไหลเวียนโลหิตที่ไม่ดี อาจส่งผลให้หลอดเลือดฝอยอ่อนแอลง และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิด เส้นเลือดขอด (Varicose Veins)
• เส้นเลือดขอดอาจทำให้เกิดอาการปวดและบวมที่ขา และทำให้ขาดูไม่เรียบเนียน

เซลลูไลท์ส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบน้ำเหลือง
• ระบบน้ำเหลืองทำหน้าที่ขจัดของเสียออกจากร่างกาย หากมีเซลลูไลท์มากและระบบน้ำเหลืองทำงานได้ไม่ดี อาจทำให้เกิดการสะสมของของเสียและสารพิษในร่างกาย
• อาจทำให้เกิดอาการบวมน้ำที่ขาและต้นขา ซึ่งส่งผลต่อการเคลื่อนไหว

เซลลูไลท์อาจทำให้เกิดเนื้อเยื่อพังผืด (Fibrosis)
• ในกรณีของเซลลูไลท์ระยะรุนแรงมาก (Advanced Stage) เนื้อเยื่อเกี่ยวพันอาจรัดตัวแน่นขึ้น ทำให้เกิด พังผืดใต้ชั้นผิวหนัง
• ส่งผลให้เซลลูไลท์มีลักษณะเป็นก้อนแข็ง ผิวบุ๋มลึก และอาจรู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัส

ตารางสรุปผลเสียของเซลลูไลท์

ผลกระทบจากเซลลูไลท์

รายละเอียด

ผลกระทบต่อจิตใจ

ลดความมั่นใจในตัวเอง ทำให้เกิดความเครียดและวิตกกังวล

ผิวไม่เรียบเนียน

ผิวขรุขระ หย่อนคล้อย และดูแก่กว่าวัย

การไหลเวียนโลหิตไม่ดี

ส่งผลให้ร่างกายขจัดของเสียได้ช้าลง

อาการบวมและปวด

ในบางกรณี อาจเกิดอาการบวม และเจ็บเมื่อสัมผัส

ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง

ทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปได้ยากขึ้น

เพิ่มความเสี่ยงเส้นเลือดขอด

อาจเกิดปัญหาหลอดเลือดฝอยและเส้นเลือดขอด

กระทบต่อระบบน้ำเหลือง

ทำให้เกิดการสะสมของของเสียและของเหลวในร่างกาย

เสี่ยงเกิดพังผืดใต้ผิวหนัง

หากเป็นระยะรุนแรง เนื้อเยื่อเกี่ยวพันอาจรัดตัวจนเกิดพังผืด

เซลลูไลท์เกิดบริเวณไหนได้ง่าย
เซลลูไลท์ (Cellulite) สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่มีไขมันสะสมอยู่มาก และมีการไหลเวียนของเลือดและระบบน้ำเหลืองทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ บริเวณที่พบเซลลูไลท์ได้บ่อยมีดังนี้

1.เซลลูไลท์พบได้บ่อยที่ต้นขา
เหตุผลที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ง่าย
• บริเวณต้นขาเป็นแหล่งสะสมไขมันของร่างกาย โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีไขมันสะสมบริเวณนี้มากกว่าผู้ชาย
• การไหลเวียนโลหิตและระบบน้ำเหลืองในบริเวณนี้อาจทำงานได้ไม่ดี ทำให้เกิดการสะสมของไขมันและของเหลว
• การนั่งเป็นเวลานานทำให้เกิดแรงกดที่ต้นขา ซึ่งส่งผลให้การไหลเวียนเลือดลดลง

2.เซลลูไลท์พบได้บ่อยที่สะโพก
เหตุผลที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ง่าย
• สะโพกเป็นจุดที่ร่างกายใช้เก็บพลังงานในรูปของไขมัน ทำให้ไขมันสะสมง่าย
• มีการเคลื่อนไหวน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับส่วนอื่นของร่างกาย
• พันธุกรรมและฮอร์โมนมีบทบาทสำคัญในการกำหนดปริมาณไขมันบริเวณนี้

3.เซลลูไลท์พบได้บ่อยที่ก้น
เหตุผลที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ง่าย
• บริเวณก้นเป็นอีกจุดที่ร่างกายสะสมไขมันเพื่อใช้เป็นพลังงาน
• การนั่งเป็นเวลานานทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี และทำให้ไขมันถูกกักเก็บ
• การเสื่อมของคอลลาเจนในบริเวณนี้ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย และเซลลูไลท์เด่นชัดขึ้น

4.เซลลูไลท์พบได้บ่อยที่หน้าท้อง
เหตุผลที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ง่าย
• ไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องเป็นไขมันที่สะสมง่าย แต่เผาผลาญได้ยาก
• ฮอร์โมนอินซูลินและคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) อาจทำให้ไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องมากขึ้น
• ระบบเผาผลาญที่ช้าลงทำให้ร่างกายไม่สามารถกำจัดไขมันบริเวณนี้ได้ดี

5.เซลลูไลท์พบได้บ่อยที่ต้นแขน
เหตุผลที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ง่าย
• ไขมันบริเวณต้นแขนสะสมได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อกล้ามเนื้ออ่อนแอ
• ระบบไหลเวียนโลหิตในแขนมักถูกละเลย ทำให้เกิดการสะสมของไขมันและของเหลว
• เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนลดลง ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยและเห็นเซลลูไลท์ชัดขึ้น

6.เซลลูไลท์พบได้บ่อยที่น่องและข้อเท้า
เหตุผลที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ง่าย
• เกิดจากการกักเก็บของเหลวและปัญหาการไหลเวียนโลหิต
• การยืนนานๆ หรือขาดการออกกำลังกายทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี
• ในบางคนที่มีระบบน้ำเหลืองทำงานผิดปกติ อาจทำให้เกิดอาการบวมน้ำที่ข้อเท้า

ใครที่มีปัญหาเซลลูไลท์ได้ง่าย
เซลลูไลท์ (Cellulite) สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะผอมหรืออ้วน แต่มีกลุ่มคนบางประเภทที่มีแนวโน้มเกิดเซลลูไลท์ได้ง่ายกว่าคนทั่วไป เนื่องจากปัจจัยด้านฮอร์โมน พันธุกรรม อายุ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต

1.เซลลูไลท์พบบ่อยในผู้หญิง
เหตุผลที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ง่าย
• โครงสร้างผิวหนังของผู้หญิง มีลักษณะของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เป็นแนวตั้ง ทำให้ไขมันดันขึ้นมาบนผิวได้ง่าย
• ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ช่วยกระตุ้นการสะสมไขมันในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณสะโพก ต้นขา และก้น
• ไขมันในร่างกายของผู้หญิงสูงกว่าผู้ชาย โดยธรรมชาติร่างกายผู้หญิงจะเก็บสะสมไขมันมากกว่าผู้ชายเพื่อรองรับการตั้งครรภ์
• การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ช่วงวัยรุ่น การตั้งครรภ์ และวัยหมดประจำเดือน มีผลต่อการเกิดเซลลูไลท์

เซลลูไลท์พบบ่อยในผู้หญิงอายุ
• 20+ ปี (วัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้น)
• 30-40 ปี (ช่วงตั้งครรภ์และหลังคลอด)
• 50+ ปี (วัยหมดประจำเดือน)

2.เซลลูไลท์พบบ่อยในคนที่มีพันธุกรรมเสี่ยงเกิดเซลลูไลท์ง่าย
เหตุผลที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ง่าย
• ถ้าคนในครอบครัวมีเซลลูไลท์ เช่น แม่หรือยาย ก็มีโอกาสสูงที่ลูกหลานจะมีเซลลูไลท์ด้วย
• พันธุกรรมส่งผลต่อโครงสร้างผิวหนัง การกระจายตัวของไขมัน และอัตราการเผาผลาญ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการเกิดเซลลูไลท์

3.เซลลูไลท์พบบ่อยในคนที่น้ำหนักเกินหรืออ้วน
เหตุผลที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ง่าย
• การสะสมไขมันส่วนเกิน ทำให้ไขมันใต้ผิวหนังดันขึ้นมาเป็นก้อนชัดเจน
• น้ำหนักที่มากเกินไปทำให้แรงกดบนเนื้อเยื่อเกี่ยวพันสูงขึ้น ทำให้เซลลูไลท์เห็นได้ชัด
• ระบบไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลืองอาจทำงานได้ไม่ดี ทำให้เกิดการสะสมของของเสียและของเหลวใต้ผิวหนัง

4.เซลลูไลท์พบบ่อยในคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย
เหตุผลที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ง่าย
• ขาดการเผาผลาญไขมัน ทำให้ไขมันสะสมใต้ผิวหนัง
• กล้ามเนื้ออ่อนแอ ทำให้ผิวไม่กระชับ และเซลลูไลท์เห็นได้ชัดขึ้น
• เลือดไหลเวียนไม่ดี โดยเฉพาะคนที่นั่งทำงานนานๆ หรือไม่ค่อยขยับตัว

5.เซลลูไลท์พบบ่อยในคนที่กินอาหารที่มีไขมันสูงและน้ำตาลสูง
เหตุผลที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ง่าย
• อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น อาหารทอด ฟาสต์ฟู้ด ทำให้ไขมันสะสมใต้ผิวหนัง
• น้ำตาลสูง ทำให้ร่างกายผลิตอินซูลินมากขึ้น ซึ่งกระตุ้นให้ร่างกายสะสมไขมัน
• โซเดียมสูง ทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำ ส่งผลให้เซลลูไลท์เห็นชัดขึ้น

6.เซลลูไลท์พบบ่อยในคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิตและระบบน้ำเหลือง
เหตุผลที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ง่าย
• ระบบไหลเวียนโลหิตที่ไม่ดี ทำให้ร่างกายไม่สามารถกำจัดของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• การกักเก็บของเหลวและสารพิษ ทำให้เกิดการบวมและเซลลูไลท์เด่นชัดขึ้น
• มักพบในคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือดขอด หรือระบบน้ำเหลืองไม่สมดุล

7.เซลลูไลท์พบบ่อยในคนที่มีอายุเพิ่มขึ้น
เหตุผลที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ง่าย
• คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวลดลง ทำให้ผิวไม่กระชับ
• ระบบเผาผลาญช้าลง ทำให้ไขมันสะสมมากขึ้น
• การไหลเวียนโลหิตลดลง ส่งผลให้เซลลูไลท์เห็นชัดขึ้น

เซลลูไลท์สามารถหายได้เองไหม
สำหรับข้อสงสัยว่าเซลลูไลท์สามารถหายได้เองไหม ? คำตอบคือเซลลูไลท์ไม่สามารถหายไปเองได้ตามธรรมชาติ เพราะเซลลูไลท์เกิดจากการสะสมของไขมันใต้ผิวหนัง และการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน หากไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือดูแลอย่างเหมาะสม เซลลูไลท์จะไม่หายไปเอง และอาจเห็นชัดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น แต่สามารถลดความเด่นชัดของเซลลูไลท์ลงได้ ด้วยการทำวิธีลดเซลลูไลท์และการดูแลตัวเองที่เหมาะสม

วิธีลดเซลลูไลท์มีอะไรบ้างที่เห็นผล
แม้ว่าเซลลูไลท์จะไม่สามารถหายไปได้ถาวร แต่สามารถลดความเด่นชัดของเซลลูไลท์และทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นได้ โดยใช้วิธีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยได้จริง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 4 หมวดหลัก ได้แก่ การออกกำลังกาย, การควบคุมอาหาร, การดูแลผิว และการรักษาทางการแพทย์

1.การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายช่วยลดเซลลูไลท์ได้โดยการเผาผลาญไขมันและสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวกระชับขึ้น

คาร์ดิโอ (Cardio) - ช่วยเผาผลาญไขมันและลดการสะสมของไขมันใต้ผิวหนัง
• วิ่ง (Running)
• ปั่นจักรยาน (Cycling)
• ว่ายน้ำ (Swimming)
• กระโดดเชือก (Jump Rope)

เวทเทรนนิ่ง (Strength Training) - สร้างกล้ามเนื้อและทำให้ผิวแน่นขึ้น ลดการมองเห็นของเซลลูไลท์
• Squats - กระชับต้นขาและก้น
• Lunges - ลดเซลลูไลท์บริเวณต้นขา
• Deadlifts - เสริมสร้างกล้ามเนื้อสะโพกและต้นขา
• Planks - กระชับหน้าท้องและสะโพก

HIIT (High-Intensity Interval Training) - การออกกำลังกายหนักสลับเบา ช่วยเผาผลาญไขมันได้เร็วกว่า
• กระโดดตบ (Jumping Jacks)
• สควอตจั๊มพ์ (Squat Jumps)

ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3-5 วัน/สัปดาห์ เพื่อให้เห็นผล

2.การควบคุมอาหาร
อาหารที่เรารับประทานมีผลต่อการเกิดและลดเซลลูไลท์โดยตรง

กินอาหารที่ช่วยลดเซลลูไลท์
• โปรตีนสูง เช่น อกไก่, ปลาแซลมอน, ไข่ - ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระชับผิว
• ไฟเบอร์สูง เช่น ผักใบเขียว, ธัญพืช, ผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำ - ช่วยกำจัดของเสียออกจากร่างกาย
• กรดไขมันดี เช่น อะโวคาโด, ถั่ว, น้ำมันมะกอก - ช่วยบำรุงผิวและลดการอักเสบ
• ดื่มน้ำมากขึ้น (2-3 ลิตร/วัน) - ช่วยขับของเสียและทำให้ผิวชุ่มชื้น ลดการกักเก็บของเหลว

หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เซลลูไลท์แย่ลง
• อาหารแปรรูป, ฟาสต์ฟู้ด, ขนมหวาน - ทำให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น
• เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม, น้ำผลไม้ที่เติมน้ำตาล
• โซเดียมสูง เช่น อาหารเค็มจัด ทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำและทำให้เซลลูไลท์เด่นขึ้น

3.การดูแลผิวและการนวด
การดูแลผิวและการนวดช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้เซลลูไลท์ดูจางลง

การนวดกระตุ้นการไหลเวียน
• การนวดลดเซลลูไลท์ (Anti-cellulite Massage) - ใช้แรงกดช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด
• Dry Brushing (การใช้แปรงขัดผิวแห้ง) - ช่วยกระตุ้นระบบน้ำเหลือง ขจัดของเสียออกจากร่างกาย

ใช้ครีมลดเซลลูไลท์
• ครีมที่มี คาเฟอีน (Caffeine) - ช่วยลดการกักเก็บของเหลวใต้ผิวหนัง
• ครีมที่มี เรตินอล (Retinol) - กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับขึ้น

แม้ครีมลดเซลลูไลท์จะช่วยให้ผิวตึงขึ้น แต่ไม่ได้กำจัดเซลลูไลท์ถาวร

4.นวัตกรรมยกกระชับสลายไขมัน
การลดเซลลูไลท์ด้วยนวัตกรรมยกกระชับสลายไขมัน เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเพราะเห็นผลเร็ว

4.1 CoolSculpting สลายไขมันด้วยความเย็น
หลักการทำงาน
• ใช้เทคโนโลยี Cryolipolysis (การแช่แข็งไขมัน) เพื่อทำให้เซลล์ไขมันตายแบบถาวร
• กระตุ้นให้ร่างกายกำจัดไขมันออกไปตามกระบวนการธรรมชาติ
• ลดจำนวนเซลล์ไขมันในบริเวณที่มีเซลลูไลท์

จุดเด่น
• ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
• เหมาะสำหรับการลดไขมันสะสมบริเวณต้นขา สะโพก หน้าท้อง
• สามารถลดไขมันสะสมได้ 20-25% ต่อการรักษาหนึ่งครั้ง

เหมาะกับใคร?
• ผู้ที่มีไขมันสะสมและต้องการลดปริมาณไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด
• ผู้ที่มีเซลลูไลท์ไม่รุนแรงและต้องการลดไขมันเพื่อให้เซลลูไลท์ดูจางลง

4.2 Morpheus คลื่นวิทยุ RF ผสานเข็มไมโครนีดลิ่ง
หลักการทำงาน
• ใช้ Microneedling + Radiofrequency (RF) ส่งพลังงานคลื่นวิทยุผ่านเข็มเล็กๆ เพื่อเจาะเข้าไปในชั้นไขมัน
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวกระชับขึ้น
• ลดไขมันใต้ผิว ทำให้เซลลูไลท์ดูเรียบเนียนขึ้น

จุดเด่น
• สามารถเจาะลึกได้ถึงชั้นไขมันและกระตุ้นการฟื้นฟูผิวได้ดี
• ช่วยลดเซลลูไลท์และทำให้ผิวแน่นขึ้น
• เห็นผลได้ภายใน 2-4 สัปดาห์

เหมาะกับใคร?
• ผู้ที่มีเซลลูไลท์ระดับปานกลางถึงรุนแรง
• ผู้ที่ต้องการกระชับผิวและลดริ้วรอยไปพร้อมกัน

4.3.Indiba คลื่นวิทยุ RF กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
หลักการทำงาน
• ใช้เทคโนโลยี Proionic System ซึ่งเป็นคลื่นวิทยุแบบพิเศษเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
• เพิ่มการเผาผลาญไขมันใต้ผิวหนัง
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวเนียนขึ้นและลดเซลลูไลท์

จุดเด่น
• ไม่เจ็บ ไม่มีผลข้างเคียง และไม่มีแผล
• ช่วยลดการบวมน้ำและการกักเก็บของเหลว ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของเซลลูไลท์
• เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว และสามารถใช้ร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ ได้

เหมาะกับใคร?
• ผู้ที่มีเซลลูไลท์ที่เกิดจากการกักเก็บของเหลว
• ผู้ที่ต้องการกระชับผิวโดยไม่ต้องเจ็บตัว

4.4.Exilis Elite คลื่นวิทยุ RF + อัลตร้าซาวด์สลายไขมัน
หลักการทำงาน
• ใช้คลื่นวิทยุ (RF) และ อัลตร้าซาวด์ (Ultrasound) ร่วมกัน เพื่อช่วยสลายไขมันใต้ผิว
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับและลดริ้วรอย
• ช่วยลดเซลลูไลท์และทำให้ผิวเรียบขึ้น

จุดเด่น
• ไม่เจ็บ ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้น
• ใช้ได้ทั้งใบหน้าและร่างกาย เช่น ต้นขา สะโพก หน้าท้อง
• ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และช่วยลดเซลลูไลท์ได้จริง

เหมาะกับใคร?
• ผู้ที่มีเซลลูไลท์ระดับปานกลาง
• ผู้ที่ต้องการลดไขมันและกระชับผิวในเวลาเดียวกัน

ตารางเปรียบเทียบนวัตกรรมลดเซลลูไลท์

เทคโนโลยี

หลักการทำงาน

เหมาะกับใคร?

ระยะเวลาเห็นผล

จำนวนครั้งที่ควรทำ

CoolSculpting

แช่แข็งไขมันให้สลายไปเอง

คนที่มีไขมันสะสมมากและต้องการลดปริมาณไขมัน

1-3 เดือน

1-2 ครั้ง

Morpheus

Microneedling + RF กระตุ้นคอลลาเจน

คนที่มีเซลลูไลท์ระดับปานกลางถึงรุนแรง

2-4 สัปดาห์

2-3 ครั้ง

Indiba

RF กระตุ้นไหลเวียนโลหิต ลดการกักเก็บของเหลว

คนที่มีเซลลูไลท์จากของเหลวสะสม

4-6 สัปดาห์

4-6 ครั้ง

Exilis Elite

RF + Ultrasound สลายไขมัน กระชับผิว

คนที่ต้องการลดไขมันและกระชับผิวไปพร้อมกัน

2-3 เดือน

4-6 ครั้ง

สรุปเกี่ยวกับเซลลูไลท์หรือผิวเปลือกส้ม
เซลลูไลท์ หรือ ผิวเปลือกส้ม เป็นปัญหาผิวที่พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในผู้หญิง เนื่องจากโครงสร้างผิวหนัง ฮอร์โมน และการสะสมไขมันใต้ชั้นผิวหนัง แม้ว่าเซลลูไลท์จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยตรง แต่ก็สามารถส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและบุคลิกภาพได้

การจัดการกับเซลลูไลท์ให้ได้ผลจำเป็นต้องใช้ แนวทางแบบองค์รวม ซึ่งรวมถึง การออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร การนวดบำบัด และเทคโนโลยีทางการแพทย์ นวัตกรรมสมัยใหม่ เช่น CoolSculpting, Morpheus, Indiba และ Exilis Elite ช่วยลดเซลลูไลท์และทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นได้ แต่เพื่อให้ผลลัพธ์ยาวนาน ควรดูแลสุขภาพโดยรวมร่วมด้วย

สำหรับผู้ที่มีปัญหาเซลลูไลท์ ต้องการลดเซลลูไลท์ด้วยนวัตกรรมยกกระชับสลายไขมัน ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ สามารถนัดหมายปรึกษาแพทย์ได้ที่ Romrawin Clinic

เรื่อง บทความน่ารู้ ที่คุณอาจสนใจ