Ulthera Prime VS Emface แตกต่างกันอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง
Ulthera Prime VS Emface
Ulthera Prime VS Emface ต่างกันอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง
เปรียบเทียบ Ulthera Prime VS Emface ต่างกันอย่างไร
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่ขาดความกระชับมักเป็นสิ่งที่หลายคนกังวล เทคโนโลยีการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัดจึงได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีชื่อดังอย่าง Ulthera Prime VS Emface ที่ต่างก็ได้รับความสนใจในวงการความงาม เพราะสามารถฟื้นฟูใบหน้าให้เต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ได้โดยไม่ต้องเจ็บตัวหรือพักฟื้น
ในบทความนี้จะมาเปรียบเทียบ Ulthera Prime VS Emface ว่าทั้งสองเทคโนโลยีนี้มีหลักการทำงานแตกต่างกันอย่างไร ช่วยในเรื่องใด เหมาะกับใคร ไม่เหมาะกับใคร มีผลข้างเคียงหรือไม่ และควรเตรียมตัวหรือดูแลตัวเองอย่างไรทั้งก่อนและหลังทำ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม และมั่นใจในการเลือกวิธียกกระชับปรับรูปหน้า ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตนเองมากที่สุด
Ulthera Prime VS Emface คืออะไร
Ulthera Prime VS Emface เป็นการเปรียบเทียบเทคโนโลยียกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งแต่ละเทคโนโลยีมีหลักการทำงาน จุดเด่น และผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ดังนี้
Ulthera Prime คืออะไร
Ulthera Prime คือเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยพลังงาน Focused Ultrasound ที่ลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่ใช้ในการทำศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า
จุดเด่นของ Ulthera Prime
• ยิงแม่นยำแบบเรียลไทม์ (See-Through Visualization) เห็นภาพชั้นผิวแบบ Real-time ช่วยให้แพทย์เลือกจุดยิงได้แม่นยำ
• เจ็บน้อยลง มีเทคโนโลยีใหม่ลดความเจ็บกว่าเวอร์ชันเก่า
• ยกกระชับลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ จึงให้ผลเทียบเท่าการดึงหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด
• เริ่มเห็นผลทันที 20-30% หลังทำ และชัดเจนขึ้นใน 1-3 เดือน
Emface คืออะไร
Emface เป็นนวัตกรรมใหม่จากอเมริกา ใช้พลังงาน HIFES™ (High-Intensity Facial Electrical Stimulation) ร่วมกับ RF (Radiofrequency) ในการยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้าและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนไปพร้อมกัน
จุดเด่นของ Emface
• ยกกระชับและกระชับกล้ามเนื้อพร้อมกัน RF ทำให้ผิวตึงและกล้ามเนื้อแข็งแรง
• ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น
• ผิวแน่นขึ้น หน้ายกขึ้น โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก แก้ม และกรอบหน้า
• กระตุ้นกล้ามเนื้อโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
หลักการทำงาน Ulthera Prime VS Emface
หลักการทำงานของ Ulthera Prime VS Emface แตกต่างกันทั้งด้านชนิดพลังงานที่ใช้ ระดับชั้นผิวที่รักษา รวมถึงผลกระทบต่อกล้ามเนื้อและคอลลาเจน โดยสามารถอธิบายได้ดังนี้
หลักการทำงานของ Ulthera Prime
Ulthera Prime ใช้เทคโนโลยี Microfocused Ultrasound with Visualization (MFU-V) ซึ่งเป็นคลื่นเสียงความถี่สูงที่โฟกัสเฉพาะจุด สามารถส่งผ่านผิวลงไปลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ดึงเวลาผ่าตัดยกหน้า
ขั้นตอนและกลไกการทำงาน
• คลื่นเสียงจะถูกส่งไปยังชั้น SMAS ในลักษณะของจุดความร้อนเล็กๆ (thermal coagulation points) ที่อุณหภูมิประมาณ 60-70 องศาเซลเซียส
• จุดความร้อนเหล่านี้จะทำให้คอลลาเจนในชั้น SMAS หดตัวทันที ส่งผลให้ผิวกระชับขึ้นในช่วงแรก
• หลังจากนั้นร่างกายจะกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูตัวเอง โดยสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผิวแน่นขึ้นในระยะยาว
• ตัวเครื่องมีระบบ Visualization ที่ช่วยให้แพทย์สามารถเห็นชั้นผิวแบบเรียลไทม์ ทำให้การยิงพลังงานแม่นยำมากขึ้น
หลักการทำงานของ Emface
Emface ผสานเทคโนโลยีสองรูปแบบเข้าด้วยกัน ได้แก่ คลื่นวิทยุ (Radiofrequency - RF) และ HIFES (High-Intensity Facial Electrical Stimulation) ซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อบนใบหน้า
ขั้นตอนและกลไกการทำงาน
• คลื่น RF จะปล่อยพลังงานความร้อนอ่อนๆ ไปยังผิวชั้นกลาง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวแน่นและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
• พลังงาน HIFES จะกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าให้หดตัวและทำงาน คล้ายกับการออกกำลังกายของกล้ามเนื้อ
• การกระตุ้นกล้ามเนื้อแบบนี้จะช่วยเพิ่มมวลและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทำให้ใบหน้าดูยกกระชับขึ้น
• เนื่องจาก Emface ไม่ใช้เข็มหรือคลื่นที่ทะลุผ่านผิวชั้นลึก จึงไม่เกิดความเจ็บและไม่ต้องพักฟื้น
ข้อดีของ Ulthera Prime VS Emface
การเปรียบเทียบข้อดีของ Ulthera Prime กับ Emface ช่วยอะไรบ้าง ทั้งสองเทคโนโลยีต่างก็มีจุดเด่นที่คล้าย ๆ กัน ดังนี้
1.Ulthera Prime VS Emface ยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด
ทั้ง Ulthera Prime VS Emface ต่างเป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อช่วยยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องใช้วิธีการผ่าตัดศัลยกรรม จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ตึงกระชับขึ้นแบบไม่รุกราน
2.Ulthera Prime VS Emface กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
ทั้งสองเทคโนโลยีมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ตามธรรมชาติ โดย Ulthera Prime ใช้คลื่นเสียงเพื่อกระตุ้นจากชั้นลึก ส่วน Emface ใช้คลื่น RF กระตุ้นจากชั้นกลาง ทำให้ผิวแน่นและเต่งตึงขึ้น
3.Ulthera Prime VS Emface ยกกระชับปรับรูปหน้าให้ชัดเจนขึ้น
สามารถช่วยยกกระชับบริเวณกรอบหน้า แก้ม เหนียง หรือแนวกราม ให้ดูชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าได้สัดส่วนและดูอ่อนเยาว์กว่าเดิม
4.Ulthera Prime VS Emface ลดความหย่อนคล้อยของผิว
ทั้งสองนวัตกรรมถูกออกแบบมาเพื่อจัดการกับปัญหาผิวที่เริ่มหย่อนคล้อยจากอายุที่เพิ่มขึ้น ช่วยให้ผิวกลับมาตึงและแน่นขึ้น
5.Ulthera Prime VS Emface ฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์
ผลลัพธ์จากการยกกระชับและการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวโดยรวมดูเรียบเนียน กระชับ และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์
6.Ulthera Prime VS Emface ไม่ต้องใช้เข็ม และไม่ต้องพักฟื้น
ทั้ง Ulthera Prime VS Emface เป็นหัตถการที่ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องลงมีด ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ ผู้เข้ารับบริการสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังการรักษา
7.Ulthera Prime VS Emface เห็นผลลัพธ์ต่อเนื่อง
แม้ว่าอาจไม่เห็นผลเต็มที่ในทันทีหลังทำ แต่ทั้งสองเทคโนโลยีจะค่อยๆ แสดงผลชัดเจนขึ้นภายใน 1-3 เดือน หลังจากร่างกายสร้างคอลลาเจนและกล้ามเนื้อเริ่มตอบสนองต่อการกระตุ้น
Ulthera Prime VS Emface เหมาะกับใคร
การเลือกว่าระหว่าง Ulthera Prime และ Emface แบบไหนเหมาะกับใครนั้น ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวหน้า อายุ และเป้าหมายในการยกกระชับของแต่ละบุคคล โดยสรุปได้ดังต่อไปนี้
1.Ulthera Prime VS Emface ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง
ทั้ง Ulthera Prime VS Emface เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณของความหย่อนคล้อย เช่น บริเวณแก้ม มุมปาก กรอบหน้า หรือแนวกราม แต่ยังไม่ถึงขั้นที่จำเป็นต้องผ่าตัดดึงหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขในระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง
2.Ulthera Prime VS Emface ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ผ่าตัด
ทั้งสองเทคโนโลยีเป็นหัตถการที่ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงการดึงหน้าแบบไม่ผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องใช้มีดหรือเข็ม เหมาะกับผู้ที่มองหาวิธีฟื้นฟูผิวให้ตึงกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
3.Ulthera Prime VS Emface ผู้ที่มีอายุประมาณ 30-60 ปี
เป็นช่วงวัยที่มักเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของคอลลาเจนและความยืดหยุ่นของผิว การใช้เทคโนโลยีอย่าง Ulthera Prime VS Emface จึงเหมาะสำหรับการชะลอความเสื่อมของผิวและกล้ามเนื้อใบหน้า
4.Ulthera Prime VS Emface ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้กระชับได้สัดส่วน
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความหย่อนคล้อยของใบหน้า เช่น ต้องการให้กรอบหน้าคมชัด ลดแก้มที่ตก หรือปรับแนวกรามให้ดูเรียวขึ้น โดยไม่ต้องใช้ฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์
5.Ulthera Prime VS Emface ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์
ไม่ว่าจะเป็นการลดริ้วรอยบางจุด หรือทำให้ใบหน้าโดยรวมดูเต่งตึงสดใสขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรีเฟรชผิวหน้าแบบไม่รุกราน
6.Ulthera Prime VS Emface ผู้ที่กลัวการใช้เข็ม หรือมีข้อจำกัดด้านสุขภาพ
ทั้ง Ulthera Prime VS Emface ไม่ใช้เข็ม ไม่ฉีดสารใด ๆ เข้าสู่ร่างกาย เหมาะกับผู้ที่กังวลเรื่องการแพ้ หรือไม่ต้องการรับการฉีดในรูปแบบใด ๆ
Ulthera Prime VS Emface ไม่เหมาะกับใคร
การเลือกทำหัตถการยกกระชับผิวหน้าด้วย Ulthera Prime หรือ Emface ควรพิจารณาให้เหมาะกับสภาพผิว โครงสร้างใบหน้า และความคาดหวังของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม ยังมีบางกลุ่มที่ไม่เหมาะสม หรือ อาจไม่ได้ผลลัพธ์ดีเท่าที่ควร ดังนี้
1.Ulthera Prime VS Emface ผู้ที่ตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
การใช้คลื่นพลังงานไม่ว่าจะเป็น Ulthera Prime VS Emface อาจยังไม่มีข้อมูลยืนยันความปลอดภัยเพียงพอในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร จึงควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการทั้งสองประเภทนี้ในช่วงเวลาดังกล่าว
2.Ulthera Prime VS Emface ผู้ที่มีอุปกรณ์ฝังในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรือโลหะฝัง
เนื่องจาก Emface ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และ Ulthera ใช้คลื่นเสียงความถี่สูง การมีอุปกรณ์ฝังที่ตอบสนองต่อพลังงานไฟฟ้าหรือคลื่นอาจทำให้เกิดความเสี่ยงหรือรบกวนการทำงานของอุปกรณ์เหล่านั้น
3.Ulthera Prime VS Emface ผู้ที่มีแผลเปิด ติดเชื้อ หรือการอักเสบเฉพาะจุดบนใบหน้า
หากมีแผล รอยไหม้ หรือการติดเชื้อในบริเวณที่ต้องการรักษา ควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการทั้งสองชนิดจนกว่าอาการจะหายดี เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
4.Ulthera Prime VS Emface ผู้ที่มีโรคทางผิวหนังบริเวณใบหน้าในระยะกำเริบ
เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคผื่นแพ้ผิวหนัง หรือโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง หากมีอาการอยู่ในช่วงที่ยังไม่สงบ ควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการที่มีพลังงานหรือการกระตุ้นกล้ามเนื้อ
5.Ulthera Prime VS Emface ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์เทียบเท่าการศัลยกรรม
แม้ว่า Ulthera Prime VS Emface จะช่วยยกกระชับใบหน้าได้จริง แต่ผลลัพธ์จะอยู่ในระดับที่ไม่รุกราน และไม่เทียบเท่าการดึงหน้าด้วยการผ่าตัด หากผู้รับบริการมีผิวหย่อนคล้อยมาก หรือคาดหวังผลชัดเท่าการศัลยกรรม อาจต้องพิจารณาวิธีอื่นร่วมด้วย
6.Ulthera Prime VS Emface ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพรุนแรงหรือโรคเรื้อรังที่ไม่ควบคุม
เช่น เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ โรคหัวใจรุนแรง ความดันโลหิตสูงที่ไม่คงที่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทำหัตถการใด ๆ บนใบหน้า
Ulthera Prime VS Emface ทำบริเวณไหนได้
การทำหัตถการ Ulthera Prime และ Emface แม้มีจุดร่วมในเรื่องการยกกระชับผิวหน้า แต่พื้นที่ที่สามารถทำได้จะแตกต่างกันตามกลไกการทำงาน หัวเครื่องมือ และจุดมุ่งหมายของการยกกระชับ ดังนั้นการเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับบริเวณที่ต้องการจึงสำคัญมาก ดังนี้
1.Ulthera Prime VS Emface บริเวณหน้าผาก
ช่วยยกกระชับผิวบริเวณหน้าผาก ลดความหย่อนคล้อย และช่วยยกแนวคิ้วให้สูงขึ้น ทำให้ดวงตาดูเปิดกว้าง สดใสขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีหนังตาตกหรือคิ้วตกจากอายุที่เพิ่มขึ้น
2.Ulthera Prime VS Emface บริเวณแก้มกลาง
สามารถยกผิวบริเวณแก้มให้แน่นขึ้น ลดร่องแก้มลึก แก้มตก หรือผิวที่หย่อนคล้อยในแนวตั้ง ซึ่งมักเกิดขึ้นตามวัยหรือโครงสร้างใบหน้า
3.Ulthera Prime VS Emface กรอบหน้าและแนวกราม
ช่วยปรับรูปหน้าบริเวณกรอบหน้าให้ดูคมชัด ลดความหย่อนคล้อยที่เกิดขึ้นบริเวณแนวกรามและเหนียง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าดูเรียวกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
4.Ulthera Prime VS Emface บริเวณใต้คาง
ทั้งสองเทคโนโลยีสามารถใช้กระชับบริเวณใต้คาง ช่วยลดความหย่อนคล้อยและไขมันสะสมในจุดนี้ได้ระดับหนึ่ง ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูมีมิติและยกกระชับขึ้น
5.Ulthera Prime VS Emface ใบหน้า
Ulthera Prime VS Emface ต่างก็สามารถประยุกต์ใช้กับทั้งใบหน้าได้ในกรณีที่ต้องการยกกระชับทั่วทั้งใบหน้า เช่น การปรับสภาพผิวหน้าให้เรียบเนียนแน่นกระชับ หรือการกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าหลายตำแหน่งพร้อมกัน
Ulthera Prime VS Emface กี่วันถึงเห็นผล
ระยะเวลาเห็นผล Ulthera Prime
• หลังทำทันที เห็นผลเริ่มต้นประมาณ 20-30% ทันทีหลังทำ
• ภายใน 1-3 เดือน คอลลาเจนจะเริ่มสร้างตัวใหม่ ทำให้ผิวกระชับขึ้นอย่างชัดเจน
• ผลลัพธ์สูงสุด ปรากฏชัดเจนในช่วงเดือนที่ 2-3
• ระยะเวลาผลลัพธ์คงอยู่ ประมาณ 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและพฤติกรรมการดูแลตัวเอง
เนื่องจาก Ulthera Prime กระตุ้นจากชั้นลึก การสร้างคอลลาเจนต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู จึงค่อย ๆ เห็นผลในระยะกลางถึงยาว
ระยะเวลาเห็นผล Emface
• หลังทำทันที อาจรู้สึกว่าผิวตึงขึ้นบ้างเล็กน้อยในวันแรก
• ภายใน 2-4 สัปดาห์ กล้ามเนื้อเริ่มตอบสนองและคอลลาเจนเริ่มสร้าง
• หลังทำครบคอร์ส (4 ครั้งภายใน 1 เดือน) เห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น
• ผลลัพธ์สูงสุด ปรากฏชัดภายใน 4-8 สัปดาห์หลังทำ
• ระยะเวลาผลลัพธ์คงอยู่ ประมาณ 6-12 เดือน โดยแนะนำทำซ้ำทุก 6 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์
Emface กระตุ้นทั้งกล้ามเนื้อและผิวชั้นกลาง จึงให้ผลลัพธ์เร็วในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องความตึงผิวและรูปหน้าที่คมชัดขึ้น
Ulthera Prime VS Emface อยู่ได้นานกี่เดือน
1.Ulthera Prime
ระยะเวลาผลลัพธ์
• ผลลัพธ์จากการทำ Ulthera Prime โดยทั่วไป อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน หลังจากทำเพียงครั้งเดียว
• เห็นผลชัดเจนตั้งแต่ช่วงเดือนที่ 1-3 และค่อย ๆ คงผลลัพธ์
ปัจจัยที่มีผลต่อความยาวนาน
• อายุของผู้เข้ารับบริการ
• สภาพผิวก่อนทำ เช่น ความหย่อนคล้อยมากหรือน้อย
• การดูแลผิวหลังทำ เช่น การทาครีมบำรุง การเลี่ยงแดด พฤติกรรมการใช้ชีวิต
• พฤติกรรมการแสดงสีหน้า เช่น การยิ้มบ่อยหรือขมวดคิ้วบ่อย
2.Emface
ระยะเวลาผลลัพธ์
• ผลลัพธ์จากการทำ Emface มักจะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน หลังจากทำครบคอร์ส (4 ครั้งภายใน 1 เดือน)
• เห็นผลต่อเนื่องและชัดเจนขึ้นในช่วง 1-2 เดือนหลังทำ
ปัจจัยที่มีผลต่อความยาวนาน
• มวลกล้ามเนื้อใบหน้าก่อนทำ
• พฤติกรรมการใช้กล้ามเนื้อ เช่น ความถี่ในการแสดงสีหน้า
• การรักษาผลลัพธ์ด้วยการทำซ้ำทุก 6 เดือน หรือทำตามคำแนะนำแพทย์
Ulthera Prime VS Emface เจ็บไหมระหว่างทำ
ความรู้สึกขณะทำ Ulthera Prime
• ขณะทำ Ulthera Prime ผู้เข้ารับบริการจะรู้สึกตึงร้อนใต้ผิวหนัง หรือ จี๊ดลึก ๆ ในบางจุด โดยเฉพาะบริเวณที่ชั้นผิวบางหรือใกล้กระดูก เช่น กราม คาง หรือหน้าผาก
• ระดับความรู้สึกอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับความไวต่อพลังงานของแต่ละคน และการตั้งค่าระดับพลังงานของเครื่อง
• ปัจจุบัน Ulthera Prime มีการพัฒนาให้เจ็บน้อยลงกว่ารุ่นเก่า และสามารถใช้ยาชาก่อนทำเพื่อลดความรู้สึกไม่สบายได้
ความรู้สึกขณะทำ Emface
• ระหว่างทำ Emface ผู้รับบริการจะรู้สึกได้ถึงการหดตัวของกล้ามเนื้อใบหน้า คล้ายการยืด-หดกล้ามเนื้ออัตโนมัติ
• ความรู้สึกส่วนใหญ่จะไม่เจ็บ อาจรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อยเหมือนใบหน้าขยับโดยไม่ควบคุม
• พลังงาน RF ที่ส่งความร้อนระดับอ่อน จะทำให้รู้สึกอุ่น ๆ บริเวณผิวแต่ไม่ถึงกับแสบหรือไม่สบาย
Ulthera Prime VS Emface มีผลข้างเคียงไหม
แม้ว่า Ulthera Prime และ Emface จะเป็นเทคโนโลยียกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัดและได้รับการรับรองมาตรฐาน แต่ก็อาจเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยหลังทำ ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นเพียงอาการชั่วคราว และหายได้เองในระยะเวลาสั้น ๆ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.Ulthera Prime VS Emface อาจมีอาการบวมเล็กน้อย
หลังทำหัตถการ อาจมีอาการบวมบริเวณที่รับพลังงาน เช่น แก้ม แนวกราม หรือหน้าผาก ซึ่งเกิดจากการตอบสนองของผิวและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง โดยทั่วไปจะบวมเพียงเล็กน้อยและมักหายภายใน 1-3 วัน
2.Ulthera Prime VS Emface อาจผิวแดงหลังทำ
ในบางรายอาจพบว่าผิวบริเวณที่ทำหัตถการมีอาการแดงจากความร้อนหรือพลังงานที่ส่งลงไปใต้ผิว ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติ และจะจางลงเองภายในไม่กี่ชั่วโมง
3.Ulthera Prime VS Emface อาจรู้สึกตึงหรือระบมเล็กน้อย
ผู้เข้ารับบริการบางคนอาจรู้สึกตึงผิว หรือระบมใต้ผิวหนังบริเวณที่ทำ โดยเฉพาะถ้าเป็นบริเวณที่รับพลังงานลึก เช่น กรอบหน้า หรือแนวกราม อาการเหล่านี้จะดีขึ้นเองในเวลาไม่นาน
4.Ulthera Prime VS Emface อาจทำให้กล้ามเนื้อใบหน้ารู้สึกเมื่อยหรือเกร็ง
โดยเฉพาะในกรณีของ Emface ที่มีการกระตุ้นกล้ามเนื้อ อาจทำให้รู้สึกเมื่อยหรือเกร็งเล็กน้อยคล้ายกับการออกกำลังกล้ามเนื้อ แต่สามารถเกิดร่วมได้กับ Ulthera Prime ในกรณีที่มีการกระตุ้นบริเวณลึกที่ใกล้กล้ามเนื้อ
5.Ulthera Prime VS Emface อาจผิวไวขึ้นชั่วคราว
บางคนอาจรู้สึกว่าผิวบริเวณที่ทำมีความไวขึ้น เช่น ไวต่อการสัมผัส แพ้ง่ายขึ้นชั่วคราว หรือรู้สึกอุ่น ๆ ซึ่งเป็นอาการที่มักหายได้ภายใน 24-72 ชั่วโมง
Ulthera Prime VS Emface ควรเตรียมตัวอย่างไร
แม้ว่า Ulthera Prime VS Emface จะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องใช้เข็ม แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง ควรมีการเตรียมตัวล่วงหน้าตามคำแนะนำต่อไปนี้
1.ก่อนทำ Ulthera Prime VS Emface พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 1 คืนก่อนทำ
ร่างกายที่พักผ่อนเพียงพอจะช่วยให้เซลล์ผิวฟื้นฟูได้ดี และลดโอกาสเกิดอาการบวม แดง หรือระบมหลังทำ
2.ก่อนทำ Ulthera Prime VS Emface หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเร่งผลัดเซลล์
เช่น AHA, BHA, Retinol หรือวิตามิน A ความเข้มข้นสูง บริเวณใบหน้า ในช่วง 3-5 วันก่อนทำ เพื่อไม่ให้ผิวระคายเคืองหรือไวต่อพลังงานมากเกินไป
3.ก่อนทำ Ulthera Prime VS Emface หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์หรือหัตถการอื่น ๆ ที่รุนแรง
หากเพิ่งทำเลเซอร์ผลัดเซลล์ผิว หรือทรีตเมนต์ที่ทำให้ผิวบาง ควรรอให้ผิวฟื้นตัวเต็มที่ก่อนทำ Ulthera Prime หรือ Emface
4.ก่อนทำ Ulthera Prime VS Emface งดการใช้ยาในกลุ่มต้านการอักเสบบางชนิด
หากจำเป็นต้องใช้ยาแก้อักเสบ (NSAIDs) หรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้า เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการบวมช้ำ
5.ก่อนทำ Ulthera Prime VS Emface งดการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
การดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้เส้นเลือดขยายตัว ส่งผลให้ผิวบวมง่ายหรือระบมมากขึ้นหลังทำ
6.ก่อนทำ Ulthera Prime VS Emface ล้างหน้าให้สะอาดก่อนเข้ารับบริการ
ควรล้างเครื่องสำอาง ครีมกันแดด และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวออกให้หมด เพื่อให้พลังงานสัมผัสกับผิวโดยตรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7.ก่อนทำ Ulthera Prime VS Emface แจ้งประวัติสุขภาพและโรคประจำตัวต่อแพทย์
ควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้าหากมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน โรคทางผิวหนัง หรือมีอุปกรณ์ฝังในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ
Ulthera Prime VS Emface ควรดูแลตัวเองอย่างไร
แม้ว่า Ulthera Prime VS Emface จะเป็นหัตถการแบบไม่ผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังทำทันที แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดการระคายเคืองผิว ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลตัวเองดังนี้
1.หลังทำ Ulthera Prime VS Emface หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อนจัดใน 48 ชั่วโมงแรก
ควรงดการเผชิญแสงแดดโดยตรง หลีกเลี่ยงซาวน่า อบไอน้ำ หรือการออกกำลังกายหนัก เพราะอุณหภูมิสูงอาจกระตุ้นให้ผิวบวม แดง หรือรู้สึกระคายเคืองมากขึ้น
2.หลังทำ Ulthera Prime VS Emface ทาครีมบำรุงและครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
หลังทำผิวอาจไวต่อสิ่งกระตุ้น จึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นและอ่อนโยน พร้อมปกป้องผิวจากรังสี UV ด้วยครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป ทุกวันแม้ไม่ได้ออกจากบ้าน
3.หลังทำ Ulthera Prime VS Emface หลีกเลี่ยงการขัด ถู หรือสัมผัสแรง ๆ บริเวณที่ทำ
ควรงดการนวดหน้า สครับผิว หรือใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าแรง ๆ อย่างน้อย 3-5 วันหลังทำ เพื่อป้องกันการระคายเคืองและช่วยให้พลังงานที่ส่งไปยังผิวคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน
4.หลังทำ Ulthera Prime VS Emface ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำมากพอจะช่วยส่งเสริมการฟื้นฟูเซลล์ผิว เพิ่มความยืดหยุ่น และช่วยให้ผิวดูสดใสจากภายใน
5.หลังทำ Ulthera Prime VS Emface งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์รุนแรง
เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA, BHA, Retinol หรือสารเร่งผลัดเซลล์ผิว ควรงดใช้ 3-5 วันหลังทำ เพื่อป้องกันการระคายเคือง
6.หลังทำ Ulthera Prime VS Emface พักผ่อนให้เพียงพอ
ร่างกายที่ได้รับการพักผ่อนเต็มที่ช่วยให้ระบบฟื้นฟูทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้ผิวสร้างคอลลาเจนได้มีประสิทธิภาพและคงผลลัพธ์ได้นานขึ้น
7.หลังทำ Ulthera Prime VS Emface สังเกตอาการผิดปกติ
หากมีอาการบวมแดงมากผิดปกติ ร้อนผิว หรือเจ็บลึกเป็นเวลานาน ควรรีบปรึกษาแพทย์หรือคลินิกที่เข้ารับบริการทันที
ข้อห้ามหลังทำ Ulthera Prime VS Emface
แม้ Ulthera Prime VS Emface จะเป็นหัตถการแบบไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น แต่ก็มีข้อห้ามบางประการที่ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดในช่วงหลังทำ เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองผิวและยืดอายุผลลัพธ์ให้คงอยู่ได้ยาวนาน
1.หลังทำ Ulthera Prime VS Emface ห้ามโดนความร้อนจัดภายใน 48 ชั่วโมง
ไม่ควรเข้าอบซาวน่า อบไอน้ำ หรืออาบน้ำอุ่นจัด รวมถึงหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดนาน ๆ เพราะอุณหภูมิสูงจะทำให้ผิวที่เพิ่งรับพลังงานมีการอักเสบหรือบวมแดงมากขึ้น
2.หลังทำ Ulthera Prime VS Emface ห้ามออกกำลังกายหนักภายใน 1-2 วัน
การออกกำลังกายที่ใช้แรงมากจะทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น รวมถึงกระตุ้นการไหลเวียนเลือดมากเกินไป อาจส่งผลให้ผิวที่รับพลังงานเกิดอาการบวมได้ง่ายขึ้น
3.หลังทำ Ulthera Prime VS Emface ห้ามขัด นวด หรือกดแรงบริเวณใบหน้า
หลังทำควรหลีกเลี่ยงการนวดหน้า การกดหน้าแรง ๆ หรือการใช้ผ้าขนหนูเช็ดแรง ๆ โดยเฉพาะในช่วง 3-5 วันแรก เพื่อป้องกันการรบกวนพลังงานที่เพิ่งส่งลงไปในผิว
4.หลังทำ Ulthera Prime VS Emface ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวแรง
เช่น Retinol, AHA, BHA, Vitamin C เข้มข้น หรือผลิตภัณฑ์ที่มีกรดต่าง ๆ ควรงดใช้ประมาณ 3-5 วัน เพราะผิวหลังทำอาจไวต่อสารเหล่านี้ และเกิดการระคายเคืองได้ง่าย
5.หลังทำ Ulthera Prime VS Emface ห้ามสัมผัสผิวด้วยมือที่ไม่สะอาด
หลังทำผิวอาจมีความไวหรือบอบบางมากกว่าปกติ การจับหรือสัมผัสผิวบ่อย ๆ ด้วยมือที่ไม่สะอาดอาจทำให้เกิดการอักเสบหรือการติดเชื้อได้
6.หลังทำ Ulthera Prime VS Emface ห้ามแต่งหน้าหรือใช้เครื่องสำอางในทันที (ในบางกรณี)
แนะนำให้เว้นการแต่งหน้าอย่างน้อย 6-12 ชั่วโมงหลังทำ โดยเฉพาะหากรู้สึกผิวระคายหรือแดงง่าย เพื่อให้ผิวได้ฟื้นฟูเต็มที่โดยไม่ถูกปิดกั้นด้วยสารเคมี
สรุป Ulthera Prime VS Emface
สรุปว่า Ulthera Prime VS Emface เป็นเทคโนโลยียกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัดที่มีจุดเด่นและกลไกการทำงานต่างกัน โดย Ulthera Prime ใช้พลังงานคลื่นเสียงลงลึกถึงชั้น SMAS เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนในระดับลึก ส่วน Emface ใช้คลื่น RF ร่วมกับ HIFES ในการกระตุ้นทั้งผิวและกล้ามเนื้อใบหน้า ทำให้เกิดความกระชับขึ้น
หากคุณกำลังมองหาทางเลือกในการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด การรู้ความแตกต่างระหว่าง Ulthera Prime VS Emface จะช่วยให้คุณเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับปัญหาของตนเองได้อย่างเห็นผลลัพธ์ที่ดี
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ