โปรแกรมฟิลเลอร์ คืออะไร เจ็บไหม อันตรายหรือเปล่า รวมทุกเรื่องควรรู้ก่อนฉีด
ฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ คืออะไร เจ็บไหม อันตรายหรือเปล่า รวมทุกเรื่องควรรู้ก่อนฉีด
ฟิลเลอร์คืออะไร เจ็บไหม อันตรายหรือเปล่า รวมทุกเรื่องควรรู้ก่อนฉีด
ฟิลเลอร์ หัตถการยอดฮิตที่ใครหลายคนสนใจที่ต้องการทำให้หน้าดูเด็กลง ริ้วรอยตื้นขึ้น หรือยกกระชับปรับรูปหน้า เห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังฉีดแบบไม่ต้องผ่าตัด
บทความนี้จะอธิบายข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์อย่างละเอียด ตั้งแต่ฟิลเลอร์ที่นิยิมใช้ หลักการทำงานของฟิลเลอร์ ไปจนถึงการเลือกคลินิกและการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่เป็นอันตราย การเตรียมตัวและการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
รวมทุกหัวข้อเกี่ยวกับฟิลเลอร์
• ฟิลเลอร์คืออะไร
• ฟิลเลอร์มีหลักการทำงานอย่างไร
• ฟิลเลอร์กับโบท็อกซ์ ต่างกันอย่างไร
• ฉีดฟิลเลอร์ตำแหน่งไหนได้บ้าง
- ฉีดฟิลเลอร์คาง
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
- ฉีดฟิลเลอร์ขมับ
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก
- ฉีดฟิลเลอร์จมูก
- ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
• ฉีดฟิลเลอร์แต่ละจุดใช้ฟิลเลอร์กี่ CC
• ฟิลเลอร์เหมาะกับใคร
• ใครควรหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์
• ฟิลเลอร์มีกี่ยี่ห้อ ใช้ยี่ห้อไหนดี
• ตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านอย.ยังไง
• ก่อนฉีดฟิลเลอร์เตรียมตัวอย่างไร
• การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
• ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดีที่สุด
• ฟิลเลอร์ราคาเท่าไหร่
• คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับฟิลเลอร์
- ฉีดฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน
- ฉีดฟิลเลอร์กี่วันถึงจะเข้าที่
- ทำไมฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน
- ฉีดฟิลเลอร์ทำให้คนตาบอดจริงหรือไม่
- ฉีดสลายฟิลเลอร์คืออะไร ใช้ในกรณีไหนบ้าง
• สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์คืออะไร
ฟิลเลอร์ (Filler) คือสารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ฉีดเข้าสู่ผิวหนังหรือชั้นใต้ผิวหนัง โดยมีจุดประสงค์หลักของการฉีดฟิลเลอร์คือ การเติมเต็มในบริเวณที่เกิดการยุบตัว เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา หรือจุดที่ต้องการปรับรูปหน้า เช่น ขมับ แก้ม คาง หรือจมูก เพื่อให้ใบหน้าของเราดูมีมิติมากขึ้น
สารที่ใช้ส่วนใหญ่ในฟิลเลอร์คือ ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า HA ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายเรามีอยู่แล้วตามธรรมชาติ โดยเฉพาะในผิวหนัง ข้อต่อ และเนื้อเยื่อ มีคุณสมบัติเด่นคือสามารถกักเก็บน้ำได้ดี ทำให้ผิวดูชุ่มชื้นและเต่งตึง
โปรแกรมฟิลเลอร์ คืออะไร เจ็บไหม อันตรายหรือเปล่า รวมทุกเรื่องควรรู้ก่อนฉีด
ฟิลเลอร์ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ฟิลเลอร์มีหลักการทำงานอย่างไร
การฉีดฟิลเลอร์คือการเติมเต็มความสวยจากภายใน ด้วยสารเติมเต็มชนิดพิเศษที่ชื่อว่า ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดี เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่ชั้นผิวจึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เติมวอลุ่ม และทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น มาทำความเข้าใจกันว่า ฟิลเลอร์ทำงานอย่างไรกับชั้นผิวของเรา
ทำความเข้าใจ “ชั้นผิว” แบบง่าย ๆ
ผิวหนังของคนเรามี 3 ชั้นหลัก ได้แก่
ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis)
เป็นชั้นบนสุดของผิวหนัง ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากมลภาวะ สิ่งแปลกปลอม และแสงแดด
ชั้นหนังแท้ (Dermis)
อยู่ถัดลงมาจากหนังกำพร้า มีเส้นเลือด คอลลาเจน และอิลาสติน ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและแข็งแรง
ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous fat)
เป็นชั้นลึกสุด มีไขมันช่วยรองรับผิว ทำให้ใบหน้าดูอิ่มฟู มีวอลุ่ม
ฟิลเลอร์ฉีดลงในชั้นผิวไหน
การเลือกฉีดฟิลเลอร์ จะเลือกฉีดชั้นผิวที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละคน เช่น หากต้องการเติมเต็มร่องลึกอย่างร่องแก้มหรือใต้ตา มักฉีดฟิลเลอร์ในชั้นไขมันหรือเหนือกระดูก
ถ้าต้องการเสริมคาง จมูก หรือกรอบหน้า จะฉีดฟิลเลอร์ลึกเข้าไปใกล้โครงกระดูกเพื่อสร้างรูปทรง
ถ้าต้องการเพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปากหรือแก้ม อาจฉีดฟิลเลอร์ในระดับผิวที่ตื้นกว่าเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ทำงานอย่างไร
เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปใต้ผิว สารไฮยาลูโรนิค แอซิดจะทำหน้าที่ดังนี้
- เติมเต็มร่องลึกหรือช่องว่างที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและไขมันตามวัย ทำให้ผิวบริเวณนั้นกลับมาเรียบเนียนและตึงกระชับขึ้น
- กักเก็บความชุ่มชื้นในผิว
HA สามารถดูดซับน้ำได้จำนวนมาก ช่วยให้ผิวดูฉ่ำวาวและมีสุขภาพดี
- เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว
การฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้แน่นขึ้น ไม่หย่อนคล้อยง่าย
- ช่วยปรับรูปหน้าได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
ฟิลเลอร์สามารถใช้ปรับแต่งใบหน้าแทนการทำศัลยกรรมได้ เช่น เสริมคาง ปรับจมูก เติมขมับ เป็นต้น
โปรแกรมฟิลเลอร์ คืออะไร เจ็บไหม อันตรายหรือเปล่า รวมทุกเรื่องควรรู้ก่อนฉีด
ฟิลเลอร์ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ฟิลเลอร์กับโบท็อกซ์ ต่างกันอย่างไร
ก่อนที่เราจะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์หรือฉีดโบท็อกซ์ เราต้องรู้ความแตกต่างของทั้งสองหัตถการนี้ก่อน เพื่อที่เราจะได้เลือกหัตถการที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของเราได้อย่างตรงจุด
ฟิลเลอร์ (Filler) เติมเต็มร่องลึก เพิ่มวอลุ่มให้ผิว
ฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มผิวประเภท ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะในผิวหนังและข้อต่อ ฟิลเลอร์มีคุณสมบัติพิเศษในการ อุ้มน้ำ และช่วยให้ผิวดูอวบอิ่ม ชุ่มชื้น และเต่งตึงขึ้นทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์เหมาะสำหรับ
• เติมเต็มร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา ขมับ
• เพิ่มวอลุ่มให้ใบหน้า เช่น เติมแก้มส้ม ปาก คาง หน้าผาก
• ปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนโดยไม่ต้องศัลยกรรม เช่น เสริมคาง เติมขมับให้เต็ม
ลักษณะการทำงานของฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์จะทำหน้าที่ “เติม” พื้นที่ที่เกิดการยุบตัวจากอายุหรือโครงสร้างใบหน้า เช่น บริเวณที่ขาดไขมัน หรือมีการสูญเสียคอลลาเจน ฟิลเลอร์จะเข้าไปแทนที่และดันผิวขึ้นมาแทน
ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์
ใครที่ได้เข้ารับบริการหัตถการฟิลเลอร์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฉีดแล้วเห็นผลลัพธ์เลยทันที อยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน แล้วแต่ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้
โบท็อกซ์ (Botox) ลดริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
โบท็อกซ์ หรือชื่อเต็มว่า Botulinum Toxin Type A (ฉีดโบท็อกซ์) เป็นสารสกัดจากโปรตีนของแบคทีเรีย Clostridium botulinum ที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการส่งสัญญาณของเส้นประสาทไปยังกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ไม่หดเกร็ง ชั่วคราว ส่งผลให้ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าจะค่อย ๆ จางลง
โบท็อกซ์เหมาะสำหรับ
- ลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยตีนกา รอยขมวดคิ้ว
- ลดขนาดกราม ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลง
- ยกกระชับใบหน้า ลดรอยย่นบริเวณคอ หางตา หรือยกคิ้ว
- ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว (เช่น รักแร้)
ลักษณะการทำงานของโบท็อกซ์
โบท็อกซ์ทำให้กล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการแสดงสีหน้าหยุดทำงานชั่วคราว ผิวบริเวณนั้นจึงดูเรียบขึ้น ไม่เกิดรอยพับขณะขยับ
ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์
เริ่มเห็นผลใน 3-7 วันหลังฉีด ผลอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน
สรุปความแตกต่างของการฉีดฟิลเลอร์และโบท็อกซ์แบบเข้าใจง่าย
ถ้าจะจำแบบง่าย ๆ ก็คือ ฟิลเลอร์ ใช้สำหรับฉีดเพื่อเติมเต็ม โบท็อกซ์ ใช้สำหรับฉีดเพื่อลดการขยับของกล้ามเนื้อ
ทั้งสองชนิดไม่ใช่ทางเลือกที่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอไป เพราะในหลายกรณี แพทย์มักใช้ร่วมกันเพื่อเสริมประสิทธิภาพให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เช่น เติมฟิลเลอร์ใต้ตาให้ดูสดใส และฉีดโบท็อกซ์หน้าผากเพื่อลดรอยย่น
โปรแกรมฟิลเลอร์ คืออะไร เจ็บไหม อันตรายหรือเปล่า รวมทุกเรื่องควรรู้ก่อนฉีด
ฟิลเลอร์ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ฉีดฟิลเลอร์ตำแหน่งไหนได้บ้าง
การฉีดฟิลเลอร์ไม่ใช่เพียงแค่การเติมเต็มริ้วรอยเท่านั้น แต่ยังสามารถฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องผ่าตัด ฟิลเลอร์จึงกลายเป็นหัตถการที่ตอบโจทย์ในการปรับรูปหน้าทำให้หน้าเต็มอิ่มฟูขึ้น เรามาดูกันว่า ฟิลเลอร์สามารถฉีดได้ตรงตำแหน่งใดบ้าง และในแต่ละจุดนั้นช่วยแก้ปัญหาอะไร
ฉีดฟิลเลอร์คาง
เหมาะสำหรับผู้ที่มีคางสั้น คางตัด หรือคางถอย ทำให้ใบหน้าดูไม่มีมิติ
การฉีดฟิลเลอร์คางช่วยให้คางดูยาวขึ้น มีความเรียวได้รูปสมส่วนกับใบหน้า สามารถปรับองศาคางให้เข้ากับสัดส่วนใบหน้าโดยรวม เหมาะกับคนที่ต้องการหน้าเรียว V-Shape
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ปัญหาใต้ตาลึก ร่องน้ำตา หรือถุงใต้ตา ทำให้หน้าดูเหนื่อยและโทรมกว่าความเป็นจริง
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยเติมเต็มร่องลึกให้เรียบเนียน ลดความหมองคล้ำ และคืนความสดใสให้ดวงตา ดูอ่อนวัยขึ้นทันที โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ร่องแก้มลึกทำให้ใบหน้าดูมีอายุ และโครงหน้าดูตก การเติมฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้มช่วยยกพยุงผิวบริเวณแก้มที่หย่อนคล้อย ลดความชัดของร่องลึก ทำให้ใบหน้าดูสมูธมากขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
หน้าผากแบนหรือยุบมักทำให้ใบหน้าดูแข็ง ไร้มิติ การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากช่วยปรับให้หน้าผากโค้งมน มีความละมุน ทำให้ใบหน้าดูหวานขึ้นในเพศหญิง และดูมีมิติในเพศชาย โดยไม่ต้องผ่าตัดเสริมซิลิโคน
ฉีดฟิลเลอร์ขมับ
ขมับตอบหรือยุบตัวเป็นสัญญาณของวัย และทำให้โครงหน้าดูไม่สมดุล
การฉีดฟิลเลอร์ขมับช่วยเติมเต็มให้ใบหน้าดูเต็มขึ้น รับกับแนวคิ้วและโหนกแก้ม
ฉีดฟิลเลอร์ปาก
ฉีดฟิลเลอร์ปากเหมาะสำหรับคนที่มีริมฝีปากบาง ขาดความอวบอิ่ม หรือรูปทรงไม่สมดุล การฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถเพิ่มวอลุ่มให้ปากดูอวบอิ่ม เซ็กซี่ หรือจะปรับรูปทรงให้ได้สัดส่วนสวยงาม เช่น ปากกระจับ ปากสายฝอ ได้ตามต้องการ
ฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก
มุมปากตกทำให้ใบหน้าดูเศร้า ไม่สดใส การเติมฟิลเลอร์ที่มุมปากสามารถช่วยยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าดูยิ้มละมุน สดใสขึ้นแม้ในเวลานิ่ง ช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูเป็นมิตร
ฉีดฟิลเลอร์จมูก
สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดเสริมจมูกด้วยซิลิโคน การฉีดฟิลเลอร์จมูกสามารถปรับสันจมูกให้โด่งขึ้น เพิ่มความชัดของแนวสัน หรือแก้ปัญหาจมูกคดเบี้ยวในบางกรณี เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์แบบชั่วคราวและไม่เสี่ยงกับการศัลยกรรม
ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
แก้มส้มคือจุดที่อยู่บริเวณหน้าแก้มด้านบน ใต้ตาเล็กน้อยการฉีดฟิลเลอร์บริเวณนี้ช่วยให้ใบหน้าดูอิ่มฟู สดใส และมีความละมุนมากขึ้น อีกทั้งยังช่วย “พยุง” ชั้นผิวบริเวณแก้มให้ดูยกกระชับ ลดการหย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าดูเต็มขึ้น
ฟิลเลอร์สามารถนำมาใช้ได้หลากหลายตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหาและโครงสร้างใบหน้าของแต่ละคน โดยการฉีดฟิลเลอร์ควรทำโดยแพทย์ Speacaillist ที่มีความเข้าใจในชั้นผิว กล้ามเนื้อ และเส้นเลือด เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายและได้ผลลัพธ์ในแบบที่ต้องการ
ฉีดฟิลเลอร์แต่ละจุดใช้ฟิลเลอร์กี่ CC
การฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องลึก หรือเสริมความอิ่มฟูให้กับใบหน้า จะต้องประเมินผิวอย่างละเอียดก่อนทำเสมอ เนื่องจากปัญหาในแต่ละจุดของใบหน้า เช่น ความลึกของร่อง ความยุบตัวของผิว หรือความสมดุลของรูปหน้า จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ ต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ CC ?
คำตอบคือ ไม่มีจำนวนตายตัว แต่สามารถประเมินปริมาณ CC เป็นค่าเฉลี่ยได้ดังนี้
ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้โดยประมาณในแต่ละจุด
ขมับ (Temple)
บริเวณขมับมักจะมีการยุบตัวอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีไขมันใต้ผิวน้อย
ปริมาณที่ฉีดฟิลเลอร์โดยเฉลี่ย 2-4 CC
ขึ้นอยู่กับระดับการตอบของขมับและความต้องการความเรียบเนียนของรูปหน้า
แก้มส้ม (Mid-cheek)
จุดสำคัญที่ทำให้ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์ เมื่อเติมฟิลเลอร์จะช่วยยกกระชับและเพิ่มวอลุ่มบริเวณแก้ม
ปริมาณที่ฉีดฟิลเลอร์โดยเฉลี่ย 1-2 CC
ปาก (Lips)
สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความอวบอิ่ม เติมขอบปาก หรือปรับรูปปากให้สมส่วน
ปริมาณที่ฉีดฟิลเลอร์โดยเฉลี่ย 1-2 CC
คาง (Chin)
คางที่ยาวขึ้นและได้รูปสามารถปรับสัดส่วนใบหน้าให้ดูเรียว และสมดุลมากขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
ปริมาณที่ฉีดฟิลเลอร์โดยเฉลี่ย 1-2 CC
ร่องแก้ม (Nasolabial Fold)
จุดที่หลายคนกังวล เพราะเป็นร่องลึกที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยและโทรม
ปริมาณที่ฉีดฟิลเลอร์โดยเฉลี่ย 1-3 CC
ขึ้นอยู่กับความลึกของร่องและอายุของผู้รับบริการ
ใต้ตา (Tear Trough)
การเติมฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยลดความหมองคล้ำ ร่องลึก และทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น
ปริมาณที่ฉีดฟิลเลอร์โดยเฉลี่ย 2-4 CC (รวม 2 ข้าง)
หน้าผาก (Forehead)
การเติมฟิลเลอร์หน้าผากเหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าผากแบน หรือเป็นคลื่นไม่สม่ำเสมอ เพื่อให้หน้าดูหวาน นูนสวย
ปริมาณที่ฉีดฟิลเลอร์โดยเฉลี่ย 3-5 CC
ปริมาณขึ้นอยู่กับโครงกระดูกหน้าผากและลักษณะผิวเดิม
โปรแกรมฟิลเลอร์ คืออะไร เจ็บไหม อันตรายหรือเปล่า รวมทุกเรื่องควรรู้ก่อนฉีด
ฟิลเลอร์ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ฟิลเลอร์เหมาะกับใคร
• ฟิลเลอร์เหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วนขึ้น
- เช่น แก้คางสั้น หน้าผากแบน ขมับตอบ แก้มตอบ จมูกไม่คม
- ไม่ต้องผ่าตัด เสี่ยงน้อย พักฟื้นไว
• ฟิลเลอร์เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอย ร่องลึกจากวัยที่เพิ่มขึ้น
- เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รอยย่นบริเวณหน้าผากหรือใต้ตา
- ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มให้ผิวดูเต่งตึงอิ่มฟู
• ฟิลเลอร์เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำลึก ถุงใต้ตาเด่นชัด
- เหมาะกับการเติมเพื่อให้ผิวใต้ตาเรียบและสว่างขึ้น
- ฟิลเลอร์ทำให้ใบหน้าดูสดใส ไม่โทรม
• ฟิลเลอร์เหมาะกับคนที่อยากมีปากอวบอิ่มหรือทรงปากสวยขึ้น
- ฟิลเลอร์สามารถปรับรูปปากให้สวย เซ็กซี่ หรือดูอ่อนหวานได้ตามต้องการ
• ฟิลเลอร์เหมาะกับผู้ที่ต้องการเสริมจมูก คาง หน้าผากแบบไม่ผ่าตัด
- เหมาะกับคนที่ต้องการทรงปกติ และไม่อยากเสี่ยงกับการผ่าตัด
• ฟิลเลอร์เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอิ่มฟูสุขภาพดี
- เติมฟิลเลอร์บริเวณผิวหน้าให้ผิวดูสดใส ชุ่มชื้นจากภายใน
• ผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์มาก่อนแล้วต้องการเติมหรือปรับแต่งเพิ่มเติม
- เพื่อรักษาผลลัพธ์ หรือปรับทรงให้สวยขึ้นกว่าเดิม
• ฟิลเลอร์เหมาะกับไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรงหรือภูมิแพ้สารในฟิลเลอร์
- ฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) ไม่มีความอันตรายและสามารถสลายได้เอง
ใครควรหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์
• หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
แม้ฟิลเลอร์จะไม่เป็นอันตราย แต่ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับผลต่อทารก
• ผู้ที่มีประวัติแพ้สารในฟิลเลอร์
เช่น ไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) หรือสารประกอบอื่น ๆ ที่ใช้เป็นส่วนผสม
• ผู้ที่มีโรคประจำตัวร้ายแรงหรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE), มะเร็ง, หรือ HIV เพราะอาจมีภาวะแทรกซ้อนควรหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ไปก่อน
• ผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์
เช่น มีสิวอักเสบ แผล หรือผื่น เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อลุกลาม
• ผู้ที่ใช้ยาบางชนิดที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
เช่น ยาต้านเกล็ดเลือด (Aspirin, Warfarin) เพราะอาจทำให้เกิดรอยช้ำหรือเลือดออกมากกว่าปกติ
• ผู้ที่เคยฉีดสารแปลกปลอมถาวรในจุดเดียวกันมาก่อน
เช่น ซิลิโคนเหลว เพราะอาจเกิดการอักเสบ หรือฟิลเลอร์ไม่เกาะตัวดี
• ผู้ที่มีประวัติเคยเกิดพังผืดหรือคีลอยด์ง่าย
ควรแจ้งแพทย์ก่อน เพราะอาจมีความเสี่ยงในการฟื้นตัวหลังฉีดฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์มีกี่ยี่ห้อ ใช้ยี่ห้อไหนดี
Restylane
ฟิลเลอร์เนื้อเสถียร ยืดหยุ่นดี เหมาะทั้งเติมเต็มร่องลึกและฟื้นฟูผิว ใช้เทคโนโลยีที่ช่วยควบคุมความนุ่มและกระจายตัวได้ดีในผิวแต่ละชั้น
Juvederm
เนื้อฟิลเลอร์เนียนละเอียด ให้ความชุ่มชื้นสูง กระจายตัวได้ดี ใช้ได้ทั้งงานปรับรูปหน้าและเพิ่มวอลลุ่มในจุดสำคัญ
Belotero
ฟิลเลอร์เนื้อบางเบา ฉีดแล้วเรียบสนิท ไม่เป็นก้อน เหมาะกับงานละเอียด เช่น ใต้ตา ริมฝีปาก ร่องเล็ก
Flore
เนื้อแน่น ยืดหยุ่นดี เหมาะกับผู้ที่ต้องการรูปหน้าคมชัด เห็นผลนานและขึ้นทรงสวย
Definisse
ออกแบบมาเพื่อช่วยยกกระชับผิว ฟิลเลอร์แนบสนิทกับผิว ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง
Perfectha
เหมาะกับการสร้างกรอบหน้า เติมโครงสร้าง เช่น คาง แก้ม ขมับ เนื้อมีความหนืด คงตัวได้นานในชั้นผิวลึก
Yvoire
ฟิลเลอร์ฉีดง่าย เนื้อเนียนเรียบ เหมาะสำหรับการเติมเต็มทั้งในชั้นลึกและตื้น พร้อมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
E.p.t.q.
ฟิลเลอร์โครงสร้างโมเลกุลออกแบบพิเศษ ทำให้ยืดหยุ่นดี สลายช้า ดูเป็นธรรมชาติ และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน
Restylane
เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมสูง มีจุดเด่นเรื่องความคงตัวของเนื้อเจลและความชุ่มชื้นผิว มีทั้งเนื้อแน่นสำหรับเติมโครงสร้าง และเนื้อนิ่มสำหรับบำรุงผิว ใช้เทคโนโลยีเฉพาะในการผลิต ทำให้เลือกใช้ได้หลากหลายตำแหน่ง เช่น ใต้ตา แก้ม ปาก ขมับ คาง รุ่นที่นิยม เช่น Restylane Defyne, Volyme, Kysse, Vital และ Vital Light
แล้วควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี
ควรเลือกให้เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีด เช่น ใต้ตาควรใช้ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ส่วนบริเวณคางหรือจมูกควรใช้ฟิลเลอร์เนื้อแน่น
เลือกฟิลเลอร์ตามผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น ลุคธรรมชาติ ความชัดของกรอบหน้า หรือความอยู่ทน
แพทย์จะเป็นคนประเมินลักษณะผิวและโครงสร้างใบหน้า เพื่อเลือกชนิด รุ่น และปริมาณ CC ให้เหมาะสมกับแต่ละคน
ควรเลือกฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรอง และฉีดโดยแพทย์ที่ Specialist
ฟิลเลอร์งานผิว คืออะไร และเหมาะกับใคร ?
เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ที่เน้นช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิว และปรับคุณภาพผิวโดยไม่เน้นเติมร่องหรือเปลี่ยนรูปหน้า เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวแห้ง ขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง หรือริ้วรอยขนาดเล็ก
ตัวอย่างฟิลเลอร์งานผิวที่ได้รับความนิยม
Juvederm Volite - ให้ความชุ่มชื้นสูง ไม่บวมหลังฉีด
Restylane Vital Light - ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ เรียบเนียนขึ้น
Belotero Revive - เพิ่มความแข็งแรงให้ผิว กักเก็บน้ำในชั้นผิวได้ดี
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์
- ฟิลเลอร์ต้องเป็นของแท้ ผ่านการรับรองจาก อย. เท่านั้น
- ให้แพทย์เปิดกล่องใหม่ต่อหน้าคนไข้ทุกครั้ง และตรวจสอบรุ่น เลขล็อต และวันหมดอายุ
- ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และมีแพทย์ Specialist เป็นผู้ดูแลโดยตรง
อย่าเลือกฟิลเลอร์เพราะราคาถูกหรือโปรโมชั่นล่อตาล่อใจ แต่ควรเลือกจากคุณภาพเป็นหลัก
ตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านอย.ยังไง
• ตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ อย. โดยตรง
เข้าสู่ระบบฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th ค้นหาชื่อฟิลเลอร์ รุ่น หรือเลขทะเบียนผลิตภัณฑ์ เพื่อยืนยันว่าผ่านการรับรอง
• สแกน QR Code จากบรรจุภัณฑ์
ใช้แอปพลิเคชัน “Oryor Smart Application” ของ อย. แอปฯ จะแสดงข้อมูลการขึ้นทะเบียน เลขที่ อย. และรายละเอียดของผู้นำเข้าอย่างถูกต้อง
• ดูเลขทะเบียน อย. 13 หลักบนกล่องหรือเอกสารกำกับ
ฟิลเลอร์ที่ถูกต้องจะต้องมีเลขทะเบียน อย. แสดงไว้อย่างชัดเจนบนกล่อง
ควรตรวจสอบว่าเลขนี้ตรงกับข้อมูลบนระบบของ อย.
• ตรวจสอบความตรงกันของเลข Lot และวันหมดอายุ
บรรจุภัณฑ์ของฟิลเลอร์แท้จะต้องมีเลข Lot หมายเลขชุดผลิต และวันหมดอายุ ข้อมูลเหล่านี้ควรตรงกันทั้งบนกล่อง หลอดฟิลเลอร์ และฉลากกำกับ
• สอบถามจากผู้นำเข้าหรือผู้จัดจำหน่ายในประเทศไทย
หากไม่แน่ใจว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้หรือไม่ สามารถติดต่อบริษัทผู้นำเข้าที่ได้รับอนุญาต เพื่อขอการยืนยันผลิตภัณฑ์
• ขอดูบรรจุภัณฑ์จริงก่อนฉีดจากแพทย์ผู้ให้บริการ
ควรให้แพทย์เปิดกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า และสามารถตรวจสอบชื่อรุ่น เลข อย. และ Lot ได้ด้วยตนเอง
ก่อนฉีดฟิลเลอร์เตรียมตัวอย่างไร
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ล่วงหน้า 2 สัปดาห์
• ศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับฟิลเลอร์
ทำความเข้าใจเรื่องชนิดของฟิลเลอร์ เทคนิคที่ใช้ และผลลัพธ์ที่คาดหวัง
• เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตถูกต้อง
ตรวจสอบว่าคลินิกมีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล และมีชื่อเสียงน่าเชื่อถือ
• เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์
แนะนำให้ดูผลงานรีวิวจริง เคสก่อน-หลัง และวุฒิบัตรแพทย์
• เรียนรู้วิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้
เช่น การดูเลข อย. การสแกน QR Code และการตรวจสอบ Lot/รุ่น
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ล่วงหน้า 1 สัปดาห์
• หลีกเลี่ยงการใช้ยาและผลิตภัณฑ์บางชนิดที่เพิ่มความเสี่ยงฟกช้ำ
เช่น Aspirin, NSAIDs, วิตามิน E, St. John’s Wort, ginkgo biloba,primrose oil, garlic และ ginseng
• งดการใช้ยาผลัดเซลล์ผิวหรือทำหัตถการแรง ๆ กับผิว
เช่น เลเซอร์ ดึงขน โกนขน หรือนวดหน้าบริเวณที่จะฉีด
• แจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือใช้ยาต่อเนื่อง
เพื่อให้แพทย์พิจารณาแนวทางลดความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
• แพทย์บางรายอาจให้ยาห้ามเลือดหรือยาลดบวมล่วงหน้า
โดยเฉพาะในเคสที่มีแนวโน้มช้ำง่าย
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ล่วงหน้า 1 วัน
• หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดภายใน 24 ชั่วโมง
เพราะอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัว เพิ่มความเสี่ยงในการช้ำหรือบวม
• งดกิจกรรมที่เร่งการไหลเวียนของเลือด
เช่น ออกกำลังกายหนัก การเข้าซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อนจัด
• พักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมาก ๆ
เพื่อเตรียมสภาพผิวให้ชุ่มชื้นและพร้อมรับการฉีดฟิลเลอร์
• แจ้งแพทย์ล่วงหน้าหากต้องการแปะยาชา
โดยทั่วไปสามารถขอแปะยาชาก่อนฉีดฟิลเลอร์ได้เพื่อความสบายขณะทำ
โปรแกรมฟิลเลอร์ คืออะไร เจ็บไหม อันตรายหรือเปล่า รวมทุกเรื่องควรรู้ก่อนฉีด
ฟิลเลอร์ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
หลังทำฟิลเลอร์ทันที ภายใน 48 ชั่วโมงแรก
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด
ห้ามแตะ แกะ เกา หรือกดนวดบริเวณที่ฉีด เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง
• อาการบวม แดง หรือช้ำ เป็นเรื่องปกติ
อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน หากบวมมากขึ้นหลัง 3 วัน ควรรีบติดต่อคลินิกเพื่อตรวจซ้ำหรือรับยาเพิ่มเติม
• หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด
งดซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดด หรือกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าแดงร้อน อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
• ควรอยู่ในอุณหภูมิเย็น และพักผ่อนให้เพียงพอ
ความเย็นช่วยลดการอักเสบและบวมได้ดี
• ดื่มน้ำให้มาก
น้ำช่วยให้เนื้อฟิลเลอร์ดูดซึมและคงรูปได้ดี ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
โปรแกรมฟิลเลอร์ คืออะไร เจ็บไหม อันตรายหรือเปล่า รวมทุกเรื่องควรรู้ก่อนฉีด
ฟิลเลอร์ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ช่วง 3 วันแรกหลังฉีดฟิลเลอร์
• หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวใบหน้าหรือแสดงสีหน้าแรงเกินไป
เช่น หัวเราะ กัดฟัน ยิ้มกว้าง หรือนอนคว่ำ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อน
• ห้ามนวดหน้า หรือทำทรีตเมนต์แรง ๆ
โดยเฉพาะบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เช่น ขมับ ร่องแก้ม คาง หรือใต้ตา
• ภายใน 14 วันหลังทำ
งดอาหารที่อาจกระตุ้นการอักเสบหรือทำให้บวมมากขึ้น เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อาหารที่ต้องใกล้ความร้อน เช่น หมูกระทะ ชาบู ปิ้งย่าง
อาหารหมักดอง อาหารเผ็ดจัด อาหารหวานมาก หรืออาหารดิบจากร้านที่ไม่สะอาด
• งดสูบบุหรี่
เพราะนิโคตินจะทำให้ระบบไหลเวียนเลือดไม่ดี ส่งผลให้ฟิลเลอร์เข้าที่ช้า และอาจลดระยะเวลาการคงอยู่ของฟิลเลอร์
โปรแกรมฟิลเลอร์ คืออะไร เจ็บไหม อันตรายหรือเปล่า รวมทุกเรื่องควรรู้ก่อนฉีด
ฟิลเลอร์ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
หลังฉีด 1 เดือน
• หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ที่ใช้ความร้อนลึกทุกชนิด
เช่น HIFU, RF หรือเลเซอร์ที่ส่งพลังงานลงชั้นผิวลึก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพเร็ว
• หากต้องการทำหัตถการใดเพิ่มเติม เช่น เลเซอร์ หรือทรีตเมนต์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
ข้อควรรู้หลังฉีดฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่ชัดเจนในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก และจะเห็นผลเต็มที่ใน 2-4 สัปดาห์
• หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดมาก บวมไม่ยุบ หรือผิวเปลี่ยนสี ควรรีบกลับไปพบแพทย์ทันที
• ควรเข้ารับการติดตามผลตามนัดทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์ประเมินผลลัพธ์และดูแลอย่างใกล้ชิด
ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดีที่สุด
การฉีดฟิลเลอร์ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่เป็นหัตถการที่เกี่ยวข้องกับชั้นผิว เส้นเลือด และโครงสร้างใบหน้าโดยตรง ดังนั้น สถานที่ที่เลือกฉีดฟิลเลอร์จึงสำคัญมากพอ ๆ กับ “คุณภาพของฟิลเลอร์” เพราะหากเลือกผิด อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อน ฟิลเลอร์ไหล หรือร้ายแรงถึงขั้นเสี่ยงต่อเนื้อเยื่อตายได้
ทำไม รมย์รวินท์ New Gen ถึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการฉีดฟิลเลอร์ ?
• ดำเนินการโดยแพทย์ที่ได้รับการอบรมและเข้าใจชั้นผิวของพวกเราอย่างดี
ทุกเคสฉีดฟิลเลอร์ที่รมย์รวินท์ ทำโดยแพทย์ที่ผ่านการอบรมเทคนิคฉีดฟิลเลอร์ขั้นสูง และเข้าใจโครงสร้างใบหน้าอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่ฉีดให้เต็ม แต่เน้นให้ สวยสมส่วน ดูละมุน และไม่เป็นอันตราย
• ใช้ฟิลเลอร์แท้ 100% มีเลข อย. ตรวจสอบได้ทุกกล่อง
รมย์รวินท์เลือกใช้เฉพาะฟิลเลอร์คุณภาพระดับโลก เช่น Juvederm, Restylane, Belotero ฯลฯ พร้อมโชว์กล่องให้ตรวจสอบต่อหน้าทุกครั้งก่อนฉีด
• ออกแบบผลลัพธ์เฉพาะบุคคล
เพราะใบหน้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน แพทย์ของรมย์รวินท์จะประเมินสภาพผิว องค์ประกอบใบหน้า และความต้องการของแต่ละคน เพื่อวางแผนฉีดฟิลเลอร์แบบเฉพาะตัว ไม่ใช้สูตรสำเร็จ ให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจลูกค้าที่สุด
ฟิลเลอร์ราคาเท่าไหร่
ราคาของการฉีดฟิลเลอร์ในคลินิกต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งชนิดของฟิลเลอร์ ปริมาณที่ใช้ ตำแหน่งที่ฉีดฟิลเลอร์ และประสบการณ์ของแพทย์ โดยทั่วไปสามารถสรุปราคาได้ประมาณนี้
ช่วงราคาฟิลเลอร์โดยประมาณ (ต่อ 1 CC)
ฟิลเลอร์ (HA Filler)
ราคาฟิลเลอร์จะอยู่ที่ประมาณ 9,000 - 25,000 บาท / 1 CC
โดยยี่ห้อยอดนิยม เช่น Juvederm, Restylane, Belotero, Yvoire, e.p.t.q.
รุ่นพรีเมียม หรือรุ่นที่อยู่ได้นานพิเศษ / ฟิลเลอร์สำหรับปรับโครงหน้า
เช่น Juvederm Volux, Restylane Volyme, Yvoire Contour
ราคามักอยู่ที่ 14,000 - 25,000 บาท / 1 CC ขึ้นไป
ขึ้นอยู่กับ Promotion ของแต่ละคลินิกด้วย ใครที่สนใจฉีดฟิลเลอร์สามารถทักมาสอบถามราคาได้ที่แอดมินเลยนะคะ
คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับฟิลเลอร์
ฉีดฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน?
โดยทั่วไปฟิลเลอร์จะอยู่ได้ประมาณ 8-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่น ตำแหน่งที่ฉีด และการดูแลหลังทำ
ฉีดฟิลเลอร์กี่วันถึงจะเข้าที่?
ฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่ภายใน 3-7 วัน และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ประมาณ 14-30 วัน
ทำไมฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน?
สาเหตุอาจเกิดจาก เทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง, ใช้ฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน, หรือ ฉีดฟิลเลอร์ปลอม
ฉีดฟิลเลอร์ทำให้คนตาบอดจริงหรือไม่?
เป็นไปได้แต่พบได้น้อยมาก หากฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่เส้นเลือดที่เชื่อมไปยังดวงตา สามารถป้องกันได้ ด้วยเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ที่ถูกต้อง โดยแพทย์เท่านั้น
ฉีดสลายฟิลเลอร์คืออะไร ใช้ในกรณีไหนบ้าง?
คือการฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase เพื่อสลายฟิลเลอร์ HA
ใช้ในกรณี ฉีดผิดตำแหน่ง เป็นก้อน บวมไม่ยุบ หรือกรณีฉุกเฉิน เช่น เส้นเลือดอุดตัน
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ (Filler) คือสารเติมเต็มที่ใช้เพื่อปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องลึก เพิ่มความอิ่มฟูให้ผิว และช่วยฟื้นฟูผิว โดยสารฟิลเลอร์ที่นิยมมากที่สุดคือกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกาย สามารถสลายได้เองเมื่อครบระยะเวลา ไม่เป็นอันตราย
ทุกคนสามารถเป็นตัวเองได้ในเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ