โปรแกรม Vbeam Laser คืออะไร ช่วยลดรอยสิวได้จริงหรือไม่ ต้องทำกี่ครั้งเห็นผล
Vbeam Laser
Vbeam Laser คืออะไร ช่วยลดรอยสิวได้จริงหรือไม่ ทำกี่ครั้งเห็นผล
Vbeam Laser คืออะไร ช่วยลดรอยสิวได้จริงหรือไม่ ต้องทำกี่ครั้งเห็นผล
Vbeam Laser เป็นเทคโนโลยีที่คนรู้จักในการช่วยลดรอยแดงจากสิวได้ อีกทั้งยังสามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวกระตุ้นคอลลาเจน หลายคนที่ได้ลองทำหัตถการนี้ต่างรีวิวว่า ผิวดูกระจ่างใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับหัตถการ Vbeam Laser ว่ามีหลักการทำงานแบบไหน ข้อดีข้อจำกัดมีอะไรบ้าง เพื่อเป็นข้อมูลให้ทุกคนประกอบการตัดสินใจก่อนการเลือกทำหัตถการ Vbeam Laser นี้
รวมทุกหัวข้อเกี่ยวกับ Vbeam Laser
- Vbeam Laser คืออะไร มีหลักการอะไรบ้าง
- Vbeam Laser มีกี่รุ่น ต่างกันอย่างไร
- ข้อดีของ Vbeam Laser
- ข้อควรระวังของ Vbeam Laser
- Vbeam Laser เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหน
- ทำไม Vbeam Laser ถึงช่วยรักษารอยแดงได้ดี
- Vbeam Laser เหมาะกับใครบ้าง
- ใครควรหลีกเลี่ยง Vbeam Laser
- การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ Vbeam Laser
- การดูแลตัวเองหลังเข้ารับบริการ Vbeam Laser
- ผลลัพธ์หลังเข้ารับบริการ Vbeam Laser
- ผลข้างเคียงหลังทำ Vbeam Laser
- ทำ Vbeam Laser กี่ครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์
- Vbeam Laser เจ็บหรือไม่
- Vbeam Laser อันตรายต่อผิวหรือไม่
- สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับ Vbeam Laser
Vbeam Laser คืออะไร มีหลักการอะไรบ้าง
Vbeam Laser เป็นเลเซอร์ในกลุ่ม Pulsed Dye Laser (PDL) ที่ออกแบบมาเพื่อดูแลปัญหาผิวที่เกิดจาก “เส้นเลือดและเม็ดสีแดง” โดยเฉพาะ เช่น รอยแดงจากสิว เส้นเลือดฝอยบนใบหน้า รอยแผลเป็นนูนแดง และรอยปานแดงต่าง ๆ
จุดเด่นของ Vbeam Laser คือสามารถรักษาได้อย่างอ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิวชั้นบน และช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวให้เรียบเนียน กระจ่างใสแบบไม่เป็นอันตรายต่อผิว
หลักการทำงานของ VBeam Laser
Vbeam Laser ทำงานด้วยเทคโนโลยี Micro Pulse Technology ที่ปล่อยพลังงานแสงเลเซอร์สีเหลือง ความยาวคลื่น 595 นาโนเมตร (nm) ซึ่งเป็นช่วงคลื่นที่สามารถดูดซับโดย Oxyhemoglobin หรือเม็ดสีแดงในเส้นเลือดได้เฉพาะบริเวณที่เป็นปัญหาผิว
เมื่อ Vbeam Laser ถูกส่งลงสู่ผิว
• พลังงานแสงจะถูกดูดซับโดยเม็ดสีแดงในรอยแดง เช่น รอยแดงสิวหรือเส้นเลือดฝอย
• พลังงานที่ดูดซับนี้จะเปลี่ยนเป็นความร้อน ทำให้เส้นเลือดที่ผิดปกติค่อย ๆ หดตัวและสลายไปตามกลไกธรรมชาติของร่างกาย
• โดยผิวชั้นบนยังคงปลอดภัย ไม่มีการไหม้หรือบาดเจ็บ เพราะเลเซอร์จะปล่อยพลังงานในระดับที่ควบคุมได้อย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ Vbeam Laser ยังสามารถถูกดูดซับโดย เมลานิน (Melanin) ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ก่อให้เกิดรอยดำหรือจุดด่างดำได้ จึงช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอมากขึ้น
Vbeam Laser มีกี่รุ่น ต่างกันอย่างไร
Vbeam Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ใช้พลังงานแสงในช่วงคลื่นเฉพาะ เพื่อรักษาปัญหาผิวที่เกี่ยวข้องกับเส้นเลือดและเม็ดสี เช่น รอยแดงจากสิว โรซาเซีย (Rosacea) เส้นเลือดฝอยแตกบนใบหน้า หรือจุดด่างดำจากการอักเสบ นอกจากนี้ยังช่วยปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอและกระจ่างใสขึ้นได้อย่างปลอดภัย
ในปัจจุบัน Vbeam Laser ได้รับการพัฒนาออกมาหลายรุ่น เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการในการรักษาที่แตกต่างกัน โดยรุ่นที่นิยมใช้ในคลินิกผิวหนัง ได้แก่ Vbeam Laser Perfecta และ Vbeam Laser Prima ซึ่งแต่ละรุ่นมีจุดเด่นเฉพาะตัวดังนี้
Vbeam Laser Perfecta
รุ่นนี้เป็นการพัฒนาต่อจาก Vbeam Laser ที่เคยได้รับความนิยมมาก่อน โดยมีการปรับปรุงระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
Vbeam Laser Perfecta มาพร้อมความสามารถในการ ปรับช่วงพลังงานและระยะเวลาการปล่อยแสงได้หลากหลายระดับ เพื่อให้เหมาะสมกับปัญหาผิวแต่ละประเภท เช่น รอยแดงจากสิว รอยแผลเป็นแดง ฝ้า กระ หรือจุดด่างดำจากแสงแดด
ระบบของ Vbeam Laser Perfecta ยังช่วยให้แพทย์สามารถควบคุมพลังงานได้ละเอียดและส่งพลังงานตรงไปยังบริเวณผิวที่มีปัญหาได้มากขึ้น ทำให้ผลการรักษาออกมาสม่ำเสมอ และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวไหม้หรือระคายเคือง นอกจากนี้ยังใช้เวลาพักฟื้นสั้น จึงเป็นรุ่นที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวโดยไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
จุดเด่นของ Vbeam Laser Perfecta
• Vbeam Laser Perfecta ปรับระดับพลังงานได้ละเอียด เหมาะกับปัญหาผิวหลายรูปแบบ
• Vbeam Laser Perfecta ลดรอยแดงจากสิวและรอยแผลเป็นได้ดี
• Vbeam Laser Perfecta ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
Vbeam Laser Prima
Vbeam Laser Prima เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อยอดจาก Perfecta ให้มีความล้ำสมัยยิ่งขึ้น โดยเพิ่มความสามารถในการ ปรับความยาวคลื่นได้มากกว่าเดิม ซึ่งช่วยให้เลเซอร์สามารถเจาะลึกลงไปถึงชั้นผิวได้ลึกกว่า เหมาะสำหรับรักษาปัญหาที่ซับซ้อนหรืออยู่ลึก เช่น เส้นเลือดฝอยที่ฝังใต้ผิว หรือรอยแดงที่ดื้อการรักษา
นอกจากนี้ Vbeam Laser Prima ยังมาพร้อมระบบ Cooling หรือการทำความเย็นผิวแบบอัตโนมัติ (Dynamic Cooling Device) ที่ช่วยปกป้องผิวชั้นบนจากความร้อนในระหว่างการยิงเลเซอร์ ทำให้รู้สึกสบายขณะทำและลดโอกาสเกิดรอยแดงหรือบวมหลังทำ
Vbeam Laser Prima ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือมีปัญหาผิวที่ไวต่อแสงมากเป็นพิเศษ
จุดเด่นของ Vbeam Laser Prima
• Vbeam Laser Prima ปรับความยาวคลื่นได้กว้างและลึกกว่าเดิม
• Vbeam Laser Prima มีระบบ Cooling อัตโนมัติ ช่วยลดความร้อนและความรู้สึกไม่สบาย
• Vbeam Laser Prima เหมาะกับผิวบอบบางหรือผิวที่ไวต่อแสง
โดยรวมแล้ว Vbeam Laser ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Perfecta หรือ Prima ต่างก็มีจุดเด่นในด้านการดูแลผิวที่เกี่ยวข้องกับรอยแดง เส้นเลือดฝอย และความไม่สม่ำเสมอของสีผิว
รุ่น Perfecta เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยนในระดับทั่วไป ส่วนรุ่น Prima จะตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาผิวบอบบาง ต้องการความละเอียดและประสิทธิภาพสูงขึ้น
ข้อดีของ Vbeam Laser
1.Vbeam Laser แก้ปัญหารอยแดงได้อย่างตรงจุด
Vbeam Laser ถูกออกแบบมาเพื่อกำจัดเม็ดสีแดง (Oxyhemoglobin) ในเส้นเลือดโดยเฉพาะ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการรักษาปัญหาเกี่ยวกับรอยแดง
2.Vbeam Laser ไม่ทำลายผิวชั้นบน
หนึ่งในจุดเด่นของ Vbeam Laser คือพลังงานเลเซอร์สามารถซึมลึกลงไปถึงบริเวณเป้าหมายโดยไม่ทำลายผิวชั้นบน จึงไม่ทำให้เกิดบาดแผล ไม่มีสะเก็ด และไม่ทำให้ผิวลอกหลังทำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวหน้าโดยไม่ต้องพักฟื้นหรือหยุดงาน
3.Vbeam Laser มีเทคโนโลยี Cooling ป้องกันความร้อน
Vbeam Laser มาพร้อมระบบ Dynamic Cooling Device (DCD) ซึ่งจะปล่อยละอองเย็นเคลือบผิวก่อนยิงเลเซอร์ในทุกช็อต
• ช่วยลดอุณหภูมิบนผิว ป้องกันความร้อนสะสม และลดความรู้สึกแสบร้อนในขณะทำ ทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกสบายตลอดการทำหัตถการ
4.Vbeam Laser กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว
นอกจากจะช่วยลดรอยแดงแล้ว พลังงานเลเซอร์ของ Vbeam Laser ยังช่วยกระตุ้นการสร้าง คอลลาเจน (Collagen Remodeling) ใต้ผิว ทำให้ผิวค่อย ๆ เรียบเนียน รูขุมขนกระชับขึ้น
5.Vbeam Laser เหมาะกับผิวบอบบางหรือไวต่อแสง
ด้วยระบบพลังงานที่อ่อนโยนและสามารถควบคุมได้อย่างละเอียด Vbeam Laser จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือผิวที่ไวต่อแสง
โดยเฉพาะรุ่นใหม่อย่าง Vbeam Laser Prima ที่เพิ่มระบบปรับความยาวคลื่นและการทำความเย็นที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
6.Vbeam Laser เห็นผลชัดเจน
หลังทำ Vbeam Laser ผิวจะค่อย ๆ ดีขึ้น รอยแดงจะจางลงภายในไม่กี่สัปดาห์ และสีผิวจะดูสม่ำเสมอขึ้น
ข้อควรระวังของ Vbeam Laser
ให้ผลการรักษาของ VBeam Laser ออกมามีประสิทธิภาพสูงสุดและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง ควรทำการรักษาภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
ต่อไปนี้คือข้อควรระวังที่ควรรู้ก่อนและหลังทำ VBeam Laser
1.ควรได้รับการประเมินจากแพทย์ก่อนทำ VBeam Laser
การทำ VBeam Laser ควรเริ่มจากการตรวจสภาพผิวโดยแพทย์ผิวหนัง เพื่อประเมินปัญหาผิวที่แท้จริง เช่น เป็นรอยแดงจากสิว เส้นเลือดฝอย หรือรอยแดงจากแผลเป็น เพราะแม้จะใช้เครื่องเดียวกัน แต่ระดับพลังงานและความลึกของ VBeam Laser จะต้องปรับให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน
2.หลีกเลี่ยงการทำ VBeam Laser หากมีภาวะผิวอักเสบ
ในกรณีที่ผิวมีสิวอักเสบ แผลเปิด หรือมีการติดเชื้อ ควรรอให้ผิวกลับมาแข็งแรงก่อนทำ VBeam Laserร์ เพราะบริเวณที่อักเสบอาจไวต่อความร้อนและมีความเสี่ยงต่อการระคายเคืองมากขึ้น
3.ห้ามโดนแสงแดดจัดก่อน-หลังทำ VBeam Laser
หลังทำ VBeam Laser ผิวอาจมีความไวต่อแสงมากกว่าปกติ การโดนแดดโดยตรงจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยดำหรือรอยแดงได้ง่าย
ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างน้อย 7-10 วัน และหมั่นทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปอย่างสม่ำเสมอทุกวัน
4.อาจมีรอยชมพูหรือบวมเล็กน้อยหลังทำ VBeam Laser
หลังทำ VBeam Laser อาจพบรอยชมพูอ่อนหรืออาการบวมเล็กน้อยในบางบริเวณ ซึ่งเป็นภาวะปกติจากการตอบสนองของผิวต่อพลังงานแสง
อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ลดลงภายใน 1-3 วัน โดยไม่ต้องใช้ยา หรือหากแพทย์แนะนำ อาจประคบเย็นเบา ๆ เพื่อบรรเทาอาการได้
5.ไม่ควรทำ VBeam Laser ซ้ำโดยไม่ปรึกษาแพทย์
ถึงแม้ VBeam Laser จะเป็นเลเซอร์ที่อ่อนโยน แต่การทำถี่เกินไปหรือปรับพลังงานสูงโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ อาจทำให้ผิวเกิดความร้อนสะสมและระคายเคืองได้
โดยทั่วไป แพทย์จะนัดทำซ้ำทุก 3-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล
6.แจ้งแพทย์หากมีประวัติแพ้แสงหรือใช้ยาบางชนิด
ยาบางชนิด เช่น ยากลุ่มกรดวิตามินเอ (Isotretinoin) หรือยาที่ทำให้ผิวไวต่อแสง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคืองหลังทำ VBeam Laser
ควรแจ้งแพทย์ทุกครั้งก่อนเริ่มการรักษา เพื่อให้แพทย์ปรับแนวทางที่เหมาะสมและไม่ให้เกิดอันตรายกับผิวที่สุด
Vbeam Laser เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหน
1.รอยสิว รอยแดงจากสิว และสิวอักเสบ
VBeam Laser เป็นหนึ่งในเลเซอร์ที่แนิยมใช้เพื่อลด รอยแดงจากสิวและรอยอักเสบหลังสิวหาย ได้อย่างเห็นผล
พลังงาน VBeam Laser จะเข้าไปทำลายเม็ดสีแดงในบริเวณรอยแดงของสิว ทำให้รอยค่อย ๆ จางลงหลังการรักษา และยังช่วยลดการอักเสบของสิว ทำให้สิวหายเร็วขึ้น
โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ VBeam Laser และเมื่อทำต่อเนื่องเป็นคอร์ส จะช่วยให้รอยแดงจางลงได้อย่างชัดเจน
2.รอยดำ จุดด่างดำ และสีผิวไม่สม่ำเสมอ
แม้ VBeam Laser จะเน้นการรักษารอยแดงเป็นหลัก แต่ก็สามารถช่วยลดรอยดำหรือจุดด่างดำที่เกิดจากสิวหรือแสงแดดได้เช่นกัน
เพราะพลังงานแสงบางส่วนสามารถดูดซับเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ซึ่งเป็นต้นเหตุของรอยดำ ทำให้สีผิวสม่ำเสมอและกระจ่างใสมากขึ้น
นอกจากนี้การกระตุ้นพลังงานใต้ผิวจากเลเซอร์ยังช่วยส่งเสริมการสร้างคอลลาเจน ทำให้
- รูขุมขนกระชับ
- ผิวเรียบเนียนขึ้น
- ใบหน้าดูสดใสขึ้น
3.เส้นเลือดฝอยขยายบนใบหน้า หรือบริเวณขา
VBeam Laser มีประสิทธิภาพสูงในการรักษา เส้นเลือดฝอยที่ขยายตัวผิดปกติ ทั้งบนใบหน้าและร่างกาย เช่น รอยเส้นเลือดบริเวณข้างจมูก แก้ม หรือขา ที่มักเกิดจากการไหลเวียนของเลือดผิดปกติหรือผิวบางจากแสงแดด
เมื่อยิง VBeam Laser พลังงานจะถูกดูดซับโดยผนังหลอดเลือด ทำให้เส้นเลือดค่อย ๆ หดตัวและสลายไปโดยไม่ทำร้ายผิวชั้นบน
นอกจากนี้ VBeam Laser ยังสามารถใช้รักษา รอยโรคที่เกิดจากหลอดเลือด เช่น
- ปานแดง (Port-Wine Stain)
- เนื้องอกของหลอดเลือด (Hemangioma หรือ Strawberry Mark)
ซึ่งมีงานวิจัยทางการแพทย์มากกว่า 300 ฉบับทั่วโลกที่ยืนยันถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการใช้เลเซอร์ชนิดนี้ในการรักษารอยโรคที่มีสีแดง
4.รอยแผลเป็นที่ยังเป็นสีแดงหรือชมพู
รอยแผลเป็นใหม่ ๆ ที่ยังมีสีชมพูหรือสีแดง เช่น
• แผลผ่าตัด
• แผลจากอุบัติเหตุ
• แผลเป็นนูนแดง (Hypertrophic Scar)
สามารถใช้ VBeam Laser ช่วยให้รอยแผลเป็นจางลงได้
พลังงานจาก VBeam Laser จะเข้าไปลดการขยายของหลอดเลือดในบริเวณแผล ช่วยให้รอยแดงค่อย ๆ ลดลง และยังส่งเสริมให้เนื้อเยื่อผิวใหม่เรียบเนียนขึ้น
5.รอยแตกลายที่ยังเป็นสีแดงหรือชมพู
ในช่วงเริ่มต้นของรอยแตกลาย ผิวมักจะมีสีแดงหรือชมพู ซึ่งเป็นระยะที่ยังมีหลอดเลือดขยายตัวอยู่ใต้ผิว
VBeam Laser สามารถเข้าไปลดการอักเสบของเส้นเลือดและช่วยให้สีรอยแตกลายค่อย ๆ จางลง พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวกลับมาเรียบเนียนมากขึ้น
ทำไม Vbeam Laser ถึงช่วยรักษารอยแดงได้ดี
VBeam Laser ยังผสานเทคโนโลยีความเย็นขั้นสูงที่ช่วยปกป้องผิวและเพิ่มความสบายระหว่างทำ ทำให้เป็นหนึ่งในเลเซอร์ที่ให้ผลลัพธ์ดี เห็นการเปลี่ยนแปลงได้เร็ว และไม่อันตราย
1.มาตรฐานสูงสุดของ Pulsed Dye Laser (The Gold Standard of PDL)
VBeam Laser ถูกขนานนามว่าเป็น “The Gold Standard” ของเลเซอร์กลุ่ม Pulsed Dye Laser (PDL) เนื่องจากใช้เทคโนโลยี Advanced Micro-Pulse Technology ที่สามารถปล่อยพลังงานเลเซอร์เป็นจังหวะสั้นและต่อเนื่อง
เทคโนโลยีนี้ช่วยให้แพทย์สามารถเลือกพลังงานและช่วงเวลาการปล่อยแสงได้เหมาะสมกับแต่ละปัญหาผิว โดยเฉพาะปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเส้นเลือดและเม็ดสีแดง ส่งผลให้ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างอ่อนโยนแต่มีประสิทธิภาพ
VBeam Laser จึงสามารถตอบโจทย์การรักษาได้หลากหลาย เช่น
• ฟื้นฟูโครงสร้างผิว (Skin Rejuvenation): กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวเรียบเนียนและแข็งแรงขึ้น
• ลดรอยแดง รอยดำ และความไม่สม่ำเสมอของสีผิว: ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
• ลดรอยเส้นเลือดและรอยโรคที่เป็นสีแดง (Vascular Lesions): เช่น เส้นเลือดฝอย ปานแดง โรซาเซีย หรือรอยแดงจากสิว
2.VBeam Laser มีระบบความเย็นอัจฉริยะ Dynamic Cooling Device (DCD)
จุดเด่นสำคัญอีกประการของ VBeam Laser คือการมีระบบ Candela’s Patented Dynamic Cooling Device (DCD) ซึ่งเป็นระบบทำความเย็นแบบอัตโนมัติที่ช่วยปกป้องผิวในทุกขั้นตอนของการยิงเลเซอร์
ก่อนที่พลังงาน VBeam Laser จะถูกปล่อยออกไป ระบบนี้จะพ่นละอองเย็นเคลือบผิวในทันที ทำให้
• ผิวชั้นบนไม่สัมผัสกับความร้อนโดยตรง
• ลดความรู้สึกแสบร้อนหรือเจ็บขณะทำ
• ป้องกันการไหม้ของผิว
• ช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหลังทำ VBeam Laser
ระบบนี้เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ทำให้ VBeam Laser เป็นเลเซอร์ที่ “อ่อนโยนแต่ได้ผลจริง” และสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวบอบบาง
3.VBeam Laser อ่อนโยนต่อผิว
เมื่อเทคโนโลยี Advanced Micro-Pulse และ DCD ทำงานร่วมกัน จะช่วยให้เลเซอร์มีความจำเพาะต่อเป้าหมาย (Selective Targeting) มากยิ่งขึ้น
หมายความว่า พลังงานเลเซอร์จะถูกส่งตรงไปที่เม็ดสีแดงในรอยโรค เช่น รอยสิวหรือเส้นเลือดฝอย โดยไม่กระทบต่อผิวชั้นบนเลย
Vbeam Laser เหมาะกับใครบ้าง
VBeam Laser เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวที่เกี่ยวข้องกับ รอยแดง เส้นเลือด และการอักเสบของผิว โดยเฉพาะ เพราะเลเซอร์ชนิดนี้สามารถกำหนดพลังงานเฉพาะบริเวณผิวที่มีปัญหา และอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว จึงไม่เป็นอันตรายแม้ในผู้ที่มีผิวบอบบางหรือไวต่อแสง
กลุ่มคนที่เหมาะกับการทำ VBeam Laser ได้แก่
• ผู้ที่มีรอยแดงจากสิวหรือสิวอักเสบ ที่ต้องการให้รอยแดงจางลงเร็วขึ้นโดยไม่ต้องพักฟื้น
• ผู้ที่มีเส้นเลือดฝอยแตกบนใบหน้า เช่น บริเวณข้างจมูก แก้ม หรือคาง
• ผู้ที่มีโรคผิวหนังที่ทำให้หน้าแดงง่าย เช่น โรซาเซีย (Rosacea)
• ผู้ที่มีรอยแผลเป็นสีชมพูหรือแดง จากการผ่าตัดหรืออุบัติเหตุ
• ผู้ที่มีปานแดงหรือเนื้องอกหลอดเลือด (Hemangioma, Port-wine stain)
• ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าให้ดูเรียบเนียนและกระจ่างใส โดยไม่ต้องพักฟื้น
เนื่องจาก VBeam Laser ใช้พลังงานแสง ไม่ทำลายผิวชั้นบนและมีระบบความเย็นช่วยปกป้องผิว
ใครควรหลีกเลี่ยง Vbeam Laser
แม้ว่า VBeam Laser จะเป็นเลเซอร์ที่มีความปลอดภัยสูงและอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว แต่ก็มีบางกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงหรือเลื่อนการทำออกไปก่อน เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
กลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงการทำ VBeam Laser ได้แก่
- ผู้ที่มีแผลเปิด ผิวอักเสบ หรือมีการติดเชื้อบนใบหน้า เช่น สิวอักเสบรุนแรง หรือผื่นแดงระคายเคือง เพราะเลเซอร์อาจกระตุ้นให้ผิวเกิดการอักเสบมากขึ้น
- ผู้ที่เพิ่งโดนแดดจัดหรือมีผิวไหม้แดด ควรรอให้ผิวฟื้นตัวก่อนอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลทางการแพทย์ที่ยืนยันความปลอดภัยในช่วงนี้อย่างชัดเจน
- ผู้ที่ใช้ยาหรือครีมที่ทำให้ผิวไวต่อแสง เช่น ยากลุ่มกรดวิตามินเอ หรือยาบางชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำ VBeam Laser ทุกครั้ง
- ผู้ที่มีประวัติเป็นรอยดำหรือรอยแดงง่ายหลังทำเลเซอร์ เพื่อให้แพทย์ประเมินและปรับค่าพลังงานให้เหมาะสมเป็นพิเศษ
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ Vbeam Laser
การเตรียมผิวให้พร้อมก่อนทำ VBeam Laser เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้การรักษาได้ผลลัพธ์ดีขึ้น และลดความเสี่ยงของการระคายเคืองหรือผลข้างเคียงหลังทำ เพื่อให้ผิวอยู่ในสภาพเหมาะสมที่สุด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
1.ปรึกษาแพทย์ก่อนทำ VBeam Laser ทุกครั้ง
แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิว ปัญหาที่ต้องการแก้ไข และประวัติการใช้ยาหรือการรักษาอื่น ๆ เพื่อกำหนดค่าพลังงานที่เหมาะสมกับผิวของแต่ละบุคคล
2.งดใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์บางชนิดชั่วคราว
ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพริน ยาต้านการอักเสบ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA, BHA, และ Retinol อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ VBeam Laser เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือเลือดออกง่าย
3.หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด
ไม่ควรตากแดดแรงหรือทำให้ผิวไหม้แดดในช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการรักษา เพราะผิวที่ไวต่อแสงอาจเกิดรอยแดงหรือรอยดำหลังทำได้ง่าย
4.ทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจด
ก่อนทำ VBeam Laser ควรล้างหน้าให้สะอาดจากเครื่องสำอาง ครีมกันแดด และสิ่งสกปรก เพื่อให้พลังงานเลเซอร์ซึมผ่านผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5.แต่งกายสบาย ไม่รัดแน่น
เลือกใส่เสื้อผ้าที่หลวมและระบายอากาศได้ดี โดยเฉพาะหากทำเลเซอร์บริเวณลำคอหรือหน้าอก จะช่วยให้รู้สึกสบายระหว่างการรักษามากขึ้น
การดูแลตัวเองหลังเข้ารับบริการ Vbeam Laser
หลังจากทำ VBeam Laser ผิวจะอยู่ในช่วงฟื้นฟู จึงควรดูแลอย่างถูกวิธีเพื่อให้ผลการรักษาเห็นผลชัดเจน และลดโอกาสเกิดการระคายเคืองหรือรอยแดงเพิ่มเติม โดยมีแนวทางการดูแลดังนี้
1.หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง
ผิวหลังทำ VBeam Laser จะไวต่อแสงมากกว่าปกติ ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดจัดในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก และหากจำเป็นต้องออกกลางแจ้ง ควรใช้ร่ม หมวก หรือหน้ากากกันแดดช่วยปกป้องผิว
2.ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน แม้จะอยู่ในอาคาร เพื่อป้องกันการเกิดรอยดำหรือผิวหมองคล้ำหลังทำ VBeam Laser
3.งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ระคายเคือง
ควรงดการใช้ครีมหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ (AHA, BHA) หรือ Retinol อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวฟื้นตัว
4.ไม่ขัดหรือแกะเกาผิวบริเวณที่ทำ VBeam Laser
หากมีอาการบวม แดง หรือสะเก็ดเล็ก ๆ ควรปล่อยให้หายเองตามธรรมชาติ หลีกเลี่ยงการเกา เพราะอาจทำให้เกิดรอยดำหรือแผลเป็นได้
5.เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
ใช้ครีมบำรุงที่มีเนื้อบางเบาและอ่อนโยน เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและลดความแห้งตึงหลังทำ VBeam Laser
6.ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำมากพอจะช่วยให้ผิวฟื้นฟูได้เร็วขึ้นและดูมีความชุ่มชื้นจากภายใน
7.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักชั่วคราว
ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก ควรงดกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เพื่อลดความเสี่ยงต่อการระคายเคืองหรือการติดเชื้อที่ผิว
ผลลัพธ์หลังเข้ารับบริการ Vbeam Laser
หลังการทำ VBeam Laser ผู้เข้ารับบริการมักสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีรอยแดงจากสิวหรือเส้นเลือดฝอยขยาย ซึ่งเลเซอร์ชนิดนี้จะช่วยให้สีผิวค่อย ๆ สม่ำเสมอขึ้นและผิวสุขภาพดีขึ้น
ผลลัพธ์ที่สามารถพบได้ ได้แก่
- รอยแดงจากสิวจางลงอย่างเห็นได้ชัด ภายในไม่กี่วันหลังทำ และเมื่อทำต่อเนื่อง รอยแดงจะค่อย ๆ หายไปเกือบทั้งหมด
- เส้นเลือดฝอยและรอยปานแดงจางลง ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
- สีผิวสม่ำเสมอ กระจ่างใสขึ้น เพราะเลเซอร์ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว
- รูขุมขนแลดูกระชับขึ้น ผิวมีความเรียบและนุ่มขึ้น
ผลข้างเคียงหลังทำ Vbeam Laser
VBeam Laser ถือเป็นเลเซอร์ที่ไม่อันตรายและไม่ก่อให้เกิดบาดแผลบนผิว แต่หลังทำอาจมีอาการตอบสนองของผิวเล็กน้อย ซึ่งเป็นปกติและจะค่อย ๆ หายไปเองภายในไม่กี่วัน
อาการที่อาจพบได้ชั่วคราวหลังทำ VBeam Laser ได้แก่
• ผิวบวมแดงเล็กน้อยในบริเวณที่ทำเลเซอร์
มักเกิดจากพลังงานความร้อนที่ใช้ในการรักษา โดยอาการจะค่อย ๆ ลดลงภายในไม่กี่ชั่วโมงถึง 1 วัน และไม่ทิ้งรอยแผลใด ๆ
• รอยแดงชั่วคราวหลังทำ VBeam Laser
บางรายอาจมีรอยแดงคงอยู่ 2-3 วัน ซึ่งสามารถแต่งหน้าเบา ๆ เพื่อปกปิดได้ตามปกติ โดยไม่กระทบต่อผลการรักษา
• กรณีใช้พลังงานสูงหรือรักษาโรคหลอดเลือดเฉพาะบริเวณ
เช่น การรักษาเส้นเลือดฝอยหรือรอยแผลเป็นนูนสีแดง แพทย์อาจปรับพลังงานให้เหมาะสมกับความลึกของปัญหา ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยแดงเข้มหรือรอยคล้ำเล็กน้อยประมาณ 5-7 วันก่อนที่ผิวจะกลับมาสม่ำเสมออีกครั้ง
อาการเหล่านี้ถือเป็นการตอบสนองตามธรรมชาติของผิวต่อพลังงานเลเซอร์ และสามารถดูแลได้ด้วยการประคบเย็น หมั่นทาครีมบำรุงที่อ่อนโยน และหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงแรกหลังทำ VBeam Laser
ทำ Vbeam Laser กี่ครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์
โดยทั่วไป VBeam Laser สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยเฉพาะรอยแดงจากสิวหรือเส้นเลือดฝอยจะเริ่มจางลงภายในไม่กี่วัน หลังจากนั้นแพทย์มักแนะนำให้ทำต่อเนื่อง ประมาณ 3-5 ครั้ง ห่างกันทุก 3-4 สัปดาห์ เพื่อให้ผลลัพธ์ชัดเจนและอยู่ได้นานขึ้น ทั้งนี้จำนวนครั้งอาจแตกต่างกันไปตามสภาพผิวและความรุนแรงของปัญหาแต่ละบุคคล
Vbeam Laser เจ็บหรือไม่
การทำ VBeam Laser แทบไม่รู้สึกเจ็บ เพราะมีระบบ Dynamic Cooling Device (DCD) ที่พ่นละอองเย็นเคลือบผิวก่อนยิงเลเซอร์ในทุกช็อต ช่วยลดความร้อนและความรู้สึกแสบร้อนระหว่างทำ ส่วนใหญ่จะรู้สึกเพียง “อุ่น ๆ หรือจิ้ดเบา ๆ” บนผิวเท่านั้น จึงถือเป็นเลเซอร์ที่อ่อนโยนและสบายผิวมาก
Vbeam Laser อันตรายต่อผิวหรือไม่
VBeam Laser ไม่เป็นอันตรายต่อผิว เพราะใช้พลังงานแสงในช่วงคลื่นที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวและออกแบบให้ทำงานเฉพาะกับเม็ดสีแดงในเส้นเลือด โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน อีกทั้งยังมีระบบ Dynamic Cooling Device (DCD) ที่ช่วยปกป้องผิวด้วยละอองเย็นในทุกช็อต ทำให้ลดความร้อนและความระคายเคืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวบอบบาง
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับ Vbeam Laser
VBeam Laser คือเลเซอร์ที่ออกแบบมาเพื่อลดรอยแดง รอยสิว เส้นเลือดฝอย และรอยแผลเป็นสีชมพูได้อย่างไม่เป็นอันตรายต่อผิว ด้วยเทคโนโลยี Micro-Pulse และ Dynamic Cooling Device (DCD) ที่ให้พลังงานเลเซอร์ถูกส่งไปยังบริเวณผิวโดยตรง พร้อมระบบความเย็นปกป้องผิว ทำให้รู้สึกสบายขณะทำ ไม่ต้องพักฟื้น และเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรก แต่ VBeam Laser ต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างถูกวิธี สามารถจองคิวเพื่อนัดปรึกษาคุณหมอได้เลย
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ