romrawin

สครับมะขามมีสรรพคุณอะไร ขัดผิวสวยใสด้วยสูตรสครับผิวจากธรรมชาติ

สครับมะขาม

สครับมะขามมีสรรพคุณอะไรบ้าง หนึ่งอาทิตย์ควรสครับกี่ครั้งให้เห็นผล
สครับมะขาม เป็นสครับที่ถือได้ว่าฮิตมากในบรรดาสครับอื่น ๆ เพราะเป็นสครับที่หาวัตถุดิบได้ง่าย สามารถทำเองได้ที่บ้าน และนิยมใช้ตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ของเรา
แล้วสครับมะขามมีสรรพคุณอะไรบ้าง เรามาดูไปพร้อม ๆ กันเลย

รวมทุกหัวข้อเกี่ยวกับการสครับมะขาม
- สครับมะขามคืออะไร
- ส่วนผสมสำคัญในสครับมะขาม
- สครับมะขามมีประโยชน์ต่อผิวอย่างไร
- สครับมะขามดีต่อผิวยังไงบ้าง
- วิธีใช้สครับมะขามให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
- ควรสครับมะขามกี่ครั้งต่อสัปดาห์
- ข้อควรระวังเมื่อใช้สครับมะขาม
- ใครควรหลีกเลี่ยงใช้สครับมะขาม
- วิธีทดสอบการแพ้ก่อนใช้สครับมะขาม
- สครับมะขามสามารถใช้กับหน้าได้หรือไม่
- เคล็ดลับใช้สครับมะขามให้ได้ผลดีมากขึ้น
- การใช้สครับมะขามกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
- สครับมะขามเหมาะกับผิวแบบไหนมากที่สุด
- วิธีทำสครับมะขามด้วยตัวเอง
- ความแตกต่างระหว่างทำสครับมะขามเองกับแบบสำเร็จรูป
- สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับสครับมะขาม

สครับมะขามคืออะไร
สครับมะขาม คือ ผลิตภัณฑ์ขัดผิวที่ทำจาก เนื้อมะขามเปียกหรือสารสกัดจากมะขาม ผสมกับส่วนประกอบอื่น เช่น เกลือ เมล็ดบด น้ำผึ้ง หรือน้ำมันพืชธรรมชาติ เพื่อช่วยในการขัดและบำรุงผิว โดยจุดเด่นของสครับมะขามคือมี กรดผลไม้ตามธรรมชาติ (AHA) และสารต้านอนุมูลอิสระที่ได้จากวิตามิน C และสารประกอบฟีนอลิก

ทำไมถึงนิยมใช้สครับมะขาม
• สครับมะขามมีกรด AHA อ่อน ๆ ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพออกอย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
• สครับมะขามมีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อน ๆ เหมาะสำหรับการทำความสะอาดผิว ช่วยให้สิ่งสกปรกและคราบมันถูกชะล้างง่ายขึ้น
• สครับมะขามมีวิตามินและสารบำรุง โดยเฉพาะวิตามิน C ที่เป็นที่รู้จักในเรื่องของการดูแลผิวให้สดใส

ลักษณะของสครับมะขาม
• สครับมะขามมีเนื้อสัมผัส มักเป็นแบบครีมหรือเจลข้น มีส่วนผสมที่ให้ความหนืดพอเหมาะ
• สครับมะขามมีเม็ดสครับ อาจมาจากเกลือ น้ำตาล หรือผงสมุนไพรที่ช่วยในการขัด
• สครับมะขามมีกลิ่นเฉพาะตัว ของมะขามผสมสมุนไพร ออกแนวสดชื่นและธรรมชาติ

ความแตกต่างของสครับมะขามกับสครับทั่วไป
สครับหลายชนิดอาจใช้เม็ดพลาสติก (microbeads) หรือเม็ดสังเคราะห์ ซึ่งไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่สครับมะขาม มักใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ ทำให้เหมาะกับคนที่มองหาตัวเลือกแบบออร์แกนิกหรือสมุนไพร

ส่วนผสมสำคัญในสครับมะขาม
สครับมะขามโดยทั่วไปจะมี มะขามเปียกหรือสารสกัดจากมะขาม เป็นหัวใจหลัก แล้วมักผสมกับวัตถุดิบอื่น ๆ เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพในการขัดผิวและบำรุงผิว ซึ่งสามารถแบ่งได้ดังนี้

1.มะขามเปียกหรือสารสกัดจากมะขามในสครับมะขาม
• มีกรดผลไม้ตามธรรมชาติ (AHA) ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
• อุดมด้วยวิตามิน C และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ผิวดูสดใส
• สครับมะขามให้กลิ่นและเนื้อสัมผัสเฉพาะตัวที่แตกต่างจากสครับชนิดอื่น

2.เม็ดสครับจากธรรมชาติ
• เช่น เกลือ น้ำตาล เมล็ดพืชบด หรือผงสมุนไพร
• เม็ดสครับจากสครับมะขามทำหน้าที่ช่วยขัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออก
• เลือกใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติแทนเม็ดพลาสติกสังเคราะห์ (microbeads)

3.สารให้ความชุ่มชื้นในสครับมะขาม
• ตัวอย่างเช่น น้ำผึ้ง นมสด หรือน้ำมันพืช (เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอัลมอนด์)
• สารให้ความชุ่มชื้นในสครับมะขามช่วยลดความแห้งตึงของผิวหลังสครับ ทำให้ผิวรู้สึกนุ่มและชุ่มชื้นขึ้น

4.สมุนไพรหรือสารสกัดเสริม
• เช่น ขมิ้น โยเกิร์ต นมผง หรือว่านหางจระเข้
• มีบทบาทเสริมด้านการบำรุง ช่วยให้สครับมีคุณสมบัติที่หลากหลายมากขึ้น

5.สารทำให้เกิดเนื้อครีม (Base Cream/เจล)
• ใช้เพื่อทำให้สครับมีเนื้อสัมผัสที่หนืดและเกลี่ยง่าย
• ช่วยให้ส่วนผสมต่าง ๆ เข้ากับผิวได้ดีขึ้น

สครับมะขามมีประโยชน์ต่อผิวอย่างไร
สครับมะขามจัดเป็นหนึ่งในวิธีดูแลผิวด้วยสมุนไพรที่ได้รับความนิยม เพราะใช้สารสกัดจากธรรมชาติที่มีกรดผลไม้อ่อน ๆ (AHA) วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ โดยมีประโยชน์ต่อผิวในหลายมิติ ดังนี้

1.สครับมะขามช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
• กรดผลไม้ตามธรรมชาติ (AHA) ในมะขามช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ
• ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ไม่หมองคล้ำ

2.สครับมะขามช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกิน
• เนื้อสครับมะขามช่วยกำจัดสิ่งสกปรกที่อาจตกค้างบนผิว
• ช่วยให้ผิวสะอาดและเตรียมพร้อมต่อการบำรุงในขั้นตอนต่อไป

3.สครับมะขามช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
• วิตามิน C และสารต้านอนุมูลอิสระในมะขามช่วยให้ผิวดูสดใส
• การขัดอย่างต่อเนื่องทำให้ผิวแลดูสม่ำเสมอมากขึ้น

4.สครับมะขามเพิ่มความนุ่มและความชุ่มชื้น
• ส่วนผสมที่มักเติมลงในสครับ เช่น น้ำผึ้ง นมสด หรือน้ำมันพืชธรรมชาติ ช่วยลดความแห้งตึง
• ทำให้ผิวสัมผัสนุ่มขึ้นหลังการสครับมะขาม

5.สครับมะขามเสริมความมั่นใจให้กับผิว
• เมื่อผิวเรียบเนียนและดูสะอาดขึ้น ก็ช่วยให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่อต้องโชว์ผิว

สครับมะขามดีต่อผิวยังไงบ้าง
สครับมะขาม เป็นการใช้เนื้อมะขามหรือน้ำสกัดจากมะขามในการขัดผิว ซึ่งมะขามมีสารสำคัญหลายชนิดที่มีบทบาทต่อการดูแลผิว เช่น

1.กรดผลไม้ธรรมชาติ (AHA)
• สครับมะขามมีกรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids หรือ AHA)
• สารกลุ่มนี้มีคุณสมบัติช่วยให้ พันธะระหว่างเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพคลายตัว ทำให้เซลล์ผิวเก่าหลุดออกง่ายขึ้น
• สครับมะขามส่งผลให้ผิวที่ผ่านการสครับดูเรียบเนียนและสดใสขึ้น

2.วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ
• สครับมะขามมีวิตามินซีและสารประกอบฟีนอลิก ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
• สครับมะขามช่วยลดการทำลายเซลล์ผิวจากมลภาวะและแสงแดด ทำให้ผิวดูมีชีวิตชีวา

3.คุณสมบัติเด่นของสครับมะขาม
• เนื้อมะขามมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียบางชนิด
• จึงช่วยให้ผิวสะอาดมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับการขัดผิว

4.สครับมะขามช่วยกระตุ้นการผลัดผิวและการไหลเวียน
• การขัดผิวด้วยสครับมะขามช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนเลือดที่ผิวหนัง
• ส่งเสริมให้ผิวได้รับออกซิเจนและสารอาหารมากขึ้น

5.เสริมด้วยส่วนผสมอื่น ๆ
• สครับมะขามมักถูกนำมาผสมกับน้ำผึ้ง นม หรือโยเกิร์ต เพื่อช่วยเติมความชุ่มชื้นและเพิ่มคุณค่าด้านการบำรุงผิว
• จึงทำให้สครับมะขามไม่ได้มีแค่คุณสมบัติผลัดเซลล์ผิว แต่ยังช่วยเรื่องความนุ่มและความยืดหยุ่นของผิว

วิธีใช้สครับมะขามให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
สครับมะขามเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว แต่เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่เหมาะสมและไม่เกิดการระคายเคือง ควรใช้ตามวิธีที่ถูกต้องดังนี้

1.เตรียมผิวก่อนสครับมะขาม
• ทำความสะอาดผิวกายหรือผิวหน้าเบื้องต้น เพื่อขจัดคราบเหงื่อและสิ่งสกปรก
• ควรสครับมะขามตอนผิวชุ่มน้ำเล็กน้อย เช่น หลังอาบน้ำหรือตอนที่ผิวยังมีความชื้น จะช่วยให้การขัดผิวอ่อนโยนขึ้น

2.ใช้ปริมาณสครับมะขามที่พอเหมาะ
• ตักสครับมะขามในปริมาณที่พอสำหรับแต่ละส่วนของร่างกาย
• ไม่จำเป็นต้องใช้สครับมะขามมากเกินไป เพราะอาจทำให้เปลืองและเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคือง

3.ขัดสครับมะขามอย่างเบามือ
• นวดวนเบา ๆ เป็นวงกลม โดยเฉพาะบริเวณที่มักหยาบกร้าน เช่น ข้อศอก หัวเข่า หรือส้นเท้า
• หลีกเลี่ยงการขัดแรงเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวบอบบางหรือเกิดรอยแดง

4.บำรุงผิวหลังการสครับ
• ซับผิวให้แห้ง
• ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ โลชั่น หรือครีมบำรุงที่อ่อนโยนทันที เพื่อคืนความชุ่มชื้นให้ผิว

ควรสครับมะขามกี่ครั้งต่อสัปดาห์
การสครับมะขามเป็นวิธีช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออกอย่างอ่อนโยน แต่หากทำถี่เกินไปอาจทำให้ผิวแห้ง ระคายเคือง หรือบางลงได้ ดังนั้น ความถี่ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยสามารถอธิบายได้ดังนี้

1.ความถี่ทั่วไปในการทำสครับมะขาม
• โดยทั่วไป 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ถือว่าเพียงพอสำหรับการดูแลผิว
• การสครับมะขามในช่วงเวลานี้จะช่วยให้ผิวดูสะอาด สดใส และไม่รบกวนสมดุลผิวจนเกินไป

2.ปรับตามสภาพผิว
• ผิวมันหรือผิวหนา อาจสครับมะขามได้ 2 ครั้ง/สัปดาห์ เพราะผิวทนต่อการผลัดเซลล์ได้มากกว่า
• ผิวแห้งหรือบอบบาง ควรสครับมะขามเพียง 1 ครั้ง/สัปดาห์ และเลือกสครับที่มีส่วนผสมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น น้ำผึ้ง หรือนมสด
• ผิวแพ้ง่าย ควรทดสอบการแพ้ก่อน และอาจลดเหลือ 1 ครั้งใน 10-14 วัน

3.ปัจจัยอื่นในการสครับมะขาม
• หากต้องเผชิญแสงแดดจัดหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งบ่อย ควรสครับมะขามให้น้อยลงเพื่อเลี่ยงการทำให้ผิวบอบบาง
• หลังสครับมะขามทุกครั้งควรทามอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือโลชั่นบำรุงผิว เพื่อคืนความชุ่มชื้น

ข้อควรระวังเมื่อใช้สครับมะขาม
แม้สครับมะขามจะเป็นวิธีดูแลผิวด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ แต่หากใช้ไม่ถูกวิธีหรือถี่เกินไปอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ ดังนั้นควรระมัดระวังในการใช้สครับมะขามต่อไปนี้

1.ระวังการใช้สครับมะขามขัดแรงเกินไป
• การถูหรือขัดแรงเกินจำเป็นอาจทำให้ผิวถลอก เกิดรอยแดง หรือรู้สึกแสบผิว
• ควรใช้แรงกดเบา ๆ และนวดวนอย่างเบา ๆ

2.ไม่ควรใช้สครับมะขามบ่อยเกินไป
• การสครับมะขามเกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์ อาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและบางลง
• ควรเว้นระยะให้ผิวได้ฟื้นฟูตัวเอง

3.หลีกเลี่ยงบริเวณผิวที่บอบบางหรือมีแผล
• ไม่ควรสครับมะขามบริเวณผิวที่มีบาดแผล สิวอักเสบ หรือผื่นแพ้ เพราะอาจทำให้อาการแย่ลง
• สำหรับผิวหน้า ควรเลือกสูตรที่อ่อนโยนและไม่มีเม็ดสครับหยาบเกินไป

4.ทดสอบการแพ้ก่อนใช้สครับมะขาม
• หากมีอาการผิดปกติควรหยุดใช้ทันที

5.ระวังการออกแดดหลังสครับมะขาม
• หลังการขัดผิวใหม่ ๆ ผิวจะบอบบางขึ้นและไวต่อแสงแดด
• ควรทาครีมกันแดดหรือปกป้องผิวก่อนออกกลางแจ้ง

6.บำรุงผิวหลังสครับมะขามเสมอ
• หลังล้างสครับมะขามออกควรซับผิวเบา ๆ แล้วทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ โลชั่น หรือออยล์บำรุงผิว เพื่อป้องกันการแห้งตึง

ใครควรหลีกเลี่ยงใช้สครับมะขาม
แม้สครับมะขามจะทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะสมต่อการใช้ เพราะสภาพผิวและปัญหาผิวของแต่ละคนแตกต่างกัน ซึ่งกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงหรือใช้ด้วยความระมัดระวัง ได้แก่

1.ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือบอบบางมาก
• ผิวที่ตอบสนองต่อสารต่าง ๆ ได้ง่ายอาจเกิดการระคายเคือง คัน หรือแดงหลังสครับมะขาม
• หากจำเป็นต้องใช้ ควรทดสอบการแพ้ (Patch Test) บริเวณท้องแขนก่อน

2.ผู้ที่มีแผลเปิดหรือผิวหนังอักเสบ
• เช่น แผลถลอก แผลสด หรือรอยขีดข่วน
• การสครับมะขามอาจทำให้แผลระคายเคืองมากขึ้นหรือเสี่ยงติดเชื้อ

3.ผู้ที่มีสิวอักเสบหรือสิวหนอง
• การขัดอาจทำให้สิวแตก เกิดการอักเสบลุกลาม และทิ้งรอยดำได้ง่าย
• ควรรอให้สิวอักเสบหายก่อนแล้วจึงสครับมะขาม

4.ผู้ที่มีโรคผิวหนังเฉพาะ เช่น ผื่นแพ้รุนแรง หรือสะเก็ดเงิน
• การสครับมะขามอาจกระตุ้นให้เกิดอาการคัน แดง หรือรุนแรงขึ้น
• กลุ่มนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์สครับทุกชนิด

5.ผู้ที่เพิ่งผ่านการทำหัตถการหรือทรีตเมนต์ผิว
• เช่น เลเซอร์ ผลัดเซลล์ผิวทางการแพทย์ หรือการทำทรีตเมนต์ที่ทำให้ผิวไวต่อการระคายเคือง
• ควรรอให้ผิวฟื้นตัวสมบูรณ์ก่อน

วิธีทดสอบการแพ้ก่อนใช้สครับมะขาม
การทดสอบการแพ้ (Patch Test) เป็นขั้นตอนสำคัญก่อนใช้สครับมะขามหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทุกชนิด เพราะแม้จะทำจากธรรมชาติ แต่บางคนอาจไวต่อกรดผลไม้ วิตามิน หรือสารประกอบในมะขามได้ หากไม่ทดสอบก่อน อาจทำให้เกิดอาการคัน แดง หรือระคายเคืองหลังใช้สครับมะขาม

ขั้นตอนการทดสอบก่อนใช้สครับมะขามว่าแพ้หรือไม่
1.เลือกบริเวณทดสอบ
• นิยมใช้ ท้องแขนด้านใน ข้อพับแขน หรือหลังใบหู เพราะเป็นจุดที่ผิวค่อนข้างบอบบางและคล้ายผิวหน้า
• เป็นตำแหน่งที่สังเกตอาการแพ้ได้ง่าย

2.เตรียมสครับมะขาม
• ใช้สครับมะขามในปริมาณเล็กน้อย (ประมาณเมล็ดถั่วเขียว)
• หากเป็นสูตรโฮมเมด ควรผสมให้ได้เนื้อสัมผัสที่พร้อมใช้ก่อน

3.ทาลงบนผิว
• แต้มสครับมะขามลงบนผิวบริเวณที่เลือก
• ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด

4.สังเกตอาการหลังทดสอบ
• ภายใน 24 ชั่วโมงแรก ให้สังเกตว่ามีอาการคัน แสบ แดง หรือผื่นขึ้นหรือไม่
• หากมีอาการดังกล่าว ควรหลีกเลี่ยงการใช้สครับมะขามกับผิวหน้าและผิวกาย

5.หากไม่มีอาการผิดปกติ
• สามารถใช้สครับมะขามได้ตามปกติ แต่ยังคงควรใช้ในความถี่ที่เหมาะสม (1-2 ครั้งต่อสัปดาห์)

สครับมะขามสามารถใช้กับหน้าได้หรือไม่
โดยทั่วไป สครับมะขามสามารถใช้กับผิวหน้าได้ แต่ต้องเลือกวิธีใช้และสูตรที่เหมาะสม เพราะผิวหน้า บอบบางและไวต่อการระคายเคืองมากกว่าผิวกาย

1.ทำไมต้องระวังเมื่อใช้สครับมะขามกับหน้า
• ผิวหน้ามีชั้นไขมันและความชุ่มชื้นน้อยกว่าผิวกาย
• การขัดแรง ๆ หรือใช้สครับที่มีเม็ดหยาบอาจทำให้เกิดรอยแดงหรือแสบผิวได้
• กรดผลไม้ (AHA) ในน้ำมะขามมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ หากใช้ในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้ผิวหน้าแห้งหรือลอกได้

2.สูตรที่เหมาะกับผิวหน้า
• ควรเลือก สครับมะขามที่เนื้อเนียนละเอียด ไม่มีเม็ดสครับหยาบ
• มักผสมกับวัตถุดิบอ่อนโยน เช่น โยเกิร์ต นมสด น้ำผึ้ง หรือว่านหางจระเข้ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดความระคายเคือง

3.วิธีใช้ที่ปลอดภัย
• ทาสครับมะขามบาง ๆ บนผิวหน้า
• นวดวนเบา ๆ ประมาณ 1-2 นาที เท่านั้น
• ล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วตามด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ทันที
• ใช้เพียง สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็เพียงพอ

4.ใครควรหลีกเลี่ยงการใช้สครับมะขามบริเวณผิวหน้า
• ผู้ที่มี สิวอักเสบ แผลเปิด หรือผิวบอบบางมาก ควรหลีกเลี่ยง
• หากเป็นผิวแพ้ง่าย ควรทำการ ทดสอบการแพ้ (Patch Test) ก่อน

เคล็ดลับใช้สครับมะขามให้ได้ผลดีมากขึ้น
การใช้สครับมะขามให้เห็นผล ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสูตรเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ ช่วงเวลาที่เหมาะสม วิธีการขัด และขั้นตอนการเตรียมผิว ด้วย

1.ใช้สครับมะขามหลังอาบน้ำด้วยสบู่หรือน้ำอุ่น
• การอาบน้ำด้วยสบู่หรือน้ำอุ่นก่อน จะช่วยชะล้างสิ่งสกปรกและเปิดรูขุมขน
• เมื่อรูขุมขนเปิด การสครับจะอ่อนโยนขึ้นและช่วยให้สารจากมะขามสัมผัสกับผิวได้ดีขึ้น

2.เวลาที่เหมาะที่สุดในการใช้สครับมะขาม
• ช่วงเย็นหรือตอนกลางคืน หลังเลิกงานหรือกิจกรรมกลางแจ้ง เพราะผิวผ่านการสะสมเหงื่อและมลภาวะมาแล้ว
• หลีกเลี่ยงการสครับมะขามตอนเช้าแล้วออกแดดทันที เนื่องจากผิวที่เพิ่งสครับจะบอบบางและไวต่อแสง

3.เน้นขัดสครับมะขามตรงจุดที่หมองคล้ำหรือหยาบกร้าน
• เช่น ข้อศอก หัวเข่า รักแร้ หรือส้นเท้า
• นวดวนเบา ๆ เป็นวงกลม ไม่จำเป็นต้องออกแรงมาก เพราะเม็ดสครับและกรดผลไม้จากมะขามจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเอง

4.ระยะเวลาในการสครับมะขาม
• ขัดผิวในแต่ละจุด ประมาณ 2-3 นาที
• รวมทั้งร่างกายไม่ควรเกิน 5 นาที เพื่อป้องกันผิวแห้งหรือระคายเคือง

5.เลือกใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเย็นตอนล้างออก
• น้ำอุ่น ช่วยเปิดรูขุมขนและทำให้การล้างคราบสครับออกง่าย เหมาะสำหรับตอนเริ่มล้าง
• น้ำเย็น ใช้ล้างขั้นตอนสุดท้าย ช่วยกระชับรูขุมขนและให้ผิวรู้สึกสดชื่น

6.บำรุงทันทีหลังสครับ
• ซับผิวด้วยผ้าขนหนูอย่างเบามือ
• ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ โลชั่น หรือออยล์บำรุง เพื่อคืนความชุ่มชื้นและปกป้องผิวไม่ให้แห้ง

การใช้สครับมะขามกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
หลังการสครับมะขาม ผิวจะสะอาด ปราศจากเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ทำให้ พร้อมรับการบำรุงได้ดียิ่งขึ้น แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวและเรียงลำดับในการใช้อย่างถูกต้อง

1.ใช้สครับมะขามกับ โลชั่นบำรุงผิว
• โลชั่นมีเนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย เหมาะกับการทาหลังสครับทันที
• ช่วยเติมน้ำและความชุ่มชื้นที่ผิวสูญเสียไปจากการขัด
• เหมาะกับการบำรุงประจำวัน และใช้ได้ทั้งผิวหน้า (สูตรเฉพาะสำหรับหน้า) และผิวกาย

2.ใช้สครับมะขามกับ ออยล์บำรุงผิว
• น้ำมันบำรุง เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอัลมอนด์ หรือน้ำมันโจโจบา เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวแห้งมาก
• ช่วยล็อกความชุ่มชื้นให้อยู่กับผิวได้นานขึ้น
• ควรใช้ปริมาณเล็กน้อยและนวดวนเบา ๆ หลังสครับ เพื่อไม่ให้รู้สึกเหนอะหนะ

3.ใช้สครับมะขามกับ เซรั่มบำรุงผิว
• เซรั่มมักมีเนื้อบางเบาและมีสารบำรุงเข้มข้น
• หลังสครับ ผิวซึมซับเซรั่มได้ดีขึ้น เหมาะกับการใช้บริเวณใบหน้าและลำคอ
• ควรเลือกสูตรที่อ่อนโยน ปราศจากแอลกอฮอล์หรือสารที่อาจระคายเคือง

เคล็ดลับการใช้สครับมะขามร่วมกันกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
ลำดับที่เหมาะสม หลังสครับซับผิวให้หมาด จากนั้นทาเซรั่ม (ถ้าเป็นผิวหน้า) ตามด้วยโลชั่น ปิดท้ายด้วยออยล์ (ถ้าผิวแห้งมาก)
อย่าใช้หลายชั้นเกินไป เลือกเพียง 1-2 ชนิดที่เหมาะกับสภาพผิว เพื่อป้องกันการอุดตัน
ใช้สูตรอ่อนโยน หลังสครับผิวจะบอบบางกว่าปกติ ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีกรดผลไม้เข้มข้นหรือสารผลัดเซลล์อื่น ๆ ซ้ำ

สครับมะขามเหมาะกับผิวแบบไหนมากที่สุด
สครับมะขามเหมาะกับผู้ที่มี ผิวธรรมดาไปจนถึงผิวมัน เพราะกรดผลไม้อ่อน ๆ (AHA) ในน้ำมะขามช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำความสะอาดความมันส่วนเกินได้ดี ขณะเดียวกันก็ยังใช้ได้กับ ผิวหมองคล้ำหรือผิวกายที่หยาบกร้าน เช่น ข้อศอก หัวเข่า และส้นเท้า
สำหรับ ผิวแห้งหรือผิวบอบบาง ยังสามารถใช้ได้ แต่ควรเลือกสูตรที่มีส่วนผสมเพิ่มความชุ่มชื้น (เช่น น้ำผึ้ง นมสด หรือน้ำมันธรรมชาติ) และใช้ไม่เกินสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อลดการระคายเคือง

วิธีทำสครับมะขามด้วยตัวเอง
การทำสครับมะขามที่บ้านสามารถปรับสูตรได้ตามสภาพผิว โดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่หาได้ง่ายและปลอดภัยต่อผิว

สูตรที่ 1 สครับมะขามสำหรับผิวหน้า (ผิวมัน - ผิวแห้งปรับได้)
ส่วนผสม
• มะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
• เกลือทะเลป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
• นมเปรี้ยว (สำหรับผิวมัน) หรือ ครีมนม (สำหรับผิวแห้ง) 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
• ผสมมะขามเปียกกับเกลือทะเลในชามแก้วจนเข้ากัน
• เติมนมเปรี้ยวหรือครีมนมตามสภาพผิว คนให้เนื้อเนียน
• ใช้นิ้วนวดวนเบา ๆ ทั่วใบหน้า หลีกเลี่ยงรอบดวงตา
• ทิ้งไว้ประมาณ 2 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

สูตรนี้ช่วยผลัดเซลล์ผิวหน้าและทำให้ผิวดูสดใสขึ้น แต่ควรทำเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง

สูตรที่ 2 สครับมะขามสำหรับผิวหน้าและผิวกาย
ส่วนผสม
• มะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
• เบกกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
• ผสมส่วนผสมทั้งหมดในชามแก้วจนเข้ากัน
• ใช้นวดวนเบา ๆ บนผิวหน้า ลำคอ และผิวกายขณะอาบน้ำ
• ทิ้งไว้ 2 นาทีสำหรับผิวหน้าและลำคอ และไม่เกิน 10 นาทีสำหรับผิวกาย
• ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

สูตรนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลัดเซลล์ผิวกายบริเวณหยาบกร้าน เช่น เข่า ศอก หรือส้นเท้า

สูตรที่ 3 สครับมะขามเพื่อการบำรุงลึก
ส่วนผสม
• มะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
• โยเกิร์ต 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำกุหลาบ 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมันโจโจ้บา 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
• ผสมมะขามเปียกกับโยเกิร์ตให้เข้ากัน
• เติมน้ำกุหลาบและน้ำผึ้ง คนให้เนื้อเนียน
• ใส่น้ำมันโจโจ้บา แล้วผสมจนเป็นเนื้อเดียว
• นวดวนเบา ๆ บนผิวหน้าและลำคอประมาณ 2 นาที แล้วล้างออก

สูตรนี้เหมาะสำหรับผิวแห้งหรือผิวที่ต้องการความชุ่มชื้นเพิ่มเติม ให้ผิวรู้สึกนุ่มและสดชื่นขึ้นหลังการสครับมะขาม

ความแตกต่างระหว่างทำสครับมะขามเองกับแบบสำเร็จรูป
สครับมะขามทำเอง
• ใช้วัตถุดิบสดจากธรรมชาติ ปรับสูตรได้ตามสภาพผิว
• ไม่มีสารกันเสีย จึงควรใช้ทันทีและเก็บได้นานไม่เกิน 1-2 วัน
• เหมาะกับคนที่ต้องการความปลอดภัย เรียบง่าย และเลือกสูตรเองได้

สครับมะขามสำเร็จรูป
• ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน เก็บรักษาได้นาน
• ส่วนผสมถูกปรับให้มีความเสถียร เนื้อสัมผัสใช้ง่าย สะดวกต่อการใช้ประจำ
• อาจมีส่วนผสมเสริม เช่น สารเพิ่มความชุ่มชื้น กลิ่นหอม หรือสารสกัดบำรุง

สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับสครับมะขาม
ใครก็ตามที่อยากมีสุขภาพผิวที่ดีขึ้น ผลัดเซลล์ผิวหมองคล้ำเผยความกระจ่างใสให้กับผิว การใช้สครับมะขามก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ควรทำอย่างน้อย 1 - 2 สัปดาห์ และเลือกสูตรให้เหมาะกับผิวของเรา ไม่ว่าจะเป็นการทำเองหรือซื้อ ก็สามารถเลือกได้หมดเลย เพราะวัตถุดิบหาซื้อได้ง่าย การที่เราสครับมะขามเป็นประจำจะสังเกตได้ว่าผิวของเราจะค่อย ๆ นุ่มชุ่มชื่นขึ้น จนทำให้เราหลงรักผิวตัวเองเลย

* ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
* ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง*
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ
ปรึกษาฟรี พร้อมรับ โปรโมชั่นพิเศษ ก่อนใคร
เรื่อง บทความน่ารู้ ที่คุณอาจสนใจ